[SF] Do you know? (MarkSon)
Do
you know?
Mark
X Jackson
ช่วงขาแน่นใต้กางเกงสกินนี่สีดำก้าวออกมาจากสะพานเทียบเครื่องบิน
สะโพกมนปิดด้วยเสื้อเชิ้ตสีเดียวกันตัวใหญ่ปิดช่วงแขนขาว
มือป้อมด้านหนึ่งลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ตามร่างสมส่วนตามเส้นทางผู้โดยสารขาออก มืออีกด้านก็เลื่อนดูตารางบนหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องหรู
ถอนหายใจบางเบา เก็บมือถือลงกระเป๋า เสยเส้นผมสีบลอนด์ของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง
ดวงตากลมใต้แว่นเรย์แบรนด์สีดำเงยหน้าขึ้นจากพื้น
มองหาคนที่ควรจะปรากฏตัวได้แล้วตามเวลานัด
ปากอิ่มแดงเม้มไม่พอใจ
จมูกรั้นถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ร่างกะทัดรัดเดินไปนั่งรอที่ส่วนนั่งพัก
ควักมือถือขึ้นมากดติดต่อกับคนผิดเวลา อารมณ์ขุ่นมัวยิ่งกว่าอากาศครึ้มแดดครึ้มฝนของวันนี้เสียอีก
แจ็คสันเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์
ยิ้มและโบกมือให้หญิงสาวสองสามคนที่กำลังส่องกล้องมาทางเขานิดๆ
พอดีกับคนคนนั้นตอบกลับมา ริมฝีปากอิ่มแดงยิ้มมุมปาก ขยับตัวลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเดินทางเดินลิ่วๆไปตามทางออกของสนามบิน
ยิ้มให้กับแฟนคลับที่มารอเขาบ้างประปรายเพราะตารางงานของเขาไม่ได้บอกว่าเขาจะกลับจากการพักร้อนวันนี้
คนที่รู้ก็คงไปรู้มาจากคนในบริษัทนั่นแหละ
ชายหนุ่มเหลียวไปมองหาคนที่บอกว่าจะรออยู่ที่นี่
ทันทีที่เห็นก็เดินก้าวฉับๆโยนกระเป๋าในมือให้คนมาช้ารับไปเสียงดังปักใหญ่และคนรับก็เซด้านหลังนิดหน่อย
แต่นอกจากจะไม่ขอโทษแล้วแจ็คสันยังทำหน้าบูดใส่และเดินผ่านไปทางออกหลัก
แต่มือเรียวกลับจับไหล่เขาพาเดินออกไปอีกทาง
ชายหนุ่มสะบัดไหล่ออกเดินก้าวฉับๆแม้หน้าจะแดงก่ำเพราะเดินไปผิดทาง
จนกระทั่งพ้นเขตสนามบินก็เห็นรถตู้ติดฟิล์มดำจอดนิ่งอยู่ไม่ไกล
เขาเดินไปหยุดอยู่ข้างรถตู้รอให้คนที่เดินเอื่อยตามมาด้านหลังเปิดประตูรถให้
แจ็คสันสอดตัวเข้าไปด้านในรถแทบจะเป็นการพุ่งตัวไปนอนกับเบาะกว้าง หลับตาไม่สนใจ
รอให้คนที่มารับตัวเองนั้นปิดประตู เก็บกระเป๋า
และขับรถพาตัวเองออกไปตามทางที่ควรไป
นานกว่าสิบนาทีที่ในรถไม่มีเสียงอะไรใดๆจนคนที่แสร้งทำท่ายโสใส่เป็นคนทนไม่ไหว
ลุกพราดขึ้นมาตวาดแว๊ด
“นี่ไม่คิดจะคุยอะไรกันเลยรึไงวะ! มาร์ค!!”
“ก็เห็นเงียบๆ”คนโดนว่าเอ่ยไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ดวงตาใต้กรอบแว่นทึบยังมองไปที่การจราจรด้านหน้า
ท่าทางเฉยเมย ไม่ถามไถ่หรือชวนพูดคุยเหมือนอย่างผู้จัดการทั่วไปทำกับนายแบบในการดูแล
ทำเอาเส้นสมองของคนหลับรถแล่นเปรี๊ยะดังตุบๆ
“เงียบเพราะรอเข็มเย็บบนปากนายขาดนั่นแหละ”เชิดคางขั้นเหวี่ยงขาขึ้นวางบนที่วางแขนข้างประตู
เอนตัวลงนอนบนเบาะหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง
คนขับมองกระจกหลังและแอบยิ้มมุมปากเบาๆ
...เหนื่อยขนาดนั้นจะให้ชวนพูดอะไรกันล่ะ
เงียบๆให้พักน่ะดีแล้ว...
มาร์คขับอ้อมไกลจากเส้นทางตรงไปยังบริษัทเพื่อประวิงเวลาให้นายแบบในการดูแลของตัวเองได้พักผ่อนนานขึ้นอีกนิด
แม้จะเป็นเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแต่ใบหน้ายามตื่นขึ้นมาของแจ็คสันก็ไม่ได้ดูยุ่งเหยิงอย่างตอนลงเครื่องมาเหมือนเมื่อครู่
แจ็คสันเป็นนายแบบ
งานส่วนมากเน้นไปที่การโชว์เรือนร่างหรือเรียกง่ายๆก็คล้ายๆพวกแนวปลุกใจเสือป่าแต่เป็นการพรีเซนต์สินค้า
ด้วยแววตาและท่าทางที่แสดงออกได้เห็นถึงอารมณ์ทำให้เจ้าตัวเป็นที่ต้องการของตลาดจนกลายเป็นนายแบบชั้นแนวหน้าในที่สุด
แต่ข้อเสียของแจ็คสันคือนิสัย ขี้เหวี่ยง
ขี้วีนและเอาแต่ใจจนผู้จัดการหลายคนก่อนหน้ามาร์คเซย์บายมานัดต่อนัด
“ขี้เกียจอ่ะ...”มีนายแบบบางคนงอแงขึ้นมาแล้ว...
มาร์คเหล่สายตามองคนที่นั่งค้างอยู่บนเบาะไม่ยอมลงมาจากรถเสียเสียที
“แค่มาคุยงานน่า แป๊ปเดียว”
“นายก็บอกแป๊ปๆ แต่ตาลุงก็ลากนานเป็นชั่วโมงทุกที”คิ้วเรียวขมวดกันแน่นในขณะที่ปากสีสดไร้การประทินโฉมยู่ยื่นแสนงอน
ชายหนุ่มส่ายหน้า
ยกกระเป๋าของคนเอาแต่ใจลงจากรถลากเดินนำหน้าออกไปก่อน
“จะเอากระเป๋าไปไหน? ไม่ได้ใช้รถคันนี้กลับเหรอ?”คนที่เดินตามมาถามด้วยความสงสัย
“อืม”ตอบแค่นั้นเป็นอันเข้าใจ...เข้าใจแต่ตัวคนตอบนั่นแหละ
-*- แต่คนสงสัยก็ยังสงสัยอยู่ดี
“งั้นเอารถคันไหน?”
“รถฉัน”
“อ้อ พูดมาตั้งแต่แรกว่ารถนายมันยากนักรึไงเนี่ย
จะต้องให้ถามซ้ำซาก วู้!”
แล้วมาร์คก็ไม่ได้พูดอะไรตอบไปอีก
ทั้งสองขึ้นลิฟต์ขึ้นไปชั้นที่ 16
เดินตรงไปยังห้องของคนที่คอยจัดสรรตารางงานให้เหล่านายแบบและนักแสดงในสังกัด มาร์คเคาะประตู้ก่อนเดินเข้าไปตามด้วยนายแบบหนุ่มที่วางท่าเสียเหลือเกินด้านหลัง
“ว่าไงมาร์ค”คนในห้องทักทายผู้จัดการคนเก่ง ก่อนหันไปหาแจ็คสันที่เดินดุ่มๆไปเอนตัวนั่งสบายใจเฉิบบนโซฟามุมห้อง
“แล้วก็...ว่าไงเจ้าตัวแสบ ไปก่อเรื่องอีกแล้ว รู้ตัวรึเปล่า”
“เรื่องอะไร ไม่เห็นรู้เลย”ลอยหน้าลอยตาไม่สบตาคนถามอย่างเสียมรรยาท
แต่คนที่เห็นมาตั้งแต่เริ่มตั้งไข่อย่างคุณอาแท้ๆของเจ้าตัวแสบกลับได้แต่ส่ายหน้าไปมา
“ไปช่างภาพเขาแบบนั้นไม่โดนแคนเซิลงานก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
“ก็ไอ้บ้านั่นด่าว่าผมเหมือนเด็กผู้หญิง!!!”แจ็คสันลุกพรวดขึ้นมาเถียงหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธเคืองไม่หาย
ถ่ายแบบกันอยู่ดีๆไอ้บ้าช่างกล้องนั่นก็มาพูดใส่หน้าว่าเหมือนเด็กผู้หญิง
ใครมันไปทนได้กัน
คนฟังเงียบไปพักหนึ่ง พินิจใบหน้ากลมขาว
เครื่องประกอบใบหน้าแล้วก็ได้แต่สงสัยในใจ
“...นั่นเขาชมรึเปล่า?”
“ไม่รู้แหละ!
ผมไม่ชอบ เลยตั๊นหน้าไป แมนขนาดนี้ยังตาบอดอีก บรื๊อ!”คนเอาแต่ใจเม้มปากขึ้นบน
กอดอก ทิ้งตัวลงนั่งต่อ
“เฮ้ย เอาเป็นว่าห้ามทำอีกแล้วกัน...แล้วก็มาร์ค
เห็นโทรมาบอกว่าจะพูดเรื่องอะไรนะ?”
“ผมจะขอเปลี่ยนไปดูแลนายแบบคนใหม่ครับ”
แจ็คสันหันหน้าขวับมามองผู้จัดการตัวเองด้วยความตกตะลึง
กัดฟันกรอด ลุกขึ้นพรวดพราดลากตัวมาร์คออกมาจากห้องโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“อ้าว เฮ้!
จะไปไหนน่ะ!”
“ไปเคลียร์!”
...สงสัยแจ็คสันจะติดนิสัยมาร์คมาด้วยสินะ...
ตึง!
“เป็นบ้าอะไรอีกวะ!!”
ทันทีที่ประตูทางหนีไฟปิด
คนตัวเล็กกว่าก็เหวี่ยงร่างสูงโปร่งติดกำแพง มือคร่อมยันกำแพงเย็นเฉียบด้านหลังย่นระยะให้เข้าไปใกล้
ดวงตากลมทอประกายกร้าวไม่พอใจ กัดฟันกรอดจนหน้าแดงก่ำ
“ไปอยู่กับคนอื่นอย่าทำแบบนี้เชียวนะ”
“มันไม่ใช่เวลาจะมาสอน! เป็นบ้าอะไรถึงจะเปลี่ยนคนดูแล ฉันมันแย่ขนาดนั้นเลยรึไง”
“อืม แย่...”มาร์คตอบทันทีแบบไม่ต้องคิดและไม่คิดจะหลบสายตา
ปากอิ่มพลันหุบฉับ
แววตากลมหลุดประกายสั่นระริกออกมาให้เห็นเพียงวูบหนึ่งก็ถูกแทนทับด้วยความเฉยเมย
มือขาวลดลงจากผนังยืนนิ่งสบตาคนที่กำลังจะกลายเป็นอดีตผู้จัดการของตัวเอง (อีกคน) ก้มหน้าหลบซ่อนความผิดหวังเอาไว้ไม่ให้คนตรงหน้าเห็น
“ไม่น่าถามเนอะ ทุกคนก็พูดกันอยู่แล้วนี่... เหอะ! สุดท้ายนายก็เหมือนไอ้คนพวกนั้นนั่นแหละ น่าผิดหวังชะมัด...เฮ้ย!”
แจ็คสันกำลังจะหันหลังกลับไปต้องผวาตกใจเพราะแขนแกร่งที่เข้ามาโอบเอวดึงตัวเองเข้าไปใกล้
มือขาวยกขึ้นยันผนังอีกครั้งด้วยสัญชาติญาณ ดวงตาโตเบิกโพล่งมองใบหน้าหล่อเหลาในระยะประชิดจนได้กลิ่นน้ำหอมโคโลญจ์ล้ำลึกของอีกคนชัดเจน
แววตาเข้มทอประกายบางอย่างที่ทำเอาใบหน้ากลมขาวร้อนผ่าว
“ยังอยากฟังฉันพูดอยู่ไหม”
“หะ หา อะไร นายพูดอะไร”ตากลมกระพริบปริบๆอย่างตั้งตัวไม่ทัน
“เหตุผลจริงๆที่ฉันจะเปลี่ยนงาน มันไม่ใช่เพราะนายแต่มันคืองานที่นายทำ...”น้ำเสียงทุ้มต่ำพูดช้าและชัดราวกับย้ำให้อีกคนฟังอย่างตั้งใจ
“ไม่เข้าใจ”ปากแดงเอ่ย ดิ้นขลุกขลักพยายามดันตัวให้หลุดจากอ้อมกอดของมาร์ค
“นายคิดว่าฉันรู้สึกยังไงตอนเห็นนายเกือบเปลือยถ่ายแบบ...”
แจ็คสันเงยหน้าขึ้นมามอง แล้วก็ต้องหน้าร้อนฉ่า
รู้สึกปั่นป่วนในท้องทันทีที่สบสายตากับดวงตาสวยทอประกายอารมณ์บางอย่างอย่างรุนแรง
“นายว่าในหัวฉันคิดอะไรตอนเห็นนายต้องโอบชิดคนอื่นด้วยสภาพนั้น...”
“มะ..ไม่รู้”ตอบพลางหลับตาปี๋ย่นคอหนีเพราะมือเรียวที่ลูบข้างแก้มมาถึงลำคอทิ้งความร้อนฉ่าและความรู้สึกแปลกประหลาดทิ้งไว้
“นายรู้ตัวรึเปล่าว่านายทำให้ฉันเป็นบ้าเพราะนาย”
“จะไปรู้ได้ยังไงเล่า! อื้อ ปล่อยนะ”แจ็คสันเริ่มดิ้นแรงขึ้น
รู้สึกถึงภัยคุกคามที่แรงขึ้นพร้อมอ้อมกอดที่รัดแน่น ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาชิด
มือเรียงเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นสบตา
“ฉันไม่อยากหมดความอดทนแล้วทำกับนายเหมือนในความฝัน...”
“ความฝัน...ความฝันอะไร”
“หึ...”ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก หรี่ตามองใบหน้ากลมในระยะประชิด
แจ็คสันรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
กำลังจะอ้าปากห้ามปรามแต่ก็ช้ากว่าริมฝีปากอุ่นที่เข้ามาทาบทับ
ตากลมเบิกกว้างตกใจเห็นขนตายาวและคิ้วเข้มในระยะใกล้จนแทบทิ่มตา
อึ้งค้างมองใบหน้าที่ค่อยๆถอยออกไป
“นะ...นาย...มาร์ค”
มาร์คยิ้มพราย กระชับคนตัวเล็กเข้ามาใกล้
ก้มลงกระซิบข้างใบหูแดงขนเขี้ยวกัดเบาๆ
“อยากรู้เหรอ?...จะตอบให้ก็ได้นะ...ถ้านายพร้อม”
“...”
ชายหนุ่มยิ้ม ดันตัวคนตัวเล็กกว่าออก
“เดี๋ยวมาร์ค!”
“หืม?”
.
.
.
“...ฉัน...ขอคำตอบที่คอนโดนายคืนนี้ได้ไหม...”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น