[SF] Gift (MarkSon)
Gift
Mark
X Jackson
“วันนี้ไม่กลับอีกแล้วเหรอ”
มือเรียวเคลื่อนจากพวงมาลัยรถมาเกลี่ยหลังมือป้อมของคนบนเบาะข้างๆด้วยน้ำเสียงและสายตาเว้าวอนกว่าปกติ
ทั้งที่ไม่ใช่ปกติวิสัยของเจ้าชายน้ำแข็งอย่างมาร์คเลยสักนิด แต่ร่างเล็กก็ยังส่ายหน้าทั้งที่ตายังมองโครงสร้างอาคารคร่าวๆบนไอแพดเครื่องบางบนตัก
“โปรเจคยังไม่เสร็จ
แล้วหัวหน้ายังจะเร่งให้ส่งงานอีก...”แจ็คสันเว้นวรรคคำพูด ประคองใบหน้าหล่อสวยที่กำลังทำหน้าหงอยสุดชีวิตต่อหน้าขึ้นมาสบตาอย่างลำบากใจ
“ขอโทษนะครับพี่มาร์ค”
“พี่อยากให้แจ็คสันพักบ้าง”มือเรียววางทับมือป้อม
ส่งสายตาแห่งความห่วงหาว่าคิดอย่างที่พูดจริงๆ
แจ็คสันโถมทำงานหนักจนเขานึกห่วงว่าสักวันร่างกายคงต่อต้านและทนไม่ไหวเอา
นับแค่สัปดาห์นี้แจ็คสันนอนบริษัทถึงสามวัน
อีกสี่วันก็กลับบ้านมืดค่ำด้วยสภาพหมดเรี่ยวแรง
จนเขาทนไม่ไหวอาสารับส่งเองเพราะไม่อยากให้คนตัวเล็กตรงหน้าเกิดอุบัติเหตุ
แจ็คสันยิ้มบางๆ
ลูบใบหน้านั้นด้วยความรัก “ถ้างานนี้เสร็จผมก็ได้พักแล้วครับ ไม่ต้องห่วงนะ
กลับบ้านนอนนะครับ ไม่ต้องมาเฝ้าผมหน้าบริษัทอย่างวันนี้หรอก”
มาร์คหน้าเจื่อนนิดหน่อยที่รู้ว่าโดนจับได้
แต่ทำยังไงได้ล่ะ เขาก็เป็นห่วงคนตัวเล็กของเขานี่นา
“ห่วงสิ...แฟนพี่ทั้งคน”
แจ็คสันยิ้มเม้มปากแก้มป่อง
จุ๊บแก้มคนพี่เบาๆเป็นรางวัล ดึงมือออกจากมืออุ่น “ขอบคุณนะครับ พี่กลับก่อนเถอะ
ผมลงนี่แหละ”
แจ็คสันเปิดประตู
กำลังจะก้าวลงไป ก็โดนคนเป็นพี่ฉวยมือช้อนจูบข้อมือบางเบาๆ
“ดูแลตัวเองดีๆนะครับ”
“คร๊าบๆ”คนตัวเล็กยิ้มกว้าง
หยิบกระเป๋าเดินเข้าบริษัทรับจัดงานอีเวนท์ชื่อดังไป
มาร์คอยู่มองจนเห็นแผ่นหลังเล็กนั่นหายเข้าไปหลังประตู ถึงได้เคลื่อนรถออกไปช้าๆด้วยใจที่ยังไม่อยากจะกลับเท่าไหร่นัก
บ้านที่ไม่มีคนตัวเล็กคนนั้นอยู่มันเงียบเหงาจะตายไป
พอคิดถึงเรื่องนี้ก็ถอนหายใจเฮือก
แจ็คสันทำงานเป็นนักกราฟิกออกแบบนิทรรศการและบูท
ช่วงไหนที่มีงานอีเวนท์เข้ามามาก แจ็คสันก็ต้องทำงานแบบหามรุ่งหามค่ำ
กินอยู่นอนที่บริษัทเป็นสัปดาห์ๆแบบนี้ประจำ
พวกเขาก็จะได้เจอกันเฉพาะตอนมาร์คมารับไปทานข้าวเย็นก่อนมาส่งทำงานต่ออย่างวันนี้
มาร์คจอดรถหน้าร้าน
24 ชั่วโมง ประสานมือวางบนพวกมาลัย เหม่อลอย ถอนหายใจ แล้วก้มหน้าลง
“คิดถึงชะมัด”
วันนี้เป็นวันเสาร์
มาร์คนั่งไขว้ขาดูทีวีบนโซฟาสีขาวตัวยาว แสงอาทิตย์สีส้มลอดผ่านม่านย้อมห้องสีขาวให้กลายเป็นสีนวลตา
นอกจากเสียงรายงานข่าวและเสียงนาฬิกาเดินก็ไม่มีเสียงอะไรพอให้ชุ่มชื่นหัวใจเลย
กำลังจะกดโทรหาความสดชื่นของตัวเอง เสียงประตูก็ลั่นปลดล็อก มาร์คหันขวับ
แทบจะวิ่งไปประคองคนที่เดินเข้ามาด้วยท่าทีไม่มั่นคง
“แจ็คสัน”เขาเรียก
ใบหน้ากลมซูบเซียวเงยหน้าขึ้นมายิ้มบางๆให้อย่างอ่อนแรง
ผิวใต้ดวงตากลมคล้ำหมองเห็นได้ชัดว่าไม่ได้นอนเป็นเวลานาน
มาร์คปิดโทรทัศน์
เดินเข้าไปหาคนตัวเล็ก ฉวยเสื้อสูทและกระเป๋าวางไว้บนเคาน์เตอร์ข้างประตู
ถอดเนกไทและเข็มขัดออกให้คนตัวเล็กที่ยืนเฉยๆ หัวกลมซุกบนหน้าอกเขาอย่างคนหมดแรง
โรยราจนมาร์คอดจะสงสารไม่ได้
แจ็คสันร้องออกมาเบาๆเมื่อโดนรวบตัวขึ้นอุ้มเข้าเอว
ตัวกระเทือนเอนไปมาขณะที่ร่างโปร่งพาเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง
“มาร์ค
วางเถอะ ไม่หนักเหรอ”กระซิบอายๆกับหน้าอกแข็ง มันสักพักแล้วไม่ได้โดนอุ้มแบบนี้
“หนักอะไร ตัวแค่นี้เอง”มาร์คกลับตอบเสียงนุ่ม
พาคนรักวางไว้ปลายเตียง
“ถอดถุงเท้าออกก่อนนะ
เดี๋ยวมา”บอกอย่างนั้นแล้วก็เดินออกไปจากห้อง พักเดียวก็เดินเข้ามาพร้อมกะละมัง
ผ้าขนหนู ชุดคลุมอาบน้ำและขวดน้ำเย็น แจ็คสันหัวเราะคิกคักตลกท่าทางหอบพะรุงพะรังแบบนั้น
ยื่นมือรับขวดน้ำเย็นมาดื่มคลายกระหาย กระดกอึกๆสำลักไอค่อกแค่ก
ร้อนมาร์คให้มาลูบหลังให้
“ระวังหน่อยสิ”
“งือ”ส่งเสียงตอบรับหงอยๆในลำคอ
จากนั้นทุกอย่างก็เงียบเชียบ กางเกงแสลกดำถอดออกจากปลายเท้าเล็ก ผ้าบิดหมาดเช็ดไปตามท่อนขาขาวเพรียวขาวอมชมพูอย่างนุ่มนวลเท่าที่สุดเท่าที่ผู้ชายมือหนักคนหนึ่งจะทำได้
จากนั้นก็ถอดเสื้อออก เช็ดทำความสะอาดท่อนบน
แจ็คสันเอาเสื้อเชิ้ตปิดส่วนสะโพกไว้กันอาย
ถึงเขากับมาร์คแทบไม่มีอะไรต้องให้อายกันแล้วก็เถอะ
“หน้าแดงหมดแล้ว”
“มาร์คอ่า...”
เสื้อคลุมถูกสวมให้แทนชุดทำงานตัวเก่า
มาร์คกระเถิบตัวขึ้นไปนั่งพิงหัวเตียง ตบหมอนเบาๆเหมือนเรียกลูกหมาให้ไปหา แจ็คสันคลานเข่าทรุดตัวลงนอน
ศีรษะกลมหนุนหมอนนิ่ม มือป้อมจับมือเรียวมากุมไว้ไม่ต่างจากเด็กๆเวลาต้องการความอบอุ่น
ในที่นี้แจ็คสันก็แค่ต้องการให้รู้ว่ามาร์คยังอยู่กับตัวเอง
“นอนก่อนนะ
มีแรงแล้วถึงลุก”
คนตัวเล็กพยักหน้าเบาๆ
ไม่กี่นาทีก็หลับไปจริงๆ มาร์คยิ้ม เกลี่ยรอบดวงตากลมเบาๆ เฝ้าพินิจคนรักตัวเล็กราวกับกำลังมองเทวดาตัวน้อยๆด้วยความเอ็นดู
นั่งแช่อยู่ตรงนั้นนานจนเริ่มเมื่อยถึงลุกไปปิดไฟในห้องและเดินลงไปชั้นล่าง
ปล่อยให้คนรักได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
.
.
.
สามทุ่มกว่าๆ คนตัวเล็กก็รู้สึกตัว
แม้จะไม่ได้สดชื่นเท่าที่คิดแต่ก็ดีกว่าตอนเย็นอยู่โข ภายในห้องนอนสลัวด้วยแสงไฟบนหัวเตียง
มองซ้ายมองขวาไม่เห็นคนร่วมชายคา เอาหน้าซุกหมอนเรียกสติอยู่พักหนึ่งถึงได้ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง
แว่วเสียงพูดคุยมากับเสียงโทรทัศน์
แจ็คสันไม่อยากจะขัดจังหวะเลยยืนนิ่งอยู่บนชานพัก
ฟังบทสนทนาที่พอจะรู้ว่าปลายสายคือใคร
“ครับ
พรุ่งนี้คงไม่ได้กลับ อืม...ผมไม่อยากทิ้งแจ็คสันไว้คนเดียว”
“โถ่ แม่ครับ
คนรักผมนะ ช่วงนี้เขางานเยอะด้วย”
“ผมรู้ครับแม่
ไว้ผมว่างๆผมจะไปหานะครับ คิดถึงนะครับ แล้วก็ขอบคุณที่ให้ผมได้เกิดมาด้วย
รักนะครับ”
“...”
มาร์คกดวางสายเบอร์จากที่บ้านที่บอกให้เขากลับไปร่วมปาร์ตี้วันเกิดของตัวเอง
แต่เขาปฏิเสธไปเพราะไม่อยากทิ้งแจ็คสันไว้คนเดียว คนตัวเล็กคนนั้นดูเข้มแข็งก็จริงแต่ก็เปราะในเสียจนต้องมีคนคอยดูแล
อีกอย่างคือเขาไม่ได้จองไฟล์ทบินล่วงหน้าไว้ด้วย
จะซื้อหน้าเคาน์เตอร์ก็คงแพงไปหน่อยเมื่อเทียบกับการไปกลับแค่วันเดียว
ยังไงวันถัดมาเขาก็ต้องไปทำงานอยู่ดี
นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลัง
ลำแขนเล็กมาพร้อมเส้นไหมนุ่มฟูสีทองอ่อนคลอเคลียอยู่หลังคอ มาร์คหัวเราะจั๊กจี้
ลูบหัวกลมเบาๆ
“ตื่นเร็วจัง”
“อยากนอนอีกอ่ะ
แต่หิว”เสียงแหบหวานงอแงนิดๆช่างน่าเอ็นดู มาร์คลุกขึ้นเดินจูงมือเด็กตัวเตี้ยไปที่โต๊ะทานข้าว
แจ็คสันนั่งซึมๆเหงาๆคงเพราะตื่นมากลางดึก ดวงตากลมปิดลงครึ่งหนึ่งมองข้าวต้มจืดๆตรงหน้าตัวเอง
“ข้าวต้มอีกแล้ว
มาร์คทำอย่างอื่นไม่เป็นจริงอ่ะ?”
“อ่า...อยากกินอะไรล่ะ
เดี๋ยวไปซื้อให้”ร่างโปร่งทำหน้าเจื่อน นอกจากข้าวต้มก็มีแต่ไข่ทอดกับมาม่าเท่านั้นแหละที่ทำเป็น
“ไม่ได้บอกว่าจะไม่กินสักหน่อย...นั่งนี่กินเป็นเพื่อนผมหน่อย”แจ็คสันเขี่ยชามข้าวต้มไปมา
“แต่พี่กินแล้ว”
“งั้นนั่งเฝ้า”
...เจ้าเด็กเอาแต่ใจ...
มาร์คหัวเราะในลำคอ
นี่แหละแจ็คสันล่ะ นี่ขนาดซึมเพราะนอนไม่พอนะ
ชายหนุ่มนั่งลงตรงข้ามคนตัวเล็กที่จ้วงทานทีละคำโตๆ
แก้มกลมเคี้ยวหนุบหนับ มองๆไปก็เหมือนกระรอกตุนอาหารอยู่
“วันนี้โอเคนะ”
“อืม
รับมอบงานแล้วล่ะ งานอีเวนท์ก็โอเคดี งานใหญ่มากกกกกก กว่าจะเสร็จ ดีนะว่าเงินดี”
“แล้วงานต่อไปล่ะ”
“พรุ่งนี้แล้วล่ะ
ต้องไปคุยรายละเอียดงาน น่าจะถึงเย็นๆโน่น”คนตัวเล็กบอกพลางกลืนข้าวคำโต โตไปจนจุก
ทุบอกอ่อกๆ
“...เหรอ”มาร์คยื่นน้ำไปให้พลางตอบรับอย่างเข้าใจ
...ยอมรับว่าเสียใจนิดๆนะ
แต่ก็เอาเถอะ...
คนตัวเล็กเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของคนตรงหน้า
“มาร์คเป็นอะไรเหรอ”
“ไม่นี่
กินให้เสร็จ แล้วไปอาบน้ำใหม่นะ ไม่งั้นไม่ให้นอนด้วย”
“โด่ นี่แฟนนะ
แฟน”
“แฟนก็ไม่สน
ยิ่งเป็นแฟนมาร์คก็ยิ่งต้องสะอาดนะ”
“เอ้า
ทีแต่ก่อนสถุนกว่านี้ยังบอกว่ารักเลย”ปากแดงยู่ปากเชิงงอนๆ มือเรียวเลยยื่นไปบิดเสียให้เข็ด
“ยังไงก็รัก
แต่ต้องอาบน้ำ จะได้นอนสบาย เข้าใจรึยัง”
“ค้าบๆ”
หลังทานข้าวเสร็จ
แจ็คสันก็ไปอาบน้ำ ให้มาร์คเป็นคนเก็บจาน
กว่าคนตัวเล็กจะอาบเสร็จมาร์คก็แทบจะกลับล่วงหน้าไปก่อนแล้ว แต่พอมีลูกหมาตัวชุ่มๆมาคลอเคลียก็ต้องไล่ให้ไปเช็ดผม
ก่อนที่คนตัวสูงจะได้หมอนข้างเป็นลูกหมาขนฟูตัวหอมนุ่มนิ่มมากกกอดไว้ข้างกายตลอดทั้งคืน
วันต่อมาแจ็คสันออกไปรับงานตั้งแต่เช้าตรู่
มาร์คตื่นมาก็ไม่เห็นตัวแล้ว
มีแต่โน้ตติดไว้หน้ากระจกเหมือนหลายๆครั้งที่คนตัวเล็กรีบจนอยู่รอบอกไม่ได้
ตื่นมาก็ถอนหายใจทิ้งในวันเกิดตัวเองแบบนี้มันจะดีหรือแย่กันแน่ล่ะเนี่ย
คิดไปก็เปล่าประโยชน์
ยังไงซะเขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันเกิดตัวเองมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
และพวกเขาก็โตมากจนบางทีเรื่องแบบนี้มันก็ไม่จำเป็นอะไรนักหนาเหมือนเมื่อก่อน
มาร์คทานข้าวที่แจ็คสันทำไว้ให้
ก่อนจะเข้าห้องทำงานส่วนตัวทำเอกสารที่ยังค้างคามาตั้งแต่วันศุกร์ ถึงวันอาทิตย์จะไม่ได้เข้าบริษัท
แต่ในฐานะผู้จัดการฝ่ายการตลาดแล้ว งานของเขาก็ไม่ได้น้อยไปกว่าแจ็คสันเลยสักนิด
แค่ต่างกันในประเภทงานเท่านั้นเอง
นั่งแช่ทำงาน
ลืมเวลาจนมีสายโทรเข้ามา กดรับไม่ได้ดูแม้แต่เบอร์
แปลกใจเล็กๆที่ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังมาจากอีกฟาก
‘พี่มาร์คมารับหน่อย’
“หืม
ก็เอารถไปนี่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
‘น้ำมันหมดอ่ะ แฮ่ๆ’
“เดี๋ยวเถอะ ขับยังไงให้น้ำมันหมด”
‘งือ ขอโทษ’
“ให้ได้อย่างนี้สิ...รอพี่ที่เดิมแล้วกัน”
‘เย้! ขอบคุณครับ’
มาร์ควางสายไป
ปิดชัทดาวน์คอม คว้ากุญแจ กระเป๋าเงินและของจำเป็นติดตัว
สวมเสื้อคลุมลวกๆเดินไปขี่ออกี้คู่ใจไปรับเจ้าเด็กตัวกลมที่ลืมซ้ายลืมขวาจนน่าตีนัก
นี่ถ้าเขาไม่รับสายจะกลับยังไงกัน นี่แหละถึงบอกว่าต้องให้ดูแลตลอดๆเลย
สิบห้านาทีในการเดินทางมาถึงหน้าบริษัทในเวลาโพล้เพล้
แจ็คสันยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าบริษัทพร้อมด้วยถุงอีกหลายถุงซึ่งน่าจะเป็นของจากร้านเซฟมาร์ทใกล้ๆนี่แหละ
มองผ่านไปก็ยังเห็นรถของแจ็คสันจอดอยู่ในซองข้างบริษัท
พรุ่งนี้คงต้องซื้อน้ำมันมาเติมสินะ
แจ็คสันเดินเปิดประตูเข้ามาด้านข้าง
หัวเราะแหะๆก่อนจะเอ่ยขอโทษที่สะเพร่าลืมเติมน้ำมัน
“ขอโทษน้า
พี่มาร์ค”
“ไม่เป็นไรหรอก
ป่ะ กลับบ้าน”
“อ่ะ
เดี๋ยวแวะร้านจิวเวอร์รี่ที่ซอยข้างหน้านี่ให้หน่อยนะ
ผมจะไปเอาเอกสารจัดงานอีเวนท์ของร้านอ่ะ”
มาร์คพยักหน้า
เคลื่อนรถออกไปในความเร็วไม่มากนัก เพราะร้านที่ว่าอยู่ห่างไปไม่กี่กิโล
จอดรถได้ปั๊บเจ้าตัวเล็กก็วิ่งลงจากรถไปอย่างเร่งรีบ
ชายหนุ่มสตาร์ทรถเปิดแอร์ฟังเพลงรออย่างผ่อนคลาย
แปลกใจเล็กน้อยเมื่อแจ็คสันวิ่งกลับมาในเวลาเพียงสามนาที
“ทำไมเร็วจัง”
“ก็แค่มาเอาเอกสารเองไง
โทรมาติดต่อล่วงหน้าแล้ว”
พอเข้าใจแล้วทั้งสองก็เตรียมตัวกลับบ้าน
แต่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่แจ็คสันเรียกให้มาร์คจอดตรงจุดแวะรถข้างทางซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ไร้ผู้คน
คราวนี้มาร์คเริ่มตงิดใจแล้วว่าคนตัวเล็กต้องคิดอะไรอยู่แน่ๆ
แล้วก็เป็นดังนั้นเมื่อจู่ๆแจ็คสันก็คว้ากล่องชิ้นเค้กกาแฟเล็กๆในถุงขึ้นมา
ถอดฝาครอบออกและแปะเทียนวันเกิดเล็กๆตรงกลาง ยุกยิกหาไม้ขีดไฟขึ้นมาจุด
ท่าทางเร่งรีบเก้ๆกังๆแบบนั้นมันน่ารักมาก ถึงจะดูไม่ค่อยลงทุนและไม่น่าเซอร์ไพร์สเท่าไหร่ก็เถอะ
“แฮปปี้เบิร์ทเดทูยู
แฮปปี้เบิร์ทเดทูยู แฮปปี้เบิร์ทเด แฮปปี้เบิร์ทเด แฮปปี้เบิร์ทเดทูยู~~...สุขสันต์วันเกิดนะครับพี่มาร์ค”
แจ็คสันยิ้มกว้างเห็นฟันกระต่าย
ตากลมยิบหยีเห็นเสี้ยวแก้วใสในหน่วยตากลม
แก้มกลมนูนออกเป็นสีแดงเรื่อน่าหยิกน่ากัด มือเล็กประคองเค้กมาด้านหน้า
ดูคาดหวังนิดๆตอนที่มือเรียวรับเค้กก้อนน้อยไปจากมือ
“เค้กวันเกิด
1 ขวบเหรอ”มาร์คหัวเราะขำ หลับตาแล้วเป่าเทียนหนึ่งเดียวดับภายในครั้งเดียว
ลืมตามาก็เห็นเจ้าเด็กตัวเล็กทำหน้างอนแก้มป่องเชียว
“งือออ
พี่มาร์คอย่าแซว ผมหาซื้อไม่ทันนี่นา นี่ก็หาได้ดีที่สุดแล้วนะ”
“ฮ่าๆ
ไม่ว่าครับไม่ว่า”
มือเรียวยีผมนุ่มไปมา
แค่มีแจ็คสันในวันเกิดก็เป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้วสำหรับเขา
นิ้วเรียวเกลี่ยแก้มกลม
ก้มหน้าลงไปใกล้ ปลายจมูกชนจมูกรั้นสบสายตาขออนุญาตก่อนจะประกบริมฝีปากลงกับกลีบเนื้อนิ่มหยุ่นสีเชอร์รี่
คนตัวเล็กโอนอ่อนแต่โดยดี
หลับตาพริ้มคล้องแขนรับจูบหวานหอมอย่างเต็มใจ มาร์คเลาะเล็มขบเม้มกลีบนุ่มอ่อนโยน แฝงไปด้วยความคิดถึง
จูบซับมุมปากขวาบ้างซ้ายบ้างไม่ยอมผละออกไปไหน จูบซ้ำๆจนปากอิ่มขึ้นสีแดงก่ำ
กลายเป็นแจ็คสันเองที่เผยอปากเชิญชวนให้คนรักเข้าไปเชยชิมภายใน
ปลายลิ้นเล็กม้วนรัดลิ้นเรียวให้เข้ามาก่อนจะปล่อยให้มาร์คกอบโกยอย่างเต็มใจ
ชายหนุ่มในตอนนี้เหมือนเสือที่โดนอดเนื้อให้กินแต่ผักหญ้าเป็นเวลานาน
เมื่อได้ลิ้มรสเนื้อก็บ้าคลั่งหิวกระหายมากกว่าเคย เขี้ยวแหลมครูดกลีบปากอิ่มเบาๆขณะจับใบหน้ากลมเลื่อนหาองศาที่เหมาะกับการชำเราริมฝีปากน่าจูบคู่นี้
ดูดรั้งกลืนกินทั้งลมหายใจ
น้ำใสและพละกำลังของร่างในอ้อมกอดเสียจนแจ็คสันอ่อนยวบยาบ
จากรสจูบหวานๆกลายเป็นจูบเร่าร้อนราวกับเปลวไฟไปในทันตาที่แจ็คสันเป็นคนเปิดโอกาสให้เสือร้ายได้ออกอาละวาด
คนตัวเล็กหอบหายใจหนักทันทีที่โดนปล่อยให้เป็นอิสระ
แต่มาร์คไม่หยุด ริมฝีปากร้อนเลื่อนจูบไปตามสันกรามเนียน หยอกล้อติ่งหูนิ่มและห่วงเหล็กสีดำ
กัดและขบกระดูกอ่อน แจ็คสันตัวสั่นริกรู้สึกตัวเองเป็นลูกกวางที่กำลังโดนสิงโตเล็มชิมก่อนจะขย้ำฉีกกินเป็นอาหารค่ำ
รีบบอกเสียงสั่น
“มาร์ค...นี่ข้างนอกนะ”
มาร์คหยุดนิ่งไปนิด
เหยื่อตัวน้อยโล่งใจไปได้แค่ขณะหนึ่งก็ต้องสะดุ้งโหยงจับบ่าแข็งเอาไว้เพราะเจ็บแปลบบนลำคอ
“ขอได้ไหม?”
“ในรถเนี่ยนะ”
“อืม...ขอมาร์คนะ
นะครับ”มาร์คช้อนตามอง ขณะกกกอดสะโพกลมแน่นเอาไว้เต็มมือ
แม้จะทำตัวอ้อนเป็นลูกแมวน้อยๆแต่บอกเลยว่ารัศมีที่มาร์คเปล่งออกมามันเป็นสิงโตหนุ่มในฤดูผสมพันธ์ชัดๆ!!
อย่างนี้ถึงจะปฏิเสธไปมาร์คก็คงหาวิธีทำให้เขาจำยอมในที่สุดแน่ๆ
แล้วแบบนี้มันจะมีคำตอบไหนได้อีก?
“ข้างหลัง...เบาะหลังเถอะ
ข้างหน้านี่มันน่าอายออกนะ”
แล้วแจ็คสันก็ได้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจของสิงโต...
.
.
.
ร่างเล็กกว่าสบถเล็กน้อยเมื่อกระดุมเสื้อเม็ดที่สี่โดนปลดด้วยความรีบเร่ง
หลังจากพับเบาะข้างคนขับให้มีพื้นที่พอสำหรับการทำกิจกรรมนอกรอบบนรถ
ล็อกประตูและเปิดเร่งแอร์จนสุด มาร์คก็ลากเขามายืนกางขาคร่อมสะโพกตัวเองไว้
ดึงเสื้อสูทออกโยนทิ้งไว้ข้างพร้อมเสื้อของตัวเอง
ส่วนเสื้อเชิ้ตด้านในก็ปลดกระดุมออกหมดทั้งรวงแต่ไม่ยอมให้ถอดออกเสียอย่างนั้น
“รีบรึไงเล่า”แจ็คสันต่อว่าขณะปลดกางเกงแสลกออกไปจากเท้า
ขณะที่มาร์คปลดเพียงซิบกางเกงนั่งเป็นราชาอยู่บนเบาะ
สะโพกอวบถูกรั้งลงบนหน้าขาของร่างโปร่งก่อนจะโดนจับคลึงไปทั่วทั้งต้นขาและก้นงอน
นิ้วเรียวบีบขยำเมามันจนบางจุดก็ขึ้นรอยแดง แปลกที่แจ็คสันดันชอบอะไรแบบนี้
แล้วก็เคยโดนมาร์คบอกว่าเป็นมาโซด้วย นี่เถียงเลยนะว่าแจ็คสันไม่ได้เป็นมาโซ
ไม่ได้เป็น ใครจะชอบโดนทำเจ็บๆกัน (เสียงเบา)
มาร์คหัวเราะเสียงทุ้มต่ำน่าหมั่นไส้ขณะมองร่างเล็กบนตักที่กำลังหน้าแดงก่ำ
ดวงตากลมหรี่พอใจกับสัมผัสนวดคลึงที่เขาบริการให้
ก่อนจะทำอาหารต้องเตรียมเนื้อให้พร้อม
เวลาลงมือทำถึงจะนุ่มหอมพร้อมทาน ยิ่งเป็นวัตถุดิบชั้นเลิศแล้วยิ่งต้องทำอย่างละเมียดละมัย
ผิดก็แต่แจ็คสันไม่ใช่อาหาร ดังนั้นเขาจะกินหลายๆครั้งก็ยังทำได้แค่ต้องเตรียมการให้พร้อมในครั้งแรกก็เท่านั้น
“หันหน้ามานี่”
แจ็คสันพลิกตัวมานั่งคร่อมหันหน้าเข้าหามาร์ค
ทั้งสองจูบกันอีกครั้ง ผิวหน้าอกเสียดสีเร่งปฏิกิริยาได้อย่างดีเยี่ยม
มาร์คครางเสียงอ่อนสัมผัสได้ถึงยอดอกนุ่มนิ่มที่บดเบียดเข้ามาสะกิดเนื้อเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
มือหนึ่งคล้องสะโพกกลม ส่วนอีกมือก็ลูบหน้าอกเล็กนิ่ม นึกขอบคุณที่แจ็คสันเล่นกล้ามเพราะไม่ว่าจะจับจะคลึงตรงไหนก็เต็มไม้เต็มมือโดยเฉพาะหน้าอกและสะโพกที่อวบนูนนิ่มไม่ต่างจากอิสตรี
“อะ มาร์ค”คนตัวเล็กหลุดร้องเรียกชื่อเขา
ซุกหน้าลงบนซอกคอ ดูดรั้ง ไม่ยอมแพ้นิ้วเรียวยาวที่ยุ่งย่ามกับจุดเล็กสีหวานบนแผ่นอกสีขาวผ่องของตน
ปลายนิ้วสะกิดยอดอกสีสวยข้างหนึ่ง ปากอุ่นก้มลงครอบครองอีกด้าน
อ้าครอบดูดซ้ำๆอย่างมันปาก ลิ้นเรียววนรอบจุดกึ่งกลาง
สร้างความเสียวกระสันแล่นปราดไปทั้งร่างขาว แจ็คสันร้องครางเสียงสั่น สอดนิ้วมือขยำเส้นผมสีเข้มพยายามอดกลั้นอารมณ์
จนสาแก่ใจถึงได้ปล่อยให้หน้าอกนุ่มเป็นอิสระ แต่เพราะเล่นดูดฟัดเต็มที่ ทั้งฐานทั้งยอดเลยเต่งตึงสีสวยไม่ต่างจากสาววัยแรกรุ่น
มาร์คมองมันตาเป็นมัน
ดีดนิ้วหยอกอ่อนไหวนั่นเบาๆ แต่ก็ทำเอาแจ็คสันสะดุ้งโหยงไปทั้งร่าง
“สวยเชียว
คัพไหนเนี่ย”
“ประสาทกลับเหรอ
ผมผู้ชายนะ ไม่ใช่ผู้หญิง จะมีคัพอะไรล่ะ”คนตัวเล็กพูดเสียงเขียวหน้างอง้ำ
แจ็คสันไม่ชอบและไม่เคยชอบที่โดนเปรียบเทียบกับผู้หญิง
เพราะรู้ว่ามาร์คเคยคบผู้หญิงมาตลอดจนมาคบกับตัวเอง
ถึงจะคบกันมานานจนไม่น่าระแวงแต่พอมาร์คพูดแบบนี้ทีไรก็ทำให้คิดทุกทีว่ามาร์คอาจกำลังเบื่อตัวเองอยู่ก็ได้
“อย่าหงุดหงิดน่าที่รัก
พี่พูดเล่นเท่านั้นเอง”
“...”
“ยกโทษให้พี่นะครับ”
“อย่าพูดอีกแล้วกัน”พูดงึมงำในลำคอ
ลุกขึ้นขยับหันหลังให้ท่าเดิม แถมยังดึงเสื้อกลับมากลัดกระดุม ไม่แม้แต่จะมองหน้า
ท่าทางจะนอยด์เข้าจริงๆ
มาร์คลุกขึ้นนั่งกอกเอวคอดแน่น
จูบซับหลังคอและไหล่ลาดอย่างรู้สึกผิด “โกรธพี่จริงๆเหรอ ตัวเล็ก พี่ขอโทษครับ”
แจ็คสันนั่งอยู่อย่างนั้นไม่หือไม่อือนานจนมาร์คเริ่มใจเสีย
แต่พอกำลังจะจับให้หันมาคุยกันดีๆ คนตัวเล็กก็เป็นฝ่ายหันหน้ากลับมาหาเอง
“งั้นกอดผมแน่นๆ...ให้ผมรู้ว่าพี่มีผมคนเดียว”
“ตามบัญชาเลยครับ”
กลิ่นหอมอ่อนๆเจือไปตามผิวกายขาวฟุ้งกระจายยิ่งขึ้นเมื่อรูขุมขนเปิดเพราะอุณหภูมิในร่างกายพุ่งสูง
เหงื่อไคลของทั้งคู่ซึมออกมาจนเสื้อผ้าเปียกชุ่ม
แม้จะเปิดแอร์เร่งสุดก็ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะไฟราคะมันเผาไหม้รุนแรงยิ่งกว่า
“อ่า...”แจ็คสันหอบหายใจอ่อนพิงหลังกับอกแกร่ง
ชันขางอวางเท้าบนเบาะข้างลำขาของคนด้านล่าง เชิดหน้าร้องรู้สึกดีขย่มสะโพกเบาๆเป็นจังหวะเดียวกันกับที่มือเรียวรูดรั้งส่วนหน้าให้อย่างเอาใจ
“ดีไหม”ชายหนุ่มถามขณะเลาะเล็มใบหูนิ่ม
มือก็ไม่ลดจังหวะรูดรั้งทั้งยังทำเร็วขึ้นจนร่างเล็กกระตุกถี่ด้วยความเสียวกระสันครางตอบอึกอัก
“อือ...อ๊ะ ดี”
“ทำให้พี่ด้วยสิ”
ตากลมปรือเอียงหน้ามาสบตาหลุบต่ำลงไปมองส่วนใหญ่โตที่กำลังขยับขยายเต็มชั้นใน
จริงๆไม่ต้องมองก็พอจะรู้ ก็นั่งทับให้ทิ่มก้นมาสักพักแล้วนี่นะ…
มือเล็กล้วงเข้าไปจับส่วนแข็งร้อนนั่นออกมาให้พบอากาศด้านนอก
จับรูดแท่งอุ่นร้อนนั้นอย่างคุ้นเคย นิ่มนวล เมื่อต่างคนต่างพึงพอใจ มาร์ครูดรั้งเขาแรงขึ้น
มือเรียวทั้งหยาบทั้งเชี่ยวชาญไม่นานแจ็คสันก็ร้องลั่น
ปลดปล่อยออกมาพุ่งเลอะทั้งตัวเอง ทั้งมาร์คและทั้งรถคันสวย
ไม่ทันที่จะได้ทันตั้งตัว มาร์คก็ป้ายส่วนที่เพิ่งถูกปล่อยออกมาจับยัดเข้าช่องรักด้านหลังทันที
“อ๊ะ โอ้ย!”เมื่อทำแบบไม่ถนอมก็เลยโดนศอกแหลมๆถองเข้าใส่เต็มๆ มาร์คร้องลั่นแต่ก็ยังมีหน้าหัวเราะได้อีก
“อะไรกัน
แค่นิ้วเดียวเองนะ”
“จะนิ้วไหนโดนสวนเข้าไปก็เจ็บโว้ย! แล้วใส่เข้ามาพรวดพราด อยากอดสักสามเดือนไหม”
“ขู่ตลอด
พี่เคยทำเจ็บเหรอ”
“...อย่าให้ต้องร่ายให้ฟังนะมาร์ค”ดวงตากลมหรี่แววเย็นชาและเบื่อหน่าย
แต่มาร์คก็แค่ยักไหล่ เพราะเกือบทุกครั้งที่เขาทำรุนแรงก็เจ้าตัวเองนั่นแหละที่ร้องขอ
แต่พอเสร็จก็ดันป้ายความผิดให้เขาทุกที
มาร์คใช้นิ้วคว้านเบิกทาง
ก่อนจะสมทบด้วยนิ้วที่สองและสามตามลำดับ
ผนังหยุ่นด้านในตอดรัดเสียจนอดคิดไม่ได้ว่าถ้าได้เข้าไปในตอนนี้คงโดนรัดจนเสร็จก่อนสุขแน่ๆ
แจ็คสันกดหน้าลงกับเบาะด้านหน้า กดเอวยกสะโพกกลมขึ้นให้ชายหนุ่มได้ทำง่ายขึ้น
เมื่อแน่ใจว่าพร้อมแล้วมาร์คก็ดึงคนตัวเล็กลงมา
กดแทรกตัวเองเข้าช่องทางนุ่มอย่างระมัดระวัง คนตัวเล็กครางเสียงอ่อน
เนื้อตัวสั่นริกเป็นสีชมพูตลอดทั้งร่าง
แยกขากว้างกดตัวเองลงช่วยให้มาร์คเข้ามาได้ง่ายขึ้น ไม่นานก็เข้าไปได้หมด
“ขยับนะ”
แจ็คสันส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงยังไม่พร้อม
แต่ยังช้ากว่ามือเรียวที่บังคับก้นเขาให้ลอยขึ้นจากฐานปล่อย
คนตัวเล็กคว้าขอบหน้าต่างพยุงตัวไว้ หันไปส่งสายตาไม่พอใจให้คนบนเบาะ
...ถือว่าตัวเหนือกว่าล่ะเอาใหญ่เลยนะ...
คิดอย่างหงุดหงิดใจที่รู้ว่าตัวเองตกเป็นเบี้ยล่างมาร์คอีกครั้ง
แต่พอคิดว่าตัวเองก็ผิดที่เกือบลืมวันเกิดมาร์คก็เลยปล่อยเลยตามเลย
“เห็นว่าวันเกิดหรอกนะ”พูดงึมงำในลำคอให้แค่ตัวเองได้ยินแต่แจ็คสันคงลืมไปว่าตนกับมาร์คกำลังเนื้อแนบเนื้อ
ถ้าอีกฝ่ายไม่ได้ยินคงหูหนวกแล้วแน่ๆ
มาร์คยิ้มกริ่มนวดเอวเล็กอย่างนุ่มนวล
ค่อยๆกดคนตัวเล็กลงครอบครองแก่นกายตัวเองอีกครั้ง ส่วนร้อนถลำเข้าโพรงรักจนสุด ภายในกายคนตัวเล็กช่างตอดรัดอย่างเร่งเร้าและอุ่นร้อน
ชายหนุ่มส่ายสะโพกหาจุดเสียวภายในสองสามรอบก่อนจะได้ยิ้มกริ่มเพราะแจ็คสันเผลอหลุดร้องเสียงหวานเมื่อเขาเสือกกายไปโดนจุดหนึ่งเข้า
“อ่ะ!!”แจ็คสันเองก็รู้แล้วว่ามาร์คหาจุดอ่อนของตนเจอเข้าแล้วเลยรีบจะคุมเกมเอง
แต่สิงโตก็คือสิงโต เมื่อรู้จุดอ่อนเหยื่อแล้วก็ฉวยโอกาสนั้นกระแทกเข้าจุดเดิมซ้ำๆ
บีบนวดหน้าอก ดูดดึงซอกคอขาว ทุกส่วนในร่างซึ่งล้วนแต่เป็นจุดอ่อนจนเหยื่อทั้งจุกทั้งรู้สึกดี
ตัวอ่อนยวบยาบกลายเป็นเด็กดีแสนว่าง่าย ขยับสะโพกเข้าหาร่างคนรัก เนื้อกระทบเนื้อส่งเสียงดังตับๆระรื่นหู
แจ็คสันหอบหายใจหนัก
เริ่มขยับตัวตอบรับจังหวะรักอ่อนหวาน ความต้องการในกายชนะทิฐิหรือความรู้สึกอื่นใด
ปล่อยตัวปล่อยใจใฝ่หาความสุขกับกามรสอย่างเต็มที่ มือเล็กจับมือมาร์คออกจากเอว งอขายันเข่ากับเบาะ
มือจับท่อนขาแข็งแรงที่วางพาดกับเบาะหน้า ใช้เป็นทุ่นยึดพยุงกาย ส่งแรงขย่มท่อนแข็งร้อนด้วยจังหวะที่เร็วขึ้น
ลึกขึ้น สานต่อบทรักนี้เองอย่างเต็มใจ ขมิบตอดหยอกล้อ บดเนื้อนิ่มกับสะโพกแกร่ง ขยับขวาบ้างซ้ายบ้าง
สร้างรสชาติให้รสรักไม่จืดชืด
ร้องครางพึงพอใจเมื่อมาร์ครู้งานบดคลึงยอดอกแข็งขืนปลุกเร้าอารมณ์ให้พุ่งทะยาน
เสื้อเชิ้ตร่นลงกองอยู่ที่ต้นแขนเผยไหล่มนแดงเรื่อและช่วงต้นคออาบเหงื่อสุดเซ็กซี่
ยิ่งแจ็คสันรู้สึกดีมากเท่าไหร่ฟีโรโมนของคนตัวเล็กยิ่งฟุ้งกระจาย
ทำเอามาร์คมึนเบลอ แค่แจ็คสันเปรยตามองมาก็แทบคลานคุกเข่าขอตกเป็นทาส
“มาร์ค
ช่วยหน่อย อ่า ขยับที”เสียงแหบพร่าขอร้องเสียงอ่อน ดวงหน้าน่ารักออดอ้อนชวนใจละลาย
ไม่ว่าใครได้เห็นแจ็คสันในโหมดนี้ต้องหลงชนิดโงหัวไม่ขึ้น
เอวเล็กถูกกอดรัดแน่น
สะโพกแข็งแรงยกจากเบาะรัวจังหวะเข้าหาช่องทางร้อนผ่าวตามที่อีกฝ่ายร้องขอไม่ต่างจากปืนเอ็มสิบหก
ก้อนเนื้อนุ่มนิ่มด้านหลังแดงผ่าว เสียงแหบครางร้องแทบไม่เป็นภาษา
หยดน้ำตาใสเอ่อคลอด้วยตาทั้งเสียวทั้งรู้สึกดี สองแขนขาวคล้องรอบลำคอแกร่ง
หยัดกายโก่งโค้งตัวไปด้านหน้ารับแรงต้านทานพาวาบหวาม ส่วนอ่อนไหวสีชมพูปริ่มน้ำใกล้ถึงจุดสุขสม
ต้นขาสั่นริก หัวใจเต้นสูบฉีดแรงจนแทบกระดอนออกมาเต้นด้านนอก
มาร์ครู้สึกเสียววูบขึ้นมาใกลจะเสร็จเต็มทน
จับเข่าแดงครูดออกไปด้านข้างบังคับสะโพกอวบให้ย่อลงมาอีก
เสือกไสกายเข้าลึกล้ำรุนแรง ขย่มไม่สนใจว่ารถจะโยกขนาดไหน ทั้งสองหวีดครางสุขสมปลดปล่อยออกมาพร้อมกัน
ร่างของแจ็คสันกระตุกวูบใหญ่จากการเสร็จสิ้นและแรงอัดฉีดเข้ามาในกาย หลับตาลงรับรู้ถึงของเหลวอุ่นร้อนกำลังชโลมเติมเต็มพื้นที่ในช่องรักอย่างเคย
จนเมื่อมาร์คปล่อยออกมาหมดทั้งสองก็หล่นวูบลงไปนอนทับกันบนเบาะหลัง
มาร์คโอบเอวคนตัวขาวขึ้นไปนอนบนกาย
เกลี่ยแก้มนิ่มอย่างรักใคร่ จูบกระหม่อมขาวที่ซุกอยู่บนไหล่ตัวเอง ต่างคนต่างหอบหายใจหนักแข่งกันจนชายหนุ่มอดจะหยอกล้อไม่ได้
“เรานี่แก่กันแล้วสินะ
แค่รอบเดียวถึงได้หอบขนาดนี้”
“พี่แก่ไปคนเดียวเหอะ”แจ็คสันว่าเข้าให้
สูดลมหายใจเข้าลึกพยายามหยุดหอบ นอนพักอยู่ท่านั้นเกือบห้านาที
คนตัวเล็กก็ยันตัวขึ้น นั่งคร่อมสะโพกแข็งแรงที่ยังไม่หลุดออกจากกัน
หยิบเสื้อนอกของตัวเองมาค้นหาอะไรยุกยิกๆ
หยิบซองสีทองดูหรูหราขึ้นมารูดเชือกเทของในนั้นออกมาบนฝ่ามือ
สบสายตากับมาร์คที่จ้องมาก่อนอย่างอยากรู้ว่าคนตัวเล็กจะทำอะไรต่อเงียบๆ
“ของขวัญวันเกิดปีนี้...ก็เหมือนเดิมนะครับ”
...เหมือนเดิม
ก็คือของคู่กันเหมือนเดิม...
ร่างเล็กเอนตัวลงมา
ถอดสายสร้อยสีทองสวมให้เขาเองกับมือ มาร์คหยิบมันขึ้นมามองเล็กน้อย
แล้วหยิบอีกเส้นบนมือเล็กคล้องลำคอขาวไว้เช่นกัน
“หมั้นแล้วนะครับ”
“บ้า
หมั้นอะไรล่ะ แค่ของขวัญวันเกิดหรอก”
“นั่นสิ
ก็แต่งงานกันแล้ว จะให้หมั้นอะไรกันอีกเนอะ”พูดไปก็มองวงแหวนสีเงินบนนิ้วนางของคนตัวเล็กไปอย่างสุขใจ
แจ็คสันยิ้มเล็กๆ ก้มลงจูบปากมาร์คเบาๆ
“สุขสันต์วันเกิดนะครับ
พี่มาร์ค"
ถ้าถามว่าของขวัญวันเกิดที่ดีที่สุดในชีวิตคืออะไร
มาร์คคงตอบไม่ได้
แต่ถ้าเป็นของขวัญที่ล้ำค่ามากที่สุดในชีวิต
เขาตอบได้อย่างไม่ลังเล
ว่าคนๆนั้นคือคนที่เขาสัญญาว่าจะรักและดูแลไปตลอดชีวิต
คนที่เรียกได้อย่างเต็มปากว่าคู่ชีวิต
“ขอบคุณสำหรับของขวัญชิ้นนี้นะครับ...แจ็คสัน”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น