[TTM] 09
TWINS & TWINS
MATCH
_______9_______
มือเรียวยกแก้วเพชรบรรจุน้ำสีอำพันดีกรีแรงจรดริมฝีปากในขณะที่ดวงตาก็เหลือบมองสะโพกโก่งงอนของสาวสวยหุ่นดีที่เดินผ่านไปเป็นอาหารตา
มองไปอีกทางก็เห็นไอ้รุ่นน้องตัวยักษ์ คิม ยูคยอม
ที่บอกว่าเหงานักเหงาหนากำลังซุกไซ้คอขาวของสาวเจ้าที่ไปตกเบ็ดมาจากหน้าบาร์ได้เมื่อครู่
จะถ่ายรูปไปแบล็กเมลมันก็ได้
แต่การถ่ายแล้วรอส่งไว้ให้เมียมันกลับมาเห็น...มันน่าสนุกกว่าเยอะ
หลังจากไปลากคอมันมาจากหน้าคอนโด สองนายแบบในสังกัดโมเดลลิ่งเดียวกันก็วาร์ปมาที่ผับเปิดใหม่แถวลองบีช
บรรยากาศที่นี่ใช้ได้ เหล้าก็เลิศรสดี ขาดก็แค่สตรีแน่งน้อยให้ถูกใจสักคน
สิ้นความคิดก็ถอนหายใจเฮือก
รู้สึกว่ามารอบนี้เสียเปล่าจริงๆ หงุดหงิดจนต้องเอาไปลงกับหน้าแข้งไอ้ตัวต้นเหตุที่รีบร้องโอดโอยถือโอกาสเอาหน้าหมีๆนั่นซุกร่องอกโตคัพซีของสาวเจ้าด้านซ้ายแถมยังเลื้อยเกาะเอวคนด้านขวา
...มันน่าถ่ายทอดสดให้แบมแบมมาอัดมันให้น่วม...
“เป็นไรวะ หงุดหงิดอะไรขนาดนั้น ไม่มีสาวถูกใจเอ๋อ”
“เอ๋อที่หน้ามึง”มาร์คัสส่ายหน้าจิบเหล้าไปอีกอึก
ถอนหายใจเล็กน้อย คนในผับที่มีอยู่ค่อนข้างน้อยทั้งที่บรรยากาศ ดนตรี
อาหารก็ค่อนข้างได้มาตรฐานดี คงเพราะที่นี่เปิดใหม่ เลยยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก
จู่ๆมาร์คัสก็ลุกขึ้น
ยูคยอมยอมละความสนใจจากสาวเจ้ามาหาคนอายุมากกว่าที่มาด้วยกัน
“ไปไหนอ่ะ”
“ห้องน้ำ”ตอบแค่นั้นพร้อมสะบัดเสื้อแจ็กเก็ตหนังพาดบ่าเดินออกไป
ทำอย่างกับเดินบนแคทวอร์ค ยูคยอมบิดปากขึ้นหมั่นไส้ จิบแอลกอฮล์ในมืออึกใหญ่
ละสายจากรุ่นพี่นายแบบ แต่จะไปค่อนแคะพี่มันก็ไม่ได้ เพราะยูคยอมก็เป็น
แน่ล่ะ...อาชีพพวกเขามันอาศัยบุคลิกและหน้าตา
ถึงจะไม่ได้อยู่หน้ากล้อง แต่บางทีมันก็หลุดออกมาอยู่บ่อยๆเหมือนกัน เลยไม่แปลกตาแปลกใจสักเท่าไหร่
ถึงจะแอบหมั่นไส้ความหล่อระดับสาวหันตามคอเคล็ดนั่นก็เถอะนะ
มาร์คัสเป็นพวกหล่อเลือกได้ ขี้เบื่อ เย็นชา
เปลี่ยนคู่ควงไปเรื่อยๆ แต่สังกัดพวกเขาก็ไม่ได้ทำอะไรมากนัก
แค่เตือนๆบ้างพอให้ไม่หลุดวงจรเกินไป เพราะพวกเขาเป็นนายแบบ
ไม่ใช่ดารานักร้องหรือไอดอลที่จะต้องคีพภาพลักษณ์ผู้ชายแสนดีอะไรขนาดนั้น
ทุกวันนี้ก็ยังแอบลุ้นอยู่ว่าตอนไหนจะเห็นสิงโตโดดเดี่ยวหยุดหมอบให้ใครสักคนเสียที
“...หิมะต้องถล่มฟลอริด้าแน่ๆ”พึมพำเสียงอ่อย
พาดแขนโอบไหล่บางของสาวเจ้าอกโตด้านซ้าย เธอหัวเราะคิกคักเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์
ดวงตาเยิ้มยั่วยวน ยูคยอมยิ้มบาง หันมาสนใจแก้วในมือต่อ ไม่สนใจแรงลูบไล้จากเธอและหันไปสนใจสาวอีกคนแทน
เขารู้ลิมิตตัวเองดี เพราะเขามีเชือกเส้นหนึ่งอยู่
เชือกที่กั้นพื้นที่เอาไว้สำหรับคนๆนั้น...เพียงคนเดียว
มาร์คัสเดินเซ็งๆผ่านหน้าบาร์ที่สาวงามแน่งน้อยนั่งรวมกลุ่มกันเต็มไปหมดเพื่อไปเข้าห้องน้ำ
สายตาของชายหนุ่มไม่ได้มองไปแม้จะเห็นก็เถอะว่าสาวกลุ่มนั้นสวยสะเด็ด
อารมณ์ที่มันเสียไปแล้วมันกู้กลับคืนยาก
และแน่นอนว่าคืนนี้มาร์คัสมีเป้าหมายคือคอนโดของตัวเอง ไม่ใช่โรงแรมที่ไหนแน่นอน
ระหว่างทางเขาเห็นหญิงสาวในชุดเดรสสีดำสั้นครึ่งขายืนพิงกำแพงไม่ไกลจากบาร์และประตูเข้าห้องน้ำ
กลิ่นน้ำหอมคุ้นๆจากนางแบบสาวหลายนางที่ผ่านมือเขามาทำให้มาร์คัสหันไปมองเล็กน้อย
หุ่นเจ้าหล่อนอกเป็นอก ก้นเป็นก้น ผิวแทนอ่อนๆมีเสน่ห์
แต่เพราะเส้นผมสีทองยาวที่ปรกใบหน้านั้นทำให้เขาไม่เห็นใบหน้าของเธอ
แต่เหมือนเธอจะรู้ว่าเขาเหลือบไปมอง เลยยกแก้วนมือจิบอย่างมีจริต
เขาทันเห็นแค่ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดก็พอจะรู้แล้วว่าหล่อนไม่ธรรมดา
แต่อย่างที่บอก อารมณ์หมดแล้ว
เพราะฉะนั้นสวยขนาดไหนก็ขอผ่านแล้วกัน
มาร์คัสเดินผ่านหล่อนเข้าไปจัดการตัวเองในห้องน้ำ
ถอนหายใจเล็กน้อยขณะยกโทรศัพท์ขึ้นดูเวลา 10 PM แล้ว เขาควรลากคอยูคยอมมันกลับได้สักที
เพราะพรุ่งนี้เขามีงานถ่ายแบบแต่เช้าและตอนกลางวันต้องไปดูร้านด้วย
นึกในใจว่าดีเหมือนกันที่ไม่ต้องไปต่อที่ไหนต่อ
ไม่งั้นเขาคงต้องลากสภาพเปื่อยๆไปให้โดนเจ้แฮกเตอร์
ผู้ดูแลหน้าผมของเขาทุกครั้งที่ถ่ายแบบแหกอกเอาแน่ๆ
คิดอะไรเรื่อยเปื่อยหน้ากระจกจนมีคนอื่นเดินเข้ามาถึงได้สติสวมเสื้อแจ็กเก็ตเข้ากับตัวผลักประตูเดินออกไป
เงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นสาวคนนั้นยืนอยู่ที่เดิมแต่แก้วในมือเปลี่ยนไป...
รอเขา?
งั้นก็ขอเล่นหน่อยก็แล้วกันนะ...จุดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนริมฝีปากบางเบา
เลื่อนมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาอะไรบางอย่าง
เอนตัวยืนชิดกำแพงฝั่งตรงข้ามเฉียงกับเจ้าหล่อน ยกโทรศัพท์แนบหูฟังเสียงสัญญาณ
ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อปลายสายอย่างอิมแจบอมไม่รับโทรศัพท์เขาอย่างทุกที
ทั้งที่ช่วงเวลาแบบนี้เพื่อนสนิทเขาต้องหัวหมุนคุมงานอยู่ในร้าน
ไม่มีทางที่จะเอาโทรศัพท์ไว้ไกลตัวแน่ๆ
เผลอใจลอยคิดเรื่องเพื่อนสนิทจนกระทั่งได้กลิ่นน้ำหอมเข้ามาใกล้
ชายหนุ่มเหลือบมองก็เห็นสาวเจ้ามาอิงอยู่ข้างๆ เจ้าหล่อนยิ้มมีเล่ห์นัย
ดวงตากรีดอายไลน์เนอร์สวยเฉี่ยวยังคงไม่มองมาที่เขา
แต่กลับจดจ้องไปที่แก้วใสในมือราวกับมันน่าสนใจมากกว่าสิ่งรอบตัว
...ดูลึกลับดี...มาร์คัสคิดในใจ แต่ไม่หรอก
เขาไม่ได้ชอบหรือหลงเสน่ห์
ถ้าเจ้าหล่อนยังเล่นตัวอีกแค่หนึ่งนาทีเขาก็พร้อมจะเดินหนี
เสียงสัญญาณโทรศัพท์ยังคงดังบ่งบอกว่าเพื่อนสนิทเขายังไม่คิดจะรับสาย
เกิดเป็นห่วงขึ้นมา
คิดได้อยู่สองกรณีคือแจบอมกำลังแก้ปัญหาใหญ่ที่ร้านและสองคือเพื่อนของเขามันป่วยกะทันหันจนไม่สามารถโทรมาบอกเขาได้
ทันทีที่สัญญาณโทรศัพท์ตัดไปมาร์คัสก็เก็บโทรศัพท์เดินออกมาทันที
“โทษที...ถอยหน่อย”เขาส่งเสียงเย็นเยียบบอกหญิงสาวที่จู่ๆก็เดินมาขวางหน้า
ดวงตาของเธอจ้องเขาอย่างยั่วเย้า มือบางวางบนอกเขาทำท่าจะผลักเข้ากำแพง
แต่มาร์คัสจับมือเธอเอาไว้เป็นเชิงปราม “ฉันไม่เล่น”
“เล่นหน่อยน่า”เธอกรีดยิ้มพราย มือบางลูบขึ้นมาหลังคอเขา
ความรู้สึกเย็นวาบและกำลังซึมเข้าสู่ผิวทำให้มาร์คัสสะดุ้งผลักเธอออกอย่างแรง
ร่างบางของหญิงสาวล้มลงกับพื้นอย่างไม่เป็นท่า
ชายหนุ่มสบถดังลั่นมือใหญ่วางบนหลังคอตัวเอง มองหญิงสาวด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“เธอคิดจะเล่นอะไร!!!”เสียงทุ้มตวาดก้องเรียกความสนใจของคนในร้านให้หันมามองเป็นสายตาเดียว
รวมไปถึงยูคยอมที่พอได้ยินเสียงก็รู้ว่าเป็นรุ่นพี่ทำเรื่องแล้วก็รีบรุดเข้ามาดูโดยไว
“เป็นอะไรไหม?”
ยูคยอมเข้ามาประคองรุ่นพี่ที่จู่ๆก็ล้มทรุดลงไปกับพื้น
มองหญิงสาวที่ทำหน้าตื่นตกใจและซีดเผือด บวกกับอาการของพี่เขาทำให้เดาได้ไม่ยาก “ทนหน่อยนะ”กระซิบบอกหิ้วปีกอีกคนขึ้นจากพื้น
ควักเงินออกมาปึกหนึ่งโยนให้บาร์เทนเดอร์หน้าบาร์
“เช็กบิลกับค่าปิดปาก ลืมไปซะว่าเคยเห็นอะไร”
ยูคยอมพยุงมาร์คัสเดินออกไปพลางมองหญิงสาวอย่างไม่ไว้วางใจ
จากอาการแล้วดูจะหนักจนน่ากลัว
เขาโลดแล่นในสายนี้มานานแต่ไม่เคยเห็นอะไรทำให้ผู้ชายตัวใหญ่ๆทรุดลงได้เร็วขนาดนี้
ถือวิสาสะล้วงเอากุญแจรถมาร์คัสมาไข โยนร่างสูงโปร่งเข้าเบาะข้างคนขับ
เปิดประตูหน้าเข้าไปนั่งเป็นสารถี
“จะให้ไปส่งไหน”ถามด้วยความห่วงใย
อาการที่เขาเห็นเป็นอาการของคนโดนยา
น่าจะเป็นพวกยาป้ายทำให้มึนเบลอและมีอารมณ์ทางเพศ จริงๆมันเป็นยาผิดกฎหมาย
ถึงจะหาซื้อได้ง่ายไม่ต่างจากยาถูกกฎหมายก็เถอะ
แต่ยูคยอมก็ไม่เคยเห็นว่าจะมียาแบบไหนที่ทำให้เป็นได้ขนาดนี้
“...ฉัน”
“ฮะ? อะไรนะ”ถามย้ำอีกครั้งเพราะมาร์คัสตอบเสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน
หันไปซักเอาคำตอบแต่พอมองไปก็ชักจะคิดผิด ก็ภาพที่เห็นมัน...
“คอนโดใหญ่ฉัน”
แจ็คสันอาบน้ำเตรียมเข้านอนเสร็จตอนเวลาสี่ทุ่มครึ่ง
ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดเรือนผมนุ่มของตัวเองขณะเดินไปตรวจดูห้องเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดปกติ
เดินเข้าไปในห้องนอนเล็กที่จะเป็นที่ซุกหัวนอนของเขาต่อไปอีกสักพัก
ถึงจะบอกว่าเล็ก แต่ก็ไม่ได้เล็กอย่างที่คิด เตียงคู่ขนาดมาตรฐานพร้อมสรรพทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง
ตู้เสื้อผ้า ขาดก็แค่ห้องน้ำที่ต้องไปใช้ด้านนอก แต่โดยรวมก็ดีกว่านอนโซฟาเยอะ
กำลังนั่งเช็ดผมอยู่ดีๆก็มีเสียงประตูเปิดและปิดเสียงดัง ปึง!
แจ็คสันสะดุ้งเฮือก
ในวินาทีแรกตกใจคิดว่าพวกมาเฟียตามหาเขาเจอ แต่พอคิดอีกทีที่นี่ก็มีระบบความปลอดภัยดีเยี่ยม
ก็คงเป็นมาร์คัสนั่นแหละที่กลับมาแล้ว แต่ไหนบอกว่าจะไม่กลับไง
เขาก็ไม่ได้ทำกับข้าวไว้ด้วยสิ ในขณะที่กำลังลังเลใจว่าควรจะออกไปดูดีไหม
ก็ได้ยินเสียงเสื้อผ้าขยับอยู่นอกประตูห้องนอน ด้วยความสงสัยก็เลยลุกขึ้นเปิดประตู
แต่ไม่ทันจะได้ผลักออกไปแรงอีกด้านก็ต้านเอาไว้ก่อน
“นายเลือกได้ว่าจะเปิดหรือปิดประตู”
เสียงทุ้มบอกเบาจนแทบไม่ได้ยิน
เขาไม่รู้ว่ามาร์คัสพยายามจะพูดอะไร แต่ตอนนี้กลอนออกจากที่ล็อคแล้ว
ด้วยอะไรบางอย่างทำให้เขาผลักบานประตูออกไปเต็มแรง
แม้สัญชาติญาณจะเตือนไว้ว่าไม่ควรเปิดก็ตาม
มาร์คัสยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ
แต่ด้วยท่าทีที่แปลกออกไปและกำจายไปด้วยกลิ่นที่ทำให้แจ็คสันรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ
ดวงตาคมกริบตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ที่อัดแน่นหยาดเยิ้มจนสัมผัสได้
อุณหภูมิร่างกายร้อนจนผิดสังเกตและกลิ่น...กลิ่นบางอย่างที่ฟุ้งกระจายรอบตัวมาร์คัสและทำให้เขารู้สึกมึนงงไปชั่วขณะหนึ่ง
“นายจะต้องเสียใจที่เปิดประตู แจ็คสัน”
สิ้นคำร่างของแจ็คสันก็โดนดันเข้ามาในห้อง
บานประตูถูกปิดแน่นเหมือนก่อนที่มันจะถูกเปิดออกไปรับคนอันตรายเข้ามา
ดวงตาโตเบิกกว้างมองร่างสูงโปร่งถอดเสื้อแจ็คเก็ตและเสื้อยืดออกโยนไปมุมห้อง
เผยให้เห็นหน้าอกแน่นและกล้ามท้องเป็นลอนบางๆ
สร้อยเหล็กสีเงินแนบกับไหปลาร้าเปลือยเปล่าเสริมความน่าหลงใหลให้กับชายหนุ่มขึ้นอีกหลายระดับ
หัวใจของคนอายุน้อยกว่าเต้นโครมคราม ลิ้นชาไปชั่วขณะ ทั้งอึ้งทั้งงง
ไม่รู้ว่ามาร์คัสกำลังจะทำอะไรและไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรต่อ
แจ็คสันรู้สึกเหมือนตัวเองหายใจไม่ออกยิ่งขึ้นเมื่อคนเปลือยด้านบนเดินเข้ามาผลักเขาลงไปกับเตียง
วางเข่าด้านหนึ่งข้างสะโพกเขา จ้องมองมาด้วยสายตานักล่าผู้เป็นนายของทุกสรรสิ่ง
มันเย็นชาราบเรียบแต่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ยิ่งกว่าทะเลคลั่ง
“ฉันรู้ว่านี่มันเห็นแก่ตัว...แต่ ช่วยฉัน...ขอร้อง”
...แจ็คสันเกลียดตัวเอง...
เกลียดที่ตัวเองใจอ่อน
เกลียดที่ตัวเองใจง่ายกับคนๆหนึ่งได้มากขนาดนี้...แค่เขาขอร้องก็พร้อมจะยินยอมให้ทุกอย่างจนน่าหงุดหงิด
แจ็คสันเกลียดตัวเองจริงๆ...
เสื้อผ้าชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกถอดออกไปจากกายด้วยฝีมือคนเป็นพี่จนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่า
ผิวเนื้อของทั้งสองสัมผัสและถ่ายโอนความรุ่มร้อนให้แก่กันและกัน
ประสบการณ์และฝีมืออันโชกโชนของมาร์คัสสร้างบรรยากาศและอารมณ์ให้อีกฝ่ายคล้อยตามโอนอ่อนได้อย่างง่ายดาย
คนตัวเล็กสั่นระริกทุกครั้งที่ร่างกายถูกแตะต้อง
แม้จะไม่ได้ไร้ประสบการณ์แต่ก็ไม่เคยจะต้องเป็นฝ่ายเสียเปรียบแบบนี้
ยิ่งต่อหน้าคนที่ตัวเองชื่นชมทุกสิ่งก็น่าประดักประเดิดจนไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากบอกให้หยุด
ทุกอย่างถูกเตรียมการอย่างรีบเร่งเพราะแรงกระตุ้นจากยาบีบบังคับให้มาร์คัสทำทุกอย่างก่อนที่ทุกอย่างจะพร้อม
ความรุ่มร้อนถูกสอดแทรกเข้าหาอีกคนอย่างรวดเร็วเสียจนเสียงแหบพร่าร้องลั่น
หยาดน้ำตาเอ่ยคลอด้วยความทรมาน
มือขาวเกาะไหล่อีกคนแน่นครูดเล็บทิ้งรอยถลอกเอาไว้ราวกับเป็นการแก้แค้น
มันทุลักทุเลในตอนแรกเพราะความไม่คุ้นชินแต่สักพักก็สามารถปรับจูนกันได้ด้วยจูบร้อนและการสัมผัสซึ่งกันและกัน
นิ้วเรียวสวยประสานนิ้วป้อมกดกับพื้นเตียงนุ่ม สะโพกสอบขยับประสานจนร่างขาวสั่นคลอน
เสียงครางทุ้มหอบประสานในห้องนอนเล็ก
หลายครั้งที่มาร์คัสรุนแรงจนแจ็คสันแทบจะจมไปกับพื้นเตียง
บางครั้งก็เนิบนาบจนอีกฝ่ายแทบจะเสียสติเพราะความกระสันอยาก
หลายต่อหลายรอบที่ร่างขาวโดนกระทำจนเกือบจะหมดสติไป แต่ในทุกครั้งและทุกวินาทีที่ทำร่วมกัน
กลับไม่มีแม้แต่คำบอกรักหรือคำที่แสดงถึงความรู้สึกดีใดๆหลุดออกมา...
แม้แต่ชื่อของอีกฝ่าย ก็ไม่มีใครหลุดออกมาแม้แต่คำเดียว...
......
....
..
เช้าวันรุ่งขึ้นมาร์คัสสะดุ้งตื่นเพราะโทรศัพท์เครื่องบางของตัวเอง
ชายหนุ่มสะบัดผ้าห่มเดินเซไปรับทั้งที่สติยังไม่เต็มร้อย
ได้ยินเสียงทุ้มดัดแหลมของเจ้แฮกเตอร์แหวกออกมาทำเอาสติกลับคืนร่าง
มองเวลาก็พบว่าตัวเองเกือบจะสายแล้ว รีบโทรไปแจ้งเจ้าของงานว่าเขาอาจจะไปช้าหน่อย
ถึงจะโดนว่าเรื่องไม่ตรงเวลาแต่ก็ดีกว่าให้ทีมงานรอเก้อ
เร่งรีบจัดการตัวเองและปิดประตูวิ่งออกไปทำงาน
ทิ้งให้อีกร่างที่ยังไม่ได้สติอยู่ห้องตามลำพัง...
มาร์คัสโดนต่อว่าเรื่องมาสาย
ดีที่ยูคยอมได้ถ่ายในเซทเดียวกันช่วยแก้ต่างให้ว่างเมื่อคืนพวกเขาบรีฟงาน
(กันที่ผับ) กันค่อนข้างดึกและมาร์คัสเองก็เหมือนจะมีไข้มาตั้งแต่ตอนบรีฟงานแล้ว
(อันนี้ตอแหล) เลยอาจทำให้ตื่นสายก็ได้ หลุดรอดการโดนกล่าวโทษแบบฉิวเฉียด
“แล้วเป็นไง เมื่อคืน?”ร่างสูงโย่งของเจ้ารุ่นน้องคนสนิทมาเกยคางกับโต๊ะแต่งหน้า
ช้อนสายตาอยากรู้อยากเห็นมาอย่างไม่ปิดบัง ในขณะที่มาร์คัสกำลังเก็บของเตรียมออกไปดูร้านต่อ
“อะไร?”
“เอ้า!
ก็ไปทำอิท่าไหนถึงมาทำงานได้ไง ปกติเจอแรงขนาดนั้นไปลุกไม่ขึ้นกันหรอก”
มาร์คัสกลอกตากับคำถามนั่น
ถ้าไม่ติดว่าเมื่อคืนโดยมันช่วยเอาไว้เขาคงตอกหน้าใส่แรงๆไปแล้ว
“เมื่อคืนหมดไปเท่าไหร่ จะคืนให้”
“เฮ้!
เปลี่ยนเรื่องเหรอ
แสดงว่าวิธีจัดการไม่ธรรมดาล่ะสิ”คนเป็นรุ่นน้องยิ้มล้อๆปีนเกลียวได้น่าหมั่นไส้
มาร์คัสถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปาทิชชู่ใส่หน้ามัน
“เออ ให้คนที่ห้องช่วย พอใจรึยัง”
พอได้คำตอบตาโตๆนั่นก็ยิ่งโตเท่าไข่ห่าน
ทำท่าระริกระรี้อยากรู้มากขึ้นไปอีกจนมาร์คัสอยากเก็บคำตอบนั่นกลับมา
“คนที่ห้อง? เห้ๆๆๆ ไม่ธรรมดาซะแล้วสิ
นายแบบชื่อดังหวงพื้นที่ของตัวเองอย่างนายถึงกับมีคนที่ห้องงั้นเหรอ อืมๆ
น่าคิดๆ”ยูคยอมยืดตัวจับคางทำท่าราวกับนักสืบส่งสายตาระยิบระยับมาล้อเลียนเขา
มาร์คัสยักไหล่ สวมเสื้อ ถือกระเป๋าพาดไหล่ ยันเก้าอี้ที่เจ้ารุ่นน้องกวนประสาทนั่งจนเอนเกือบล้มไปด้านหลัง
แต่ดีที่ยูคยอมมีขาที่ยาวจนไปเกี่ยวขอบโต๊ะเอาไว้ได้ทัน “ทำร้ายน้องนุ่งตลอด!”
“อย่าคิดอะไรแปลกๆล่ะ”
“หืม?”
“แค่ลูกหมาที่มาร์คฝากให้เลี้ยงเท่านั้นแหละ”
มาร์คัสเอากุญแจรถมาจากยูคยอมหลังจากที่ปล่อยออดี้ลูกรักให้รุ่นน้องนายแบบไปฟักไว้หนึ่งคืนขับไปยังสถานที่ทำงานหลักอีกแห่ง
แต่เพราะประจวบเหมาะกับช่วงพักเที่ยงรถถึงได้แน่นขนัดจบแทบขยับไม่ได้
ชายหนุ่มถอนหายใจ หลังจากเรื่องเมื่อคืนเขาก็ยังไม่ได้ทานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ตอนนี้เลยเกิดหิวขึ้นมาเสียแล้ว แต่ยังไงก็จะไปร้านอยู่แล้ว
ไปหาอะไรกินฟรีที่ร้านบ้างก็ดีเหมือนกัน
จู่ๆก็แวบขึ้นมาได้ว่าแล้วลูกหมาที่เขารังแกไปเมื่อคืนล่ะ?
คางเรียววางบนหลังมือที่เท้าวางไว้บนขอบหน้าต่าง
ดวงตาเหม่อมองไปด้านนอกรถ กัดริมฝีปากเบาๆ จะว่าไปเมื่อเช้าเขาก็รีบจนไมได้ดูอาการก่อนจะออกมาเสียด้วยสิ
แต่หมอนั่นคงดูแลตัวเองได้นั่นแหละ จะโทรไปถามก็ไม่ได้ด้วย ก็แฝดพี่ของเขา...มาร์คกำชับว่าห้ามไม่ให้แฝดหวังทั้งเจสันและแจ็คสันใช้โทรศัพท์โดยเด็ดขาดเพราะเกรงจะโดนดักจับสัญญาณ
เอาเถอะ...กลับไปค่อยขอโทษแล้วกัน
ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ
ถ้าถามว่าเขารู้สึกแปลกไหมที่มีอะไรกับผู้ชาย พูดตรงๆเลยก็ไม่ได้รู้สึกแปลก
จริงๆมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยซ้ำ... ในวงการนายแบบนางแบบมีพวกไบเซ็กส์ชวลเยอะ
และก็ไม่ได้มีแต่ผู้หญิงที่เสนอตัวให้เขา
ถึงอย่างนั้นมาร์คัสก็ไม่ได้เลือกควงบ่อยนัก ยังไงเขาก็ยังสนุกไปกับเนื้อหอมๆนุ่มๆ
สัดส่วนอวบอัดของผู้หญิงมากกว่า
แต่ต้องยอมรับว่าเมื่อคืนเด็กคนนั้นทำให้เขาพอใจมากทีเดียว
ท่าทางทำตัวไม่ถูกหรือแม้กระทั่งการยอมเป็นเด็กดี
ทำตามทุกอย่างที่เขาบอกโดยไม่อิดออดแม้จะมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลา
เหมือนเด็กที่ต้องบอกทุกอย่างว่าต้องควรทำอะไร สั่งซ้ายไปซ้าย สั่งขวาไปขวา
ซึ่งเขาไม่ค่อยได้พบจากประสบการณ์ (บนเตียง) ที่ผ่านมา
รวมๆแล้วถือว่าแจ็คสันเป็นคนที่ทำให้เขาสนใจได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว
ชายหนุ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อย กว่าจะขับมาถึงร้านก็บ่ายสองกว่าๆเข้าไปแล้ว
คิ้วเรียวขมวดแน่นมองความเงียบภายนอกร้านซึ่งควรจะคึกคักจากการเตรียมการเปิดร้านอย่างปกติ
วันนี้ก็ไม่ใช่วันหยุด แล้วทำไมบรรยากาศมันถึงได้เงียบขนาดนี้? แจบอมก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์
หรือจะเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นจริงๆ?
มาร์คัสรีบลงจากรถ สะบัดเสื้อคลุมหนังสวมไหล่กว้างไว้หลวมๆ
ถอดแว่นกันแดดเหน็บคอเสื้อรั้งให้เห็นลำคอแกร่งเล็กน้อย
นิ้วเรียวยาวเสยเส้นผมสีทองของตนขึ้นลวกๆขณะก้าวขาเดินไปผลักประตูหลังร้านให้เปิดกว้าง
ดวงตาคมเหลือบซ้ายขวาก็เห็นว่ายังมีพนักงานกำลังเริ่มเตรียมร้านกันปกติ
เขาขมวดคิ้วมากกว่าเดิม เดินเข้าไปกลางร้าน
พนักงานพอเห็นเขาก็กระวีกระวาดทักทายแล้วรีบร้อนแยกไปทำงานของตน
มันยิ่งเติมความสงสัยให้เขา รู้ได้ในทันทีว่าต้องเกิดอะไรแปลกๆขึ้น
แค่ไม่กี่วันที่เขาไม่มาร้านมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ก่อนจะขึ้นไปหาไอ้เพื่อนสนิทบนห้องทำงาน
เขาเลือกจะเดินไปฝั่งบาร์ที่มักจะมีร่างชายหนุ่มอีกคนสวมชุดบาร์เทนเดอร์ตระเตรียมเครื่องมือและส่วนผสมต่างๆอย่างเป็นมืออาชีพและมักทักทายเขาด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอย่างที่สาวเล็กสาวใหญ่ต่างตกหลุมพรางมานักต่อนัก
แต่ก็ต้องชะงักอีกครั้งเมื่อบนบาร์สีขาวหรูมีป้ายปักไว้อย่างชัดเจนว่า ‘ปิดบริการเฉพาะส่วนชั่วคราว’
คราวนี้มาร์คัสนิ่งยิ่งกว่าเดิม เหลือบมองพนักงาน (โชคร้าย)
แถวนั้นและจับมาซักความ
“จูเนียร์ไปไหน”น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือกระแสโกรธเกรี้ยวอย่างที่พนักงานหญิงคนนั้นถึงกับสั่นระริก
ดวงตาลอกแล่กหาคนช่วย “ฉันถามว่าเขาไปไหน!”
ถ้าจูเนียร์แค่ลาหรือป่วยจะมีบาร์เทนเดอร์เบอร์ 2
มาสำรองอยู่แล้ว และถ้าจะลาพักร้อนยาวจะต้องได้รับการอนุมัติจากเขาก่อน
และด้วยนิสัยอย่างจูเนีย์ที่เขารู้จักไม่มีทางที่หมอนั่นจะเหลวไหลไม่ยอมมาทำงานจนทางร้านต้องติดป้ายประกาศปิดส่วนไปเลยแบบนี้แน่
มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น อย่างเช่น...
“...คุณแจบอมไล่คุณจูเนียร์ออกตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้วครับคุณมาร์คัส”
“!!!”มือเรียวปล่อยพนักงานคนนั้น
เบิกตาอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน พนักงานคนนั้นโค้งและขอตัวออกไปทำงานของตนต่อ
ทิ้งให้นายแบบหนุ่มซึ่งมีฐานะเป็นเจ้าของร้านนี้ครึ่งหนึ่งขบกรามแน่นอยู่กลางร้าน
มาร์คัสกำลังสับสนและโกรธเคือง
เขารู้ว่าแจบอมและจูเนียร์ไม่ถูกกัน
จริงๆคงมีแค่แจบอมที่ไม่ถูกใจจูเนียร์เพราะอีกฝ่ายเข้าหาตัวเองมากเกินไป
แต่เขาก็เห็นสองคนนั้นป้วนเปี้ยนอยู่ด้วยกันมานาน
ทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างแต่ก็ไม่เคยจะถึงกับขึ้นไล่ออก
อีกอย่างเขาคิดว่าแจบอมจะเป็นผู้ใหญ่และมีความคิดมากพอจะไม่ให้ความไม่พอใจส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจ...แต่เขาคงคิดผิดไป
แจบอมทำแบบนี้ไม่ต่างจากการหยามเขาเลยสักนิด
มาร์คัสเป็นคนพาจูเนียร์มาทำงานด้วย
ทำสารพัดวิธีเพื่อพาบาร์เทนเดอร์มือทองและเปี่ยมเสน่ห์หาตัวจับยากแบบนี้มาทำงานให้ร้าน
และจูเนียร์ก็เป็นคนเรียกลูกค้ากว่าครึ่งของร้าน ไม่ต้องแปลกใจเลยหากร้านเขาจะเสียกำไรไปมหาศาลจากการกระทำแบบนี้ของแจบอม
เขาจะไม่ปล่อยให้เป็นแบบนี้แน่!
แจบอมที่กำลังเอนตัวหลับตาปวดหัวกับยอดสีแดงบนเล่มบัญชีสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ประตูห้องทำงานถูกเปิดผางออกพร้อมด้วยร่างที่เขายังไม่อยากเผชิญหน้ากันตอนนี้เลยจริงๆ
ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชานั้นมีแววความเครียดขึง
รู้ทันทีว่ามาร์คัสรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว
ร่างของนายแบบหนุ่มแทบจะพุ่งเข้ามากระชากคอเขา
แต่ก็ยังพอยั้งตัวเองทัน
ปึง!! และไปลงกับโต๊ะทำงานแทน
“มึงทำบ้าอะไรลงไป!”
แจบอมแสร้างทำหน้าเรียบเฉยแม้ภายในจะเริ่มสั่นกลัวกับท่าทางโกรธเกรี้ยวแบบนั้น
จะมีใครรู้ว่าเวลามาร์คัสโกรธไม่ต่างจากไปกระตุกหนวดมังกรร้ายที่พร้อมจะพ่นไฟเผาทุกอย่างให้สิ้นซาก
แล้วขึ้นกูมึงแบบนี้คงหงุดหงิดขึ้นสุดแล้วล่ะ “มึงเย็นพอจะฟังกูไหมล่ะ
จะยังเป็นหมาบ้าหรือจะเป็นมังกรเยือกแข็ง”
มาร์คัสเดาะลิ้น
ยืดตัวสะบัดเสื้อไปทิ้งบนโซฟาแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อโซฟาสีแดงเลือดหมูถูกเปลี่ยนเป็นโซฟาสีดำคลาสสิค
“มึงเปลี่ยนโซฟา?”
“...”แจบอมไม่ตอบ
เอาแต่ก้มหน้ามองเอกสารราวกับมันน่าสนใจมากกว่าเพื่อนสนิทที่กำลังโกรธจนแทบจะขย้ำคออีกคนได้
ทั้งสองเงียบไปสักพัก
มาร์คัสเอนหัวพิงโซฟาถอนหายใจอย่างพยายามจะระงับความหงุดหงิด
พอคิดว่าตัวเองควบคุมได้แล้วก็เอ่ยถามออกไปตรงๆ “มึงไล่เขาออกทำไม?”
“เรื่องของกู”
คำตอบที่ได้ทำเอานายแบบหนุ่มฉุนกึกขึ้นมาอีกรอบ
ยันตัวขึ้นมามองหน้าแจบอมตรงๆ “เรื่องของมึงก็คือเรื่องของร้านเรา...มึงก็รู้ว่าจูเนียร์เป็นตัวเรียกลูกค้า
แค่สัปดาห์เดียวที่หมอนั่นไม่อยู่มึงก็เห็นว่าเป็นยังไง” มาร์คัสเห็น...
เห็นเลขสีแดงที่บ่งบอกว่าร้านเขากำลังขาดทุนทั้งที่ปกติมันต้องเป็นสีเขียวที่แสดงว่าได้กำไร
แจบอมเป็นฝ่ายถอนหายใจบ้าง วางสมุดบัญชีในมือลงและยอมสบตาเพื่อนตัวเองในที่สุด
“มึงไม่เชื่อว่ากูจัดการได้เหรอมาร์คัส กูจะพิสูจน์ให้ดูว่ากูทำได้
ร้านมันจะไม่ล่มเพราะคนๆเดียวออกไปหรอก”
มาร์คัสลุกขึ้น เดินไปเผชิญหน้ากับคนที่เคยทำตัวมีเหตุผลมาตลอด
“มันจะไม่ล่ม แต่กูเป็นคนพาเขามา กูควรรู้ว่าจูเนียร์โดนไล่ออกเพราะอะไร”
แจบอมหลบตาเพราะไม่อาจตอบตรงๆได้ ถึงจะเป็นเพื่อนสนิทกัน
แต่การที่เขาโดนทำเรื่องน่าอายในสถานการณ์น่าบัดซบแบบนั้นมันไม่ควรให้ใครได้รับรู้นอกจากตัวเองและคนที่โดนเขาไล่ออกไปคนนั้น
“แจบอม...ตอบกู”
“กู...กูบอกไม่ได้”
มาร์คัสนิ่งไปจนแจบอมรู้สึกชื้นในใจนิดๆว่าชายหนุ่มคงจะเลิกสงสัยไปแล้ว
แต่ไม่...
“ถ้ามึงบอกไม่ได้ มึงต้องไปตามจูเนียร์กลับมา”ข้อเสนอนั้นทำเอาชายหนุ่มบนเก้าอี้เบิกตาตี่ๆให้โตจนน่าขบขัน
ปากอ้าออกอึ้งๆ “แต่กูไล่มันออกแล้ว!!”
“มึงไล่ออก แต่กูไม่ให้ออก 50 ต่อ 50 มีลายเซ็นมึง
ไม่มีลายเซ็นกู เท่ากับยังไม่สมบูรณ์”
แจบอมชะงัก จริงอย่างที่มาร์คัสบอก
ตอนเริ่มตั้งร้านพวกเขาไม่อยากให้การทำงานเป็นการทำงานเพียงฝ่ายเดียว
เอกสารสำคัญต่าง ๆ จึงต้องมีการลงนามเจ้าของร้านถึงสองคนเพื่อป้องกันไว้ก่อน
แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องมีการถกเถียงเพียงเพราะบาร์เทนเดอร์คนเดียวแบบนี้
“มึงเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะมาร์คัส”
“มึงเอาแต่ใจกว่า
แยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกให้ได้สิวะ”โดนมาร์คัสสอนและจิ้มหัวจนหงายเข้าให้
ตามหลักแล้วยังไงแจบอมก็เป็นน้องจะทำกลับไปมันก็กระไรอยู่
อีกอย่างตัวเองก็มีชะงักติดหลังเสียด้วย
“มึงไม่โดนแบบกู...มันเชื่อใจไม่ได้”
“จูเนียร์ขโมยของในร้านเหรอ?”
“ไม่ หมอนั่นไม่ได้ขโมย”
“หรือหมอนั่นอู้งาน”
“ก็...ไม่ หมอนั่นไม่ได้อู้งาน”
“นอกจากสองเหตุผลนี้กูไม่ยอมรับ ดังนั้น
มึงต้องไปตามจูเนียร์กลับมาทำงาน...ตอนนี้”
“พรุ่งนี้ก็ได้”แจบอมบอกเสียงอ่อน
“ตอนนี้”
“...”
ชายหนุ่มร่างสูงแข็งแรงสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวปล่อยชายเดินไปตามทางเดินในแถบ
S Camden Dr, Beverly Hills แถบเมืองสำหรับผู้มีอันจะกินทั้งหลาย
ตาเรียวอย่างชาวตะวันออกเพ่งมองตัวอักษรขยุกขยิกบนกระดาษที่ถูกขยำมาอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะยังอ่านได้
บนนั้นปรากฏที่อยู่ของใครคนหนึ่งซึ่งเขาโดนเพื่อนรักอย่างไอ้มาร์คัส (กัดฟัน)
ถีบหัวส่งออกจากร้านเพื่อมาขอร้อนและงอนง้อให้กลับไปทำงานที่ร้านเหมือนเดิม
...แต่ทำไมมันไม่มาตามหาเองล่ะวะ! ให้เขามาพูดเองทั้งที่เป็นคนไล่ออกเอง
หมอนั่นมันจะยอมกลับไปรึไงล่ะ!...จมูกโด่งถอนหายใจเฮือกใหญ่
กระชับเสื้อคลุมบนแขนพาตัวเองออกเดินตามหาบ้านของคุณบาร์เทนเดอร์คนนั้นต่อไปท่ามกลางความร้อนอบอ้าวนิดๆในยามบ่ายคล้อยจะเย็นแบบนี้
บ้านแถวนี้มีแต่บ้านหลังใหญ่และหรูหราเป็นส่วนมาก
เรียกง่ายๆว่าเป็นแถบคนรวย แถมบรรยากาศยังเงียบสงบและเป็นส่วนตัว ไม่ห่างจากตัวเมือง
เป็นทำเลที่ดีจนอดขนลุกไม่ได้
แต่จากชื่อเสียงที่ผ่านมาของจูเนียร์ก็พอรู้อยู่บ้างว่าหมอนั่นก็ไม่ธรรมดา
แต่ก็ไม่นึกว่าจะมาซื้อบ้านอยู่แถวนี้ได้
ทั้งที่จริงๆแล้วร้านกับบ้านแถวนี้มันห่างจากกันไปมากโขเหมือนกัน
“219s peck Dr…”พึมพำขณะมองหาป้ายบอกทาง มองซ้ายมองขวามองรถแล้วก้าวข้ามไปอีกฟากเร็วๆ
เดินต่อไปเรื่อยๆจนเจอบ้านเป้าหมาย
พร้อมๆกับไฟข้างถนนติดขึ้นมาบ่งบอกว่าอีกไม่นานท้องฟ้าจะมืดลงและเขาต้องรีบกลับไปดูแลที่ร้านต่อ
เพราะมีมาร์คัสคอยดูร้านให้ถึงแค่ 07.00 PM
หลังจากนั้นเขาต้องกลับไปดูแลต่อเองเพราะหมอนั่นมีงาน ( ?) ต่อ
บ้านของจินยองเป็นบ้านชั้นเดียวสไตล์ร่วมสมัยขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก
รั้วด้านนอกเป็นอิฐขาวสูงแค่ครึ่งเอวด้านในประดับด้วยไม้พุ่มสีเขียวและดอกไม้เมืองร้อนอีกสองสามชนิด
บันไดลาดขึ้นไปบนชั้นพักก่อนถึงประตูบ้านสีน้ำตาลอ่อนนั่น พอมองมันนานๆก็เริ่มรู้สึกใจแป้วแล้วเหมือนกัน
ใจจริงเขายังไม่พร้อมจะเจอหน้าจูเนียร์ตอนนี้
แม้ตอนนั้นจะโกรธจนไล่ออกไป แต่ในใจลึกๆก็รู้สึกว่ามันไม่ควร
เขาก็มีส่วนผิดที่เมามายจนอาจจะ...แจบอมย้ำว่า อาจจะเผลอโอนอ่อนไปในคืนนั้น
จะไปโทษอีกฝ่ายเสียร้อยส่วนก็คงไม่ถูกต้องเท่าใด อีกอย่าง สายตาตอนที่จินยองมองมาที่เขาก่อนจะจากกันในวันนั้นมันก็ติดตรึงอยู่ในห้วงความจำอย่างน่าแปลกประหลาด
...ความเศร้า ความเสียใจและรู้สึกผิดนั่น...
เอาเป็นว่าเขายังไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกและสมองของตัวเองได้เรียบร้อยแต่ต้องมีเหตุให้ต้องมาเจอกันอีก
ตอนนี้เลยกลายเป็นสั่นเสียทำตัวไม่ถูก
รู้สึกราวกับเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มกำลังจะมาหาหนุ่มที่หมายปองถึงหน้าบ้าน
ซึ่งความจริงเขาไม่ใช่สาวน้อยแต่เป็นผู้ชายมีกล้ามสูงกว่า 179
เซนติเมตรและจูเนียร์ก็เป็นผู้ชายที่สูงไล่เลี่ยกัน แม้จะเป็นการมาหาครั้งแรก
แต่มันก็เป็นการมาหาหลังจากที่ผู้ชายคนแรกโดนข่มขืนไปไม่ถึงสัปดาห์ไม่ใช่เพราะความกระสันอยากเจออะไรเทือกนั้น
...โอเค ผมว่ามันชักจะไม่โอเคแล้วล่ะ...
กำลังจะถอยหลังยอมแพ้แต่ประตูบ้านก็เปิดออกมาก่อน
เจ้าของบ้านเบิกตาโตมองหน้าเขาอย่างไม่อยากเชื่อ
เช่นเดียวกับแจบอมที่อ้าปากพะงาบๆไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี ควรทำหน้ายังไง
ควรทักทายออกไปหรือจะวิ่งหนีไปทำใจ
“คุณแจบอม?”
“อ่า...เอ่อ...หวัดดี”
...งี่เง่า...แจบอมด่าตัวเองในใจ
จูเนียร์มองเขาแล้วยิ้ม แต่มันเป็นยิ้มสวมหน้ากาก
ยิ้มแบบที่มักจะเอามาสวมตอนอยู่หน้าบาร์ ดวงตานั้นไม่ได้ยิ้มอย่างที่ปากยิ้มเหมือนแต่ก่อนตอนอยู่กับเขา
“ผมเอาขยะมาทิ้ง รอสักครู่นะครับ”
อดีตบาร์เทนเดอร์ที่ร้านยกถุงขยะสองถุงใหญ่ลงมาทิ้งในถังเขียว
ขณะนั้นก็โดนแจบอมสังเกตอยู่เงียบๆ
จูเนียร์สวมเสื้อยืดสบายๆสีครีมและกางเกงวอร์มสีน้ำเงิน
ช่างไม่มีความเข้ากันเสียจนเกือบรับไม่ได้ ดวงหน้าที่มักจะเกลี้ยงเกลามีหนวดเขียมครึ้มประปราย
ผมที่มักจะเรียบแปล้ยุ่งเหยิงเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
และกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คลุ้งจนต้องย่นจมูกหนี “นายดูแปลกไปนะ”
“ผมก็เป็นแบบนี้มาตลอดนั่นแหละครับ”จูเนียร์หัวเราะ
รู้ว่าทำไมถึงโดนทักแบบนี้แต่ก็ไม่ยอมหันไปสบตากันเสียที “แจบอมเข้าไปในบ้านก่อนไหม
อาจจะรกหน่อยนะ”
“ไม่เป็นไร...เอ่อ ฉันมีธุระกับนาย แต่คุยกันตรงนี้แหละ”น้ำเสียงของผู้มาเยือนปรากฏร่องรอยความกังวล
จูเนียร์นิ่งมองใบหน้าของอีกคนกำลังกัดปากนิดๆอย่างคนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
“อ่า...ผมเข้าใจครับ”
“ว่าแต่นายกินเหล้า?”อดใจถามออกไปไม่ได้
ในเมื่อที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นอีกฝ่ายดื่มแอลกอฮอล์
คงเพราะเห็นแต่ชงให้คนอื่นล่ะมั้ง
“อ่า...นิดหน่อยน่ะครับ
ประสาคนอกหักน่ะ”ดวงตาเรียวที่มองมาบ่งบอกได้อย่างดีว่านั่นหมายถึงเขา แจบอมกระแอม
แสร้งมองนกมองไม้ลอบสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง
“เข้าเรื่องนะ...วันนี้ฉันมาชวนนายกลับไปทำงานที่ร้าน”
“หืม?
แต่วันนั้นแจบอมเป็นคนไล่ผมออกนะครับ...อ่อ...โดนคุณมาร์คัสบังคับให้มาสินะครับ
ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมจะโทรไปเคลียร์กับเขาเอง คุณไม่ต้องห่วงหรอกนะ
ผมจะห่างคุณตามที่คุณต้องการ...”จินยองพูดเองเออเอง
รอยยิ้มที่มักจะละมุนละไมแฝงไปด้วยความเจ็บปวด
แจบอมดีใจในตอนแรกที่ได้ยินว่าจินยองจะโทรไปพูดกับมาร์คัสเอง
แต่พอได้ยินประโยคสุดท้ายและแววตาน่าสงสารแบบนั้นก็ทำเอาใจแกว่งไปวูบใหญ่
“ฉันยังโกรธนายนะ...”แจบอมเอ่ย
“แต่ฉันก็ต้องยอมรับว่านายเป็นบาร์เทนเดอร์ที่เก่งมากจริงๆ
วันนั้นให้พูดตรงๆฉันก็โมโหเกินไปหน่อย ยังไงฉันก็เป็นผู้ชาย
มันไม่เสียหายเท่าไหร่หรอก
พลาดยังไงก็ไม่ท้อง...สรุปคือร้านของฉันยังต้องการนายอยู่
กลับมาทำงานด้วยกันอีกครั้งเถอะนะ”แสร้งปั้นยิ้มออกไปแม้จะยังไม่สามารถทำให้จริงใจได้เต็มร้อยและยื่นมือไปด้านหน้า
จินยองมองมือนั้นยิ้มๆ
“ขอโทษด้วยนะครับ”
ใจแจบอมแกว่งวูบ ชาไปทั้งหน้า รอบนี้ถึงกับเกือบหยุดหายใจ
“เบเวอร์รี่ฮิลตัน ติดต่อขอตัวผมไว้แล้วและผมก็ตอบตกลงเขาไปไว้แล้วด้วย...”
“ฉัน...มาช้าไปสินะ”แจบอมแค่นยิ้มลดมือลง
รู้สึกเสียหน้าจะแย่ เจ็บใจชะมัด แต่ก็ไม่รู้จะไปโทษใครได้
เขาเป็นคนไล่จินยองออกเองทั้งที่รู้ว่าหมอที่เป็นที่ต้องการตัวขนาดไหน
โรงแรมนั่นก็เป็นโรงแรมชื่อดังสุดหรูของรัฐ ถ้าเทียบกับบาร์ต๊อกต๋อยอย่างเขามันก็คนละรุ่นกันอยู่แล้ว
จินยองขยับยิ้มพอใจเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของคนตรงหน้า
คว้ามือที่ลดลงอยู่ข้างตัวของแจบอมขึ้นมากุมเบาๆ “แต่แจบอมถึงขนาดมาขอร้องที่บ้านแบบนี้...ผมคงไม่ใจร้ายปฏิเสธหรอกครับ”
ดวงตาเรียววาววับกลับมาเป็นจูเนียร์คนเดิมอีกครั้ง “แต่ผมมีข้อแม้นะ
และมันเป็นข้อแม้ที่แจบอมห้ามปฏิเสธด้วย”
“...อย่าคิดบ้าอะไรบ้าๆเชียว”แจบอมกระซิบขู่เสียงกร้าว
แต่ในสายตาจินยองก็แค่แมวขู่เท่านั้นแหละ
“ไม่มากอะไรหรอกครับ...ก็แค่...
.
.
one kiss for one day”
“ไม่!
ฉันไม่ยอมรับมัน!!!”แจบอมปฏิเสธเสียงกร้าว ผลักตัวจินยองออก
ซึ่งหมอนั่นก็แค่หัวเราะในลำคอและอาศัยทีเผลอดึงเขาไปกอดทั้งตัว
กระซิบน้ำเสียงน่าขนลุกข้างใบหู “หรืออยากจะเปลี่ยนเป็น one sex for one
day ดีล่ะครับ”
“ไอ้โรคจิตเอ๊ย!!”แจบอมโกรธจนชกอกแข็งนั่นไปเต็มเปา
จินยองส่ายไปมาและล้มลงแต่ใบหน้านั้นก็ยังไม่คลายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ผมให้คุณเลือกนะ kiss
or sex คุณไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะแจบอม
ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงต้องลาขาดกันล่ะนะครับ”
“อะ...”กำลังจะด่าออกไปว่าขาดกันแต่หน้าของมาร์คัสก็แวบเข้ามาในสมอง
เขากำลังเอาเรื่องส่วนตัวมาเกี่ยวกับการทำงานหรือเปล่า แล้วอารมณ์โกรธของเขากำลังจะทำให้ร้านเสียหายไหม...
มือแกร่งกำมือตัวเองแน่น จ้องอย่างอาฆาตมาดร้ายไปที่จิ้งจอกบนพื้นคอนกรีต
สูดหายใจเข้าลึกครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อเก็บกลั้นอารมณ์ตัวเอง
สุดท้ายก็หลุดประโยคน่าอายออกมาจนได้
“not deep not French…”
“หึหึ...ตกลงครับ”
...แมวป่าหลงกลจิ้งจอกเจ้าเล่ห์เข้าเสียแล้ว...
#ficTTM
Please comment
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น