[OUR] 34
OUR BABY!
บทที่ 34
“แต่ผมไม่กลับบ้านนั้นนะ”
มาร์คชะงักไปด้วยความไม่เข้าใจ จ้องเข้าไปในดวงตากลมโตที่ไม่ยอมหลบตาเหมือนเคย
แววตาใสไม่มีร่องรอยความโกรธเคืองอย่างที่คิด แต่กลับจริงจังเสียจนความรู้สึกสั่นไหวหวาดหวั่นในตอนแรกสงบลง
“ทำไมล่ะครับ?”
“พี่โกรธผมไหม?”
“หา?”มาร์คย้อนถามประโยคคำถามที่ตอบกลับมาแทนที่จะเป็นคำถามที่เขาถามไปตอนแรก
แจ็คสันบุ้ยปากเล็กน้อย ก่อนย้ำอีกรอบ “พี่โกรธไหมที่ผมดื้อไม่ยอมกลับบ้าน”
“พี่ห่วงมากกว่า”ชายหนุ่มตอบ
โอบรอบสะโพกกลมให้ไปนั่งบนโซฟาตัวนุ่มเพราะกลัวว่าคนท้องจะเมื่อย
นั่งลงข้างๆพลางกอบกุมมือป้อมนุ่มนิ่มไว้
“กลัวว่ามาอยู่ที่นี่แล้วจะไม่มีคนดูแล
จะไม่มีใครคอยห้ามเวลาแจ็คสันดื้อ แต่พี่ว่าพี่คิดผิดนะ แจ็คสันมาอยู่ที่นี่ดูสบายกว่าอยู่กับพี่ซะอีก”มือหยาบลูบใบหน้ากลมเอิบอิ่มของคนรัก
หัวเราะกับมุกตลกร้ายของตัวเอง มาร์ครู้ตัวอยู่เสมอว่าตั้งแต่แต่งงานกันมาตัวเองดูแลแจ็คสันได้ไม่ดีเท่าที่ควร
จนทำให้คนตัวเล็กน้อยใจเสมอ
ดังนั้นเขาเลยไม่โกรธที่แจ็คสันจะโกรธจนหนีมาอยู่ที่นี่ตั้งหลายเดือน
แจ็คสันมองสีหน้ารู้สึกผิดของมาร์คก็พอเข้าใจ
เสตาเม้มปากเล็กน้อยเพื่อตัดสินใจอะไรบางอย่าง ถอนหายใจเล็กๆอีกรอบ
กำมือตอบชายหนุ่มให้มาร์คเงยหน้าขึ้นมามองตัวเอง
“ก่อนอื่นก็เรื่องแรกเลย...วันนั้นทำไมพี่ได้ไปจูบกับผู้หญิงคนนั้น
แล้วเขาเป็นใคร”
“เธอชื่อ อลิสสา เป็นเพื่อนร่วมงานในโครงการแล้วก็เป็นแฟนเก่าพี่ที่อเมริกา
วันนั้นพี่เมาขับรถกลับบ้านเองไม่ได้ เธอเลยขับรถมาส่ง แล้วเธอก็ดึงพี่ไปจูบ...”
มาร์คเบิกตาโตหยุดเสียงกะทันหันเพราะริมฝีปากอิ่มเอิบที่เคลื่อนเข้ามาทาบปิดปากเขาเอาไว้
สัมผัสแผ่วเบาอ่อนหวานแสนคุ้นเคย แค่เพียงนิดก็ซ่านสะท้านไปทั้งร่าง อวัยวะในอกด้านซ้ายเต้นตุบตับหนักจนชายหนุ่มคิดว่ามันกำลังจะกระดอนออกมาเต้นได้อยู่แล้ว
น่าเสียดายที่สัมผัสนั้นมาและถอยออกในช่วงเพียงผีเสื้อกระพือปีกเท่านั้น
ดวงตาโตลืมขึ้นมามองคาดคั้นคนตัวสูงกว่าเขม็ง
“ตอนนั้นพี่รู้สึกยังไง...เหมือนที่จูบกับผมไหม”
“ไม่เหมือนเลยครับ”ชายหนุ่มพูดเพ้อๆ กระพริบตาเรียกสติดึงคนท้องมานั่งเกยตัก
น้ำหนักตัวของแจ็คสันรวมกับเจ้าตัวเล็กในท้องทำเอาแอบเจ็บขานิดๆ
รีบยึดฝ่ามือขาวมาวางบนอก จ้องมองดวงตากลมเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง
“ตอนจูบกับอลิสพี่ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
แต่กับแจ็คสัน...ฟังหัวใจพี่สิ”
แจ็คสันวางมือลงไปรับรู้ถึงแรงเต้นรัวในอกของชายหนุ่ม
ฟันกระต่ายขาวกัดริมฝีปากล่าง แอบเขินนิดๆ
แต่เขาก็ไม่บอกมาร์คหรอกนะว่าหัวใจเขาตอนนี้ก็เต้นแรงไม่แพ้กัน ค้างอยู่ท่านั้นสักพักก่อนจะดึงมือตัวเองออกมาตีหน้าอกแข็ง
ย้ายลงไปนั่งที่เดิมของตัวเอง
“ผมหนักน่า...”เฉไฉเปลี่ยนเรื่องไป
แถมยังเปลี่ยนประเด็นใหม่ได้หน้าตาเฉย
จริงๆแล้วแจ็คสันรู้มาจากพี่แทคตั้งแต่แรกๆที่หนีมาแล้ว
แต่เพราะตอนนั้นยังโกรธอยู่ เลยไม่ได้คิดสนใจอะไรมากมาย อีกทั้งยังอยากฟังจากปากมาร์คเองด้วย
“อีกเรื่อง
พี่แทคยอนบอกผมว่าพี่ลาออกจากงาน...พี่ลาออกมาทำไม”
“พี่อยากใช้เวลาในการดูแลครอบครัวของเรา
ดูแลแจ็คสันให้เต็มที่ ไม่ดีเหรอครับ?”ถามพลางโอบกระชับเอวอวบ วางมือบนหน้าขาแน่น
“ไม่ดีเลย พี่ทำให้ผมรู้สึกผิดนะ”คิ้วบางขมวดแน่น
สูดลมหายใจเข้าลึก “ที่ผมไม่เคยโวยวายต่อว่าพี่เรื่องไม่มีเวลาให้ผม
เพราะผมเข้าใจว่ามันคืองาน ผมไม่อยากให้ผมเป็นตัวถ่วงพี่ ยิ่งพี่ทำแบบนี้ผมก็ยิ่งเป็นเหมือนตัวการให้ชีวิตการงานพี่พังสิ”
“ไม่ใช่เลยนะแจ็คสัน”มาร์คส่ายหน้ากอดคนตัวขาวไว้แน่น
รีบอธิบายกลัวว่าคนท้องจะคิดมากไปมากกว่านี้ “พี่คิดว่าจะออกตั้งนานแล้วครับ
เรื่องเราก็ส่วนหนึ่ง
แต่ที่พี่อยากออกจริงๆก็เพราะพี่จะได้มีเวลาทำการทดลองอิสระของพี่ได้อย่างเต็มที่
ไม่ใช่เพราะแจ็คสันนะ”
“จริงเหรอ?”ดวงตากลมเงยหน้าขึ้นมาจ้องเขม็งให้แน่ใจ
“จริงครับ”
ดวงหน้ากลมพยักหน้าเบาๆเป็นสัญญาณว่าเข้าใจแล้ว ฉวยโอกาสนี้กำลังจะลุกขึ้นแต่ก็โดนมาร์คกอดแน่นไม่ยอมให้ลุก
“แจ็คสันยังไม่ตอบคำถามพี่เลย
ทำไมแจ็คสันไม่ยอมกลับบ้านกับพี่ล่ะครับ”มาร์ครีบรั้งคนตัวเล็กไว้กลัวว่าจะหนีไม่ยอมตอบคำถามเขาอีก
แจ็คสันเม้มปากหน้าแดง ดูท่าทางจะอายกับเหตุผลของตัวเอง
แต่เพราะคิดแล้วว่าอยากเคลียร์ให้จบในวันนี้เลยทำใจแข็งพูดออกไป
“จริงๆผมมีเหตุผลที่อยากอยู่ที่นี่นะ...”
มาร์คเอียงคอสงสัย
ตั้งใจฟังว่าคนตัวเล็กจะพูดอะไรต่อ นั่นทำให้แจ็คสันเกิดประหม่าขึ้นมานิดๆ
“ตอนแรกก็โกรธแหละ ทั้งน้อยใจด้วย”ดวงตากลมค้อนชายหนุ่มแรงมากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้
ปากอิ่มแบะออกเป็นเป็ดน่าเอ็นดู “กลับบ้านค่ำทุกวันเลย ผมก็อุตส่าห์รอ
ห่วงว่าพี่จะเป็นอะไรไหม พอกลับมาก็ดันมาจูบคนอื่นให้ผมเห็น มันก็โกรธดิ
เอามือมาให้ตีเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
มาร์คยื่นมือไปให้คนตัวเล็กงงๆ ก่อนจะร้องโอ๊ยเมื่อโดนฝ่ามือป้อมตีเข้าจริงๆชาแปลบๆแล่นขึ้นมาเลยครับ
โอโฮ้ มืออย่างหนัก
“โอเค หายโกรธแล้ว”
...เมื่อกี้ไหนว่าหายโกรธพี่ไปแล้วไงตัวเล็ก
ทำไมพี่ถึงโดนตีอีกครับเนี่ย T^T โอโฮ ช้ำใจ มาร์คโดนเมียตี
เจ็บอย่างกับโดนปืนยิง...
“แล้วพอเข้าโรงพยาบาลก็กลัว...กลัวว่าถ้าผมหกล้มแบบวันนั้นแล้วผมไม่มีพี่อยู่ด้วยจะทำยังไง
ผมไม่อยากเสียลูกไปและผมก็อยากจะกวนงานพี่ด้วย โกรธก็โกรธ
วันต่อมาเลยหนีมาอยู่บ้านป๊าม๊าดีกว่า นั่นแหละเหตุผลผม งี่เง่าใช่ไหมล่ะ”
พูดเอง บ่นเอง งอนเอง อ่า
เมียมาร์คต้วนนี่ชักจะเดาอารมณ์ยากขึ้นทุกทีแล้วนะครับ...ชายหนุ่มส่ายหน้าขำๆดึงคนขี้งอนมากอดไว้หลวมๆ
หอมหัวกลมเบาๆและค้างไว้
“ไม่หรอก พี่เข้าใจเรานะ
และพี่ก็ไม่เคยคิดโกรธแจ็คสันเลยด้วย แต่เหตุผลไม่ได้มีแค่นั้นใช่ไหมครับ”
แจ็คสันบุ้ยปากแก้มแดงทันที
...ชิ ทีงี้ทำไมฉลาดนักนะ อ้อ..ก็มาร์คนี่นะ
ต้องโทษตัวเองใช่ไหมที่มีสามีเป็นอัจฉริยะน่ะ...
แจ็คสันไม่ยอมตอบ
เงียบนานจนมาร์คต้องดันคนตัวเล็กขึ้นมาสบตาอีกรอบ
“ก็...ผมห่วงเมสันนี่นา...กลัวว่าลูกจะไม่รู้จักการเข้าสังคม...คือ
อยู่บ้านนู้นมีแต่ผมกับพี่ แล้วก็...พี่เข้าใจผมไหม?
เราไม่ได้เป็นคู่แต่งงานปกติชายหญิง ผมกลัวว่าเมสันจะมีปัญหาตอนเข้าโรงเรียน”ในที่สุดแจ็คสันก็เผยความคิดมากของตัวเองออกมา
มันเป็นความกังวลมาตั้งแต่เริ่มจนถึงปัจจุบันปมนั้นก็ยังไม่เคลื่อนออกไปจากหัวสมองสักที
ยิ่งจะมีลูกคนที่สองแล้วก็ยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ เขาคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่
เพราะมนุษย์จำเป็นต้องมีสังคม เขาอยากให้ลูกเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป
ไม่อยากให้โดนรังแกหรือโดนล้อว่ามีพ่อแม่เป็นผู้ชายทั้งคู่
ดังนั้นเขาก็เลยพาเมสันลงมาอยู่กับครอบครัวป๊าม๊า ได้ออกไปเจอสังคมโดยรอบด้วยตนเอง
ส่วนที่ไม่ยอมบอกมาร์คเรื่องนี้ก็เพราะว่า ‘งอน’ คำเดียวโดดๆเลย
“อ่า...เรื่องนี้”มาร์คเข้าใจสิ่งที่แจ็คสันคิดในทันที
เขายิ้มให้กับความอ่อนโยนของคนตัวเล็ก โอบกระชับคนตัวกลมเข้ามาใกล้
กดจูบข้างเรือนผมอ่อนนุ่มและแก้มกลม “คิดมาก”
“เออ ก็คิดมากไง คิดมากยังดีกว่าคิดน้อยล่ะน่า”จมูกรั้นพ่นลมหายใจฟึดฟัดดิ้นตัวขืนออกมาจากอ้อมกอดอุ่น
งอนขึ้นมานิดๆที่มาร์คไม่เห็นด้วยกับตัวเอง “ปล่อยสิ จะไปดูลูก”
“อย่าเพิ่งไป...” มาร์คคว้าข้อมือขาวเอาไว้ “จะอยู่ที่นี่ต่อใช่ไหมครับ”
แจ็คสันนิ่งไปนิดก่อนตอบ “อืม” แอบลุ้นกับปฏิกิริยาของมาร์ค
แต่พอเห็นรอยยิ้มบางเห็นเขี้ยวขาวแล้วก็โล่งใจขึ้นเปราะหนึ่ง
“พี่เข้าใจแล้วล่ะ...งั้นพี่ขอมาเยี่ยมทุกวันเลยได้ไหม?”
“ก็เอาสิ ใครไปห้ามพี่ไว้ล่ะ”
“แล้วตอนไหนจะยอมกลับกับพี่ละครับ”
“เดี๋ยวผมไปดูลูกก่อนนะ”
“แล้ว...”
“ย่า!!! ก็บอกว่าจะไปดูลูกไง!”
“มาถี่ขนาดนี้จะมาอยู่บ้านนี้เลยไหมล่ะมาร์ค”เจ้าบ้านหวังทักทายลูกเขยคนเก่งที่โผล่หน้ามาตั้งแต่เช้าตรู่
ร่วมโต๊ะทานอาหารเช้าได้ทุกวัน มาร์คหัวเราะตอบกลับเล็กน้อยขณะช่วยภรรยาตัวเล็กจัดจานอยู่ในครัว
ตั้งแต่วันที่พวกเขาเปิดใจกลับมาคืนดีกัน มาร์คก็ขยันเดินทางมาบ้านหวังตั้งแต่เช้าตรู่
มารดน้ำต้นไม้ เอาผ้าเข้าเครื่อง ล้างรถ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำได้เพื่อไม่ให้แจ็คสันทำงานหนัก
จนบางครั้งคนตัวเล็กได้แค่นั่งนิ่งๆเลี้ยงลูกอย่างเดียวก็มี
แล้วก็โดนแจ็คสันเอ็ดตลอดเพราะไอ้คนที่มันไม่เคยทำงานบ้านมาทำ
มันจะมีอะไรนอกจากความวินาศสันตะโร สุดท้ายคนท้องเลยเสนอให้มาร์คเป็นผู้ช่วยก็พอ
บ้านเขาจะได้ไม่พังไปมากกว่านี้
“ไม่ต้องให้อยู่หรอกป๊า เผลอๆจะทำบ้านเราระเบิดพอดี”แจ็คสันเอ่ย
แซะไข่เจียวหอมกรุ่นขึ้นมาวางข้างๆข้าวผัดสีสวย ให้มาร์คยกมันไปวางไว้ที่โต๊ะ
“เราก็ว่าไป”คุณนายหวังหัวเราะขณะกอดเมสันให้นั่งรออยู่นิ่งๆบนตัก
ยิ้มกว้างมีความสุขที่เห็นครอบครัวครบหน้าครบตาอยู่ในห้องที่ไม่ใหญ่นักแต่ก็อัดแน่นไปด้วยความอบอุ่นเช่นนี้
“ปะป๊า เมสันหิวววว”
“รอก่อนสิเมสัน”มาร์คหันไปดุเจ้าตัวเล็กที่เริ่มมีฤทธิ์มีเดชกับเขาบ้างแล้ว
ทำทุกอย่างคล่องขึ้น พูดชัดขึ้นจะมีอ้อแอ้แค่บางคำ เข้าห้องน้ำเองได้แล้ว
ช่วยงานบ้านได้แล้วด้วย ซนบ้างแต่ดีที่ก็ยังเชื่อฟังผู้ใหญ่อยู่เลยไม่ต้องเหนื่อยเท่าไหร่
“ก็ป๊าแกล้งม๊าอ่ะ เมสันเห็นนะ!”
“ข้าวของเมสันมาแล้วครับ กินนะครับ”เสียงแจ็คสันแหวกออกมาจากในครัว
ใบหน้ากลมแดงก่ำทั้งยังแสร้งยิ้ม
รีบยัดจานใบเล็กของลูกรักให้มาร์คเอาไปปิดปากเจ้าตัวเล็กที่อาจพูดอะไรเป็นภัยต่อใบหน้าบางๆของคนเป็นแม่ได้
มาร์คมองก็พอรู้ว่าแจ็คสันเขิน ก้มลงกระซิบข้างใบหูขาวก่อนรีบวิ่งออกมาเพราะกลัวจะโดนลูกถีบจากคนขี้อาย
‘อายอะไรล่ะตัวเล็ก แค่จูบอรุณสวัสดิ์ยามเช้าเองนะ’
…จะจูบ จะอะไรก็ช่างเหอะ ต่อหน้าลูกเขาก็อายหมดนั่นแหละ ฮึ่ย!!!...
ก็ตอนเช้าเขายังไม่ตื่น แล้วมาร์คก็บุกเข้ามาจูบปลุกถึงเตียง
เกือบจะเกินเลยแล้วถ้ามาร์คไม่สังเกตว่ามีตาแป๋วๆคู่หนึ่งตื่นขึ้นมามองด้วยความสนใจอยู่ข้างๆ
เป็นพยานรักของป๊าม๊าแล้วไม่ต้องเป็นพยานฉากรักด้วยก็ได้นะลูก
มะม๊าอาย -/////-
“แล้วบ้านน่ะมีคนซื้อแล้วเหรอ
เห็นเอาป้ายประกาศขายลงแล้วนี่ เป็นคนแถวไหนล่ะ”
“เป็นคนไต้หวันครับ แต่ไปเกิดที่แอลเอ
มีภรรยาอยู่ที่นี่
แต่พอดีภรรยาเขาไม่ยอมกลับบ้านก็เลยตั้งใจว่าจะมาอยู่บ้านนั้นชั่วคราวจนกว่าภรรยาจะยอมกลับด้วยน่ะครับ”
“เล่นลิ้นเก่งนักนะเราน่ะ”เจ้าบ้านหวังหัวเราะฮ่าๆ
ผิดกับแจ็คสันที่หน้าร้อนฉ่า “ตกลงบ้านหลังนั้นจะไม่ขายแล้วเหรอ?”
“ครับ ผมคิดแล้วว่าเก็บไว้คงดีกว่า
ถ้าขายไปผมคงเสียดายอะไรหลายๆอย่างที่อยู่ในนั้น”
“เอ้อ ก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องมีเพื่อนบ้านใหม่
ถ้าเข้ากันไม่ได้คงลำบากแย่เลย”คุณนายหวังพยักหน้าให้ชายหนุ่มเจ้าของบ้านหลังข้างๆ
“แล้วเราล่ะกากา เรื่องนัดน่ะ”
แจ็คสันเงยหน้าจากการป้อนข้าวเมสันที่เคี้ยวหงุบหงับแก้มกระเพื่อมน่าเอ็นดูขึ้นมามองคนถาม
หลับตาคิดชั่วครู่ “ก็อีกสัปดาห์อ่ะม๊า”
“แล้วเตรียมตัวรึยังล่ะเราน่ะ”
“เตรียมตัวแล้ว ไม่ต้องห่วง”คนตัวเล็กยิ้มร่า
ท้องรอบนี้เขาไม่พลาดหรอกน่า
จบอาหารเช้าทุกคนก็แยกย้ายไปทำภารกิจของตนเอง
แจ็คสันพาเมสันไปเล่นหลังบ้าน โดยมีมาร์คตามประกบอยู่ไม่ห่าง
ทั้งสองนั่งเคียงคู่กันบนม้านั่งใต้ร่มไม้ใหญ่โอบคลุมให้ร่มเงาเกือบทั้งสวน
มองดูลูกชายตัวเล็กวิ่งเล่นเตะลูกฟุตบอลไปรอบๆสนามด้วยความรัก มาร์คลูบหน้าท้องใหญ่ของคนข้างๆ
เอนตัวเอาหูแนบฟังเสียงสิ่งมีชีวิตตัวจ้อยด้านใน
“ใกล้ออกมาให้ป๊ากอดแล้วสินะ”
“ก็แปดเดือนครึ่งแล้วนี่นา”แจ็คสันหัวเราะเบาๆก่อนจะนิ่วหน้าเอนตัวพิงพนักรู้สึกเจ็บหน่วงขึ้นมา
ลมหายใจกระชั้นแรงขึ้น มาร์คบีบมือคนรักแน่นถามด้วยความกังวล
“เจ็บท้องเหรอ? ไหวไหม พี่จะพาไปโรงบาล”
“ไม่ๆ แค่เจ็บเตือนอ่ะ”แจ็คสันรีบบอก หลับตาผ่อนลมหายใจลงเมื่อรู้สึกสบายขึ้น
“คืนนี้พี่มานอนด้วยนะ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ครับ
เผื่อตัวเล็กปวดท้องคลอดขึ้นมากลางดึกใครจะพาไปหาหมอ?”ทำหน้าดุใส่ภรรยาตัวเล็กที่ยู่หน้าเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้ายอมแต่โดยดี
คืนนั้นมาร์คก็จัดการปูฟูกไว้ที่ชั้นล่างของบ้านให้แจ็คสันได้นอนในช่วงใกล้คลอดเผื่อเหตุฉุกเฉินจะได้พาส่งโรงพยาบาลได้อย่างทันท่วงที
เมสันวิ่งขึ้นลงบ้านหลายทีเพื่อไปหยิบเอาของเล่นของตัวเองลงมาจากห้อง
เจ้าตัวเล็กยิ้มร่าเริงมีความสุขเพราะรู้ว่าคืนนี้ตนจะได้นอนกับป๊าม๊าหลังจากไม่ได้นอนมานาน
จนสองทุ่มก็ยังไม่ยอมไปอาบน้ำเสียที
“เมสัน ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้
ไม่งั้นม๊าจะให้ไปนอนบนบ้านคนเดียวนะครับ”
“คร๊าบ”เจ้าตัวเล็กตอบเสียงลากยาว
ลุกขึ้นวิ่งดุ๊กๆเข้าไปในห้องน้ำ เมสันอาบน้ำเองเป็นแล้ว
ไม่ต้องให้ผู้ใหญ่ช่วยแล้วเพราะแจ็คสันอยากให้ลูกช่วยตัวเองได้ตั้งแต่เล็กๆก็เลยสอนมาตั้งแต่ขวบกว่าๆ
“คุณแม่ดุจังเลย”มาร์คกลั้วหัวเราะขณะจัดที่นอนให้กับตัวเอง
ส่วนของแจ็คสันจัดเสร็จไปตั้งแต่หัวค่ำแล้ว พวกเขาอาบน้ำเสร็จแล้วก็เหลือแค่เมสันนั่นแหละที่เอาแต่เล่นจนไม่ได้อาบน้ำ
“ไม่ดุ เมสันก็ดื้อน่ะสิ”แจ็คสันตอกกลับ
เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คว่ามีนัดอะไรพรุ่งนี้หรือไม่ แน่ใจว่าไม่มีก็วางมันลงปลายฟูก
รอไม่นานนักเจ้าตัวเล็กก็วิ่งปรู๊ดออกมาในชุดนอนตัวโคร่งลายลูกหมีสีเหลืองน่ารัก
“ม๊า เมสันใส่เสื้อไม่ได้”ลงมานั่งข้างตัวคนท้อง
กระพริบตากลมๆอ้อนให้ใส่เสื้อให้ แจ็คสันเอี้ยวตัวจะไปใส่ให้ก็มีมาร์คเดินมานั่งลงข้างๆก่อน
“เดี๋ยวป๊าสอนให้”ชายหนุ่มบอกลูกชายตัวเล็กที่หันหน้าไปฉีกยิ้มนั่งนิ่งๆให้คนเป็นพ่อสอน
มือเล็กๆมีมือใหญ่โอบแนะสอนให้ด้วยความใส่ใจ “เอามือจับกระดุมนี้นะ แล้วก็สอดเข้าไปในรูนี้...อืม
ใช่ๆ ทำไปเดี๋ยวก็ชิน”
“เมสันทำไม่ได้”
“ทำได้สิ ลองดูใหม่นะ”
แจ็คสันมองภาพนั้นแล้วก็ยิ้มมีความสุข
มาร์คเป็นคุณพ่อที่น่ารักจริงๆนั่นแหละ
.
.
.
กว่าที่พวกเขาจะได้เข้านอนกันก็สามทุ่มครึ่ง
เลยเวลานอนของเมสันมาครึ่งชั่วโมง ไฟทั้งบ้านถูกปิดแต่ยังเปิดไฟโคมเล็กๆเพื่อเป็นแสงสว่างเผื่อว่าจะมีใครจะไปเข้าห้องน้ำ
เมสันหลับกรนฟี้ๆอยู่ข้างคนเป็นแม่ ใบหน้าดูมีความสุขน่าเอ็นดู แจ็คสันก็หลับไปแล้วในอ้อมกอดของมาร์ค
ติ๊ก ติ๊ก
เข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาตีสามกว่าๆ
มาร์คก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโอดโอยจากคนในอ้อมแขน
“อือ....ฮึก”
“แจ็คสัน?”
คนตัวเล็กมีสีหน้าทรมาน มือกุมท้องใหญ่แน่น กลั่นเสียงออกมาได้เป็นเพียงคำสั้นๆ
“ปวด...”
“รอก่อนนะครับ พี่จะพาไปโรงพยาบาลนะ”มาร์ครีบวิ่งขึ้นไปเคาะประตูห้องคุณนายหวังให้ช่วยมาดูเมสันให้
ก่อนจะวิ่งลงมาประคองคนท้องที่ร้องโอดโอยอยู่บนฟูก
“ตายแล้ว มาร์ครีบพาน้องไปโรงพยาบาลเร็ว”คุณนายหวังที่ตามลงมารีบบอกชายหนุ่ม
ส่วนป๊าหวังรีบเข้ามาช่วยมาร์คพยุงคนท้องอีกด้านพาขึ้นรถไปโดยมีป๊าหวังตามไปด้วย
ให้ม๊าหวังช่วยดูแลเมสันที่ยังนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ที่บ้าน
แจ็คสันมาถึงมือหมอทันเวลา คนตัวเล็กถูกลำเลียงขึ้นเตียงไปทางห้องเตรียมคลอด
ส่วนป๊าหวังก็ไปจัดการเรื่องเอกสารที่หน้าเคาน์เตอร์
“พี่มาร์ค เจ็บ อึก เจ็บจัง”แจ็คสันร้องไห้จนหน้าแดงก่ำ
มือขาวจับมือมาร์คบีบจนแน่นระบายความทรมานในระยะบีบตัว
“แข็งใจไว้นะตัวเล็ก ต้องไม่เป็นไรครับ ตัวเล็กของพี่เก่งอยู่แล้ว”เอ่ยให้กำลังใจพลางกดจูบซับกระหม่อมชื้นเหงื่อของคนรักด้วยความสงสาร
“คราวนี้มาเร็วเชียวนะ”นิชคุณเอ่ยล้อ รีบเดินมาตรวจสภาพครรภ์ของคนที่เอาแต่โอดโอยเหงื่อซึมมาตั้งแต่เมื่อครู่
จะพูดว่าเป็นความบังเอิญก็ได้เพราะนิชคุณอยู่เวรอยู่พอดี คุณหมอหนุ่มรีบรุดลงมาจากห้องพักเพื่อมาตรวจคนไข้รายประจำ
คิ้วเข้มขมวดแน่น หันไปบอกพยาบาลให้ไปเตรียมห้องคลอดไว้
“มาร์ครออยู่ข้างนอกนะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าก้มลมจูบหน้าผากของคนภรรยาตัวเล็กด้วยความห่วงใย
“พี่จะรออยู่ตรงนี่นะครับ”
“อืม”แจ็คสันตอบสั้นๆกลั้นน้ำตาหลุดร้องเจ็บๆขณะที่เตียงโดนเข็นเข้าไปด้านในห้องทำคลอด
การคลอดครั้งนี้ใช้เวลายาวนานมากกว่าครั้งก่อนจนมาร์คเป็นกังวล
เช้าแล้ว พระอาทิตย์ด้านนอกเริ่มสาดแสง
คนเป็นพ่อเริ่มทนไม่ไหวลุกไปยืนอยู่หน้าทำคลอดกัดเล็กกรอดๆด้วยใจร้อนเป็นไฟ
...จะเป็นอะไรรึเปล่านะ...
อุแว๊!!!
สิ้นเสียงความคิดเสียงร้องของทารกก็แหวกออกมาให้ชายหนุ่มได้ยิ้มจนแก้มปริ
หัวใจเต้นตึกตักแรงจนเจ็บไปหมดด้วยความดีใจ อยากกระโจนเข้าไปหา แต่ก็ได้แต่ย่ำเท้าเร่าๆจนพื้นแทบสึก
เวลาในการรอคอยช่างยาวนานแต่มันก็หายไปเมื่อประตูห้องถูกเปิดพร้อมนางพยาบาลสาวคนเดิมที่เดินออกมา
“ยินดีด้วยนะคะคุณพ่อ...
ท้องนี้ได้ลูกสาวค่ะ”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น