[SF] TUAN TWINS AND THEIR LOVER TOXIC [MarkSonYien] *3P*

TITLE: TUAN TWINS AND THEIR LOVER TOXIC
COUPLE: MARK x JACKSON x YI EN [MarkSonYien]
RATE: NC-20
WORD: 6,229
BY: Silverfeather29 /@silverfeather29/
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------






TUAN TWINS AND THEIR LOVER TOXIC










แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอนกว้าง ร่างสามร่างโอบกอดกันบนเตียง ร่างเล็กที่สุดบนเตียงขยับดิ้นยุกยิกลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นคนแรก ยกมือขยี้ตาเบลอๆ ส่ายศีรษะไปมาจนผมปลิว พยายามจะลุกขึ้นนั่งแต่ลุกไม่ได้เพราะติดท่อนแขนที่โอบรัดร่างเขาอยู่ทั้งสองด้าน ตากลมมองซ้ายมองขวาอย่างหงุดหงิดใจ มือขาวยกแขนของคนด้านซ้ายออกก่อนจะเปลี่ยนไปขยับคนด้านขวาออกจากร่าง ไม่ทันจะได้ลุกขึ้นตามที่หวัง แขนแกร่งของคนด้านซ้ายก็กระตุกเอวเขาไปนอนกอดต่อ ตามด้วยมือของคนด้านขวาที่กอดตัวเขาไปทั้งตัว เหมือนจะเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แว่บๆ

...นี่แกล้งกันเหรอ!?...

“พี่ต้วน อย่าแกล้ง ผมจะไปเข้าห้องน้ำ!”เสียงห้าวตวาดเหว แฟนหนุ่มสองคนหัวเราะกันคิดคักบอกให้รู้ว่าร่างสูงตื่นแล้วจริงๆแต่ไม่ยอมลืมตาตื่น

“ตอนเช้าต้องทำอะไร ไม่ทำพวกพี่ไม่ปล่อย”มาร์คบอกยิ้มๆพลางกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นอีก

“โอ๊ยยยย ปล่อยเถอะ ปวดฉี่ ปล่อยๆๆๆๆ”แจ็คสันดิ้นเร่าๆบนเตียง หงุดหงิดเพราะหลุดออกจากอ้อมแขนทั้งสองคู่นี้ไม่ได้สักที คิ้วหมวดกันแน่นหน้ายุ่งขนาดที่ว่าถ้ามาร์คกับอี้เอินเห็นคงหัวเราะด้วยความเอ็นดูไปแล้ว

“ไม่ทำพี่ก็ไม่ปล่อยนะครับกากา”อี้เอินย้ำประโยคแฝดพี่อีกครั้ง อมยิ้มมุมปากได้อย่างน่าหมั่นไส้เหลือเกินในสายตาแจ็คสัน

“แม่ม!”สบถลั่นแต่ก็ยอมพลิกตัวไปประกบปากอิ่มลงบนริมฝีปากเรียวสวยของมาร์คแผ่วเบา ไม่ทันจะได้ผละออกมือแกร่งก็รั้งด้านหลังคอเขาไว้หมับ บังคับให้รับรสจูบเร่าร้อนยามเช้าจนแทบหายใจไม่ทัน หอบหายใจจากรสจูบมาร์คได้ไม่ถึงครึ่งนาทีก็โดนอี้เอินคว้าคางไปประกบจูบหวานล้ำแต่ทำเอาหวิวไม่แพ้กันต่อ กว่าสองแฝดจะยอมปล่อยเขาลงจากเตียงก็เกือบราดแล้ว

...แกล้งกันตลอดอ่ะ ฮึ่ย!...











“ฮ้า~~~~”ปลดทุกข์เบาเสร็จก็ถึงเวลาอาบน้ำ ถอดเสื้อยืดตัวบาง (ของอี้เอิน) ออกจากตัวตามด้วยบอกเซอร์สีเทา (ของมาร์ค) ตามไปติดๆ กำลังจะเอื้อมมือไปหยิบสบู่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเงาสะท้อนตัวเองในประจกบานใหญ่

“ยังไม่หายอีกเหรอวะ?”

นิ้วป้อมแตะๆไปตรงรอยแดงข้างคอ หมวดคิ้วเล็กๆเมื่อรู้สึกแปลบๆ รอยนี้ไอ้พี่มาร์คทำแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ รุนแรงกับเขาตลอดอ่ะ -*- เลิกสนใจมันแล้วเริ่มอาบน้ำ ผิวปากอารมณ์ดีเพราะวันนี้จะได้ไปเที่ยวกับเพื่อน

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ผม นิคโคลัสกับพีเนียลมีนัดไปเที่ยวห้างกัน พวกมันโอดครวญกันใหญ่ว่าผมโดนแฝดกักตัวไว้ไม่ยอมปล่อยให้มาเล่นด้วย วันนี้ก็เลยจะไปเที่ยวกันสามคน กำชับพี่ต้วน (ขี้เกียจเรียกมาร์คกับอี้เอิน) ไว้แล้วว่าอย่าตามมา ไม่รู้จะเป็นยังไง

“แจ็คสัน นิคโทรมา”เสียงพี่มาร์คดังมาจากด้านนอก ผมรีบล้างสบู่ออกจากตัว พันผ้าเช็ดตัวลวกๆวิ่งฉิวออกมารับสาย ทักปลายสายด้วยน้ำเสียงรื่นเริง

“ว่างายยยย”

“กูพร้อมละ ไปกัน”

“ห่า! กูยังไม่แต่งตัว”แอบเม้มปากตัวเองเล็กน้อยเมื่อเจอสายตาดุของอี้เอินส่งมาเป็นเชิงปรามว่าห้ามใช้คำหยาบ เดินเลี่ยงออกไปคุยตรงประตูกระจกระเบียง ลดเสียงลงไม่ให้สองแฝดนั่นได้ยิน

“โห่วววว ช้าตลอดดด รีบๆมานะเว้ย รออยู่ห้างเคเนี่ย”

“เออๆ เดี๋ยวรีบตามไป”

กดวางสายกลับหลังหัน ผงะเมื่อเจอดวงตาเรียวสองคู่จ้องอยู่ก่อนแล้ว มาร์คกลับไปสนใจมือถือในมือตัวเองต่อ ในขณะที่อี้เอินก็พุ่งความสนใจไปที่จอแทปเลต ท่าทางแปลกๆแฮะ...งงนิดหน่อยแต่ก็ย้ายร่างตัวเองมาหน้าตู้เสื้อผ้า ค้นอยู่สักพักก็หยิบเอาเสื้อกล้ามสีดำตัวสวยออกมาชะงักไปเมื่อคิดได้ว่าอากาศเริ่มหนาว เอามันไปแขวนไว้ที่เดิมอย่างเสียดาย ค้นต่อไปถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ขนเสื้อแขนยาวมาจากที่บ้านเลย

ผิวชื้นเริ่มเย็น ลูบแขนตัวเองคลายความหนาว เริ่มรู้ตัวว่าผิวเปล่าๆปะทะอากาศเย็นๆนานเกินไปแล้ว ยืมเสื้อพวกพี่ต้วนก่อนได้ปะวะ จะหันไปขอก็สะดุ้งเฮือกอีกรอบเมื่อเจอมาร์คยืนซ้อนอยู่ด้านหลังพอดี ใบหน้าสวยหล่อเลิกคิ้วเหมือนถามว่ามีอะไร มือแกร่งวางบนเอวของคนตัวเล็กกันไม่ให้หนีไปไหน

“เอ่อ... ผมไม่ได้เอาเสื้อกันหนาวมาอ่ะ ขอยืมได้ไหม”

“อ๋อ~”มาร์คพยักหน้าเข้าใจ ผละมืออกจากเอวเล็กยื่นแขนเข้าไปค้นเสื้อผ้าในตู้ ระยะห่างระหว่างร่างแคบลงกลายเป็นแนบสนิท เกิดการเสียดสีทุกครั้งที่มาร์คขยับตัว แจ็คสันพยายามถอยหลังแต่ขาดันติดชั้นวางด้านล่าง แผ่นหลังเปลือยพิงเสื้อผ้าในตู้ ก้มหน้าต่ำไม่มองหน้ามาร์คที่เกยอยู่บนหัวเขา รู้สึกได้เลยว่าหน้ากำลังแดงมาก อย่าเข้ามาใกล้มากดิ

มาร์คได้เสื้อแล้วแต่ไม่ยอมไปไหนสักที พอมองจากมุมบนแล้วตอนนี้แจ็คสันช่างน่ารัก หัวกลมก้มงุดๆแต่ใบหูนี่แดงเห็นชัดตัดกับสีผมเลย กลิ่นสบู่หลังอาบน้ำก็หอมน่าลงไปสูดดมใกล้ๆ เสียงกระแอมไอของแฝดตัวเองดังมาเตือนสติ มาร์คถอยออกมาพร้อมเสื้อผ้าสำหรับคนตัวเล็ก ยื่นให้แล้วเดินกลับไปนั่งเล่นมือถือที่เตียง

แจ็คสันกระพริบตาปริบๆมองดูร่างสูงสองคนที่เหมือนไม่ค่อยสนใจเขาอย่างเคย ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ พอจะลงมือแต่งตัวก็ต้องแป๊ะปากกับเสื้อที่มาร์คหามาให้

...มันหวานไปไหมครับท่าน... ถึงเสื้อตัวในจะเป็นเสื้อยืดสีดำธรรมดาก็เถอะไอ้เสื้อตัวนอกสีชมพูนี่คืออะไร แต๋วไปป่ะครับ หน้าผมก็ไม่ได้แบ๋วขนาดนั้นนะท่าน

“ผมยืมเสื้อตัวอื่นได้ไหมอ่ะ”

“ทำไมล่ะครับ”อี้เอินเงยหน้ามามองผม เลื่อนลายตาไปมองเสื้อสีหวานในมือ หลุดหัวเราะเข้าใจในความยุ่งยากใจของคนรักทันที

“เสื้อสีขาวตัวนั้นน่ะ ของพี่ใส่ไปก่อนก็ได้ ตัวนั้นมันของมาร์คน่ะ น่ารักไหมล่ะ”หัวเราะหึๆเหลือบไปมองมาร์คที่หันควับ

“น่ารักตายยยย เสื้อตัวนั้นนายจะซื้อมาให้แจ็คสันแล้วป๊อดไม่กล้าให้ บังคับให้ฉันใส่เถอะ”มาร์ครีบตะโกนแฉแฝดคนน้องที่ลุกมาทำท่าจะกระโจนไปปิดปากคนพี่ มาร์คกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น

“ฮ่ะ?”แจ็คสันแอบตกใจ เพิ่มรู้ว่าเสื้อสีหวานตัวนี้เคยจะตกเป็นของตัวเอง แค่คิดก็แปลกแล้วครับ ผู้ชายหุ่นแมนๆใส่เสื้อสีชมพูบนเย็นเนี่ยนะ “ตอนพี่ซื้อนี่พี่คิดอะไรอยู่เนี่ย”

...จะบอกได้ยังไงว่านึกถึงปากแดงๆของนายน่ะ...อี้เอินคิดอยู่ในใจ รู้สึกกระอักกระอวนนิดหน่อยที่จะบอก พอดีกับที่เสียงมือถือแจ็คสันดังพอดี คนตัวเล็กรีบกระวีกระวาดไปรับ ขอโทษเพื่อนในสายหัวกลมผงกปลกๆน่าขัน

“ไปแล้วๆ โทษทีๆ เอออออ จะรีบไป”กดวางสายวิ่งกลับมาที่ตู้เสื้อผ้าหยิบเอาเสื้อแจ็กเก็ตตัวใกล้มือที่สุดลงมาใส่ ลนจนลืมกระเป๋า

“แจ็คสัน!”เสียงทุ้มดังขึ้นมาก่อนร่างเล็กจะออกจากห้องนอน ใบหน้าขาวหันขวับยกมือรับกระเป๋าตัวเองตื่นๆ

“ลืมไปเลย ขอบคุณครับ ไปนะ!”โบกมือลาวิ่งฉิวไปใส่รองเท้าหน้าบ้านต้วน วิ่งดุ๊กๆออกไปหน้าปากซอย ร่างสูงสองร่างมองร่างเล็กนั้นผ่านหน้าต่างห้องนอนยิ้มๆ

“เอาล่ะ จะเริ่มเลยไหมล่ะ? เจบีโทรมาเมื่อกี้ว่าพวกมันเริ่มมารวมตัวกันแล้วนะ”อี้เอินถามมาร์คที่พยักหน้า มือกระชับกุญแจรถโบกไปมา

“นายไปรอก่อนเลย เดี๋ยวฉันไปส่งแจ็คสันก่อน ดูท่าทางจะไปไม่ทันหรอก”เสียงทุ้มหัวเราะหึหึในลำคอ ดวงตาฉายแววเอ็นดู อี้เอินพยักหน้ายิ้มกว้าง เดินกลับไปยังโต๊ะ พับแลปเลต หยิบกุญแจรถเดินออกไปนอกห้องก่อน มาร์คมองนอกหน้าต่างอีกสักพักก่อนเดินออกห้องพลางผิวปากอารมณ์ดี











แว๊กกกกกก ไม่ทันๆๆๆๆๆ

คำว่าไม่ทันเต็มหัวแจ็คสัน หงุดหงิดจนแทบบ้า พอวิ่งมาถึงปากซอย ภาพรถประจำทางแล่นฉิวผ่าหน้าเขาไปทำเอาเผลอร้องว๊ากจนคนแถวนั้นหันมามอง

“เอาไงดีวะ อีกตั้งสามสิบนาทีกว่าจะมาอีก”ขมวดคิ้วแน่น ตรงนี้รถแท็กซี่ก็ไม่ค่อยมา ถ้าจะมีก็ตรงจุดรบส่งที่ถัดไปอีกไกลพอสมควร นี่ต้องวิ่งจริงเรอะ T_T เอาวะ! สายกว่านี้พวกมันได้งาบหัวไม่ยอมให้ผมลอกการบ้านอีกแน่

ขาสั้นเริ่มออกวิ่ง อากาศเย็นไม่ช่วยอะไรมากนัก ดีที่ไม่มีแดดแต่ลมก็ไม่พัด จมูกรั้นหอบอากาศแห้งๆเข้าไปจนแสบจมูก เหงื่อเริ่มไหล รถหลายคันผ่านมามองเขาด้วยสายตาแปลกๆแล้วก็เลยผ่านไป เฮ้ย! ช่วยเห็นกูด้วยครับ ถามกูสักคำก็ได้ว่าอยากให้ไปส่งไหม คนสมัยนี้นี่เห็นแก่ตัวจริงๆ -*-

วิ่งไปก็บ่นดินฟ้าอากาศไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็เหนื่อยแต่ก็ยังดีกว่ารอตรงป้ายรถประจำทางนั่นอีกตั้งสามสิบนาที แจ็คสันชักสีหน้าหงุดหงิด หนวกหูเสียงบีบแตรรถจากด้านหลัง

...ชนหมารึไงครับ บีบจั๊งงงง บีบหาพ่อง!!!...

เสียงบี๊บแตรยังดังต่อเนื่องจนร่างขาวทนไม่ไหวสะบัดหน้าหมายจะด่าให้สักกัณฑ์สองกัณฑ์ คำด่าจุกอยู่ที่ลำคอเมื่อเห็นคนคุ้นเคยนิ่งยักคิ้วอยู่บนรถออดี้สีดำเปิดประทุน

“จะขึ้นมาไหม? รึจะด่าพี่ให้จบก่อนล่ะ”เสียงทุ้มทักท้าวคางบนประตูรถทำหน้ายียวนใส่คนรักที่ดูเหมือนจะเป็นใบ้ไปชั่วขณะ ดวงหน้าขาวอึ้งเหวอค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีหน้างงงวยและจบด้วยความโกรธเคือง มาร์คมองหน้าหลากอารมณ์นั้นเพลินๆ

“แล้วปล่อยผมให้วิ่งมาเอง โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ถ้าจะไปส่งทำไมไม่บอกตั้งแต่ที่บ้านนนนน”ร้องโวยวายอยู่บททางบาทวิถีดิ้นปัดไปมา ดีขนาดไหนว่าแถวนี้ไม่มีคน ไม่งั้นป่านนี้โดนคนด่าว่าบ้าไปแล้ว

“หึหึ บ่นอยู่นั่นแหละ โดนเพื่อนบ่นพี่ไม่ช่วยนะ”

“เฮ้ย! ลืมมมม”ทำตาโตตกใจ รีบกระโดดขึ้นเบาะหลัง สั่งเร่งสารถีส่วนตัวที่ตอบรับคำสั่งนั้นด้วยการออกเร่งเครื่องไปอย่างแรง กระชากจนร่างด้านหลังตั้งตัวไม่ทันเซล้มแผ่นหลังติดเบาะหลัง แหกปากร้องโวยวายลั่นไปตามทาง

“ไอ้พี่มาร์คคคคคคค เร็วเกินไปแล้วโว้ยยยย!!!

          แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงหัวเราะสะใจจากคนขับ โอ๊ยยยยยย ติดแท็ก #แฟนผมเป็นคนกวนตีน ได้ไหม!!!!








แจ็คสันย่ำเท้าตึงตัง ใบหน้าบูดบึ้ง กระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ร้านกาแฟ จนเพื่อนทั้งสองคนต้องมองหน้างงๆว่ามันไปโกรธใครที่ไหนมาอีกวะ?

“เป็นอะไร เมนมึงไม่มาไง๊!

“กูคงมีมั้งสัด! ไม่มีมดลูกสักหน่อย”

“เอ้า! ก็เห็นว่าเป็นเมีย”

“หุบปากไป!”ตวัดมือโบกหัวนิคโลลัสจนหัวพุ่งโขกโต๊ะ ร้องโอดโอยกันไปแต่คนกระทำห็หาได้สนใจไม่ หน้าบูกกอดอกบ่นงึมงำไปตามเรื่อง อารมณ์รุนแรงจนเพื่อนไม่กล้าแซวอีก ไอ้แต่เลียบเคียงถามเพื่อนตัวเตี้ยเกรงๆ

“เป็นอะไรวะ? ทะเลาะกับพวกพี่ต้วนมาเหรอ?”

“...ไม่อ่ะ”แจ็คสันนิ่งไปนิด ส่ายหน้าปฏิเสธ คลายกอดอกลง “กูหงุดหงิดเพราะโดนพี่แกแกล้งกับเมินเมื่อเช้ามากกว่า ปล่อยให้กูวิ่งหารถจับมานี่ ทั้งที่มีรถจะมาส่งกูเนี่ย”

“เดี๋ยวๆ พี่มาร์ครึพี่อี้เอินวะ? ขอเคลียๆ ใครแกล้ง ใครเมิน มึงอย่าลืมดิว่ามีพี่ต้วนสองคน”พีเนียลรีบขัดเพื่อน ทำหน้าตางงได้ที่ แจ็คสันกลอกตาไปมากลับมากอดอกอีกรอบ ดีจังกูมีเพื่อนขี้เสือกครับ -*-

“พี่มาร์คแกล้ง แต่ไอ้เรื่องเมินกูอาจคิดไปเองก็ได้ว่ะ ก็แค่พี่แกไม่มาวอแวกูเหมือนทุกวันก็แค่นั้นเอง ทั้งสองคนเลย”

“เอ้า! เวลาพี่แกมาอ้อมซ้ายขวาก็บ่นว่ารำคาญ พอพี่แกไม่มาก็มาบ่นว่าเมิน จะเอาไงกันแน่วะนั่น”พีเนียลทำหน้ายุ่งใส่เพื่อนที่เงียบไป

“กูถึงได้บอกว่ากูคิดไปเองไง ไหนบอกว่ารอกูนาน จะไม่ไปแล้วใช่ไหม ดูหนังมึงเนี่ย”ตัดบท ลุกขึ้นลากแขนเพื่อนออกไปจากร้านกาแฟ นิคโคลัสกับพีเนียลมองหน้ากันแล้วยิ้มขำ

...ตอบไม่ได้แล้วลุกหนีทุกทีเถอะ เหอะๆ...







“มึง...แกล้ง...กู”

เสียงห้าวสั่นปลายกัดฟันกรอดด่าเพื่อนทั้งที่มือขาวยังปิดตาไว้แน่น สะดุ้งทุกครั้งที่มีเสียงแฮร่คำรามออกมาจากลำโพงโรงหนัง

...รู้ว่ากลัวผี แก็ยังพากูมาดูหนังซอมบี้! พ่องมึงเถอะ!!!...

ได้ยินเสียงหัวเราะจากไอ้เพื่อนแสบทั้งสองคน ทุกครั้งที่ผมเผลอกรีดร้องมันก็ยิ่งหัวเราะสะใจ นิสัยตัวเงินตัวทองชิบหายยยย!!!

วันนี้มันวันอะไร กูโดนแกล้งทั้งวันเลยเนี่ยยยยย

กว่าหนังจะจบพวกมันก็ต้องลากผมออกจากโรงหนังเพราะกลัวจนแข้งขาอ่อนไปหมด แล้วยังมีหน้ามาแซวอีกนะมึง ฮึ่ม! พวกเราเดินว่อนห้างไปทั่ว เดินแวะร้านนั้นร้านนี้แต่ไม่ซื้ออะไรสักอย่าง (เพราะไม่มีเงิน) จนเบื่อก็เลยแวะไปเล่นเกมเซนเตอร์ด้านบน ในนั้นมีแต่เหล่าชายหนุ่มรุ่นๆพวกผม มากกว่าน้อยกว่านิดหน่อย ยิ่งวันนี้วันเสาร์คนยิ่งเยอะจนไม่มีตู้เหลือ

พวกผมยืนรอไม่นานก็มีคนลุกขึ้น นิคโคลัสมันรีบเดินไปจะไปจองแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีไอ้อ้วนตัวใหญ่เดินมาขวางไว้หน้าตาถมึงทึงอย่างกับคนเฝ้าหน้าผับ แทบไม่ต้องพูดอะไรเพื่อนผมก็ถอยแล้วครับ ไม่ใช่ว่ามันสู้ไม่ได้หรอก แต่ไอ้นิคมันเป็นป๊อดกับพวกตัวใหญ่ แก้ยังไงก็ไม่หาย

“โทษนะครับ พวกผมเห็นก่อนนะ”

“รู้ได้ไง กูเจอก่อนมึง”เพื่อนไอ้อ้วนนั่นกระชากเสียงใส่พวกผม

“อ้าว ผมพูดกับคุณดีๆนะ”ไอ้นีเนียลเริ่มขึ้นแล้วครับ ไอ้นี่ก็ใจร้อนเกิ๊น ผมกระตุกแขนมันปรามๆ ไม่อยากให้มีเรื่องที่นี่

“ไปเถอะมึง เขาอยากเล่นก็ให้เล่นไป พวกมึงไปเล่นบ้านกูก็ได้”ผมบอกเพื่อนเบาๆ ลากแขนมันออกมาจากวงนั้น เหมือนจะเริ่มมีคนหันมาสนใจพวกผมแล้วด้วย คร้านจะมีเรื่องที่นี่

“หืม...ก็คุ้นๆว่าใคร เมียท่านประธานแฝดนี่หว่า ผัววววไม่มาเหรอครับ คนสวย”น้ำเสียงยียวนน่าเหยียบหน้าทำเอาผมชะงักขา ลมหายใจกระชั้นรู้สึกร้อนวูบวาบมือสั่นจนเป็นไอ้พีเนียลแทนที่รีบลากผมออกมา ไอ้นิครีบดันหลังผมให้รีบออกไปอย่าไปมอง พวกมันรู้ดีว่าถ้าผมถึงที่สุดแล้วจะเป็นยังไง ก่อนไปไอ้นิคก็ไม่วายส่งนิ้วกลางไปให้พวกเหี้ยนั่นเป็นเชิงเคียดแค้นด้วย



พวกมันพาผมมานั่งสงบสติอารมณ์หน้าห้าง

“กูอยากกลับไปตั๊นหน้าพวกมันชะมัด”ไอ้นิคกำกำปั้นตีมือตัวเองปั๊กๆ โถ่ววว ไอ้หมาปั๊ก เมื่อกี้ยังสะดุ้งไอ้ตัวใหญ่อยู่เลย

“นักเรียนโรงเรียนเราเหรอวะ เหมือนกูไม่เคยเห็นหน้าพวกมันเลย”พีเนียลทำหน้าเหมือนพยายามจำหน้าพวกนั้นให้ได้ แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก

“นักเรียนโรงเรียนเรามีเป็นร้อยมึงจำได้หมดทุกคนเลยรึไง”แจ็คสันส่ายหน้ากับเพื่อนตัวเอง ตอนนี้เขาใจเย็นลงมากแล้ว ดีกว่าเมื่อครู่ที่ต้องให้เพื่อนทั้งสองคนล็อกแขนไว้ไม่ให้ลุกไปไหน

“ดีนะพวกกูพามึงออกมาทัน ไม่งั้นมึงเอ๊ยยยย..”นิคลากเสียงยาวทำหน้าหวาดเสียวนึกจินตนาการไปถึงเมื่อครั้งผมของขึ้นครั้งก่อน

“กูใจเย็นลงมากแล้วน่า มึงก็คิดมากไป”

“ก็ว่ามึงใจเย็นลงเพราะพวกพวกพี่ต้วนร้อนแทนเองมากกว่า”จู่ๆไอ้นีเนียลก็เหมือนจะงึมงำอะไรออกมา ผมฟังไม่ชัดได้ยินแต่ต้วนๆ หันไปมองหน้ามันอย่างสงสัย

“หืม? มึงว่าอะไรนะ”

“ไม่มีอ่ะ กูบ่นของกูเฉยๆ...จะกลับเลยไหมล่ะ เดี๋ยวไอ้นิคมันจะกลับบ้านไปหาแม่ช้า”หัวเราะก๊ากใส่ไอ้ลูกติดแม่ บอกตรงๆมันติดแม่มันยิ่งกว่าติดแฟนอีก เลิกกับแฟนไม่ใช่เพราะอะไรนะครับ แฟนงอแงจะไปเที่ยวแต่มันอยากอยู่กับแม่ตอนสุดสัปดาห์ มันเลิกแฟนเลย เป็นลูกที่ดีมากครับนิคโคลัส รออะไรอยู่ ลุกขึ้นปรบมือสิครับ...

“พ่อง ล้อกูจัง กูเป็นลูกกตัญญูกตเวทีแล้วผิดตรงไหน”มันทำหน้ายุ่งใส่พวกผม

“กูไปด่ามึงตอนไหน ดีแล้วเถอะ ไปๆ งั้นกูกลับเลยแล้วกัน เจอกันวันจันทร์นะ”

“เออๆ บาย”

เราสามคนเดินแยกกันไป ผมเดินไปตามทางเดินเท้ารอไปขึ้นรถกลับบ้าน เดินดูนั่นดูนี่ตามทาง อากาศเริ่มหนาวเพราะเป็นเวลาค่อนข้างเย็นมากแล้ว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงอมม่วงสวยเชียวแหละ พื้นที่แถวนี้ไม่มีห้างร้านหรือบ้านคนอาศัยอยู่มากนักเลยออกจะดูเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยนไปหน่อย

เดินไปสักพักก็เริ่มรู้ถึงสิ่งผิดปกติ เสียงฝีเท้าเบาๆที่เดินตามมาด้านหลังเร่งให้ผมต้องรีบย่ำเดิน ยิ่งผมเดินเร็วมันก็เร่งตามมา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกมันสะกดรอยผมมา ผ่อนเท้าเดินชิวตอนอยู่หน้าร้านขายขนมปัง ทำท่าทางดูขนมปังหน้าร้านพลางเหลือบมองคนที่ตามมา

...มีสามคน...

คิดหาทางหนีทีไล่ในใจ ตามมาลับๆล่อๆขนาดนี้ไม่ใช่จุดประสงค์ดีแน่ๆ มือล้วงเข้าไปกดเลข 1 หาใครบางคน ออกเดินใหม่อีกครั้ง คราวนี้พวกมันเหมือนจะรู้ว่าผมเห็นแล้วถึงได้รีบวิ่งไล่ขึ้นมา แล้วผมจะทำยังไงนอกจากวิ่งหนี

“เฮ้ย! อย่าหนีนะมึง!

เสียงร้องโหวกเหวกตามหลังทำให้แจ็คสันนึกปลงในใจ

...พูดอย่างกับบทหนังยุค 80...

สะดุ้งเฮือกเมื่อถูกฉุดเข้าไปในซอยแคบ หลังบางกระทบผนังปูนเย็นเฉียบดังปักใหญ่ รู้สึกกระเทือนไปทั่วร่าง หลับตาร้องซี๊ดรู้สึกเจ็บหลังจี๊ดๆ ยังไม่ทันตั้งตัวก็โดนกระชากเสื้อขู่กรรโชกเสียงดัง

“เอาเงินมา!!! ไม่งั้นมึงน่วมแน่!!

...เอ้าสัด! ง่ายๆงี้เลย มึงอยากได้เงินมึงไม่ทำงานสุจริตวะ!...รู้สึกโกรธขึ้นมาอีกแล้ว ดวงตากลมตวัดมองพวกมันแบบไม่ชอบใจนัก เหมือนพวกมันจะกลัวสายตาเขา มีแอบสะดุ้งให้เห็นด้วย มองคร่าวๆจากสายตามีไม่ต่ำกว่า 5 คน น่าจะยืนคุมเชิงหน้าปากซอยอีก 2 คน มีไอ้พวกที่เจอบนเกมเซนเตอร์รวมอยู่ด้วย

“พวกมึงนี่เหี้ยดีนะ”

“อย่าปากดีนักนะนังหมวย!!!

...ขึ้นเลยครับ ด่ากูอะไรไม่ด่า มาด่ากูว่าหมวย สัด! ตาบอดรึไง กูอาตี๋ไม่ใช่อาหมวย!!!!...

“ใครหมวยวะ!!!

“ลูกพี่ๆ ไอ้นี่มันแฟนไอ้ประธานโรงเรียนนานาชาติพี ไอ้แฝดตระกูลต้วนนั่นน่ะ ถ้ามันไม่มีเงิน โทรหาแฟนมันดิพี่”ไอ้อ้วนเกมเซนเตอร์รีบยุลูกพี่ ตามึงนี่อยากประจบสัดๆ โคตรน่าสมเพช

“ประธาน? ไอ้แฝดนั่นอ่ะนะ? แฝดคนไหนวะ?”

“ทั้งสองเลยพี่ ไอ้นี่มันควบสอง”น้ำเสียงเย้ยหยันน่าหมั่นไส้ เสียงหัวเราะของพวกมันเสียดแทงเข้ามาในหูอย่างน่ารังเกียจ ร่างขาวเริ่มสั่นระริกใบหน้ากดต่ำ คนเป็นหัวหน้ามองท่าทางนั้นก็เข้าใจว่าตอนนี้คนตัวเตี้ยตรงหน้าเริ่มกลัวพวกเขาแล้ว แสยะยิ้มพอใจ หันไปสั่งลูกน้องตัวเองเสียงกร้าว

“อะโหหห หมวยมันร้ายนะมึง เล่นควบสองเลยเหรอวะ เฮ้ย! โทรไปตามผัวมันมาดิ”
.
.
.
.
.
“ไม่ต้องตามครับ พวกผมมาแล้ว”เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังมาเรียบๆ ร่างสูงสองร่างยืนอยู่ตรงหน้าปากซอย เท้าขยี้ย่ำร่างที่กองอยู่บนพื้นคนละร่าง พวกมันตกใจแตกตื่นร้องโวยวายกันใหญ่ คนเป็นหัวหน้าตั้งสติได้คนแรก กระชากร่างคนตัวเตี้ยที่ยังนิ่งอยู่มาล็อคคอเอามีดจี้คอ

“อย่าเข้ามานะเว้ย! ไม่งั้นไอ้หมวยนี่คอบาดแน่”

มาร์คถลึงตาวาวโรจน์ อี้เอินรีบคว้าเสื้อแฝดตัวเองเอาไว้ มองตาเหมือนจะเตือนอะไรบางอย่างที่ทำให้แฝดพี่เผยยิ้มร้ายออกมาชั่วขณะ

“เอาดิ”

คำตอบผิดคาดจากมาร์คทำเอาพวกนั้นตะลึงค้าง ท่าทางฝาแฝดเรียบเฉยจนน่าตกใจ เหมือนว่าคนที่โดนจี้คออยู่นี่ไม่ได้มีควมสำคัญกับพวกเขาเลยแม้แต่น้อย จนคนจี้อยู่เริ่มไม่มั่นใจอะไรขึ้นแล้ว หันไปกระซิบกระซาบลูกน้อง

“เฮ้ย มึงจำคนผิดป่ะ ทำไมพวกมันไม่ห่วงเลยวะ”

“ผมจำไม่ผิดนะ”ลูกน้องก็ตอบเสียงสั่นๆ เริ่มจะไม่มั่นใจเหมือนกัน

“เออ...มึงจำไม่ผิดหรอก”เสียงห้าวเย็นดังออกมาจากลำคอคนที่โดนจี้ พริบตาเดียวร่างที่เคยผงาดน่ากลัวเมื่อครู่ก็แอ้งแม้งลงไปกับพื้น มีดคมกระเด็นไปไกลดังเกร๊ง บรรยากาศรอบข้างเงียบลงชั่วขณะ ก่อนที่ความวุ่นวายจะเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ลูกน้องลูกกระจ็อกร้องแหกปากวิ่งหนีอลหม่าน แจ็คสันกระโดดถีบไอ้ปากมากที่ปากพล่อยโพนทะนาเรื่องเขาเป็นแฟนแฝดต้วนคนแรก หมัดหนักๆซัดเข้าที่ใบหน้านั้นเต็มๆ

“ปากมากใช่ไหมมึง ไปพูดโลกหน้าต่อนะ!”ลงหมัดลงไปอีกสามสี่หมัดจนเลือดกบปากสลบคามือขาว ร่างเล็กปล่อยมือเหวี่ยงหมัดใส่ไอ้อ้วนที่จะเข้ามาเล่นงานเขาทีเผลอจนมันหงายกระแทกก้นลงกับพื้น โดนพื้นรองเท้ายันอกเต็มแรงจนจุก


แฝดต้วนมองภาพในตรอกนั้นยิ้มๆ ไม่เข้าไปช่วยเพราะรู้ดีว่าตอนนี้แจ็คสันกำลังระบายอารมณ์ที่เกินออกมาจากจุดสูงสุดของความโกรธ เหมือนภูเขาไฟที่ระเบิดออกมาครั้งใหญ่ ไม่มีใครจะไปหยุดหรือรั้งได้เลย

แจ็คสันน่ะ นักกีฬาคัดทีมชาติเชียวนะ หึหึ...







กว่าแจ็คสันจะจัดการพวกมันเสร็จจนพอใจฟ้าก็มืดแล้ว มาร์คเดินเข้าไปอุ้มคนตัวเล็กที่ยืนหอบอยู่ในตรอกท่ามกลางความวินาสสันตะโรของฝ่ายตรงข้ามที่คงเข็ดจนไม่กล้ามายุ่งกับพวกเขาอีก แจ็คสันดิ้นแต่ไม่โวยวายเหมือนเคย ตอนแรกมาร์คก็คิดว่าเหนื่อยจนไม่อยากพูด แต่พอเขาพวกเขาเริ่มเดินไปเรื่อยๆ คนที่อยู่ในอ้อมกอดเขาก็ทำท่าแปลกๆไป

“แจ็คสัน? เป็นอะไร”มาร์คหยุดเดินนิ่งถาม อี้เอินหันมามองสงสัย

ใบหน้าแดงก่ำแดงลงไปจนถึงคออย่างผิดปกติ หัวกลมก้มหน้าคางชิดอกไม่ยอมเงยมาสบตาพวกเขา ร่างทั้งร่างสั่นเล็กๆ ลมหายใจกระชั้นหอบระรัวไม่หยุดตั้งแต่เมื่อครู่ มือเล็กกำเสื้อมาร์คไว้แน่น

“กากา เป็นอะไร?”อี้เอินถามซ้ำ หัวกลมส่ายไปมาแรงๆจนผมปลิวแต่ก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอยู่ดี จนอี้เอินต้องงัดคางมนขึ้นมามอง ทั้งสองอึ้งไปทันที

“พวกมันทำอะไรนาย!”มาร์คสบถลั่นหลังควานหาสติกลับตัวได้แล้ว อี้เอินรีบคว้าโทรศัพท์ติดต่อเจบี กรอกคำสั่งลงไปรัวเร็วแล้ววางสาย ใบหน้าโกรธจัดเห็นได้ชัด

...ถ้าพวกเขามาช้ากว่านี้คนตัวเล็กจะโดนอะไรบ้าง!...

“ทนหน่อยนะ พี่จะพากลับบ้าน”มาร์คปลอบคนในอ้อมกอดขณะวิ่งไปที่รถ เสียงห้าวสั่นบอกเสียงอู้อี้

“พี่มาร์ค พี่อี้เอิน...ร้อน”

สองแฝดกลืนน้ำลายดังเอื้อก รู้สึกถึงงานหนักที่จะตามมาไม่ช้า...









“แค่กๆ พี่มาร์ค หนาว หนาว~~”เสียงห้าวสั่นพร้าองงอแงสลับกับไอโขลกๆสำลักน้ำ หลับตากอดตัวเองนั่งพิงอ่างน้ำที่เต็มตื้นล้นนองพื้นห้องน้ำ ร่างทั้งร่างสั่นสะท้ายเพราะความหนาวเย็นจากน้ำเบอร์แรงสุดจากฝักบัวตัวงาม

“ทนหน่อยนะแจ็คสัน”มาร์คกำมือขาวที่เริ่มซีดแน่นอยู่ข้างๆ มองคนรักตัวเองด้วยความสงสาร ในขณะที่อี้เอินวิ่งไปมาหาทางแก้อยู่ด้านนอก

อาการของแจ็คสันเหมือนคนโดนยาป้าย ถ้าคิดไม่ผิดน่าจะตอนที่พวกมันแตะต้องคนของเขาแล้วแจ็คสันไม่รู้ตัว ดีว่ายาแสดงผลช้าไม่อย่างนั้นคงแย่มากกว่านี้

พวกเขารู้เพียงว่าคนพวกนั้นเป็นกลุ่มอันธพาลที่คอยขู่กรระโชกทรัพย์นักเรียน มันอยู่ในความรับผิดชอบของสภานักเรียนเพราะทราบมาว่าหลายคนในนั้นเรียนอยู่โรงเรียนพวกเขา วันนี้ตั้งใจเพียงจะไปตักเตือนไม่ส่งให้ตำรวจ แต่ถ้าเรื่องถึงขนาดมียาเสพติดไว้ในครอบครองแบบนี้ มันคงเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่พวกเขาจะจัดการได้แล้ว ต้องส่งไปให้ตำรวจอย่างเดียว ซึ่งเจบีกำลังจัดการอยู่

ยิ่งเห็นแจ็คสันตัวสั่นเหมือนลูกนกสีหน้าทรมานน่าสงสาร กัดปากตัวเองจนเลือดซิบเพราะกลัดกลั้นอารมณ์ภายในกายตัวเอง อันที่จริงพวกเขาจะทำก็ได้ แต่ไม่อยากฉวยโอกาสกับน้องตอนที่น้องต้องการเพราะยา ไม่ใช่เพราะความต้องการของตนเอง

“พี่มาร์ค...”

“หืม?”

“กอดผมที”

เผลอบีบมือแน่นเพราะความตกใจ หันไปมองหน้าคนตัวเล็กที่จ้องมาก่อนอยู่แล้ว ดวงหน้าน่ารักแดงก่ำ ดวงตากลมวาวรื้นน้ำตาด้วยอารมณ์ ต้วนคนพี่กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ หลบตาน้องกลัวเหลือเกินว่าจะทนไม่ไหวเอา

“กอดผมหน่อย...นะ”อ้อนเสียงพร่า คนตัวสูงใจอ่อนยวบ รั้งร่างขาวมากอดแน่น เกร็งไปหมดทั้งตัวพยายามยั้งใจตัวเองไม่ให้ฟัดคนตรงหน้า

“ไม่ใช่แบบนี้...พี่รู้ว่าผมต้องการอะไร”คนในอ้อมกอดดิ้นไปมาแต่ไม่แรงมากนัก คราวนี้มาร์คถึงกับต้องกัดปากข่มตาแน่น กลั่นคำปฏิเสธออกมาทั้งที่ในใจคล้ายตามคำคอนั้นไปแล้วมากกว่าแปดสิบส่วน

“ตอนนี้นายโดนยาอยู่นะแจ็คสัน นายไม่ได้อยากจริงๆพี่รู้”

“ผมทรมาน”เสียงพร่าเอ่ยบอก ผลักคนเป็นพี่ออกมาให้จ้องหน้าตัวเอง ดวงตาโตพราวไปด้วยอารมณ์แต่จริงจัง
.
.
.
“ช่วยผมที...นะครับ”









เสียงร้องครางเครือดังก้องห้องสี่เหลี่ยมเร่งอุณหภูมิในห้องให้ร้อนระอุทั้งที่เปิดเครื่องปรับอากาศไว้แล้ว บนเตียงคิงไซต์ปรากฏร่างสามร่างที่ตกอยู่ในห้วงกามอารมณ์ ร่างขาวกระแทกสะโพกตัวเองขึ้นลงบนตักหนาของแฝดต้วนผู้น้อง ริมฝีปากแดงครางผะแผ่วทุกครั้งที่โดนกระแทกจุดอ่อนไหวภายในกาย มาร์คประกบอยู่ด้านหลังคนตัวเล็กจัดการบีบเค้นหน้าอกและส่วนอ่อนไหวด้านหน้าที่ปลดปล่อยออกมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองรอบ

“อ๊า!”หวีดสูงเมื่ออี้เอินรั้งเอวขาวกระแทกลงมาสุดลำปลดปล่อยหยาดน้ำกามเข้าไปในช่องทางสีหวาน พร้อมๆกับที่ร่างเล็กเสร็จไปอีกรอบ อกบางหอบสะท้านเอนตัวพิงร่างสูงที่อยู่ด้านหลัง มาร์คมองน้ำขาวขุ่นบนฝ่ามือตัวเอง แลบลิ้นเจ้าเล่ห์มองแก่นกายของคนตรงกลางที่เหมือนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยา นี่ขนาดว่าแฝดน้องเขาไปหายาแก้มาให้แจ็คสันกินก่อนหน้านี้แล้ว ผลมันยังอกแรงขนาดนี้ หันไปมองแฝดตัวเองที่ซุกซบตั้งใจดูดคอขาวที่ตอนนี้เต็มไปด้วยรอยคิสมาร์คหลายรอย

“อี้เอิน”

ดวงตาสวยเช่นเดียวกับเขาเหลือบตาขึ้นมามองรู้ความหมาย มือหนาดังร่างของแจ็คสันขึ้น น้องครางแผ่วตอนที่อี้เอินถอนตัวออก หยาดน้ำสีขาวไหลเปื้อนผ้าปูเปียกเลอะไปทั่ว เขาจัดการวางร่างเล็กนอนราบบนเตียง รั้งขาขาวขึ้นมาเกยบนไหล่ ยิ่งทำให้ของเหลวที่ค้างอยู่ไหลออกมา ตอกย้ำเข้าไปใหญ่ว่าร่างนี้เจอศึกมาหลายยกแล้ว

“ครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ...”

“ฉันสอง”อี้เอินตอบหัวเราะแผ่วๆ จูบโครงหน้าหวานที่อ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัดแต่ดวงตากลมปรือยังมีแววต้องการเหลือเจืออยู่

“ฉันก็สอง...แต่ถ้ารวมครั้งนี้ก็สาม”

“พี่มาร์ค”เสียงห้าวซึ่งตอนนี้แว่วหวานเรียกคนรักตัวเองแผ่วเบา ตากลมปรือปรอยฉายแววดุ “...ช้า”

“ขอโทษครับ เดี๋ยวนี้แหละ”หัวเราะยิ้มกว้าง เช่นเดียวกับอี้เอินที่เอ็นดูจนลงไปฟัดน้องจนตัวช้ำ พวกเขาชอบแจ็คสันเวลาที่ซื่อตรงต่อความต้องการของตัวเองแบบนี้ที่สุด

“อะ อื้อ”ริมฝีปากแดงช้ำครางเครือ เผลอกระดกร่างตัวเองขึ้นมารับความร้อนระอุที่แทรกผ่านเข้ามาอีกครั้ง ครางลั่นเมื่อมาร์คจับเอวเขากระแทกร่างอย่างแรงตั้งแต่จังหวะแรก ร่างสั่นสะท้านเผลอขยับสะโพกรับทุกจังหวะของสัมผัสหวามร้อนแรงของมาร์ค

อี้เอินกดจูบลงบนปากอิ่มช้ำลิ้มรสความหวานภายในโพรงปากนุ่ม แต่เมื่อรู้สึกถึงกลิ่นคาดเลือดปะปนมาด้วยก็เลือกจะถอนจูบออกมาแตะผิวปากช้ำเบาๆเป็นเชิงปลอบ เลื่อนฝ่ามือไปช่วยจัดการความต้องการทางด้านหน้าของร่างขาวที่บิดเร้าไปมาบดเตียง เพราะแรงกระทำจากทั้งหน้าทั้งหลังพร้อมกัน

มาร์ครั้งขาขาวให้อ้าออกกว้างขึ้น แทรกตัวลงไปลึกกว่าเดิมจนร่างเล็กครางลั่น ส่งสายตาเขียวปั๊ดมาให้

“พี่มาร์คลึกเกินไปแล้วนะ!

“หึหึ แล้วนายจะชอบ”

“อ๊ะ!! อ๊ะ อ๊า!!!!”เปล่งเสียงร้องครางดังมากกว่าเดิม เมื่อมาร์คกระแทกกระทั้งเข้ามาไม่ยั้ง มือแกร่งจับสะโพกขาวกดลงบนฟูกนุ่ม สวนสะโพกเข้าไปในช่องทางอ่อนนุ่ม ร่างกายของแจ็คสันเหมือนยาเสพติด จะกินกี่ครั้งก็ยังหอมหวานน่าลิ้มลองเสมอ โดยเฉพาะเวลาที่ร่างเล็กตกอยู่ในห้วงความต้องการแบบนี้

ร่างเล็กกระตุกวาบเมื่อรู้สึกถึงน้ำอุ่นรอบใหม่พุ่งเข้ามาในร่าง เวลาเดียวกับที่ด้านหน้าปล่อยลาวาสีขาวเปื้อนมืออี้เอินอีกครั้ง รู้สึกได้ว่าร่างกายถึงขีดจำกัด สติเหมือนถูกชัตดาวน์อัตโนมัติ ดวงตากลมปรือปรอยและหลับลงไปในที่สุด ลมหายใจกระชั้นค่อยๆผ่อนลงและกลับมาคงที่ในที่สุด

มาร์คถอนร่างออกจากกายขาว มองอี้เอินที่ก้มลงจูบปากแดงช้ำเบาๆอย่างหวนแหน ก่อนถอยออกมาให้มาร์คลงไปจูบราตรีสวัสดิ์ร่างขาวด้วย

“หลับไปแล้วล่ะ อ่า... ครั้งนี้ฉันเสียเปรียบนายน่ะสิ”อี้เอินหัวเราะแผ่วกระแซะไหล่แฝดตัวเองที่หลิ่วตามาให้ขำๆ

“ทดไว้ครั้งหน้าแล้วกันนะ”มาร์คบอกเสียงเบากลัวว่าจะไปรบกวนการนอนของคนตัวเล็ก

“เอาล่ะ จัดการให้เรียบร้อยกันดีกว่า...”








เปลือกตาบางกระพริบปรือลืมขึ้นและหลับลง ลืมขึ้นแล้วหลับลงหลายครั้งเหมือนคนไม่อยากตื่น เพียงขยับกายเล็กน้อยก็ตื่นเต็มตาร้องซี๊ด ความรู้เจ็บปวดร้าวพุ่งขึ้นมาจากสะโพกด้านหลัง ร่างกายปวดเมื่อยไปหมดทุกส่วน สมองระลึกได้ทันทีได้ว่าเมื่อคืนเขาใช้ร่างกายนี้ไปเจอศึกอะไรมา ยิ่งคิดก็ยิ่งเขิน เพราะจำได้แม่นว่าเขาเป็นคนบอกให้พี่สองคนนั้นทำเอง น่าอายชะมัด!!!

แต่เรื่องนี่เกิดเพราะไอ้พวกเวรนั่น!!! เขาหายเมื่อไหร่พวกมันไม่รอดแน่!!!

นอนพลิกกายไปมาบนเตียงกว้าง ใจแอบวูบโหวงเมื่อตื่นขึ้นมาไม่เจอร่างสูงสองร่างที่มักจะโอบกอดเขาทั้งซ้ายทั้งขวา

...ไปไหนกันนะ...

นอนเงียบเหงารอ ท้องโครกครากส่งเสียงร้องว่าต้องการอาหาร แต่เขาไม่อยากจะลุกขึ้นจากเตียงตอนนี้ สะโพกเจ็บจนลุกไม่ได้ เหลือบมองร่างตัวเองที่นอนเปลือยอยู่บนเตียงใหญ่มีผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างเพื่อป้องกันอากาศหนาว

...หนาวชะมัด...โอบกอดตัวเองแน่น นึกโทษสองแฝดนั่นที่ทำให้เขาเสพติดกอดอุ่นๆ หลับตาหวังว่าจะหลับไปอีกรอบแล้วจะตื่นมาเจอคนที่รอคอย เสียงประตูเปิดขึ้น แจ็คสันลืมตามอง

อี้เอินเดินเข้ามาพร้อมชามข้าวต้มควันฟุ้ง ในขณะที่มาร์คหอบเอาเสื้อผ้ากองใหญ่จากบ้านเขามาด้วย

“ตื่นแล้วเหรอ? เจ็บมากไหม ขอโทษนะครับ ลุกขึ้นมากินข้าวก่อนเร็ว”อี้เอินเดินเข้ามาใกล้ลูบศีรษะเขา ทำราวกับเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ

“ใส่เสื้อผ้าก่อนก็ดีนะ เดี๋ยวเป็นหวัดอีก”มาร์คเดินมาจากอีกทางพร้อมเสื้อไหมพรมตัวหนาและกางเกงนอนท่าทางใส่สบาย

“...”

“โกรธพวกพี่เหรอ”อี้เอินถามคนตัวเล็ก หน้าเสียเล็กน้อย กลัวว่าน้องจะโกรธพวกตนเรื่องเมื่อคืน

“ไม่...”ลูกสะอื้นติดที่ลำคอ แจ็คสันกลืนมันลงไปอย่างรวดเร็ว แล้วยิ้มกว้างออกมา “หิวแล้วอ่า~ ป้อนผมหน่อย”เติมลูกอ้อนเข้าไปเรียกรอยยิ้มกว้างจากทั้งอี้เอินทั้งมาร์ค

“เฮ้ๆ แล้วเสื้อผ้าพี่ล่ะ? มาใส่เสื้อก่อน เป็นหวัดอีกรอบนี้ไม่เฝ้าแล้วนะ”มาร์คขู่ เดินเข้ามาส่งเสื้อให้คนตัวเล็กใส่

“ไม่เฝ้าก็ไม่เป็นไร ผมไม่ใช่ผู้หญิงผอมบางร่างน้อยเสียหน่อย”พูดแบบไม่ยี่หระ สวมเสื้อเสร็จก็เหลือกางเกงที่ใส่แบบทุลักทุเล กว่าจะใส่ได้แต่ขานี่สั่นเสียจนมาร์คแทบกระโจนมาใส่ให้

“ล้อเล่นน่า แฟนพี่ทั้งคน จะปล่อยไปให้นอนเหงาได้ยังไง จริงไหม?”มืออุ่นลูบหัวคนตัวเล็กอย่างนึกเอ็นดู งงเล็กน้อยเมื่อจู่ๆแจ็คสันก็มุดเข้าไปในคอเสื้อ แต่พอเห็นใบหูแดงที่หลบไม่พ้นนั้นก็รู้ทันทีว่าคนตัวเตี้ยกำลังหลบสีหน้าแดงก่ำนั่นจากพวกเขาอยู่ ยิ่งน่าเอ็นดูจนต้องหัวเราะออกมาลั่นห้อง

“หัวเราะอะไรเล่า!”ส่งสายตาค้อนที่ถ้าเป็นปกติคงลุกขึ้นไปบีบคอแรงๆแล้วแน่ๆ แต่ตอนนี้ทำไม่ได้ไง เจ็บ -//////-

“น่ารักจังน้า~~ แฟนใครก็ไม่รู้สิ”

“น่ารักแล้วรักไหม”เสียงแหบห้าวถามเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน หน้าแดงกว่าเดิมจนต้องมุดร่างทั้งร่างลงไปในผ้าห่มกลายเป็นก้อนกลมๆบนเตียงกว้าง สองแฝดนิ่งไปก่อนจะยิ้มกว้างมีความสุข จัดการกอดรัดฟัดร่างในกองผ้าห่มด้วยความหมั่นเขี้ยว เสียงหัวเราะปนเสียงโวยวายก้องไปทั่วห้อง



.
.
.
.
.
.
.
“พี่อี้เอินรักแจ็คสันนะครับ”
.
.
.
.
.
.
.

“พี่มาร์คก็รักเจียเอ่อนะ”
.
.
.
.
.
.
.

“...เจียเอ่อก็รักพี่ต้วนเหมือนกันครับ...”






----------------------------------------------------------------------
จากคนเขียน............. อ่อก! (กระอักเลือด)
อยากรู้ความคิดเห็นค่ะ ไปเวิ้นเว้อในแท็กนี้นะคะ #น้องหวัง
มันก็สลับกันไปเนอะ เรท ใส เรท ใส 555555555555 จะแต่งจนกว่าจะหมดมุข
ในเด็กดีน่าจะไม่รอดแล้วล่ะมั้งนั่น... -*- งั้นเอาลงนี่แล้วกันนะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*