[SF] SMUT [MARKSON]

TITLE: SMUT
COUPLE: MARK x JACKSON [MarkSon]
RATE: NC-18
WORD: 4,854
BY: Silverfeather29 /@silverfeather29/
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------





SMUT







          แฟ้มเอกสารถูกโยนลงบนพื้นพรมตรงหน้าชายหนุ่มที่กำลังตัวสั่นเทา ไม่กล้าเงยหน้ามอง เจ้านายที่กำลังหมุนปากกาเล่นไปมาอยู่บนเก้าอี้ทำงาน ห้องทั้งห้องเงียบเชียบน่าอึดอัดราวกำลังลงโทษคนทำผิดพลาดด้วยความเงียบอันน่าสะพรึงกลัว ดวงตาสวยหลับลงอยู่เกือบนาที ลืมขึ้นมองลูกน้องตรงหน้าตัวเองด้วยสายตาเย็นชาเรียบเฉยไม่สามารถเดาทางออกได้ มือเรียวสวยตวัดปลายปากกาขึ้นลงคล้ายเป็นสัญญาณบางอย่างในอากาศ

ปัง!

“อ๊ากกกก!!!”ลูกตะกั่วเจาะเข้าขาซ้ายคนหน้าโต๊ะจนล้มกลิ้งลงไปกับพื้น โลหิตสีสดไหล่เลอะพรมสีแดงเลือดหมู เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังออกไปด้านนอก

“ส่งไปห้องสีขาว”

เพียงแค่ได้ยินชื่อสถานที่ที่ตนถูกส่งไป คนบนพื้นก็ร้องโหยหวนขอความเมตตา

“ไม่นะ ท่านมาร์ค ผมขอโทษครับ ได้โปรด ให้โอกาสผมอีกสักครั้ง ท่านมาร์ค! ท่านมาร์ค!

ชายหนุ่มเจ้าของนาม มาร์คมองร่างลูกน้องตนถูกหิ้วปีกออกไปด้วยแววตาเรียบเฉยไม่ยี่หระต่อสิ่งใด มือเรียวปักปากกาลงบนกระดาษเวลาเดียวกับประตูห้องทำงานถูกปิดลงคล้ายสัญญาณจบของคำสั่งทั้งมวล

“แจ็คสัน”

ชายหนุ่มในชุดเสื้อสูทสีดำเรียบๆเดินออกมาจากหลังโต๊ะของเจ้านาย มือขวาใต้ถุงมือหนังปรากฏปืนเซมิออโต้กระบอกเล็กเหมาะมือเจ้าของ เดาได้ไม่ยากว่าลูกตะกั่วเมื่อกี้ใครเป็นคนลงมือ ดวงหน้าขาวเค้าโครงดุเข้ม จมูกเป็นสันปลายโด่งรั้น ริมฝีปากแดงสดราวกับโลหิต ดวงตากลมหลุบลงมองพื้นอย่างนอบน้อม

“ปล่อยปืนลง แล้วมานี่”

ริมฝีปากแดงก่ำขบกัดเพียงเล็กน้อย ก้มหน้าอย่างรู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป มือปล่อยกระบอกปืนลงพื้น ก้าวเข้าไปหาเจ้านายอย่างเชื่องช้า

ดวงตาสวยจับจ้องชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเป็น ลูกน้องคนสนิทที่สุดของตน เปรียบเสมือนแขนขาที่ขาดไม่ได้ ทั้งในเรื่องของงานหรือเรื่องอื่น...

“ฉันกำลังหงุดหงิด”

“...ครับ”ตอบรับสั้นๆในลำคอ คุกเข่าลงบนพื้นต่อหน้าชายหนุ่มหน้าสวยที่นั่งอ้าขาอย่างแฝงวัตถุประสงค์ซึ่งแจ็คสันรู้ดี มือใต้ถุงมือหนังปลดเข็มขัดหนังราคาแพงตามด้วยรูดซิปกางเกงแสลกชั้นดีแยกออก นิ้วเกี่ยวรั้งขอบชั้นในลงมาเผยส่วนอ่อนไหวของชายหนุ่มที่หัวเราะหึในลำคอ

“ยังจะอายอะไรอีก”

“ขอโทษครับ”เอ่ยขอโทษ สูดลมหายใจก้มหน้าใช้ปากครอบครองส่วนอ่อนไหวตรงหน้า หลับตาลงปรนเปรอให้ผู้เป็นเจ้านายอย่างไร้ทางขัดขืน เรียวลิ้นไล้เลียกลั้นใจคิดว่ามันเป็นเพียงขนมแท่ง ใช้เรียวลิ้นและริมฝีปากดูดรั้งพยายามไม่ให้ฟันขาวขบลงไปโดน

...เขารู้ดีว่าถ้าทำพลาดตนจะโดนทำโทษเช่นไร...

“อืม แบบนั้น ดี อืม”เสียงครางต่ำพึงพอใจของชายตรงหน้าเร่งให้เรียวลิ้นเล็กทำงานเร็วขึ้น แต่เหมือนจะทันใจสักเท่าไหร่

“อื้อ!”ร้องประท้วงมือเรียวที่ดันศีรษะตนบังคับให้ดูดกลืนสิ่งนั้นเข้ามาลึกเข้ามาในลำคอ ของเหลวอุ่นร้อนทะลักเข้ามาในโพรงปากและลำคอ รีบสะบัดหน้าไอโขลกคายของในปากออกจนแสบคอ  

“ใครอนุญาตให้นายคาย”

เฮือก!

สะดุ้งวาบด้วยความตื่นตระหนก น้ำเสียงทุ้มต่ำเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

...ทำให้มาร์คไม่พอใจอีกแล้ว...

มือเรียวกระชากร่างคนบนพื้นขึ้นมาเหวี่ยงเข้าผนังดังโครมใหญ่ แจ็คสันกลั้นเสียงร้องในลำคอ เพราะรู้ดีว่ามาร์คไม่ต้องการเห็นเขาแสดงความเจ็บปวดให้เห็น เสื้อเชิ้ตตัวในถูกกระชากออกเพียงครั้งเดียว กระดุมหลุดออกจากรังดุมเกือบทั้งแถบเผยแผ่นอกและหน้าท้องเป็นลอนสวยขาวเนียน มือเรียวเลื่อนขึ้นไปปลดเนกไทสีเทาออกจากคอเสื้อที่ถูกจัดการแล้ว ดึงเลื่อนมันออกมาจากช่องคอเสื้อช้าๆราวกับกำลังเล่นสนุกกับความอับอายของคนที่ยังยืนพิงผนังนิ่งตั้งแต่เมื่อครู่

“ต้องให้ฉันบอกทุกอย่างอีกรึไงว่าควรต้องทำยังไงต่อ”

เสียงทุ้มของคนใจร้ายเอ่ยสั่งอีกครั้ง มือเรียวกระชับเนคไทสีเทาแน่นกระตุกเบาๆให้มันหลุดออกจากเงื่อน ปล่อยคลายเสื้อเชิ้ตสีขาวให้คลายลงมาเห็นแม้กระทั่งยอดอกสีอ่อน

มือใต้ถุงมือหนังสีดำเลื่อนจับหัวเข็มขัดปลดออก เช่นเดียวกับกางเกงแสลกสีดำที่ถูกปล่อยร่วงลงไปกองบนข้อเท้า ตามด้วยบอกเซอร์และกางเกงในตัวบาง

มาร์คจับจ้องเรือนร่างเกือบเปลือยของคนตรงหน้าอย่างพอใจ

“หันหลัง ยกมือไขว้หลัง”

แม้จะกลัวจนตัวสั่นแต่แจ็คสันก็ทำตามอย่างไม่อิดออด ยังดีกว่าขัดใจแล้วให้มาร์คอารมณ์เสียยิ่งกว่านี้ ข้อมือถูกรัดด้วยเนกไทของตัวเอง หลับตากัดปากกลั้นความรู้สึกอับอายยามถูกอีกคนจับสะโพกเปลือยแน่นของตัวเอง นิ้วเรียวสอดแทรกเข้าช่องทางด้านหลังอย่างจาบจ้วง

“นายมีถุงยางไหม?”

แจ็คสันส่ายหน้าเป็นคำตอบ นอกจากปืนและกระสุนแล้วแจ็คสันไม่เคยพกสิ่งใดติดตัว มาร์คก็รู้แต่เหมือนว่าร่างสูงจะทำเป็นลืม

“หัดพกซะบ้าง ถ้าไม่อยากเจ็บตัวซ้ำๆ”

รู้ว่ามันเป็นคำต่อว่าแต่คนโดนกระทำกลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจแปลกๆ ก่อนวินาทีต่อมาจะต้องโอดครวญเพราะความเจ็บปวดอย่างร้ายกาจจากการสอดใส่ที่ไร้ตัวช่วยใดๆ ท่อนเอ็นแข็งถูกดึงดันเข้ามาในช่องทางแน่นฟิต กายส่วนบนแนบกำแพงกัดฟันข่มความทรมาน จิกนิ้วบนฝ่ามือตัวเองแน่น ร้องครางลั่นเมื่อมือเรียวจับสะโพกเขาไว้มั่นแล้วดันเข้ามาในครั้งเดียว

น้ำตาไหลรินทรมานจากการถูกกระแทกกระทั้นอย่างเอาแต่ใจ ผนังช่องทางตอดรัดร่างสูงแน่น เสียงครางทรมานของคนโดนกระทำไม่ได้ทำให้คนด้านหลังลดความรุนแรงลงแม้แต่น้อย กลับยิ่งบีบดึงสะโพกขาวเข้าหาตัวเคลื่อนไหวเข้าออกตามใจ ตัวครึ่งบนของแจ็คสันครูดลงมากับผนังตามการถูกชักนำเบื้องล่าง หน้าอกกระแทกผนังแข็งจนรู้สึกเจ็บ กัดปากกลั้นเสียงครางเจ็บก้มหน้ายอมรับการกระทำของร่างสูงไปเรื่อยๆ เพราะถึงเขาจะบอกออกไปก็ใช่ว่ามาร์คจะยอมทำตาม

มาร์คไม่เคยสนใจความรู้สึกเขาเวลามีอะไรกัน คนตัวสูงก็แค่คิดว่าเขาคือเครื่องระบายอารมณ์ก็เท่านั้น มีไว้เพื่อระบายความโกรธ ความไม่พอใจ ทิ้งมันลงที่แจ็คสัน แล้วก็เดินหนีไปแบบไม่ใยดี

“อ๊า!

เหมือนตอนนี้...

ร่างสูงถอนร่างออกหลังได้ทิ้งความหงุดหงิดเข้าไปในร่างอีกฝ่าย มองแจ็คสันที่ขาอ่อนทรุดตัวลงกับพื้นทันทีที่เขาไม่ประคองสะโพกแน่นเอาไว้ ก้มตัวลงปลดเงื่อนเนกไทออกหลวมๆพอให้สะบัดมือออกไป โยนกางเกงและกล่องทิชชู่ลงบนพื้นให้คนที่ยังพิงตัวอยู่กับผนังเย็นชืด

“จัดการตัวเอง แล้วลงไปกินข้างเย็นกับฉันข้างล่าง”เอ่ยสั่งแล้วเดินออกไปจากห้อง ทิ้งคนโดนทำร้ายเอาไว้ในห้อง

น้ำตาใสกลั่นลงมาจากหางตาเงียบๆ เจ็บแต่ก็พูดออกไปไม่ได้ ในเมื่อไม่มีความสำคัญจะไปเรียกร้องอะไรให้มันเกินตัว เลยได้แต่ยอมรับความใจร้ายของอีกคนเรื่อยมา

ถ้าจะโทษ...ก็คงต้องโทษหัวใจตัวเองที่ดันเผลอไปรักคนเห็นแก่ตัวคนนั้นเข้า






กว่าจะจัดการตัวเอง เก็บร่องรอยในห้องให้เรียบร้อยก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว แจ็คสันรีบร้อนเก็บปืนลงซองเหน็บบนต้นขา รู้สึกเจ็บหน่วงยามเดินย่ำแรงๆ ได้แต่ถอนหายใจคิดไปถึงว่าตัวเองควรพกถุงยางและน้ำหล่อลื่นอย่างที่มาร์คว่าไว้เสียที

ถ้ามาร์คโกรธวันละสามรอบ เขาก็ต้องโดนทำน่าอายแบบนี้ถึงสามรอบต่อวัน มันไม่ดีต่อร่างกายคนที่ต้องใช้ความแข็งแรงและความคล่องตัวแบบเขา ในเมื่อมันไม่มีวิธีแก้โรคหงุดหงิดของมาร์ค เขาก็ควรมีวิธีป้องกันตัวเองใช่ไหมล่ะ?

ตระกูลต้วนเป็นตระกูลใหญ่และมั่งคั่งระดับแนวหน้าของประเทศ มีธุรกิจบังหน้าคืออหังสาริมทรัพย์ ส่วนธุรกิจเบื้องหลังคือการขนของข้ามประเทศอย่างผิดกฎหมาย ทายาทคนปัจจุบันคือมาร์คต้วน ชายหนุ่มที่มีความสามารถหลากหลายและฉลาดเป็นกรด ส่วนแจ็คสันก็แค่ลูกน้องตัวกระจ๊อกที่อายุใกล้มาร์คเลยถูกเรียกตัวมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้ตั้งแต่เด็ก

ตอนเด็กก็ออกจะน่ารัก แต่ทำไมโตมาถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะเนี่ย...

แจ็คสันถอนหายใจขณะเดินลงมาด้านล่างของคฤหาสน์ เสียงแหลมหวานของหญิงสาวเรียกให้คิ้วเรียวขมวดมุ่น หยุดยืนกรอกตาเบื่อหน่าย แค่คิดว่าตัวเองต้องทนเสียงน่ารำคาญแบบนี้หลอกหลอนตลอดทั้งมื้อค่ำก็พาลไม่อยากกินข้าวขึ้นมาซะดื้อๆ

“มาร์คขา มาเรียเอาสตอว์เบอร์รี่มาฝาก ที่ญี่ปุ่นตอนนี้กำลังอากาศดีเลยล่ะค่ะ มาร์คต้องชอบมากแน่ๆ มาเรียรู้ว่ามาร์คชอบอากาศอุ่นๆใช่ไหมล่ะ?”

...มาร์คชอบอากาศเย็นๆของฤดูใบไม้ร่วงต่างหาก...แจ็คสันเถียงขึ้นในใจขณะก้มตัวนิดหน่อยเป็นการเคารพและทักทายหญิงสาวผู้เป็นแขกของบ้านตระกูลต้วน

แอบเหลือบมองปฏิกิริยาของชายหนุ่มผู้เป็นทายาทตระกูลแล้วได้แต่ยิ้มขำ หน้าเรียบๆแบบนั้นนี่คือหงุดหงิดไม่น้อยเลยล่ะสิ แต่เรื่องนี้เขาช่วยอะไรไม่ได้หรอกนะ จะไปเป่าหัวคุณหนูผู้ร่วมหุ่นใหญ่ของตระกูลก็คงไม่ใช่เรื่องเท่าไหร่

บนโต๊ะยาวมีมาร์คนั่งอยู่หัวโต๊ะมีมาเรียนั่งพูดคุยเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ข้างๆ ส่วนอีกด้านคือโจอี้น้องชายของมาร์คที่กำลังทำสีหน้าเบื่อหน่ายอย่างเห็นได้ชัด แต่พอเห็นเขาโจอี้ก็ยิ้มกว้าง รีบลุกขึ้นรุดมาจับมือเขาเอาไว้แน่น

“พี่แจ็คสันมาพอดีเลย ช่วยพาโจอี้ไปกินเสต๊กหน่อยสิ วันนี้จู่ๆผมก็อยากกินอ่ะ”

“เอ่อ...”แจ็คสันเหลือบมองสีหน้าเรียกตึงของเจ้านายตัวจริงอย่างไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

“แจ็คสันมาไปนั่งที่ โจอี้ด้วย ถ้าอยากกินทำไมไม่บอกตั้งแต่ตอนเที่ยง”

แจ็คสันจะเดินไปนั่งที่ตามคำสั่งมาร์คแต่โดนมือเด็กหนุ่มรั้งไว้ก่อน ดวงตาคนเป็นน้องมองพี่ชายตัวเองด้วยความดื้อรั้นปนด้วยความเย้ยเยาะบางอย่างซึ่งเขาก็อธิบายไม่ได้

“ตอนเที่ยงผมออกไปทำงานกับเพื่อน ก็ผมอยากกินนี่ พี่มาร์คก็กินไปกับคุณมาเรียสองต่อสองไปสิ ผมก็จะไปกินข้าวกับพี่แจ็คสันสองต่อสองเหมือนกัน”

“โจอี้”เสียงเรียกชื่อน้องของมาร์คตอนนี้ดูน่ากลัวกว่าที่เคย ขนาดที่ว่ามาเรียยังต้องนั่งนิ่งไม่กล้าพูดอะไรขัด “แจ็คสันเป็นบอดี้การ์ดฉัน ฉันไม่อนุญาตให้เขาไปกับนาย อยากไปก็ไปชวนคนอื่น”

“พี่แจ็คสันเป็นบอดี้การ์ดของตระกูลต้วนต่างหาก ไม่ใช่ของของพี่สักหน่อย อย่าหวงของที่ไม่ใช่ของตัวเองสิครับ พี่ชาย”








หลังจากทิ้งคำพูดร้ายกาจให้คุณชายใหญ่ตระกูลต้วนแล้ว โจอี้ก็ลากบอดี้การ์ดตัวเล็กออกมาจากห้องทานอาหาร แจ็คสันเดินตามแรงฉุดของอีกคนทั้งที่ใจยังพะว้าพะวงกับสีหน้าดุกร้าวของมาร์คก่อนที่ตัวเองจะเดินออกมา

“คุณโจอี้...ผมว่าผมกลับไปดีกว่า”

“ไม่ต้องกลัวพี่มาร์คขนาดนั้นหรอกน่า”

“แต่คุณมาร์คกำลังโกรธ”

“เฮ้อ...”เด็กหนุ่มถอนหายใจ หันกลับมามองคนตัวเล็กที่เอาแต่คอยจะมองไปด้านหลังอย่างนึกเหนื่อยใจ “พี่ก็อย่าไปตามใจพี่มาร์คให้มันมากเกินไปนักสิ เพราะพี่เอาแต่เงียบไม่โวยวายอะไร พี่มาร์คมันเลยได้ใจแบบนี้ไง”

“ผมไม่ได้...”

“อย่าปฏิเสธว่าพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยตอนเห็นพี่มาร์คอยู่กับผู้หญิงคนอื่น”

“...”แจ็คสันนิ่งเงียบก้มหน้าลงกับพื้น เขาไม่สามารถปฏิเสธได้จริงๆนั่นแหละ

“พี่มาร์คมันฉลาดแต่เรื่องอื่น พอเรื่องหัวใจตัวเองล่ะโง่อย่างกับควาย ไปเที่ยวกันดีกว่า พี่ไม่ได้ออกไปด้านนอกนานแล้วใช่ไหมล่ะ? เอาแต่โดนพี่มาร์คใช้งานทุกวันเหนื่อยล่ะสิ”

“ผมไม่ได้เหนื่อย ผมดีใจที่ผมได้ทำงานให้คุณมาร์ค”แจ็คสันตอบอย่างจริงจัง แต่โจอี้กลับส่ายหน้าเนือยๆ

“ไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น ผมหมายถึงต้นเหตุของรอยแดงบนหลังคอพี่ต่างหาก”

พูดจบมือขาวก็ตะปบเข้าที่หลังคอ ใบหน้าขาวแดงแปร๊ดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ ในหัวกำลังนึกย้อนไปว่าทำไมเขาถึงไม่รู้สึกว่าอีกคนฝากรอยอะไรเอาไว้บนกาย คนสัญชาติญาณไวแบบเขาไม่ควรจะผิดพลาดแค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้นี่นา

“พี่มาร์คมันก็ทิ้งไว้ตลอดนั่นแหละ คนเขารู้กันหมดแล้ว มีแต่พี่นั่นแหละที่ไม่เคยรู้ตัวเลย แน่ล่ะอยู่หลังคอขนาดนั้นเห็นก็เกินไป”

“คุณโจอี้รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

“หืม?...อืม ตอนไหนนะ สัปดาห์ก่อน เดือนก่อนหรือสามเดือนก่อนนะ”ตอบยียวน มองใบหน้าแดงก่ำเขินอายนั่นอย่างรื่นเริง

“เอาน่า เลิกเขินเถอะ ไปเที่ยวกันดีกว่า”








กว่าโจอี้จะเที่ยวจนพอใจก็ปาเข้าไปตีสองกว่าแล้ว คุณชายเล็กตระกูลต้วนถูกหิ้วปีกขึ้นไปบนห้องนอนโดยความร่วมมือของบอดี้การ์ดคนอื่นๆ ส่วนแจ็คสันเดินแยกจะกลับห้องตัวเองซึ่งอยู่ชั้นหนึ่ง ไฟในคฤหาสน์ถูกปิดหมด แจ็คสันใช้สายตาที่ถูกฝึกให้ชินกับความมืดได้ง่ายในการเดินไปตามทางเดินมืด ประตูห้องเขาอยู่ตรงหน้า แต่ไม่ทันจะได้เปิดประตู เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูก็ดังขึ้นมาก่อน

“หนีเที่ยวกับเด็ก สนุกไหมล่ะแจ็คสัน?”

เฮือก! สะดุ้งพลิกกายหันไปเผชิญหน้ากับร่างที่เดินออกมาจากหลังเสาต้นใหญ่ ดวงตาสวยประกายกร้าวนั้นเห็นได้ชัดแม้ในความมืดมิด ไม่ต่างจากเขี้ยวขาวจากรอยยิ้มแสยะที่ทำให้แจ็คสันสั่นกลัว

“คิดว่ากลับมาดึกๆจะหนีฉันได้รึไง คิดง่ายเกินไปหน่อยนะ”

“ผมไม่ได้หนี”ตอบปฏิเสธออกไปทั้งที่ใจก็ยังสั่นกลัว

“หึ อย่างนั้นก็ดี เตรียมใจพร้อมการลงโทษของฉันแล้วสินะ”

“...”แจ็คสันนิ่งเงียบ ได้แต่คิดวนไปมาว่าตัวเองทำอะไรผิด

“ฉันหวังว่าในห้องนายจะมีถุงยางกับน้ำยาหล่อลื่นนะ”

.

.

.

“อื้อ! อ๊า!”เสียงร้องครางทั้งน้ำตาจากการถูกกระแทกกระทั้งรุนแรงจากด้านหลัง มือขาวขย้ำผ้าปูที่นอนสีขาวจนยัยยู่ยี่ เรือนร่างเปลือยเปล่าพราวด้วยหยดเหงื่อจากความร้อนรุ่มที่ถูกสุมขึ้นมาในร่างกาย กดใบหน้าลงกับหมอนขนเป็ดกัดมันแน่นกลั้นเสียงและความเจ็บปวดจากการโดนกระทำ

มาร์คย้ำร่างเข้ามาสองสามครั้งก็ปลดปล่อยออกมา มือเรียวเสยผมเปียกชื้นของตัวเองขึ้นไปลวกๆ แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก้มลงไปกัดแผ่นหลังขาวจมเขี้ยวปรากฏเป็นรอยฟันแดงเด่นชัด ทุกครั้งที่เขาเสร็จก็จะกัดมันลงไปเป็นการนับยก

ถอนร่างออกมาถอดถุงยางใช้แล้วทิ้งลงไปกับบนเตียงรวมกับถุงก่อนหน้านี้อย่างไม่นึกสนใจจะนับ หยิบซองฟลอย์ใหม่ขึ้นมาฉีกสวมใส่ให้เจ้าลูกชายที่พร้อมจะทำโทษเด็กหนีเที่ยวต่อ

แจ็คสันนอนคุดคู้หอบหนักอยู่บนเตียงเดี่ยวในห้องตนเอง ท่ามกลางเศษถุงยางใช้แล้วนับสิบและขวดน้ำยาหล่อลื่นว่างเปล่าข้างหมอน ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่เปื้อนทั้งเหงื่อไคลและน้ำกามจากกิจกรรมเข้าจังหวะ เสื้อผ้าถูกถอดกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมห้อง ปนเปจนไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร

“คุณมาร์ค ผม...ผมไม่ไหวแล้ว”ได้แต่ร้องขออย่างอ่อนแรง ตากลมใกล้ปิดปรือมองนาฬิกาบนหัวนอนก็ใกล้เวลาตีห้าเข้าทุกที เขามีรวมพลบอดี้การ์ดของบ้านตอนหกโมง ถ้ามาร์คไม่หยุดตอนนี้เขาคงไม่มีแรงลุกไปทำงานแน่ๆ

ชายหนุ่มผู้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านไม่ได้สนใจคำขอร้องนั้น จับร่างเล็กพลิกขึ้นมาบังคับให้พิงหัวเตียงเอาไว้ ยกตัวขึ้นคร่อมสะโพกขาวด้วยใบหน้าเรียบเฉย นิ้วเรียวลูบไปตามลูกระนาดสวยบนหน้าท้องขาวที่เกร็งแน่นทุกครั้งที่ลากผ่าน

“เดี๋ยวนี้กล้าต่อร้องแล้วเหรอ”

“ผมไม่กล้า...อ๊า!”ไม่ทันได้พูดจบประโยคก็ต้องกรีดครางลั่นห้องอีกครั้ง ขาขาวแหวกออกให้อีกคนสอดแทรกเข้ามาโดนสะดวก เขาไม่ได้ตั้งใจแต่อาจเป็นความเคยชินของร่างกายที่ต้องตอบสนองอีกคนแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มือขาวกอดรัดลำคอแกร่งแน่นระบายความเสียวกระสันจากการโดนย้ำในจุดอ่อนไหวในร่าง ครางเสียงหวานให้ชายหนุ่มรู้ว่าโดนตรงจุดแล้ว มาร์คย้ำร่างลงไปหนักๆครางเสียงต่ำรับกับแรงกระชับในช่องทางอ่อนนุ่ม โยกสะโพกเข้าออกกระทบเนินเนื้อแน่นเกิดเสียงดังน่าอาย

ขาเตียงเหล็กดังเอี๊ยดอ๊าดฟังแล้วน่ากลัวจะหักโครมลงมาตามแรกโยกรุนแรงนั้น จวบจนสุดท้ายของห้วงอารมณ์ แจ็คสันก็สลบไปโดยไม่รู้ตัว มาร์คประคองศีรษะทุยไม่ให้ร่วงกระแทกหัวเตียงเหล็ก ถอนร่างออกมาพลางจัดร่างเล็กให้นอนในท่าสบาย ถอดถุงยางใช้แล้วลงข้างเตียง เหม่อมองใบหน้าขาวซีดอ่อนเพลียด้วยแววตาที่แจ็คสันไม่เคยจะได้เห็น

นิ้วเรียวเกลี่ยเส้นผมชื้นเหงื่อขึ้นทัดใบหูเล็ก ก้มลงจูบซับน้ำตาบนหางตาตกเบาๆ ก้มลงจุมพิตริมฝีปากอิ่มเอิบสีแดงจัดอย่างนึกหวงแหน การกระทำอันอ่อนโยนอย่างที่ร่างเล็กคงไม่คิดว่าจะได้จากผู้ชายใจร้ายคนนี้

“เพียงแค่นายขอหรือต่อว่าฉันสักคำ ฉันคงไม่รู้สึกผิดขนาดนี้หรอกนะแจ็คสัน”















“หน่วยสองแจ้งศูนย์หลัก พวกเราเสียกำลังฐานหน่วยสองไป ขอกำลังเสริมด่วน”

แจ็คสันแนบร่างกับอิฐแดงของตึกร้างแถวท่าเรือที่เป็นสถานที่จัดส่งสินค้าในคืนนี้ มือขาวกระชับปืนส้นในมือแน่น ระบายลมหายใจระงับความเหนื่อยที่เกิดขึ้นจากการไล่ล่ามานับชั่วโมง ดวงตากลมเหลือบมองรอบกายอย่างระแวดระวัง ถ้ารายงานตามวิทยุจริง ตรงส่วนนี้ก็น่าจะมีพวกนั้นซุ่มรอโจมตีเขาอยู่

โชคดีที่วันนี้มาร์คติดประชุมเลยไม่ได้มาคุมงานด้วย เขาไม่ต้องมาคอยระวังให้เจ้านาย ไม่ต้องโดนมาร์คกันตัวเอาไว้ให้ห่างจากสมรภูมิการต่อสู้ และได้ทำงานอย่างเต็มความสามารถ

หลังจากที่โดนทำโทษรุนแรงคืนนั้นเขาก็เป็นไข้ติดต่อกันอยู่สองวัน มาร์คไม่ลงมาเยี่ยมเขาเลย มีแต่โจอี้ที่คอยมานั่งคุยเล่นด้วย เด็กนั่นเอาแต่ยุเขาให้โกรธมาร์ค แจ็คสันก็เอาแต่ส่ายหน้าจนคุณชายเล็กตระกูลต้วนต้องยอมลงเพราะความดื้อรั้นของเขา

จะไม่พูดว่าไม่โกรธหรือไม่น้อยใจเลยก็ไม่ได้ แต่มาร์คเป็นแบบนี้บ่อยจนเขาเคยชินและเหนื่อยที่จะวิ่งไล่หาเหตุผลจากผู้ชายคนนี้มาตั้งนานแล้ว ได้แต่ปล่อยเลยตามเลยอย่างไม่รู้ว่าจุดสุดท้ายของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรเหมือนกัน

แจ็คสันสูดหายใจเข้าลึก คำนวณแผนในใจซ้ำอีกครั้ง แต่ไม่ทันจะขยับตัวเสียงดังกริ๊กจากที่ไกลๆก็ทำให้บอดี้การ์ดมือดีวิ่งหลบห่ากระสุนที่ยิ่งลงมาจากบนอาคาร

“ไอ้เหี้ย! นี่มึงเล่นสไนเปอร์เลยเหรอ!!!”อดสบถไม่ได้ ไอ้เขาที่พกมาแค่ปืนสั้นพกเล็กๆจะไม่สู้อะไรปืนสงครามได้วะ!

“เจเอสถึงหน่วยหลัก มันมีสไนเปอร์ ระวังอาวุธหนัก ขอให้ทุกคนออกจากพื้นที่ตึกร้างให้หมด ย้ำ ออกไปให้หมด”เอ่ยคำสั่งกระโดดหลบเศษซากปรักหักพังของตัวอาคาร เขาจงใจเข้ามาในนี้เพื่อหนีสไนเปอร์ที่มีผลอย่างรุนแรงเฉพาะในที่แจ้ง หากอยู่ในที่อับก็ยากที่จะยิงถึงตัวได้

ปัง!

เสียงกระสุนดังมาจากฝั่งซ้ายดีที่เขากระโดดหลบทัน มือกระชากปืนยิงออกไปทางต้นเสียงโดนไม่ต้องเล็ง เสียงร้องโอดครวญเป็นตัวบอกว่าเขายิงถูกจุด ขมวดคิ้วดึงปืนสั้นอีกกระบอกขึ้นมาถือกลายเป็นใช้ปืนสองมือ เดินไปส่องกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบบนพื้น หรี่ตามองกะเล็งคิดวิธีกำจัดอย่างง่ายที่สุด

“เฮ้ย! มึงอ่ะ!

ปัง!

ยกมือซ้ายเจาะหัวกระสุนปลิดชีพคนปากมากซึ่งทำให้คนข้างล่างรู้ถึงตัวตนการมีอยู่ของเขา แจ็คสันกลิ้งตัวหลบไปกับพื้นหนีห่ากระสุนที่ตามมาอย่างที่คาด วิ่งลัดเลาะไปทางเดิม ตากลมมองสองฝากอาคารก็เกิดความคิดดีๆ ยิ้มกริ่มวิ่งล่อให้เข้าไปในซากตึกร้าง

“หยุดนะ!

เสียงพวกนั้นโหวกเหวกโวยวายตามหลังมาไม่ไกล จู่ๆแจ็คสันก็หมุนตัวกลับไปยิ้มเยาะพวกนั้นเล็งปืนไปทั้งสองกระบอกไปคนละทิศ

GAME OVER

ปัง!

ลูกกระสุนเจาะผ่านจุดเปราะบางของอาคารจนคานใหญ่พังโครมลงมาทับพวกนั้นใต้กองเศษปรักหักพัง ร่างเล็กยิ้มอย่างพอใจ หมุนตัวจะเดินกลับ

ปัง!

พลันความเจ็บร้าวก็แล่นปราดจากไหล่ขวาแทรกซึมไปทั่วร่างกาย ร่างเล็กกระตุกเฮือกล้มลงไปกับพื้น เหลือบตามองปลายกระบอกปืนดำเมี่ยมที่รุกเข้ามาใกล้ด้วยสติที่เลือนรางเต็มทน

เงายมทูตอยู่ไม่ไกล นี่เขากำลังจะตายสินะ อ่า...แย่จัง ทั้งที่ อยากทำอะไรอีกตั้งเยอะแยะเลย อยากกินไอศกรีมรสใหม่ของร้านโปรด อยากดูละครที่เห็นโฆษณาในทีวี อยากไปเล่นสเก็ตบอร์ดในสวนสาธารณะ อยากซื้อเสื้อโครมฮาร์ดกับรองเท้าคู่นั้น...

ทั้งที่ยังอยากอยู่กับมาร์คต่อไปเรื่อยๆแท้ๆ

ปัง!









เปลือกตาบางกระพริบปรืออย่างยากลำบาก เพดานสีขาว ไฟที่ส่องสว่างจนแสบตา

...นี่เขาอยู่ที่ไหน?...

“จะขี้เซาไปถึงไหน ตื่นแล้วก็ลืมตาเสียที”

เสียงทุ้มในระยะประชิดเรียกให้ดวงตากลมเบิกกว้างมองชายหนุ่มด้วยความไม่อยากเชื่อ

“คะ คุณมาร์ค”

“ฉันเอง ทำไม? หลับไปแค่สัปดาห์เดียวนี่ลืมฉันแล้วรึไง”

มาร์คในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำพับแขนเสื้อขึ้นดูลำลองสบายๆอย่างที่แจ็คสันไม่เคยได้เห็นบ่อยนัก หลังจากตั้งสติได้ก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในห้องพยาบาลในคฤหาสน์ตระกูลต้วน

...อ่า เขาไม่ตาย แต่แค่บาดเจ็บสินะ...

“นายทำงานพลาด”

แจ็คสันเงยหน้ามองชายหนุ่มที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่บนเคาน์เตอร์โดยหันหลังให้เขา ก้มหน้าลง

“ครับคุณมาร์ค ผมขอโทษที่ทำให้คุณผิดหวัง ผมยอมรับโทษครับ จะส่งผมไปห้องสีขาวก็ได้ ถ้าคุณมาร์คต้องการ”

“ฉันส่งนายไปแน่...”มาร์คเอ่ยขึ้น หันหลังกลับมาพร้อมชามข้าวต้มหอมฉุย “แต่ไม่ไช่ห้องสีขาว...ห้องข้างฉันมันยังว่าง มันว่างมานานมากแล้ว นายย้ายไปอยู่ห้องนั้นแล้วกัน”

“แต่ห้องนั้นมันสำหรับ...”

“ภรรยาของฉัน...ไม่ต้องมาย้ำฉันจำได้ดียิ่งกว่านายเสียอีก”เสียงทุ้มยังคงเอ่ยดุ วางชามข้าวต้มไว้บนโต๊ะเลื่อนได้ นั่งบนเก้าอี้นั่งเฝ้า ยื่นมือมาจับแขนด้านซ้ายของคนป่วยยกขึ้นจงใจให้ดูอะไรบางอย่างที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในตอนที่เขาหลับไป

...แหวนแก้วหยกสลักตราตระกูล...

“นายนั่นแหละ ไม่ต้องมาทำหน้างง พรุ่งนี้ก็ไปเขียนชื่อลงใบราชการซะด้วย มันจะได้จบขั้นตอนเสียที”มาร์คเอ่ยเรื่องที่แจ็คสันกำลังตามไม่ทัน มือแกร่งจับช้อนตักข้าวต้มคำโตจ่อริมฝีปากอิ่มแดงที่งับเอาอย่างไร้ทางเลือก คนตัวเล็กรีบเคี้ยวจะได้รีบถามเรื่องที่คาใจ แต่มาร์คก็เอาแต่ป้อนคำแล้วคำเล่าจนหมดถ้วย

“คุณมาร์ค”

“น้ำ”

“คุณมาร์คครับ”เอ่ยเรียกอีกที เริ่มดุขึ้นมาแล้วเมื่ออีกคนเอาแต่หลีกเลี่ยงจะตอบคำถามเขา มาร์คยิ้มบางๆทั้งที่แก้มกำลังแดงระเรื่อ

“แต่งงานกันเถอะแจ็คสัน”

ถึงจะพอเดาเรื่องออกแต่ก็อดที่จะเขินอายไม่ได้ ยังไม่เข้าใจว่าทำไมอีกคนถึงได้เปลี่ยนท่าทีปุ๊บปั๊บแบบนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็เอาแต่ใจร้ายใส่เขามาตลอด

“ขอโทษสำหรับทุกอย่างนะ”

“...แค่นี้เหรอครับ?”

“ฉันรักนาย”

“โถ่ คุณมาร์คครับ ขอผมแต่งงานทั้งทีคิดจะพูดแค่นี้จริงๆเหรอครับ”งอแงขึ้นมาเล็กๆเมื่อเห็นว่ามาร์คเริ่มใจดีกับตัวเอง

“ฉันมันพวกทฤษฎีไม่เก่ง ถนัดปฏิบัติมากกว่า...”รอยยิ้มกว้างเห็นเขี้ยวทรงเสน่ห์และดวงตาสวยที่จดจ้องมานั้นแสดงเจตนาชัดเจนจนแจ็คสันเผลอตัวฟาดแรงๆลงบนแขนแกร่ง ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกหลังจากที่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป

“คะ คุณมาร์ค ผมขอโทษนะครับ ผมแค่...ผมขอโทษ”

ท่าทางเหมือนจะร้องไห้ของคนตัวเล็กบนเตียงเรียกรอยยิ้มอ่อนโยนจากคนเคยใจร้าย มือเรียวขยี้เส้นผมดำนุ่มเป็นเชิงเอ็นดู

“ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย อย่าคิดมากสิ”

“แต่...”

“บางทีฉันก็อยากให้นายเรียกร้องกับฉันบ้าง ต่อว่าเวลาฉันทำนายเสียใจ หึงบ้างเวลาเห็นฉันอยู่กับคนอื่น อ้อนบ้างเวลานายอยากได้อะไร อย่าให้ฉันแสดงความรักต่อนายแค่ด้านเดียวสิ”

“ก็ผมเป็นแค่ลูกน้อง...”

“นายไม่ใช่แล้ว แหวนวงนั้นฉันก็ให้นายไปแล้ว ต่อไปนี้นายคือภรรยาฉัน นายมีสิทธิ์ทุกอย่าง...ทุกอย่างที่อยากทำ”

จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกจากดวงตากลม ความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลถูกระบายออกมาในครั้งเดียว จากแค่น้ำตาไหลกลายเป็นว่าทั้งเสียงสะอื้น ทั้งคำต่อว่าดังออกมาสารพัด ตลอดทั้งครึ่งชั่วโมงมาร์คนั่งฟังคนตัวเล็กต่อว่าตัวเองโดยไม่ตอบโต้สักคำ จนแจ็คสันปาดน้ำตาออกและมีอาการสงบแล้ว ชายหนุ่มถึงได้ยกตัวขึ้นคร่อมจูบริมฝีปากแดงก่ำด้วยความรักที่มี เพียงริมฝีปากแตะกันก็ร้อนไปทั่วทั้งร่าง เรียวลิ้นเล็กตอบสนองเขาอย่างรู้ประสา ดูดดื่มจนแจ็คสันหายใจไม่ทันและผละออกไปเอง ใบหน้าเล็กแดงก่ำเม้มปากแน่น ยันไหล่ชายหนุ่มที่เริ่มไซร้ข้างคอตัวเองด้วยหายใจติดขัด

“ผมยังไม่หายเจ็บเลยนะครับ”

“เจ็บที่ไหล่ไม่ใช่เหรอ ฉันจะทำไม่ให้กระเทือนแล้วกัน”

“คุณมาร์คครับ!”เรียกอีกคนทั้งที่หน้าแดงก่ำ รู้อยู่หรอกนะว่าความต้องการสูง แต่ช่วยเห็นใจสภาพร่างกายคนเจ็บหน่อยเถอะ

“แล้วก็เลิกเรียกฉันว่าคุณสักที มันดูห่างเหินเกินไป”

“แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรล่ะครับ”ทำหน้ามุ่ยใส่คนเจ้าเล่ห์ที่ฉีกยิ้มกว้างมาให้พลางฉกจูบบนริมฝีปากแดงก่ำเร็วๆจนเกิดเสียงจุ๊บเบาๆ

“อืม พี่มาร์คเป็นไง?”

“ผมขัดได้ไหมละครับ...พี่มาร์ค”








ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*