[TTM] 15
NS & TWINS
MATCH
_______15_______
7.45 PM
ห้องประชุมย่อยของหน่วยสืบสวนที่สองของสถานีตำรวจลอสแองเจอลิส
LADP (Los Angeles
Police Department) นายตำรวจสามคนรวมถึงมาร์คกำลังระดมสมองและหลักฐานทั้งหมดที่รวบรวมมาได้เร่งกำลังตามหาแจ็คสันที่หายตัวไปมากกว่าหกชั่วโมงแล้ว
ปกติแล้วคนปกติตำรวจจะค้นหาก็ต่อเมื่อครบ 24 ชั่วโมงแล้วเท่านั้น แต่ในกรณีแจ็คสันนั้นต่างกัน เพราะฝาแฝดหวังโดนหมายหัวจากพวกมาเฟียไว้ตั้งแต่แรก
หายไปเพียงสองสามชั่วโมงก็นับว่าอันตรายมากแล้ว
“ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของถนนหมายเลข 59 ในช่วงที่แจ็คสันหวังจะหายไปแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติเลย...เราต้องหาอีกเส้น”มาร์ครัวนิ้วบนแป้น
หน้าต่างข้อมูลทั้งวิดีโอและภาพถูกเรียกพับไปมาบนหน้าจอสี่เหลี่ยมของขอแลปทอป
“แต่เส้นที่มีความเป็นไปได้ เราก็ตรวจสอบหมดแล้วนะ...หรือเราควรขยายเวลาดี”นายตำรวจด้านซ้ายเอ่ยถามความเห็น
“ฉันไปส่งเขาตอนเก้าโมงสิบนาที”มาร์คัสผู้เป็นพยานคนสำคัญอยู่ในห้องด้วยจากการขอความร่วมมือของมาร์คเอง
พ่อนายแบบหนุ่มก็ไม่อิดออด ซ้ำยังหาข้อมูลที่สำคัญมาประเคนให้มากมาย จนบางทีมาร์คก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตกลงแล้วใครเป็นตำรวจกันแน่
“แน่ใจว่าเขาขึ้นไปบนอาคารหลังจากนั้น ฉันลองโทรไปหาอาจารย์ที่คณะดูแล้ว เขายืนยันว่าแจ็คสันมาพบและเดินออกจากห้องไปตอนสิบโมงห้าสิบนาที
ถ้าจะหาจริงๆ เราควรหาตอนช่วงสิบเอ็ดโมงถึงเที่ยงครึ่งที่ฉันเห็นว่าเขาหายไป”
“คงต้องตามนั้น เริ่มที่สิบโมงห้าสิบเลย...” ไม่ทันที่มาร์คจะเอ่ยจบ
นายตำรวจในกลุ่มก็โพล่งออกมาเสียงดัง
“หาตัวเจอแล้วครับ!”
ทุกคนผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีที่ได้ยินดังนั้น
มาร์คและมาร์คัสเดินอ้อมหลังตำรวจนายนั้นดูภาพเคลื่อนไหวจากกล้องหน้าร้านสะดวงซื้อแถวมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง
“หืม? ไหนน่ะ”
“ตรงนั้นครับ มุมซ้ายของจอ ตรงใต้ต้นไม้ใกล้สวน มีรถคนหนึ่งจอดหลบอยู่ครับ”
ทั้งมาร์คและมาร์คัสเพ่งมองถึงได้เห็นรถแปลกๆคันหนึ่งจอดอยู่ในที่ห่างไกลร้านค้าใกล้รั้วต้นไม้
มันดูแปลกจริงๆหากเทียบกับสภาพการณ์โดยรอบ ไม่กี่นาทีต่อมาก็มีเงาตะคุ่มจากด้านในรั้ว
ด้วยคุณภาพกล้องจึงเห็นไม่ชัดนักแต่น่าจะยืนยันได้ว่าเป็นมนุษย์ร่างหนึ่งโดนอุ้มผ่านรั้วต้นไม้ยัดเข้าหลังรถก่อนจะสตาร์ทเครื่องเร่งออกไปจากบริเวณนั้นด้วยความเร็วปกติราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
“ไม่เห็นเหมือนในหนังที่ต้องขับรถปาดซ้ายปาดขวาเลย”มาร์คัสพูดอย่างแปลกใจ
“ก็นั่นมันหนัง”มาร์คตอบกลับ แล้วหันไปบอกทีมงานในห้อง “รถคันนั้นมุ่งหน้าไปถนนสาย
78 ตรวจสอบกล้องจากถนนสายนั้น...มาร์คัส
จะไปไหน”
มาร์คถามฝาแฝดตัวเองที่ตอนนี้ผลักประตูกระจกออกไป “จะออกไปดูต้นทางให้...รับรองว่าจะไม่ลงมือทำอะไรก่อนพวกนายหรอก
แค่จะไปดูสถานที่น่าสงสัยให้เฉยๆ”
“...ยังไม่พูดอะไรเลย”
“หน้านายมันบอกว่ะพี่ชาย... ติดต่อฉันด้วยถ้ารู้แน่แล้วว่ารถคันนั้นมันไปไหน”
...ฉันจะบอกนายคนสุดท้าย มาร์คัส...มาร์คตอบแฝดตัวเองในใจ เพราะรู้ดีว่าคำว่าไม่ลงมือทำอะไรของมาร์คัสก็เหมือนบอกฉันจะไม่กดระเบิด
ทั้งที่นาฬิกานับถอยหลังกำลังนับรอเวลาระเบิดอยู่นั่นแหละ
ในที่สุดหลังจากนั้นเพียงสิบห้านาที ตำรวจก็พบแหล่งที่คาดว่าพวกผู้ร้ายจะนำแจ็คสันไปซ่อนไว้
โชคดีที่มีรายงานผู้พบเห็นรถแปลกๆขับเข้าไปในโกดังเก็บอาหารทะเลเก่าที่ไม่ได้ใช้มานานนับสิบปี...
คนปกติที่ไหนคงไม่ทำกัน
มาร์คแจ้งเรื่องนี้ให้ชานซองทราบในทันที
ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วสั่งการให้มาร์คนำกำลังตำรวจหน่วยสองจำนวนยี่สิบนายไปเพื่อช่วยเหลือตัวแจ็คสันหวังทันที
พวกหน่วยสองที่เตรียมการอยู่แล้วพุ่งตัวออกไปทันที
โกดังเก็บอาหารทะเลชานเมืองท่ามกลางป่าและพื้นที่รกร้างถูกปล่อยร้างจนตะไคร่น้ำเกาะ
ประตูเหล็กขึ้นสนิมจนไม่น่าเข้าใกล้ บริเวณโดยรอบขาดการดูแลมีเศษขยะและบรรดาสารพัดของใช้จากพวกโฮมเลส
บ่งบอกว่าที่แห่งนี้แต่ก่อนน่าจะปลอดภัยพอให้คนไร้บ้านได้แวะพักอาศัย
จนกระทั่งมีอะไรบางอย่างทำให้ที่แห่งนี้เปลี่ยนไป...
“น่าสงสัยสุดๆ”เสียงทุ้มต่ำอีกเสียงเอ่ยขึ้นทันทีที่มาร์คก้าวลงมาจากรถ
“มาร์คัส! นายรู้ได้ยังไงว่าเป็นที่นี่”มาร์คอุทานเรียกชื่อแฝดตัวเองด้วยความแปลกใจ
สีหน้าของนายแบบหนุ่มเคร่งเครียดและเป็นกังวล
“ฉันมีสายของฉันน่ามาร์ค...ตอนนี้รีบเถอะ
เดี๋ยวพวกนั้นจะไหวตัวเอานะ”นายแบบหนุ่มเอ่ย เดินกลับไปพิงสะโพกกับบิ๊กไบซ์คันใหญ่ใต้ร่มไม้ห่างออกไปอย่างรู้ขอบเขตของตัวเองดี
มาร์ครู้ว่ามาร์คัสห่วงและอยากลงมาจัดการเอง แต่ด้วยหน้าที่และการทำงานย่อมต้องแยกออกจากความรู้สึก
ในคดีนี้มาร์คัสเป็นเพียงพยาน ส่วนหน้าที่จับกุมและช่วยเหลือเป็นหน้าที่ตำรวจอย่างเขา...
แฝดน้องนั้นรู้ดีจึงได้เลือกจะตามติดห่างๆแบบนี่ไม่ทำให้เขาเดือดร้อน
กับคนที่แฝดน้องแสนเอาแต่ใจให้ความสำคัญ
คนเป็นพี่อย่างเขาก็ควรจะทำให้เต็มที่เช่นกัน...
“ทีมสอง แบ่งเป็นสามทีม ทีม 1
คุมกำลังรอบโกดัง ทีม 2 ดักทางออกเอาไว้ ส่วนทีม
3 ตามผมมา พยายามอย่าใช้กระสุน เป็นไปได้ให้จับเป็น แต่ถ้าจำเป็น...บางทีเราก็ต้องเลือกชีวิตผู้บริสุทธิ์ก่อน
ทราบ”
“ทราบครับ!”
มาร์คนำทีมบุกเข้าไปข้างในโดยเน้นให้ทุกคนเงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
หนึ่งในทีมเห็นทางซ่อนลับลงไปชั้นใต้ดิน เมื่อลองตั้งใจฟังก็ได้ยินบทสนทนาค่อนข้างชัด
ด้วยประสบการณ์ตำรวจสอบสวน มาร์คควักเอาเครื่องอัดเสียงมาโยนให้หนึ่งในทีมอัดเสียงบทสนทนาเอาไว้
ส่งสายตาไม่ให้ใครบุ่มบ่ามลงไป
เพราะตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าสถานการณ์ข้างล่างเป็นเช่นไร แจ็คสันอยู่ที่นั่นไหม ที่สำคัญคือพวกนั้นมีอาวุธร้ายแรงอะไรรึเปล่า
“แต่บอส สายสืบเราแจ้งมาเมื่อวานว่ามีการเคลื่อนไหวแปลกๆในกรมตำรวจ...”
มาร์คัสเบิกตากว้าง เขาหันไปมองตำรวจนายข้างๆที่เบิกตากว้างไม่ต่างกัน
...ในกรมตำรวจมีหนอน!?...
“ก็ช่างหัวมันสิวะ! ถ้าปล่อยมันไปมันจะเอาอะไรไปบอกตำรวจบ้าง
มึงคิดสิวะ”
“บอส...”
ปัง!
นายตำรวจทุกนายขยับตัวทันทีที่ได้ยินเสียงปืนแต่ยังนิ่งอยู่เพราะประโยคถัดมา
“กูสั่งให้มึงทำ! ถ้ามึงไม่ทำกูจะฆ่ามึงแทนมัน!”
“เฮ้ย!
มันตื่นแล้ว รีบฆ่ามันสิวะ”
มาร์ครีบส่งสัญญาณมือ นายตำรวจในกลุ่มชูปืนขึ้นฟ้าพร้อมตะโกนเสียงดัง
“อย่าขยับ วางอาวุธลง!”
ปัง!
ในช่วงวินาทีความเป็นความตาย
เสียงจากปืนลั่นเตือนก็ดึงความสนใจจากผู้ร้ายให้ตกอยู่ในความตื่นตระหนก มาร์คกระชับปืนในมือแน่น
กระโจนข้ามบันไดหลบหลังกำแพงเช่นเดียวกับนายตำรวจคนอื่น นานแล้วที่ไม่ได้ลงภาคสนาม
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาลังเล เพราะเมื่อสิ้นคำประกาศ ห่ากระสุนก็ระดมยิงตอบกลับมาว่าคำสั่งนั้นไม่ได้ผล
อีกฝ่ายพร้อมสู้ มันถือว่าพวกเขามีอำนาจในการจับกุมเต็มที่
มาร์คดันหลังกับกำแพงหมอบตัวลงกับพื้นกะจังหวะยิงกระสุนกลับไปนัดหนึ่งก็เห็นร่างของแจ็คสันอยู่บนเตียงเหล็กคล้ายเตียงผ่าตัด
ไม่ทันจะได้สำรวจดีก็ต้องกลิ้งหลบกระสุนอีกนัดที่ยิงตอบกลับมา
“มาร์ค! มันกำลังจะหนี”นายตำรวจอีกคนตะโกนบอกทันทีที่เห็นคนอีกฝ่ายประกบตัวล้อมคนที่น่าจะเป็นหัวหน้าหนีไปที่ประตูลับด้านหลัง
มีอีกหนึ่งคนทำท่าจะยิงปิดปากคนบนเตียงแต่มาร์คตาไวยิงสวนไปหนึ่งนัดถูกข้อมือคนร้ายจนมันร้องเสียงดังทรุดลงไปกับพื้น
จนพวกเดียวกันลากให้ลุกหนี
“ช่วยตัวประกัน!”
พวกเขาใช้โอกาสนั้นยิงสวนสกัด
รุกล้ำให้พวกนั้นล่าถอยไปจนพวกเขามาถึงตัวแจ็คสันได้ในที่สุด มาร์คตั้งลำปืนนิ่ง ดวงตาคมมองกลุ่มก้อนคนที่กำลังเคลื่อนที่เพื่อหาทางหนีอย่างใจเย็น
ฝั่งเขาเจ็บไปหนึ่งคนถ้าจะรุกต่อจะเป็นอันตรายต่อทั้งตัวประกันทั้งตำรวจ เขาเลยลดปืนลงเมื่อเห็นว่าพวกนั้นหนีออกไปจากห้องนี้แล้ว
“ตามมันไป
ให้แน่ใจว่ามันขึ้นไปข้างบน ให้ทีมสองและสามจัดการต่อ พวกมันยังไม่รู้ว่ามีตำรวจอีกข้างบน
แอนโทนี่มาช่วยผม”
ทุกคนที่เหลืออยู่พยักหน้าแล้ววิ่งตามกลุ่มคนร้ายไป
แอนโทนี่ นายตำรวจร่างใหญ่เดินกลับมาหาเขามาร์คเข้าประชิดตัวแจ็คสัน ดึงเทปที่รัดข้อมือข้อเท้าของแจ็คสันให้
“แจ็คสัน
ผมมาร์คเอง”
“คะ
คุณมาร์ค!”
“ครับ
ใจเย็นๆนะ ผมจะพาคุณออกไป”ชายหนุ่มเอ่ยให้อีกฝ่ายอุ่นใจเพราะตอนนี้ร่างเล็กสั่นระรัวไม่ต่างจากลูกนกตกจากรัง
มือเรียวดึงสายคาดตาออกอย่างเบามือ
ทันทีที่ดวงตากลมมองเห็นใบหน้าคุ้นตา
แจ็คสันก็แบะหน้าแล้วร้องไห้ด้วยความโล่งใจ พอเห็นหน้าเหมือนกับคนๆนั้นกำลังร้องไห้
จู่ ๆ ใจตำรวจหนุ่มก็อ่อนวูบ ถอดเสื้อนอกคลุมไหล่ให้ร่างเปล่าเปลือย มือเรียวลูบหลังขาวนั้นเบา
ๆ
“ปลอดภัยแล้วนะครับ
ไม่ร้องแล้วนะครับ”
“ติดต่อรถพยาบาลแล้ว ไม่น่าเกินสิบนาที”
แอนโทนี่รายงานหลังจากวอร์ติดต่อสำนักงาน มาร์คพยักหน้า กำลังจะเอ่ยถามสถานการณ์ด้านบน
เสียงวอร์จากข้างบนก็รายงานลงมาราวกับอ่านใจเขาออก และครั้งนี้ทำให้เขายิ้มมุมปากปนส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ
“ไอ้ระเบิดเดินได้เอ๊ย”
นายแบบหนุ่มยืนคุมเชิงกอดอกมองสถานการณ์ด้วยความวิตก
แม้ภายนอกจะดูนิ่งสงบแต่ภายในคุกรุ่นด้วยพายุไฟชุดใหญ่
...เสียงยิงกันรัวขนาดนี้
สาบานสิว่าแจ็คสันยังไม่พรุนน่ะ บ้าเอ๊ย!...
เขี้ยวขาวกันริมฝีปากล่างจนได้กลิ่นเลือด
แต่เขาไม่ได้สนใจเท่ากับความปลอดภัยของคนที่โดนจับมา มาร์คัสเดินวนรอบรถ
พยายามสงบจิตใจครั้งที่ล้าน เขารู้ว่านี่ไม่ใช่หน้าที่เขา และไม่ควรไปยุ่ง
แต่มันสงบใจยากเหลือเกิน สุดท้ายก็ทนไม่ไหวถลาไปหานายตำรวจทีมสามที่ประจำอยู่นอกเขตโกดัง
“ช่วยตัวประกันได้รึยัง”
ถึงจะแปลกใจนิดหน่อยที่ตำรวจนายนั้นสะดุ้ง
แต่ก็เข้าใจว่าเป็นเพราะเดินมาถามจากด้านหลัง กลางคืนขนาดนี้ใครใจแข็งได้ก็คงจิตแข็งมาก
ๆ เขาไม่ได้คำตอบทันทีเพราะวอร์ดังขึ้นมาอีก ถึงอย่างนั้นก็ยืนกอดอกนิ่งรอคำตอบด้วยสายตากดดัน
“ช่วยได้แล้วครับ
แต่ยังจับคนร้ายไม่ได้ครับ”
“อืม...”ตอบรับแค่นั้นแล้วเดินกลับมาที่เดิม
แค่ได้ยินว่าแจ็คสันปลอดภัย พายุในอกก็ค่อยๆผ่อนลง
...แจ็คสัน
นายมีอิทธิพลกับฉันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?...มันเป็นคำถามที่เขาถามตัวเองตลอดระยะเวลาที่แจ็คสันหายตัวไป
เขารู้ตัวว่าตัวเองไม่ปกติ เขาไม่เคยสูญเสียตัวเองขนาดนี้มาก่อน
แต่มันเป็นเพราะอะไรกันล่ะ?
แซก
เสียงขยับของพุ่มไม้ตรงข้างรั้วใกล้จุดที่รถเขาจอดอยู่เรียกความสนใจจากนายแบบหนุ่มให้หลุดออกจากภวังค์
ร่างสูงรีบหลบหลังต้นไม้ใกล้นั้น มือเรียวล้วงเข้าไปด้านหลัง ดวงตาคมจดจ้องอะไรบางอย่างหลังพุ่มไม้หนา
ร่างอ้วนพลุ้ยของใครบางคนไม่คุ้นตาตะเกียกตะกายขึ้นมาจากหลังพุ่มไม้นั้น
สภาพยุ่งเหยิงราวกับหนีอะไรมา...แล้วจะหนีอะไรมาถ้าไม่ใช่จากสถานการณ์สงครามกระสุนที่ตอนนี้ก็ยังได้ยินเสียงไม่หยุดจากโกดังหลังนั้น
ท่าทางหงุดหงิดโกรธแค้นประกอบกับคำพูดทำให้มาร์คัสระบุตัวได้ในทันทีว่าคนๆนี้ต้องเกี่ยวข้องกับไอ้หนูสกปรกที่บังอาจมาจับคนของเขาไปแน่
ๆ
“ไอ้พวกหมาสหรัฐ
กูเอาคืนมึงแน่ บ้าเอ๊ย กูน่าจะฆ่าไอ้เด็กคนนั้นทิ้งก่อนออกมา...”
“ฆ่าใครทิ้งนะ...ไอ้สวะ!”
ปัง!
“อ้าก!”กระสุนเหล็กเสียบเข้าต้นขาซ้ายทะลุกางเกงเนื้อดี
เสือดสีสดทะลักจากปากแผลหยดลงพื้นดินตรงนั้นให้กลายเป็นสีน้ำตาลเข้ม
ปัง!
ไม่ทันจะได้ร้องสุดเสียงกระสุนลูกที่สองก็เจาะเข้ากลางหน้าขาด้านขวาจนทรุดลงไปคลานกับพื้น
ดวงตาตื่นตระหนกแหงนขึ้นมามองคนที่เอากระบอกปืนจ่อหน้าผาก แต่ดวงตาเย็นชาหรือจะสู้พื้นรองเท้าที่เหยียบรอยกระสุนซ้ำเข้าไปเต็มแรง
“อ้ากกกกกกกกกกก!!!”
คนใจร้อนที่ตอนนี้ใจเย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำแข็งจ้องร่างใต้รองเท้าแบรนเนมราคาเฉียดแสนนิ่ง
ปลายเท้าบดขยี้ปากแผลที่ยังมีกระสุนฝังอยู่ในเอ็นเนื้อของคนแก่รุ่นพ่ออย่างไร้ความปราณี
“อ้ากกก! พอ! เจ็บ อ้าก!! ขอโทษ ยกโทษให้ฉันเถอะ!!!”ร่างแสนหยิ่งทระนงลงไปกองดิ้นพราดๆด้วยความทรมาน
สองมือตะกายพยายามจะจับขาของนายแบบหนุ่ม แต่ชายหนุ่มสะบัดแขนนั้นทิ้งแล้วเหยียบเข้ากลางท้องเต็มแรงจนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างหัก
กร๊อบ!
ดวงตาเบิกโพล่งสั่นระริกมองดวงตาไร้อารมณ์อีกคู่ที่อยู่เหนือกว่า
แต่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้นแผ่ซ่านให้คนมองได้รับรู้ถึงสารที่ต้องการจะบอก
...อย่ายุ่งกับคนของสิงโต...
ปัง!
“อ้ากกกกกก!!!!”
“ไหนบอกว่าจะไม่ยุ่งไงวะ?”แฝดคนพี่เดินเข้ามาตบไหล่แฝดคนน้องที่นั่งรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
มาร์คัสผลักมือนั่นออกแสร้งทำเป็นรำคาญ แต่กับคนที่เกิดมาพร้อมกันย่อมรู้ว่าอีกคนแค่กำลังเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่เขิน
“ก็ไม่ได้ยุ่ง...แต่มันวิ่งเข้าเท้าเอง”
...เหตุผลมันนี่...
มาร์คส่ายหน้า
ไม่รู้จะทำยังไงกับนิสัยปากหนักของน้องชายฝาแฝดคนนี้ดีเหมือนกัน
หลังจากมาร์คัสลั่นกระสุนขู่เฉียดศีรษะคนร้ายจนแน่นิ่งช็อกสลบไปด้วยความตกใจ
ตำรวจทีมสามและสองก็นำกำลังเข้าจับกุมคนที่เหลือจนครบ ส่วนคนเป็นหัวหน้าที่โดนมาร์คัสซัดซะเละเป็นทิชชูเละ
ๆ ได้ส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลของรัฐภายใต้การควบคุมที่รัดกุมกันการชิงตัวคนร้าย
เพราะนับว่าเป็นผู้มีอิทธิพลพอสมควร งานนี้ก็ได้ชานซองสั่งการลงมาโดยตรงว่าห้ามมีการแพร่งพรายข่าวนี้ออกไป
ให้เก็บเป็นความลับจนกว่าการสืบสวนสอบสวนจะเสร็จสมบูรณ์ ป้องกันการแทรกแซงของผู้มีอิทธิพล
แน่นอนว่าเทปอัดเสียงในที่เกิดเหตุ
เขาก็ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนที่ไว้วางใจได้ทำเรื่องต่อแล้ว
ทุกอย่างเหมือนจะคลี่คลายไปในทางที่ดี...
ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกพร้อมร่างของคุณหมอที่เดินออกมาเหลียวซ้ายขวาเหมือนจะหาคนที่จะบอกอาการ
แฝดต้วนลุกขึ้นเดินไปหา
“ผม มาร์ค เป็นตำรวจที่ดูแลคดีของคุณแจ็คสันครับ ขอทราบอาการด้วยครับ”ตำรวจหนุ่มพูดอย่างเป็นทางการผิดกับมาร์คัสที่เดาะลิ้นเบาๆ
ก่อนถามด้วยท่าทีที่ปกติกว่า
“แจ็คสันปลอดภัยแล้วใช่ไหม?”
“ปลอดภัยแล้วค่ะ โชคดีที่คนไข้ไม่มีอาการผิดปกติอะไรนอกจากรอยบาดของเชือกนะคะ
แต่อยากให้ระวังเกี่ยวกับคำพูด เนื่องจากว่าตอนนี้คนไข้กำลังตื่นวิตกค่ะ
ยังไงหมอสั่งให้นอนดูอาการที่โรงพยาบาลสักสองสามวันนะคะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”ชายหนุ่มก้มหัวลงนิดเป็นเชิงขอบคุณ
ก่อนละสายตาไปหาร่างบนเก้าอี้รถเข็นที่บุรุษพยาบาลเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน ใบหน้าขาวซีดอิดโรย
ท่าทางไร้เรี่ยวแรงจนน่าสงสาร ดวงตากลมเลื่อนมาสบตากับดวงตาคมของมาร์คัสที่ยืนนิ่งรออยู่หน้าห้อง
ขอบตากลมคลอด้วยน้ำตา ร่องรอยความหวาดกลัวยังปรากฏชัดในดวงตานั้น
ริมฝีปากอิ่มสีแดงสั่นระริกเอ่ยชื่อของบุคคลที่เจ้าตัวเรียกร้องในใจยามอยู่ในอันตราย
คนที่ทำท่าทางไม่ใคร่จะสนใจกันแต่กลับโผล่มาในสถานการณ์ที่เลวร้ายเสมอ...
คนที่แจ็คสันวางใจ...แม้หัวใจจะโดนชายคนนี้เล่นตลกมากขนาดไหนก็ตาม
“พี่...มาร์คัส”
ร่างของเจ้าของชื่อกระตุกเบาๆ สะเทือนใจกับน้ำเสียงแหบพร่าไร้เรี่ยวแรงอ่อนระโหยมากกว่าทุกครั้งที่เคยได้ยิน
ช่วงขายาวก้าวเข้าหาตัวคนบนเก้าอี้ช้า ๆ ดวงตาสองคู่สบมองกันไม่กระพริบราวกับทั้งโลกมีแค่พวกเขา
“แจ็คสัน...”
มาร์คัสเดินเข้าไปชิด มือเรียวเอื้อมไปจับมือเล็กขึ้นมากุมไว้แน่น
สัมผัสไดถึงร่างกายที่ยังสั่นด้วยความหวาดกลัว ยิ่งเห็นรอยบาดแดงทั้งข้อแขนและข้อขายิ่งทำให้เขาปวดหัวใจอย่าประหลาด
“พี่มาร์คัส”แจ็คสันเรียกชื่อเขาอีกครั้ง ราวกับกำลังจะบอกอะไรบางอย่างแต่พูดออกมาไม่ได้
ดวงตากลมสบมองเขา น้ำตาคลอหน่วยเอ่อท่วมค่อย ๆ ไหลลงมาตามแก้มเนียน
มาร์คัสกัดฟันกรอด
ทนมองดูสภาพน่าสงสารของคนร่วมอาศัยไม่ได้อีกต่อไป อ้อมแขนอุ่นรวบตัวแจ็คสันเข้ามาชิด
ใบหน้ากลมกดถูกับหน้าท้องแกร่งราวกับลูกแมวที่ซุกหาความรู้สึกปลอดภัย
มือเรียวลูบเส้นผมสีน้ำตาลนิ่มด้วยความเป็นห่วง ในขณะที่อีกข้างเอื้อมลงไปเช็ดหยาดน้ำตาอย่างไม่คิดรังเกียจและเก็บอาการอีกต่อไป
นั่นทำให้แจ็คสันยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
“พี่มาร์คัส ฮึก...ผมกลัว”
“ขอโทษ”
“ฮือออ!”
“ฉันขอโทษ...ขอโทษนะแจ็คสัน”
หลังจากปลอบจนแจ็คสันหยุดร้อง บุรุษพยาบาลก็เข็นแจ็คสันไปนอนพักในห้อง
เพียงมาร์คัสลูบหัวกลมเบาๆสองสามครั้ง
คนที่โดนเรื่องหนักหนาสาหัสมาทั้งวันก็ผล็อยหลับไปแบบไม่ต้องกล่อมให้ยาก
แฝดต้วนจึงได้โอกาสออกมาหากาแฟดื่มกันสองคนในช่วงเวลาตีสองยี่สิบนาที
ทุกอย่างในโรงพยาบาลดูนิ่งสงบ ทั้งสองทอดอารมณ์ตัวเองให้ผ่อนคลายลง
พวกเขาเหนื่อยกันมาก แต่กลับนอนไม่หลับ เพราะมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ดูจะยังรบกวรจิตใจให้ฟุ้งซ่านจนไม่อยากจะกลับบ้านไปนอน
“ดึกขนาดนี้ นายไม่คิดจะไปดูแลคนโดนหมายหัวนั่นหน่อยเหรอ”
มาร์คัสพูดถึงเจสันที่ยังอยู่ที่ห้องของแฝดต้วนคนพี่
มาร์คชะงักมือที่ถือแก้วกาแฟเล็กน้อยก่อนส่ายหน้า
“ฉันโทรไปบอกเจสันตั้งแต่บ่ายสามแล้วว่าวันนี้ฉันจะไม่กลับห้อง
แต่จะให้ตำรวจนอกเครื่องแบบไปคุมหน้าห้องไว้ หมอนั่นก็ไม่ได้สงสัยอะไร
คิดว่าป่านนี้คงนอนไปแล้วล่ะ”
“เหรอ...”
มาร์คัสตอบรับแค่นั้น ก้มหน้ามองพื้นกระเบื้องสีขาวของโรงพยาบาล
“นายได้บอกพี่ชายแจ็คสันหรือยัง?” มาร์คัสอดถามต่อไม่ได้ เขาเฉยชาแต่ไม่ได้ความจำเสื่อม
จึงพอจะรู้ว่าพี่ชายฝาแฝดของแจ็คสันนั้นค่อนข้างจะหวงน้องมากเลยทีเดียว แล้วนี่น้องชายฝาแฝดดันโดนจับเกือบโดนฆ่าเพราะตัวเอง
จะรู้สึกยังไง
“...กลับไปจะบอก...ให้แน่ใจว่าแจ็คสันปลอดภัยก่อน”มาร์คตอบนิ่ง
ๆ เหมือนมีอะไรในใจ
“อืม”แฝดต้วนคนน้องพยักหน้า เงียบกันไปสักพัก นานนับสิบนาทีกว่าแฝดคนน้องจะเอ่ยคำถามที่คงเป็นอะไรที่กวนใจพวกเขาอยู่ตอนนี้ออกมา
“จับคนร้ายได้แล้ว...พวกนั้นจะเป็นยังไงต่อ?”
“...”
“มาร์ค?”
“ไม่รู้สิ”คราวนี้เสียงทุ้มต่ำเอ่ยด้วยความไม่มั่นใจ
ในอกวูบโหวงเมื่อนึกถึงความเป็นจริงที่จะเกิดขึ้นถัดไปจากนี้
.
.
.
“คง...กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม...
แบบที่เป็นคนแปลกหน้ากัน...ล่ะมั้ง”
#ficTTM
Please comment
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น