[SF] Fire.Sugar.Love (MarkSon)
Fire . Sugar . Love
Mark X Jackson
ของเหลวสีทองอำพันในแก้วใสทรงสูงตั้งตรงใช้ยกส่องมองภาพคนมากมายในงานด้วยความเบื่อหน่าย
คุณนายที่แต่งตัวหรูหราระยิบระยับด้วยเครื่องเพชรราคาแพงตั้งแต่หัวจรดเท้าราวกับของพวกนั้นจะทำให้ทุกคนลืมรอบเอวขนาดมากกว่าสี่สิบของพวกเธอได้
พวกผู้ชายในชุดสูทก็จับกลุ่มกันตามมุมห้อง พูดคุยโอ้อวดกันเรื่องธุรกิจ
บรรยากาศปกติที่พบทุกครั้งตอนพ่อบังคับให้เขามาออกงานบ้าง
ทั้งที่เขาอุตส่าห์หนีออกมาเที่ยวถึงฮ่องกงนี่แท้ๆ
น่าสะอิดสะเอียนจนอยากขย้อนของเก่าออก
แต่ก็ทำได้แค่สวมใบหน้าเย็นชาเรียบเฉย ทำหน้าไม่รับแขกเพื่อไล่ทางบรรดาผู้คนที่กำลังคิดจะมาเชื่อมสัมพันธ์กับเขาทางอ้อม
ยืนพิงกำแพงข้างห้องไม่สบตาไม่สนใจใคร จะมีเหลือบตามองบนเวทีบ้างเพื่อรอเวลาประธานเปิดงาน
พอถึงเวลานั้นเขาจะได้เข้าไป แนะนำตัว แสดงความยินดีและขอตัวกลับเพราะมี ‘ธุระด่วน’ อยู่ร่วมงานต่อไม่ได้
...ถึงจะโดนพ่อบ่นหูชา
เขาก็ไม่สนแล้ว...
งานเลี้ยงแสนจืดชืด...หน้ากาก
เพชร มายา
ผมเกลียดมัน
แต่ผมก็ต้องอยู่กับมัน
ผมกำลังแย่กับความหนาวเหน็บแสนเย็นชา
แต่ในที่สุด...ผมก็พบคุณ...ไฟของผม
เสียงฮือฮาดังขึ้นหน้างาน
อดไม่ได้ที่จะเอี้ยวหน้ากลับไปดู
เลิกคิ้วข้างหนึ่งมองร่างสองร่างที่เดินเข้ามาในงาน คนในงานดูจะตื่นเต้น
กระแสความสนใจพุ่งตรงไปยังบุคคลที่เดินเข้ามา ผมหรี่ตามองก็ถึงบางอ้อ
เจ้าบ้านตระกูลหวัง
ตระกูลมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลบนเกาะฮ่องกง ธุรกิจผลิตภัณฑ์การกีฬาครบวงจร
ตั้งแต่อุปกรณ์การกีฬา รวมไปถึงโดมแข่งขันระดับประเทศก็เป็นของคนตระกูลนี้
ถึงจะไม่สนใจแต่ก็โดนพ่อบังคับให้จำรายชื่อคนพวกนี้จนขึ้นใจ แต่คนข้างๆเจ้าบ้านนั่นต่างหากที่ทำให้ผมสนใจ
เด็กหนุ่มอายุคงไม่ต่างจากผมเท่าใดนักในชุดสูทสีดำพอดีตัวเผยรูปร่างทรวดทรงเล็กกระชับ
เนกไทผูกหลวมๆกลางอกคล้ายผูกโบช่วยไม่ให้สีดำดูดกลืนความสดใสตามวัยของเขาไป
เส้นผมสีน้ำตาลเข้มแลนุ่มลื่นมือปรกคิ้วหน้าผากนวลขับดวงหน้าอ่อนวัยให้ผ่องใสโดดเด่น
ดวงตากลมโตเคลือบประกายแวววาวดึงดูดสายตาใครต่อใครไม่แพ้กระทั่งผม จมูกรั้นได้รูป
ริมฝีปากอิ่มเอิบสีชมพูแดงจัดราวกับลูกเชอร์รี่ในแก้วคอกเทลในงานทำให้ลำคอผมแห้งผาก
อยากดื่มคอกเทลเชอร์รี่ขึ้นมาในทันใด
เขาก็คงเป็นลูกคนรวยผู้ไร้เดียงสาทั่วไป...ผมคิดแบบนั้น
ก่อนแผ่นหลังจะตรงแหน่วอย่างไม่รู้ตัวเมื่อ เรา ได้เผลอสบตากัน
ใบหน้าอ่อนเยาว์ยิ้มทักทายทุกคนอย่างไร้เดียงสา
ท่าทางน่ารักนอบน้อมน่าเอ็นดู ทั้งหมดทำให้ทุกคนคิดว่าเขาคือลูกแกะ...แต่ไม่...ลึกลงไปในดวงตากลมใสนั่นไม่ได้นุ่มนิ่วอ่อนหวานเลยสักนิด
แม้จะวูบเดียว ผมก็รู้
ที่รัก
ผมเห็นดวงไฟเร่าร้อนในดวงตาของคุณนะ
คุณปิดคนอื่นได้
แต่คุณหลอกผมไม่ได้หรอก
อ่า...ผมอยากลองเล่นกับไฟไร้สีอย่างคุณจังเลย
ผมอยากรู้ว่าจะมีอะไรอยู่ข้างในนั้น
ผมยืดเวลาอยู่ในงานเลี้ยงต่อไปอีกหน่อยแทนที่จะรีบเร่งออกไปอย่างที่เคยตั้งใจ
เพียงเพราะอยากจะทำความรู้จักเด็กหนุ่มคนนั้น คนที่ผมรู้ว่าชื่อ หวัง แจ็คสัน
และอายุน้อยกว่าผมสามปี ผมยืนจับจ้องเขาจากที่เดิมตรงนี้
สังเกตดูทุกอากัปกิริยาอย่างไม่กลัวว่าจะโดนเขาจับได้
เพราะแจ็คสันรู้ตัวแล้ว
บ่อยครั้งที่เราสบตากัน
ผมไม่หลบสายตาเขา เขาก็ไม่หลบสายตาผม ริมฝีปากเชอร์รี่นั้นยิ้มมุมปากเล็กๆให้ผม
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไม่เกินครั้งละสองวินาทีด้วยซ้ำ
แต่ผมรู้สึกเหมือนนักตกปลาที่โดนปลาตัวใหญ่ตอดเบ็ดแต่ไม่ยอมกินเหยื่อให้ตกเสียที
แจ็คสันจะรู้ไหมว่าคอผมแห้งผากขึ้นทุกที และหากเขาทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ผมว่าผมต้องเสียสติฉวยคอกเทลแก้วนั้นมาดื่มแน่ๆ
ผมเลิกทำตัวเป็นราชสีห์สันหลังยาว
ก้าวยาวๆเข้าไปหาวงสังคมใหญ่โตตรงกลางห้อง แอเรียที่ผมไม่คิดจะย่างกรายเข้ามาใกล้
แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเหยื่อของผมอยู่ในนี้...ข้างคุณพ่อของเขา
“สวัสดีครับ
คุณหวัง ยินดีที่ได้เจอคุณอีกครั้งนะครับ”ผมกล่าวกับเจ้าบ้านตระกูลหวังพร้อมยื่นมือไปสัมผัส
เจ้าบ้านมองหน้าผมเล็กน้อยก็เบิกตาโตอย่างยินดี จำได้ทันที
“อ้าว
คุณมาร์คนี้เอง ไม่คิดว่าจะได้เจอคุณที่นี่ คุณพ่อสบายดีนะ”
เจ้าบ้านตระกูลหวังยังอัธยาศัยดีเช่นเคย
เราเคยเจอกันที่ไต้หวันเพื่อตกลงธุรกิจกัน ดังนั้นจึงไม่ยากเลยที่ผมจะเนียนก้าวมาอยู่ต่อหน้าแจ็คสัน
“ครับ
สบายดีครับ...”ผมเว้นที่ว่างไว้ ส่งสายตาแสร้งสงสัยไปที่คนข้างๆ
“อ้อ
แจ็คสัน หันมาทักทายพี่เขาสิ นี่มาร์ค ต้วน ลูกชาย กลุ่มธุรกิจต้วน
ส่วนนี่แจ็คสันครับ เป็นลูกชายคนเดียวของผม”
“สวัสดีครับ
พี่มาร์ค...”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ
แจ็คสัน”
แจ็คสันสบสายตากับผม
ริมฝีปากยิ้มหวาน แม้จะเป็นเสี้ยววินาที
แต่ผมเห็น...เห็นแววตาท้าทายส่งกลับมาให้ใจคันยิบๆ เขาพยักหน้าทักทายผมเล็กน้อย
ขออนุญาตเจ้าบ้านเลี่ยงออกไปหยิบแก้วไวน์สองแก้วกลับมา
“ถือว่าเป็นการแสดงความยินดีที่ได้รู้จักกันนะครับ
ผมหวังว่าในอนาคตเราจะยังได้ทำงานร่วมกัน”ริมฝีปากอิ่มเอ่ยเชิญชวนเสียงนุ่มนวล ยื่นแก้วหนึ่งให้ผม
ผมแย้มยิ้มกว้าง
เปิดทางให้ขนาดนี้ถ้าไม่เล่นด้วยสักหน่อยเดี๋ยวจะได้ใจเกินไปสินะ...คิดแล้วยื่นมือออกไปรับ
จงใจไล้ปลายนิ้วกับนิ้วมือนุ่มก่อนดึงแก้วไวน์ออกมาถือ เคาะขอบแก้วเบาๆกับแก้วอีกคนที่ดูอึ้งไปนิดๆ
กริ๊ก
“แน่นอนครับ...ผมก็หวังอย่างนั้น”
แจ็คสันยิ้มแล้วยกแก้วขึ้นดื่ม
ผิวแก้มขาวออกสีเรื่อจางเพราะผิวเขาขาวมาก มันเลยสังเกตได้ง่าย
แต่ผมจะพออนุโลมคิดไปเองก็ได้ว่าเพราะฤทธิ์ไวน์ที่เจ้าตัวเพิ่งได้ดื่มเข้าไปพร้อมกับผม
ไม่ใช่เพราะ...เขิน
เจ้าบ้านหวังเดินออกไปแถวหน้าเวทีเพื่อไปพบกับเจ้าของงาน
เป็นจังหวะให้ผมและเขาได้อยู่ด้วยกันสองคน แต่พอกำลังจะเริ่มคุยกัน ความน่ารำคาญก็เข้ามาแทรกทันทีทันใด
พวกผู้หญิงใจกล้าเข้ามาหาพวกเราคนสองคนจนเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ
แจ็คสันหันไปสนใจและพูดคุยกับหญิงสาวเหล่านั้น ในขณะที่ผมยืนนิ่งๆให้พวกเธอพูดคนเดียวไป
ใจไม่อยากจะสนทนาด้วยเพราะรู้จุดประสงค์ของแต่ละคนดี สายตากระหายเงินแบบนั้นไม่เคยปิดมิด
ผมไม่ชอบคนที่เปิดเผยเกินไป เลยตอบอืมในลำคอบ้างเป็นเชิงรำคาญ
ถึงผมไม่ไปรายล้อมคุณเหมือนแมลงวันพวกนั้น
คุณก็คงเห็นสินะ...เปลวไฟสีดำอย่างผมน่ะ
ผมพร้อมจะไล่แสงไฟฉายน่าแสบตารอบผมเพื่อคุณเลยนะ
“ว้า
คอกเทลหมดแล้ว ขออนุญาตไปเติมก่อนนะครับ สาวๆ”คนข้างๆผมเอ่ยเสียงนุ่ม ปลอบประโลมหญิงสาวรอบกายเขาด้วยรอยยิ้มหวานๆ
หมุนลำตัวเตรียมจะเดินออกไป แต่ทันใดดวงตากลมก็ตวัดมามองผม...ด้วยสายตา...เชิญชวน
เขาค้างจังหวะไว้เล็กน้อย
พลิกเดินกลับมาใกล้ผมในระยะชิดไหล่ ลำแขนเล็กพาดยื่นมาจับแก้วในมือ
นิ้วนุ่มๆที่ผมแอบสัมผัสไปเมื่อครู่กลับมาสร้างความปั่นป่วนบนฝ่ามือ
“ของคุณมาร์คก็หมดนี่ครับ
ผมไปเอาใหม่ให้นะ ผมว่า...คุณคงกำลังร้อนมากแน่ๆ”
แจ็คสันเอ่ยเสียงเบา
ช้อนสายตาขึ้นสบ ริมฝีปากสีเชอร์รี่ยิ้มบางๆขณะดึงแก้วเปล่าออกจากมือไป
“ครับ ร้อนจะแย่”ผมพยายามเหลือเกินที่จะไม่พูดเสียงแปลกๆออกไป
แต่มันคงไม่เนียนสินะ คนตรงหน้าถึงได้ยิ้มคิกคักซุกซนแบบนั้น
...จะทำให้อยากชิมไปถึงไหนนะ
แจ็คสัน...
“คิก
งั้น เดี๋ยวผมมานะครับ”
แล้วเขาก็เดินออกไปทางโต๊ะเครื่องดื่ม
พอหลุดจากตรงนี้แจ็คสันก็โดนรุมที่ตรงนั้น
ทำเอาผมหงุดหงิดแทบอยากเดินไปดึงเขาออกมาให้รู้แล้วรู้รอด แจ็คสันเป็นคนอัธยาศัยดีเหมือนพ่อ
ใครเข้ามาคุยก็คุยได้เรื่อยๆ ดูท่าทางแล้วจะเชี่ยวชาญอยู่พอดู
แล้วจู่ๆสายตาคมๆก็มองลงต่ำเพราะคนที่หมายตาอยู่ท้าวแขนตัวเองลงกับบาร์ในงานเลี้ยง
เอนตัวทิ้งสะโพกลงอย่างผ่อนคลาย มันช่วยไม่ได้เลยว่ากางเกงผ้าเนื้อดีนั่นรัดองเอวและสะโพกงอนให้เด่นชัด
ยกนิ้วสั่งเครื่องดื่มด้วยยิ้มหวานๆ เอียงใบหน้าพูดคุยกับหญิงสาวคนข้างๆด้วยท่าทีเป็นมิตร
เอาจริงๆแล้วมันไม่ได้มีอะไร
แต่สายตาของคนที่คิดจะคุย กับคนที่คิดจะ กิน มันต่างกัน
ทั้งที่คนตัวเล็กนั่นไม่ได้ใส่ซีทรู
ไม่ได้ใส่เสื้อแหวกอก ไม่โชว์เนื้อหนังมังสานอกจากมือและใบหน้า
แต่ทำไมตอนนี้เขาถึงได้ร้อนนัก
ร้อนรุ่มไปทั้งตัว...ราวกับโดนเปลวไปของแจ็คสันเล่นงานเข้าอย่างจัง
แค่จังหวะการลงสะโพกหรือขยับตัวเพียงเล็กน้อยก็ทำให้เขาเป็นบ้าได้
กึด!
“ขอตัวนะครับ”ผมรีบขอตัวออกจากวงล้อมของผู้คนทันทีที่รู้สึกตัวจากความเจ็บแปลบบนริมฝีปากล่าง
เดินออกไปสงบอารมณ์ด้านนอกงาน ถอนหายใจหนักๆให้กับตัวเอง
...ผมเผลอกัดปากตัวเอง...
แจ็คสันกำลังทำผมเป็นบ้าเข้าแล้วจริงๆ
คิดในใจอย่างหัวเสีย แลบลิ้นเกลี่ยรอยแตก กลิ่นคาวเลือดบางๆเจือจางกับน้ำลาย รสชาติปะแล่มพิลึก
...อยากได้อะไรกลั้วคอ
อะไรหวานๆ อะไรก็ได้ที่สีสวยๆ...
“คุณอยู่นี่เอง”
เหมือนริมฝีปากคู่นั้น
ต้นเหตุเรื่องทั้งหมดเดินยิ้มเข้ามายืนข้างผมพร้อมเครื่องดื่มสองแก้ว
เมื่อรอบตัวไม่มีใคร กลิ่นน้ำหอมหวานสดชื่นของคนตัวเล็กก็กำจายไปทั่ว
แค่สูดเข้าไปเฮือกเดียว ใจผมก็สั่นจนไม่แน่ใจว่านี่น้ำหอม ยาพิษหรือยาเสน่ห์กันแน่
แต่ที่รู้ดีที่สุดตอนนี้คือ
...ผมทนไม่ไหวแล้ว...
มาเถอะน่าที่รัก ออกไปจากที่นี่
แล้วสุมห้วงอารมณ์ของเราด้วยไฟอันร้อนแรง
ทิ้งทุกอย่างไว้กับสูทที่โดนเหวี่ยงลงบนพื้นนั่น
แล้วมาเริ่มงานเลี้ยงของเรากันดีกว่า
แจ็คสันนั่งอยู่บนเตียง
ในห้องที่ผมเพิ่งใช้การ์ดทองรูดเปิดไปเมื่อสิบนาทีก่อน
ดวงตากลมจับจ้องมาที่ผมด้วยแววตาที่คาดเดาอารมณ์ไม่ออก ผมเดินตรงไปหาเขา
ถอดเสื้อสูทเหวี่ยงลงพื้นด้วยท่าทีที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการอะไรจากเขา
“คุณจะลากคนที่รู้จักกันได้ไม่ถึงชั่วโมงออกจากงานเลี้ยงไม่ได้นะ
คุณมาร์ค”
ผมแค่นหัวเราะในลำคอ
โน้มใบหน้าเกือบชิดกับใบหน้าหวานคมของอีกคน จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมที่ระริกสั่น
ทั้งกลัว ทั้งกล้า...
...ปากไม่ตรงกับใจจังนะครับ
แจ็คสันของผม...
“ต่อว่าผมช้าไปนะครับ
ทั้งที่คุณก็ตามผมมาถึงที่นี่เองแท้ๆ”
“ผมไม่คิดว่าคุณจะเปิดห้อง”
“แล้วคิดว่าผมจะพาไปจบที่ไหนเหรอครับ?”
“...”เขาตอบไม่ได้
ถึงเขาจะจงใจยั่วประสาทผมก็เถอะ แต่เขาก็คงไม่คิดเหมือนกันว่าผมจะกล้าและบ้าบิ่นขนาดเปิดห้องโรงแรมให้กับคนที่เพิ่งรู้จักกันแค่ชั่วโมงเดียวแบบนี้
“คุณไม่คิดว่ามันเร็วไปเหรอ...”มือเล็กดันไหล่ผมไว้
สายตาเต็มไปด้วยความลังเลใจ
...ผมรู้ว่ามันเร็วไป
แต่...
“ผมจะกลับไต้หวันพรุ่งนี้แล้ว”
ดวงตากลมเบิกกว้าง
ริมฝีปากเม้มแน่น “แบบนั้นมันยิ่งไม่ควร...”
“แล้วคุณอ่อยผมทำไม”ผมเริ่มหงุดหงิด
ถ้าไม่คิด แล้วจะทำทั้งหมดนั่นเพื่ออะไร ผมก็เป็นมนุษย์ มีหัวจิตหัวใจ
มีความรู้สึก
“ผมไม่ได้อ่อยนะ!”
...ดื้อ...ผมเพิ่มคำนี้ไว้ในลิ้นชักความทรงจำเกี่ยวกับแจ็คสัน
หวัง
“แจ็คสัน
ผมจริงจัง ผมถูกใจคุณทั้งที่ผมไม่เคยเป็นแบบนี้กับใคร แล้วพรุ่งนี้ผมก็จะกลับแล้ว
อย่างน้อยให้ผมได้รู้จักคุณ อื้อ!...”
คำพูดกำลังจะพรั่งพรูถูกหยุดด้วยริมฝีปากสวยที่มาร์คถูกใจตั้งแต่แรกเห็น
ริมฝีปากพวกเขาแตะกันและค้างไว้ ดวงตากลมช้อนสบตาเพื่อแสดงว่าตัวเองก็คิดไม่ต่าง
เมื่อมั่นใจแล้วใจเจ้ากรรมก็เต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมด้วยระยะแค่นี้
ไม่มีทางเลยที่อีกฝ่ายจะไม่ได้ยิน แต่ก็ช่างมันเถอะ
เพราะตอนนี้ใจของแจ็คสันก็เต้นรัวไม่ต่างกัน
ปลายจมูกรั้นแนบลงมาที่แก้มบ่งบอกถึงความลึกซึ้งของจูบ
คนตัวเล็กแต่พิษร้ายแรงขยับใบหน้าขบเม้มริมฝีปากคนตัวสูงทีละน้อย คนอายุมากกว่าหลับตาลง
โน้มใบหน้าเข้าไปชิดอีกฝ่ายมากขึ้น มือเรียวประคองใบหน้าน่ารักไว้
ค่อยๆสัมผัสกลีบเชอร์รี่นั้นอย่างนุ่มนวล เหมือนสั่งสอนกลายๆว่าจูบที่ดีควรเป็นอย่างไร
และไม่ทันจะได้เปิดปากชิมรสหวานหอมแจ็คสันก็ครางฮือในลำคอ
ลำแขนเล็กโอบรอบคอแกร่งด้วยความเผลอไผล
จูบหวานๆดำเนินไปได้สักพัก
คนตัวเล็กกว่าก็เริ่มเร่งจังหวะให้ร้อนขึ้นด้วยการเปิดริมฝีปากเชิญชวนให้มาร์คเข้ามาลิ้มลองรสชาติแปลกใหม่ภายใน
ชายหนุ่มเชื้อไต้หวันก็ไม่ขัดศรัทธารีบรุกเข้าเชยชิม
ลิ้นเรียวเข้าดูดรัดลิ้นอีกคนด้วยลีลาที่เชี่ยวชาญกว่า
ทำเอาแจ็คสันครางอืออาอย่างลืมตัว
นิ้วเล็กจิกลงกับเสื้อตัวในระบายความวาบหวามรู้สึกดี รสไวน์ชั้นดีอบอวลไปทั่วโพรงปากฉ่ำ
ยิ่งเกี่ยวรัดดูดกลืนเท่าไหร่ ความหอมหวานก็ยิ่งออกมามากเท่านั้น
ไม่จืดชืดแต่กลับรสชาติดีขึ้นเรื่อยๆจนไม่อยากจะหยุดเก็บเกี่ยววัตถุดิบแสนหวานนี้เลยสักวินาที
แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้เมื่อแจ็คสันร้องประท้วง
กำมือทุบหลังอีกคนปักๆเพราะหายใจไม่ออก
ที่รัก คุณช่างหวานหอม
แต่ก็เร่าร้อน
ลูกไฟที่ผมสัมผัสถึง
ในนั้นมีน้ำตาลก้อนโตซ่อนอยู่
ยิ่งได้รู้จัก
ผมยิ่งหลงใหลคุณมากไปทุกวัน
ผมควรจะทำยังไงกับคุณดี?
มาร์คถอนออกมาพอให้แจ็คสันได้หายใจแล้วทำท่าจะเข้าสานต่อแต่คนตัวเล็กจับใบหน้าอีกคนไว้
ดวงตากลมทอประกายระยิบระยับไม่ยอมแพ้ ยื่นหน้ามาขบเม้มริมฝีปากล่างของคนพี่
มาร์คนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อปลายลิ้นนุ่มตวัดเปิดปากแผลดูดกลืนรสเลือดเขาเข้าไปอย่างไม่รังเกียจ
ซ้ำยังจงใจกัดดึงเบาๆอย่างขี้เล่น มือเล็กดันมาร์คออก ช้อนสายตาล้อเลียนคนเป็นพี่
“เอ...นี่คุณกัดปากเหรอครับ
ลึกจัง...ตอนกัดนี่แอบมองใครอยู่รึเปล่านะ?”
มาร์คเลิกคิ้ว
มองดุๆไปยังเจ้าตัวดีบนเตียง
“นี่ตั้งใจเหรอ
หืม?”
“ไม่ได้ตั้งใจซะหน่อย
คนแก่ลามกแถวนี้จิ้นจนกัดปากเองต่างหาก”พูดไปก็หัวเราะคิกคัก ถอดเสื้อนอกออกโยนไว้ข้างเตียง
เอนกายลงนอนแผ่บนเตียงอารมณ์ดี
...แสบ...
มาร์คบัญญัติคำนี้ให้แจ็คสันอีกคำทันที มีที่ไหน
ห่างกันไม่ถึงสามปีมาเรียกเขาว่าตาแก่
แต่ยอมรับจริงๆก็ได้ว่าคิดไม่ดีกับเจ้าตัวจริงๆ ไม่อย่างนั้นจะเปิดห้องทำไม
ถึงสุดท้ายจะไม่ได้ทำในจุดที่อยากทำก็เถอะ เพราะแจ็คสันบอกมันมากับจูบเมื่อกี้แล้ว...ว่ามันยังเร็วไป
ไม่อย่างนั้นเจ้าเด็กนี่จะนอนแผ่บนเตียงยั่วสายตาผมเหมือนตอนนี้เหรอ
...ขี้ยั่ว...แถมให้อีกคำเลย
มาร์คส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจนิดๆ
“จะลงไปเลยไหม
ป่านนี้คุณหวังเขาตามหาจะแย่แล้ว”
“ไม่เป็นไรหรอก”
แจ็คสันตอบกลับมาทำเอามาร์คงง
“อ่ะ
ป๊าเหรอ นี่กากาเอง หืม?...กากาอยู่ในโรงแรมนี่แหละ พอดีเจอเพื่อนอ่ะ...อืม
เพื่อนที่มหา’ลัย มันชวนไปเที่ยวต่ออ่ะ เลยจะขอออกมาเลย...งุ้ย อย่าดุจิ ครั้งหน้าจะไม่เถลไถลเลยครับ
สัญญา...โอเคครับ คืนนี้ไม่กลับนะป๊า เที่ยวยาวยันเช้า วางล่ะนะ คิกๆๆๆ”
นั่งฟังแจ็คสันพูดกับคุณหวังแล้วรู้เลยว่าว่าที่แฟนติดเที่ยวกับติดเพื่อนใช่ย่อย
จริงๆผมไม่ชอบเที่ยวกลางคืน
แต่ไม่เป็นไร เพราะผมจะทำให้เขาติดผมจนไม่อยากไปไหนเลยล่ะ...หึ
“ขี้โกหกนะคุณน่ะ”ผมดุไปสักที
เพราะยังไงก็โตกว่า ถึงจะรู้จักกันไม่ถึงสองชั่วโมงก็เถอะนะ
“แล้วจะให้บอกว่าโดนคุณชายต้วนลากมาเปิดห้องหวังจะปล้ำงี้เหรอ
คุณได้โดนป๊าผมยิงทิ้งตอนนี้แน่ๆ”แจ็คสันหลิ่วตามองผมเย้ยๆอย่างเป็นต่อ
ผมยิ้มกลับไปไม่กลัวเกรง
แล้วไงครับ มาเฟียก็มาเฟียเถอะ คิดจะชิงลูกเสือก็ต้องบุกถ้ำเสือปกติ
แถมลูกเสือยังดูจะเล่นด้วยแบบนี้อีก ใครไม่เดินหน้าต่อก็โง่เต็มทน
“งั้นไปอาบน้ำไป
พี่จะได้อาบต่อ”
“เหมือนเป็นแฟนกันแล้วเลยอ่ะ”
“จะเป็นเลยไหมล่ะ”
“ไม่อ่ะ
ดูกันไปก่อนเถอะ ถึงผมจะถูกใจคุณ เราถูกใจกัน แต่ก็เร็วไปที่จะคบหากันได้
และถ้าอยากจริงจังขนาดนั้น ผมว่าเรื่องบนเตียงก็ยังไม่ควรจะเกิดขึ้น
จนกว่าเราจะมั่นใจ”แจ็คสันกลับมามีสีหน้าจริงจังอีกครั้ง
ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่เขาบอก
ถ้าคิดจะจริงจัง อย่าได้เริ่มจากเรื่องบนเตียง เพราะฐานมันจะไม่มั่นคง
โอกาสล้มลงมามันง่ายมาก และผมกับแจ็คสันก็คงไม่อยากให้มันเกิดขึ้น
ถ้าพวกเราอยากจะคบหากันจริงๆ...แต่ที่เมื่อกี้ผมลากเขาขึ้นมานั่นก็อารมณ์พามาเหมือนกัน
...นี่ตกลงผมผิดสินะ...
ต้องทำยังไงน่ะเหรอ?
ก็แค่รักคุณไง
มันเป็นคำตอบหนึ่งเดียว
ที่คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว
ที่รัก...มาเป็นคนรักของผมเถอะนะ
ได้โปรด
“ตลกนะ
พวกเราน่ะ ไม่ทันไรแท้ๆ”ผมหัวเราะ แปลก มันแปลกไปหมดเลย
“ก็ถึงได้บอกว่าเร็วไปไง”แจ็คสันทำหน้ามุ่ย
แล้วก็สลับไปยิ้มกว้างเหมือนคิดอะไรออก “เออ พรุ่งนี้คุณกลับไต้หวันสินะ
ผมยังไม่เคยไปเลย ขอป๊าไปดูงานดีไหมนะ ผมปิดเทอมพอดี”
“เอาสิ
ถ้าคุณว่าง ผมจะพาเที่ยวเอง”ผมรีบตอบรับ ในอกสั่นตุบๆ ดีใจ...ดีใจมาก
“สัญญาแล้วนะ
ฮะๆ...อ่า...แบบนั้นเขาเรียกว่าเดทไหมนะ?”จู่ๆแก้มกลมก็แดงเรื่อขึ้นมา
เสียงหัวเราะเขินๆนั่นอีก...
น่ารักชะมัด
น่ารักมากๆ
ผมนั่งลงบนเตียง
ช้อนมือเล็กขึ้นมากุม สบสายตากับแจ็คสันที่นั่งตัวเกร็งหน้าแดงก่ำทำอะไรไม่ถูกอยู่ข้างๆ
“แจ็คสัน
ได้โปรดไปเดทกับผม...นะครับ”ทอดน้ำเสียงอ่อนโยนและจริงจัง
ผมอยากมั่นใจ
ว่าเขาจะไม่ล้อเล่นกับหัวใจผมจริงๆ
“อย่าทำแบบนี้สิ...ผมเขินนะ”แจ็คสันเม้มปากพยายามระงับอาการเขินอายจนสั่นของตัวเอง
ผมว่าเขาก็คง
“แจ็คสัน”
“อืม...ตกลงครับ
แต่เตรียมตัวกระเป๋าฉีกได้เลย ผมน่ะ ตัวล้างผลาญทรัพย์เลยนะ”คนตัวเล็กชี้นิ้วขู่
แต่ผมหรือจะกลัว...
“พี่น่ะ...เลี้ยงเราได้ทั้งชีวิตนั่นแหละ”
“น่าหมั่นไส้”แล้วแจ็คสันก็แบะปากทำหน้าหมั่นไส้ผมเข้าจริงๆจัง
แต่ผมกลับหัวเราะได้อย่างเต็มที่ หัวเราะราวกับพวกเรารู้จักกันมานาน
.
.
.
...อ่า ผมว่าผมต้องไปขอพ่อให้ย้ายมาคุมงานที่ฮ่องกงนี่ซะแล้วล่ะ...
ก็มนุษย์น่ะ อยู่ไกลจากหัวใจตัวเองไม่ได้นานนักหรอก
#น้องหวัง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น