[SF] Eve Night (MarkSon)

Eve Night
Mark x Jackson








เทศกาลคริสต์มาส...เทศกาลที่หลายคนต่างเฝ้ารอเพื่อเฉลิมฉลองความสุขในวันใกล้ส่งท้ายปีใหม่ เป็นเทศกาลที่ไม่เพียงแต่คนที่นับถือเท่านั้นที่จะเฝ้ารอ แม้คนต่างศาสนาก็เฝ้ารอเช่นเดียวกัน ลูกโป่ง สายรุ้ง ของขวัญหลากหลายสีสันถูกตกแต่งไปทั่วทุกมุมเมือง มองไปทางไหนก็เห็นความสดชื่นและร่าเริง พนักงานหลายในหลายๆ ร้านสวมหมวกแซนต้าแซนตี้สีแดงพร้อมรอยยิ้มมอบให้ลูกค้าอย่างเช่นทุกวัน

          วันนี้เป็นวันที่ 24 ธันวาคม เป็นวันคริสมาสต์อีฟ จริงๆแล้วแจ็คสันควรไปอยู่ที่โบสถ์สักแห่งเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาไปจนถึงเที่ยงคืน และในบางปีเขาอาจเฝ้ารอจนถึงตอนเช้าพร้อมกับครอบครัว

ถ้าไม่ใช่ว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่กับที่บ้าน และที่นี่ก็ไม่ใช่บ้านเกิดเมืองนอนของเขา...

แจ็คสัน หวัง นักศึกษาปริญญาโทเอกดนตรี เป็นชาวฮ่องกงมาแต่กำเนิด ดั้นด้นข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนโทที่แอลเอหวังว่าจะเดินทางสายดนตรีตามที่ตัวเองคาดหวังไว้ ซึ่งจริงๆแล้วเขาเหลืออีก 2 ปีในการเรียนให้จบ แม้จะมีปัญหาการเหยียดชาติบ้างตอนเข้ามาแรกๆแต่ตอนนี้เขาก็ปรับตัวกับเพื่อนได้ดี

จริงๆแจ็คสันไม่มีปัญหากับการใช้ชีวิตที่นี่เลย แต่ว่าการห่างไกลบ้านนานๆ แถมวันนี้ยังเป็นวันที่เขาเคยมีความทรงจำแสนอบอุ่นกับครอบครัว เลยไม่แปลกนักว่าตอนนี้เขาเกิดอาการ Home Sick ขึ้นมานิดๆ

นิ้วขาวใต้ถุงมือไหมพรมสีดำขยับผ้าพันคาขึ้นปิดจมูกและปากของตัวเอง ก้มหน้าหลบลมเย็นเยือกในหน้าหนาวผ่านห้างร้านที่ต่างก็ออกมาโฆษณาเชิญชวนสร้างสีสันให้ย่านการค้านี้คึกคักกว่าทุกวัน รอบตัวเขาถ้าไม่มาเป็นครอบครัว ก็จะเป็นคู่รักเดินกระหนุงกระหนิง มองไปแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ มือเล็กกระชับถุงจากซูเปอร์มาร์เก็ตก้าวเท้าทีละก้าวอย่างไม่รีบร้อนนัก

เอาน่า... ตอนนี้คงยังไม่มา เขามีเวลาอีกมากในการเดินชมวิวทิวทัศน์และเตรียมอาหารมื้อเย็น

แจ็คสันใช้เวลาเดินจากช็อปปิ้งสตรีทกลับมาที่หอพักไม่ถึงสิบนาที ทาวเฮาส์หลังใหญ่ก่อด้วยอิฐสีน้ำตาลดูเคร่งขรึมคลาสสิก ประตูไม้อัดสีดำติดหมายเลขที่บ้านสีขาวเอาไว้ชัดเจน

แจ็คสันชอบจะมองดูความเปลี่ยนแปลงไปของแต่ละบ้านแต่ละวัน เช่น วันนี้คุณนายสตรีคไม่ได้เอาถุงขยะมาไว้หน้าบ้าน เจ้าโทนี่สุนัขบ้านคุณดอรี่ไม่ถูกทำโทษมาผูกไว้ที่รั้วแปลงดอกไม้ หรือวันนี้คุณจอร์ชไม่ได้กลับบ้านเพราะอาจทำงานล่วงเวลาที่บริษัท

รองเท้าสนีคเกอร์สีแดงดำหยุดลงหน้าประตู 612/69 ไขประตูแล้วรีบหลุบตัวเข้าหาความอบอุ่นจากในบ้าน ควานหาสวิสซ์ไฟเปิดให้พอได้เห็นทางเดินไปจนถึงห้องครับลึกไปถึงด้านหลัง โยนถุงจากซุปเปอร์ลงบนเคาน์เตอร์ คุ้ยหาแพ็คไข่ ยุกยิกๆหน้าเตาสักพักก็ได้ไข่ดาวน่าทาน ตักจ้วงไปหนึ่งใบ ทิ้งอีกใบไว้ในจานสีขาว ทำรอเผื่ออีกคนที่ยังไม่กลับมา

เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คเวลาถ่ายทอดสดแข่งบาสรอบพิเศษก็เห็นว่าใกล้เต็มที หยิบเอาขนมปังกรอบยี่ห้อโปรดกับขวดแป๊ปซี่ไปทิ้งตัวนอนบนโซฟาหน้าทีวี เปิดให้ภาพเคลื่อนไหวไปเรื่อยๆตามที่มันควรจะเป็น

กรุบ!

ฟันกระต่ายขาวกัดขนมปังกรอบเคลือบน้ำตาลยี่ห้อดังดังก้องห้องเงียบในจังหวะทุกคนในสนามลุ้นจนไม่ได้ยินเสียงเชียร์ใด เศษขนมร่วงเปื้อนเสื้อกล้ามสีดำกระจายเป็นวงกว้าง แต่ดวงตากลมยังจดจ้องอยู่กับการถ่ายทอดสดบาสตรงหน้าตน ไม่คิดสนใจจะปัดหรือหาอะไรมาเช็ด จะมีเหลือบมองดูเวลาเป็นระยะๆเพื่อรอคอยใครบางคนให้กลับห้อง

“สามทุ่ม...”เอ่ยพึมพำกับตัวเอง ขยับตัวราบกับโซฟาหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาเตรียมกดเบอร์คนที่กลับดึกกว่าทุกวันอย่างนึกเป็นห่วง แต่ไม่ทันจะได้กดโทรออก ประตูใหญ่ก็ถูกเปิดเข้ามาก่อน ดวงตากลมหันขวับ ลุกขึ้นเดินไปหาคนที่ยิ้มอ่อนๆท่าทางเหนื่อยล้าส่งมาให้

“กลับช้าจัง”เจ้าของเสียงห้าวบ่นไม่จริงจังนักพลางยื่นมือไปรับกระเป๋าทำงานของอีกคนมาถือไว้ ผู้ร่วมห้องอีกคนแค่ยิ้มตอบรับคำบ่นประสาคนไม่ค่อยพูด ก้มตัวถอดรองเท้าเก็บไว้ในตู้ ยืดตัวหมุนเอวไปมาคลายความเมื่อย ยื่นมือจะฉวยเอากระเป๋าตัวเองคืนมาแต่คนตัวเล็กกว่ากลับยึดมันไว้แนบอก ดวงตากลมหรี่ดุ

“ไปกินข้าวก่อนไป ผมจะเอาไปเก็บให้”

“กากากินแล้วเหรอ”

คนโดนเรียกด้วยชื่อเล่นแสนน่ารักแค่พยักหน้าขึ้นลงแล้วเดินหนีเข้าห้องไปเก็บของให้มาร์คที่ยิ้มมองตามหลังคนรักตัวเองไป

ออกมาอีกทีก็เห็นอีกคนกำลังยืนหน้าเคาน์เตอร์ครัว กลิ่นหอมฉุยคับคล้ายคับคลาจะเป็นมาม่าชีทหมูสูตรคุณต้วน ทำให้แจ็คสันหลุดส่งเสียงอ้าวออกมาด้วยความแปลกใจ

“ไข่เจียวกินไม่ได้แล้วเหรอ?”

มาร์คหันกลับมามองแล้วส่ายหน้า

“แค่อยากกินอะไรร้อนๆหน่อยน่ะ ต้มเผื่อกากาด้วยนะ”

“ขอบคุณ...นี่เหนื่อยมากอ่ะดิ ปกติกินง่ายจะตาย”

“พี่ว่าพี่กินยากนะ”อีกฝ่ายกลั้วหัวเราะ มือก็ใช้ตะเกียบตีเส้นมาม่าให้แยกจากกัน

ไม่นานมาม่าน่ากินสองชามก็ถูกวางบนโต๊ะ เจ้าของห้องทั้งสองคนนั่งทานพลางพูดคุยสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาคนที่นานๆจะได้มีเวลาพูดคุยกันแบบนี้ เพราะเวลาก็ไม่ตรงกันทั้งคู่

“เออ...กินอย่าอิ่มมากนะ เดี๋ยวผมจะนวดให้”

“ไม่ทันแล้วไหมกากา”

“อ้าว อิ่มเร็วจัง เออ งั้นไปอาบน้ำก่อนเลยไป”

“นั่งให้ย่อยก่อนสิ”มาร์คส่ายหน้า ดันถ้วยตัวเองออกจากตัวเป็นเชิงให้แจ็คสันเป็นคนเก็บ คนตัวเล็กก้มหน้าบ่นพึมพำแต่ก็ยอมเก็บให้อยู่ดี

มาร์คลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอนไปอาบน้ำ ทิ้งคนตัวเล็กจัดการเทเศษอาหารลงถุงมัดทิ้งขยะ แช่ถ้วยชามไว้ในซิงก์เผื่อล้างวันพรุ่งนี้...หรือวันไหนก็ได้ที่มีอารมณ์อยากล้าง

พวกเขาเป็นผู้ชายทั้งคู่ ดังนั้นเรื่องงานบ้านเลยไม่มีใครเคร่งครัดกฎกันมากนัก ส่วนมากก็ผลัดกันทำ ใครเห็นแล้วทนไม่ไหวเดี๋ยวก็ลุกมาทำเอง ไม่มีหน้าที่ใครเป็นพิเศษ เพราะกว่าจะกลับมาจากการทำงานก็เหนื่อยกันทั้งคู่แล้ว

แจ็คสันทำงานพาร์ททามเป็นพนักงานขายอยู่ห้างใกล้ๆ เพราะไม่อยากจะรบกวนเงินที่บ้านเยอะ ป.โทใช่ว่าจะได้ใช้เงินน้อยเสียเมื่อไหร่ ยังดีว่ามีเวลาเลิกงานแน่นอนแถมยังเดินทางกลับง่าย ส่วนมากก็จะกลับมาห้องก่อนมาร์คที่ทำงานเป็นพนักงานเงินเดือน ตำแหน่งกลางๆ บางวันต้องทำ OT ดึกดื่น แถมบริษัทยังอยู่ไกลจากที่พักด้วย

เขาจัดการเก็บห้องหมดแล้วก็หันซ้ายขวาดูความเรียบร้อยของห้อง ถ่ายทอดสดบาสจบไปแล้ว ข้าวเย็นก็กิน (ไปสองรอบ) แล้ว ห้องก็ล็อกแล้ว จานค่อยเก็บพรุ่งนี้...เช็ครายการสิ่งที่ต้องทำในหัวก็สรุปว่าทำหมดแล้ว

“กากา”มาร์คเรียกมาจากข้างในห้องนอน

“ว่าไง”ตอบรับขณะเดินไปปิดไฟในห้องใหญ่ ฝ่าความมืดเข้าห้องนอนที่มีมาร์คนั่งเช็ดผมอยู่ปลายเตียง

“เห็นนานเข้ามา”คนอายุมากกว่าบอก มือเรียวเช็ดผมลวกจนหยดน้ำกระเซ็นโดนขาคนมาใหม่

“กระเซ็นหมดแล้ว”

“งั้นมาเช็ดให้หน่อยสิ”เงยหน้ามองอีกคนอ้อนๆ แล้วแจ็คสันก็แพ้ทางท่าทางอย่างนั้นของมาร์คทุกที

คนตัวเล็กปีนเตียงขึ้นไปนั่งคุกเข่าด้านหลังแผ่นหลังกว้างใต้เสื้อกล้ามสีขาวสะอาด มองมันนิ่งๆพักนึง ถึงเลื่อนสายตาขึ้นมามองผ้าขนหนูผืนเล็กบนเรือนผมสีเข้มที่เปียกโชก

“ถ้าผมเปียกขนาดนี้ก็ไม่น่ามานั่งบนเตียงไหมล่ะ”บ่นเบาๆอย่างอดไม่ได้ แต่นิ้วเล็กก็ยังขยุมผ้าผืนเล็กซับหยดน้ำบนศีรษะได้รูป ทำอย่างอ่อนโยนเหมือนอย่างที่อีกคนทำให้เขาตลอด ถ้าเป็นคนอื่นได้โดนเขาโยกหัวหลุดไปแล้วล่ะ

“หอมจัง”จู่ๆมาร์คก็พูดขึ้น ขยับตัวพลิกกลับมานั่งหันหน้าเข้าหาคนตัวเล็กที่ละมือออก

“ยังไม่แห้งเลย”

“อืม แค่เปลี่ยนท่า”

แค่...เปลี่ยนท่า...แจ็คสันอยากถามเหลือเกินว่ามันแค่ตรงไหนกัน ดึงเอวเขาไปนั่งซ้อนขาตัวเองแบบนี้ แถมยังจะมากอดแล้วซุกใบหน้าลงกับหน้าท้องเขาอีกต่างหาก

...ใจจะกระเด้งออกจากอกแล้ว...

“หอมจริงๆด้วย”

“มักมาก”แจ็คสันบ่นทั้งหน้าแดงระเรื่อ ลงน้ำหนักมือเช็ดผมหนักกว่าเดิมด้วยความหมั่นไส้ แต่คนโดนบ่นไม่มีท่าทีสำนึกผิด แถมยังหัวเราะไม่รู้ร้อนรู้หนาวไปอีก

“ยังไม่ทำอะไรเลย”มาร์คแก้ตัว แต่ไอ้ปากที่กำลังไล่งับตรงหน้าท้องชวนจั๊กจี้นั่นมันไม่ได้สอดคล้องกับคำโกหกเลยนะมาร์ค...

ตากลมกลอกไปมา รีบขยุ้มหัวเช็ดผมอีกคนจนหัวโยกด้วยความหมั่นไส้เบอร์สาม มาร์คทั้งหัวเราะทั้งร้องโอ๊ยๆอย่างกับคนบ้า เอากับเขาสิ

พวกเราหยอกเอิน (?) กันสักพักแจ็คสันก็ผละตัวออกมาก่อนที่เสื้อกล้ามสีดำจะโดนเด็ดออกจากตัว

“ไหนว่าจะนวดให้พี่ไง”มาร์คทวง คนตัวเล็กกว่าชะงักเท้าที่กำลังจะลงจากเตียง หันไปมองนาฬิกาข้างเตียงบอกเวลาห้าทุ่มก็หันไปส่ายหน้าปฏิเสธ

“ดึกแล้ว นอนดีกว่า”

“พรุ่งนี้หยุดแล้ว นวดให้พี่หน่อยนะครับ”

“เอาแต่ใจว่ะ”

มาร์คไม่พูดอะไรแต่นอนคว่ำลงบนเตียง ส่งสายตาเชิงบังคับมาให้ แจ็คสันเลยทำได้แค่ยักไหล่แบบช่างมันเถอะ แล้วปีนขึ้นเตียงอีกรอบ ก้าวขาคร่อมร่างมาร์ค กดนิ้วดังกร๊อบๆ

“ทับให้แบนเลยดีไหม”เสียงห้าวถามเจือล้อเล่น กดสะโพกนั่งบนหลังเอวคนด้านใต้

“ใจร้ายจัง เวลาพี่ทับกากา พี่ยังทำให้มีความสุขเลยนะ”

ปัก!

“โอ๊ย!

“เกินไปล่ะ เดี๋ยวได้บีบคอแทนนวดหรอก”

“ขอโทษครับๆ หึหึ เขินแรงนะเราน่ะ”

“ถ้ายังไม่หยุดแซวจะไปนอนล่ะนะ”

แล้วมาร์คก็เงียบไปได้สักที

แจ็คสันมองแผ่นหลังกว้างอย่างพิจารณา เหม่อไปสักพักถึงได้รู้ตัว กระพริบตาปริบๆเรียกสติ เริ่มนวดไหล่เป็นที่แรก

“ไหล่พี่แข็งชะมัด นี่นั่งทำงานทั้งวันเลยใช่ไหม เกร็งแย่เลย...อะๆ อย่าเล่นมุขเสื่อมๆ ไม่งั้นโดนเข่าแน่”

“รู้ทันนะ”มาร์คหัวเราะ นอนเงียบให้ฝ่ามือเล็กกดนวดตามแนวไหล่ หลับตาผ่อนคลายกล้ามเนื้อจากการทำงานมาทั้งวัน แถมยังกลิ่นหอมอ่อนๆจากอีกคนช่วยบรรเทาอีก

“อืม...”

แจ็คสันชะงักมือนิดหน่อยตอนได้ยินเสียงครางทุ้ม ก่อนไล่ขึ้นกดคลึงที่หลังคอเรื่อยลงมาตามแนวสันหลังถึงช่วงเอวผอม

...ช่วงนี้พี่ผอมลงนะ ไปทำงานได้กินข้าวบ้างรึเปล่าเนี่ย...

บ่นในใจพลางทำหน้าบู้บี้แต่ไม่พูดออกไป เพราะถ้ามาร์คได้ยินคงไม่พ้นต้องโกหกเพื่อให้เขาสบายใจแน่

มาร์คทำงานหนักมาก ภาระหน้าที่ของการทำงานแบบเลื่อนขั้นเงินเดินเร็วๆนั้นมีผลดีก็ย่อมมีผลเสีย มาร์คเป็นคนเก่ง เป็นที่รักของเจ้านาย ได้รับการไว้วางใจให้ทำหลายงานจนประสบความสำเร็จได้เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วกว่าคนวัยเดียวกันเท่าตัว แต่เพราะอย่างนั้นงานเลยหนักเอามากๆ

“ขนาดวันสุดท้ายของปียังทำงานงกๆเลยนะพี่น่ะ”

“ห่วงล่ะสิ”

“อืม...นี่แฟนนะ ไม่ห่วงได้เหรอ ผอมลงเยอะเลย”

“...”

“อ้าว แล้วเงียบ”

“ชอบทำให้เขินนะเราน่ะ”

“เอ๋”คนตัวเล็กยิ้มย่อง หยุดมือที่กำลังนวดเปลี่ยนเป็นก้มหน้าเข้าไปใกล้ๆคนเป็นพี่แทน “เขินเหรอ ดูหน้าหน่อยๆ”

“กากา ไม่เล่นน่า”

“ดูหน่อย ๆ อ๊ะ”

คนตัวเล็กร้องโอ๊ะเสียงดังเพราะจู่ๆมาร์คก็ลุกขึ้นกะทันหัน เกือบหงายแล้วถ้าไม่ใช่เพราะอ้อมแขนแข็งแรงดึงเขากลับมานอนเบ๊บอยู่บนฟูก ...พร้อมสัมผัสนุ่มหยุ่นบนริมฝีปากแผ่วเบา

“///”

“หน้าแดงเหมือนกันแล้วนะ”

แจ็คสันเม้มปากแน่นไม่ตอบโต้อะไร จริงๆมันควรจะชิน แต่เล่นจู่โจมกะทันหันแบบนี้ก็อดเขินไม่ได้เหมือนกัน “จะนอนแล้ว ไปปิดไฟให้ด้วย”

มาร์คหัวเราะในลำคอ รู้ทันคนเขินแล้วเปลี่ยนเรื่องหนี ยิ่งเห็นคนตัวเล็กกระดึ๊บเข้าผ้าห่มอย่างน่ารักแล้วก็อยากกอดฟัดไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว แต่เห็นว่าดึกแล้วเลยลุกขึ้นไปปิดไฟตามที่คนรักสั่ง เดินฝ่าความมืดไปไม่กี่ก้าว จู่ๆคนตัวเล็กก็ลุกขึ้นมาแล้วกอดเขาหมับ

“กากา!

มาร์คร้องขึ้นมา เพราะแจ็คสันดึงเขาให้โถมลงไปทั้งตัว ถ้าไม่ใช่ว่ายั้งมือทันคนตัวเล็กคงโดนเขาทับไปแล้ว แต่คนต้นเหตุกลับทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ แถมหัวเราะฮี่ ๆ ได้น่าหมั่นเขี้ยว

“วันนี้วันคริสต์มาสอีฟ”

“หืม?”

“ก็อยากจะให้ของขวัญ”

“ของขวัญ?...เฮ้ย!

มาร์คโดนแจ็คสันดึงลงไปนอนหงายกับฟูก ในขณะที่คนตัวเล็กขึ้นคร่อมแทน แสงไฟกระพริบจากด้านนอกสาดเข้ามากระทบใบหน้าคมหวานที่ยิ้มพราย ดวงตากลมหรี่ลงอย่างยั่วยวน บ่งบอกถึงเจตนาบางอย่างที่ทำเอาชายหนุ่มแอบหน้าร้อน เพราะนานๆทีคนรักจะเล่นบทบาทแบบนี้ขึ้นมาสักที

“เอาไหม?”

“คิดว่าพี่จะปฏิเสธไหม?”ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ดวงตาวาววับจดจ้องคนรักที่ตอนนี้ร่นเสื้อออกจากตัวไปช้าๆ เผยให้เห็นผิวขาวสว่างตัดกับความมืดมิดราวกับดวงดาวที่ส่องประกายท่ามกลางความมืดของราตรีกาล ดวงตากลมใสสว่างยิ่งกว่าดาวประดับต้นไม้ใดๆบนโลก ยิ่งริมฝีปากอิ่มสวยสีแดงเรื่อราวกับลูกเชอร์รี่บนฟองสีขาวฟูๆ ทั้งหมดของแจ็คสันงดงามยิ่งกว่าของขวัญชิ้นไหนที่เขาเคยเจอ...

“ก็คิดว่า”เสียงแหบพร่ากระซิบแผ่วเบาข้างริมฝีปากคนเป็นพี่ กระตุกยิ้มพลางเลื่อนมือจากไหล่แข็งแรงลงไปที่เหนือชายขอบกางเกงคนด้านล่าง

“ไม่ให้ปฏิเสธ”

.

.

.

.

.

มาร์คตื่นขึ้นมาอีกทีตอนรุ่งสางด้วยความเคยชิน ไม่กล้าจะขยับตัวมากเพราะแจ็คสันนอนหนุนแขนเขาอยู่ เมื่อคืนตื่นเต้นกับการแกะของขวัญที่ห่างหายนานไปหน่อยเลยเผลอเอาแต่ใจกับคนรักจนล่วงเลยไปถึงตีหนึ่งกว่าๆ ไม่ต้องเดาเลยว่าคนตัวเล็กคงจะตื่นมางอแงแน่ๆ

แต่จะโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะแจ็คสันเป็นคนเริ่มเอง

“ของขวัญเหรอ?...หึ มาให้ลัดหน้ากันแบบนี้ จะชอบของขวัญของพี่ไหมนะ...เด็กดื้อ”

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ จูบหัวทุยด้วยความรักและเอ็นดู เลื่อนสายลงไปมองของขวัญที่เขาแอบให้อีกฝ่ายไปเมื่อคืนตอนที่อีกคนหลับไปแล้ว

แหวนสีเงินเกลี้ยงบนนิ้วนางข้างซ้าย...แบบเดียวกับเขา

จริงๆเขาตั้งใจจะให้วันนี้ แต่ในเมื่อแจ็คสัน ให้ ของขวัญมาแล้ว เขาก็ต้องให้ของขวัญคืนไปจริงไหม? แล้วในเมื่อเขาเป็นพี่ จะให้ทั้งทีคงไม่ให้แต่หนึ่งอย่าง

มาร์คมองตั๋วบินไปกลับฮ่องกงบนหัวเตียงแล้วยิ้มให้กับตัวเอง จริงๆเขาวางกะให้แจ็คสันเห็นตั้งแต่เมื่อคืน แต่กลายเป็นว่าอีกคนไม่ทันได้เห็นก็ขอให้ปิดไฟก่อน น่าเสียดาย ไม่อย่างนั้นคงได้เห็นเด็กน้อยคิดถึงบ้านยิ้มกว้าง ตาเป็นประกายด้วยความสุขแน่ๆ

“ตื่นมาค่อยจัดกระเป๋าแล้วกันนะคนดี”














---------------------------------
ความแต่งอะไรออกมา คิดไม่ออก เอ๋อมาก บอกไม่ถูก เรียกว่าฟิคเหรอ งงไปแล้ว วิจัยทำพิษ นี่ยังพูดภาษาคนอยู่ใช่ไหม งง ฮืออออออ
ขอโทษที่อ่านแล้วไม่ฟินหรือภาษางงกว่าเดิมนะคะ ไม่ได้แต่งมา...//นับนิ้ว เกือบปีป่ะ...เฮือก! เอามาแปะให้รู้ว่าไม่ได้หายไปไหนนะ ยุ่งมากจริงๆ ขอโทษที่จะหายไปอีกสักพัก จนกว่าจะเคลียร์ตัวเองเสร็จ จะกลับมาจริงๆ (ถ้ายังมีคนรออยู่อ่ะนะ แงงงง ขอโทษค่ะ)
ขอบคุณและขอโทษในความเผาไปของฟิคค่ะ//กราบ


จาก Silverfeather29 ไรท์เตอร์คนเดิม เพิ่มเติมคือฝึกสอนและเป็นนุช...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*