[TTM] 05

TWINS & TWINS
MATCH
_______5_______


เปลือกตาบางกระพริบปรือสองถึงสามครั้งปรับโฟกัสสายตาให้เข้าที่เข้าทางหลังจากตื่นจากการพักผ่อนมาทั้งคืน แจ็คสันขยับตัวไปมาบนโซฟาตัวนุ่มอย่างไม่สบายตัวนัก แต่ก็คิดในแง่ดีว่านี่ก็แค่คืนแรก สักพักเขาคงจะปรับตัวได้ ไม่รู้สึกลำบากเหมือนตอนนี้...ล่ะมั้ง

คิดแล้วก็ถอนหายใจเฮือก หย่อนขาลงจากโซฟาสวมรองเท้าเดินในบ้านลายไมค์ วาซาซากี้ สะบัดผ้าห่มลายลูกหมาสีน้ำตาลอ่อนผืนบางออกจากตัว ชะงักเล็กน้อยก่อนจะหยิบมันขึ้นมาพับทับกันวางบนหมอนหนุนที่มาร์คัสใจดีหามาให้เมื่อคืน หลังจากเห็นว่าผู้ร่วมอาศัยด้วยความจำยอมให้ร่วมชายคาด้วยอย่างเขามาแค่ตัว เสื้อผ้า ชีทเรียนและตุ๊กตาลูกหมาสีดำก็เท่านั้นเอง

“พี่มาร์คัสใจร้ายกว่าที่คิดอีกอ่ะ...แต่ก็เท่ดี”ริมฝีปากอิ่มแดงยิ้มขณะมองไปที่รูปถ่ายขนาดใหญ่บนผนังของเจ้าของบ้าน สองมือเอาตุ๊กตาลูกหมามากอดวางคางไว้ทำหน้าตาเพ้อๆ “เท่กว่าที่คิดอีกน้า~

แจ็คสันหัวเราะคิกคักคนเดียวสักพักถึงรู้ตัวว่าเสียเวลามานานมากแล้ว เงยหน้ามองนาฬิกาก็พบว่าเข็มยาวใกล้จะเดินเข้าเลข 12 ส่วนเข็มสั้นก็ชี้ที่เลข 8 เจ้าตัวรีบกระวีกระวาดลุกขึ้นจากโซฟา กำลังจะวิ่งเข้าครัวก็ต้องเดินกลับมาคว้าตุ๊กตาลูกหมาขึ้นมาวางปากลงบนหัวมันเบาๆ จ้องลูกปัดสีดำไร้ชีวิตพลางยิ้มกว้างจนตาหยี

“อรุณสวัสดิ์นะเจสัน”

ทักทายเสร็จก็วางมันลงข้างหมอน เดินเข้าไปในครัวเล็กๆที่ดูสะอาดสะอ้านมากที่สุดในบ้าน คงเพราะมาร์คัสไม่เคยทำอาหารเลยกระมัง ขนาดตู้เย็นยังไม่มีของสดอะไรเลย ดีว่าเมื่อวานซุปตาร์รูปงามให้เงินเขาและอนุญาต (ใช้) ให้เขาไปซื้อของสดที่ซูเปอร์มาเก็ตหน้าซอยที่อยู่ห่างออกไปจากบ้านถึงสามกิโลเมตร กว่าจะไปถึง กว่าจะซื้อของเสร็จ กว่าจะหิ้วถุงหนักราวๆห้ากิโลกรัมขึ้นรถจักรยานแม่บ้านเก่าๆมาถึงบ้านหลังหรูก็กินเวลาไปกว่าชั่วโมงครึ่ง เล่นเอาหอบแฮ่กเหงื่อหยดเป็นสายน้ำตกเลยทีเดียว ดีแค่ไหนว่าท่านเจ้าพระคุณไม่โมโหเตะเขาออกจากบ้านอย่างที่เจ้าตัวทำท่าจะทำกับเขาหลังจากแฝดต้วนคนพี่เดินออกจากบ้านไป

...ฝีมือทำอาหารช่วยชีวิตชัดๆเลยแจ็คสัน...

แจ็คสันในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาวและกางเกงนอนสีครีมเดินไปเปิดๆปิดๆหากระทะ ตะหลิว ฯลฯ ออกมาล้างแขวนไว้บนชั้นที่มองเห็นได้ง่ายแทนจะเป็นเคาน์เตอร์มืดๆเพราะต่อจากนี้เขาจะเป็นคนใช้มันรังสรรค์อาหารมากมายให้เจ้าของบ้านที่ไม่เคยใช้พวกมันเลยแทน จากนั้นถึงไปเปิดตู้เย็น หยิบเอาไส้กรอกแฟรงเฟิร์ต ไข่สามฟองและเบคอนออกมาถุงใหญ่ แจ็คสันกะปริมาณคร่าวๆจากเมื่อวานก็เห็นว่ามาร์คัสกินเยอะพอดู ก็แปลกเหมือนกันว่าทำไมไม่อ้วนเลย แถมผอมก้างซะ นี่ถ้าไม่มีกล้ามคงกลายเป็นไม้เสียงลูกชิ้นแน่ ระบบการเผาผลาญพลังงานคงดีเกินไปแน่ๆ

สะบัดศีรษะไล่ความคิดที่ชักจะเตลิดเกินไปเกี่ยวกับเจ้าของบ้านที่เขามาพำนักหรืออีกอย่างคือนายแบบในดวงใจของเขานั้นเอง...ที่ไม่เห็นว่าเขากรี๊ดกร้าดหรือตื่นเต้นอะไรนักหนาเพราะตอนนั้นมันช็อกมากจนแสดงอะไรออกไปไม่ถูก แถมเห็นมาร์คัสดุโหดขนาดนั้นก็ยิ่งไม่กล้าทำอะไรเข้าไปใหญ่ ตัวหดได้คงหดไปจนเหลือสามเซนติเมตรแน่แล้ว แถมเวลาผ่านมาหนึ่งคืนตื่นมาก็ไม่ตื่นเต้นแล้ว...

“ทำอะไรกินน่ะ?”

...ปัดโถ่ถัง!!! พี่มาร์คัสโครตตตตหล่อเลยครับ ฟฟดกห่เฟิ้เสก้งก่ด...

หันหน้าไปก็แทบช็อกตาย มือที่จับตะหลิวอยู่อ่อนแทบทำร่วง ดีที่ดึงสติทันแต่ก็ยังตอบแบบตะกุกตะกักอยู่ดีนั่นแหละ ก็ตาเขามันละจากกล้ามท้องสวยนั่นไม่ได้เลยนี่นา ว๊ากกกกก!!!

“สะ ไส้กรอก เบคอนกับไข่ดาวครับ”

“...เหรอ? เออ ทอดไข่ดาวเกรียมๆให้ด้วยแล้วกัน”

มาร์คัสในสภาพเพิ่งตื่นนอนวางแขนค้ำบนเคาน์เตอร์บาร์ติดทางครัว ใบหน้าหล่อเหลาติดง่วงซึม ผมเผ้ายุ่งเหยิงชี้ไปมาเป็นรังนก เปลือยท่อนบนโชว์กล้ามเนื้อสวยพอดีกับรูปร่าง สร้อยโลหะแท็กเหล็กเสริมความเท่ ผิวขาวสว่างเนียนไปทั้งร่างอย่างน่าอิจฉา แม้แต่กางเกงนอนสีดำบนสะโพกยังเกาะหมิ่นเหม่น่าหวาดเสียวเหลือเกิน เป็นคนอื่นคงดูซกมกแต่ทำไมพอเป็นมาร์คัสถึงดูกำลังโพสท่าถ่ายคอนเสปแฟนหนุ่มยามเช้าแบบนี้ก็ไม่รู้ แจ็คสันใจสั่นจะตายแล้วนะ T_T

“อะไร? ไม่เข้าใจหรือไง?”พอเห็นว่าภาระใหญ่ที่มาร์คโยนมาให้เขาดูแลไม่ยอมตอบ เอาแต่ยืนนิ่งมองหน้า ร่างดาร์กก็อวตารลงร่างพ่อนายแบบชื่อดังอีกครั้ง แจ็คสันสะดุ้งรู้ตัวรีบตอบ

“ครับๆ รู้แล้วฮะ พี่มาร์คัสเอาไข่ดาวกี่ฟองครับ”หันหน้ากลับไปยุ่งกับการทำอาหารต่อ ไม่กล้ามองมาร์คัสต่อ กลัวว่าจะทำสติหลุดไปอีกรอบ

“สอง ฮ้าววว...เมื่อยชะมัด”ชายหนุ่มบ่นเบาๆกับตัวเอง พลางเดินบีบบ่าเดินไปนั่งสัปหงกบนโซฟาต่อ แจ็คสันมองตามไปอย่างเป็นห่วง เดินไปเสียบกาต้มน้ำร้อน เพิ่มเมนูยามเช้าเพิ่มมาอีกอย่าง มือขาวพลิกไส้กรอกให้สุกตลอดทั้งชิ้น จัดการวางเบคอนลงไปรอให้เกรียมพอดีแล้วยกขึ้นมาวางสะเด็ดน้ำมัน ฉวยไข่สามฟองมาตอกใส่กระทะร้อน แซะขอบให้สวยงาม ตักของตัวเองที่ชอบแบบพอดีๆขึ้นมาก่อน ถึงค่อยตักเอาไข่อีกสองฟองขึ้นมาพัก จัดวางใส่จานกระเบื้องสีขาว บีบซอสมะเขือเทศพอให้ดูดี ใช้ทิชชู่เช็ดน้ำมันตรงขอบจาน มองผลงานด้วยความพอใจ ยกจานของมาร์คัสไปวางบนโต๊ะทานข้าว เรียกชายหนุ่มที่ยังทำหน้าง่วงอยู่บนโซฟาให้มานั่งทานอาหารบนโต๊ะที่เขาเตรียมไว้ให้

“พี่มาร์คัสครับ อาหารเช้าเสร็จแล้วนะครับ”

...งือ เหมือนภรรยาทำอาหารเช้าให้สามีเลย

“ยืนบื้อทำไม นั่งสิ แล้วไหนของนาย?”มาร์คัสมองแจ็คสันด้วยสายตาแปลกๆ จะมายืนตัวบิดตาเพ้อๆแบบนั้นเหมือนพวกหญิงสาวเพ้อฝันแบบนั้นทำไม

“อ่า แป๊ปนึงฮะ”แจ็คสันทำหน้าตาตื่นๆเข้าไปในครัวอีกรอบ มาร์คัสก็ไม่ได้สนใจ จับส้อมมีดตัดอาหารเข้าปาก ยอมรับว่าฝีมือทำอาหารของเด็กคนนี้ดีใช่ย่อยเลย

“นี่ครับ”

มาร์คัสเงยหน้ามองเจ้าเด็กตัวขาวที่ยิ้มกว้างจนตาหยีมาให้ เลื่อนลงมามองถ้วยกาแฟของเขาที่ตอนนี้ในนั้นไม่ได้บรรจุของเหลวรสขมเปี่ยมคาเฟอีนอย่างเดิม แต่เป็นน้ำสีเขียวใสและถุงเยื่อกระดาษเกาะข้างขอบถ้วย

“ชาเขียวครับ บ้านผมมีเยอะ ก็เลยติดกระเป๋ามาด้วย...มันช่วยคลายเครียดได้นะครับ”

“...”นายแบบหนุ่มไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่รับแก้วชามามองและจิบไปเล็กน้อย

“อืม...ขอบใจ”

แจ็คสันยิ้มกว้างยิ่งขึ้น รู้สึกดีที่ได้รับคำขอบคุณจากคนที่ตนเองชื่นชอบเดินกลับไปนั่งที่ของตัวเอง นั่งยิ้มไปตลอดทั้งมื้อเช้า รู้สึกมีความสุขขึ้นมาอีกหลายขีดเลย

ทั้งสองจัดการอาหารเช้าจนหมดเกลี้ยง แจ็คสันลุกขึ้นเก็บจาน ส่วนมาร์คัสก็จิบชาเขียวพร่องไปจนถึงครึ่งแก้ว ห้องตกอยู่ในความเงียบสักพักก่อนที่ชายหนุ่มเจ้าบ้านจะเอ่ยขึ้น

“วันนี้ฉันมีงานบ่าย คืนนี้อาจจะไม่กลับ นายก็แล้วแต่เลยแล้วกัน”

“เอ่อ...พี่มาร์คัสครับ คือ...”

“ทำไม?”ชายหนุ่มหันกลับมามองเจ้าเด็กตัวขาวที่ทำตาลอกแลกอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์

“ผมขอยืมใช้จักรยานได้ไหมครับ เผื่อจะไปซื้อของด้านนอกอ่ะครับ”

“ตามใจสิ”

แจ็คสันยิ้ม แต่เป็นยิ้มแห้งๆ จะบอกได้ยังไงว่าบ่ายนี้เขามีเรียน แล้วมหาวิทยาลัยเขาก็ไกลจากที่นี่ไปตั้งเยอะ จะขึ้นรถไปก็ไม่รู้จะไปสายไหน จะให้มาร์คัสไปส่งยิ่งทำไม่มีทาง ทางที่เหลือก็คงต้องพึ่งจักรยานคุณป้าข้างบ้านคันนั้นสถานเดียว

...งานนี้ขาไม่ปั้นก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วล่ะนะ...







ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตดำสวมทับแจ็คเก็ตหนังสีน้ำตาลและกางเกงยีนก้าวลงมาจากรถหรูของเจ้าตัวหน้าภัตตาคารชั้นเลิศไม่ไกลจากผับของเขามากนัก ใบหน้าหล่อคมเข้มแสดงสีหน้าประหม่าเล็กน้อยขณะยกนาฬิกาขึ้นมามองดูเวลา มืออีกด้านที่ถือช่อดอกไม้ซึมเหงื่อ ไม่รู้ว่าคู่นัดเขาจะชอบหรือเปล่า แต่เขาก็พยายามเลือกมาอย่างสุดฝีมือเลยล่ะนะ

แจบอมค่อนข้างหวังกับการเดทในครั้งนี้ เพราะผู้หญิงที่ได้พบในงานเลี้ยงนัดบอร์ดคนนั้นถือว่าเป็นแบบที่เขาชอบ พวกเขาคุยกันผ่านทางแชทเพราะผู้หญิงอยู่อีกฟากของเมืองจึงไม่มีเวลาให้เจอกันมากนัก แต่เขาก็คิดว่าจากที่คุยกันมาตลอดสามเดือนนี้คือคนที่ใช่แล้ว และวันนี้เขานัดเธอมาเพื่อต้องการจะขอเธอเป็นแฟนจริงๆจังๆเสียที หลังจากที่โดนมาร์คัสเพื่อนยากแซวมาตลอดว่าไม่มีน้ำยา

...ใช่สิ มาร์คัสมันเป็นพวกใช้น้ำยาเปลืองนี่...

คิดแล้วก็กลอกตาไปมา ไม่รู้ว่าคบเป็นเพื่อนกับนายแบบเสาน้ำแข็งแต่เจ้าชู้ประตูดินแถมปากร้ายแบบนั้นมาได้ยังไงตั้งหลายปี ทั้งที่นิสัยก็คนละเรื่องกันเลยแท้ๆ

“อ๊ะ แจบอม”เสียงหวานใสเรียกเขามาจากอีกด้าน แจบอมหันไปยิ้มให้กับหญิงสาวร่างเล็กผมบลอนทองสวมชุดเดรสพอดีตัวยาวปิดเข่าดูน่ารักที่ยิ้มและเรียกเขาอย่างร่าเริงมาแต่ไกล เธอเดินมาหาเขาในขณะที่ชายหนุ่มก็เดินเข้าไปหาเธอพร้อมยื่นดอกไม้ไปให้

หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้นมายิ้มและรับความปรารถนาดีนั้นไว้ แจบอมเกร็งหน้าจะแย่กลัวจะแสดงท่าทีเขินอายไม่สมชายออกไป พอเธอรับไปเขาก็โล่งใจไปเปราะใหญ่

“เข้าไปข้างในกันเถอะครับ”

“โห นัดมาที่หรูเชียวนะคะ”หญิงสาวหัวเราะเดินนำเข้าไปในภัตตาคาร แจบอมบอกชื่อจองโต๊ะ เดินพาหญิงสาวไปที่โต๊ะเล็กๆมุมสงบน่ารักที่เขาเลือกสรรโดยเฉพาะ เธอดูจะถูกใจใช่น้อย นั่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกโล่งอกขึ้นมาอีกเรื่อง ไม่นานหลังจากนั่งคุยกันสักพัก อาหารก็เริ่มถูกลำเลียงมา แน่นอนว่าแจบอมก็สั่งตามอย่างที่คิดว่าผู้หญิงทั่วไปชอบ แม้จะราคาแพงไปหน่อย แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเห็นรอยยิ้มของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขา

“ชอบไหมครับ?”

“ชอบมากเลยค่ะ ขอบคุณนะแจบอม คุณเป็นคนที่ดีมากจริงๆเลยค่ะ”

“ครับ เพื่อคุณแล้วล่ะก็”ชายหนุ่มโปรยยิ้มที่คิดว่าเท่ที่สุดออกมา รู้สึกฝืนตัวเองชิบหายที่ต้องมาทำอะไรเลี่ยนๆ แต่ก็เอาเถอะ เขาไม่ได้เป็นพวกไร้ความโรแมนติกไร้ความเป็นสุภาพบุรุษมากมายขนาดนั้นหรอก แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงชอบอะไรแบบนี้มากมายนัก

พวกเขาเริ่มทานอาหารจนถึงเมนคอร์ส แจบอมตักอาหารให้หญิงสาวไม่ขาด เธอก็เพียงแต่ยิ้มรับและทานอาหารเงียบๆ เขาคิดว่ามันเงียบเกินไป แต่ไม่เป็นไร เธออาจจะแค่อายล่ะมั้ง ก็เขาไม่เคยทำตัวหวานขนาดนี้เลยนี่นา

จนถึงจานของหวานซึ่งเป็นจานสุดท้ายของเมนู เวลาก็ประมาณสามทุ่มกว่าๆแล้ว และชายหนุ่มก็คิดว่าถึงเวลาสำคัญเสียที...

“...เป็นแฟนกันนะครับ”

คำพูดสั้นๆในขณะที่เธอกำลังเหม่อมองวิวทิวทัศน์เบื้องนอกเรียกหญิงสาวให้กลับมามองหน้าเขางงๆ

“อะไรนะคะ?”

“มาเป็นแฟนกันนะครับ”

“...”หญิงสาวพลันเงียบไปทันที และแจบอมก็รู้สึกใจกำลังจะหยุดเต้น ท่าทีของเธอไม่ได้ดูตื่นเต้นดีใจแต่กลับหลบตาและทำหน้าตากระวนกระวายอย่างรู้สึกผิด หญิงสาวเอากระเป๋าขึ้นมาถือและตอนนั้นเองที่แจบอมยื่นมือไปจับมือเธอไว้ด้วยความเว้าวอน

“ขอโทษนะแจบอม”เธอพูดพลางดันมือใหญ่ของเขาออก “...แต่ฉันมีคู่หมั้นแล้วล่ะค่ะ”

“...”

จากนั้นเธอก็เดินจากไป...

แจบอมเรียกบริกรมาเก็บเงิน เดินลงมาจากภัตตาคาร มองไปรอบๆก็เหลียวไปเห็นหญิงสาวที่นั่งอยู่กับเขาเมื่อครู่ขึ้นรถพอร์ชสีเงินมันวาวที่มีชายกลางคนดูมีฐานะนั่งอยู่ในนั้น

“...อ่า...แกนนี่มันโง่จริงๆ”บ่นกับตัวเอง หย่อนกายเข้าไปในรถของตัวเอง ปิดประตูมองพวงมาลัยด้วยความรู้สึกโหวงๆ

“โว้ยยยย!!!!”กำมือชกคอนโซลรถเต็มแรง ความปวดร้าวที่ข้อนิ้วสั่นระริกยังเจ็บไม่เท่าหัวใจที่ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชกย้ำเข้าไปแรงๆจนนิ้วก่ำปูดช้ำเลือด คว้ากุญแจสตาร์ทรถเหยียบคันเร่งพุ่งพาตัวเองแล่นไปตามถนนสายเริงรมย์ เหยียบจอดหน้าร้าน MABOM เหวี่ยงประตูก้าวลงจากรถ โยนกุญแจให้ลูกน้องรับแขกหน้าร้านที่กุลีกุจอเอารถเขาไปจอดในโรงรถให้กลัวๆเพราะไม่เคยเห็นชายหนุ่มโมโหร้ายขนาดนี้

ขาแข็งแกรงใต้กางเกงยีนพอดีตัวเดินเข้าไปในผับที่มีหญิงสาวและชายหนุ่มเริงระบำกันอย่างสนุกสนาน ดีเจบนซุ้มนั้นยังทำหน้าที่ได้ดี แต่ตอนนี้หูเขากลับมืดสนิท ไม่ต้องการฟังเสียงรื่นเริงอะไรทั้งนั้น พวกพนักงานที่เห็นเขาก็รีบโค้งทักทายและหลบหลีกพ้นสายตาเขา ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้ตัวเองน่ากลัวขนาดไหน แต่จะสนอะไร เขาต้องการอยู่คนเดียว

เขาเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์บาร์ในส่วนวีไอพีที่มีไว้สำหรับพวกป้ายทองที่สมัครเป็นสมาชิกเข้าไปได้ นั่งลงตรงหน้าบาร์เทนเดอร์หนุ่มยอดนิยมที่กำลังปรุงเครื่องดื่มรสเลิศสีสวยให้กับหญิงสาวสองสามคนบนบาร์

จินยองทำหน้าตาประหลาดใจทันทีที่เห็นเขาปรากฏตัว แน่ล่ะ ในเวลาปกติ เขาไม่มีทางที่จะเฉียดเข้าใกล้เจ้าคนประหลาดที่ตามติดจีบเขาเช้าเย็นอยู่แบบนี้หรอก แต่นี่มันกรณีฉุกเฉิน ไม่มีใครในแถบนี้ที่จะชงแอลกอฮอล์รสดีดีกรีแรงได้สะใจเท่าจินยอง

“ขอแรงๆ”

“อกหักมารึไงคุณน่ะ”

ตึง!

“หุบปาก! แล้วชงมาให้ฉันสิวะไอ้งั่ง!!

คนรอบข้างสะดุ้งเฮือกเพราะท่าทางโมโหร้ายราวกับจะฆ่าใครให้ตายของชายหนุ่ม แต่จินยองกลับมองมาที่มาสเตอร์ของตัวเองนิ่ง มือสวยที่กำลังถือขวดจินอยู่วางมันลง หันไปหาบาร์เทนเดอร์อีกคนในบาร์ ฝากฝังงานส่วนของตนให้ เพราะตอนนี้หญิงสาวที่เป็นลูกค้าของเขาหลบเลี่ยงหนีไปแล้ว เขาคงไม่มีลูกค้าอีกใหญ่ๆถ้าไม่ลากมาสเตอร์ของร้านที่กำลังจะทำลายภาพลักษณ์ร้านตัวเองในยามที่ขาดสติ

“ไปข้างบนดีกว่าครับ คุณคงไม่สะดวกอยู่ตรงนี้ใช่ไหมล่ะ?”

“...”

แจบอมทรุดตัวลงนั่งกุมขมับบนโซฟาสีแดงตัวยาวบนห้องทำงานของตัวเอง เสียงตึงตังจากด้านนอกถูกทอนลงเพียงคลื่นเสียงกระทบเมื่อเข้ามานั่งด้านในห้องเก็บเสียงแห่งนี้ จินยองเดินผ่านโซฟาไปเปิดเอา Absinthe ขวดเขียวลือชื่อออกมาจากตู้หลังโต๊ะทำงานของแจบอมโดยไม่ได้รับความอนุญาตจากเจ้าของห้อง แต่จินยองคิดว่าตอนนี้เหมาะที่สุดแล้วล่ะที่จะนำมันออกมาใช้เสียที

ชายหนุ่มบาร์เทนเดอร์นำอุปกรณ์ที่หาได้ในห้องลงมากองไว้ด้านหน้าคนอยากเมาที่เอาแต่ก้มหน้านิ่ง มือสวยเปิดขวดแก้ว Absinthe เทใส่แก้วใสหนักทรงเหลี่ยม เทน้ำตาลลงบนช้อนจุ่มลงไปในแก้วแล้วดึงกลับมาวางบนขอบปากแก้ว ค้นๆไปแช็กที่ขอบเข็มขัดดึงออกมาจุด เพียงแช็กเดียวไปสีน้ำเงินก็ลุกพรึบ นั่งรออีกไม่นานความร้อนก็ค่อยๆละลายน้ำตาลหวานเจี๊ยบลงผสมลงในแอลกอฮอล์ฤทธิ์แรง จนจากสีเขียวใสกลายเป็นสีเขียวขุ่นรสอุ่นขนาดพอดื่ม

“คุณเจบี ได้แล้วครับ”

เจ้าของชื่อพยักหน้ารับแต่ไม่เงยหน้าขึ้นมา คว้าแก้วสีสวยนั้นกรอกคอครั้งเดียวเสียจนจินยองหยีหน้า ขนาดเขาที่เป็นคนปรุงและคุ้นเคยกับแอลกอฮอล์ทุกชนิดเป็นอย่างดียังไม่กล้าดีเดือดพอจะกรอก Absinthe ที่มีดีกรีแรงระดับโลกลงคอครั้งเดียวขนาดนั้นหรอกนะ

“นิ่งทำไมล่ะ ขออีก”เสียงทุ้มเอ่ยเหวี่ยงๆ ดวงตาเรียวแดงก่ำตวัดขึ้นมามองเขาดุๆแล้วก้มหน้ากุมหน้าต่อ จินยองยังนิ่งอยู่และเปรยออกมาเบาๆ

“แค่นั้นคุณก็เมาแล้วล่ะครับ”

“ช่างมันสิ ตอนนี้ฉันยังไม่เมา เอามาอีก!

...เอาแต่ใจจังนะ...ชายหนุ่มผู้เป็นบาร์เทนเดอร์ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายหน่อยๆ ลงมือชงอย่างที่อีกคนร้องขอ ชงแบบไม่เสียดายเหล้าราคาแพง เพราะอย่างไรเสียของพวกนี้มันก็เป็นของคนตรงหน้าเขาอยู่แล้ว เขามีหน้าที่แค่ชงแค่นั้นเอง แต่จะห่วงก็ตรงไหล่ตั้งตรงนั้นกำลังลู่ลงเรื่อยๆน่ะสิ...

ผ่านไปเพียงสามแก้วกับเวลาชั่วโมงกว่าๆ จินยองจึงลองเรียกแจบอมอีกรอบ

“คุณเจบี”

“...อาราย...”

...เสียงยืดแบบนี้เมาชัวร์...ไม่จำเป็นต้องถามซ้ำจินยองก็รู้ว่าเจ้านายของเขาลืมสติไว้ที่บ้านแล้วเรียบร้อย วางอุปกรณ์ทุกอย่างลงดังกริ๊ก แจบอมเงยหน้าขึ้นมามอง ขมวดคิ้วทั้งที่ตาปรือปรอยคลอน้ำแถมยังก่ำแดงคล้ายคนกำลังจะร้องไห้แต่อดไว้จนเส้นเลือดขึ้นตา

“หยุดทำไมวะไอ้โรคจิต”

...อืม นี่คือจิตใต้สำนึกของคุณสินะ...จินยองยิ้มเหี้ยมในใจเล็กน้อยแต่ก็กลั้นไว้ นั่งนิ่งไม่ไหวติง ไอ้คนขี้เมาบนโซฟาพอไม่มีคนชงให้ก็เริ่มเลื้อยมาเอาขวด Absinthe ที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งไปนอนแอ้งแม้งกอดบนโซฟา สภาพขี้เมาจริงๆเลย...

“โอ๊ยยย ร้อน! เร่งแอร์หน่อยดิ!

...นี่มัน 23 แล้วครับ จะเอาเย็นขนาดไหนอีก...จินยองบ่นในใจ แต่ก็ยังลุกขึ้นแสร้งกดรีโมทแอร์ทั้งที่จริงไม่ได้ปรับอะไรทั้งนั้น แค่นี้ห้องก็หนาวเป็นขั้วโลกเหนือกลางผับแล้ว

“อย่ามาเนียนนะโว้ย! แกยังไม่กด”

...ทีงี้ล่ะมีสติมาจับผิดนะครับ...

สุดท้ายก็ต้องกดลดอุณหภูมิลงไปอีก วางรีโมทลงหันกลับไปก็ต้องตะลึงค้างกับคนเมาที่เริ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเองลงอย่างทุลักทุเล พอเริ่มมีปัญหากับกระดุมก็หงุดหงิด สบถเป็นสัตว์ป่ากระชากเสื้อตัวเองออกเสียงดังแควกใหญ่ เผยมัดกล้ามสวยบนหน้าท้องและหน้าอกแข็งสีนวลขาว ทำเอาคนมองกลืนน้ำลายลงคอดังอึกใหญ่

“เฮ้ จินยอง”

“ว่าไงครับ”

“นายคิดป่ะวะว่าคนบางคนแม่งก็เหมือนสะพานลอยว่ะ”

“คุณพูดอะไรน่ะ?”

“...มาพึ่งพาแล้วก็หายไป ทำไมวะ ที่ผ่านมาแม่งมันไม่ได้ถูกใจเธอหน่อยรึไงวะ! เหอะ...บ้าเอ๊ย! หลอกกูมาตั้งนาน พอจะขอเป็นแฟนบอกมีคู่หมั้น แล้วนี่สามีน้อยเธอรึไงวะ!

“คุณเริ่มเพ้อเจ้อแล้วนะครับแจบอม”

“เพ้อเจ้อแม่งอะไร”คนเมายังไม่ยอมหยุดพล่าม ตีมือตีไม้ไปมาไม่มีสติ “กี่คนๆก็อีหรอบนี้ จะหาผู้หญิงสักคนมันยากขนาดนั้นเลยรึไงวะ? รึแม่งจะเปลี่ยนทางดีวะ...”

“ผมมีขอเสนอ...”

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ร่างโปร่งในชุดพนักงานสุภาพย้ายจากข้างโต๊ะมายืนคร่อมบนร่างคนเมาบนโซฟา ดวงตาเรียวเหมือนแมวจ้องลงมาด้วยสายตาจริงจัง มือด้านหนึ่งยันพนักโซฟา ในขณะที่นิ้วหยาบเกลี่ยใบหน้าหล่อคมของคนบนโซฟาที่นอนตาปรอยมองตัวเองกลับมาด้วยความมึนเบลอ ไม่ได้ผลักออกอย่างปกติเพราะด้วยฤทธิ์สุรา ดูเชื่องกว่าปกติหลายเท่าจนริมฝีปากสวยของคนด้านบนแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์

“ถ้าผู้หญิงมันหายากนัก...”

ลูบลงไปตามลำคอแกร่ง ไหปลาร้าสวย แผ่นอกแข็งแรง กล้ามเนื้อเป็นลอนบางๆบนหน้าท้องก่อนจะลงมาหยุดที่ขอบกางเกงยีนและหัวเข็มขัดเย็น

“แจบอมจะลองกับผู้ชายอย่างผมดูสักครั้งไหมล่ะครับ”

“ถ้าฉันปฏิเสธ?”

“ผมก็จะทำอยู่ดีนั่นแหละ”จินยองยิ้ม เบิกตาโตเล็กน้อยขณะที่ใบหน้าใกล้กับอีกคนจนได้กลิ่นอาฟเตอร์เชพปะปนกับกลิ่น Absinthe เพราะเรียวแขนแข็งแรงที่คล้องเข้าที่คอ ดวงตาปรือฉ่ำวาวมองขึ้นมานิ่งๆ ริมฝีปากบางขยับเอ่ยคำที่ทำเอาความร้อนในกายพุ่งขึ้นถึงขีดสุด

“แสดงให้ฉันเห็นสิ”

เสื้อผ้าของทั้งสองถูกปลดเปลื้องออกไปจากเรือนกาย ความเขินอายไม่มีผลต่อฤทธิ์แอลกอฮอล์ในร่าง แต่นิ้วหยาบที่กดคลึงลูบไล้ไปตามร่างกายแข็งแรงกลับเร่งความร้อนให้พุ่งพล่าน แจบอมครางเสียงต่ำมึนเบลอไม่รับรู้ด้วยซ้ำว่าร่างกายตนถูกทำอะไรไปบ้าง แม้จะกรีดครางหรือมีเสียงแก้วแตกดังสนั่นขนาดไหนก็ไม่มีใครได้ยินนอกจากคนสองคนที่ถ่ายทอดความรุ่มร้อนให้แก่กันและกัน หนักหน่วงรุนแรงแต่ก็แฝงไปด้วยความนุ่มนวล เหมือนรสชาติของลองไอซ์แลนด์ ที่แม้จะหวานเพราะรสโคล่า แซบซ่าเพราะแก๊ซ แต่ก็เร่าร้อนเพราะจินดีกรีร้อน ผสมปนเปกันจนได้รสชาติที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ไม่ต่างจากลีลารักของจินยองที่พาแจบอมลืมเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดในวันนั้นไปจนหมดสิ้น และเอาแต่เปล่งเสียงครางกระเส่าจนถึงเวลาร้านปิด...

“อ่า...จินยอง”








แจ็คสันในชุดนักศึกษาเดินก้าวเอื่อยๆออกมาจากตึกคณะ ยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจ เขาเข้าไปพบอาจารย์ที่ปรึกษามาและโดนตำหนิเรื่องมาเรียนสายแถมยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องหาบริษัทเพื่อฝึกงาน ไอ้เรื่องมาสายก็เพราะเขาต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านของนายแบบหนุ่มชื่อดังที่ห่างจากที่นี่ไกลไปเกือบสิบกิโล แถมยังมียานพาหนะหนึ่งเดียวคือจักรยานเก่ารุ่นแม่ กว่าจะเข็นออกมาได้ก็แทบจะปาดเหงื่อ เกร็งขาปันจนมาถึงที่นี่ก็เข้าคลาสสายไปกว่าสามสิบนาทีเข้าไปแล้ว

ส่วนเรื่องที่ฝึกงาน แจ็คสันยอมรับว่าเป็นความบกพร่องของเขาจริงๆ ตอนแรกว่าจะคิดตั้งแต่วันที่เจสันกลับมาถึงบ้านแล้วล่ะนะ แต่ก็ลืมเสียสนิท วันต่อมาก็มีเรื่องที่พี่ชายฝาแฝดโดนปองร้าย วุ่นวายชุลมุนย้ายบ้านช่องเสียจนวุ่นวาย จนมาถึงวันนี้ แจ็คสันลืมเรื่องฝึกงานไปเสียสนิท แต่ถ้าไม่ฝึก เขาก็ไม่จบ ยังไงก็คงต้องไปรีวิวดูตามอินเทอร์เน็ตก่อนล่ะนะ ในเมื่อเขาไม่สะดวกจะไปเดินตามหาที่ฝึกงานในช่วงนี้จริงๆ

แจ็คสันกระชับกระเป๋าเป้เดินไปที่โรงจอดรถ เข็นเอาจักรยานเก่าๆออกมาจากซอกโรงจอดเพราะไม่กล้าเอาไปจอดรวมไว้กับรถคันอื่น กลัวจะโดนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเศษเหล็กแล้วโดนขนขึ้นรถเก็บขยะไปเสียก่อนจะได้ปั่นมันกลับบ้าน ขึ้นควบปั่นออกไปจากเขตรั้วมหาวิทยาลัย ในหัวก็คิดเมนูอาหารที่จะทำในเย็นวันนี้เพลินๆ

ไม่รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองกำลังโดนติดตาม...

รถติดฟิล์มดำคันหนึ่งเลี้ยวออกมาจากซอยที่ซ่อนตัวอยู่ ขับเอื่อยๆตามจักรยานคันน้อยออกมาในระยะไม่ให้เป็นที่น่าสงสัยแต่ก็ไม่ไกลจนคลาดสายตา จนกระทั่งแจ็คสันเลี้ยวเข้าไปในเขตบ้านคนซึ่งไม่มีผู้คนออกมาเดินเพ่นพ่านในช่วงเวลานี้ กระจกด้านข้างคนขับก็ลดลงปล่อยให้ลำกล้องปืนขนาดเล็กโผล่ออกมาเพียงนิดและลั่นไกปืนออกมาในชั่ววินาทีเดียว



ปัง!!!









ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*