[SF] ก้อนอ้อน (MarkSon)
ก้อนอ้อน
Mark X
Jackson
เปลือกตาหนากระพริบปริบสองสามครั้งมองเพดานสีเทาของห้องนอนนิ่งๆ
หูได้ยินเสียงเปาะแปะกระทบกระจกหน้าต่างจนต้องตื่นเต็มตา
นึกขึ้นได้พอดีว่าเมื่อคืนไม่ได้ปิดหน้าต่างห้องเอาไว้ กำลังจะยันตัวลุกขึ้นก็ต้องนอนหงายลงไปใหม่เพราะลืมว่าทุกเช้าจะต้องมีอะไรบางอย่างหรือจะเรียกว่าใครบางคนทับตัวเองไว้เสมอ
ก้อนกลมๆในชุดนอนสีเหลืองวนิลานอนล่วงล้ำพื้นที่ร่างกายเขาไว้เกือบครึ่ง
กลุ่มผมนุ่มสีช็อกโกแล็ตซุกตรงซอกคอแอบจั๊กจี้นิดหน่อยตอนศีรษะเล็กขยับถูไถ
นิ้วน้อยๆโผล่จากแขนเสื้อที่ปิดมือเกือบหมดแนบบนอกซ้ายของเขาส่วนอีกด้านก็รัดเอวเขาซะแน่น
จมูกรั้นพ่นลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลย
มาร์คเอียงคอมองใบหน้ากลมขาวในระยะใกล้
เขายิ้ม ท่าทางหลับสบายแบบนั้น กำลังฝันถึงเขารึเปล่านะ?
แต่จะฝันหรือจะไม่ฝันตอนนี้คงต้องปลุกก่อน
ไม่อย่างนั้นหนังสือการ์ตูนของเจ้าเด็กนี่ได้เปียกแน่
แล้วพอหนังสือเปียกก็จะตื่นมาตีโพยตีพายร้องไห้น้ำตาท่วมห้อง
ดราม่าลากยาวเป็นสัปดาห์ เดือดร้อนเขาต้องซื้อยกชุดให้ใหม่อย่างแน่นอน
“อ้อน
ลุกก่อน”มาร์คกระซิบเบาๆข้างใบหูแดง เกลี่ยปลายนิ้วบนแก้มกลมขาวนุ่มนิ่ม
กดจูบลงไปเบาๆ เฝ้ามองเปลือกตาสีชมพูกระพริบปรือ
แต่พอรู้สึกตัวกลับหลับตาแน่นแล้วซุกหน้าลงอกเขาต่อซะอย่างนั้น
“อย่าดื้อ ลุกเร็ว”
มาร์คแงะร่างนั้นออกเล็กน้อย
เบี่ยงตัวลงมานั่งข้างเตียง หยิบเอาตุ๊กตาหมีตัวเบ้อเริ่มยัดเข้าไปแทนที่ตัวเอง
สะบัดผ้าห่มคลุมร่างของคนที่ยังไม่คิดจะตื่นเหมือนกำลังเลี้ยงเด็กสองขวบ
มั่นใจว่าจะไม่งอแงก็เดินออกมาจัดการปิดหน้าต่าง
เช็คสภาพดินฟ้าอากาศด้านนอกก็นึกกังวลว่ากิ่งไม้จะหักลงมาใส่รถเขารึเปล่า ถึงจะเอามาจอดในโรงรถแล้วก็เถอะ
ก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี ไม่ลืมทำตัวเป็นแฟนที่ดี
ดึงชั้นหนังสือสีขาวที่บรรจุซีรีส์การ์ตูนโปรดของคนบนเตียงออกมาจากผนังด้วย
“มาร์ค”เสียงเรียกอ้อนๆเรียกให้เขากลับไปมองเจ้าก้อนบนเตียงชูมือขึ้นทั้งที่ตายังไม่เปิด
ชายหนุ่มยิ้มเอ็นดู นั่งขัดสมาธิบนเตียง สอดมือใต้แผ่นหลัง กอดร่างนั้นขึ้นมานั่งคร่อมตัก
หัวกลมซุกพักบนไหล่ที่ประจำ
นิ้วป้อมถูตาจนก่ำแดงร้อนคนเป็นแฟนต้องยึดมือไว้แน่นและใช้ทิชชู่ซับให้อย่างอ่อนโยน
“ฝนตก”เสียงแหบอู้อี้กว่าทุกวัน
“รู้แล้ว...วันนี้ไม่ต้องออกไปนะ”บอกกล่าวพลางกดจูบบนขมับขาว
กลิ่นหอมอ่อนๆติดปลายจมูกมาด้วย
“ไม่ได้
แลกเวรกับจินยองไว้แล้ว”เด็กน้อยในอ้อมแขนส่ายหน้าไปมา
“ขาดพนักงานเสิร์ฟคนเดียวไม่เป็นไรหรอก”
“งือ ไม่ได้สิ”เจ้าตัวกลมยังตอบคำเดิม
ตวัดแขนโอบรอบลำคอแกร่ง จมูกรั้นซุกกรามของเก้าอี้จำเป็น เจลลี่นุ่มนิ่มสีสดปาดผ่านแก้มคมขึ้นไปแนบบนขมับเหมือนอย่างที่เขาทำเมื่อครู่
“มาร์คให้อ้อนไปนะ อ้อนไม่เป็นไรหรอก อ้อนจะกินยา จะไม่ตากฝน สัญญา นะๆๆๆ”
พูดงุ้งงิ้งอยู่ข้างหู นิ้วเล็กก็เล่นอยู่หลังคอ
มาร์คสูดลมหายใจเข้าลึกสะกดกลั้นอารมณ์ รู้สึกสงสารตัวเองแปลกๆที่ต้องคอยยั้งตัวเองเสมอเวลาที่อยู่ใกล้คนขี้อ้อนคนนี้
“ไปก็ไป
แต่ห้ามป่วยกลับมา เข้าใจไหมครับ”
“อื้อ! สัญญา”
“ฮัดจิ้ว!!”
...แล้วไหนบอกว่าจะไม่ป่วย…
มาร์คกลอกตาไปมาขณะจัดยาให้กับคนที่นั่งไอจนหน้าแดงบนโซฟา
นี่ขนาดเขาห่วงจนต้องตามออกไปดู พอเห็นว่าเดินดุ่มๆไม่กางร่มแบกกล่องมาเก็บหลังร้านจนตัวเปียกหัวเปียกก็ฉุดพาซิ่งกลับมาบ้าน
ก็ยังป่วยขนาดนี้ ถ้าเขาไปรับตอนเย็นจะไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลกันเลยเหรอ
“บดให้แล้ว”ยื่นน้ำกับซองยาให้แจ็คสันดื่ม
จะไปขอซื้อยาน้ำให้ก็เกรงใจหน้าตัวเอง เลยซื้อยาเม็ดมาบดให้กินแทน เพราะแจ็คสันกินยาเม็ดไม่ได้
...สรุปเขามีแฟนเป็นเด็กจริงๆใช่ไหม?...ไม่สิ
ที่จริงก็ห่างกันตั้ง 5 ปีนี่นะ...
“มาร์ค
อ้อนขอโทษน้า”
“ถ้าขอโทษแล้วไข้หายมาร์คจะยกโทษให้
แต่ตอนนี้ยังโกรธอยู่”ถึงปากจะพูดยังไงแต่มือเรียวก็ยังถือผ้าบิดแห้งซับเหงื่อตามแนวไรผมอย่างอ่อนโยน
ตากลมรื้นน้ำตาช้อนขึ้นมาสบตา
...แพ้ชิบหาย...
“กินยาแล้วไปนอนไป”
“มาร์คนอนด้วยได้ไหม”
“มาร์คต้องทำงาน”
“แต่อ้อนนอนไม่หลับถ้าไม่มีมาร์คให้กอด”
“อ้อน...”
แจ็คสันหดคอเล็กน้อย
ก้มตาหลุบต่ำ
มือเล็กกอบกุมกันแน่นเพราะเสียงเข้มๆของคนร่างโปร่งที่ยังอยู่ในชุดทำงาน แน่ล่ะ
ก็เล่นหอบงานจากสำนักงานมาทำเฝ้าแฟนที่ห้อง หนีงานมาชัดๆ
ไม่ทำแบบนี้ก็กลัวว่าคนตัวเล็กจะไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมนอน
จะเอาแต่เล่นจนไข้หนักไปกว่าเดิม
“จะนอนดีๆรึจะให้มาร์คทำให้หลับ”
“เง้อ
ไปนอนเองก็ได้ ไม่เห็นต้องขู่เลยนี่นา”ทำปากบุ้ยใบ้ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องนอน แก้มกลมแดงก่ำ
ไม่รู้ว่าเพราะพิษไข้หรือเพราะประโยคเมื่อกี้ของมาร์คกันแน่
พอเห็นคนป่วยเดินเข้าห้องนอนไปแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ต้องให้ดูแลตลอดจริงๆเลย
นั่งทำงานที่หอบมาจากสำนักงานไปได้สักพักก็รู้สึกแปลกๆในอก
วางปากกาในมือ หรี่ตามองประตูห้องนอนที่แง้มเปิดไว้เล็กน้อยนั่นด้วยความสงสัย
นั่งพับแขนเสื้อขึ้นอย่างใจเย็น นิ้วเรียวรูดเนกไทออกพ้นคอขณะดันประตูเข้าไป
ภาพที่เห็นคือเด็กดื้อกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างเตียง
ชายหนุ่มได้ยินเสียงดีดผึงในหัว
“อยากให้กล่อมนอนจริงๆสินะ”
“นอนแล้ว
อ้อนนอนแล้ว!”
แต่ไม่ทันแล้ว
สิงโตขี้หงุดหงิดจัดการลูกหมาขี้อ้อนทันทีที่สิ้นเสียงร้องโหยหวนและเม็ดฝนกระทบหน้าต่างดังเปาะแปะ
.
.
.
.
.
“อ้อน”
มาร์คเรียกพลางไล้นิ้วกับไหล่ลาดเปลือยเปล่าของร่างที่นอนหันหลังให้ตัวเอง
กดคลึงรอยขบสีแดงช้ำบนผิวขาวนิ่มมือเบาๆ นึกโทษตัวเองที่กัดซะเป็นรอย ถ้าแจ็คสันเห็นได้งอนง้อกันยาวอีกแน่ๆ
นอนรอสักพักก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา ชะเง้อมองก็เห็นว่าอีกคนพล็อยหลับไปแล้วเรียบร้อยก็ลุกออกมา
หาผ้ามาเช็ดตัวให้และยังต้องหาชุดนอนมาให้ใส่
ขืนให้นอนเปลือยอกในสภาพอากาศแบบนี้คงไม่แคล้วจะอาการหนักกว่าเดิม
ไม่ลืมหายาแก้อักเสบมาเตรียมไว้ให้ด้วย เผื่อว่าที่เขาทำไปตอนบ่ายจะหนักเกินไป
กำลังจะเดินกลับไปทำงานต่อ
ก็มีมือมาจับหมับ ฝ่ามือแนบกับแก้มนิ่มที่เข้ามาคลอเคลีย
“นึกว่าหลับแล้ว”
“นอนไม่หลับ”เสียงอู้อี้มาพร้อมกับการช้อนตามอง
“...”
“...”
“...เฮ้อ”สุดท้ายมาร์คก็ต้องยอมใจกับความขี้อ้อนผสมกับความเอาแต่ใจของแฟนตัวน้อย
สอดตัวเข้าใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน วาดแขนออกไปให้หัวกลมใช้ต่างหมอน
โอบเอวนิ่มเข้ามาใกล้ กดจูบบนหน้าผากอุ่นของเด็กตัวขาว
“นอนได้แล้ว
เจ้าขี้อ้อน”
แจ็คสันหัวเราะคิกคักซุกตัวกลมๆแนบชิดร่างสูงโปร่งโอบแขนรัดเอวมาร์คแน่นไม่ยอมให้หนีไปไหนได้
สุดท้ายคืนนั้นก็นอนกกแฟนไว้ถึงเช้า
การงานก็ค้างไว้แบบนั้นแหละ ทำยังไงได้ ก็แฟนเขาขี้อ้อนได้น่ารักขนาดนี้
ใครมันจะใจร้ายได้นานกันล่ะ
“อ้อน
ไปนั่งดีๆสิ”
“งึ
อยากกอดมาร์ค”
ชายหนุ่มแกล้งถอนหายใจเฮ้อ
มือก็เกะข้าวต้มใส่ถ้วยให้เจ้าตัวขี้อ้อนด้านหลังที่คลอเคลียเขามาตั้งแต่เช้า
ปกติก็ขี้อ้อนมากอยู่แล้ว พอป่วยแล้วเหมือนยิ่งยกระดับขึ้นอีกสองระดับเลย
“ไหน
มาให้วัดอุณหภูมิหน่อย”พลิกตัวกลับไปแนบหน้าผากกับคนตัวเตี้ยที่ยืนนิ่งๆให้วัดเชื่องๆ
ท่าทางเซื่องซึมและผิวเนื้อที่ยังร้อนเป็นไฟไม่ทำให้มาร์คสบายใจสักนิด
“ทำไมไม่ลดลงเลยล่ะ”
“มาร์คแหละ”แจ็คสันพูดแค่นั้นก็เป็นอันรู้กัน
ชายหนุ่มยักไหล่เหมือนไม่ใช่ความผิดตัวเอง เดินยกชามข้ามวางไว้คนลั่งของโต๊ะ
แจ็คสันนั่งประจำที่
มองข้าวต้มจืดชืดไม่น่าทานสลับกับมาร์คที่นั่งโซ้ยอยู่ฝั่งตรงข้าม
“อยากกินขนมปังปิ้ง”
ตากลมกระพริบปริบๆอ้อน
“ขนมปังปิ้งทาเนยร้อนๆ”
นิ้วป้อมวางบนโต๊ะก้มหน้าลงช้อนสายตาขึ้นกระพริบตาปริบเหมือนเดิม
“ราดนมข้นเยอะๆ”
“...”
“มาร์คทำอร่อย
เค้าอยากกินที่มาร์คทำให้ ทำให้เค้านะ”
“...”
...มีคอร์สรับมือแฟนขี้อ้อนไหมครับ
ผมจะไปสมัครตอนนี้เลย...
.
.
.
“อาหย่อย”ปากเล็กกัดขนมปังอบใหม่แสนจะมีความสุข
เคี้ยวจนแก้มตุ่ย กินเลอะเหมือนเด็กๆ ตากลมหยิบหยี ขาใต้โต๊ะแกว่งไปมา
“มาร์คเก่ง
แจ็คสันรักมาร์คจัง”
...โคตรแพ้...
มาร์คกุมขมับตัวเอง
จะดุจะแข็งใส่ก็ไม่กล้า ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย อนาคตกลัวเมียอยู่ใต้จมูกเขานี่เอง
เงยหน้ามองใบหน้าน่ารักยิ้มแก้มตุ่ยก็อดยิ้มไม่ได้
...เฮ้อ
เอาเถอะ ถ้าจะน่ารักขนาดนี้ จะยอมตามใจไปตลอดชีวิตก็ได้นะ...
“เออ
วันนี้ไม่ได้เข้าไปนะ ฝากวันนึง...หืม? เออ แจ็คสันไม่สบาย...”
มาร์ควางแขนบนพนักโซฟากรอกเสียงตอบโต้คู่สนทนาปลายสายขณะเอนหลังนั่งพิงสบายๆ
มือด้านหนึ่งเล่นเส้นผมนุ่มสีน้ำตาลเข้มลื่นมือ
เสียสละหน้าตักให้กับลูกหมาขี้อ้อนได้หนุนนอน
คิ้วเข้มเลิกขึ้นกวนประสาททันทีที่ปลายสายด่าว่าติดเมีย
“กูไม่ได้ติดเมีย
แต่เมียติดกู ... เออ กูแค่โทรบอก แค่นี้นะ”ตอบพร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะ
กดวางสายโยนลงบนโซฟาไม่ใส่ใจว่าโทรศัพท์เครื่องละครึ่งแสนจะตกหน้าจอแตกหรือไม่
จับใบหน้าน่ารักของคนที่เอาแต่จดๆจ้องๆซุกท้องซุกเอวมาตั้งแต่เมื่อกี้ขึ้นมาจูบเบาๆให้เลิกทำตัวน่ากอดสักที
แจ็คสันส่งเสียงงุ้งงิ้งซุกหน้ากับท้องแกร่งหดคอหนีมือเรียวบนใบหูบาง
มือเล็กทุบไหล่ชายหนุ่มแรงๆ ทำปากยื่นงอนคนร่างโปร่ง “ใครเมีย”
“จะใครล่ะ”มาร์คกระตุกยิ้มมุมปาก
ไล้นิ้วสัมผัสลำคอขาวเลยเข้าใต้ร่มผ้าผืนบาง
กดนิ้ววนบนรอยช้ำที่ทำไว้บนตัวอีกคนเมื่อคืนเพื่อย้ำเตือนความทรงจำ
แจ็คสันแลบลิ้นใส่ ไม่ตอบโต้อะไร กอดเอวอีกคนแน่น มาร์คก็ไม่ได้ว่าอะไร
ชินแล้วกับการที่มีใครอีกคนห้อยติดเป็นตังเมตลอดเวลา
เห็นคนตัวเล็กหาวก็ต้องรีบปลุกไม่ให้หลับ
“อย่าเพิ่งหลับนะ กินยาก่อน”
“ง่วงอ่ะ ขอ 5
นาทีนะมาร์คนะ”คนขี้อ้อนก็ยังอ้อนอยู่วันยังค่ำ แต่คราวนี้มาร์คไม่ยอม
จับคนตัวกลมขึ้นนั่งดีๆ พยายามไม่สนใจเจลลี่ที่ยื่นออกมาและแก้มกลมเป็นลูกที่นูนขึ้นเพราะความงอน
เดินไปเอายามาจับป้อนจนได้ กินเสร็จถึงตบตักอนุญาตให้นอนได้เหมือนเดิม
ไม่นานคนตัวกลมก็หลับไป
ปลายนิ้วเรียวคลึงไปในแต่ละส่วนเบาๆ
ไม่อยากให้คนตัวเล็กตื่นขึ้นมาทั้งที่ยังนอนไม่พอ เกรงจะได้อ้อนมากขึ้นกว่าปกติ
จมูกรั้นหายใจเข้าออกสม่ำเสมอน่าบีบแกล้งให้แดง
แก้มกลมแดงเรื่อเพราะพิษไข้ก็แสนจะนุ่มนิ่ม ดวงตากลมโตทอประกายใสแจ๋วก็น่าเอ็นดู
ไหนจะริมฝีปากหยุ่นแดงน่าประทับจูบให้กลีบช้ำ
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้แพ้ลูกอ้อนคนๆนี้นัก
มีคนเคยถามเขาว่าเคยรำคาญไหมเวลาแจ็คสันอ้อนมากๆ
ตอนแรกมันก็มีบ้างแหละ แต่พออยู่ไปสักพักก็ชิน
เหมือนในชีวิตประจำวันต้องมีอีกคนคอยคลอเคลียอยู่ตลอดเวลา จนพักหลังๆเพื่อนเขามันพูดว่าได้กลิ่นหอมสบู่เด็กจากตัวเขาด้วยซ้ำไป
วันนี้พวกเราไม่มีงาน
นานๆทีจะมีโอกาสดีๆแบบนี้เลยชวนกันไปกาแฟร้านโปรดของเราทั้งคู่
เสียงกระดิ่งกรุ้งกริ้งดังเตือนพนักงานว่ามีลูกค้ามา
ตากลมหันซ้ายขวามองหาที่นั่งที่พอจะนั่งได้ แต่ก็ไม่มีเลย คงเพราะเป็นวันหยุด
ทุกคนเลยแห่กันมาดื่มด่ำหยุดเวลากับเค้กและกาแฟหอมกรุ่นกัน
“มาร์ค ไม่มีโต๊ะเลยอ่า”หันไปบอกกับร่างโปร่งด้านหลัง
มาร์คมองไปก็เห็นอย่างว่า
แปะมือบนหัวกลม
“ซื้อกลับก็ได้นี่”
“งือ
ไม่เอา...มาร์ค เค้าอยากนั่งที่ร้าน”
“เอาแต่ใจ”
“เอาแต่ใจก็แฟนมาร์คนะ
นะครับ ทานกาแฟในแก้วเซรามิกอร่อยกว่าแก้วกระดาษน้า
แถมเค้กที่นี่ถ้าทานที่ร้านจะได้ครีมวนิลาแถมด้วยอ่ะ อ้อนอยากกินวนิลา
มาร์คกินนี่น้า”พูดแจ้วๆเสียยาว แถมยังกอดแขนเขาแกว่งเบาๆ
ส่งเสียงงุ้งงิ้งๆอ้อนไม่สนใจคนอื่นที่มองมา
พอเขาพยักหน้าตามใจก็ยิ้มน่ารักเห็นฟันกระต่าย
ตายิบหยีมีความสุขเหมือนเด็กตัวเล็กๆ นิ้วป้อมสอดมือจับมือเขาลากไปที่เคาน์เตอร์
สั่งกาแฟรสโปรดของเขาและโกโก้ร้อนสำหรับตัวเองเสร็จสรรพ
ดึงไปด้านซ้ายเพื่อเลือกเค้กสักสองชิ้น
นิ้วป้อมจิ้มปากตัวเอง
คิ้วขมวดจนแทบจะชิดกัน
ท่าทางจริงจังจนน่าเอ็นดูถ้าคิดว่าแค่เลือกเค้กคู่กาแฟสักชิ้น
สักพักก็จิ้มกระจกตู้ ชี้ชิ้นเค้กที่ตัวเองถูกใจ เงยหน้ามาถามเขาเป็นระยะๆ
ตากลมแป๋วๆแบบนั้นทำเอาสติหลุดตอบช้าเสียทุกที
รู้ตัวอีกทีก็ตอนมานั่งบนโต๊ะและมีเค้กรสกาแฟอยู่ตรงหน้าและเค้กแบล็คฟอเรสอยู่อีกฟากของโต๊ะแล้ว
“มาร์คไม่กินเหรอ?”แจ็คสันถามพลางเอียงคอยี่สิบห้าองศา
ทั้งที่ช้อนยังคาปาก แก้มยังตุ่ยบวมด้วยความสงสัย
...เอากับเขาสิ
กะจะน่ารักไม่ให้หยุดหายใจเลยรึไงนะ...
“ยังไม่หิวน่ะ”
...จริงๆคือเขาเลือกมันมาตอนไหนยังไม่รู้เลย...
“งั้นอ้อนป้อนเนอะ
มาร์คจะได้อยากกิน”พูดเองคิดเองเสร็จสรรพก็ดึงเค้กกาแฟไปหน้าตัวเอง
ใช้ช้อนเงินจิ้มตัดเป็นชิ้นพอดีคำ ใช้มืออีกด้านรองยื่นมาจ่อปากเขา
ตากลมโตก็จ้องมองด้วยความรอคอย จะไม่กินก็ไม่ได้เสียด้วย เล่นกดดันมาซะขนาดนี้
“อ้ามมมม
มาร์คกินนะ อร่อยน้า”
งับกินอย่างไว
อย่ามาอ้อนตอนกำลังคิดสิเจ้าก้อนอ้อนนี่!
แจ็คสันยิ้มจนแก้มปริ
ตักเค้กใส่ปากตัวเองสลับกับป้อนมาร์ค เห็นทำแล้วมีความสุขก็ไม่อยากจะเถียงอะไร
นั่งให้ป้อนจนเค้กหมดถึงค่อยรู้ตัวว่ากาแฟที่สั่งมาน้ำแข็งละลายหมดแล้ว
เอาแต่จ้องหน้าแฟนจนลืมกินกาแฟ
มีสติดีเหลือเกิน มาร์คต้วน
แต่จะอ้อนขนาดไหนก็ต้องมีขอบเขตบ้าง
วันนี้งานเขาเยอะมากจริงๆและแจ็คสันก็ยังจะอ้อนให้พาไปซื้อเค้กที่ร้านโปรดของเจ้าตัว
เขาหงุดหงิดเพราะลูกค้าเรื่องมากจนเผลอตวาดไป
“อย่าเอาแต่ใจมากได้ไหม
มันน่ารำคาญ”
พอหลุดตวาดก็รู้สึกผิดจนแทบบ้า
แต่จะเก็บกลับมาก็ไม่ทันแล้ว
ในเมื่อดวงตากลมโตที่มักจะสดใสอยู่เสมอกำลังคลอไปด้วยหยาดน้ำตา
คนตัวเล็กตัวสั่นเทิ้ม นิ้วเล็กปาดน้ำตา พยายามสะกดกลั้นจนตาแดงก่ำ
ก้มหน้าลงแทบชิดอก
“ขอโทษ”
เสียงแหบเจือสะอื้นพูดเสียงเบา
หันหลังเดินกลับไป มาร์คไม่ได้รั้งไว้เพราะยังอึ้งตัวเองไม่หาย
เขากล้าตวาดแจ็คสันไปได้ยังไง เขาทำร้ายคนรักของเขาได้ยังไง
เดินออกไปดูก็เห็นว่ารองเท้าของคนตัวเล็กหายไปแล้ว
เขาร้อนใจจนแทบบ้า กดโทรศัพท์โทรไปหา
ได้ยินเสียงสัญญาณดังอยู่ไม่กี่รอบอีกฝ่ายถึงยอมกดตอบกลับมา
“อ้อนอยู่ไหน
ไปไหนทำไมไม่บอกมาร์ค”
“ร้านกาแฟ”
“แล้วไปยังไง
ไปกับใคร มีเพื่อนรึเปล่า แล้ว...”
“มาร์คไม่ต้องห่วงหรอก”
จู่ๆแจ็คสันก็พูดขัดขึ้นมา
มาร์คถึงกับนิ่งไป แฟนตัวเล็กของเขาไม่เคยทำเสียงแบบนี้
“โตแล้ว
มาเองได้ มาร์คทำงานเถอะ แค่นี้นะ”
พูดจบก็วางสายใส่
ชายหนุ่มกระพริบตาปริบ
...นี่เขาโดนเด็กขี้อ้อนโกรธเข้าให้แล้วใช่ไหม?...
หลายวันต่อมาแจ็คสันก็ยังคงไม่กลับมาเป็นเจ้าก้อนกลมขี้อ้อนของมาร์คเหมือนเดิม
คนตัวเล็กมักจะนอนหลังมาร์คและลุกตื่นก่อนทั้งที่แต่ก่อนต้องได้นอนกอดมาร์คถึงจะยอมเข้านอนและต้องตื่นพร้อมมาร์คเสมอ
ไม่ต้องพูดถึงการกอดหรือการทำอะไรมากกว่านั้น
ไม่มีหรอกที่จะเข้ามาคลอเคลียเป็นลูกหมาขี้อ้อนเหมือนเดิม
ขนาดนั่งด้วยกับบนโซฟายังนั่งคนละฟากด้วยซ้ำ
“อ้อน ยังโกรธมาร์คอยู่เหรอ
มาร์คขอโทษ”
“เราไม่ได้โกรธมากสักหน่อย
มาร์คไม่ต้องกังวลหรอกน่า”
“ก็ช่วงนี้อ้อนไม่อ้อนมาร์คเลย”
“ก็มาร์คงานยุ่ง
เราไม่อยากกวนไง”ตอบเรียบๆ
ยิ้มกว้างแล้วยังลุกขึ้นเดินหนีไปทันทีแบบนั้นไม่เรียกว่าโกรธแล้วจะเรียกว่ายังล่ะก้อนอ้อน?
จากคำว่า ‘เค้า’ มาเป็นคำว่า ‘เรา’
ระยะห่างมันชักจะมากขึ้นจนมาร์คกังวลว่าสักวันคนตัวเล็กจะหายไป
อ้อมกอดเขาร้างคนให้กอดมานานจนน่ากลัว พอไม่มีใครมาคลอเคลีย
มาอ้อนเอาใจหรือเอาแต่ใจอยู่ข้างๆก็เหงาหูเหงาตัว กลายเป็นรู้สึกแปลก
ครั่นเนื้อครั่นตัวอย่างกับจะเป็นไข้ อาการชักเยอะจนเพื่อนต้องถีบส่งเขากลับบ้านมาง้อคนตัวกลมในวันหนึ่งที่การงานทำไม่ได้เพราะเอาแต่คิดมากกับเรื่องแฟนเด็กไม่ยอมมาอ้อนเหมือนเดิม
จนจะกลับถึงบ้านถึงจำได้ว่าวันนี้แจ็คสันไปทำงาน
วกรถกลับแทบไม่ทัน พอถึงหน้าร้านก็แอบส่องจากในรถอย่างกับคนโรคจิต
จริงๆแจ็คสันก็ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านกาแฟ
แต่เป็นร้านกาแฟอีกร้านหนึ่งที่ไกลออกไปจากร้านประจำ แล้วแต่ว่าสัปดาห์นั้นจะได้ลงเวรวันไหน
เวลาของเขากับแจ็คสันเลยไม่ค่อยจะตรงกันนัก
ส่องแฟนสักพักก็เห็นว่าคนตัวเล็กยังทำงานเป็นปกติ
คงมีแต่เขาที่กำลังจะเป็นบ้า นั่งทำตัวเป็นสตอร์กเกอร์อยู่สักพัก แบมแบม
พนักงานเสิร์ฟอีกคนก็มาเคาะกระจกทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่
“มาหาแฟนเหรอพี่
เข้าไปสิครับ พี่แจ็คสันรออยู่นะ”
“เอ๊ะ”
“ผมบอกว่าพี่แจ็คสันรออยู่
ไม่รู้ว่ารออะไรแหละ แต่เห็นเป็นมาสัปดาห์แล้ว นั่งเหม่อจนเสียการเสียงาน
แถมยังไม่สดใสเหมือนเดิมอีก ทะเลาะอะไรกันเหรอพี่?”
มาร์คไม่ตอบคำถามนั้น
แต่เปิดประตูลงรถ บุกไปลักพาตัวพนักงานเสิร์ฟตัวเล็กตากลมลงมาจากร้าน
เสียงเจ้าของร้านเพื่อนเขานามว่าเจบีด่าชื่อเขามาแต่ไกล แต่สนที่ไหน
ในเมื่อเขาได้ตัวคนที่ต้องการแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเลี้ยงข้าวมันก็ยังไม่สาย
แจ็คสันไม่ขัดขืนสักนิดตอนเขาลากลงมาจากร้าน
ยันถึงห้องก็ยังเงียบ ไม่พูดไม่ออกอาการใดๆจนน่าอึดอัด
มาร์คพาแฟนตัวเล็กมานั่งบนโซฟา
เบียดตัวเองเข้าไปใกล้จนสะโพกกลมแทบจะเกยขึ้นมาบนตักเขา โอบเอวอวบ
ก้มหน้าเข้าไปใกล้ดวงหน้าน่ารักที่ไม่หือไม่อือ แค่มองหน้าเขานิ่งๆ เดาทางไม่ออกเลยว่าจะมาอารมณ์ไหน
...ไม่เอาก้อนเย็นชา
มาร์คจะเอาก้อนขี้อ้อน...
“ก้อนอ้อน...
มาอ้อนเหมือนเดิมเถอะ”
“ไม่เอา
มาร์ครำคาญเรา”นับเป็นประโยคแรกที่เราได้คุยกันดีๆตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นมา
“ไม่รำคาญแล้ว
สัญญา”
แจ็คสันมองนิ้วก้อยที่ยื่นมาง้อด้วยความลังเลใจ
คนตัวเล็กรู้สึกสับสน
“ก็มาร์คบอกว่าอ้อนน่ารำคาญ
อ้อนก็ไม่น่ารำคาญแล้วไง ทำไมวันนี้บอกว่าให้อ้อนเป็นเหมือนเดิม ถ้าอ้อนอ้อนมาร์ค
มาร์คจะตวาดอ้อนอีกไหม อ้อนจะต้องเปลี่ยนตัวเองอีกรึเปล่า”พูดไปก็เริ่มสะอื้นไป
แจ็คสันไม่ได้โกรธมาร์คเลยสักนิด ก็แค่ไม่อยากเป็นคนน่ารำคาญในสายตามาร์ค
ไม่อยากให้มาร์คเลิกรักตัวเอง ก็เลยเปลี่ยนตัวเอง พยายามอดใจไม่เอาแต่ใจกับมาร์ค
พอมาวันนี้ทำไมถึงบอกให้เขากลับไปทำแบบเดิม
“อ้อนไม่ต้องเปลี่ยนตัวเอง
ไม่ต้อง มาร์ครักแจ็คสันที่ขี้อ้อน รักที่เราเป็นเรา”
“แต่...”
“วันนั้นมาร์คขอโทษ
มาร์คหงุดหงิดเรื่องงานจนเอามาลงที่อ้อน มาร์คขอโทษ”ชายหนุ่มกอดคนตัวเล็กแน่น
จับหัวกลมซบอกเขาให้น้ำตาซึมลงไปในเสื้อ ซึมลงไปในตัว ซึมลงไปในหัวใจ
ให้จำว่าครั้งหนึ่งเคยทำร้ายคนน่ารักที่สุดในชีวิตจนเสียน้ำตา
“อ้อนกอดได้ไหม”
“อืม...มากอดกัน”
คนตัวกลมแทบจะพุ่งกอดตอบเขาแน่น
ร่างสั่นเทิ้มสะอื้นด้วยความโล่งใจ มือเล็กกำเสื้อเขาไว้แน่น
ราวกับกลัวว่ามาร์คจะหายไปไหนอีก จมูกโด่งกดบนกลุ่มผมนุ่มสูดดมกลิ่นสบู่เด็กเข้าเต็มปอด
คิดถึงสัมผัสนี้แทบบ้า รู้สึกโล่งที่ได้กอดคนตัวกลมไว้แน่นๆแบบนี้เหมือนเดิมแล้ว
“คิดถึงจัง”
แจ็คสันพูดคำที่เขาอยากพูดพอดี
คิดถึงอ้อมกอดนี้ คิดถึงกลิ่นหอมสบู่เด็กนี้ คิดถึงผิวเนื้อขาวนุ่มนิ่ม
คิดถึงแก้มกลมที่มักจะถูอ้อน คิดถึงทุกอย่างที่เป็นเด็กขี้อ้อนของเขา
“มาร์ครักแจ็คสันไหม?
รักอ้อนรึเปล่า?”
“รักสิ
รักเสมอแหละ ทำไมเหรอ”
“ก็อ้อนขี้อ้อน...มาร์คอาจจะรำคาญจนไม่รักอ้อนแล้วไง”
“จะขี้อ้อนยังไงก็รัก
อยู่ให้แจ็คสันอ้อนมาตั้งห้าปี ยังไม่เชื่อมาร์คเหรอ?”
“งือ...ก็เพราะมาร์คบอกว่ารำคาญนั่นแหละ
อ้อนเลยคิดมากไง ง้ออ้อนเลยนะ อยู่ให้อ้อนกอดแน่นๆเดี๋ยวนี้
คืนนี้ก็ยอมให้อ้อนกอดจนเช้าเลยนะ อ้อนจะอ้อนให้หนำใจเลย เหงาจะบ้า รู้ไหมเนี่ย”บ่นเป็นวรรคเป็นเวร
ถ้าไม่ติดว่ากอดกันอยู่จะบีบจมูกรั้นเสียให้เข็ดกับความน่าหมั่นเขี้ยว
“จะอยู่ให้อ้อนทั้งชีวิตเลย
สัญญา”
...แฟนขี้อ้อนก็น่ารักใช่น้อยที่ไหน
ใช่ไหมล่ะครับ?...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น