[SF] Contest (NiorB)
Contest
Jinyoung X Jaebum
งานกิจกรรมกับเด็กมหาวิทยาลัยเป็นของคู่กัน
โดยเฉพาะเทอมแรกของปีการศึกษาที่มักจะมีกิจกรรมใหญ่ๆรอให้น้องใหม่ได้แสดงความสามัคคี
แสดงลวดลายฝีมือกันมากมาย แต่ละคณะก็จะมีกิจกรรมแตกต่างกันไป
คณะนิเทศศาสตร์ที่ผมเรียนอยู่เน้นความเป็นอิสระและไม่เหมือนใคร ดังนั้นทีม (Theme) งานจึงเปลี่ยนไปเรื่อยๆแล้วแต่ว่าคนจัดงานจะคิดอะไรได้ อย่างปีนี้มาใน Theme
งานชมดอกซากุระบาน
พวกสาขานิเทศศิลป์เนรมิตลานคอนกรีตกว้างให้กลายเป็นทุ่งดอกซากุระภายในวันเดียวได้อย่างอัศจรรย์ใจ
พวกสาขาวิชาประชาสัมพันธ์ก็เดินสายแปะใบโฆษณาไปทั่วมหาวิทยาลัย พวกสายการแสดงก็ฝึกซ้อมกันอย่างสนุกสนาน
กว่าจะถึงวันงานทุกคนก็เหนื่อยไม่ต่างกัน
แต่พองานออกมาดี
ทุกคนก็มีรอยยิ้มประดับอยู่บนหน้า
นั่นแหละความสุขของการทำงาน
ผู้ชายสวมเสื้อยืดคอกลม
เสื้อยีนฟอกสีและกางเกงยีนเข้ารูปยืนดูดหลอดดื่มน้ำชาเขียวเย็นแก้มตุ่ยข้างร้านขายไก่ทอด
ตาผละออกจากไก่ทอดกรอบสีเหลืองนวลมองผู้คนและบรรยากาศในงานเป็นพักๆ
“เอ่อ...รับสักชิ้นไหมคะพี่”เด็กปีหนึ่งถักเปียยาวคนเฝ้าซุ้มไก่ถามผมเป็นรอบที่สาม
แต่ใบหน้าคมคายส่ายหน้าไปมาปฏิเสธทั้งที่กลืนน้ำลายดังอึก
...อยากกินอ่ะ...
ขณะที่กำลังชื่นชมรูปร่างและสูดดมกลิ่นหอมของไก่ทอดใหม่ๆ
ก็มีคนมาทำลายเวลาแห่งความสุขด้วยน้ำเสียงแหบๆแต่ตะโกนดังยิ่งกว่าโทรโข่งงานวัด
“เห้ย เจบี
มางานด้วยเหรอวะ?”แจ็คสันสาขากำกับการแสดงวิ่งด้วยขาสั้นๆเข้ามาหา ด้านหลังหมอนั่นมีเดือนคณะบริหารของปีก่อนหน้าพวกผมเกาะมาด้วยอย่างทุกครั้งที่เจอหน้า
และมือเรียวนั่นก็ยังวางแหมะอยู่บนไหล่กว้างของแจ็คสันเหมือนเดิม
“มาดิ...สวัสดีครับพี่มาร์ค”
คนพูดน้อยพยักหน้าทักทายยิ้มบางๆแต่กระชากใจสาวเล็กสาวใหญ่ได้อย่างน่าอิจฉา
พี่มาร์คแกหล่อจริงๆนะครับ ไม่งั้นไม่ชนะเดือนมหาวิทยาลัยด้วยคะแนนล้นหลามหรอก
ถึงจะตัวผอมไปหน่อยก็เถอะ น่าสงสารพี่แกเหมือนกันที่มาเกาะแกะไอ้แจ็คสัน
รายนั้นน่ะไม่สนใจพี่เขาด้วยซ้ำ
ก็แปลกใจเหมือนกันว่าเพื่อนเขามันมีอะไรให้พี่มาร์คสุดหล่อ
พ่อรวยมาหลงใหลได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้
...อ้อ
ผมลืมบอกไปสินะว่าผมเอกภาพยนตร์น่ะ…
“ก็เห็นว่าปี
3 ภาพยนตร์ดูยุ่งๆนี่นา”คนตัวเตี้ยกลมกว่าใครเพื่อนเอ่ยถามตาแป๊ว
“ร่างไลน์ให้อาจารย์เสร็จก็ว่างแล้ว”เจบีบอกยิ้มๆ
ได้ยินเสียงกรีดแผ่วๆมาจากที่ไกลๆ
...อ้อ
ผมเป็นอดีตเดือนนิเทศด้วย...(หลายอ้อแล้วนะบี)
“แล้วพี่มาร์คล่ะ
วิจัยจบเป็นยังไงบ้าง”
พอพูดถึงเรื่องวิจัยใบหน้าหล่อเหลาก็เบ้ปากเบื่อหน่ายขึ้นมาทันใด
แถมเหลือบตามองไอ้เพื่อนตัวเตี้ยที่มองนั่นมองนี่ในงานเหมือนไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองอีกต่างหาก...สองคนนี้แปลกๆนะครับ
ถึงจะรู้ว่าพี่แกชอบเพื่อนผมก็เถอะ แต่ก็ไม่รู้ว่าข้างหลังกล้องสองคนนี้เป็นยังไงกันบ้าง
ผมกับไอ้แจ็คก็คนละสาขากันซะด้วย ถึงจะเป็นเพื่อนกันก็เถอะ
“แล้วนี่จะไปดูเวทีป่ะ?”ผมถามอีกคำถามเพื่อหลบเลี่ยงประเด็นเดิม
แจ็คสันพยักหน้าหงึกหงัก
“ไปดิ
ว่าจะไปดูไอ้ยูคมันประกวดมิสครอส อยากเห็นว่าจะเป็นยังไง จะขำหรือจะร่วง”ว่าแล้วก็หัวเราะก๊ากไม่เกรงใจใคร
ไอ้ยูคที่ว่าคือ
คิม ยูคยอม รุ่นน้อง ปี 1 สาขานายแบบ ตัวสูงชะลูด ซึ่ง...ไอ้แจ็คสันมันแค่อิจฉาความสูงน้องเขาแหละครับ
เลยชอบไปหาเรื่องแกล้งน้องมัน คิดๆไปก็สงสารไอ้สูง สูงอยู่ดีๆก็โดนไอ้เตี้ยรังแก
นิสัยโครตเด็ก...หมายถึงไอ้แจ็คอ่ะนะ
พวกผมสามคนเดินฝ่าฝูงชนไปเวทีกลางที่กำลังมีการแสดงเปิดตัว
รำพัดญี่ปุ่น
คนรำสวมชุดกิโมโนแต่งหน้าขาวปากแดงตามภาพจำในภาพยนตร์ญี่ปุ่นโบราณทุกประการ
นางรำสี่คนมารวมกันตรงกลาง ยกแขนสะบัดพัดเข้าหากัน และพอสะบัดเก็บก็เห็นพิธีกรประจำงานก็ปรากฏกายขึ้นมา
เสียงปรบมือดังเกรียวกราวรวมไปถึงเสียงผิวปากโห่แซว
“สวัสดีเพื่อนๆน้องๆทุกคนค่ะ
พี่โจวควอน แห่งดินแดนนิเทศแลนด์เองจ้า”เสียงหวีดแหลมร้องใส่เครื่องขยายเสียงพร้อมการกางแขนกว้างลายใหญ่ยิ่งกว่าเต้นหลีดมหาวิทยาลัย
เสียงระดับซูเปอร์โนว่าสั่นแก้วแตก (เวอร์) ทำเอาคนในงานเอามือปิดหูแทบไม่ทัน
เสียงโห่ร้องจากด้านล่างทำให้คนบนเวทีหัวเราะร่าพอใจยิ่งกว่าเดิมไม่มีสลดแต่อย่างใด
“โหยยย
คนมากันเยอะแยะเลยนะ ว้าววว นั่นอดีตเดือนมหาลัย ว่าไงจ๊ะ รูปหล่อออ”โจควอนในชุดราชินีเอลซ่าในเรื่องราชินีน้ำแข็งกรีดมือกระดิกนิ้วทักทายมาร์คอย่างมีจริต
แจ็คสันยิ้มขำหัวเราะปากกว้างไม่ได้หวงผู้ชายของมันแต่อย่างใด
ในขณะที่คนโดนแซวยืนเกาหัวแกรกๆไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน เพราะสาวๆรุ่นน้องมองมาเป็นสายตาเดียวด้วยความสนใจ
“เอ้าๆ
หันมาสนใจทางนี้ต่อดีกว่า”พี่โจควอนเรียกความสนใจขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง “วันนี้เรามีงานอะไรกันเอ่ย~”
“มิสครอส!!”ทุกคนร้องโดยพร้อมเพรียงกัน
“ใช่แล้วจ้า
งานประกวด Miss Crossdress 2016 นั่นเองงงง”
ทุกคนคงงงว่าไอ้มิสครอสเดรสนี่มันคืออะไร
ผมจะอธิบายให้ฟังนะครับ มันก็คือการประกวดนายงามแบบแผลงๆนั่นแหละ ประมาณว่าคัดหาชายหนุ่มผู้มีหน้าตา
รูปร่างและท่าทางที่ช่างแต่งหญิงขึ้นซะจริงๆแบบนี้อ่ะ มันก็เป็นงานประกวดประเภทนั้นแหละครับ
ไม่ได้จัดจริงๆจังๆหรอก จัดเอาสนุก เอาฮาเท่านั้นเอง และบางปีคนสมัครก็จะเป็นพวกแต่งเอาเล่นๆเพื่อสร้างสีสัน
อย่างปีก่อนๆไอ้แจ็คก็ประกวด แต่งเอาฮาแต่ก็ยังชนะ ผมยังจำหน้าเหวอๆของมันได้เลย
แถมพอลงจากเวทียังมาถามผมเอ๋อๆอีกว่าตัวเองชนะได้ยังไงกัน ทั้งที่แต่งหน้าเหมือนตัวตลกซะขนาดนั้น
...ถามพี่มาร์คสิครับ
น้องกากา...
ส่วนผมขอบายครับ
หน้าตารูปร่างอย่างผมแต่งไปก็ไม่เหมาะหรอก
ยืนหล่อชิคๆให้สาวๆกรี๊ดกร๊าดด้านล่างเวทีนี่สนุกกว่าเป็นไหนๆ
“เบอร์ 2...”
...อ้าวเฮ้ย! ใจลอยจนถึงเบอร์สองแล้วเรอะ!...ผมรีบเบิกตาตี่ๆขึ้นไปมองบนเวที
เห็นเบอร์ 1 แล้วไม่คุ้นหน้าก็ไม่ได้สนใจ หันไปมองคนที่กำลังจะเดินออกมา
“คิม ยูคยอม
ปี 1”
แจ็คสันร้องเชร้ดเสียงดังมาก
พอๆกับคนในงานที่ผิวปากปรบมือชอบใจ
เพราะไอ้เด็กต่อสูงชอบทำท่าทางติ๋มๆนั่นแต่งหญิงออกมาได้สวยใช่เล่น สไตล์ฮิเมะ (เจ้าหญิง)
เลยแหละ วิกผมยาวรวบขึ้นปักปิ่นสีสวย เครื่องหน้าหล่อเติมเครื่องสำอางทำให้ดูสวยขึ้นทันตา
แถมรูปร่างนายแบบก็ใส่ชุดกิโมโนสีเหลืองสดใสขึ้นเสียด้วย
“โหยยย สวยอ่ะ
อดล้อมันเลย”ได้ยินเสียงแจ็คสันมันดังมาแว่วๆ นั่นไง
ความชั่วร้ายของมันปรากฏแล้วครับ!
ผมไม่ได้ใส่ใจไอ้เตี้ยมากเท่าไหร่เมื่อพี่โจควอนประกาศรายชื่อต่อไป
“เบอร์ 3
ปาร์ค จินยอง ปี 2”
คราวนี้นอกจากเสียงผิวปากของพวกผู้ชายยังมีเสียงกรี๊ดของพวกผู้หญิงดังขึ้นมาเสียงเชียร์กระหึ่มจนผมตกใจ
แถมสาวๆพวกนั้นยังมีป้ายไฟรูปดอกท้อกับนานาฉายาชูขึ้นมาสุดแผนคนละแผ่นสองแผ่นอีกต่างหาก
“นยองสู้ๆ”
“กรี๊ดดด
เนียร์จ๋าน่ารักกก”
“แมวน้อยยย”
ผมอ้าปากเหวอ
อึ้งกับความคลั่งไคล้เข้าใจยากของสาวๆพวกนั้นจริงๆ
แต่พอหันกลับไปมองเจ้าของชื่อที่กำเดินเข้ามาก็พอจะเข้าใจ...
ท่อนขาใต้ถุงน่องสีขาวดูเพรียวสวมรองเท้าบูทสูงสีน้ำตาลเข้มถึงเข่า
เหมาะกับกระโปรงกิโมโนแนวโลลิต้าสีม่วงประดับลูกไม้สีขาวดูน่ารักอ่อนหวาน
เสื้อแขนยาวปรงหลังมือถือร่มน่ารักๆเข้าชุดกัน เรืองหน้าแต่งเครื่องประทินโฉมดึงความน่ารักของคนบนเวทีออกมาอย่างเต็มที่
ดวงตากลมเรียวชี้เหมือนแมว แก้มกลมๆทาบรัชสีชมพูอ่อน
ปากก็รึเป็นกระจับเคลือบลิปสติกสีชมพูม่วงอ้อน ยิ้มมุมปากทีเล่นเอาหัวใจจะวาย
ท่าทางการเดินมีจริตจกร้าน ปรายสายตามองเกี่ยวหัวใจทั้งสาวทั้งหนุ่มมาไว้ในกำมืออย่างง่ายดาย
...รวมไปถึงแจบอมด้วย...
“น่ารัก...เหมาะที่สุดเลย”ผมเพ้ออกมาอย่างไม่รู้ตัว
จากนั้นสายตาของผมก็จดจ้องอยู่ที่คนๆนั้นเพียงคนเดียว
แม้จะมีอีกหลายต่อหลายหมายเลขออกมา แต่สายตาผมก็จ้องแค่เขา
หัวใจด้านซ้ายเต็นตึกตักๆยิ่งกว่าเสียงรัวกลองรบเพียงเพราะอีกฝ่ายเหมือนจะหันมาสบตา
...เป็นเอามากแล้วแฮะ
ผมนี่...
ผมส่ายหน้าไปมาเรียกสติ
มองผู้แข่งขันคนอื่นๆบนเวทีบ้าง กิจกรรมบนนั้นก็มีหลายอย่าง
ทั้งการแสดงความสามารถพิเศษ การเดินโชว์ตัว หรือแข่งกันทำหน้าน่ารัก
การแข่งขันแรกเป็นการแสดงความสามารถ
จินยองดึงอะไรบางอย่างออกมาจากร่ม
และตอนนั้นผมถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายพกดาบเอาไว้ตลอด...หมายถึงดาบร่มน่ะ
คิดอะไรกันน่ะครับ (นี่ว่าคนคงไม่คิดถ้าบีย์ไม่บอกนะ) จินยองจับดาบมั่น
ดูท่าทางเชี่ยวชาญไม่ใช่น้อย แถมท่าทางยังดูสง่าผ่าเผยขึ้นมาในทันทีอีกต่างหาก
“กรี๊ดดดดดดดด
เพพินยองงง”สาวๆกรี๊ดขึ้นมาเสียงดังมาก และผมก็สังเกตว่าจินยองหันไปยิ้มให้พวกเธอ
ท่าทางตอนจับเมื่อครู่หายไป เขาดึงดาบไปไว้ข้างเอว ถ้าผมจำไม่ผิดมันคือกระบวนท่าอิไอโด
ถ้าไม่ได้อยู่ในชุดน่ารักแบบนั้นคงเท่ไม่หยอกเลย เขาแกว่งดาบไปมาสองสามครั้ง
นั่นมันดูง่อยกว่าที่ผมคิดไว้ตอนที่เขาชักดาบออกมาเสียอีก แต่สาวๆกลับกรี๊ดระห่ำชมน่ารัก
คาวาอี้อย่างชอบใจ...เอาเถอะ มันก็คงน่ารักในสายตาสาวๆเค้านั่นแหละ
คนต่อไปคือยูคยอม
หมอนั่นเปิดเบรกแดนซ์เต้นไม่สนใจกิโมโนตัวยาวจนสุดท้ายได้ถลกมันขึ้นแล้วออกเสต็ปเสียเต็มที่
เต้นน่ะหล่อดีอยู่หรอก แต่สภาพมันน่าขำโว้ย คนบ้าอะไรเต้นไปมือถลกกางเกงไป
ผมขำก๊ากไปพร้อมกับแจ็คสันเลยครับ
ส่วนการเดินแบบหรือทำท่าน่ารักมันก็แน่นอนอยู่แล้วว่าเบอร์
3 นั่นกินขาด โถ่ รางวัลนอนมาเลยแหละครับ คนนี้น่ะ เพราะไม่ว่าจะเปิดโหวตกี่รอบต่อกี่รอบ
แฟนคลับสาวๆก็จะเปย์เงินซื้อดอกกุหลายเพิ่มคะแนนให้จินยองอย่างถล่มทลาย
พอเห็นแบบนั้นก็ยิ่งทำท่านักเป็นการเซอร์วิส
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีคนตามชอบเยอะขนาดนี้
“จ้องตาไม่กระพริบเลยมึง”แขนสั้นๆแซะผมเบาๆ
หน้าตาไอ้เตี้ยเจ้าเล่ห์น่าหมั่นไส้
“รอบสุดท้ายแล้ว
ไปดิ ไปซื้อ”
“ซื้ออะไรวะ?”ผมหันมามองมันงงๆ
ตากลมป๊อกกลอกตาเป็นรูปวงกลมเหนื่อยหน่าย นิ้วป้อมชี้ไปทางซุ้มขายดอกไม้ของเวทีประกวด
“ซื้อไปโหวตจินยองสิ
เร็วเข้า เดี๋ยวหมดโอกาสทำคะแนนหรอก”
“กูไม่ซื้อเขาก็ชนะ”ผมบอกแจ็คสันอย่างนั้น
ใช่จริงๆนะ ไม่ว่ายังไงจินยองก็ชนะ จะให้ไปซื้อถมที่รึยังไง
แจ็คสันทำหน้าเหมือนผมพูดอะไรไม่เข้าท่ามากที่สุดในชีวิตออกไป
คราวนี้มันดันหลังผมไปที่ซุ้มขายดอกไม้ ชี้โบ้ชี้เบ้มั่วๆบอกคนพนักงงานเก็บเงิน ผมที่ยืนอยู่ข้างมันจู่ๆก็มีช่อดอกกุหลาบสีขาวแซมชมพูอ่อนในอ้อมกอด
แถมยังต้องเสียเงินเองทั้งที่ผมไม่ได้เป็นคนสั่งเองเสียอีกแหนะ
“เอ้า
ได้เครื่องมือแล้ว ไปๆ เอาไปให้เขาไป”
ผมมองดอกไม้ในอ้อมแขนแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
คือเสียเงินไปแล้วไง ถ้าไม่เอาไปให้จะดูน่าเกลียดไปไหม? ไม่สิ ไม่ใช่น่าเกลียด
แต่ผมจะเสียเงินไปเปล่าประโยชน์น่ะสิ
“10...9”เสียงนับถอยหลังทำเอาผมสะดุ้ง
ร่างกายวิ่งออกไปหน้าเวที หูได้ยินเสียงสาวๆหนุ่มๆกรี้ดกร๊าดโห่ฮา
จินยองยืนมองผมอยู่ ผมค่อยๆเดินไปอยู่ตรงหน้าเขาให้รู้ว่าผมจะเอาดอกไม้มาให้เขา
จินยองยิ้มกว้าง เดินเข้ามาใกล้และนั่งยองๆลงมาใกล้ผม
“เอามาให้เหรอ”
“อ...อืม”
“ขอบคุณนะครับ”อีกฝ่ายยิ้มกว้าง
กว้างจนเห็นรอยยับข้างดวงตายิ่งทำให้อีกคนเหมือนแมวเข้าไปใหญ่ หัวใจผมเต้นตึกตัก
หน้าร้อนผ่าว ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้ผมต้องหน้าแดงมากแน่ๆ
จินยองรับดอกไม้ไปกอดไว้พอดีกับพี่โจควอนบอกหมดเวลา
ผมเดินตัวลอยๆเพ้อๆกลับไปหาไอ้แจ็คสันที่ชูนิ้วโป้งให้
...ไอ้สัด
กูอายจะบ้า ไอ้เพื่อนเลว!!!...
ผลการแข่งขันออกมาก็ตามคาด
จินยอง ได้ที่ 1 ด้วยคะแนนมหาศาลจากแฟนคลับ (และเจบี) ที่ 2 คือยูคยอม ส่วนที่ 3
คือน้องแตงกวา เอ๊ย น้องยองแจ ปี 1 สายประชาสัมพันธ์
ส่วนรางวัลที่ได้ก็เล่นเอาฮาอย่างทุกปี กล่องขนาดเท่าๆกันสามกล่องถูกส่งมอบให้แต่ละตำแหน่ง
ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น แต่บอกได้เลยว่าของรางวัลของงานประกวดนี้พีคทุกปี
อย่างปีไอ้แจ็คสันก็ได้เป็นชุดคอสเพลย์น้องแมว ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันได้เอาไปใช้รึเปล่า
หรือกลับไปเผาทิ้งแล้ว
พอจบการประกวดก็เป็นการแสดงดนตรี
จินยองเดินลงจากเวทีมาพบปะแฟนๆ ดูเผินๆเหมือนพวกไอดอลหน้าหวานยังไงบอกไม่ถูก
พี่มาร์คลากแจ็คสันกลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าเร่งรีบอะไรกัน ผมก็โบกมือหยอยๆให้มันที่ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้อย่างไม่แยแส
...บีจะไม่ยุ่งเรื่องในครอบครัวใครครับ
บัยนะ น้องกากา ขอให้พรุ่งนี้มันมาเรียนได้ก็แล้วกัน...
ผมยังยืนกอดอกอยู่ที่เดิมเพราะไม่รู้จะทำอะไรต่อ
มองกลุ่มคนข้างเวทีแล้วถอนหายใจเบื่อๆ เดินออกมาจากตรงนั้นทันที
จินยองบอกลาแฟนคลับ
หอบเอากล่องรางวัลและช่อดอกไม้จากคนๆนั้นกลับเข้าไปในห้องแต่งตัวซึ่งน่าจะเหลือแค่เขาที่ยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะโดนสาวๆรั้งไว้นานกว่าที่คิด
อาคารเงียบอย่างที่คาด นิ่วหน้าหงุดหงิดสั้นสูงที่ตัวเองใส่อยู่
แต่เพราะไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องแล้วเลยฝืนเดินต่อ ทันทีที่ผลักประตูเข้าไปก็เผยรอยยิ้มกว้าง
“นายมาช้า”
“ขอโทษน่า
พี่ก็รู้ว่าสาวๆเขาไม่ปล่อยให้ผมมาง่ายหรอก”
ได้ยินเสียงเดาะลิ้นไม่ชอบใจจากอีกคนในห้อง
จินยองหัวเราะในลำคอพอใจที่ได้เห็นอีกคนแสดงปฏิกิริยาน่ารักๆแบบนั้น
มือใหญ่ดึงวิกออกจากศีรษะ ใช้มือยีๆผมสีดำรองทรงของตัวเองไปมา
เท้าก็สะบัดรองเท้าส้นสูงออก ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาขาอ้าซ่าไม่สนใจว่าตัวเองกำลังใส่กระโปรงอยู่
“นายเล่นละครเก่งชะมัด”อีกคนบ่น
มองท่าทางการนั่งของเขาแล้วทำสีหน้าบอกบุญไม่รับ
จินยองยักไหล่ไม่สนไม่แคร์
ถอดเครื่องประดับทุกชิ้นบนกายออกวางไว้บนโต๊ะ
ลุกขึ้นเดินไปหาคนที่นั่งคร่อมเก้าอี้อยู่มุมห้อง ดวงตาเรียวใต้เปลือกตาสีนวลที่เปลือกตาซ้ายประดับจุดดำเรียงกันสองเม็ดเหลือบขึ้นมามองเป็นเชิงถามว่ามีอะไร
“รูปซิปด้านหลังให้หน่อย”
“ทำแล้วจะได้อะไร”
“ได้ชุดไก่ทอดชุด
3 จากร้าน KKM”
“หันหลังมาสิ”อีกฝ่ายตอบรับทันที
ซิปเย็นๆถูกรูดลงจนสุดเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวที่ถ้ามองดีๆจะพบว่ามันกว้างน่าซบเข้าหาและแข็งแกร่งกว่าที่เห็นภายนอกมากมายนัก
คนนั่งอยู่กำลังเผลอไผลจะไปสัมผัสสะดุ้งสุดตัวเพราะจู่ๆจินยองก็หันหน้ากลับมา
พร้อมด้วยริมฝีปากร้อนฉกลงข้างแก้มหอม เพียงวูบเดียวสั้นๆ
แต่ทำเอาคนโดนหอมใจสั่นใกล้เคียงคำว่าช็อก
“ขอบคุณนะ บี”
“บอกให้เรียกพี่ไง”
จินยองหัวเราะในลำคอ
ไม่โต้เถียงแต่ก็ไม่ยอมรับว่าจะทำ เดินหนีเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำ
ปล่อยเจบีนั่งกอดพนักเก้าอี้ทำหน้ายุ่ง
...ฉวยโอกาสไปเรื่อย...
คิดไปคิดมาก็น่าตลก
ทั้งที่เขาก็รู้จักจินยองดีมากกว่าใคร
แต่ก็ยังจะหลงกับรูปลักษณ์ที่หมอนั่นสร้างขึ้นได้อีก
“งี่เง่าชะมัดเลยไอ้เจบี”บ่นให้ตัวเอง
โยกเก้าอี้รอเบื่อๆ เสียงลั่นล็อกกลอนประตูดังมาจากห้องที่จินยองเข้าไป
ก่อนร่างๆหนึ่งจะเดินออกมาด้วยสภาพที่แตกต่างราวกับคนละคน สาวน้อยน่ารักหายไปแล้ว
เหลือเพียงชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตขาวปลดกระดุมหนึ่งเม็ดบนและกางเกงยีนสีเข้ม
รองเท้าผ้าใบสีเทาคู่โปรด ใบหน้าหล่อเหลาได้รูปมีเสน่ห์จนไม่อาจละสายได้แม้เพียงแรกเห็น
เรียบง่ายแต่ทรงเสน่ห์
นั่นแหละ
คำจัดความของปาร์ค จินยองล่ะ
คนอายุน้อยกว่าเอามือสางผมหรี่ตาหลอกล่อคนที่นั่งมองตัวเองนิ่งตั้งแต่เมื่อครู่
กระตุกยิ้มไปอีกหนึ่งดึงกระชากร่างอีกฝ่ายให้เดินเข้ามาหา
“หิวไหม?”
“นิดหน่อย...แต่นายต้องหิวแน่ๆ
เพราะฉะนั้นไปกินไก่กันเถอะ”เจบีตอบอย่างแข็งขัน
จินยองหลุดหัวเราะร่ารู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก
“ตกลงใครหิวกันแน่
หืม? บี”จินยองยิ้มจนตาหยิบหยี ในใจคิดหมั่นเขี้ยวอีกคนจะแย่
แต่ก็ทำได้แค่มองเพราะรู้ว่าอีกคนไม่ชอบการโดนกระทำหรือการถูกเรียกในเชิงน่ารักสักเท่าไหร่
ทั้งที่จริงแล้ว อิม แจบอม มีความน่ารักซุกซ่อนภายในตัวเต็มไปหมด
...แน่นอนว่าจินยองได้เห็นด้านนั้นมากกว่าใครๆ...
“อย่ามาเรียกบีห้วนๆนะ
ฉันเป็นพี่นาย ต้องเรียกพี่บีสิ”คิ้วเรียวเหนือดวงตาตี่ๆนั่นขมวดเข้าหากันทำหน้าดุ
จินยองยิ้มบางๆไม่ตอบโต้
ฉวยโอกาสตอนอีกคนเผลอดึงมือหยาบขึ้นมาสัมผัสเส้นผมแข็งกระด้างของตนเอง
“เหนียวผมชะมัดเลย...คงจะดีถ้ามีรุ่นพี่ใจดีสระผมให้
จริงไหมครับ... พี่บี”
“อ...อืม”
เป็นอีกครั้งที่จินยองหลอกล่ออิมแจบอมสำเร็จ
ทั้งสองเดินออกไปด้านหลังอาคารตามคำขอของแจบอมที่ไม่อยากให้รุ่นน้องเห็นว่าตัวเองสนิทสนมกับจินยองเท่าไหร่นัก
เท้าสองคู่เดินขนาบคู่กัน เว้นระยะหนึ่งช่วงแขนไว้เสมอ
ไม่มีการจับมือหรือพูดคุยอะไรใดๆแต่ในใจทั้งคู่กลับรู้สึกสบายใจที่จะอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ
ไม่ต้องเอ่ยคำหวาน
ไม่ต้องสัมผัสกัน ไม่ต้องให้ใครเข้าใจเรา
แต่แค่เราเข้าใจกันก็เพียงพอ
เมื่อมาถึงรถ
เจบีก็รีบเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถด้านคนขับก่อนที่จินยองจะแย่งเขาขับเหมือนเมื่อเช้า
จินยองเอาของไปเก็บหลังรถ
เดินมาด้านคนขับที่เจบีนั่งประจำอยู่และกำลังสตาร์ทถด้วยรอยยิ้มน่าขนลุก
“ออกมา
ผมจะขับเอง”
“เฮ้ย
ไม่เป็นไร นายเหนื่อยแล้ว เดี๋ยวพี่ขับเอง”
“บี...”จินยองเอ่ยเรียกเสียงนุ่ม
“ไม่ได้นอนมาสามวันแล้วไม่ใช่เหรอ อย่าดื้อ ใครกันที่บอกว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่น่ะ
คนเป็นผู้ใหญ่ต้องลิมิตตัวเองนะ ...”บอกด้วยน้ำเสียงเว้าวอนปนการบังคับให้อีกฝ่ายได้เข้าใจว่าเขาก็เป็นห่วง
จินยองมองดูเจบีเสมอ แม้อีกฝ่ายจะไม่ค่อยรู้ตัวก็เถอะ
เบลอๆมึนๆไม่มีสติขนาดนี้ยังจะมาขับรถอีก เผื่อเกิดอุบัติเหตุจะทำยังไง...
เจบีสบตากับคนนอกรถ
คิดตามที่อีกฝ่ายบอกก็คงจริง ที่วันนี้เขาทำอะไรไม่ทันใจก็คงเพราะนอนไม่พอด้วย
สุดท้ายก็จำยอมเปลี่ยนให้จินยองมาขับแทน ต่างคนต่างคาดเข็มขัดนิรภัยให้เรียบร้อย ก่อนรถยุโรปคันเก่าของบ้านจินยองจะขับออกไปจากบริเวณคณะ
“ว่าแต่ใครคิดให้นายแต่งชุดนั้นล่ะ?”แจบอมถามเมื่อบรรยากาศในรถเงียบมากไปจนบางทีก็ขนลุกแปลกๆ
“พี่จุนโฮน่ะ...น่ารักล่ะสิ
เห็นเพ้อใหญ่เลย”
“ไม่ใช่!”คนอายุมากกว่าปฏิเสธ เอื้อมมือไปกดเปิดเพลงเพื่อเปลี่ยนเรื่อง
จำได้ดีว่าเพ้อบอกอีกฝ่ายน่ารักๆขนาดไหนตอนแข่ง ย้อนกลับไปก็ขำตัวเองว่าจะอะไรจะเพ้อขนาดนั้นกัน
“จะว่าไปก็อยากเห็นพี่ใส่นะ”
“ฝันอยู่เหรอ?
ก็รู้อยู่ว่าไม่ชอบ”ทำท่าขนลุก
นึกไม่ออกเลยว่าตัวเองจะใส่ชุดกระโปรงเข้าไปได้ยังไง
ยิ่งอย่างที่จินยองใส่วันนี้แล้วยิ่งไม่มีทาง
“ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก”
“ไม่เอา”ปฏิเสธเสียงแข็ง
จินยองหัวเราะเบาๆเป็นการหยุดประเด็นทั้งหมด
เรื่องไหนที่พูดต่อแล้วจะทำให้ทะเลาะกันจินยองจะรีบหยุดมัน และเรื่องไหนที่มันจะเป็นปัญหาในอนาตแจบอมก็จะรีบพูดให้เคลียร์ไปเป็นเรื่องๆ
พวกเขาจูนเข้าหากันได้ดี แม้บางอย่างจะต่างกับบ้างแต่ก็พูดคุยหาจุดสบายใจของกันและกันได้เสมอ
บางคนบอกความสัมพันธ์ของพวกเขามันช่างห่างเหิน
แต่สำหรับจินยองและแจบอมที่ต่างมีโลกของตัวเองทั้งคู่
นี่เป็นความสัมพันธ์ที่สบายใจที่สุด
โลกที่จะไม่ก้าวก่ายกัน
แต่จะคอยดูแลกันเสมอ...
แบบนี้เรื่อยไป
#อิมแจของคุณปาร์ค
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น