[SF] You’re so cute (NiorB ft.Jackson)
You’re so cute
Jinyoung X Jaebum
ft. Jackson
...วันนี้มีอะไรแปลกๆ…
หางคิ้วประดับไฝสองเม็ดเรียงติดกันกระตุกจนแจบอมต้องยกนิ้วไปคลึงมันเบาๆ
ในใจรู้สึกสังหรณ์ใจอะไรบางอย่างแปลกๆ แต่ก็พยายามปลอบใจตัวเองว่าคงคิดไปเอง
ดวงตาตี่มองเอกสารที่ต้องจัดการเบื้องหน้าเขม็งราวกับมันเป็นตัวบอสสูงสุดของเกมอะไรสักเกม
จรดปากกาสีทองซึ่งได้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อปีก่อนเขียนข้อความเติมในส่วนที่ขาดหาย
และไม่พยายามสนใจสายตาบางคู่ที่กำลังมองเขาอยู่...ในระยะประชิด
“แจบอมอ่า”
“บอกให้เรียกฮยอง”แจบอมบอกเรียบๆ
ไม่หันหน้าไปมองคู่สนทนา หมุนเก้าอี้ไปอีกฝั่งติดผนังกั้นโต๊ะทำงาน
ก้นหน้าค้นหาเอกสารบางอย่างออกมา
เปิดฝาเครื่องพริ้นต์วางมันลงและกดถ่ายเอกสารเพิ่มมาอีกสองสามแผ่น
“ก็แจบอมฮยองไม่สนใจผมเลยอ่ะ”
“แล้วนายไม่มีงานทำรึไงแจ็คสัน”วางเอกสารบนโต๊ะ
เปรยตามองดุๆไปที่เจ้าเด็กตัวกลมที่ไปลากเก้าอี้มานั่งเกาะข้างโต๊ะทำงานเขา
แถมยังท้าวแขนทำหน้าอูมๆเป็นซาลาเปาไส้หมูอยู่ใกล้ๆ
“โถ่ เย็นชาจัง”
“แจ็คสัน”เรียกชื่ออีกฝ่ายพลางถอนหายใจดังเฮือกใหญ่
“กลับโต๊ะนายไปได้แล้ว ถ้าเจ้านายมาตรวจจะแย่นะ”
“เหอะ”
...เด็กนี่...แจบอมปวดหัวจี๊ด
แต่ก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาขู่ได้อีก ในเมื่อขนาดอ้างเจ้านายยังขู่ไอ้เด็กตัวป่วนนี่ไม่ได้เขาก็ไม่รู้จะสะบัดอีกฝ่ายหลุดได้ยังไง
แจ็คสันเริ่มมาเกาะแกะเขาตั้งแต่เช้า
จนกระทั่งจะเที่ยงอยู่แล้วยังไม่ยอมกลับโต๊ะตัวเองไปทำงาน
เขาไม่มีปัญหาหรอกถ้าอีกฝ่ายจะนั่งเฝ้าทั้งวันโดยไม่กวนการทำงานของเขาอย่างตอนนี้ที่มือป้อมนั่นฉวยเอาเอกสารที่เขาเพิ่งเขียนเสร็จไปหมอบนอนอ่านท่าทางสบายอารมณ์
มือใหญ่ฉวยมันกลับมา
พยายามเกร็งควบคุมเส้นเอ็นบนใบหน้าไม่ให้แสดงสีหน้าหงุดหงิดออกไป
แจบอมตัดสินใจลุกขึ้นเดินผ่านร่างของเจ้าเด็กตัวเตี้ยออกไปจากโต๊ะ
ร่างเพรียวสมส่วนเดินไปหยิบแก้วน้ำกำลังจะกดน้ำดื่ม
แต่จู่ๆก็มีแก้วเซรามิกลายเสือมีควันลอยหอมยั่วยวนมาจ่ออยู่ข้างใบหน้า
ชายหนุ่มสะดุ้งเล้กน้อย หันไปมองคนถือแก้วดุๆ
“ชาแบบใหม่น่ะ ลองสิครับ”
...นี่ก็อีกคน...
“ไม่เป็นไร ฉันอยากกินน้ำเปล่ามากกว่า
นายกินไปเถอะ”บอกปฏิเสธปัดๆ กดน้ำเปล่าลงแก้วกระดาษต่อ
แต่พอกำลังจะยกขึ้นกินก็โดนฉวยจากมือไปต่อหน้าต่อตา เผลอตวาดอีกฝ่ายไปเบาๆ
“ย่า!”
“อย่าทำเสียงดุน่าฮยอง นี่ครับ กินน้ำแร่ดีกว่า
อันนี้ผมกินเอง”จินยอง รุ่นน้องในแผนกเดียวกันบอกพลางกระดกน้ำในมือเป็นการบังคับให้แจบอมต้องยอมดื่มแร่ขวดในมือ
คนอายุมากกว่าถอนหายใจเล็กน้อย บิดขวดน้ำกระดกกินไม่ใช้หลอด
ตาตี่ๆก็แอบมองอีกฝ่ายไปด้วย
วันนี้ปัดผมมาเสียหล่อ
มีนัดกับใครรึเปล่านะ?
“จ้องผมขนาดนั้น วันนี้ผมหล่อล่ะสิ”
แจบอมเผลอแบะปากเบาๆ
หมั่นไส้กับความมั่นหน้าของอีกคน “คนเราจะมั่นใจก็ให้มันมีขอบเขตหน่อย”
จินยองหัวเราะ โยนแก้วกระดาษลงถังขยะ
หน่วยตาเรียวคล้ายแมวมองไปยังแจ็คสันที่ยังนอนหมอบอยู่ที่โต๊ะของคนข้างกายด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“แจ็คสันนั่งอยู่นั่นนานแล้วนะครับ
เขามีธุระอะไรกับฮยองเหรอ”
“ไม่มีหรอก”ตอบกลางกระดกน้ำลงไปอีกอึกด้วยความกระหาย
ทำงานในห้องแอร์มันก็เย็นดี แต่ก็คอแห้งจมูกแห้งเป็นบ้า “วันนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้
อ้อมหน้าอ้อมหลังนั่งเฝ้าฉันตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ผมจัดการให้ไหม”จินยองเตรียมก้าวไปหาแจ็คสันแต่แจบอมจับไหล่กว้างไว้ได้ทันพลางส่ายหน้า
เขาไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่
“ไม่ต้องหรอกน่า
นายน่ะไปทำธุระของตัวเองไป”
จินยองเงียบไปสักครู่
ดวงตาของหมอนี่ไม่เคยจะอ่านออก ไม่ว่าจะรู้จักกันมากี่ปีต่อกี่ปีก็ตาม
“ก็ได้ครับ
แต่เที่ยงนี้ฮยองต้องไปทานข้าวกับผมนะ”
คิ้วเข้มเลิกขึ้น
กอดอกเหยียดยิ้มบนใบหน้า “เลี้ยงเหรอ?”
“ไม่อ่ะ”จินยองบอกหน้าตาย “ช่วงนี้ผมจน”
พอได้ยินคำตอบคนอายุมากกว่ากลับกลั้นขำไม่อยู่
หัวเราะและส่ายหน้า “โอเคๆ ฉันเลี้ยงเองก็ได้”
“ไม่หรอกครับ เดี๋ยวผมจ่ายส่วนของผมเอง
แค่ไปทานข้าวด้วยกันเฉยๆก็พอ”
แจบอมมองหน้าเจ้าของประโยคราวกับกำลังชวนสาวไปเดทแล้วเกิดหน้าร้อนขึ้นดื้อๆ
โถ่ สายตาหมอนี่มันอันตรายเกินไปแล้ว
“กำลังคุยกันเรื่องข้าวเที่ยงเหรอ?
ผมไปด้วยสิ”เสียงแหบห้าวพูดแทรกเข้ามาในขณะที่จินยองกำลังส่งรังสีสีชมพูให้รุ่นพี่ในที่ทำงาน
“ปกตินายไปทานกับเจ้านายนี่”
“วันนี้อยากเปลี่ยนบรรยากาศนี่นา
อยากสนิทกับแจบอมฮยองด้วย”แจ็คสันยิ้มกว้างให้แจบอม
เป็นรอยยิ้มที่ช่างสดใสราวกับพระอาทิตย์และมันทำให้แจบอมชะงักไปเล็กน้อยเหมือนทุกครั้ง
...แวบหนึ่งที่คิดไปว่าหมอนี่ก็น่ารักดีนะ...
“จะไปกินโตป๊อกกีนะ
นายกินเผ็ดไม่ได้นี่”จินยองจี้จุดอ่อนแจ็คสันได้จั๋งหนับ
คนตัวกลมตาโตบุ้ยปากสีสดนั่นออกมาทันที
“พวกนายไม่คิดจะกินอย่างอื่นกันบ้างรึไง”
“ฉันอยากกินไก่...”
“งั้นกินไก่/กินไก่”ทั้งสองพูดพร้อมกันราวกับนัดกันไว้ทันทีที่แจบอมเอ่ยแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา
ดวงตากลมอย่างลูกหมาและดวงตาหน่วยรีอย่างลูกแมวจ้องกันเขม็ง
แจบอมอาจจะตาฝาดที่เห็นสายฟ้าฟาดฟันกันระหว่างตาของสองคนนั่น
...แปลกจริงๆด้วย...
ร้านไก่ทอดจานด่วนสีแดงเป็นทางเลือกที่ง่ายที่สุดสำหรับพนักงานออฟฟิศธรรมดาผู้กำลังหิวโหยสามชีวิต
ต่างคนต่างสั่งเมนูของตัวเอง แล้วหาที่นั่งเหมาะๆติดกระจกข้างทางเท้า
แจบอมเข้าไปนั่งข้างใน ส่วนอีกด้านเป็นจินยองและแจ็คสันนั่งด้วยกัน
ทั้งสองคนนั่นมองเมนูของแจบอมด้วยสีหน้าแปลกๆ
“จะกินหมดเหรอ”จินยองถามขึ้นมาก่อน
ในถาดของหมอนั่นมีแค่ชุดได้สองชิ้น เฟรนฟรายและโค้กแก้วเล็ก 1 แก้ว
“แจบอมฮยองมีกี่กระเพาะเหรอ”แจ็คสันถามขึ้นมาอีก
สีหน้าของเด็กนี่แสดงออกชัดจนอยากจะเอื้อมมือไปบิดแก้มอูมๆนั่นให้รู้แล้วรู้รอด
“กินๆไปเถอะ นี่มันเงินฉันน่า”แจบอมชักสีหน้าหงุดหงิด
ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนต้องอึ้งเวลาเขาสั่งไก่ชุดใหญ่ใส่กระป๋องมากินคนเดียว
ทั้งที่มันออกจะเป็นเรื่องปกติสามัญ (แน่ใจเหรอบีจ๋า)
ทั้งจินยองและแจ็คสันยักไหล่ปล่อยผ่าน
ก้มหน้าก้มตากินอาหารของตัวเอง
พวกเขามีเวลาสามสิบนาทีก่อนจะต้องไปลงชื่อเข้าทำงานภาคบ่ายต่อ
“แจบอมฮยองกินแก้มพองเลยอ่ะ น่ารัก”แจบอมเกือบสำลักเพราะคำชมของเจ้าเด็กปีเกลียวนามแจ็คสันหวังที่ท้าวคางส่งสายตาแป๋วๆมาให้อย่างน่าขนลุก
“ไปเช็กสายตาเถอะแจ็คสัน
ฉันเนี่ยนะน่ารัก ให้ตายเถอะ ขนลุก”พูดพลางลูบแขนตัวเองไปด้วย
ไอ้ผู้ชายอายุสามสิบในชุดทำงาน หน้าคมเข้ม
มีกล้ามมีเนื้ออย่างเขานี่มีตรงไหนที่เรียกว่าน่ารักได้กัน
“แล้วผมน่ารักไหมอ่ะ?”แจ็คสันถามกลับ
แจบอมถึงได้เงยหน้าไปสังเกตคนตรงหน้าชัดๆ
ใบหน้าขาวกลมๆ
มีแก้มดูนุ่มนิ่มน่าหยิกสีเรื่อ ไหนจะดวงตากลมโตเหมาะกับคิ้วเข้มๆและจมูกปลายรั้น
ริมฝีปากอิ่มสีแดงธรรมชาติ จะมองว่าหล่อก็ได้แต่ถ้าจะบอกว่าน่ารักก็ไม่ผิดนัก
“ก็น่ารักดี”
คราวนี้เป็นจินยองที่ไอโคลกหันไปมองแจ็คสันที่ยิ้มหน้าบานเขม็ง
รีบชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“แล้วผมล่ะฮยอง”
แจบอมมองหน้าจินยองเกือบหนึ่งนาที
ทุกคนหยุดนิ่งรอดูปฏิกิริยา ก่อนที่คิ้วเข้มจะขมวดเข้าหากัน
“นายอยากได้ยินฉันชมนายว่าน่ารักจริงเหรอ”
แจ็คสันหัวเราะก๊าก
ในขณะที่จินยองทำท่าสติหลุด แล้วพอสติกลับมาคนเป็นรุ่นน้องก็ทำหน้างอน
พองแก้มตุ๊บป่อง
“พองไปก็เท่านั้นแหละ”แจบอมเอ่ยขำๆ
ก้มหน้าก้มตาทานไก่ในถาดของตัวเอง
ปล่อยในจินยองตีอกชกลมคนเดียวจนถึงเวลาทำงานภาคบ่าย
และคงเพราะเรื่องที่แจบอมไม่ยอมชมตัวเอง
ปาร์คจินยองเลยไม่โผล่หน้ามาหาอย่างเช่นทุกวัน
มีแต่แจ็คสันที่ยังมานั่งจับเจ่าอยู่ที่เดิม เวลาผ่านไปล่วงเลยบ่ายสามโมง
แจ็คสันที่เอางานมาทำที่โต๊ะก็เริ่มฟุบหมอบอีกครั้ง
แจบอมเหลือบมอง
จริงๆเขาสังเกตตั้งแต่เช้าแล้วล่ะว่าอีกฝ่ายดูเพลียผิดปกติ ใบหน้าไม่สดใสเหมือนเคย
และดวงตากลมสุกใสก็ดูหม่นหมองกว่าทุกวัน
“หน้านายดูเพลียๆนะ
เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ”
แจ็คสันสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่พ้นสายตาของคนประสบการณ์มากกว่าได้
หน่วยตากลมกลอกหลบและแสร้งเอาหน้ามุดแขนสูทตัวเอง
“แจ็คสัน ถ้ามีอะไรบอกฉันได้นะ”แม้จะหมั่นไส้และหงุดหงิดที่อีกคนมารบกวนการทำงานของตัวเองแต่ก็ยังมีความรู้สึกว่าภาระของคำว่าฮยองนั้นอยู่บนบ่า
แจ็คสันถือเป็นน้องที่เขาเอ็นดูในแผนก ถ้ามีเรื่องอะไรทำให้อีกฝ่ายทุกข์ใจก็อยากจะช่วยให้คำปรึกษา
ดวงตากลมช้อนขึ้นมาสอบตาอย่างลังเลใจ
“งั้น...ช่วยตามผมมาได้ไหมครับ”
อาจจะเพราะน้ำเสียงอ้อนปนไปด้วยความสั่นไหวในอารมณ์
หรือดวงตากลมที่ฉายแววน่าสงสารขึ้นมาชั่วขณะ
จิตใจด้านโอบอ้อมอารีย์ของแจบอมเลยทำงาน
ลุกขึ้นเดินตามรุ่นน้องตัวเตี้ยไปห้องวัสดุของแผนกที่เอาไว้เก็บเอกสารและเครื่องใช้สำนักงานสำรองอื่นๆ
ติดกันนั้นคือห้องชงกาแฟและของว่าง
แจบอมพิงสะโพกกับเคาน์เตอร์
กอดอกรอให้อีกคนพูดอะไรออกมา
แจ็คสันเดินไปนั่งบนเก้าอี้พับในห้อง
ดวงตากลมก้มต่ำไม่ยอมสบตาเขา
“ฮยองเคยรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนสำคัญไหมครับ”
“หืม? ทำไมนายถามอย่างนั้นล่ะ”
แจ็คสันนิ่งไปสักพัก
เงยหน้ามองเขาเล็กน้อย “ผมน่ะ...ไม่สิ การที่ใครสักคนโดนอีกคนบอกว่ารักนักหนา แต่คนๆนั้นกลับชอบทำให้ร้องไห้
ชอบปล่อยปละละเลยให้น้อยใจเสมอ จนจู่ๆก็เกิดความรู้สึกว่าตัวเองอาจไม่สำคัญขนาดนั้นก็ได้...”
“ฉันว่าไม่หรอก”แจบอมเอ่ยยิ้มๆ “คนๆนั้นคงแค่แสดงออกไม่เป็นเท่านั้นเองล่ะมั้ง”
“ทำไมฮยองคิดอย่างนั้นล่ะ”แจ็คสันเงยหน้ามองด้วยความสงสัย
“ฉันรู้จักอยู่น่ะ คนแบบนั้น
รู้จักดีเลยด้วย...”เสียงนุ่มหลุดหัวเราะเล็กน้อยในลำคอราวกับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง
“ถึงไม่หนักขนาดทำให้ร้องไห้ แต่ก็ชอบทำให้อีกฝ่ายรู้สึกน้อยใจหรือรู้สึกไม่มั่นใจในความรู้สึกเสมอ...ทั้งที่จริงๆมันก็ไม่มีอะไรหรอก
คนมันไม่กล้าก็แค่ไม่กล้า คนซื่อบื้อก็คือคนซื่อบื้อ
คนที่คิดว่าที่เป็นอยู่นี้ดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องมีอะไรเพิ่มเติมก็สามารถเดินไปด้วยกันได้เรื่อยๆ...มันก็แค่นั้นเอง”
“ฮยองดูเข้าใจจัง”
“ก็บอกแล้วว่ารู้จักดี”
“งั้นฮยองพอจะทำความเข้าใจผมสักคนได้ไหมล่ะครับ”
“หา?”
แจบอมเงยหน้าขึ้นพอดีกับที่อีกฝ่ายรุดเข้ามาใกล้
สองแขนสั้นกักร่างสูงกว่าของแจบอมไว้กับเคาน์เตอร์
ดวงตากลมเงยหน้าสบตากับเขาด้วยความจริงจัง
“แจบอมฮยองครับ...ผมน่ะ...”
แจบอมนิ่งค้าง
ลืมกระทั่งผลักอีกฝ่ายออกไป แม้ใบหน้ากลมจะเลื่อนเข้ามาใกล้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องผลักออกอย่างที่คิด
มันไม่ใช่ว่ามีอารมณ์ร่วมหรอก...แต่คนตรงหน้าไม่มีรังสีการคุกคามสักนิด...
ทำไม?
.
.
แล้วแจบอมก็ได้คำตอบเมื่อประตูห้องดีดออกจากกรอบประตู
สายลมสายใหญ่พัดผ่านร่างพวกเขาไป
“เมียครับ...”เสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังร่างสั้นที่สะดุ้งโหยงทันทีที่ได้ยิน
ใบหน้ากลมผินกับไปมองสีหน้าซีดเผือก ร่างสูงโปร่งที่ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูส่งรังสีทะมึนจนแจบอมยังต้องกลัว
“อย่าห้าวมากนัก...ไป...กลับบ้าน”
ว่าแล้วมือเรียวของท่านหัวหน้าแผนกก็หิ้วคอเจ้าลูกหมาออกไปจากแจบอมและห้องทำงานไปในทันทีทันใด
“...”
ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนแจบอมยังตั้งตัวไม่ทัน
...สรุป ไอ้ข่าวลือที่บอกว่าแจ็คสันเป็นแฟนกับเจ้านายก็เป็นจริงน่ะสิ...
แล้วทำไมวันนี้ถึงมาเกาะแกะเขาได้ล่ะ?...
“จนได้นะไอ้ลูกหมา”จินยองเดินออกมาจากห้องชงกาแฟของบริษัท
แจบอมเงยหน้าไปสบตากับชายหนุ่มที่ยิ้มเหมือนรู้อะไรมาด้วยความสงสัย “แค่คนงอนแล้วงี่เง่า...”จินยองตอบแค่นั้น
ไม่ยอมอธิบายอะไรเพิ่มเติม เดินถือแก้วกาแฟสองแก้วเดินเข้ามาใกล้คนที่ยังพิงสะโพกอยู่ท่าเดิม
ตอนนี้สำนักงานไร้คน
ยกเว้นเขาและคนตรงหน้า แสงสีส้มอาบไล้เข้ามาเปลี่ยนสีผิวให้ประกายส้มเหลือง
ดวงตาเรียวหันมาสบตากับคนอายุมากกว่า
ริมฝีปากสวยแย้มยิ้มอ่อนโยนไม่แพ้ดวงตาที่มักทำให้แจบอมหลุดความเป็นตัวเองเสมอ
“อเมริกาโน น้ำตาลสามช้อน
ครีมเทียมหนึ่งช้อนครับ”
แก้วกาแฟถูกส่งให้แจบอมที่รับไปสุดกลิ่นไปกรุ่นแสนคุ้นเคย
เงยหน้ายิ้มให้อีกคนแทนคำขอบคุณ
“อยู่ในนั้นนานแล้วเหรอ?”
“ก็ตั้งแต่บีเดินเข้ามาพร้อมแจ็คสันนั่นแหละ”สรรพนามเปลี่ยนไปเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าจินยองไม่อยู่ในอารมณ์ปกติสักเท่าไหร่
มันทำให้แจบอมหัวเราะเสียงดัง จินยองหันมามองมองพลางทำหน้างง ไม่เข้าใจว่ามีเรื่องอะไรให้น่าหัวเราะนักรึไง
“หัวเราะทำไม? เรื่องบอกว่าผมไม่น่ารักเมื่อตอนเที่ยงก็ยังไม่เคลียร์เลยนะ”
“ให้ตายเถอะ ปาร์คจินยอง”แจบอมถอนหายใจอย่างระอา
“ฮยองพูดสักคำรึยังว่านายไม่น่ารัก”
“อ้าว”จินยองทำตาโต
และยิ่งโตมากขึ้นไปอีกเมื่อแจบอมยึดหลังคอตัวเองลงไป
ทาบทับริมฝีปากเรียวบางกับริมฝีปากอิ่มอีกคู่ ดวงตาตี่หลับตาพริ้มทำให้เห็นแพขนตาบางๆและเม็ดไฝสองจุดเป็นเอกลักษณ์บนเปลือกตาสีอ่อน
เมื่อดวงตาคู่นั้นเปิดขึ้น พวกเขาก็สบตากัน
“นายน่ารัก...”
“น่ารัก...แล้วรักไหมครับ”ดวงตาเรียวทอประกายเจ้าเล่ห์ชวนใจสั่น
โอบเอวของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้
ช้อนจ้องตาอีกฝ่ายในระยะได้ยินเสียงหัวใจเต้นของกันและกัน
“ฉันไม่ตอบคำถามที่นายรู้อยู่แล้วหรอกนะ”
“ฮยองน่ารักชะมัด น่ารัก...จนอยากรักให้ขาดใจไปเลย”
คนในอ้อมกอดยู่จมูก
สอดแขนไปกอดคนอายุน้อยกว่าคืน
“ไปหัดพูดจาแบบนั้นมาจากไหนกัน”
“หึๆ ก็เรียนจากคนแถวนี้แหละครับ...ป่ะ
กลับกันเถอะ ไปหาอะไรทานแล้วกลับบ้านกัน”
แจบอมเดินกลับไปเก็บของบนโต๊ะของตัวเอง
จินยองก็เดินไปเก็บของบนโต๊ะตัวเองที่อยู่ห่างออกไปสามแถว ทั้งคู่เดินโบกมือลาพนักงานทำโอทีสองสามคนในห้องอย่างสนิทสนมและเดินออกมาพร้อมกัน
“แล้วที่พูดกับแจ็คสันนี่หมายถึงตัวเองเหรอครับ?”จินยองถาม
ถือโอกาสตอนลงลิฟต์กันแค่สองคนจับมืออีกคนขึ้นกุมแน่น กับแจบอมที่ห่วงภาพลักษณ์ชายสุดชิคแล้ว
จะได้แสดงบทหวานๆก็ตอนอยู่กันสองคนเท่านั้นแหละ
“รู้แล้วจะถามทำไม”แจบอมไม่ปฏิเสธ
ดูชิคเหลือเกิน แต่จะชิคกว่านี้ถ้าแก้มกับหูไม่แดงเรื่อแบบนั้นล่ะก็นะ...
“เนียร์ดีใจนะ”
คนเป็นพี่หันไปสบตาจินยองที่มองมาก่อน
ดวงตานั้นมักจะหลอกล่อและดักจับเขาไว้เสมอ ดวงตาอ่อนโยน
บางครั้งก็เต็มไปด้วยเล่ห์กล เดาทางออกยาก
แต่มันก็เป็นดวงตาเดียวกันกับที่มองเขาด้วยความรักเสมอ
“ดีใจที่ได้จับมือบีในตอนนี้
ดีใจที่บีให้โอกาสเนียร์ได้เดินเคยข้าง”
แจบอมยิ้ม แล้วกระชับมือที่อยู่ในอุ้งมืออบอุ่นของอีกฝ่ายแน่นขึ้น
“เดินด้วยกันไปเรื่อยๆนะ”
จินยองยิ้มกว้างจนหน้ายับ
เช่นเดียวกับแจบอมที่ก้มหน้าเขิน
ประโยคสั้นๆแสนธรรมดา
ดูไม่มีอะไรพิเศษนั่นทำให้ใจของทั้งคู่พองโตและสั่นรัวราวกับได้ฟังคำบอกรักที่หวานหูที่สุดในโลก
คู่ของพวกเขาแสนธรรมดา
ไม่มีความหวือหวาโรแมนติก และออกจะเป็นความสัมพันธ์ที่เข้าใจยากในบางที
แต่เพราะเป็นจินยองกับแจบอม ที่เป็นในตอนนี้ถึงเป็นความรักที่ดีที่สุด
เหมาะสมที่สุด พอดีที่สุดและสบายใจอย่างที่สุด
ก็เพราะเป็นเรา
เราที่เข้าใจกันเสมอ
#อิมแจของคุณปาร์ค
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น