[SF] Pet Human V (MarkSon)

Pet Human V
Mark X Jackson






แสงแดดลอดเข้ามาผ่านม่านหน้าต่างกระทบเปลือกตา ชายหนุ่มที่กำลังนอนอย่างมีความสุขจำต้องขยับศีรษะหนีพร้อมกับกอดหมอนข้างนุ่มๆหอมๆข้างตัวแน่นขึ้น

“อื้อ...”

เสียงร้องเบาๆของหมอนข้างจำเป็นทำเอามาร์คสะดุ้งตื่น ลืมตาขึ้นมามองคนที่ตัวเองเผลอคิดว่าเป็นหมอนข้างแล้วเผลอกอดแรงไปหน่อย ดีที่ไม่ทำให้คนตัวเล็กตื่นตามไปด้วย

ใบหน้าน่ารักซุกอยู่ที่อก จมูกรั้นพ่นลมหายใจร้อนและอุณหภูมิร่างกายที่สัมผัสได้เพราะเรือนร่างที่แนบชิดกันก็บ่งบอกว่าแจ็คสันไม่สบายอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่ผิด มือเรียววางทาบวัดอุณหภูมิหน้าผากนวล พิจมองแก้มกลมแดงก่ำและคิ้วเรียวที่ขมวดติดกัน เหลือบมองยาที่วางไว้ข้างเตียงก็ได้แต่พยักหน้าในใจว่าคงจะพอไหว ขยับตัวกำลังจะลุกขึ้นแต่ก็โดนลำแขนขาวตวัดกอดเอาไว้แน่น

“มาร์ค...”เสียงแหบพร่าเรียกชื่อเขาเสียงเบาเหมือนยังไม่มีสติมากนัก เปลือกตาช้ำปรือขึ้นมามองเล็กน้อยแล้วก็ต้องรีบปิดลงเพราะน้ำที่ขึ้นมาคลอด้วยตาใสแจ๋ว ริมฝีปากแห้งแตกเม้มเข้าหากัน หูกลมๆบนกลุ่มผมนุ่มลู่ลงเล็กน้อย “มาร์คจะไปไหน”

“จะไปหาอะไรมาเช็ดตัวให้”

“ไม่เอา...มาร์ค...อยู่นี่นะ”

“อืม ฉันไม่ได้ไปไหน”ลูบเส้นผมนุ่มปลอบเจ้าลูกหมีตัวเล็กที่เริ่มส่งเสียงกระซิกๆมาอีกแล้ว

“อยู่กับเค้านะ อย่าไปไหน...นะ”

“...”

แจ็คสันหลับไปแล้ว ที่ตื่นขึ้นมาเมื่อกี้คงแค่ละเมอ มาร์คนอนท้าวศอกมองใบหน้ากลมมน เลื่อนนิ้วลูบรอยเขี้ยวเล็กๆข้างลำคอแผ่วเบาแต่แค่นั้นก็ทำเอาคิ้วเรียวขมวดแน่นจนมาร์คไม่กล้าจะแตะต้องต่อ กลัวว่าจะทำให้เจ้าลูกหมีตื่นขึ้นมาจริงๆ ค่อยๆลุกขึ้นจากเตียง เดินไปหยิบเอาตุ๊กตาข้างเตียงมาวางไว้แทนที่ตัวเอง เผื่อว่าแจ็คสันจะตื่นขึ้นมาแล้วจะได้เอาไปกอด ดึงผ้าห่มมาคลุมให้ถึงคอ ลูบเส้นผมนิ่ม กดจูบบนหน้าผากนวลแผ่วเบาแล้วเดินออกจากห้องไป

มาร์คเดินกลับเข้ามาพร้อมข้าวต้มหอมฉุยและขวดน้ำขวดใหญ่ วางมันลงข้างเตียง ปลุกเจ้าลูกหมีที่ยังนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาเบาๆ

“แจ็คสัน ตื่นมากินข้าวก่อน”

“อือ...มาร์คเหรอ”เจ้าตัวเล็กกระซิบถามเสียงพร่า มือเล็กปัดป่ายพยายามหาตัวเขาทั้งที่ยังไม่ลืมตา

“อืม ฉันเอง”ตอบพลางกระชับมือเล็กสอดนิ้วประสานกัน ดวงตาโตลืมขึ้นมามอง แบะปากและเริ่มร้องไห้งอแง

“ฮืออ มาร์คโกหกเค้า ไหนบอกว่านอนแล้วจะไม่เจ็บไง ฮึก”

“ฉันขอโทษ มากินข้าวก่อนเร็ว”มาร์คประคองหลังเจ้าตัวเล็กขึ้นมาพิงหัวเตียง เอาหมอนมาหนุนขึ้นให้วางหลังไว้ จ่อช้อนข้าวต้มใกล้ริมฝีปากบวมอิ่ม แจ็คสันส่ายหน้าไปมา

“เค้าไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน อย่าดื้อ”อดดุไม่ได้เมื่อเห็นว่าแจ็คสันงอแงมากเกินไปแล้ว เจ้าตัวเล็กเม้มปากเล็กน้อยแล้วฝืนอ้าปากรับข้าวต้มจากเจ้านาย กินไปได้แค่สองสามคำก็ส่ายหน้า มาร์คก็ไม่ว่าอะไร หยิบยาบนโต๊ะขึ้นมาป้อน ทันทีที่ยาเข้าปากแจ็คสันก็ดิ้นเร่าทำท่าจะคายทิ้ง มาร์ครีบเอามืออุดปาก ทำเสียงดุ

“อย่าคายเด็ดขาดนะ กินน้ำแล้วรีบกลืน”

เจ้าตัวเล็กฝืนกลืนยาลงไปแล้ว สำลักน้ำค่อกแค่กหน้าแดงก่ำ ตากลมหางตกคลอน้ำตาช้อนตัดพ้อชายหนุ่มเสียจนคนโดนมองรู้สึกผิด “มาร์คใจร้าย”

...รู้สึกเหมือนตัวเองไปฆ่าใครมา...

“ต้องกินอีกนะ”

“ฮึก...ไม่เอาแล้ว”แจ็คสันแบะหน้าปล่อยน้ำตาไหลลงมาอีกรอบ กอดมาร์ตี้ปิดหน้าอย่างดื้อรั้น

อ่า...ขี้แยจริงๆเลย

มาร์คขยับเข้าไปใกล้ โยนยาทั้งหมดเข้าปากตัวเอง ดึงตุ๊กตาโยนออกไปด้านหนึ่งของห้อง ในขณะที่เจ้าลูกหมีตัวเล็กถูกเจ้านายดันลงไปนอนแนบกับเตียงนอน ยังไม่ทันได้ร้องโวยวายก็โดนริมฝีปากบางประกบปิด ลิ้นเรียวดันเม็ดยาเข้าไปในโพรงปากเล็ก แจ็คสันพยายามดิ้น เอาลิ้นดันยาออกแต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับแรงที่มากกว่า รสขมปร่าของยาคลุ้งไปทั่วปากเหม็นหืนขึ้นจมูกจนน้ำตาไหลพราก มือเล็กทุบหลังแกร่งหนักๆ ก่อนจะอ่อนเปลี้ยกำเสื้อร่างสูงไว้แน่นและยอมกลืนเม็ดยาลงคอแต่มาร์คก็ยังไม่ผละออกทันที เรียวลิ้นแข็งแรงแตะดูดกลืนรสขมจากโพรงปากนุ่มจนหมดสิ้น จึงค่อยอ้อยอิ่งถอยออกเหมือนไม่อยากปล่อยรสหวานหอมนี้ไปง่ายๆ

แจ็คสันเงียบไปแล้ว มือน้อยยกกุมปากตัวเองทั้งที่หน้าแดงก่ำ

“ลุกไหวไหม?”

หัวกลมส่ายขวับ “อ่ะ!” ตาโตเบิกกว้างร้องตกใจเพราะโดนคนเป็นเจ้านายโอบตัวอุ้มขึ้นจากเตียง แขนกลมกอดคอแกร่งแน่นกลัวตก ทั้งยังไม่กล้าขยับตัวมากเพราะหน่วงสะโพก มาร์คกระชับหลังและต้นขาขาวชิดตัวพาเจ้าลูกหมีของตัวเองตรงไปห้องน้ำ วางลงบนขอบอ่าง สั่งให้นั่งรอนิ่งๆ ขณะเปิดน้ำอุ่นลงอ่างน้ำวน

ตากลมมองมาร์คถอนเสื้อผ้าออกจากตัว แก้มใสแดงระเรื่อไม่รู้สาเหตุ รู้แต่ว่ารู้สึกแปลกๆในอกตอนเห็นร่างเปลือยของชายหนุ่มต่อหน้าต่อตาแบบนี้ (เมื่อคืนไม่นับนะ) ก้มหน้าชิดอกไม่กล้าสบตา หูกลมกระดิกนิดๆได้ยินเสียงน้ำแหวกด้านหน้าตัวเอง ช้อนตาขึ้นมองมือเรียวที่แบรอตรงหน้า

“ลงมาเร็ว”

แจ็คสันลังเลใจรีรอนิดหน่อย แต่พอมาร์คสบตาด้วย คนตัวเล็กก็ค่อยๆขยับตัวลงมากล้าๆกลัวๆ

“งื้อ!

ไม่ทันจะลงน้ำหมดตัวเจ้าลูกหมีก็ผวาสุดตัว กอดคออีกคนหมับใหญ่ มาร์คสะดุ้งโอบรัดเอวเล็กไว้ตกใจไม่แพ้กัน พลางลูบหลังเนียนปลอบประโลม “ใจเย็น...เกาะคอมาร์คไว้นะ”

แจ็คสันรัดคออีกคนแน่นขึ้นเพราะมือเรียวบนแผ่นหลังกำลังเลื่อนต่ำลงไป กลัวว่าจะโดนทำเหมือนเมื่อคืนอีกจนตัวสั่นระริก มาร์ครู้ แต่ไม่เอาออกก็ไม่ได้ ได้แต่จูบขมับปลอบขณะสอดแทรกนิ้วเข้าไปในช่องทางบอบช้ำด้านหลัง ควานเอาสิ่งตกค้างจากเรื่องบนเตียงเมื่อคืนออกมา ยิ่งเห็นโลหิตสีคล้ำประกอบกับเสียงสะอื้นข้างหูก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิด ทำทุกอย่างด้วยความอ่อนโยน ไม่อยากให้คนบนตักเจ็บปวดใดๆอีก

...เป็นเจ้านายที่แพ้ Pet ของตัวเองอย่างหมดท่า...

แน่ใจว่าเอาออกหมดแล้วก็จับแจ็คสันนั่งบนตักให้พิงอกประคองแผ่นหลังและสะโพก บีบสบู่จัดการยีเป็นฟองไล้ไปตามผิวเนื้อเนียน ตาก็สำรวจรอยแดงบนลำตัวขาว บีบนวดลูบไปทั่วตัว ผิวนิ่มๆขาวๆกับกลิ่นสบู่หวานหอมรบกวนความยั้งคิดของมาร์คแบบไม่ต้องสงสัย แต่เพราะยังจำได้ว่าอีกคนยังเจ็บอยู่เลยต้องถีบความต้องการลงในส่วนที่ลึกที่สุด

มาร์คล้างฟองสบู่ออกให้แจ็คสันที่นั่งนิ่งซึมไม่ยอมหันมาสบตาหรือส่งเสียงแจ้วๆเหมือนเคย แอบใจหายเล็กๆตอนเขาเรียกชื่อแล้วเจ้าตัวเล็กมองมาหวาดๆและรีบหลบตา ชายหนุ่มลุกขึ้นเอาผ้าขนหนูห่อร่างขาวอุ้มพาไปวางบนเตียงนอน หาเสื้อผ้ามาให้ใส่ จนเสร็จเจ้าตัวเล็กก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เอาแต่นั่งซึมๆหงอยๆอยู่ข้างเตียงและมองไปทางด้านหลังของมาร์ค

ชายหนุ่มหันไปมองก็เห็นว่าเจ้ามาร์ตี้ตกอยู่บนพื้น เดินไปเก็บมันขึ้นมาให้เจ้าของที่รีบรับมันไปกอดแน่น ใบหน้าน่ารักก้มซุกหัวโตๆของมันและนิ่งอยู่แบบนั้น

มาร์คเกาหัวอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อ นั่งลงข้างๆเจ้าตัวเล็ก ก้มหน้าลงไปถามในระดับเดียวกัน

“โกรธเหรอ?”

“งึ”แจ็คสันส่ายหน้าขวับ

“งั้นเป็นอะไร? บอกได้ไหม?”

แจ็คสันเงยหน้าขึ้นมามองเขาอย่างไม่แน่ใจนัก “เค้าไม่รู้...”

มาร์คได้ยินแบบนั้นก็ไม่รู้จะถามอะไรต่อดี ยกมือลูบเส้นผมนิ่มอย่างที่คนข้างตัวชอบ เปลือกตาบางหลับพริ้ม เอนศีรษะพิงไหล่เจ้านาย ไม่มีใครพูดอะไร ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุม และแม้จะเงียบแต่มันกลับไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิด กลับอบอุ่นหัวใจราวกับว่านี่เป็นคำตอบที่แจ็คสันมอบให้เขาแทนคำพูดใดๆ

“มาร์ค”

“หืม?”

“มาร์คจะไม่ไปไหนใช่ไหม...”

“อืม วันนี้ฉันไม่ทำงาน”

“ถ้าเค้าหลับ ตื่นมาแล้วเค้าจะยังเห็นมาร์คใช่รึเปล่า”

“...”

“มาร์คจะไม่ทิ้งเค้าอยู่คนเดียวใช่ไหม...มาร์ค”

“...”

“มาร์ค...”

“อืม...ฉันจะไม่ทิ้งนาย”

แจ็คสันยิ้มพอใจในคำตอบ สองมือกอดมาร์ตี้แน่นขึ้น หัวกลมเลื่อนจากไหล่ มาร์คกอดร่างนั้นไม่ให้ไถลลงไป อุ้มขึ้นไปวางบนเตียง จัดท่าทางการนอนให้สบายยิ่งขึ้น ห่มผ้าและปรับอุณหภูมิในห้องไม่ให้ร้อนหรือเย็นไป นั่งมองเจ้าลูกหมีที่หลับไปแล้วด้วยความเอ็นดู อดไม่ได้ที่จะลูบเส้นผมสีฟางแผ่วเบา

...ลูบบ่อยจนกลายเป็นชินมือไปเสียแล้วสิ...

มาร์คจะไม่ทิ้งเค้าอยู่คนเดียวใช่ไหม

ประโยคแสนเว้าวอนนั้นดังก้องขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ริมฝีปากบางยิ้ม ก้มลงข้างใบหูกลมๆกระซิบย้ำเตือน

“ฉันจะไม่ทิ้งนาย...หลับฝันดีนะครับ แจ็คสัน”










ตึกสูงทรงทันสมัยกลางเมืองมีตรา เด่นเป็นสง่านั้นทุกคนต่างรู้จักว่าเป็นบ้านของมหาเศรษฐีอย่างปาร์ค จินยอง ผู้ลึกลับและเข้าใจยาก ระบบความปลอดภัยของที่นี่แน่นหนายิ่งกว่าคุกรัฐบาล ชนิดว่าแมลงตัวเดียวเข้ามาก็ยังรู้ถึงชนิดและสายพันธุ์

หากถามว่าปาร์ค จินยองมีอาชีพอะไร คงตอบได้ยาก เพราะอยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน อยากจะทำอะไรตอนนั้นก็ทำ แต่ก็ทำทุกอย่างได้ดีจนน่าอิจฉา ได้อะไรมาอย่างง่ายดาย เพียบพร้อมทั้งหน้าตา ความสามารถและทรัพย์สินเงินทอง เรียกได้ว่าหาหญิงสาวที่คู่ควรได้ยาก ทุกคนจึงไม่แปลกใจว่าทำไมจนป่านนี้แล้ว จินยองถึงยังไม่มีคู่ครองสักที...

แต่มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆน่ะเหรอ...

วัตถุทรงกลมสีเงินปลาบเทียบจอดบนท่าชั้นที่ 137 เส้นสายสีฟ้าแล่นเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมกลายเป็นประตูให้คนด้านในก้าวออกมา เพียงรองเท้าหนังมันปลาบแตะพื้น เสียงยินดีต้อนรับก็ดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง

“ยินดีต้อนรับค่ะ ท่านจินยอง”

ชายหนุ่มอายุไม่เกิน 20 ต้นๆในเสื้อสูทสีครีมขยับยิ้มเปล่งประกายความอบอุ่นราวกับแสงพระอาทิตย์อ่อนๆยามเช้า

“ละครเป็นอย่างไรบ้างครับท่านจินยอง”พ่อบ้านสูงวัยคนสนิทเดินเข้ามาถามอย่างนอบน้อม

“ก็ดีนะ นางเอกสวยดี”ชายหนุ่มตอบแค่นั้น เป็นสัญญาณบอกว่าละครที่พูดถึงไม่เป็นที่น่าประทับใจมากนัก ก้าวเดินเข้าไปในตึกพลางถอดเสื้อสูทตัวนอกส่งให้คนรับใช้เอาไปเก็บให้

“เขาล่ะ?”

“อยู่ในกรงครับ”

“ดี”

จินยองยิ้ม แต่คราวนี้เป็นยิ้มที่น่าหวาดหวั่นเล็กๆ ไม่ใช่ยิ้มอบอุ่นเสแสร้งแบบเมื่อครู่ นิ้วสวยแตะบอกเลขชั้น 140 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของตึกและเป็นชั้นที่ห้ามบุคคลใดขึ้นไปยกเว้นเจ้าของตึกและใครอีกคนหนึ่ง เดินเข้าไปในกล่องลำเลียงรุ่นล่าสุดที่พาเขาวูบไปชั้นที่ต้องการในทันที

พ่อบ้านยืนนิ่งมองเพดานราวกับจะทะลุไปถึงชั้นนั้นให้ได้

“ใจเย็นๆนะครับ...ทั้งคู่เลย”


.
.
.


ชั้น 140 ซึ่งเป็นชั้นส่วนตัวของจินยองนั้นดูโล่งว่างเป็นพิเศษ การตกแต่งประดับประดาก็ดูเรียบง่ายแตกต่างจากที่คนๆอื่นนึกจินตนาการไว้ ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสมองออกไปเห็นวิวทิวทัศน์ด้านล่างในมุมกว้าง เตียงใหญ่หันหน้าเข้ากระจกสะอาดเรียบร้อยเพราะเจ้าของห้องไม่อยู่ในห้องนานถึงสองวันติด

ชายหนุ่มแกะกระดุมเสื้อสองเม็ดและพับแขนเสื้อขึ้นขณะเดินไปมุมห้องซึ่งแสงสาดไปไม่ถึงและเป็นมุมที่จินยองแสนจะโปรดปรานมากที่สุด

กรงเหล็กขนาดใหญ่วางอยู่ตรงนั้น แม่กุญแจดอกใหญ่คล้องปิดขังบางสิ่งไว้ในนั้น จินยองหรี่ตามองและตบข้างกรงเสียงดังปังใหญ่จนคนที่ยังหลับอยู่สะดุ้งตื่นขึ้นมา

ใบหูแหลมสีเงินเด้งผึงเช่นเดียวกับร่างกายที่วูบตื่นตามสัญชาติญาณ พวงหางใหญ่สะบัดวูบและกดลงทันทีที่เห็นว่าคนที่ยืนอยู่หน้ากรงของตนเป็นใคร ดวงตาสีแดงเลือดโดดเด่นบนใบหน้าดูดีหลบตามองต่ำ ข้อด้านซ้ายและข้อแขนทั้งสองด้านโดนเชือกพันธนาการเสียจนแทบขยับไม่ได้ บนกายมีเพียงเสื้อคลุมสีดำตัดกับผิวขาวและที่ลำคอก็ปรากฏปลอกคอหนังสีดำสลักชื่อเจบีไว้อย่างชัดเจน

“ตื่นแล้วเหรอหมาขี้เซา”

“เราไม่รู้ว่านายจะกลับมาวันนี้”

“ฉันก็ไม่ได้บอกให้รอนี่”จินยองยักไหล่ตอบเจ้าหมาป่าสีเงินของตัวเอง กดปุ่มหน้ากรงปลดพันธนาการทั้งหมดของเจบีออก เปิดประตูกรงให้คนในนั้นออกมา แต่เจบีก็ไม่ขยับ ดวงตาสีแดงมองเขานิ่ง

“ลุกไม่ไหวงั้นเหรอ”

“นายก็รู้”เจบีตอบกลับมาแค่นั้น

“ดื้อเสมอต้นเสมอปลายนะคุณหมาป่า”คนเป็นเจ้านายบ่นยิ้มๆไม่จริงจัง ก้าวเข้าไปในกรงขัง มอง Pet Human ในมุมสูง เลื่อนมือไปแตะใบหน้าคม มองร่างกายที่สั่นระริกและดวงตาสีแดงปรือของคนบนพื้นด้วยความพึงอกพึงใจ

“ยังไม่หายอีกเหรอ”

“นายทำให้เราเป็นแบบนี้เองนะ!”เจบีกระชากเสียงทำตาดุปลาบไม่เกรงกลัว จินยองแสยะยิ้ม ยื่นมือไปดึงโซ่เหล็กเส้นหนึ่งลงมาคล้องห่วงบนปลอกคอหนัง

“ใครกันแน่ที่สั่นหางพับๆตอนเจอหมาตัวเมียก่อน”

เจบีเม้มปากแน่น “เราไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้อยากเป็นด้วย แต่เราเป็นหมาป่านี่! ไม่ได้เป็นมนุษย์อย่างนายสักหน่อย โอ๊ย!” มือรีบจับปลอกคอเพราะจู่ๆก็โดนเจ้านายใจร้ายดึงเสียเต็มแรง

“ฉันนี่เป็นเจ้านายที่ไม่ได้เรื่องเลยนะ เลี้ยงมาตั้งนานยังทำให้นายเชื่องไม่ได้เลย”

“ก็เราเป็นหมาป่า”

“หมาป่าน่ารัก”

“เราไม่ได้น่ารักนะ!

“อย่างน้อยก็ตอนนายอยู่บนเตียงนั่นแหละ...น่ารัก จนฉันอยากรังแกไปนานๆ”ดวงตาเรียวกลมเหมือนแมวจ้องคนบนพื้นด้วยสายตาสื่อความหมาย “ฉันให้เวลานายจัดการตัวเองห้านาที ไปอาบน้ำให้เรียบร้อย รู้ใช่ไหมว่าถ้าเล่นตุกติกแล้วจะเป็นยังไง”

“...”


.
.
.


จินยองนอนพิงหัวเตียงจิบไวน์แดงรสเลิศมองวิวยามเย็นด้านนอก หูก็ฟังเพลงบัลลาดนุ่มๆความหมายชวนสยิวรอเวลาให้ใครบางคนออกมาจากห้องน้ำ

“49...50”

ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ชายหนุ่มยิ้มมุมปากหลับตาลงรอเวลาของอะไรบางอย่าง

น้ำหนักที่เพิ่มมาทำให้เตียงยุบลง กลิ่นสบู่ สัมผัสของผิวและเนื้อผ้าเสียดสีต้นขาเขา สัมผัสนุ่มนิ่มบนริมฝีปาก แก้ม เลื่อนลงมาที่คอ เอาอกเอาใจคลอเคลีย น้ำเสียงทุ้มออกแหลมนิดๆกระซิบข้างใบหูเขาอย่างเว้าวอนขออะไรบางอย่าง

“เจอาร์...”

“วันนี้ฉันเหนื่อย...”

คนบนตักชะงักนิ่งไปในทันที “แต่...”

“วันนี้ไม่ได้”คราวนี้จินยองลืมตาขึ้นมาสบกับเจ้าของสีหน้าแดงก่ำ เจบียังคงนิ่ง

“...ทำ...ขอทำให้ได้ไหม”

“นายคิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะปลดออกให้เหรอ...”

“...”เจบีเม้มปากก้มหน้าลง บ่ากว้างสั่นเล็กๆ “แล้วต้องทำยังไง...”

จินยองยกยิ้มและทำในสิ่งที่ทำให้เจบีเบิกตากว้างตกใจ น้ำไวน์สีแดงสดในแก้วทรงสูงไหลจากปากแก้วร่วงกระทบร่างโปร่งย้อมเสื้อเชิ้ตขาวให้กลายเป็นสีแดงเลือดหมู

“นาย!...”

“ทำยังไงต่อดีล่ะ เจบี”

คราวนี้ Pet Human ถึงกับกัดปากแน่น ถึงแม้จะลังเลใจ แต่สุดท้ายก็ก้มตัวลง แลบลิ้นไล้เลียน้ำสีแดงบนแก้มนิ่มของคนเป็นเจ้านาย เรื่อยไล่เก็บลงมาตามลำคอหนา หน้าอก

“อืม...ดีมาก”เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยเสียงพร่า เลื่อนมือขึ้นจงใจปัดใบหูแหลม เจบีสะดุ้งวาบ ตัวเกร็งแน่นเมื่อพวงหางใหญ่บนสะโพกโดนดึงและกำไว้แน่นจากคนที่รู้ดีว่าการทำแบบนี้จะปลุกอะไรบางอย่างในกายเขาขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

“อ...ยะ...อย่าจับ”

“หึ...อ่อนจริงๆเลย”จินยองหัวเราะ พลิกตัวกลับขึ้นคร่อมร่างแข็งแรงของหมาป่าสีเงิน ประกบจูบรุนแรง เลื่อนมือล้วงเข้าไปในกางเกงนอนตัวบาง สัมผัสวงโลหะเย็นเยียบบนส่วนอ่อนไหวของคนใต้ร่าง กัดริมฝีปากล่างจนได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งมากับน้ำใสที่เชื่อมระหว่างกัน

“เอาล่ะ...จะโดนลงโทษหรือให้รางวัลดีล่ะ...เจบี”










เปลือกตาบางกระพริบปรือตื่นจากความฝัน มือเล็กปะป่ายไปตามพื้นที่นอน ใจหายวาบเมื่อไม่พบคนที่สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกัน พบเพียงมาร์ตี้และเตียงที่ว่างเปล่า

“มาร์ค”กลั่นเสียงแหบพร่าร้องเรียก ยันแขนพยายามขยับตัวลุกจากที่นอนแต่ก็ต้องทรุดตัวลงเพราะสะโพกลั่นเจ็บแปลบร้าวไปทั้งร่าง ลูกหมีหยีหน้าน้ำตาเล็ด ร้องเรียกเจ้านายตัวเองสะอึกสะอื้นด้วยความน้อยใจ

“มาร์ค...ฮึก มาร์ค! ไหนบอกจะอยู่กับเค้าไง ฮึก...คนโกหก”

แจ็คสันดึงตุ๊กตาสีชมพูที่คนโกหกคนนั้นซื้อให้แนบอก ซุกหน้าเป็นที่ยึดเหนี่ยว เลื่อนมือกำอกด้านซ้ายที่เจ็บแปลบๆ เจ็บยิ่งกว่าสะโพกตอนนี้เสียอีก “เค้าเจ็บจัง...ฮึก...”

“แจ็คสัน?”

ดวงตากลมปรือมองคนที่ตัวเองร้องเรียกยืนอยู่หน้าห้อง ใบหน้าหล่อเหลาตกใจที่เห็นเจ้าลูกหมีตัวเล็กร้องไห้

“มาร์ค มาร์ค”

“ฉันอยู่นี่”ร่างสูงรีบเดินมากอดคนตัวเล็กแน่น ลูบศีรษะปลอบประโลม เขาแค่ออกไปซื้อของแป๊ปเดียว ไม่คิดว่าแจ็คสันจะตื่นขึ้นมาพอดี

“ไปไหนมา ฮึก ไปไหน”

“ไปซื้อยามาให้ ไม่เอา หยุดร้อง”

“อึก...ทำไม่ได้ ฮือ น้ำตามันไม่หยุดไหลอ่ะ”เจ้าตัวเล็กทำหน้างอแง มาร์คมองก็อดหัวเราะไม่ได้ โถ่ เด็กน้อยเอ๊ย ร้องไห้จนน้ำมูกน้ำตาเปื้อนหน้าหมดแล้ว เกลี่ยนิ้วเช็ดน้ำตาออกจากอบตาบวมเป่ง วางริมฝีปากบนบนเปลือกตาช้ำ จูบซับน้ำตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแจ็คสันหยุดร้องไห้

“หยุดร้องได้แล้ว ยิ้มหน่อยเร็ว ฉันชอบรอยยิ้มนายมากกว่าน้ำตานะ”

“ก็ได้...ยี่”

ปากอิ่มยกมุมปากขึ้นโชว์ฟันกระต่ายขาวทั้งที่หน้าแดงก่ำและเปื้อนแฉะด้วยน้ำตาเล่นเอามาร์คหัวเราะดังลั่น เจ้าลูกหมีเห็นแบบนั้นก็คิดว่าดีแล้วก็ยิ้มค้างอยู่แบบนั้น จนชายหนุ่มต้องจุ๊บปากเบาๆ

“พอแล้วๆ ฮะฮะ น่ารักจริงๆเลย”

“เค้าน่ารักเหรอ?”เจ้าตัวเล็กถามประสาซื่อ

“ใช่...น่ารักมากเลย”

“คิกๆ มาร์คชมเค้าด้วย ฮิ”แจ็คสันหัวเราะ ไม่รู้ความหมายแฝงของประโยคก่อนหน้า มาร์คก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่ยิ้มและหอมแก้มเนียนด้วยความเอ็นดู

...น่ารักให้มาร์ครักไปเรื่อยๆนะครับ แจ็คสันของมาร์ค...











ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*