[TTM] 11
TWINS & TWINS
MATCH
_______11_______
เสียงคุยโทรศัพท์เอะอะจากข้างนอกห้องเรียกแจ็คสันที่กำลังอ่านรายละเอียดบริษัทเพื่อตัดสินใจในการฝึกงานเงยหน้ามองประตูห้องนอนตัวเอง
คิ้วเรียวขมวดนิดๆ จากตรงนี้เขาได้ยินแค่ ‘มาร์ค’ ‘ไม่’ ‘จะฟ้อง’ จริงๆเขาไม่รู้ว่ามาร์คัสกับมาร์คทะเลาะกันเรื่องเขารึเปล่า
แต่ถ้าไม่เยี่ยมหน้าออกไปมองก็ดูจะไม่รู้ไม่ชี้เกินไปหน่อย
มือขาวจับลูกบิดเปิดออกไปด้านนอก
ยื่นหน้าออกไปมองมาร์คัสเดินคุยโทรศัพท์วนไปมาหน้าโทรทัศน์เครื่องใหญ่ด้วยสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจ
“ให้ตายเถอะมาร์ค! ถ้าอยากให้เข้าใจก็พูดมากกว่านี้ดิวะ!!”
...ท่าจะเรื่องใหญ่…
“ออกมาทำไม!”
แจ็คสันสะดุ้งเฮือก
ผลุบศีรษะเข้าไปในห้อง ขวัญหายจากร่าง
มือขาวกุมหน้าอกตัวเองสัมผัสหัวใจที่เต้นตึกตักรุนแรง
สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งสติ หน้าตาของมาร์คัสเมื่อกี้น่ากลัวมาก มาก...ถึงมากที่สุด
สักพักเดียวข้างนอกนั่นก็เงียบไป
มาร์คัสคงกลับเข้าไปในห้องนอนแล้ว แจ็คสันเปิดประตูออกมาดูต้นทางก่อนจะรีบงับประตูฉับเพราะร่างของเจ้าของห้องยังนั่งไขว่ห้างหันหน้ามาทางนี้พอดี
ดวงตาสวยจ้องมาทางเขาเขม็ง ขนอ่อนลุกซู่ มีความรู้สึกเหมือนโดนฆาตกรจ้องอย่างไรบอกไม่ถูก
ขาสั้นๆเดินไปมาในห้องราวกับหนูติดจั่น
จริงๆถ้าไม่มีอะไรสลักสำคัญเขาก็อยู่ในห้องนี้ได้ทั้งวัน
แต่เพราะวันนี้เขาต้องเข้าคณะไปตามนัดกับอาจารย์ที่ปรึกษาเรื่องการเลือกบริษัทฝึกงาน
ยังไงก็ต้องได้ออกไป แถมเวลาก็เริ่มจะกระชั้นชิดมากแล้ว จะมานั่งสั่นในห้องก็ไม่ได้แล้วด้วย
สุดท้ายแจ็คสันก็สูดลมหายใจเข้าลึก
ผลักประตู หอบเอาชุดและกระเป๋าแบนๆออกไปด้วย
กะว่าพออาบน้ำเสร็จก็ดิ่งตัวออกไปที่ประตูห้องเลย ตอนออกมาก็พยายามไม่สบตาคนบนโซฟา
แม้จะสัมผัสได้ถึงรังสีดำมืดส่งมาที่ตัวเองตลอดเวลาก็เถอะ
“จะไปไหน”
เฮือก!
แจ็คสันสะดุ้งสุดตัว
เกือบจะทำของหลุดมือ ร่างชะงักค้างท่านั้น
ดูกลัวจนคนถามถอนหายใจอ่อนอกอ่อนใจ...ไม่ได้จะฆ่าสักหน่อย
“ฉันถามว่าจะไปไหน”
“เอ่อ...ผมจะเข้าคณะ...ปรึกษาอาจารย์...อ่า...”
แจ็คสันพูดไม่เป็นคำเสียแล้ว...
มาร์คัสกลอกตาไปมา
ถ้าจำไม่ผิดเด็กนี่น่าจะปี 4 แน่นอนว่าคำว่า ปรึกษาอาจารย์
ที่ว่าคงไม่พ้นการฝึกงาน เพราะเขาก็จบมาจากคณะนี้ ย่อมรู้ดีว่าต้องทำอะไรบ้าง
“รีบไปอาบน้ำไป”
“ครับๆ”แจ็คสันพยักหน้าจนผมสีเข้มปลิว
ร่างสั้นกระโดดเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว หน้าก็ไม่ยอมมอง
...จะกลัวอะไรขนาดนั้น...
ผ่านไปสิบนาทีคนอายุน้อยกว่าก็เปิดประตูเดินออกมาด้วยสภาพใส่ชุดลำลองสุภาพเรียบร้อยและกระเป๋าสะพายข้างแบนๆใบหนึ่ง
หน้าตาจืดๆกับผมสีเข้มยุ่งเหยิงอย่างกับรังนก...สภาพแย่จริงๆให้ตาย
“ผมไปก่อนนะครับ”แจ็คสันก้มหัวลงเล็กๆ
เดินไปจับลูกบิดประตู
“เดี๋ยว”
แจ็คสันหันมามองเขางงๆ
คงไม่เข้าใจว่าคนเย็นชาอย่างเขาลุกขึ้นมาจากโซหาควงกุญแจเดินไปหยิบเสื้อหนังมาใส่ทำไม
“ฉันจะไปส่ง”
“ฮ่ะ!!”เด็กนั่นตะโกนลั่น
ตากลมเบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อ
ทำท่าตกใจพาวเวอร์ฟูลอย่างกับกำลังเห็นสิ่งแปลกประหลาดที่สุดในโลก
“จะไปส่ง
หูหนวกรึไง”พอชักสีหน้าหงุดหงิดใส่
แจ็คสันก็ลุกลี้ลุกลนส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงว่าไม่ใช่แบบนั้น
ปากแดงๆขมุบขมิบบอกเสียงเบา “คือ...ผมแค่ตกใจ”
“ก่อนอื่นไปจัดการสภาพตัวเองไป”
นิ้วเรียวชี้วงๆไปรอบตัว “ฉันไม่ไปกับรุ่นน้องโทรมๆแบบนี้แน่”
ย้ำอีกทีกับคำว่าโทรมให้แจ็คสันได้เม้มปากแน่น แต่ก็กลับเข้าห้องไปจัดการตัวเองให้ดีขึ้นกว่าเดิม...หมายถึงว่าในระดับปกติของตัวเองล่ะก็นะ
แค่หวีผมกับปะแป้งเบาๆแค่นั้น พอออกมามาร์คก็ดูจะพอใจขึ้นนิดหน่อย
“ก็ไม่แย่”นายแบบหนุ่มพูดแค่นั้นก่อนเปิดประตูออกไปก่อน
ทิ้งให้แจ็คสันยู่ปากอยู่ตรงนั้นสักพักแล้วเดินตามออกมา
ทั้งสองขึ้นรถของมาร์คัสออกมาจากที่พัก
รถหรูแล่นไปตามพื้นถนนเรียบๆนุ่มนวลไม่รีบร้อน
แจ็คสันนั่งคาดเบลล์หันไปมองมาร์คัสบ่อยๆด้วยความสงสัยที่อัดแน่นอยู่เต็มหัวใจ
“จะถามอะไรก็ถาม”
แจ็คสันสะดุ้งอีกแล้ว
คงไม่รู้ตัวว่าตัวเองจ้องมากเกินไปจนชายหนุ่มรู้สึกตัว มาร์คัสขยับแว่นกันแดดของตัวเอง
รอให้เด็กหนุ่มข้างตัวได้ถามออกมา
ทำไมจะไม่รู้ว่าวันนี้ตัวเองทำตัวผิดปกติจริงๆนั่นแหละ ไม่แปลกที่แจ็คสันจะสงสัย
“ทำไมพี่มาร์คัสอยากมาส่งผมล่ะครับ?
คือ...”
“ไม่ได้อยาก”มาร์คัสพูดดักคอเสียก่อน
แจ็คสันชะงัก หัวสมองประมวลคำพูดใหม่อีกรอบ
“เอ่อ
คือผมไปเองก็ได้นะครับ ที่หน้าถนนเส้นนั้นมีรถโดยสารจะไปมอพอดี
ไม่อยากรบกวนพี่มาร์คัสน่ะครับ”
“อยากโดนเป่าหัวอีกรอบก็เชิญนะ”
แจ็คสันหุบปากฉับเหมือนเพิ่งระลึกได้ว่าครั้งก่อนที่ดื้อออกไปเรียนโดยไม่บอกมาร์คัสโดนอะไรบ้าง
ดีที่ชายหนุ่มกลับมาทันก่อนที่เขาจะได้ลงไปเฝ้าพยายมได้อย่างพอดิบพอดีเสียก่อน
“ต่อไปนี้ฉันจะไปรับไปส่งนายที่มหา’ลัย
มาร์คโทรมาบอกฉันว่าเรื่องของพี่นายไม่ใช่เรื่องเล็ก...”
“เจสัน!”แจ็คสันครางชื่อพี่ชายฝาแฝดตัวเองด้วยใจที่สั่นระรัว
หัวใจเกือบหยุดเต้นด้วยความเป็นห่วง
มาร์คัสเหลือบตามองปฏิกิริยาเล็กน้อยแล้วพูดต่อ
“หัวหน้างานหมอนั่นเลยสั่งให้มีตำรวจมาคุ้มกันนายด้วย...น่ารำคาญ”คำสุดท้ายผ่อนเสียงลงต่ำ
ดวงตาใต้กรอบแว่นสีชาเหลือบมองกระจกมองหลังเห็นรถกระบะกึ่งเก่ากึ่งใหม่ที่ขับตามหลังรถเขามาตั้งแต่หน้าที่พัก
“เอ่อ...”แจ็คสันขัดขึ้นมาด้วยความสงสัยแบบไม่ไหวจริงๆ
“คือถ้ามีตำรวจมาคุ้มกัน ผมก็มาคนเดียวได้สิครับ พี่มาร์คัสไม่ต้องมาส่งก็ได้นี่”
มาร์คัสเปรยตามองเชิงดูถูก
“นายมันซื่อบื้อ”
“ฮะ?”
แล้วมาร์คัสก็ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ
ทั้งสองเงียบกันไปตลอดทางจนถึงที่จอดรถหลังคณะ ช่วงนี้เป็นช่วงสายๆเกือบเที่ยง
นักศึกษามีอยู่ประปรายตามร่มไม้และใต้อาคาร
นายแบบหนุ่มนั่งนิ่งไม่มีท่าทีว่าจะลงไปด้วย
แจ็คสันเลยหยิบกระเป๋าขึ้นมาสวมเตรียมลงจากรถ
“ขอบคุณที่มาส่งนะครับพี่มาร์คัส”แจ็คสันเอ่ยขอบคุณ
กระชับกระเป๋าเปิดประตูลงจากรถไป แต่พอกำลังใกล้จะปิด
มือเรียวก็มาดันประตูด้านเขาไว้ก่อน
“เสร็จตอนไหน?”
แจ็คสันเลิกคิ้วสงสัยจุดประสงค์ของคำถามนั้น
จับประตูพยายามก้มหน้าลงต่ำ เข้าใจว่าไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าใครมาส่งเขา
“ไม่รู้ครับ แล้วแต่อาจารย์ว่าจะช้าหรือเร็ว”
“อีกสองชั่วโมง
ที่ร้านคอฟฟี่หน้ามอ”มาร์คัสบอก ปิดประตูไม่รอให้เขาได้พูดอะไรอีก
ทิ้งแจ็คสันยืนมองตามรถคันหรูงงๆ งงกับการกระทำของมาร์คัสที่เปลี่ยนไปมา
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
แจ็คสันโดนอาจารย์ที่ปรึกษาดุเพราะยังเลือกที่ฝึกงานไมได้และอีกไม่กี่สัปดาห์จะหมดช่วงส่งเอกสารอยู่แล้ว
“แล้วแบบนี้บริษัทที่ไหนจะเหลือที่ว่างให้เธอกัน
เธอต้องเลือกสักที่ได้แล้วนะ”
“ขอโทษครับอาจารย์”แจ็คสันก้มหัวปลกๆอย่างรู้สึกผิด
จริงๆเขาก็รู้ดีว่าตัวเองช้ามาก แต่เพราะว่ามีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมาย
เลยทำให้แจ็คสันไม่สามารถทำอะไรได้อย่างต้องการ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเขาจะได้ฝึกงานไหม
เหมือนไม่มีความมั่นคงในชีวิตอย่างบอกไม่ถูก
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่าแจ็คสัน
อาจารย์ว่าเธอไม่เคยเป็นแบบนี้นะ”อาจารย์ผู้เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์มองลูกศิษย์ตรงหน้าด้วยความสงสัย
แจ็คสันส่ายหน้าเลิกลั่ก
“นิดหน่อยครับอาจารย์...คือ
ผมไม่รู้ว่าผมจะสะดวกฝึกงานในปีนี้ได้ไหม”
“ทำไมล่ะ?
มีอะไรรึเปล่า?”
“เอ่อ...ผมยังไม่สามารถพูดอะไรได้ครับอาจารย์...แต่ว่าผมสัญญาว่าจะหาที่ฝึกงานภายในสัปดาห์นี้ให้ได้
ผมยังอยากจบพร้อมเพื่อนๆอยู่นะครับ”ยิ้มกว้างเอ่ยเจืออารมณ์ขัน
อาจารย์ที่ปรึกษาส่ายหน้าแต่ก็ยิ้มตาม
“เอาเถอะ
ถ้ามีอะไรก็โทรหาอาจารย์แล้วกันนะ อาจารย์จะรอข่าว”
“ขอบคุณครับ”แจ็คสันโค้งอย่างนอบน้อม
และขอตัวเดินออกมาจากห้อง ไม่ทันพ้นอาคารก็ทันเห็นเพื่อนเดินมาเป็นกลุ่มใหญ่
หนึ่งในกลุ่มนั้นเห็นเขาก่อน โบกมือเรียกชื่อดังลั่นจนทั้งกลุ่มหันมามอง
ไม่ทันไรแจ็คสันก็กลายเดือนในหมู่ดาว
“แจ็คสัน
ว่าไง หายหน้าหายตาไปเลย”
“โทษทีๆ
ช่วงนี้ยุ่งที่บ้านนิดหน่อย”
“ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกได้นะ”เพื่อนๆในคลาสเอ่ยอย่างเป็นมิตร
แจ็คสันเป็นที่รักของทุกคนด้วยนิสัยที่น่ารักและช่างพูด
คุยกับเพื่อนสนุกสนนานจนแทบลืมไปเลยว่านัดใครไว้
“ว่าแต่นี่จะไปไหนต่อล่ะ?”
พอโดนถามแบบนี้ก็ค่อยนึกได้ว่ามาร์คัสบอกอะไรไว้
ยกมือดูนาฬิกาก็กระโดดจากเก้าอี้ผึงใหญ่
“ต้องไปแล้วล่ะ! ขอโทษนะ ค่อยเจอกัน”
ไม่รอให้เพื่อนๆกล่าวลา
ร่างเล็กก็พุ่งออกมาจากตรงนั้นทันที ตากลมเหลียวซ้ายแลขวาเห็นรถโดยสารฟรีในมหาวิทยาลัยก็กระโดดขึ้นไปลงหน้ามอ
วิ่งต่อไปอีกสามนาทีถึงจะถึงร้านคอฟฟี่ที่มาร์คัสนัดไว้
ตากลมเหลือบเห็นรถออดี้จอดนิ่งสนิทอยู่ข้างร้านก็รู้ว่ามาร์คัสกำลังรออยู่
...เสียวสันหลังว่าจะโดนดุ...
มือเล็กผลักประตูเข้าไป
เสียงกระดิ่งดังเตือน พนักงานเอ่ยต้อนรับอย่างขันแข็ง
แจ็คสันมองซ้ายขวามองไปก็เห็นร่างสูงโปร่งอยู่โต๊ะเกือบในสุด แถมสวมทั้งแว่น
ทั้งหมวก ทั้งที่ปิดปาก...
โคตรดูมีพิรุจ
แจ็คสันเดินเข้าไปหา
ไม่ทันจะถึงโต๊ะชายคนนั้นก็ลุกขึ้น เดินสวนออกมาดึงต้นแขนเขาออกไปข้างนอกร้าน
เปิดประตูรถให้แจ็คสันได้เข้าไปนั่งบนเบาะเดินที่เคยขี่มา
ทันทีที่ประตูรถปิด
มาร์คัสก็ปลดทุกอย่างออกจากใบหน้าและศีรษะ
ชักสีหน้าหงุดหงิดและมองตำหนิแจ็คสันอย่างเปิดเผย
“นายมาสาย”
“ขอโทษครับ
อาจารย์แนะนำนานไปหน่อย”
...ผมขอโทษนะครับอาจารย์...คิดในใจอย่างรู้สึกผิด
แต่ตอนนี้ต้องหาทางเอาตัวรอดก่อน
มาร์คัสกลอกตาเบื่อหน่ายแต่ก็ไม่ต่อความยาวสาวความยืด
ขับรถออกไป แต่ทางที่ไปนั้นไม่ใช่ทางกลับที่พัก
“พี่มาร์คัสจะไปไหนเหรอครับ?”แจ็คสันนั่งจนแน่ใจว่าจะยังไม่ได้กลับห้องก็รีบเอ่ยถามทันที
“ฉันมีงานตอนบ่าย”มือเรียวปัดผมตัวเองขึ้น
หยิบเอาโทรศัพท์มากดสองสามทีดูกำหนดการณ์ “ถ่ายแบบโฆษณาน้ำหอม”
บ่นงึมงำเหมือนทวนกับตัวเองมากกว่า
“ให้ผมไปด้วยได้เหรอครับ”แจ็คสันตาโต
ตื่นเต้นขึ้นทันใด รู้สึกดีใจมากๆที่จะได้เห็นการทำงานใกล้ๆของไอดอลในดวงใจสักที
“คงมีทางเลือกมากหรอก”นายแบบหนุ่มถอนหายใจ
“อย่าซนแล้วกัน”
ครึ่งชั่วโมงในการฝ่ารถติดและแวะซื้อฟาสฟูดประทังความหิว
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่หมาย
สตูดิโอถ่ายภาพบนชั้น
35 ในตึกใจกลางเมืองเป็นที่กล่าวขานสำหรับวงการนายแบบและช่างภาพว่าเป็นสถานที่ถ่ายทำโฆษณาหรือถ่ายแบบโปรโมทสินค้าชั้นนำหลากหลายชิ้น
ในวันนี้สตูดิโอนี้ได้เปิดใช้งานเพื่อถ่ายแบบโฆษณาน้ำหอมสำหรับผู้ชายกลิ่นใหม่ของกลุ่มผลิตภัณฑ์มีชื่อ
แจ็คสันเดินหนีบๆตามหลังมาร์คัสมาติดๆ
พยายามสาวเท้าตามนายแบบขายาวข้างหน้าให้ทัน รู้สึกถึงความต่างของช่วงขาก็ตอนนี้
ตากลมลอกแลกมองซ้ายมองขวา มือกำสายกระเป๋าเรียกสติและความมั่นใจให้กลับคืนมา
อาการวูบโหวงในท้องเกิดขึ้นหลังเหมือนตนโดนจ้องมองจากรอบข้าง
แต่พอหันไปก็ไม่เห็นมีใครมองมา
ตัวเขาเป็นแค่เด็กในชุดลำลองโง่ๆ
หน้าตากะโหลกกะลา
ผิดกับพนักงงานและผู้คนในตึกนี้ที่ทั้งมีหน้าตาสวยงามและแต่งตัวราวกับหลุดออกมาจากนิตยาสารแฟชั่น
อันที่จริง...แม้จะเป็นชุดธรรมดาอย่างมาร์คัสก็ยังมีออร่าที่มองแล้วยังดูแสบตาแทบทุกคน
...รู้สึกแปลกแยกชะมัด...
แจ็คสันเผลอถอนหายใจออกมาขณะยืนรอลิฟต์ข้างนายแบบหนุ่ม
มาร์คัสกลอกตามามองนิ่งๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออก
ทั้งสองก้าวเข้าไป รอให้ประตูปิดโดยไม่มีผู้ร่วมเดินทาง
คนตัวเล็กกว่าสะดุ้งเฮือก
หลุบตามองพื้น หน้าร้อนขึ้นมากะทันหันเพราะมือเรียวที่วางอยู่บนศีรษะตน มาร์คัสขยี้เส้นผมนุ่มของคนข้างตัวเล่นแก้เบื่อและเป็นการสร้างความสบายใจให้แจ็คสันให้หายเกร็งบ้าง
ชายหนุ่มเห็นตั้งแต่ลงรถแล้วว่าแจ็คสันเกร็งและลุกลี้ลุกลนจนดูแปลก
สายตาของคนรอบข้างที่มองมาไม่ใช่เพราะการแต่งการของแจ็คสัน
แต่เป็นเพราะท่าทางของเจ้าเด็กนี่ต่างหากที่ทำตัวให้แปลกแยกเอง
เขาเองก็ไม่อยากโดนจับจ้องตามไปด้วยเลยทำอะไรเล็กๆน้อยๆให้อีกฝ่ายหายกังวลเสียที
“ทำตัวเป็นบ้านนอกเข้ากรุงไปได้”
“ก็ผมไม่เคยมาจริงๆนี่ครับ”แจ็คสันอดตอบโต้คืนไม่ได้
มาร์คัสเก็บมือยัดกางเกงตัวเองพลางยักคิ้วแบบ...เรื่องของนาย...กลับมาให้
ลิฟต์หยุดอยู่บนชั้น
35 บนประตูเลื่อนออก มาร์คัสก้าวขาออกมาท่าทางสบายๆ
ยกยิ้มและโค้งศีรษะเล็กๆให้ผู้หญิงทีมงานคนหนึ่งที่วิ่งผ่านหน้าไปพอดี “Hi”
เธอยิ้มกลับมาและหันไปหาผู้หญิงในชุดเปรี้ยวจี๊ดกำลังดีลงานข้างตากล้อง
ดวงตาประดับอายไลน์เนอร์เหลียวกลับมามองพวกเขา ริมฝีปากสีแดงสดฉีกยิ้มกว้าง
“ฉันนึกว่าฟ้าถล่ม
เห็นนายมาก่อนเวลานัดตั้งครึ่งชั่วโมงแบบนี้”
“อย่าพูดแบบนั้นเลยน่าเคท
ผมไม่เคยสายนะ”มาร์คัสตอบกลับไปอย่างสนิทสนม ยื่นมือไปจับเขย่าเบาๆ
“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้ง”
“แน่นอน
สาวสวยอย่างฉันมีแต่คนอยากร่วมงานด้วย”เคทยกยิ้มเชิดคางนิดๆอย่างมีจริต
เธอสวยและมีความมั่นใจในตัวเองสูง
ดวงตาโตเหลียบมามองแจ็คสันที่ยืนเอ๋อมองไปรอบๆด้วยความตื่นเต้น “ใครน่ะ?”
“พี่ฉันฝากมาอยู่ด้วยชั่วคราวน่ะ...”มาร์คัสหันกลับไปมองคนที่มาด้วยกัน
กวักมือเรียกให้อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาโตๆของเด็กนั่นเบิกกว้างเมื่อมองเห็นเคทใกล้ๆ
“ว่าไงหนุ่มน้อย”หญิงสาวโค้งตัวมามองเด็กหนุ่ม
ใช้เสียงเล็กเสียงน้อยเหมือนใช้เล่นกับเด็กสองขวบ “ชื่ออะไรเอ่ย?”
“เอ่อ...ชื่อแจ็คสันครับ...”ปากอิ่มตอบ
ท่าทางลนลาน มองเคททีมาร์คัสทีอย่างขอความช่วยเหลือ มือขาวกำกระเป๋าตัวเองแน่น
เหงื่อเริ่มซึมลงมาตามขมับทั้งที่อากาศในห้องเย็นพอดีออกหนาวจัดเสียด้วยซ้ำ
...แจ็คสันตื่นเต้นจะตายแล้วนะ! นี่คุณเคท โมเดลลิ่งเซเลปคนนั้นไม่ใช่เหรอ?
ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ!...
หญิงสาวมองเห็นประกายตาสั่นๆแบบนั้นก็นึกอยากแกล้ง
เหมือนเห็นลูกหมาตัวน้อยอยู่ตรงหน้าอย่างไรอย่างนั้น
อีกทั้งยังเป็นคนที่มาร์คัสแสนเย็นชาคนนั้นพกติดมาด้วยแบบผิดวิสัยสุดๆยิ่งทำให้น่าสนใจ
มือเรียวถือวิสาสะจับผมหน้าผ้ายาวๆของเด็กหนุ่มกำเปิดขึ้น
แจ็คสันสะดุ้งเฮือก
เม้มปากเป็นเส้นตรง มองหญิงสาวตื่นๆ
เคทพินิจใบหน้าไร้เครื่องประทินโฉมตรงหน้าแล้วยิ้มนิดๆ
ปล่อยเส้นผมนุ่มสลวย ปาดซ้ำๆเบาๆเป็นการขอโทษที่เสียมารยาทไปเมื่อครู่ “ขอโทษทีนะ
ฉันเห็นฝุ่นบนผมเธอน่ะ”
...กระต่ายตกจากฟ้ายังน่าเชื่อกว่า...มาร์คัสคิดในใจ
เขากับเคทรู้จักกันจากการทำงานตั้งแต่เริ่มทำงานในวงการแรกๆ
สนิทกันในระดับไปเที่ยวด้วยกันได้ และรู้ดีว่าหญิงสาวชอบของน่ารักๆ
และแจ็คสันก็น่าจะอยู่ในข่ายที่หญิงสาวเอ็นดู
“ฉันจะไปเตรียมตัว
อย่าเดินป้วนเปี้ยน...แล้ววันนี้ใครจะมาคู่ฉันล่ะ?”ประโยคหลังหันไปคุยกับเคท
“หน้าใหม่
ผ่านมาสองสามงาน...ของชอบล่ะสิ?”เอ่ยเย้าอย่างรู้ดี
เพราะเด็กในสังกัดเธอโดนหนุ่มตรงหน้าสอยไปเสียเกือบครึ่ง
จะไม่รู้ก็คงจะเกินไปหน่อย
แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อมาร์คัสไม่มีดวงตาวาวระยับเจ้าชู้อย่างเคย
“เหรอ...”
ชายหนุ่มบอกแค่นั้น หันไปคุยกับเด็กหนุ่มที่มาด้วยกัน “ไม่นานหรอก
ไปนั่งรอตรงนู้นไป”
“เอางี้”จู่ๆเคทก็พูดขึ้น
จับไหล่หนุ่มน้อยหมับ “ขอยืมเป็นตุ๊กตาหน่อยได้ไหมล่ะ?”
มาร์คัสไม่แปลกใจที่แจ็คสันจะถูกใจเคท
แต่ถึงขนาดหญิงสาวขอไปเป็นตุ๊กตาแบบนี้คงเห็นอะไรบางอย่างในตัวเด็กคนนั้นสินะ
ชายหนุ่มยักไหล่เป็นเชิงแล้วแต่ หันหลังเดินไปห้องแต่งตัว ทิ้งให้แจ็คสันยืนเค้วงคว้างข้างหญิงสาว
“เอาล่ะ
ขอยืมเล่นหน่อยนะจ้ะ แจ็คสัน”
...ทำไมรู้สึกขนลุกแปลกๆแบบนี้ล่ะครับ...
วันนี้ร้าน
MABOM ยังยุ่งในการเตรียมเปิดทำการอย่างเคย
บรรยากาศแปลกๆเกือบสัปดาห์หายไปทันทีที่บาร์เทนเดอร์มือหนึ่งอย่างจินยองกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง
พนักงานในร้านรีบเดินมาซักถามกันให้วุ่น
แต่เจ้าตัวก็แค่ยกยิ้มและเปลี่ยนเรื่องไปเสียเฉยๆ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”จินยองบอกแบบนั้นพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นแสนเสแสร้ง
“ผมขอตัวไปเช็คบาร์ก่อนนะครับ ไม่ได้มาทำงานหลายวัน”
พอพูดแบบนั้นทุกคนก็ปล่อยตัวเขาออกมาจากวงล้อม
ชายหนุ่มเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อเปลี่ยนชุด ล็อกเกอร์ของเขายังสภาพเดิม
ทุกอย่างยังอยู่มุมเดิม องศาเดิม
ก็แปลกใจเหมือนกันว่าแจบอมไม่ได้โยนของเขาทิ้งเพราะความโมโหที่เขาไปทำเรื่องแบบนั้นกับตัวเอง
มือเรียวหยิบเสื้อมาสวมใส่อย่างคุ้นชินพลางครุ่นคิดย้อนกลับไปในช่วงสัปดาห์ที่ไม่ได้มาทำงานที่นี่
...เหมือนกล่องกระดาษโดนเตะอัด...มันคือคำนิยามตัวเองในช่วงสัปดาห์เมื่อกี้ได้ดีที่สุด
มือเรียวหยุดบนกระดุมเม็ดบนสุดแล้วหลุดหัวเราะ
เขาทำอะไรหลายอย่างที่ลดละเลิกไปเยอะแยะเพื่อจะลืมเรื่องคืนนั้น
ทั้งดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืน ซื้อบริการ ทั้งหมดก็เพื่อทำใจลืมอิมแจบอมให้ได้
ยอมรับว่าตอนที่เดินออกมาจากร้านเช้าวันนั้นคิดทำใจไว้แล้วว่าจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก
เพราะมั่นใจในนิสัยของแจบอมไม่น้อยว่าเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้นและรักศักดิ์ศรีของตัวเองยิ่งชีพ
แล้วเขาที่ไปทำลายความภาคภูมิใจในความสมชายชาตรีของแจบอมจะโดนโกรธขนาดไหน...
ไม่อยากจะนึกถึงเลย
ดังนั้น
ตอนเปิดประตูออกมาเจอแจบอมหน้าบ้านเขาเลยทำตัวไม่ถูก
หัวใจเต้นแรงอย่างกับกำลังจะกระเด้งออกมาให้ได้อย่างไรอย่างนั้น
ไม่อยากจะบอกว่าดีใจสุดๆที่ได้กลับมาทำงานที่นี่อีก ไม่ใช่เพราะตัวงาน
ไม่ใช่เพราะสถานที่ แต่เป็นเพราะได้อยู่ใกล้ๆใครคนนั้นอีกครั้งต่างหาก
ถึงอีกฝ่ายจะไม่เต็มใจก็เถอะ...
มุมปากสวยแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์
ดวงตาวาววับปรากฏผ่านกระจกเล็กๆบนฝาบานล็อกเกอร์ มือปิดมันเข้าที่เดิม
เดินออกมาจัดการตรวจปริมาณวัตถุดิบที่ต้องใช้ทั้งหมด
คำนวณคร่าวๆจากสายตาก็รู้ว่าขาดหรือเหลืออะไร จดจำมันไว้ในสมอง
“คุณแจบอมมารึยัง?”
“มาแล้วนะ
เห็นเดินขึ้นไปเมื่อกี้ ท่าทางหัวเสียเชียวแหละ
ระวังด้วยล่ะ”บริกรหน้าเดิมบอกน้ำเสียงหวาดๆ ใครก็รู้ว่าแจบอมโหดขนาดไหน แต่ที่อารมณ์เสียวันนี้ก็คงเพราะเรื่องของเขาด้วยแน่ๆ
บาร์เทนเดอร์มือดีเดินผิวปากขึ้นไปบนชั้นสอง
เคาะประตูพอเป็นมารยาท
“แจบอมครับ”
ข้างในห้องเงียบกริบ
จินยองยิ้มมุมปาก เปลี่ยนท่าทางกอดอกพิงผนังข้างประตู ผิวปากเบาๆ
“ถ้าคุณยังไม่เปิดให้ผม
ผมจะขอรับส่วนของวันพรุ่งนี้ในวันนี้ด้วยนะครับ”
“หุบปาก!”เสียงตวาดดังพอให้เขาได้ยินแต่ก็ไม่ได้กระโตกกระตากจนดังไปถึงด้านล่าง
กลอนประตูปลดล็อกเคลื่อนออกจากสลัก ฝีเท้าหนักเดินกลับเข้าไปอีกครั้ง
ย่ำถี่เสียจนจินยองหัวเราะขำในลำคอ
...จะกลัวอะไรขนาดนั้นกัน...
มือเรียวผลักเข้าไปในห้องทำงานห้องเดิมที่เขาเคยทำวีรกรรมกับร่างสมส่วนของคุณเจ้านายที่ตอนนี้นั่งทำหน้าบูดบึ้งแผ่รังสีทะมึนบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน
แจบอมหมุนเก้าอี้นั่งอ่านแฟ้มรายงานเหมือนพยายามไม่สนใจเขา
แต่ก็แอบเห็นว่ามือขาวนั่นกำกระดาษแน่น
วันนี้แจบอมอยู่ในลุคสบายๆ
เส้นผมสีดำปล่อยหน้าม้าปรกคิ้วเข้มดูนิ่มมือ
ใบหน้าที่ไม่เห็นเกือบสองสัปดาห์ดูอิ่มขึ้น...จะว่าอ้วนขึ้นก็คงใช่...ดวงตาเรียวเล็กก้มต่ำไม่ยอมมองหน้าเขา
เรือนร่างสมส่วนที่จินยองพิสูจน์มาแล้วว่าบางกว่าที่เห็นภายนอกอยู่ใต้เสื้อคอกลมแขนยาวสีน้ำตาลเข้ม
รวมๆแล้วบรรยากาศโดยรอบเหมือนคาปูชิโน่แก้วโตน่าลิ้มลอง
ชายหนุ่มยืนนิ่งสำรวจห้องที่เหมือนจะแปลกไปจากเดิม
หลายอย่างหายไปและหลายอย่างเพิ่มเติมมา
“โซฟาหายไปนะครับ”
“นั่งไม่ลง
เลยเอาให้ร้านขายของเก่า”แจบอมเอ่ยตอบเจืออารมณ์ประชดประชัน
ไม่พอใจที่โดนสะกิดต่อมความทรงจำไม่น่าจำ
ของทุกสิ่งในห้องที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนั้นถูกขายทิ้งไม่ก็ยกทิ้งขยะหลังร้าน
มันเป็นเรื่องยากในการมาทำงานแล้วต้องมองโซฟาที่ตัวเองโดนกระทำทุกวันๆ
มองไปมองมาก็หลอนขึ้นสมองจนต้องเอาออกไปให้หายรกหูรกตา
“เสียดายแย่เลยนะครับ
ร่องรอยครั้งแรกของพวกเราแท้ๆ”
“ถ้ายังไม่อยากตายก็หุบปากนายไปซะ! จินยอง!”แจบอมตวาดกร้าว
ตบโต๊ะดังปัง แฟ้มเอกสารตกลงพื้น ดวงตาเรียวเบิกขึ้นแสดงความโกรธเกรี้ยวของหมาป่า
ดูดุร้ายและโหดเหี้ยม แต่สำหรับจินยองแล้ว
แจบอมก็เป็นแค่หมาป่าที่เริ่มจะเชื่องของเขาเท่านั้น
“หึๆ
ครับๆ หุบแล้วครับ แต่ยังไงสัญญาก็ต้องเป็นสัญญานะครับ คุณ เจ้า
นาย”จินยองเอ่ยล้อเลียนอย่างไม่กลัวตาย
สาวเท้าเข้าไปใกล้ร่างสมส่วนที่เผลอถอยกรูดสะดุดขาตัวเองล้มลงนั่งบนเก้าอี้เลื่อนตัวเดิม
ชายหนุ่มเดินอ้อมโต๊ะทำงาน ยันพนักพิงเก้าอี้เลื่อนไปติดผนัง
ยืนใช้เข่าดันเบาะกักขังร่างบนเก้าอี้ไว้ใต้ร่างตน
แสงนีออนบนหัวสาดกระทบหลังชายหนุ่มเกิดเป็นเงาพาดทับตัวแจบอมที่เม้มปากพยามยามระงับอาการตื่นกลัวของตัวเอง
ไม่ชินกับการโดนต้อนจนมุมเสียขนาดนี้
ดวงตาเรียวสบกับเจ้าของดวงตาเรียวชี้เหมือนแมวและรอยยิ้มลวงโลก
“แค่จูบเดียว
ไม่ต้องกลัวผมตะครุบขนาดนั้นก็ได้นะครับ แจบอม”
เจ้าของชื่อไม่ตอบโต้
แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการโอนอ่อน ดวงตาประกายกร้าวแสดงเจตนาไม่ยอมความ
ยิ่งจินยองก้มหน้าลงมาใกล้ แจบอมยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ
กลิ่นน้ำหอมผู้ชายโชยมาแตะจมูกเมื่อใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนมาใกล้จนปลายจมูกชนกัน
“อย่าได้ใจไป
จินยอง”ขมุบขมิบบอกเสียงกดต่ำระวังไม่ให้ปากไปโดนอีกคนเข้า
จินยองยิ้มให้กับคำขู่นั้นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
เลื่อนมือสัมผัสลำคอขาวเลื่อนขึ้นมาคลึงติ่งหูนิ่มประดับวงต่างหูเหล็กเย็นเฉียบ
“ครับ ผมไม่ได้ใจคุณตอนนี้ก็จริง...” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มหวานแสนอบอุ่นผิดกับดวงตาแสดงชัดว่าต้องการจะครอบครองอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
“แต่วันหน้าผมจะได้ใจคุณมาแน่ๆครับ แจบอม”
ประโยคนั้นหลุบหายไปในช่วงจังหวะที่ริมฝีปากคู่อิ่มประกบแนบริมฝีปากบางอีกคู่
แจบอมตัวเกร็งแน่น ดวงตาเบิกกว้างทั้งเตรียมใจมาแล้ว
มือขาวจับมือจินยองหมับเหมือนพยายามบอกว่าอย่าทำมากกว่านี้ แต่จินยองไม่หยุด
ชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากดูดดึงกลีบปากล่างของแจบอมซ้ายทีขวาทีเกิดเสียงจุ๊บๆดังออกมาให้คนขี้อายบนเก้าอี้หน้าแดงก่ำ
ทั่วทั้งพื้นผิวนิ่มโดนสัมผัสทุกตารางเซลล์อย่างตั้งอกตั้งใจ
ไล่ไปตั้งแต่ซ้ายไปขวา จากขวาไปซ้าย แนบคลึงดูดรั้งเบาๆสร้างความรู้สึกวาบหวามเหมือนมีผีเสื้อบินไปมาในท้อง
แจบอมส่งเสียงต่อต้านเล็กน้อยเพราะรู้สึกเจ็บ
เม้มปากล่างดูดเบาๆ ได้กลิ่นคาวเลือดเจือจางเข้ามาในลำคอและโพรงปาก
ให้ทายตอนนี้ปากคงช้ำแล้วแน่ๆ
ก็เจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์นี่เล่นอ้อยอิ่งเลาะเล็มกลีบล่างกลีบบนอย่างย่ามอกย่ามใจ
นานกว่าห้านาทีกว่าจินยองจะยอมผละออกไปเพียงเล็กน้อย
แถมยังมีหน้ามาจุ๊บเบาๆเป็นการปิดท้ายด้วย
ดวงตาของคนเจ้าเล่ห์มองร่างที่นั่งนิ่งหน้าแดงก่ำมองเขากลับมาเคืองๆ
ริมฝีปากบางบวมเจ่อเป็นสีแดงเข้ม
ทั้งที่เขาไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปสัมผัสความหอมหวานภายในสักนิดตามสัญญาที่ให้ไว้
และปากแจบอมน่าจะแตกด้วยเพราะเขาได้กลิ่นเลือดบางๆค้างอยู่บนปากตัวเอง
“นายผิดสัญญา”
“not deep not French ไม่ใช่เหรอครับ?
ผมก็ไม่ได้ Deep or French”
“...”แจบอมเถียงไม่ได้
ได้แต่นั่งกัดปาก
...แจบอมลืมไปว่านอกจากแบบ
deep หรือ French แล้ว ยังมีการจูบแบบ Lipsy-Russell
ด้วย...
ยกขาดันบาร์เทนเดอร์มือหนึ่งของร้านออกไปจากตัว
ส่งสายตาไม่พอใจไปให้ด้วยไม่รู้จะทำอะไรได้มากกว่านี้
“นายมันจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จริงๆ...ไปทำงานได้แล้วไป”
“ขอบพระคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ครับแจบอม”
“ไปทำงาน!!”แจบอมตวาดตามหลัง
แทบจะลุกขึ้นปาแฟ้มใส่หัวคนกวนประสาทที่หัวเราะร่าเดินจากไป
โดยไม่รู้เลยว่าความคิดของจินยองนั้นอันตรายต่อตัวเองขนาดไหน
...พรุ่งนี้
Neck Kiss น่าจะดี
แต่คงต้องล็อกตัวเจ้านายเขาไว้แน่นๆล่ะนะ...
.
.
.
not
deep not French
เขาไม่ได้ผิดสัญญาสักหน่อย
จริงไหมล่ะครับ แจบอม หึหึหึ
#ficTTM
Please comment
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น