[SF] MY VENUS (MarkSon)

MY VENUS
MARK x JACKSON







          ปลายแหลมของไม้ขูดบรรจงกรีดผ่านเนื้อดินอ่อนนุ่มในส่วน เกินจากความต้องการปล่อยให้หลุดร่วงลงไปกองบนแผ่นกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ปูรองพื้นห้อง ดวงตาสวยใต้กรอบแว่นหนาจดจ้องส่วนนั้นสักพัก ก่อนจะจิ้มในส่วนมุมแหลมเล็กๆจดจ่อมีสมาธิกับสิ่งที่กำลังทำ นิ้วที่จับสั่นเกร็งเล็กน้อยและนั่นทำให้ชายหนุ่มหยุดสิ่งที่ทำลง วางอุปกรณ์ชิ้นจ้อยแต่ราคาไม่ย่อยนั่นลงในกล่อง และถอนหายใจดังเฮือกใหญ่

...สงสัยต้องพักสักหน่อย...

ถอดถุงมือยางที่ใส่อยู่ออก ประสานมือกดบีบให้กล้ามเนื้อเอ็นคลายตัวจากการเกร็งตัวจนเจ็บระบม โดยเฉพาะตรงปลายนิ้วและร่องระหว่างนิ้ว กดนวดระหว่างคิ้วคลายความเมื่อยล้า หรี่ตามองนาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลาห้าโมงเย็นจะหกโมง แสงสีสมทอดผ่านหน้าต่างเกิดเป็นแสงเงาตารางสี่เหลี่ยมเรียงซ้อนกันพาดผ่านรูปปั้นและอุปกรณ์ต่างๆในห้องดูบิดเบี้ยวเหมือนรูปปั้นเกือบสิบชิ้นที่เขาทำลายทิ้งไปก่อนหน้า

เหตุผลก็แค่เศษดินพวกนั้นไม่ใช่ วีนัส

ขณะกำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งแช่มากเกือบเจ็ดชั่วโมง ประตูบานเลื่อนก็เปิดออก รุ่นพี่สาวสาขาเดียวกันที่เพิ่งจบไปเมื่อปีก่อนเดินเข้ามาในห้อง เธอมีสีหน้าแปลกใจที่เห็นนั่งอยู่กลางห้องปั้นของคณะเพียงลำพัง

“อ้าว มาร์ค”

“สวัสดีครับ พี่มากาเร็ต กลับมาเก็บของเหรอครับ”

“ไม่ใช่ๆ”ปฏิเสธพร้อมส่ายหน้ายิ้มๆ “มาดูผลงานตัวเองน่ะ แล้วนายล่ะ? ยังอยู่ที่นี่อีกเหรอ? นี่มันก็เย็นมากแล้วนะ”หญิงสาวผู้เป็นรุ่นพี่ถามด้วยความสงสัย เธอเดินมายืนอยู่หลังรุ่นน้อง มองดูดินปั้นที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์แล้วยิ้ม “ยังเก่งเหมือนเดิมเลย งานจบเหรอ?”

“ไม่ครับ”มาร์คส่ายหน้า “ผมแค่...อยากปั้นเธอ”

“เธอ?...”มากาเร็ตดูแปลกใจเล็กน้อย จ้องรูปปั้นที่ยังไม่ปรากฏรายละเอียดมากนอกจากโครงหน้ากลมมนและรูปร่างบริเวณหัวไหล่ “อืม แต่ดูแค่นี้ก็รู้สึกว่าต้องเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากแน่ๆ สู้ๆนะ อย่าโหมจนเกินไปล่ะ”

“ไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินจากคนที่ปั้นอพอลโล่จนเข้าโรงบาลอย่างพี่เลยนะครับ”

“เอ๊ะ ไอ้เด็กนี่นิ ก็มันติดใจนี่นา ทุกวันนี้พี่ก็ยังตามหาอพอลโล่ของพี่อยู่นะ”

“แล้วเจอไหมครับ?”มาร์คเงยหน้ามาถามด้วยความสงสัย

“อืม”หญิงสาวยิ้มมีเล่ห์นัย “ก็คิดว่าใช่ล่ะนะ”

“หนุ่มที่ไหนกันล่ะนั่น”

“ไม่บอกย่ะ”คนเป็นรุ่นพี่แลบลิ้นใส่ เดินไปหยิบกระเป๋าเดินออกไปจากห้อง “พี่ต้องไปละ เจอกันมาร์ค”

มาร์คโบกมือลา ลุกขึ้นเดินเอื่อยไปล้างมือล้างเศษคราบดินออกแต่ก็ไม่เกลี้ยงนักเพราะคิดว่าจะกลับมาทำอีก ทิ้งความสะอาดไว้เบื้องหลัง หยิบกระเป๋ามาสะพายข้าง เดินผ่านหน้าห้องที่มีกระจกบานใหญ่ตั้งอยู่ เหลือบมองตัวเองเล็กน้อยแล้วก็เดินออกมา

...หลายคนบอกว่ามาร์คหล่อมาก...ถ้าดูแลตัวเอง...

นิ้วกร้านลูบผิวคางสากของตัวเอง นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าไม่ได้โกนหนวด ยักไหล่แบบช่างมัน เปลี่ยนรองเท้าผ้าเดินในอาคารเป็นรองเท้าผ้าใบสีดำ เดินออกจากตึกคณะที่ปกติก็เงียบมากอยู่แล้ว ยิ่งเป็นตอนเย็นแบบนี้ก็ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่

แต่เขาชินแล้วล่ะ...

ห่างจากคณะประมาณครึ่งกิโลจะมีร้านกาแฟร้านหนึ่งตั้งอยู่ เป็นร้านไม่ใหญ่ไม่เล็ก ตั้งอยู่ในเขตมหาวิทยาลัย คนไม่ค่อยเยอะแถมอาหารและกาแฟก็รสชาติโอเค มาร์คเลยมาอุดหนุนที่นี่บ่อยๆ ไม่ใช่ว่าชอบอะไรมากมายหรอกนะ ก็แค่ขี้เกียจเดินไปที่อื่น

กระดิ่งสีทองส่งเสียงเตือนพนักงานที่กำลังนั่งอู้ให้ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้

“รับอะไรดีครับ”น้ำเสียงสดใสแหบหวานเอ่ยถามประโยคแสนมาตรฐาน ชายหนุ่มผู้ไม่สนโลกก้มหน้าอ่านเมนูบนเคาน์เตอร์ พนักงานคงเห็นลูกค้าเงียบไปนานเลยเอ่ยเสนอความช่วยเหลือ

“ช่วงนี้เรามีโปรโมชั่นพิเศษนะครับ ลาโต้มัคคิอาโต้ 1 แก้ว แถม...”

“กาแฟดำแก้วกลับ ใส่ถุงให้ด้วย”สั่งตัดหน้าประโยคเชิญชวนนั้นไม่สนใจฟ้าฝน พนักงานคนนั้นชะงักไปนิดแต่มาร์คไม่ได้สนใจ ตาเอาแต่มองหน้าจอโทรศัพท์ดูภาพหุ่นที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์อยู่ในห้อง ในหัวคิดใคร่ครวญว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี หูได้ยินเสียงเครื่องสลิปพิมพ์กระดาษก็ควักกระเป๋าขึ้นมาหาธนบัตรและเหรียญนับให้ครบจำนวนรอ

“3 เหรียญครับ รอสักครู่นะครับ”

มาร์ควางเงินไว้ให้แล้วเดินเลี่ยงไปนั่งข้างหน้าต่าง หลับตาลงก็เห็นแต่ภาพโครงร่างในหัว ภาพที่เห็นช่างชัดเจน เหลือแค่เขาจะทำมันออกมาได้ไหนก็เท่านั้น เหม่อฟุ้งซ่านอยู่นานกระทั่งได้ยินเสียงสวบสาบเสียดกันของเนื้อผ้าข้างตัว

“ขอโทษที่ให้รอนานนะครับ”เป็นพนักงานคนเดิมที่วางถุงกาแฟไว้ให้เขาบนโต๊ะ มาร์คหยัดตัวขึ้นมานั่งพอดีกับเจ้าของร่างนั้นหันหลังเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ เขาลุกขึ้นถือถุงกาแฟเดินออกไปจากร้าน เดินกลับไปทางเดิมกับที่เดินมา

โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองเขาจากในร้านเล็กๆนั่น

“เป็นคนที่แปลกจังแฮะ”








วันเวลาผ่านไป นักศึกษาชั้นปีสุดท้ายของคณะศิลปกรรมกำลังวุ่นวายกับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นใหญ่ก่อนจะจบออกไปเผชิญโลกกว้าง มาร์คก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เขาโชคดีที่ได้คอนเซบและชิ้นงานที่จะทำได้เร็วกว่าใคร แต่ถึงไม่ต้องรีบเร่งทำ แต่มาร์คก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเจอปัญหา

“อ่า...”เสียงทุ้มอุทานแผ่วเบา ใบมีดกรีดชะงักกลางคัน เกิดอาการไม่แน่ใจขึ้นมาชั่วขณะ เขาถือค้างไว้และตัดสินใจทิ้งมันไว้เช่นนั้นก่อน การกระทำอะไรลงไปอย่างไม่แน่ใจเพียงครั้งเดียวถือเป็นการสร้างความผิดพลาดให้ผลงานทั้งหมด มาร์คเชื่อเช่นนั้น

หลายวันมานี้เขาไม่มีสมาธิเลย ทำไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง งานก็เลยไม่คืนหน้าไปไหนเสียที ในขณะที่เพื่อนคนอื่นเริ่มทำเป็นรูปเป็นร่างได้เร็วกว่าเขาที่เริ่มทำก่อนเสียอีก

...เขาเป็นอะไรไปนะ...

ครืด

“ขออนุญาตครับ กาแฟครับ”น้ำเสียงแหบหวานดังขึ้นมาในห้องเงียบเชียบ มาร์คไม่ได้สนใจมากนัก ก็คงเป็นใครสักคนที่ยุ่งกับงานจนไม่อยากลงไปซื้อกาแฟด้านล่างด้วยตัวเอง

“อ้าว ไม่มีคนสั่งเหรอครับ?”พนักงานคนนั้นถามอีกครั้งเมื่อไม่มีเสียงตอบรับ

“ฉันสั่งเอง มาส่งเร็วกว่าที่คิดอีกนะ วิ่งมาเหรอเรา?”

“อ่า อาจารย์นี่เอง ใช่ครับ ใกล้ๆนี่เอง”

...เสียงดัง...มาร์คคิดในใจ พยายามไม่สนใจการสนทนาของอาจารย์และเด็กส่งกาแฟ

“เอ้าๆ วันนี้ครูเลี้ยงกาแฟทุกคน มาหยิบคนละแก้วเร็ว”ทันทีที่อาจารย์บอกเช่นนั้น คนในห้องก็โฮเลส่งเสียงดังหนักกว่าเดิมด้วยความดีใจ

“โหหหห จารยยย์ วันนี้ทำไมใจดีงี้ล่ะครับ”

“อ๊ายยย ขอบคุณค่ะอาจารย์ ฉันเอาลาเต้นะยะ อย่าแย่ง!

“เอาอเมริกาโน่ จะเอากาโน่ๆ”

“ใจเย็นๆ หยิบตามใจเลย...เอ้า มาร์ค มาหยิบไปก่อนเร็ว”อาจารย์เรียกลูกศิษย์คนโปรดที่ยังนิ่งอยู่บนเก้าอี้หน้าผลงานของตัวเอง

“อ่า...ครับ”ชายหนุ่มตอบรับเล็กน้อย หยัดตัวลุกขึ้นบิดกายซ้ายขวาคลายความเมื่อยล้า

“งั้นผมกลับนะครับ”เจ้าของน้ำเสียงแหบหวานเอ่ย มาร์คกำลังจะหันกลับมามองคนๆนั้นก็หายออกไปจากห้องไปเสียแล้ว เห็นแค่ปลายผมสีสว่างพลิ้วปลายเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง

“มาร์ค?”

“ครับ”

ชายหนุ่มเลิกสนใจ เดินมาเลือกแก้วกาแฟบนโต๊ะ แปลกใจที่เห็นกาแฟดำปะปนไปกับกาแฟผสมนมทั้งหลาย “อาจารย์ครับ แก้วนี้?”มาร์คเงยหน้าถามอาจารย์ที่ปรึกษาที่ก็เพิ่งเห็นเช่นกัน

“ครูไม่ได้สั่งนะ คงเป็นของแถมมั้ง แล้วใครจะกินล่ะเนี่ย”

“ผมกินเองครับ”มาร์คบอก หยิบแก้วนั้นขึ้นมาดูดด้วยใบหน้าปกติ เขากินมันจนชินแล้ว แค่แปลกใจว่าทำไมทางร้านถึงชงกาแฟดำเป็นของแถมทั้งที่ปกติคนที่จะกินกาแฟชนิดนี้ก็มีน้อยเหลือเกิน

พอได้กาแฟแล้วสมองก็โล่งสบาย กลับไปนั่งหน้ารูปปั้นมองจุดที่คิดจะลงมือต่อ ดูดกาแฟเพื่อเพิ่มพลังอึกหนึ่ง วางมันลงบนโต๊ะใกล้ๆ แล้วหยิบเครื่องมือมาทำต่อ

...ต้องขอบคุณกาแฟดำแก้วนี้จริงๆ...







ผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ สิ่งที่มาร์คลงทุนลงแรงกำลังเป็นไปได้ด้วยดี วีนัสของเขาเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นหลังจากนั่งเหมือนคนบ้าที่พอกรีดเนื้อปูนออกจนเนียนแล้วก็หยุดนั่งยิ้มให้รูปปั้นอยู่อย่างนั้นเกือบทั้งวันจนโดนเพื่อนร่วมคลาสปรามาสว่าตกหลุมรักผลงานตัวเอง

มาร์คไม่ได้ตกหลุมรักผลงานตัวเอง
เขาแค่ปั้นวีนัสจากคนที่เขารัก
ในความฝัน

ชายหนุ่มนั่งยิ้ม ก็ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ฝันถึงคนๆนั้นซ้ำไปซ้ำมา ใบหน้าขาวกลมอิ่มเอิบ จมูกโด่งรั้นน่าบีบ ดวงตากลมโตหางตก และรอยยิ้มหวานเห็นฟันกระต่าย ให้ตายเถอะ! ช่างเป็นคนที่น่ารักจริง

กำลังจะสร้างวิมานเพ้อฝันอีกรอบ อาจารย์ที่ปรึกษาก็เดินมาแตะหลัง

“คืบหน้าไปมากแล้วนี่นา”

“อ่ะ...ครับ”

“เส้นยังสวยคมเหมือนเดิมเลยนะมาร์ค คงตั้งใจกับงานนี้มากสินะ คิดว่าจะให้ชื่อว่าอะไรล่ะ?”

“วีนัสครับ...เธอชื่อวีนัส”ตอบแบบแทบไม่ต้องคิด เขาได้ชื่อสำหรับเธอก่อนจะสร้างเธอให้เสร็จเสียอีก

“อืม เทพีแห่งความงามและความรักสินะ...อืม...”อาจารย์มากประสบการณ์เอ่ยพึมพำคล้ายคนละเมอ เอาแต่มองรูปปั้นที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ของลูกศิษย์คนโปรด ดวงตาที่ผ่านโลกมามากมองอย่างเคลือบแคลง

“อาจารย์...ว่าเป็นยังไงบ้างครับ”มาร์คอดถามไม่ได้พอเห็นท่าทางแบบนั้น เขาใจไม่ดีเอาเสียเลย

“อ้อ...”อาจารย์ส่งเสียงอุทานออกมาเท่านั้น เอนตัวเข้าไปมองใบหน้าของวีนัสใกล้เสียจนเจ้าของผลงานอดกลั้นหายใจไม่ได้

“เธอสร้างมาจากคนจริงๆรึเปล่า?”

“เอ๊ะ?...”

“ลองไปหาต้นแบบภาพนี้และมองตาเขาให้ชัดๆนะ”

“...”

“ครูว่าดวงตาของวีนัสไม่ได้ไร้อารมณ์ขนาดนี้หรอกนะ...”

“...”

.

.

.

หลังจากหมดคาบเรียน มาร์คก็เก็บกระเป๋าและเดินลงมาจากอาคาร ไม่นั่งจมอยู่กับรูปปั้นอย่างเช่นทุกวันหลังเลิกเรียน เขาคิดว่าเขาควรหยุดคิดและรวบรวมสติมากกว่านี้ อาจารย์ของเขาพูดถูก...วีนัสของเขายังไร้ซึ่งจิตวิญญาณ ความสวยของเธอมีอยู่เต็มเปี่ยม แต่กลับไม่ได้เปล่งประกายอย่างที่ควร ราวกับเป็นไข่มุกน้ำงามในเปลือกหอยใต้ทะเลลึก

เขาทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ?

มาร์คเฝ้าถามคำถามนี้กับตัวเองขณะเดินลงมาจากอาคาร แยกตัวกับกลุ่มฝูงชนไปหาที่วิเวกนั่งเก็บความคิด ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าริมสระน้ำข้างคณะ ที่นี่มักจะเงียบสงบและไม่มีคน นั่งเหม่อลอยมองคลื่นน้ำบางเบาๆแผ่ขยายเป็นวงกลม ลมเย็นๆพัดปะทะร่างเขาพร้อมกลิ่นดินหญ้าอบอวลทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แสงสีนวลของพระอาทิตย์คลอบคลุมทุกพื้นที่ในมหาวิทยาลัย

“ต้นแบบงั้นเหรอ”ชายหนุ่มพึมพำ หลับตาลงนึกภาพวีนัสขึ้นมา เขาค่อยๆเรียกแต่ละจุดขึ้นมาสังเกตในหัว แล้วก็ได้พบความจริงว่าวีนัสของเขาไม่ชัดเจนอย่างที่คิด มันเหมือนเป็นภาพมัวๆมีไอน้ำแผ่กระจายปิดบังไว้ เส้นเจือจางแทบจะมองไม่เห็น ใบหน้านั้นก็ไม่ชัด มีแค่รายละเอียดเท่านั้นที่ชัดเจน แต่พอนำมารวมกัน มันกลับ...

เขามองไม่เห็น

วีนัสของเขามีหน้าตายังไงกันนะ?

“อ่ะ...คุณ?”

น้ำเสียงแหบหวานฉุดเขาออกจากวังค์ มาร์คเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงด้วยความแปลกใจ เย็นขนาดนี้ทำไมยังมีคนอยู่แถวนี้อยู่อีก สิ่งแรกที่สังเกตคือชุดยูนิฟอร์มร้านกาแฟ พอคิดได้ว่าเป็นพนักงานก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองมาร์คก็ถึงกับนิ่งค้าง

“วีนัส”

ชายหนุ่มพึมพำออกมาไม่รู้ตัว คนด้านหน้าเขาเอียงคอสงสัย มือขาวถือถาดกาแฟว่างเปล่าไว้ ดวงหน้าขาวใสหวานคมละมุนตา เส้นผมสีอ่อนปกคลุมศีรษะกลมดูนุ่มฟู ยิ่งลมพัดผ่านหน้าม้าหนาที่ปรกคิ้วก็ปลิวเป็นคลื่นคล้ายน้ำในสระ ผิวขาวใสระเรื่อแดงอย่างคนสุขภาพดี ริมฝีปากอิ่มสีแดงจัด ดวงตากลมหางตก

คนๆนี้...

...วีนัส...ทำไม?...

“ผมรบกวนคุณหรือเปล่า? อ่า ขอโทษนะครับ ผมกำลังจะกลับร้านน่ะ เลยตกใจที่เห็นคุณอยู่ที่นี่ เดี๋ยวผมก็ไปแล้วล่ะ”ร่างเล็กหัวเราะเสียงใส ดวงตากลมระริกวาวใสแสนตรึงตา

...ดวงตานั้นเหมือนของวีนัสไม่มีผิด...อ่า ไม่สิ ผมคงบ้ามากไป

พอจ้องมองดูดีๆ แววตาสดใสไร้เดียงสาแบบนั้น มันไม่มีทางอยู่ในรูปปั้นไร้ชีวิตได้เลย...

“ผมไปล่ะนะครับ”พนักงานร้านกาแฟตัวเล็กโค้งลาและหันหลังเดินจากไป มาร์คนิ่งไปพักหนึ่ง สะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นจับข้อมือแข็งไว้ เจ้าของใบหน้าหวานคมหันกลับมามองงงๆ

“คุณครับ...ช่วย...ช่วยมาเป็นแบบให้ผมได้ไหม?...”เหมือนลิ้นพันกันชั่วขณะ อ่า...พูดได้น่าสงสัยเป็นบ้าเลยมาร์ค!

“เอ๊ะ? แบบเหรอครับ? แบบ นายแบบน่ะเหรอ”คนโดนชวนเบิกตาโตตกใจไม่อยากเชื่อ

“ไม่ครับ...รูปปั้น...รูปปั้นเทพีวีนัส ผมกำลังปั้นเธออยู่”

“อ้าว วีนัสเป็นผู้หญิงนี่ครับ ให้ผมไปเป็นแบบเดี๋ยวอาจารย์คงไม่ยอมให้คุณจบหรอก”แก้มกลมดันขึ้นขณะที่ริมฝีปากอิ่มแดงราวสีทับทิมฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันกระต่ายขาว รอยยิ้มที่ทำให้อวัยวะในอกเพิ่มอัตราเต้นแรงขึ้นจนดังก้องกังวานอยู่ในหู

“วีนัสของผม...คือคุณ”

“อ่ะ...”

คนตัวขาวพลันหน้าแดงก่ำ ปากอิ่มเม้มแน่นเขินจนตัวแทบระเบิดกับประโยคเมื่อครู่ ใจสั่นแทบออกมาเต้นแทงโก้ด้านนอก ยิ่งมาร์คทำหน้าจริงจังแบบนั้นก็ยิ่งเขินเข้าไปใหญ่

“ถ้าไม่มีคุณ วีนัสของผมจะไม่สมบูรณ์...ขอร้องเถอะครับ”

“พูดขนาดนั้น...”แจ็คสันพูดงุบงิบ ก้มหน้าเม้มปากก่อนพยักหน้าเบาๆ “แค่ไม่ใช่เวลาเข้าเวรของผม...ผมจะ...เป็นแบบให้ก็ได้”

“เยส! ขอบคุณนะครับ!”มาร์คตื่นเต้นดีใจมากไปจนเผลอดึงร่างเล็กเข้ามากอดแน่น แจ็คสันร้องเฮ้ยตกใจไม่แพ้กัน ชายหนุ่มรู้ตัวก็ผละตัวออกหน้าแดงโค้งขอโทษที่เสียมารยาทกับคนที่ยังไม่ได้รู้จักแม้กระทั่งชื่อ จริงๆก็คิดว่าเคยได้ยิน แต่เสียดายที่ไม่ได้สนใจนี่สิ

“ผมชื่อมาร์คต้วนครับ...แล้วคุณ”

“แจ็คสันครับ ผมชื่อแจ็คสันหวัง






...มาร์ครู้แล้ว...

มาร์ครู้ตัวแล้วว่าเขาไม่ได้รักคนในฝัน...

มาร์ครักคนๆนี้มาตลอด รักคนที่มีตัวตนจริงๆ...

มาร์คตกหลุมรักพนักงานร้านกาแฟตัวเล็กคนนี้โดยไม่รู้ตัว...

...วีนัสของเขาชื่อแจ็คสัน...

และหวังว่าหลังจากออกเดทกันสักสองสามครั้ง เขาจะมีโอกาสบอกรักคนตัวเล็กเหมือนอย่างที่เขาบอกรักรูปปั้นไร้ชีวิตมาเป็นเดือน

หวังว่านะ...

.

.

.

.

.

.

แต่มาร์คจะรู้ตัวไหมนะว่าเขาได้บอกรักแจ็คสันไปแล้วครั้งหนึ่งน่ะ


มาร์ค...คนซื่อบื้อ
















#น้องหวัง

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*