[OUR] 33


OUR BABY!
บทที่ 33





 บ้านหลังขนาดปานกลางอยู่ในแถบชุมชนเป็นแหล่งที่พักอาศัยของคู่รักใหม่อย่างจินยองและแจบอม พวกเขาเลือกที่ตรงนี้เพราะมีราคาไม่แพงมากนัก อยู่ใกล้ที่ทำงานและแหล่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ถึงจะแคบไปหน่อยแต่ก็พอเหมาะกับครอบครัวเดี่ยวที่กำลังจะมีสมาชิกตัวเล็กอีกคน

จูเนียร์ตอนนี้ท้องได้สามเดือน กำลังยุ่งกับการหาข้อมูลเกี่ยวกับการเป็นแม่จนวุ่นไปหมด ดีที่มีแจบอมคอยอยู่ดูแลบ้างตอนที่ไม่ได้ไปทำงาน ไม่ได้หวานเวอร์แบบคู่เพื่อนสนิท แต่เป็นชีวิตคู่ที่เรียบง่ายและประคองกันไปเรื่อยๆอย่างมั่นคง

วันนี้เป็นวันหยุด จินยองตื่นมาตอนเที่ยงเพราะเมื่อคืนแพ้ท้องเล็กน้อยบวกกับความขี้เกียจ เดินออกมาก็เห็นเจบีทำอาหารไว้รอท่าแล้ว

“ตื่นสายนะ ไปอาบน้ำก่อนนะครับ”

“ครับพี่เจบี”ยิ้มแป้นเดินลากเท้าไปอาบน้ำและประณีตเลือกชุดอยู่หน้าตู้อยู่นานสองนาน กว่าจะเยื้องย่างออกมาอีกครั้งอาหารก็เย็นหมดแล้ว เจบีที่กินเสร็จตั้งแต่แรกๆไปนั่งทำงานอยู่หน้าโทรทัศน์ จินยองนั่งลงทานข้าว มือก็จับหน้าท้องนูนของตัวเองอย่างมีความสุข

ทานเสร็จก็ลุกเอาไปล้าง เดินไปหยิบหนังสือเล่มโปรดบนชั้นลงมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกับที่เจบีใช้พิงหลังเวลาทำงาน บ้านของพวกเขามักจะเงียบเชียบ เพราะจินยองชอบอ่านหนังสือ ในขณะที่เจบีก็ก้มหน้าทำงานงกๆแบบนี้เสมอ แต่มันก็ไม่ได้แย่หรอกนะ พวกเขาก็แค่มีความสุขกับความเรียบง่ายแบบนี้เท่านั้นเอง

เสียงโทรศัพท์ของจินยองแผดลั่น ยังไม่ทันจะได้ส่งเสียงทักทายเพื่อนซี้ เสียงสะอึกสะอื้นของแจ็คสันก็ดังแทรกขึ้นมาก่อน และเพราะจินยองเปิดลำโพงไว้ ทำให้เจบีหันมามองด้วยความสงสัย

เนียร์ ฮึก พี่มาร์ค ฮึก

“อะ เอ่อ ใจเย็นๆนะมึง มีอะไร”

พาไปส่งบ้านที อึก พี่มาร์ค พี่มาร์คแย่แล้ว

จูเนียร์หันไปมองเจบีด้วยสายตาขอร้อง คนตัวสูงพยักหน้าเดินไปหยิบกุญแจรถเตรียมไว้พร้อมกับเสื้อนอกสำหรับจินยอง จินยองพยักหน้าลุกขึ้นพลางกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์

“โอเค เตรียมตัวไว้ เดี๋ยวกูไปรับ มึงใจเย็นนะ”







มาร์ครู้สึกตัวทันทีที่รู้สึกถึงความเย็นบนแผ่นอกและลำคอ รู้สึกปวดร้าวไปทั้งแถบด้านซ้าย จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่รู้ตัวคือแจ็คสันโทรมาหาและจู่ๆเขาก็ล้มฟุบลงไปเลย เสียงร้องไห้ซิกๆข้างตัวเร่งให้ชายหนุ่มฝืนลืมตาหนักอึ้งขึ้นมองอย่างยากลำบาก

แจ็คสันนั่งอยู่ข้างโซฟาที่เขานอนอยู่ คนท้องนั่งอยู่เก้าอี้เล็กๆโดยข้างตัวนั้นมีกะละมังน้ำแช่ผ้าเปียกและหยูกยาสารพัดอย่าง ใบหน้าน่ารักเปื้อนน้ำตา หน่วยตาผ่าวแดงเอ่อคลอน้ำบางใส ฟันกระต่ายขบริมฝีปากล่างกลั้นไม่ให้เสียงร้องไห้หลุดออกมา

“แจ็คสัน กลับมาแล้วเหรอครับ”ยิ้มกว้างอ่อนแรงยกมือร้อนผ่าวสัมผัสใบหน้าเนียนที่แสนคิดถึง ดวงตากลมปูดแดงเพราะร้องไห้ดูน่าสงสาร ในขณะที่มือเล็กก็ถือผ้าชุบน้ำเช็ดตาตัวเขาไว้ แจ็คสันทำหน้าหยีกลั้นน้ำตายกมือช้อนมือเขาบนแก้มตัวเองพลางเอ่ยตัดพ้อ

“ฮึก...คนบ้า”

“ร้องไห้ทำไมหืม?”ปาดนิ้วโป้งเช็ดหยดน้ำอุ่นๆตรงหางตากลม อ่า...เจ็บหัวใจชะมัดเลย

“ไม่ได้ร้อง อึก”

“ร้องไห้อีกแล้ว...อ้าว พี่มาร์คตื่นแล้วเหรอครับ”จูเนียร์ชะงักเมื่อรู้ตัวว่าเดินออกมาจากครัวผิดเวลา แต่จะเฟทตัวกลับเข้าไปก็ไม่ทันแล้ว เลยเดินไปนั่งข้างๆเพื่อนขี้แยโยกหัวกลมๆไปมา หันไปมองคนป่วยคนโซฟาก็เหมือนจะรู้ว่ามาร์คจะถามอะไร

“เจ้าลูกหมานี่โทรไปร้องไห้งอแงกับผมว่าพี่แย่แล้ว พี่แจบอมกับผลเลยเอามาส่งนี่ พอเห็นพี่นอนเป็นซากอยู่ก็ร้องอีก จนตอนนี้ยังไม่เลิกร้องเลยเนี่ย พอได้แล้ว!”จูเนียร์ยู่ปากใส่เพื่อนที่โบกหัวตัวเองกลับ คนท้องสองคนทะเลาะกันง้องแง้งจนเจบีเดินเข้ามาในบ้านพร้อมถุงอาหารอีกสองสามอย่าง

“ทะเลาะอะไรกันครับคุณแม่”

“พี่เจบี ไอ้แจ็คยังไม่ยอมหยุดร้องไห้เลยอ่ะ”คนท้องอ่อนกว่าหันมาฟ้องเจบีที่พอเห็นสถานการณ์ก็หัวเราะ รู้สึกสงสารเพื่อนสนิทตัวเองนิดๆที่ต้องมาป่วยในขณะที่เมียมันก็งอนแถมยังมีเมียเขามาคอนตะแง้วๆอยู่ข้างหูอีก

“เอาน่าจินยอง เรากลับบ้านกันเถอะ”ชายหนุ่มยื่นมือมาชวนเจ้าแมวท้องลูกอ่อนกลับบ้าน

“เอางั้นเหรอ?”จินยองกระพริบตาปริบๆไม่มั่นใจ มองเพื่อนตัวเองด้วยความเป็นห่วง

“แล้วให้แจ็คสันอยู่ดูแลพี่มาร์คคนเดียวเหรอพี่เจบี?”

“เอาน่า ของประดิษฐ์มาร์คมันเยอะแยะจะตาย มันช่วยตัวเองได้อยู่แล้วล่ะ”พูดไปก็เหน็บเจ้าเพื่อนอัจฉริยะไป จูงมือจินยองลุกขึ้น

“หายป่วยไวๆนะครับพี่มาร์ค ส่วนไอ้แจ็คก็ใจเย็นนะเว้ย”

สามีภรรยาเจเจกลับไปแล้วพร้อมกับเสียงเจี๊ยวจ๊าวในบ้านที่หายไป บรรยากาศมาคุเข้าปกคลุมแต่มาร์คหาได้สนใจไม่ เอาแต่มองหน้าภรรยาตัวเล็กแล้วยิ้มเป็นบ้าอยู่อย่างนั้นทั้งที่ข้างในปวดหัวจะตายอยู่แล้ว แจ็คสันหันมาเห็นก็ทำหน้ายุ่งไม่พอใจใส่

“ยิ้มทำไม เรื่องเก่ายังซาก็หาเรื่องใหม่มาให้ผมปวดหัวอีกแล้ว”

มาร์คยิ้ม ไม่ได้ว่าอะไร รู้สึกเวียนหัวจนต้องหลับตาลง ฟังเสียงหวานแหบต่อว่าเงียบๆ

“ทำไมปล่อยตัวเองจนป่วย ตากฝนทำไมไม่กินยา นี่ก็เสื้อตัวเมื่อวาน พี่ไม่ได้อาบน้ำเลยใช่ไหม”

“ขอโทษครับ”

“ทำไมชอบทำให้เป็นห่วง ถ้าผมไม่โทรมาก็ไม่รู้เลยใช่ไหมว่าพี่ป่วยหนักขนาดนี้”

“ขอโทษครับ”

“ไม่มีคำอื่นจะพูดนอกจากคำนี้แล้วเหรอวะ”

“ขอโทษครับ”

แล้วแจ็คสันก็ไม่ถามอะไรอีก เอาแต่ร้องไห้ซิกๆเช็ดตัวให้เขาอยู่ข้างเขา มือเล็กบีบน้ำจากผ้าเปียก เช็ดใบหน้าและลำคอของผู้เป็นสามี ซับเหงื่อและบรรเทาไอร้อนจากพิษไข้ แจ็คสันโทรไปถามพี่คุณแล้วก็รู้ว่าต้องเช็ดตัวให้สม่ำเสมอเพราะตัวมาร์คร้อนเป็นไฟรอกันอาหารช็อคขณะที่นายแพทย์หนุ่มกำลังเดินทางมาหา

“เป็นไข้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ตอนเช้า ตื่นมาก็เป็นเลย”

“แล้วทำไมได้มานอนด้านล่าง แล้วบ้านนี่คืออะไร ทำไมมันสกปรกแบบนี้”แจ็คสันมองไปรอบบ้าน บ้านที่มักจะเรียบง่ายเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา มีเครื่องประดิษฐ์ของมาร์คประจำอยู่แทบทุกที่ แต่ตอนนี้กลับเงียบเหงาจนน่าขนลุก

“พี่ก็รอแจ็คสันกับลูกกลับมาอยู่กับพี่ไงครับ”

“...”แจ็คสันเม้มปากแน่น ผุดลุกขึ้นยืนแต่ก็โดนฝ่ามือร้อนคว้าแขนเอาไว้ก่อน

“แจ็คสันยกโทษให้พี่ไม่ได้จริงๆเหรอ?”

“...”

“แจ็คสันไม่อยากอยู่กับพี่แล้วเหรอครับ?”

“...”

“กลับมาอยู่บ้านเราเถอะนะ”

“พี่มาร์คปล่อยเถอะ...”

ฝ่ามือร้อนอ่อนแรงปล่อยโดยง่าย มาร์คนอนหลับตา ไม่แสดงออกทางสีหน้าแต่ข้างในก็เจ็บปวดราวกับโดนบีบอัดอย่างรุนแรง เรื่องราวไม่เข้าใจกันยาวนานประกอบกับอาการป่วยไข้ ทำให้ภายในของชายหนุ่มอ่อนแอจนถึงจุดที่ไม่มีแรงจะลุกขึ้นมารั้งหรือกอดรัดใครได้อีกแล้ว ตอนนี้มาร์คเหนื่อยเกินไป เหนื่อยจนอยากร้องไห้ดังๆ แต่จะให้ตัดใจ เขาทำไม่ได้เพราะความรักและชีวิตเขาตั้งใจมอบให้แจ็คสันและลูกหมดแล้ว

ชีวิตของมาร์คต้วนก็คือครอบครัวและคนรัก แต่ตอนนี้ชีวิตของเขากำลังจะเดินจากไป

มันจะจบลงแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ...?

.
.
.
.
.

“ลุกขึ้นมากินข้าวสักหน่อยนะครับ”

เปลือกตาอ่อนล้าลืมพรึบมองใบหน้านวลหวานในระยะใกล้ แจ็คสันถือชามข้าวต้มร้อนๆเข้ามาหาราวกับภาพในความฝัน ร่างเล็กในชุดผ้ากันเปื้อนลายโปรดของเจ้าตัวเดินมานั่งที่เดิม ตักข้าวต้มขึ้นเป่า จ่อช้อนพลาสติกแนบริมฝีปากสวยของคนที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก

นี่ที่โอดครวญเมื่อกี้คือ...คิดไปเองหรอกเหรอ?

“ไม่กินล่ะ? ถ้าพี่ไม่กิน พี่จะกินยาไม่ได้นะ” คิ้วเรียวเริ่มขมวดมุ่น ช้อนกำลังจะถูกยกกลับคืนแต่มาร์คก็ไวพอจะงับมันไว้แน่ ตวัดลิ้นเอาอาหารเข้าปากทั้งมือยังจับมือเล็กไว้กันอีกคนหนีหายไป

...ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือความฝัน เขาจะไม่ปล่อยให้แจ็คสันหนีไปไหนได้อีกแล้ว...

แจ็คสันที่จู่ๆก็โดนจับมือแน่นก็ตกใจ พยายามดึงมือคืนแต่คนป่วยที่มีแรงเยอะไม่ต่างจากปกติก็ไม่ยอมปล่อย แถมเอามือเขาไปหนุนศีรษะไว้เป็นเด็กๆอีก ใบหน้าหล่อเหลาขึ้นสีเข้มร้อนผ่านเพราะพิษไข้แนบฝ่ามือเล็ก พูดเพ้อพึมพำเสียงเบา

“ไม่ให้ไปไหนแล้วนะ อยู่กับพี่นะครับ พี่รักแจ็คสันนะ รักมากๆ”

ร่างเล็กคลายอาการตระหนกลง เหม่อมองคนที่ตอนนี้หลับไปแล้ว แถมยังเอาแต่จับมือเขากอดเอาไว้ไม่ปล่อยอีกต่างหาก มองไปมองมาก็แอบยิ้มและหัวเราะเบาๆ ก้มลงกระซิบถ้อยคำบางอย่างที่มาร์คคงต้องตีอกชกหัวตัวเองแน่ ถ้ารู้ว่าตัวเองพลาดอะไรไปตอนหลับ

“ผมก็รักพี่ครับ”







“มาร์คๆ”เสียงทุ้มนุ่มดังเรียกชื่อเขาอยู่ข้างๆ เปลือกตาหนักอึ้งปรือขึ้นมองดวงหน้าราวกับรูปสลักเบลอๆ จำชื่อไม่ได้อยู่พักใหญ่จนร่างนั้นยิ้มหวานและเรียกชื่อเขาอีกครั้ง “มาร์ค ตื่นได้แล้ว นี่พี่คุณเอง”

ชายหนุ่มลืมตาพรึบ กระเด้งตัวขึ้นนั่ง หันไปมองรอบๆก็ไม่เห็นภรรยาตัวเล็กอยู่ใกล้ๆ

“พี่คุณเห็นแจ็คสันไหมครับ”

“กลับไปแล้วล่ะ”คุณหมอหนุ่มตอบยิ้มๆ มาร์คพอได้ยินแบบนั้นก็ถอนหายใจทิ้งตัวลงนอนอย่างห่อเหี่ยวหัวใจ อยากหลับๆไปให้รู้แล้วรู้รอดเสียตอนนี้เลย

นิชคุณอยากหัวเราะให้กับเจ้าคนหมดท่าตรงหน้า แต่ก็เกรงใจ กลัวมาร์คจะหมดอาลัยตายอยากไปมากกว่านี้ จึงได้แต่ปลอบใจด้วยเสียงนุ่มนวลและพยุงชายหนุ่มขึ้นเพื่อตรวจอาการและทำการรักษา

“ยังไม่หายโกรธกันอีกเหรอ?”

มาร์คส่ายหน้าเป็นคำตอบ อ้าปากให้นิชคุณได้ตรวจคอด้านใน

“ไข้ธรรมดานะ ดื่มน้ำร้อนมากๆ ทานอาหารตรงเวลา ทานยาให้ครบ ไม่เกินสองวันพรุ่งนี้ก็ไปตามง้อแจ็คสันต่อได้แล้ว”คุณหมอหนุ่มไม่วายแซวในตอนท้าย มาร์คทำแค่ยิ้มเพราะก็ไม่รู้จะตอบอะไรดี ก็คงจะต้องทำอย่างที่พี่คุณว่า หายแล้วก็ไปง้อต่อ ง้อจนกว่าคนตัวเล็กคนนั้นจะยอมใจอ่อนให้กับเขา

มาร์คมองคนอายุมากกว่าแล้วคิดไปถึงรุ่นพี่ของตน ก็คิดได้ว่าคู่นี้ก็ใช่ว่าจะได้ลงเอย ทั้งที่คบกันมานานยิ่งกว่าคู่เขาเสียอีก กำลังจะได้แต่ง ก็มีเหตุให้พี่คุณหาเรื่องยืดระยะเวลาออกไปอีกอย่างต้องเลี้ยงแบมแบม เด็กบุญธรรมที่ตอนนี้พี่แทคยอนคงกำลังสู้รบตบมืออยู่

“พี่คุณ ทำไมพี่คุณถึงไม่ยอมแต่งงานกับพี่แทคสักทีล่ะครับ?”

มือสวยที่กำลังเขียนใบนัดอยู่ชะงัก ใบหน้างดงามราวกับเทพเจ้ากรีกเงยหน้ามามองคนถาม กลอกตาซ้ายขวายิ้มมุมปาก ส่งเสียงอืมราวกำลังคิดคำตอบเหมาะๆ

“หลายอย่างนะ ที่สำคัญคือพี่รู้สึกไม่พร้อมด้วยแหละ...”

“ไม่พร้อม?”

“อืม พี่รู้สึกว่าพี่จะไม่มีเวลาให้แทคหรือแบมแบมมากพอ พี่เป็นหมอ ชีวิตพี่ไม่ค่อยตรงต่อเวลาน่ะ พี่ยังจัดการตัวเองไม่ได้ในหลายๆเรื่อง แทคก็เหมือนกัน ตราบใดที่หมอนั่นยังไม่รู้ว่าอะไรทำให้พี่ยังไม่แต่ง พี่ก็ไม่แต่งหรอก”คุณหมอตัวขาวหัวเราะมีเล่ห์นัย

“มันคืออะไรครับพี่คุณ”ถามอย่างอยากรู้อยากเห็น ก็เห็นพี่คุณใจแข็งแบบนี้ก็เลยอดสงสัยไม่ได้

“ไม่บอกหรอก เผื่อมาร์คเอาไปบอกแทคจะทำยังไง”นิชคุณส่ายหน้า ยื่นใบนัดให้กับมาร์ค “แล้วทำไมถึงถามล่ะ”

“ก็เผื่อว่าแจ็คสันจะคิดแบบพี่”

นิชคุณกระพริบตาปริบๆและหัวเราะดังลั่น

“มันจะไปเหมือนกันได้ยังไงล่ะ คนแต่ละคนมีปัจจัยหลายอย่างนะ ไม่ลองถามดูตรงๆล่ะว่าแจ็คสันไม่ยอมกลับมาบ้านนี้เพราะอะไรกันแน่”

“ถ้าแจ็คสันตอบตรงๆก็ดีสิครับ” ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ “แต่นี่เขายังโกรธผมอยู่เลย”

“พี่ว่าภรรยานายไม่ได้โกรธนายแล้วนะ”

มาร์คหันขวับลืมปวดหัวทันทีที่ได้ยินความเห็นแบบนั้นจากคนอื่นที่มองเข้ามา นิชคุณทำหน้าคิดใคร่ครวญ “ตอนที่แจ็คสันจะกลับก็ดูห่วงนายมากเลยนะ กำชับให้พี่รักษานายให้หายดี ท่าทางอยากดูแลนายด้วยตัวเองด้วยซ้ำ แต่คงเพราะอะไรบางอย่าง ทำให้อยู่ที่นี่ต่อนานกว่านี้ไม่ได้”

“เมสัน”มาร์คตอบได้ในทันที ไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้คนตัวเล็กของเขารนได้มากเท่าเรื่องลูกอีกแล้ว

“คงอย่างนั้นแหละ แจ็คสันน่ะเข้มแข็งนะ เด็กคนนั้นคงคิดอะไรเยอะแยะเลยและเขาก็คงอยากให้นายเข้าใจเขาด้วยเหมือนกัน”

“ผมจะไปถามเขา”ชายหนุ่มตัดสินใจและกำลังจะลุกขึ้นแต่ก็โดนคุณหมอคนสนิทดันไหล่กลับไปนั่งที่เดิมพลางทำหน้าดุ

“แต่หลังจากที่นายหายแล้ว... อยากเอาไข้ไปฝากลูกเมียรึไง”

“...ครับ”








สองวันหลังจากมั่นใจว่าหายดีแล้ว มาร์คก็รีบบึ่งไปบ้านหวังอีกครั้ง รถออดี้สีขาวคันเดิมจอดอยู่ตรงจุดเดิมๆ ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนธรรมดาก้าวลงจากรถ มองบ้านที่มากี่ครั้งๆก็ดูเงียบสงบและน่ารักอยู่เสมอ หันไปมองโรงรถว่างเปล่าก็เกิดใจแป้วไปกะทันหัน

...ไม่อยู่บ้านกันเหรอ?...

แต่ไหนๆก็ได้มาแล้วก็เลยกลับไปยืนเกาะรั้วอีกรอบส่งเสียงถาม

“มีใครอยู่ไหมครับ!

...ไม่มีการตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...

มาร์คถอนหายใจ คิดว่าซวยเองที่มาผิดวัน กำลังจะหันหลังกลับ ประตูบ้านหวังก็เปิดออก มาร์คยิ้มกว้างมองคนรักที่ในที่สุดก็ยอมออกมาหา แจ็คสันในชุดเสื้อยืดสีดำและกางเกงมัดเอวสีสดใสเดินเอื่อยๆเข้ามาหา ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเห็นว่าท้องนูนใหญ่ขึ้นอีกแล้ว ท่าทางจะเดินเหินยาก ยิ่งเห็นแบบนี้ก็ยิ่งทำให้อยากกลับมาดูแลคนตัวเล็กเร็วๆ

“พี่คิดว่าไม่มีคนอยู่ซะอีก”

“ป๊าม๊าไปเลี้ยงรุ่นอ่ะ”แจ็คสันตอบอย่างเป็นปกติ

กริ๊ก! มือเล็กปลดกลอนประตูให้และเดินหันหลังเข้าไปในบ้าน ทิ้งชายหนุ่มให้ยืนเอ๋อตกใจเพราะไม่คิดว่าแจ็คสันจะยอมเปิดประตูบ้านให้เขาง่ายขนาดนี้ ร่างกลมเดินไปถอดรองเท้าหน้าบ้านพลางหันมามองเขาด้วยความสงสัย

“ไม่เข้ามาล่ะ?”

“ครับๆ”

ชายหนุ่มรีบคืนสติตอบรับกระวีกระวาดวิ่งตามคนท้องเข้าไปในบ้านหลังเล็ก ภายในบ้านยังคงดูอบอุ่นและเป็นสัดเป็นส่วนเหมือนเคย กลิ่นอายที่ทำให้รู้สึกสบายใจกระจายไปทั่วอาจจะเพราะเป็นกลิ่นดอกไม้สดๆในแจกันหรืออาจจะมาจากคนที่เดินไปหาน้ำและขนมในห้องครัวตอนนี้ก็ได้

มาร์คเดินตามไปเพราะความเป็นห่วงก็เห็นแจ็คสันกำลังรินน้ำใส่แก้วพร้อมร้องเพลงในลำคอท่าทางสบายอารมณ์ ไม่เห็นปั้นปึงหรือแสดงกริยาเหมือนหลายเดือนที่ผ่านมาสักนิด

เอ่อะ วันนี้ตัวเล็กกินอะไรมาครับ ทำไมอารมณ์ดีจัง...

“หายแล้วเหรอถึงได้มาได้”

“ห่ะ?”

“ผมถามว่าหายดีแล้วเหรอ”ใบหน้ากลมอิ่มเอิบหันมายู่คิ้วนิดๆเพราะมาร์คไม่ยอมฟังตนตั้งแต่แรก

“หายแล้วครับ เพราะตัวเล็กไปเยี่ยมพี่วันแรก พี่เลยมีกำลังใจไง”ยิ้มหวานประจบแต่ก็โดนคนท้องหยีหน้าใส่

“เลี่ยน”

มือป้อมกำลังจะยกถาดขนมขึ้น แต่ก็โดนชายหนุ่มแย่งไปถือเอง

“พี่ถือให้ครับ”

แจ็คสันเงยหน้ามองคนที่เนียนเข้ามาซ้อนหลังตนดุๆ มาร์คหัวเราะแหะปล่อยมือด้านหนึ่งออกจากถาดให้คนท้องได้ลอดออกไปยืนข้างๆ

เผลอตัวนิดหน่อยเอง...

“อืม เอาไปเลยก็ได้ นั่นก็ของพี่นั่นแหละ ผมจะไปดูลูก”

“เมสันเป็นยังไงบ้าง พี่ขอเจอลูกหน่อยสิ”

“เอาสิ ยังนอนอยู่เลย อย่าทำให้ลูกตื่นนะ”คุณแม่กำชับเสียงเข้ม เดินนำขึ้นไปบนชั้นสองห้องนอนของตัวเอง เปิดประตูเข้าไปก็เจอกับสภาพห้องที่เปลี่ยนไปโข กลายเป็นห้องเด็กและแม่ลูกอ่อนอย่างเต็มรูปแบบ มีทั้งนมผง เสื้อผ้าเด็ก ของเล่น หนังสือเด็กเต็มไปหมด พวกของใช้เก่าๆที่ไม่ได้โดนขนไปเรือนหอก็เหมือนจะหายไปจากชั้น

มองเลยไปก็เห็นเจ้าตัวเล็กของพวกเขานอนหลับอุตุอยู่บนเตียงนอน ดีที่เมสันไม่ใช่คนนอนดิ้นแถมถ้าได้นอนแล้วหลับยาวจนเช้าจนสาย เจ้าตัวเล็กที่ตอนนี้อายุ 1 ปี 7 เดือนอยู่ในชุดผ้านอนสีฟ้าอ่อนลายน่ารักดูเป็นก้อนกลมยิ่งกว่าตอนอยู่ที่บ้านโน้น สงสัยจะโดนคุณตาคุณยายขุนแน่ๆ

มาร์คนั่งลงข้างเตียง หมอบนอนใกล้ลูกชาย หอมแก้มลูบเส้นผมนิ่มพลางยิ้มอบอุ่นเอ็นดู แค่เห็นว่าลูกยังมีความสุข สุขภาพดีเขาก็ดีใจมากแล้วล่ะ มองจนพอใจก็ปล่อยให้เด็กน้อยนอนต่อ ไม่อยากปลุกก่อนเวลาตื่นนอนประจำของเจ้าตัว เดินไปหาคุณแม่ตัวกลมที่ยุ่งกับการจัดชุดให้เมสันหน้าตู้เสื้อผ้า หยุดมองดูห้องรอบๆอีกครั้งแล้วถามออกไปด้วยความสงสัย

“แล้วพวกหนังสือการ์ตูนกับเกมเพลย์ล่ะ? ตัวเล็กสะสมไว้เยอะเลยนี่”

“ผมมีเวลาเล่นที่ไหน”แจ็คสันบ่น หันมายื่นเสื้อผ้าเมสันให้เขา “โดนใครบางคนเสกลูกเข้าท้องแล้วก็ปล่อยให้เลี้ยงลูกคนเดียว”

“ตัวเล็ก~~”ส่งเสียงอ้อน แล้วก็โดนมือป้อมปิดปากหมับดังเพี๊ยะจนแสบ ดวงตากลมดุวาบ ลากเขาออกจากห้องนอน

“เสียงดัง เดี๋ยวลูกก็ตื่น”

“ขอโทษครับ”มาร์คเม้มปากฉับรู้สึกเหมือนโดนครูดุอย่างไรบอกไม่ถูก ได้แต่เดินตามคนขี้งอนลงมาจากชั้นสอง พลันก็นึกได้ถึงเรื่องที่จะมาวันนี้ รีบคว้ามือป้อมไว้แน่น ถามคำถามที่ติดใจมาตลอด

“แจ็คสันทำไมไม่ยอมกลับบ้านกับพี่ละครับ”

คนตัวเล็กชะงักไป เงยหน้ามามองเขาอึ้งๆ ปากอิ่มสีชาดเม้มแน่นลังเลใจ กำลังจะเดินหนีก็โดนชายหนุ่มโอบกอดซ้ำ เสียงทุ้มกระซิบถามเสียงอ่อนข้างใบหูทำเอาใจดวงเล็กสั่นไหว

“ยังโกรธพี่อยู่อีกเหรอ พี่ขอโทษนะครับ กลับบ้านเรานะ”

“พี่มาร์ค”

“นะครับ...”

แจ็คสันเงียบไป ดวงตากลมหลุกหลิกอยู่ชั่วครู่แล้วก็ถอนหายใจยาว

...แกล้งพอแล้วมั้ง...

มือป้อมจับมือเรียวออกจากเอวตัวเอง ดันชายหนุ่มออกเล็กน้อยและหันกลับมาสวมกอดเอวสอบหลวมๆ หัวกลมซุกลงบนไหล่แข็ง กระซิบเสียงเบาเสียจนมาร์คไม่ได้ยิน

“ห...ก.....ล”

“อะไรนะครับ?”

“หายโกรธตั้งนานแล้ว”

“งั้นก็!...”กำลังจะยิ้มและตะโกนโห่ร้องด้วยความดีใจ แต่ประโยคต่อมาก็ฉุดเขาไว้ทันควัน

“แต่ผมไม่กลับบ้านนั้นนะ”


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*