[TTM] 14
TWINS & TWINS
MATCH
_______14_______
มาร์คัสไปที่บริษัทโมเดลลิ่งเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับงานโฆษณาโปรเจคใหม่ที่ต้องการตัวเขาไปเป็นพรีเซนเตอร์หลักร่วมกับนางแบบคนดังของอีกบริษัท
สามชั่วโมงชั่วโมงในห้องประชุมราวกับห้องเย็นในโรงพยาบาล เงียบและกดดัน หนึ่งชั่วโมงแรกสำหรับการนำเสนอคอนเซป
และอีกสองชั่วโมงคือการพูดคุยรายละเอียดยิบย่อยที่ต่างฝ่ายต่างมีข้อแม้ข้อจำกัดที่คนประสานงานต้องทำการหาจุดพอดีของการทำงานร่วมกันให้ได้
มาร์คัสเป็นนายแบบเรื่องมากอันดับแรก ๆ ในวงการ
ทุกคนล้วนทราบกันดี
และคนที่มาประสานงานก็ต้องฉลาดพอที่จะทำให้นายแบบตัวพ่อคนนี้ยอมตกลงทำงานด้วย
แต่วันนี้นอกจากมาร์คัสจะทำให้ทุกคนแปลกใจกับการที่เห็นร่างสูงโปร่งในห้องประชุมก่อนเวลาแล้ว
อารมณ์ของชายหนุ่มในวันนี้กลับอยู่ในระดับปกติค่อนไปทางใจเย็นมากกว่างานที่ผ่านมา
“การถ่ายทำจะใช้สถานที่ของสตูดิโอ 18 ของ Hollisland ใช้เวลาสองวันในการถ่ายทำสปอร์ต
2 ชุดค่ะ คอนเซป Classic Black & Original White คุณมาร์คัสจะต้องถ่ายทำสปอร์ตเดี่ยว
1 ชุดและสปอร์ตคู่อีก 1 ชุดค่ะ ส่วนรายละเอียดเครื่องแต่งกาย
ทางเราจะนำไปเสนอและแก้ไขตามที่ได้ตกลงกันไว้
แล้วจะรีบส่งกลับมาให้พิจารณาใหม่นะคะ”พนักงานหญิงจากบริษัทเจ้าของสินค้าสรุปเกี่ยวกับการประชุม
สีหน้าปนโล่งใจของเธอคล้ายกับผู้ร่วมประชุมอื่นๆ ผิดกับมาร์คัสที่เอนหลังพิงพนักมาสักพักแล้ว
“ขอบคุณสำหรับวันนี้นะครับ”ทุกคนในที่ประชุมลุกขึ้น
กล่าวลาตามมารยาทแล้วทยอยเดินกันออกไปจากห้อง เหลือแค่มาร์คัส เจ้แฮกเกอร์
สไตล์ลิสกับ เมริส หญิงสาวสวยเก่ง
ผู้ดูแลคิวงานให้กับนายแบบนางแบบในสังกัดที่กำลังเก็บเอกสาร
โดยมีวัตถุประสงค์หลักอยู่รอซักทอดพ่อนายแบบอารมณ์ร้ายที่วันนี้เป็นเด็กดีผิดปกติ
“วันนี้ดูอารมณ์ดีจังนะยะ”สาวสวยในร่างชายเอ่ยกระแนะกระแหนด้วยความหมั่นไส้
“เหรอ?...”มาร์คัสยิ้มมุมปาก หมุนแฟ้มเอกสารหน้าตัวเองเล่นเหมือนเด็กสมาธิสั้นในห้องเรียน
ไม่ตอบแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธถึงความผิดปกติของตัวเอง
“ไปเจออะไรดีๆมาล่ะ”เมริสเงยหน้าถามเมื่อเอาเอกสารเข้าแฟ้มเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ทั้งเธอทั้งแฮกเตอร์สนิทใจพอที่นายแบบหนุ่มจะพูดคุยเรื่องวิถีชีวิตได้ ถึงไม่ค่อยมีอะไรน่าอัพเดตไปมากกว่าเรื่องว่าสัปดาห์นี้มาร์คัสควงสาวไปกี่คนก็ตาม
ความรู้สึกก็เหมือนน้องชายตัวแสบที่พวกเธอแอบห่วงอยู่ห่าง ๆ
“ไม่มีอะไรสักหน่อย”มาร์คัสทำหน้ายุ่งกลบเกลื่อน
ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พลางหยิบแฟ้มงานไปด้วย “พวกพี่ก็เถอะ มีงานต่อไม่ใช่เหรอ”
“มี แต่อยากสอดรู้เรื่องนายแบบคนดังมากกว่า”แฮกเตอร์ตอบตรงประเด็นจนมาร์คัสแอบมองบน
แต่คำตอบที่หลุดมาในวินาทีต่อไปกลับทำให้ทั้งแฮกเตอร์และเมริสตาลุกวาว
“...ถ้ามั่นใจจะอัพเดทให้ฟังเอง”
มาร์คัสสไลด์หน้าจอดูเวลา
ตามที่คาดการณ์เอาไว้ว่าวันนี้เขาต้องเลทแน่ๆ ถึงได้บอกแจ็คสันว่าจะไปรับช้า
ยังไงเด็กนั่นก็คงอยู่ที่ร้านกาแฟ คงไม่ได้ตามหายากสักเท่าไหร่
การจราจรวันนี้ค่อนข้างติดขัดเพราะอุบัติเหตุกลางสี่แยกไฟแดง
ตำรวจกันสถานที่เกิดเหตุบังคับให้รถผ่านแค่ทางเดียว มันทำให้เขาต้องหัวเสียและเสียเวลามากขึ้น
แต่เพราะไม่มีคนให้บ่นเลยได้แต่โยนกล่องทิชชูระบายอารมณ์ไปตามเรื่องตามราว
สวมแว่นเรย์แบรนด์กันแดดสะท้อนใส่ดวงตา
จริง ๆ แล้วเขาไม่ชอบใส่นักหรอก ไม่ได้อยากใส่เพราะมันเท่
แต่เวลาที่ตาเขาออกแดดจะแสบไปหมด คงเพราะอาชีพอย่างพวกเขาต้องอยู่หน้ากล้อง ใต้แสงที่สาดเข้ามาจากทุกทาง
ถึงจะทำงานในร่มแต่ผิวได้รับยูวีแต่ละวันไปมากกว่าพวกทำงานตามร้านอาหารร้านกาแฟเสียด้วยซ้ำ
ในชีวิตเลยต้องป้องกันตัวเองให้มากที่สุดก็เท่านั้น...
รถคันหรูค่อยๆขับผ่านจุดเกิดเหตุเพราะรถข้างหน้าช่างขยับช้าเหลือเกิน
ปกติมาร์คัสไม่ค่อยสนใจอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น
แต่เพราะว่าตั้งแต่ได้แจ็คสันมาไว้ในการดูแลแล้วมีแต่เรื่องน่าอันตราย
เขาก็เลยกลายเป็นพวกหูตาสัปปะรดไปโดยอัตโนมัติ
“หืม?”ชายหนุ่มแอบขมวดคิ้วเมื่อเห็นซากรถที่โดนชนกลางลำยุบเหมือนคุกกี้เสี่ยงทาย
คุ้นๆเหมือนเขาเคยเห็นที่ไหน แต่เพราะมันยับมากเลยไม่ได้ใส่ใจจะนึก
ขับรถต่อไปจนถึงหน้ามหาวิทยาลัยที่แสนจะคุ้นเคย
จริงอยู่ว่าเขาเรียนบริหารธุรกิจ
แต่ไม่ได้ทำงานตามสายโดยตรง ผ่าไปเป็นนายแบบสายแฟชั่นไปเสียอย่างนั้น
ถึงจะเปิดร้านแต่ก็เป็นแจบอมมากกว่าที่บริหารงานให้
เขาก็แค่เข้าไปตรวจงานเล็กๆน้อยๆ ร้านรุ่งเรืองได้ขนาดนี้ก็เพราะแจบอมและจินยอง
ไม่ใช่เพราะเขาแต่อย่างใด
นายแบบหนุ่มจิ๊ปากขัดใจ
เมื่อมองเข้าไปในร้านแล้วไม่เห็นร่างเล็กที่เขาถ่ออุตส่าห์มารับ...
...ทั้งที่เขามาสายมากกว่าชั่วโมงเนี่ยนะ?...
ทั้งออกจากบริษัทช้า ทั้งรถติดเพราะอุบัติเหตุ
จริงๆแจ็คสันควรมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อกินเค้กได้ปอนด์สองปอนด์แล้ว
แต่นี่กลับไม่เห็นตัว หรือจะกลับไปเองแล้ว?
คิดได้ดังนั้นก็กดโทรศัพท์หาเคาน์เตอร์ที่คอนโด
รอไม่ถึงสิบวินาทีทางนั้นก็รับสาย
“MJ2102 แจ็คสันกลับไปรึยัง”
‘...สักครู่นะคะ...ท่านแจ็คสันยังไม่ได้กลับเข้ามาค่ะท่านมาร์คัส
มีอะไรต้องการจะฝากให้ทราบไหมคะ’
“ไม่เป็นไร ถ้าหมอนั่นไปถึงโทรกลับมาหาฉันด่วนที่สุด”
‘ทราบแล้วค่ะ’
มาร์คัสวางสาย รู้สึกร้อนใจแปลกๆ เหมือนมีอะไรติดค้างในใจ
เหมือนว่าอะไรในสมองเขากำลังลั่นสัญญาณเตือน
...แล้วจะหายไปไหน?...
นายแบบหนุ่มก้าวขาลงจากรถ
ไม่สนใจว่าผู้คนแถวนั้นจะมองมาทางเขาเป็นตาเดียว ผลักประตูเข้าไปในร้านกาแฟ
สอบถามด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดเข้าขั้นก็ได้ความว่าแจ็คสันไม่ได้มาที่นี่ในวันนี้
‘อ้าว ว่าไงพ่อลูกศิษย์คนดัง
ลมอะไรหอบให้โทรหาคนแก่คนนี้ล่ะ หืม?’
“โถ่ อาจารย์ครับ ผมมีเรื่องด่วนนิดหน่อย
อาจารย์รู้จักแจ็คสัน หวัง ปี 4 ใช่ไหมครับ?”
‘น่าจะด่วนจริงนะ เสียงลนจริง’ อีกฝั่งแซ็วมาตามประสา ‘แจ็คสันมาปรึกษาอาจารย์
แต่ก็ออกไปตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนแล้วน่ะ ทำไมรึ’
“อ่า ไม่มีอะไรครับอาจารย์ เดี๋ยวผมจะหาโอกาสไปเยี่ยมนะครับ
ขอบคุณครับ”
หลังวางสายเสร็จ มาร์คัสยิ่งรู้สึกร้อนรน
แบบนี้มันไม่ปกติไม่ใช่รึไง เลิกตั้งแต่สองชั่วโมงที่แล้ว
สถานที่ที่นัดกันไว้ก็ไม่อยู่ ที่คอนโดก็ยังไม่กลับ...และด้วยนิสัยอย่างแจ็คสัน
ไม่มีทางหรอกที่จะหนีไปไหนไกล
ผ่านเหตุการณ์โดนลอบยิงรอบนั้นแล้วไม่น่าจะปล่อยตัวเองให้เดินเอ้อระเหยไปไหนมาไหนในเมืองหรอก
อย่าบอกนะว่า...
ให้ตายสิ!
หมอนั่นไม่ใช่เป้าหมายหลักไม่ใช่รึไงกัน!!!
“มาร์ค!!! แจ็คสันหายไป!!!”
‘ฮ่ะ!! เดี๋ยว หายไปที่ไหน
หาตัวดีรึยัง?’
“มหาลัย เด็กนั่นมาคณะ
แต่พอฉันมารับหมอนั่นหายไป อาจารย์บอกว่าออกมาได้สองชั่วโมงแล้ว”
‘ที่พักล่ะ? ไม่ใช่ว่ากลับไปเองหรอกนะ’
“ถามแล้ว ไม่ได้กลับ... โถ่โว้ย!!!
มาร์ค!! กูบอกว่าหายก็คือหายสิวะ!!!”
นายแบบหนุ่มขึ้นเสียงแข็งตะโกนด้วยความโมโห
อารมณ์พลุ่งพล่านจนแทบบ้า มือกำทุบรถลูกรักตัวเองปักใหญ่
คนแถวนั้นสะดุ้งโหยงเดินหลบเขาเป็นแถบ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่คนๆหนึ่งทำให้เขาเป็นบ้าได้ขนาดนี้
‘...มาร์คัส มึงต้องใจเย็น’ เสียงจากแฝดผู้พี่นิ่งสงบราวกับน้ำแข็ง
แม้จะเจือด้วยความกังวลอย่างที่เขาสัมผัสได้ ‘งั้นตอบกูก่อน
ตำรวจนอกเครื่องแบบอยู่แถวนั้นไหม’
ชายหนุ่มเงยหน้ามองไปรอบๆ ไม่พบคนที่คอยป้วนเปี้ยนติดตามเหมือนวันที่ผ่านๆมา...
ปกติจะมีตำรวจนอกเครื่องแบบสองนายที่ตามประกบพวกเขาตลอดจนน่ารำคาญ
ขับรถกระบะตามไปทุกทีที่แจ็คสันไป
...กระบะ?...
“ไม่มี
มาร์ค...มึงโทรไปเช็คทีว่าตำรวจที่มาตามประกบกูยังอยู่ดีไหม เมื่อกี้กูเห็นรถชน
กูว่าคุ้นๆ”เมื่อใจเย็นขึ้นเขาก็เริ่มจำประติดประต่อได้มากขึ้น
มาร์คเงียบไปแต่ยังได้ยินเสียงกุกกัก น่าอยู่กับใครอีกคน
ไม่ถึงนาทีก็กลับมาตอบคำถามของเขาที่ทำให้จิตใจของชายหนุ่มหนักอึ้งยิ่งขึ้นไปอีก
‘มึงเดาถูก ประสานงากลางสี่แยก ตอนนี้อยู่ ICU’
“F__K!!”
ความเป็นไปได้ที่แจ็คสันกำลังอยู่ในอันตรายเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
ทำเอามาร์คัสอยู่ไม่เป็นสุข ในสมองปั่นป่วนไปหมด หายไปไหน อยู่กับใคร...
ยังมีชีวิตอยู่ไหม...
ฉับพลันนั้นมือก็เย็นเฉียบ ชาไปตัว
แม้กระทั่งสมองยังขาวโพลนไปพักใหญ่ ลมหายใจสะดุดแทบจะลืมหายใจไปในทันใด
‘กูจัดการทางตำรวจเอง ส่วนมึง กลับไปที่พัก ขอโทษที่ทำให้ลำบาก...’
“ไม่”
‘...’
“กูจะช่วย...กูจะตามคนของกูกลับมา!”
มาร์ควางสายจากแฝดน้องที่จะใช้เส้นสายในวงการช่วยตามหา
บางทีอิทธิพลทางนั้นอาจจำเป็นในเวลานี้ ในระหว่างที่คุยกันเขาให้จินยองโทรไปหาพี่ชานซองให้แล้วว่าแจ็คสันหายตัวไป
แม้จะไม่มั่นใจว่าเจ้าตัวแค่ไปเดินเล่นรึเปล่า
แต่กับพยานที่เคยโดนปองร้ายถึงขั้นลอบยิงแล้ว
ไม่อยู่ในสายตาแค่ชั่วโมงเดียวก็ถือว่าเกินพอที่จะเร่งหาตัวให้พบ
“เร็วกว่าที่คิดแฮะ”จินยองพึมพำหลังวางสายจากชานซองไป
“พี่ชานซองว่ายังไงบ้าง”
“เดี๋ยวจะให้สายสืบที่รู้จักกันสืบให้
ตอนนี้ก็ใช้ตำรวจนอกเครื่องแบบกระจายกำลังกันตามหา
ประสานขอดูกล้องวงจรปิดของถนนสายต่างๆที่คาดว่าน่าจะมีภาพของแจ็คสัน... ส่วนนายให้ลงไปคุ้มกันเจสันด่วนที่สุด
ตอนนี้พี่ชานซองสั่งให้ตำรวจท้องที่ไปเฝ้าดูสถานการณ์แล้ว”
“รับทราบ...”
“อยากไปช่วยแจ็คสันใช่ไหมล่ะ?”
“...ก็ใช่ แต่ฉันห่วงเจสันด้วย
หมอนั่นถ้าไม่ใช่ฉันคงไม่ไว้ใจ...อีกอย่างฉันกลัวว่ามันจะเล่นตุกติกอะไรอีก”
จินยองยิ้มมุมปาก ตบไหล่เพื่อนหนักๆ อดหยอกล้อไม่ได้
“กลัวจะเล่นตุกติกหรือกลัวเขาจะเป็นอันตรายกันนะ”
“มันก็แบบเดียวกันนั่นแหละ ขอบคุณมาก
ฉันจะติดต่อมาอีกครั้ง”
“ไม่เป็นไร ไปเถอะ ฉันต้องเข้าทำงานแล้ว
ดูแลตัวเองดีๆ...แล้วก็มาร์ค”
“หืม?”
“ตามหาแจ็คสันน่ะ เร็วได้เท่าไหร่ยิ่งดีนะ...”
“...รู้แล้วละน่า”
“...อือ”
สติแสนพร่าเลือนสว่างขึ้นมาเล็กน้อยราวกับแสงเทียนเล็กๆ
มันวูบวาบดับบ้างตื่นเหมือนกราฟคลื่นน่าปวดหัว
เปลือกตาหนักราวกับมีมือที่มองไม่เห็นมาปิดไว้แน่น ประสาทรับเสียงได้ยินเสียงคนกำลังพูดอยู่ไม่ไกล
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็อู้อี้จับใจความเป็นประโยคไม่ได้เลย
“ท...ฝาง.......”
“...ผิด”
“.........อยู่ไหน”
แล้วเขาก็สลบไปอีกครั้ง...
.
.
.
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานขนาดไหน แจ็คสันรู้สึกตัวอีกครั้ง คราวนี้เขาได้สติมากกว่าครั้งแรก
ถูกคาดตาแน่นหนา แต่ถึงจะมองไม่เห็นแต่แจ็คสันก็รับรู้ว่าแขนและขาของเขาถูกมัดด้วยวัสดุเหนียวๆสักอย่าง
เสื้อผ้าถูกปลดออกไปหมด ทั้งตัวเปลือยเปล่า
นอกจากจะขยับไม่ได้แล้วยังทำให้เลือดไหลได้ไม่เต็มที่
เรียกได้ว่าแขนและขาของเขาชาไร้ความรู้สึกไปเสียแล้ว
หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดกลัวทันทีที่ระลึกได้ว่าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติ
เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกตัว
เขาเพิ่งจะเดินลงมาจากตึก กำลังจะไปรอมาร์คัสหน้าคณะที่เดิม แต่คงเพราะเป็นช่วงเวลาเรียนปกติ
ทางเดินอิฐแดงจึงเงียบเหงาไม่มีนักศึกษาหรืออาจารย์เดินไปเดินมาเหมือนอย่างปกติ
เพราะคิดว่าอยู่ในเขตมหาวิทยาลัยเลยไม่ได้ระวังตัว...
ไม่คิดว่านั่นจะเป็นวิวสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนจะมารู้สึกตัวที่นี่
แกรก
แจ็คสันหันหน้าไปตามเสียงลั่นโลหะเก่าๆแว่วจากที่ไกล ๆ พร้อมเสียงย่ำรองเท้าหลายคู่
ยิ่งเข้ามาใกล้หัวใจยิ่งเต้นไม่เป็นจังหวะ เลือดในกายเย็นเยียบ
ในหัวจินตนาการเรื่องเลวร้ายต่างๆนานามากมายมายอย่างควบคุมไม่อยู่
แต่ถึงอย่างนั้นก็พยายามจะอยู่นิ่ง ๆ กลบเกลื่อนว่าตัวเองยังไร้สติอยู่
รอดูสถานการณ์อย่างใจเย็นที่สุดเท่าที่คน ๆ หนึ่งจะทำได้ในตอนนี้
ภาษาจีนไม่คุ้นหูคุยโต้ตอบกันไปมาระหว่างตัวเขาทั้งสองข้าง
ฟังจากเสียงน่าจะมีอยู่ห้าถึงหกคน
น้ำเสียงฉุนเฉียวจากหนึ่งในนั้นทำให้ทั้งห้องเงียบสงบไปพักหนึ่ง
ฝีเท้าอีกคู่เดินเข้ามาในห้อง
“Boss”
นั่นเป็นคำแรกที่แจ็คสันฟังออก พวกคนที่ล้อมรอบเตียงเขาน่าจะเป็นลูกน้องของคนที่มาใหม่
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เข้าใจว่าจะจับเขาทำไม
หรือแท้ที่จริงแล้วคนที่โดนปองร้ายจะไม่ใช่เจสัน แต่เป็นเขาเองอย่างนั้นหรือ
“เป็นยังไงบ้าง”
“ผมคิดว่าเราจับมาผิดตัวครับบอส”
“แกว่ายังไงนะ!”
“เราหาไม่เจอ...”
ไม่ทันได้พูดจบคนที่โดนเรียกว่าบอสก็ตะหวาดกร้าวเต็มไปด้วยอารมณ์โมโหร้าย
เสียงสะท้อนก้องไปมาในห้องคับแคบทำให้แจ็คสันเวียนหัว รอยช้ำด้านหลังศีรษะที่โดนตีปวดหนึบ
แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะทำตัวเป็นปลาตายเพื่อรอดูสถานการณ์ แม้ในใจจะหวั่นวิตกยากจะสงบใจได้
และหวังแค่ว่าจะไม่มีใครในห้องได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวแทบทะลุอกอย่างที่เขาได้ยินตอนนี้ทีเถอะ...
“มันจะผิดตัวได้ยังไง...แกไปจับมันมาจากไหน!”
“มหาวิทยาลัย...”
“ไอ้โง่!”
คนเป็นบอสตะโกนลั่น “นี่แฝดมัน ไม่ใช่คนนี้”
“ขออภัยครับบอส”
“ฉันอุตส่าห์รีดจิ้งจอกเฒ่าจนมันคายออกมาได้แล้ว
สิบกว่าปีที่ตามหา ‘มัน’ ทุกอย่างที่เราทำมาจะมาล่มเพราะแค่จับผิดตัวไม่ได้!”
เนิ่นนานที่ไม่มีใครพูดอะไรมากกว่านั้น ทุกคนรอคำสั่งจากผู้เป็นหัวหน้าเพียงคนเดียว
ทั้งคนในห้องและแจ็คสัน
“กำจัดมันซะ” สิ้นคำตัดสินแจ็คสันก็ตัวเกร็งแน่นด้วยความหวาดกลัว
แม้ไม่มีชื่อตัวเองในประโยคนั้นแต่เขาก็รู้ดีว่าคำสั่งนั้นจะเกิดกับตัวเขาอย่างแน่นอน
“ฆ่ามันยัดตู้คอนเทรนเนอร์ถ่วงลงทะเลซะ อย่าให้หมาตัวไหนได้กลิ่นเราไปมากกว่านี้
แค่นี้พวกโง่เง่านั่นก็เรียกความสนใจจากสุนัขพวกนั้นเกินไปแล้ว”
“แต่ถ้าเราทำแบบนั้นจะยิ่งเรียกให้พวกองค์กรตำรวจเข้ามาสนใจมากขึ้นนะครับบอส”อีกเสียงหนึ่งเอ่ยอย่างใจเย็น
น่าจะมีเพียงเสียงนี้ที่บอสของพวกมันรับฟัง
“พวกมันไม่กล้าลงมาหรอก มี ‘ท่าน’ คอยกันท่าอยู่...”
“แต่บอส สายสืบเราแจ้งมาเมื่อวานว่ามีการเคลื่อนไหวแปลกๆในกรมตำรวจ...”
“ก็ช่างหัวมันสิวะ! ถ้าปล่อยมันไปมันจะเอาอะไรไปบอกตำรวจบ้าง มึงคิดสิวะ”
“บอส...”
ปัง!
“กูสั่งให้มึงทำ! ถ้ามึงไม่ทำกูจะฆ่ามึงแทนมัน!”
เสียงลูกกระสุนแหวกอากาศลั่นกระทบอะไรบางอย่างพร้อมคำสั่งกร้าวสุดท้าย
บ่งบอกว่าคำตัดสินชะตาของแจ็คสันเป็นที่สิ้นสุด
ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นโลหะเย็นเยียบก็ถูกจ่อเข้าที่กลางอก
สัมผัสที่ไม่อาจบอกได้ว่าคืออะไร แต่เจาะจงได้ว่ามันอันตราย...
แค่เพียงนัดเดียว...เขาก็จะหายไปจากโลกนี้ทันที
...ไม่นะ!...ใครก็ได้...แจ็คสันร่ำร้องในใจ
น้ำตาไหลปริ่มด้วยความหวาดกลัวจับขั้วหัวใจ ในหัวสันสนอลหม่าน ร่างกายสั่นระริกเย็นเฉียบ
ในห้องเงียบงัน เงียบจนน่าขนลุก เงียบแม้กระทั่งได้ยินเสียงกริ๊กคล้ายขึ้นลำ
...ใครก็ได้ ได้โปรด ช่วยผมด้วย ผมไม่อยากตาย...
“อึก ฮือ”
“เฮ้ย! มันตื่นแล้ว
รีบฆ่ามันสิวะ”
...พี่มาร์คัส...
ปัง!!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“อย่าขยับ
วางอาวุธลง!”
#ficTTM
Please comment
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น