[ตำหนักอี๋เจีย] 07
ตำหนักร้อนบำเรอรัก
07
ค่ำคืนหนึ่งในฤดูร้อน...
ตำหนักเลี่ยงหรงเงียบสงัดด้วยเวลานี้ก็ยามจื่อ*เข้าไปแล้ว
ผู้คนในตำหนักกำลังนอนหลับพักผ่อนรวมไปถึงผู้ที่ถูกกักอยู่ในห้องเล็กท้ายตำหนักด้วย...
ร่างขาวนอนตะแคงข้างเข้าหากำแพงบนเตียงนอนเล็กหลังเดิม
จมูกรั้นหายใจเข้าออกเป็นจังหวะ เปลือกตาบางหลับพริ้ม แก้มนุ่มวางอยู่เหนือมือเล็กป้อมที่ยกขึ้นมาวางรองศีรษะ
ขางอเข้าหาลำตัว ท่าทางนอนหลับสบายราวกับเด็กเล็กๆเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากผู้บุกรุกยามค่ำคืน
ดวงตาในเงามืดของห้องจับจ้องสะโพกงอนเป็นรูปร่างชัดเจนผ่านเนื้อผ้าสีอ่อน
ลอบกลืนน้ำลายเพราะเจียเอ๋องอเข่าเปลี่ยนท่าทางการนอน ลำตัวด้านบนพลิกกลับมานอนหงาย
สาบคอเสื้อแหวกออกเห็นตุ่มไตสีสวยวับแวม ขาด้านหนึ่งงอขึ้นพอดิบพอดีส่วนผ้าทับกันให้แหวกออกเผยลำขาขาวท้าสายตาคนมอง
...โทษพระจันทร์เต็มดวงที่ทำให้ร่างตรงหน้าเย้ายวนยิ่งกว่าคืนไหน...
“อือ...”เจียเอ๋อครางในลำคอรำคาญสัมผัสจากฝ่ามือบนต้นขาก่อกวนการนอนของตน
คิ้วเข้มขมวดแน่นแล้วคลายลงเมื่อสัมผัสรุกรานเปลี่ยนเป็นการนวดเฟ้นให้ผ่อนคลายแทน
ผู้กระทำมองภาพนั้นแล้วหัวเราะขำเบาๆกับการเปลี่ยนได้อารมณ์ได้ทันควันของคนบนเตียง
เจียเอ๋อคงนอนหลับอย่างมีความสุขต่อไปหากไม่รู้ตัวจากอุณหภูมิเนื้อหนังมนุษย์จากด้านหลังตนและมือล้วงเข้ามาบีบคลึงยอดอกตัวเองจนสะดุ้งตื่น
ดวงตาโตเบิกโพล่งตกใจแม้จะง่วงงันเพราะโดนปลุกกะทันหันแต่ก็รู้ว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ไหน
รีบสะบัดตัวอย่างแรงหวังจะดิ้นหลุดจากอ้อมกอดอันตราย
แต่ก็ยังช้ากว่าลำแขนยาวที่ตวัดรัดทั้งแขนทั้งตัวเข้าไปขังไว้แน่นไม่ต่างจากคีมเหล็ก
“ปล่อยข้า! เจ้าเป็นใครน่ะ!!!”
“รู้ตัวช้าเกินไปแล้วนะเจ้าน่ะ”
“อะ...อี๋เอิน!”เรียกนามเจ้าของเสียงทุ้มต่ำคุ้นหู
กำลังจะหันกลับไปมองก็ร้องโอยขึ้นมาเสียงดัง ผิวด้านหลังเจ็บแปลบขึ้นมาชั่วขณะ
ให้เดาว่าตอนนี้ตัวเขาคงโดนสร้างรอยแสดงความเป็นเจ้าของไว้อีกแล้ว แก้มกลมแดงก่ำเพราะสัมผัสอุ่นชื้นบนใบหูขาว
แค่ฟันคมขบเบาๆก็สั่นสะท้านไปทั้งเรือนกายแล้ว
“วะ...วันนี้ท่านต้องไปหานางสนมคนอื่นไม่ใช่รึไง”ท้วงขณะที่เสื้อด้านหลังถูกร่นลงไปถึงเอว
จับข้อมือเรียวที่ล้วงเข้ามาไล้หน้าท้องและกำลังจะต่ำลงเรื่อยๆ ส่ายหน้าขัดขืนลมหายใจร้อนเคลียอยู่ข้างใบหูและข้างลำคอ
“ไปมาแล้ว”อี๋ตอบเสียงเรียบ
ลุกขึ้นคร่อมเจียเอ๋อที่ตาโตมองเขาตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก
ขยับยิ้มพลางจับเส้นผมยาวมาม้วนเล่น “ก็แค่อยากมาหา”
เจียเอ๋อเม้มปากแน่นพยายามไม่แสดงท่าทีเขินอายให้อี๋เห็น
หารู้ไม่ว่าแก้มและหูแดงๆนั่นแสดงให้เห็นชัดเจนมากกว่าสิ่งใดเสียอีก
“ตอบรับข้าหน่อยแล้วกัน”
เจียเอ๋อไม่มีโอกาสได้ปฏิเสธเพราะปากสวยแนบเข้ามาทาบทับพร้อมลิ้นเรียวที่บุกรุกเข้ามากอบโกยภายในโพรงปากนุ่มหลังสิ้นคำถาม
มือขาวกำไหล่เสื้อเจ้าชีวิตตัวเองแน่นพยายามดันออกไป มือเรียวจับมือเขาทั้งสองข้างกดลงบนฟูกแข็งๆ
รวบกดไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียว
ส่วนมืออีกด้านก็ไล้ลงไปแหวกสาปเสื้อด้านล่างสัมผัสส่วนอ่อนไหวกลางลำตัว
เจียเอ๋อกระทุ้งขาขัดขืนแต่ก็โดนชายหนุ่มใช้หัวเข่าแยกต้นขาออกไม่ให้ทำร้ายร่างกายได้อีก
ร้องครางฮือใหญ่ ด้านล่างกำลังโดนมือเรียวปลุกเร้า ในขณะที่ยังโดนจูบแบบไม่ลดละ
แขนก็ถูกตรึงไว้ เจียเอ๋อขัดขืนอะไรไม่ได้เลย
อี๋ผละจูบออกเมื่อแน่ใจว่าคนใต้ร่างหยุดพยศ
มองดวงตากลมจ้องมองเขาด้วยความไม่ชอบใจแข็งกร้าวเหมือนเคยด้วยความชอบใจ
ชายหนุ่มชอบความดื้อดึงในดวงตานั้นจริงๆ
“ท่านมันมักมาก อี๋เอิน”
“หืม?”เลิกคิ้วเชิงถามทั้งๆที่รู้ว่าเจียเอ๋อจะพูดอะไร
“ท่านไปหาสนมมาแล้ว แต่ท่านก็ยังจะมารังแกข้าอีก ท่านมันไม่รู้จักพอ”
อี๋หัวเราะในลำคอ
ไปหานางสนมอื่นก็ใช่ว่าจะได้มีสัมพันธ์
ถ้าเขาไม่มีอารมณ์เรื่องอย่างว่าก็คงไม่เกิด
แต่กับเจียเอ๋อที่ได้มาเพราะการขัดดอกจากหนี้กลับสามารถทำให้เขารู้สึกแทบทุกครั้ง
เป็นเรื่องประหลาดที่ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะหาคำตอบว่าทำไม รู้แค่ว่าอยากก็ทำ...เหมือนตอนนี้
“พูดไปเถอะ...” มือเรียวปล่อยมือขาวออกจับสาปเสื้อกระชากออกทีเดียวเผยร่างกายขาวเนียนประปรายไปด้วยรอยช้ำและรอยจูบจากความสัมพันธ์ครั้งก่อนๆกระจายไปทั่ว
“เดี๋ยวก็ครางอยู่ดี”
เจียเอ๋ออยากจะตอบกลับอย่างเจ็บแสบแต่ก็ต้องครางลั่น
ผวาเริดหน้าอกขึ้น จิกมือเข้าที่ไหล่ผอมแข็งเพราะจู่ๆก็โดนนิ้วเรียวสอดแทรกเข้าช่องทางร่วมรักพรวดเดียว
เจ็บจี๊ดอยู่ช่วงหนึ่ง ร้องครางอีกครั้ง เชิดหน้ามองชายหนุ่มตาเขียว
หลับตาแน่นหลุดเสียงร้องหวานหลายต่อหลายครั้ง สะโพกขาวเผลอขยับขึ้นจากฟูกตอบรับปลายนิ้วเรียวในกายที่ย้ำกดจุดเสียวกลั่นแกล้ง
“อ๊ะ อื้อ อย่า อย่ากด ข้าจะ ข้าจะเสร็จ ไม่ อื้อ!”ร้องไม่เป็นภาษายกเท้ากระทุ้งหลังเอวชายหนุ่มเป็นการประท้วง
“ก็เสร็จไปสิ”อี๋ยิ้มร้างกาจ กดนิ้วย้ำจุดเดิม
มองใบหน้าคมหวานเสียวกระสันสะบัดไปมาด้วยความเพลิดเพลิน แก่นกายดันเสื้อคลุมขึ้นมาโป่งนูนปริ่มน้ำเปียกเลอะ
ไม่นานร่างขาวก็แตะจุดตามคาด ของเหลวสีขุ่นอาบหน้าท้องและเสื้อคลุม
แก้มกลมแดงก่ำเสียจนกลัวว่าเลือดในกายจะไปกองอยู่จุดเดียว อี๋เอินนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วส่งนิ้วเข้าไปเบิกทางต่อถึงสามนิ้ว
ตากลมเบิกกว้างร้องลั่น
“ไม่!”
“ปากเจ้าบอกไม่...”
“ฮื้อ!”
“แต่กายมันตรงกันข้าม เจียเอ๋อ”
ปากแดงขบกัดจนช้ำเลือดหลับตาแน่นตอนอีกคนสอดแทรกเข้ามาในร่าง
มันน่าเจ็บใจตรงที่ร่างกายเขาตอบรับชายหนุ่มได้ดีอย่างที่อีกคนปรามาสไว้
ถึงเขาจะไม่เต็มใจแต่ร่างกายนี้ก็เหมือนจะทรยศหักหลักจิตใจเสียทุกครั้ง
“อ๊ะ อื้อ!”
หลุดร้องเสียงหวิวกระดกสะโพกรับความแข็งขืนจนสุดความยาว
ชายหนุ่มเริ่มบรรเลงเพลงรักเนิบนาบไม่รุนแรงอย่างครั้งแรงๆด้วยเหตุผลบางอย่าง
นั่นทำให้เจียเอ๋อยิ่งอ่อนยวบราวโดนไฟลน
ความรุ่มร้อนกลับแฝงไปด้วยความอ่อนหวานนำพาร่างขาวให้ตกอยู่ภวังค์ของความใคร่
ผนังเนื้อตอดรัดท่อนเอ็นแข็งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
มือเรียวจับสะโพกมนกดตัวตนเข้าไปลึก
ดันโดนจุดอ่อนไหวในกายขาว เจียเอ๋อสะบัดตัวดิ้นเร่า ร้องครางเสียงหวานเสียวกระสันเพิ่มเชื้อเพลิงตัณหาให้โหมลุกไหม้หนัก
สั่นสะเทือนคลอนแคลนไปทั้งร่างเพราะแรงกระทบในส่วนเชื่อมต่อ ขาแน่นลอยขึ้นตามแรงกระแทกโดนมือเรียวจับพาดไว้บนไหล่ลดช่องว่างระหว่างกันให้แนบแน่น
“ฮ้า! อ๊า...”
จู่ๆเจียเอ๋อก็โดนพลิกกลับทั้งที่ส่วนนั้นยังเชื่อมกันอยู่
ใบหน้ามนไถไปกับหมอนถึงจะตกใจแต่ก็รีบคว้ามันมาจิกระบายอารมณ์ ร้องครางตามความวาบหวามที่พุ่งมาจากหน้าท้อง
สะโพกผอมซอยถี่หนักหน่วงจนร่างเขาสั่นคลอน อี๋ดันตัวเองเข้ามาลึกแช่ปล่อยหยาดความใคร่ลงร่างนี้อีกครั้งอย่างไม่รู้จักเบื่อ
สูดลมหายใจครางต่ำพอใจ
อี๋ถอนกายออก พลิกกายลงนอนข้างเจีอเอ๋อที่ยังหอบหายใจเหนื่อยอ่อน
ดวงตากลมปรือลง มือขาวยกเสื้อคลุมปาดเหงื่อบนใบหน้าออก ซุกหน้าลงบนหมอน
ร้องท้วงในลำคอเสียงเบา ขัดขืนนิดหน่อยตอนอี๋เข้ามาคลอเคลียซีกแก้มขาวแต่เพราะเบื่อจะต่อกรเลยปล่อยให้ชายหนุ่มทำแล้วแต่จะพอใจ
ชายหนุ่มกดจูบบนแก้มเนียนเบา
นอนท้าวคางมองศีรษะกลมที่นิ่งไปสักพักแล้วเอียงหน้าขึ้นมามองเขาอย่างนึกสงสัย
“ท่านจ้องอะไรนักหนา”
“ข้าพอใจจะทำ”
เจียเอ๋อกรอกตาเบื่อหน่ายซุกหน้าลงกับหมอนอีก
ท่าทางหมดแรงแบบนั้นเริ่มทำให้อี๋คิดแล้วว่าจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ของตน เจียเอ๋อจะไหวหรือ?
“พรุ่งนี้เช้าไปฝึกดาบกัน”
สิ้นคำเจียเอ๋อก็ค้อนขวับ
“ท่านทำข้าหมดแรงเอง แล้วจะมาชวนไปฝึกดาบเนี่ยนะ!”
...จะพูดได้ยังไงว่าไม่ได้ตั้งใจ...
อี๋เกิดเบื่อหน่ายอยากฝึกดาบกับใครสักคน แต่เฟิงจีเพิ่งขอลาพักไปเยี่ยมครอบครัว
พวกทหารเอกก็ถูกส่งไปปราบพวกโจรภูเขา ที่เหลืออยู่ในตำหนักก็มีแต่พวกกระจอก จะมีก็แต่บุตรชายตระกูลหวังที่มียุทธยอดเยี่ยมพอจะเป็นคู่มือได้บ้าง
แต่พอเห็นท่านอนไม่ระวังตัวเองแบบนั้นก็ปล่อยให้ความต้องการควบคุมเผลอจับอีกฝ่ายมาครางอยู่ใต้ร่างอีกจนได้
“สายหน่อยก็ได้ มีแรงเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน”
“แล้วข้าจะบอกท่านได้ยังไง?
ท่านออกไปห้องข้าก็โดนลงกุญแจแล้ว”เจียเอ๋อบ่นปนตัดพ้อ แม้ว่าอี๋เอินจะทำดีกับเข้ามากขึ้นขนาดไหน
ชวนเขาไปฝึกดาบ แม้กระทั่งสองกระบวนวิชาให้ก็หลายต่อหลายครั้ง
แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลยคืออิสรภาพที่ยังโดนปิดกั้นให้อยู่ในห้องเล็กอย่างกับรูหนูนี่
“คืนนี้ข้าจะนอนนี่”
มือเรียวกดศีรษะทุยลง เขาไม่อยากเห็นดวงตากลมโตนั่นคลอน้ำตาเหมือนพวกลูกหมาตอนถูกแม่ทิ้งของเจียเอ๋ออีก
ร่างขาวโคลงศีรษะพูดเสียงอู้อี้
“หึ เตียงห้องนี้มันแข็งนะ
คุณชายอย่างท่านมานอนเดี๋ยวก็หลังเดี้ยงกันพอดี”
“เดี้ยงก็ไม่เป็นไร
ข้าจะถือว่าหลังเดี้ยงเป็นเพื่อนเจ้าแล้วกัน”
“ข้าไม่ได้เจ็บหลังสักหน่อย”เงยหน้าขึ้นมาเถียง
ก่อนต้องหดคอวูบหนีใบหน้าสวยที่ยื่นเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้มยียวน
“ลองอีกสักครั้งไหมล่ะ เจ้าจะได้เจ็บหลังจริงๆแน่”
“พอเลย! ข้าจะนอนแล้ว ท่านอยากนอนไหนก็เรื่องของท่าน
ข้าไม่อยากรู้แล้ว!”เจียเอ๋อร้องเสียงดัง มือจับผ้าห่มตวัดคลุมกายหนีสายตาเจ้าเล่ห์
ขยับตัวไปมาอึดอัดกับของเหลวค้างคาในกาย ข่มตากล่อมตัวเองให้หลับ
บอกใจว่าไม่สนใจเสียงสวบสาบของคนข้างกาย ไม่สนใจแม้กระทั่งน้ำหนักแขนที่พาดบนช่วงเอว
และไม่แยแสต่อเสียงทุ้มข้างใบหู
“คืนนี้พักผ่อนเถอะ ข้าจะนอนเป็นเพื่อน”
...ทำไม่สนใจ แต่ทำไมข้าต้องหน้าร้อนแบบนี้ด้วยล่ะ...
[เพลงประกอบ เปิดเถอะ จะเกิดผล 55555]
เสียงขลุ่ยเพลงหวานระรื่นหูปลุกเจียเอ๋อให้ตื่นจากการหลับใหล
เปลือกตาบางขยิบถี่มองภาพเลือนรางตรงหน้าชัดขึ้น
อี๋เอินยังอยู่ในห้องไม่ไปไหนอย่างที่ได้บอกไว้
แถมยังถือวิสาสะเอาขลุ่ยบนหัวเตียงเขาไปนั่งบรรเลงบนเก้าอี้ข้างหน้าต่างอีกต่างหาก
เจียเอ่อตื่นขึ้นมานอนท้าวคางกับแขนมองอี๋เอินเป่าขลุ่ยจนตัวโน้ตตัวสุดท้าย
ใจเกือบหยุดเต้นตอนประสานตากับดวงตาสวยที่เหล่มองกลับมา
นัยน์ตาสีดำขลับจดจ้องมาที่เขาจนรู้สึกแปลกๆ
ยิ่งอี๋เอินลุกเดินเข้าใกล้ก็ยิ่งทำให้เจียเอ๋อทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่
ไม่รู้เพราะสายตาแปลกๆนั่น
หรือเพราะสถานการณ์ที่ตื่นมาก็เจออี๋เอินอยู่ในห้องตนกันแน่...
“ตื่นสายเป็นตัวขี้เกียจ...”
“เพราะใครกันล่ะ”เจียเอ๋อบุ้ยปากไม่พอใจ
มุดหน้าไปในผ้าห่ม
ฟังเสียงอี๋เอินนั่งลงบนฟูกก่อนชายหนุ่มจะดึงผ้าห่มออกบังคับให้เขาเผชิญหน้าด้วย
“พร้อมไปฝึกดาบกับข้ารึยัง”
เจียเอ๋อนิ่งไปชั่วขณะ ในใจก็อยากออกไปสูดอากาศรำดาบจะแย่
แต่ก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะไหว พักผ่อนไม่เพียงพอแถมยังเหนื่อยเพราะโดนชายหนุ่มรังแกไปเมื่อคืนอีก
“ข้าไหว...”ตอบเสียงแผ่ว ยันตัวเองลุกขึ้น
พลันก็ได้ยินเสียงกร๊อบลั่นในหู หลุดสีหน้านิ่วไปแว๊บหนึ่งแต่ก็ทำทีไม่เจ็บปวดใดๆ
ชายหนุ่มที่มองอยู่ถอนหายใจกับความดื้อดึงนั้น
มองคนไม่เจียมสังขารลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทีไม่เจ็บไม่ปวด ทั้งที่หน้าซีดเผือกและขาสั่นพับๆใกล้ล้มมะรอมมะร่อ
สุดท้ายก็ทนความสมเพชไม่ไหวตวัดเอวอวบลงมานั่ง
แต่เพราะดึงแรงไปหน่อยจากที่ตั้งใจให้นั่งข้างๆ ก้นนุ่มกลับแปะเอาบนหน้าขาตนเสียอย่างนั้น
ทั้งสองหน้าแดงก่ำ
อี๋เอินรีบปล่อยเอวอวบออกในขณะที่เจียเอ๋อลุกลงมานั่งบนฟูกดีๆ
เข้าหน้ากันไม่ติดอยู่พักหนึ่งแล้วกลายเป็นอี๋เอินที่พูดทำลายความเงียบ
“ไปอาบน้ำ แล้วตามหาไปที่สวนกลางตำหนัก”กระแอมเสียงเรียบแล้วลุกเดินออกไปจากห้อง
เจียเอ๋อพยักหน้ารับ รีบเข้าไปชำระร่างกายเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่พวกนางกำนัลเอาเข้ามาให้อย่างรีบเร่ง
ไม่ได้เจ็บเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้คล่องขนาดจะเดินเหินได้สะดวกนัก
มัดรวบผมให้เรียบร้อย แน่ใจว่าจะไม่โอนอี๋ตำหนิแล้วก็สูดลมหายใจเรียกความมั่นใจ
เปิดประตูออกไปมองสวนที่อยู่ไม่ไกลก็เห็นอี๋เอินนั่งเป่าขลุ่ยอยู่บนก้อนหินใหญ่ใต้ต้นดอกท้อ
ทั้งรูปร่างและท่าทางราวกับหลุดออกมาจากเรื่องเล่าของนักรบผู้สง่างาม
แม้ชุดจะยังเป็นชุดเดิมเมื่อคืนแต่ก็ไม่ทำให้ชายหนุ่มหมดราศีแต่อย่างใด
“จะยืนอีกนานไหม”อี๋เอินถามขึ้นจากที่ไกลๆ
แต่กลับได้ยินถึงตรงนี้ เป็นเพราะวิชาของเจ้าตัวนั่นแหละ ใช้เรี่ยราดเสียเหลือเกิน
น่าหมั่นไส้...
ถึงจะคิดปรามาสอยู่ในใจแต่ก็เดินก้าวเร็วๆไปหาชายหนุ่ม
หยุดยืนอยู่ใกล้ๆรอรับคำสั่งต่อไป อี๋เอินก็เงียบ เจียเอ๋อก็เงียบ
จนชายหนุ่มเจ้าของตำหนักถอนหายใจนั่นแหละ เจียเอ๋อถึงได้ขยับตัวไปพิงก้อนหิน
นิ้วป้อมเกาปาก อยากพูดอะไรมากมายแต่ก็ไม่รู้ว่าจะถูกควรแก่การพูดรึเปล่า
“มีอะไรก็พูดมา”อี๋เอินเปิดทางราวกับรู้ใจ
“ท่านไม่มีการงานหรือไง
ถึงได้มานั่งเป่าขลุ่ยแบบนี้ตั้งแต่เช้า แล้วอยู่กับข้าทั้งวันแบบนี้
เพื่อนท่านล่ะ? เฟิงจี?”
“วันนี้ข้าหยุดราชการ เฟิงจีลากลับบ้าน...เจ้านี่เอะอะก็เฟิงจีจริงนะ”
“ก็ข้ารู้จักแต่ท่าน น้องสาวท่าน หัวหน้านางสนมกับเฟิงจีนี่นา
จะให้ขาพูดถึงใครได้อีก”เจียเอ๋อกอดอกขมวดคิ้วไม่พอใจ
“ช่างเถอะ มานั่งนี่ เป่าขลุ่ยให้ข้าฟังที”
เจียเอ๋อปีนขึ้นไปนั่งข้างๆชายหนุ่มตามที่สั่ง
รับเอาขลุ่ยแบบเดียวกับในห้องมามอง
“จะให้ข้าเป่าเพลงไหนล่ะ?”
“ตามใจเจ้า”อี๋เอินบอกแค่นั้น
งอขาขั้นท้าวคางเอียงหน้าซบเข่ามองชายหนุ่มในฐานะสนมของตนกำลังทำหน้าลำบากใจเพราะไม่รู้จะเล่นอะไร
รวมถึงกระดากอายกับสายตาของเขาอีกด้วย
...น่าแกล้ง...
ในที่สุดเจียเอ๋อก็เลือกเพลงได้
แนบลำขลุ่ยชิดริมฝีปากเป่าลมเริ่มบรรเลงเพลงที่ตนชอบและคิดว่าชายหนุ่มน่าจะพอรับได้บ้าง
เพียงแค่ตัวโน้ตแรกอี๋เอินก็ยิ้มมุมปากกลับมานั่งขัดสมาธิบนหินลาด
มองเจียเอ๋อที่กำลังสั่นเล็กๆเพราะโดนเขาจับจ้อง เงอะงะทำตัวไม่ถูก สติหลุดบรรเลงผิดไปหลายตัวโน้ตจนชายหนุ่มหัวเราะลั่น
“เขินข้าหรือฝีมือขลุ่ยเจ้าไม่ได้เรื่องจริงๆกันแน่”
เจียเอ๋อกัดปากพยายามหาคำโต้กลับ
กระพริบตาๆปริบๆแก้มแดงวาบที่จู่ๆชายหนุ่มก็เข้ามานั่งซ้อนจากทางด้านหลัง หน้าอกแกร่งแนบชิดแผ่นหลังเขาจนแทบได้ยินเสียงหัวใจของกันและกัน
ไม่ทันได้ตอบโต้สิ่งใดอ้อมแขนยาวก็โอบมาจับมือเขาบนลำขลุ่ย
นิ้วเรียวดันนิ้วป้อมออก แทบกลั้นหายใจตอนใบหน้าสวยหล่อยื่นแนบแก้มนิ่มของตน
“ข้าเป่าเอง เจ้านั่งนิ่งไปเถอะ”
ไม่รอให้เจียเอ๋อได้เข้าใจสิ่งใด
อี๋เอินก็แนบลำขลุ่ยกับริมฝีปาก บรรเลงเพลงเดียวกันกับเจียเอ๋อเมื่อครู่ด้วยความพริ้วไหวและมีกำลังมากกว่า
เสียงขลุ่ยรื่นหูเป็นทำนองแว่วหวานไพเราะขับกล่อมผู้ที่ได้ฟัง
แต่คงไม่ใช่เจียเอ๋อที่นั่งเกร็งหน้าแดงก่ำอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม กัดปากแน่น
เสียงหัวใจเต้นแรงอย่างที่มั่นใจว่ายังไงคนด้านหลังก็ต้องได้ยินยิ่งทำให้เขาอับอายมากยิ่งขึ้น
นึกกังวลจนแทบไม่ได้ยินเสียงเพลง
รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เพลงจบและอี๋เอินคืนขลุ่ยให้กับเขา
เสียงทุ้มต่ำกระซิบข้างใบหูขาว
พร้อมเสียงเต้นตึกตักเป็นจังหวะรัวแรงของหัวใจอีกดวงที่คนในอ้อมกอดเพิ่งจะนึกสังเกตและได้ยิน...
“ไม่ต้องอาย...หัวใจข้าก็เต้นแรงไม่ต่างจากเจ้าหรอก
เจียเอ๋อ”
*ยามจื่อ ตามคติจีน คือเวลา 23.00-01.00 น.
โอ้ยยยยย เขินนนนนนนน
ตอบลบ