[SF] Jet Lag
Jet Lag
MARK
x JACKSON
“สวัสดีครับ”ชายหนุ่มในชุดสจ๊วตเชิ้ตสีขาวเดินหิ้วกระเป๋าและเสื้อสูทพาดแขนเข้ามาในห้องบรีฟก่อนบิน
รูปร่างที่ไม่ได้สูงแต่ก็สมส่วนกลับดูดีขึ้นมากเมื่ออยู่ในยูนิฟอร์มสายการบินชั้นนำของโลก
ใบหน้าคมคร้าม ดวงตากลมโตและรอยยิ้มกว้างเป็นมิตรพิมพ์ใจสามารถดึงดูดสายตาคนรอบข้างได้อย่างชะงักนัก
ชายหนุ่มทักทายคนรู้จักในห้องสองสามคน
ไม่ลืมแจกจ่ายยิ้มให้กับผู้ร่วมงามคนอื่นที่ไม่เคยได้ร่วมงานกันในไฟลท์นี้อย่างเป็นมิตร
วางกระเป๋าลงแล้วเดินเข้าไปอีกห้องเพื่อเอาเอกสารมาดูก่อนทำการขึ้นบินจริงๆ เป็นโอกาสให้แอร์สาวในห้องได้พูดคุยกันถึงความน่าสนใจของชายหนุ่มได้อย่างไม่เอียงอายเท่าใดนัก
“สจ๊วจคนนั้นหล่อจังแก
ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้านะ”
“นั่นสิ
โชคดีจัง อยากทำความรู้จักกับเขาบ้าง”
“ฉันว่ายาก...”แอร์สาวรุ่นพี่ที่นั่งเงียบมาตั้งนานเอ่ยขึ้น
เงยหน้ามาจากเอกสารข้องมูลของไฟลท์ตรงหน้า “ฉันบินกับเขาสองครั้ง
เหมือนว่าเขาจะเรียกให้ไปทำงานที่ชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาสตลอดเลย
ไม่ได้มีอากาสมาพูดคุยกับเราเยอะนักหรอก”
“อ้าว ซะงั้น
เสียดายจัง”
“เสียดายอะไรกันครับสาวๆ”เสียงแหบทุ้มของชายหนุ่มเอ่ยขึ้นไม่ไกลทำให้พวกเธอตกใจสะดุ้งแต่ก็ยังรักษาภาพลักษณ์อย่างแอร์หันกลับไปฉีกยิ้มให้ชายหนุ่มหน้าตาดีตรงหน้า
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ
ว่าแต่นายชื่ออะไรเหรอ?”
ชายหนุ่มขยับคอเสื้อพลางยิ้มกว้างเห็นฟันกระต่างขาวน่ารัก
“แจ็คสัน หวัง
เรียกผมว่าแจ็คสันก็ได้ครับ”
แจ็คสันสำรวจการแต่งกายของตนเองในกระจกก่อนขึ้นไปตรวจความเรียบร้อยของห้องโดยสารในเครื่อง
ไฟลท์นี้เขาก็ได้ไปประจำที่ชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาสอีกแล้ว...
สายการบินที่เขากำลังทำงานอยู่ขึ้นชื่อว่าเป็นสายการบินที่มีการบริการดูติดอันดับหนึ่งในสิบของโลก
จุดเด่นคือห้องโดยสารของชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาสที่จะเป็นห้องส่วนตัวแบบเฟิร์สอพาร์ทเมนต์
พร้อมสจ๊วตประจำชั้นหรือเรียกว่า บัลเลอร์ อีกหนึ่งคน ซึ่งในไฟลท์นี้ก็คือ แจ็คสัน
นึกแปลกใจเหมือนกันว่าทั้งที่ความอาวุโสในการทำงานเขาน้อยแต่กลับโดนดึงตัวขึ้นไปทำงานชั้นนั้นบ่อยครั้ง
เคยถามแล้วก็ได้รับคำตอบจากหัวหน้างานว่าเขาสามารถพูดได้หลายภาษา
แต่แค่นั้นสจ๊วตหลายคนก็ทำได้เหมือนกันแท้ๆ ได้แต่สะบัดศีรษะไล่ความสงสัยนั้นออกไป
ตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับงานและหน้าที่ของตนเอง มองเงาในกระจกนิ่งแล้วยิ้มกว้างขวาง
“เอาล่ะ
แจ็คสัน ยิ้มกว้างๆและทำงานให้เต็มที่นะ!”
ชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาสเป็นห้องกั้นขนาดไม่ใหญ่นักแต่ก็นับว่ากว้างขวางเอามากๆถ้านึกว่าที่แห่งนี้อยู่บนเครื่องบิน
มีส่วนของห้องนอนห้องน้ำและห้องครัว มีแม้กระทั่งในส่วนของห้องนั่งเล่นที่เป็นแบบส่วนตัว
ส่วนมากแล้วชั้นนี้จะถูกจองแบบเป็นกลุ่มธุรกิจมากกว่า
แต่จากที่อ่านเขาเห็นว่าไฟลท์นี้จะเหมาคนเดียว
‘คงรวยแบบโปรยเงินเล่นได้แน่ๆ’
แจ็คสันคิดเล่นๆในใจขณะดึงผ้าปูที่นอนให้เรียบตึงพร้อมสำหรับการใช้งาน
ลุกขึ้นเหลียวซ้ายขวาเพื่อให้มั่นใจว่าห้องนี้สะอาดเรียบร้อยและได้มาตรฐานแล้ว
ยกนาฬิกาข้อมือดูเวลาก็พบว่าถึงเวลาไปสแตนบายพร้อมรับผู้โดยสารแล้ว
ชายหนุ่มทักทายผู้โดยสายอย่างเป็นมิตร
รวมถึงช่วยยกกระเป๋าให้แก่ผู้โดยสารผู้หญิงที่ไม่สามารถยกขึ้นไปเองได้
แม้ที่จริงจะไม่ใช่หน้าที่เขาแต่ก็นับเป็นการบริการเสริมที่เขาเต็มใจทำเพื่อความสะดวกสบายของผู้โดยสาร
“ขอโทษนะครับ ชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาสไปทางไหน”น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามมาจากด้านหลัง
แจ็คสันหันกลับไปมองพร้อมรอยยิ้มค้าขาย หลุดค้างบางอย่างไม่ชั่ววินาทีทันทีที่เห็นหน้าก่อนจะเรียกสติคืนกลับมาอย่างรวดเร็วสมเป็นมืออาชีพ
ยื่นมือไปรับบัตรมาตรวจดูก็พบว่าเป็นผู้โดยสารชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาสจริงๆ
“ครับ
เชิญทางนี้เลยครับ”
ชายหนุ่มร่างโปร่งสูงในชุดสูทแบรนด์ดัง
เส้นผมสีน้ำตาลเข้มปัดเสยขึ้นเผยใบหน้าขาวหล่อสวยสะกดตาผู้คนที่พบเห็น ท่าทางอายุยังน้อยแต่กลับมีฐานะพอจะเช่าชั้นพิเศษโคตรแพงแบบนั้นได้ด้วยตัวคนเดียว
ทำให้ผู้ที่ได้ยินแทบหันคอมาดูเป็นสายตาเดียว
ซึ่งเหมือนชายหนุ่มจะไม่ได้สนใจอาจจะเป็นเพราะความเคยชิน
มือเรียวแข็งแรงส่งกระเป๋าเดินทางใบเล็กให้แจ็คสันซึ่งรับมาถือไว้
แล้วเดินนำหน้าไปทางห้องส่วนตัว
“ชั้นพรีเมี่ยมเฟิร์สคลาส
เรามีบริการพิเศษคือบัลเลอร์และเชฟส่วนตัวตลอดเส้นทางโดยไม่เสียค่าบริการเพิ่มเติม
ซึ่งผู้โดยสารสามารถเรียกใช้บริการได้ด้วยปุ่มเรียกในห้องซึ่งจัดไว้สามจุด
คือที่ห้องครัว ข้างโซฟาล๊อบบี้และข้างเตียง
รายละเอียดส่วนอื่นของบริการรบกวนอ่านได้หนังสือเมนูชี้แจงในห้องครับ”
“อืม...”ชายหนุ่มผู้โดยสารตอบรับเบาๆ
เดินตามแจ็คสันมาเงียบๆ ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันตลอดทางจนถึงประตูห้องส่วนตัว
แจ็คสันเปิดประตูห้องผายมือให้ชายหนุ่มเดินเข้าไปก่อน
แล้วถึงเดินตามเข้าไปวางกระเป๋าไว้บนโต๊ะในห้องล็อบบี้ที่ชายหนุ่มผู้โดยสารนั่งไขว้ขาอยู่บนโซฟาทรงครึ่งวงกลม
ดวงตาสวยหลังกรอบแว่นเรแบรนด์จับจ้องเขาเสียจนถ้าเป็นคนอื่นคงทำตัวไม่ถูก
“ถ้าต้องการรับบริการหรือมีปัญหาอะไร
รบกวนกดปุ่มเรียกบัลเลอร์ได้เลยนะครับ”
“แจ็คสัน”
“ขอโทษครับ
ตอนนี้อยู่ในเวลางาน”
“แจ็คสัน...เรียกชื่อฉัน”น้ำเสียงดุเข้มขึ้น
แจ็คสันนิ่งไปเหมือนข่มอะไรบางอย่าง
กลั่นเสียงออกมาช้าๆอย่างสุภาพและเป็นมิตร...ให้มากที่สุด
“คุณมาร์คต้วน...
ผมเรียกแล้วนะ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
“งานนายก็คือฉันไม่ใช่รึไง”มาร์คเอ่ยพลางถอดแว่นกันแดดสีชาลงเหน็บกระเป๋า
เอนตัวมองสจ๊วตคนเก่งด้วยสายตาเหนือกว่า “ฉันมีเรื่องให้นายช่วยนะ”
แจ๊คสันลอบกลอกตาเบื่อหน่าย
สวมหน้ากากเข้าหาชายหนุ่มที่ใช่ว่าจะไม่รู้จักกัน
ออกจะเรียกได้ว่ารู้จักกันดีจนเกินไปด้วยซ้ำ
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ”
“มานี่เร็ว
แล้วก็พูดปกติได้แล้ว มาให้กอดที”มาร์คถอนหายใจ
อ้าแขนออกกว้างราวกับเด็กร้องให้แม่กอด ปล่อยตัวเองเลื้อยไปโซฟา
ดูท่าทางเหนื่อยล้าจริงๆไม่ได้แสดงเพื่ออ้อนเขาแต่อย่างไร นั่นทำให้แจ็คสันใจอ่อน
เดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่มีศักดิ์เป็น ‘คนรัก’
ของตนเอง รวมถึงในฐานะ ‘ลูกชายบอร์ดใหญ่สายการบิน’
ด้วย
“มาร์คควรหยุดใช้อำนาจในทางไม่ชอบสักทีนะ”ต่อว่าอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจนักแต่ก็ยอมเดินเข้าไปนั่งข้างๆตามที่โดนข้อร้อง
“เอาน่า
เหนื่อยจะแย่แล้ว ขอกำลังใจที”
วงแขนยาวโอบเอวแจ็คสันเข้าไปใกล้
ซุกใบหน้าลงบนไหล่ลาด หลับตาลงสูดกลิ่นน้ำหอมของร่างขาวที่แสนคิดถึงซ้ำๆ ทั้งๆที่เป็นแฟนกันแต่กลับไม่ได้อยู่ด้วยกันมาเกือบเดือนแล้ว
ช่วงนี้ต่างฝ่ายต่างก็มีงาน จากที่แทบไม่เจอกันอยู่แล้วยิ่งห่างกันไปใหญ่
แจ็คสันใช้มือถือไม่ได้เพราะอยู่บนเครื่องบิน กฎของสายการบินก็กำหนดเอาไว้ มาร์ครู้ดี
แต่บางทีก็อยากแหกกฎให้แจ็คสันพกไว้ให้ได้พูดคุยกันบ้างก็ดี
“เหนื่อยมากเลยเหรอ?”แจ็คสันถามพลางลูบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของคนรัก
เพิ่งสังเกตถึงใบหน้าหล่อเหลายังมีไรหนวดบางๆและผิวหน้าที่ดูโทรมลงจากการเจอกันครั้งก่อน
“อืม...ป๊าให้บินไปตรวจงานให้...บินไม่หยุดมาสามประเทศแล้ว”
“ปกติไม่ขยันแบบนี้นี่”แจ็คสันหัวเราะเพราะรู้นิสัยชายหนุ่มดี
มาร์คไม่ชอบในสายทางนี้แต่ต้องมาช่วยป๊าเพราะป๊าไม่มีคนช่วยทำงาน
จนตอนนี้ก็กลายเป็นกำลังสำคัญของสายการบินไปแล้ว
“ฉันขอป๊าให้จัดนายเป็นบัลเลอร์ฉันทุกครั้งที่ฉันขึ้นเครื่องไปดูงานให้
ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ทำงานให้”
“ใช้อำนาจไม่ถูกทาง”ต่อว่าบีบจมูกโด่งเป็นสันอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
ตาโตเบิกกว้างตกใจเมื่อจู่ๆร่างก็โดนกดลงบนโซฟา
พร้อมมาร์คที่เคลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับ ดวงตาสวยมองเว้าวอนเต็มไปด้วยความคะนึงหาเสียจนทำให้แจ็คสันใจอ่อนยวบ
“คิดถึงนะครับ
คิดถึงมากๆเลย”
“ผมก็คิดถึงพี่นะ”
ริมฝีปากสวยโน้มลงมาใกล้
ลมหายใจร้อนคลอเคลียรับรู้ถึงกับและกัน นิ้วเรียวเกลี่ยแก้มใส เปลือกตาบางปรือปิดลงรอรับจุมพิตจากคนรัก
‘Please fasten your
seatbelt and return your seat to the upright position’
‘Please fasten your
seatbelt and return your seat to the upright position’
แจ็คสันสะดุ้งผลักอีกฝ่ายออกจากตัว
ดึงสติกลับเข้าร่างทั้งที่ผิวแก้มแดงแปร๊ด เกือบไปแล้ว
เผลอปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือหน้าที่เสียอย่างนั้น ทั้งที่วันนี้ตั้งใจจะทำงานแท้ๆเลยเชียว
“อีกนิดแท้ๆ
บ้าเอ๊ย”
“มาร์คว่าไงนะ?”หันกลับไปถามเจ้าของเสียงสบถเบาๆเมื่อครู่
มาร์คเอนศีรษะลงบนขอบโซฟา
หลับตาถอนหายใจพรั่งพรู
“ไม่มีอะไร
นายไปประจำที่เถอะ”
“อืม”พยักหน้าลุกออกไปนั่งเตรียมตัวรัดเข็มขัดบนที่นั่งของตัวเอง
เครื่องเทคออฟขึ้นโดยสวัสดิภาพ
แจ็คสันปลดเข็มขัดลุกขึ้นมาดูผู้โดยสารพิเศษของตนเองที่หลับคาที่นั่งไปแล้วแล้วหลุดยิ้ม
ทั้งขำทั้งสงสาร คงจะเหนื่อยมากจริงๆนั่นแหละ เดินไปปลดเข็มขัดนิรภัยออกให้
เกี่ยวเอวชายหนุ่มขึ้นให้แขนพาดบนบ่า
ประคองร่างคนรักที่เหมือนซะซูบลงไปนิดหน่อยให้ไปนอนดีๆที่เตียงนอน
กำลังจะหันหลังกลับ
ข้อมือก็โดนรั้งและกระชากกลับไปบนเตียง
เกือบหลุดเสียงโวยวายถ้าไม่ติดว่าเห็นแววตาที่ส่งมาก่อนของมาร์ค
“พี่คิดถึงนาย
คิดถึงมากๆ คิดถึงจะตายอยู่แล้ว อยู่กับพี่นะ อยู่กับพี่ก่อน”
“เมารึเปล่าเนี่ยหืม?”
“ไม่ได้เมา
ให้กอดหน่อย”
“อืมๆ ก็ได้
ถือว่าเป็นหน้าที่ของผมแล้วกัน”แจ็คสันปล่อยเลยตามเลย
หัวกลมซุกไหล่แข็งหลับตาลงซึมซับอุณหภูมิจากร่างกายอีกฝ่าย
แจ็คสันก็คิดถึงชายหนุ่มไม่ต่างกันนักหรอก
คิดว่าตัวเองคิดถึงได้คนเดียวรึยังไงกัน...
“ผอมลงรึเปล่า
เราน่ะ”จู่ๆมาร์คก็ถามขึ้นเพราะลองกอดดูแล้วเหมือนว่าเอวอวบที่เคยล้ออีกฝ่ายเล่นจะหายไปนิดหน่อย
“อืม...บินบ่อย
ไม่ค่อยได้กินข้าวอ่ะ”
“อีกแล้วนะ”
“อย่าดุดิ
ก็มันกินไม่ทันจริงๆนี่นา”อ้อนเสียงหงอยไม่ยอมเงยหน้ามาสบตาคนรักที่ทำหน้าดุไว้รอท่า
“ไม่ได้นอนด้วยล่ะสิ”
“ได้นอนอยู่น้า
แต่บางคืนก็นอนไม่ได้อ่ะ เจ็ทเลทอ่ะ”คราวนี้เงยหน้ากระพริบตาปริบๆไม่อยากให้มาร์คโกรธ
กอดเอวชายหนุ่มคืน
กลายเป็นพวกเขากอดก่ายกันบนเตียงหลังแคบบนเครื่องบินในห้องส่วนตัว
“ฉันจะสั่งพักงานนาย
คอยดู”
“จะบ้าเรอะ! ผมยังอยากทำงานต่อนะ!”ตวาดแว๊ดมือจิกเสื้อชายหนุ่มยิกๆ
“ก็แค่พักงานให้นายได้พักผ่อนไง”
“ฝันอยู่เหรอ?
ผมรักอาชีพนี้ พี่ก็รู้ แบบนั้นไม่เอาหรอก”แจ็คสันส่ายหน้าจนผมปลิว
“รู้น่า
ก็แค่อยากแซวเล่นน่ะ...นี่ แจ็คสัน”
“หืม?”
“หน้าที่นายคือบริการผู้โดยสารใช่ไหม?”
“อืม...”
“งั้น...บริการพี่ทีสิ...”
“...”
มาร์คกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงมองดูร่างคนรักที่นั่งคุกเข่าบนพื้น
ประคองส่วนอ่อนไหวของเขาไว้ในอุ้งมืออุ่น นิ้วป้อมคีบรูดรั้งตั้งแต่ส่วนหัวลงไปจนสุดโคนย้อนรูดขึ้นทางเดิมซ้ำไปซ้ำมาจนกล้วยเล็บมือนางเติบโตกลายเป็นกล้วยน้ำหว้าตราเกษตรเพิ่มปุ๋ยอินทรีย์
ตากลมมองมันด้วยสีหน้าที่ก้ำกึ่งระหว่างหวาดกลัวและประหลาดใจ
“ทำหน้าอะไรของนาย?”
“ก็...ปกติมันใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?”
“แปลกใจรึไง?
ก็เคยเอาเข้าไปทักทายนายบ่อยไป”
“เงียบเหอะน่า”ส่งสายตาค้อนขวับเป็นเชิงให้ชายหนุ่มเงียบเสียง
ลังเลใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจแตะลิ้นลงบนส่วนหัว
ไล้เลียตามความยาวมือก็คอยรูดรั้งไม่หยุดปลุกปั่นอารมณ์ชายหนุ่มให้ตื่นขึ้นมาง่ายๆ
ดวงตากลมปรือดูสิ่งที่ทำอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ พอมองจากตรงนี้ก็เห็นจมูกและขนตายาวชัดเจน
ลิ้นเล็กๆนั่นชำนาญพอจะทำให้มาร์ครู้สึกวูบหวามในร่างทั้งที่ยังไม่เข้าไปในร่างอีกฝ่าย
พอริมฝีปากอิ่มแดงอ้าครอบครองความแข็งร้อนเข้าไปก็ยิ่งทำให้มาร์ครู้สึกราวกับกำลังจะขาดอากาศหายใจตาย
“ฮ้า~ ซี๊ด...แบบนั้นแหละครับ อืม”
แจ็คสันเหลือบตามองดูใบหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ของคนรักก็เกิดเขินขึ้นมาเสียดื้อๆ
ทั้งที่พวกเขาก็ทำกันมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
แต่ทำยังไงก็ทำให้ชินกับใบหน้าเร้าอารมณ์ของชายหนุ่มไม่ได้เสียที มันทำให้เขาเสียศูนย์บ่อยครั้ง
และครั้งนี้ก็เหมือนกัน...
“อืม
แจ็คสันครับ อย่ากัด พี่จะแตกเอานะ”
ตีขาชายหนุ่มแรงๆอย่างนึกหมั่นไส้
กลับมาตั้งใจเล้าโลมสิ่งที่อยู่ในปากต่อ แต่จู่ๆมาร์คก็ดึงเขาออก ตากลมมองคนรักอย่างไม่เข้าใจ
ก่อนจะเข้าใจได้ในวินาทีถัดมาที่ชายหนุ่มโชว์ถุงฟลอยด์สี่เหลี่ยมจัตุรัสขึ้นมาจากกระเป๋า
ตากลมค้อนขวับ
“บ้าเหรอ
ผมไม่เอาเซ็กซ์บนเครื่องบินหรอกนะ”
“ก็ลองดูสักครั้งจะเป็นไร”
“ไม่เอา
ผมต้องทำงานต่อนะเว้ย”หัวเด็ดตีนขาดแจ็คสันก็ไม่ยอมท่าเดียว จะทำได้ยังไงในเมื่อเขาต้องไปทำงานต่อ
ถึงการบินไฟลท์นี้จะบินนานถึง 8 ชั่วโมงก็เถอะ
“ครั้งเดียว...นะครับ”
“พี่มาร์ค...”
“ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่...นะครับ”
“เอาแต่ใจ...”
สุดท้ายแล้วสจ๊วตหนุ่มก็ยอมแพ้ทั้งมาร์ค
ยอมแพ้ทั้งตนเอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาก็คิดถึงมาร์คไม่แพ้กัน
แต่จะให้มีอะไรบนเครื่องบินบางทีมันก็หวาดเสียวไปหน่อย ในหลายๆประเด็น...
มาร์คกระหยิ่มยิ้มกระชากร่างแจ็คสันเข้ามาใกล้
บังคับถอดรองเท้ารวมถึงเข็มขัด มือขาวรีบเข้ามาจับยื้อไว้พลางส่ายหน้า
“เดี๋ยวผมถอดเอง
ผมต้องไปทำงานต่อ ถ้ามันเปื้อนมันจะแย่เอานะ”
ชายหนุ่มนั่งมองดูร่างคนรักที่ค่อยๆถอดกางเกงออกจากเรียวขาไปพับไว้อย่างใจเย็น
แต่ไอ้ส่วนด้านล่างที่กำลังเต้นตุบๆเหมือนจะไม่เย็นด้วย แจ็คสันก็ช่างแกล้ง
ทั้งที่รู้ว่าเขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้วก็ยังเอื่อยเฉื่อยถอดๆพับๆไม่เสร็จสักที
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวลุกขึ้นดันหลังอีกคนไปคุกเข่าอยู่บนโซฟาที่เจ้าตัวพับเสื้อผ้าอยู่
แจ็คสันหันกลับมามองเขา เบิกตากว้างเมื่อบ๊อกเซอร์และกางเกงในถูกร่นลงครึ่งสะโพก
มือเรียวล้วงเข้าไปบีบเนินเนื้อนูนแน่น นิ้วแหวกกลีบเนื้อขาวเข้าไปใกล้ส่วนสำคัญ
“เดี๋ยวสิ! ผมยังไม่ได้ถอดเสื้อนะ! อ่ะ อื้อ!”
เพราะห่างหายจากเรื่องอย่างว่ามานาน
เส้นทางศวาสของร่างขาวเลยฟิตแน่นจนแทบขยับไม่ได้
มาร์คใช้นิ้วชอนไชเข้าไปเบิกทางอย่างใจเย็น ระลึกไว้เสมอว่าแจ็คสันต้องไปทำงานต่อ
เขาจะทำอะไรรุนแรงไม่ได้เด็ดขาด
แต่ไอ้ท่าทางชวนให้กระแทกรังแกลงไปแรงๆนี่ก็ช่างเย้ายวนเขาเหลือเกิน
“อะ หื้ม!
อือ”
แจ็คสันกดหน้าตัวเองลงบนพนักพิงโซฟา
กัดข้อนิ้วกลั้นเสียงครางและความเจ็บปวดจากช่องทางด้านหลัง สะดุ้งวาบเมื่อจู่ๆก็โดนดันเข้ามาถึงสามนิ้ว
ไม่ต้องถามก็รู้ว่ามาร์คจะไม่ไหวแล้วเลยรีบขนาดนี้
“อื้อ
พี่มาร์ค อ๊ะ ไม่เอาที่นี่ บนเตียง บนเตียงนะ อ๊ะ”บอกเสียงกระเส่าหวาม
มาร์คกัดฟันกรอดพยายามอดทนกับคนช่างยั่ว
มือคว้าเอวอวบเข้ามาใกล้ลากขั้นไปบนเตียงในห้อง จัดการตรึงมือขาวไว้เหนือศีรษะ
แยกต้นขาแน่นออกจ่อความรุ่นร้อนเหนือช่องทางรัก เลื่อนมือขึ้นมาจับสะโพกอวบแล้วดันเข้าไปพรวดเดียว
“อ๊า!!!!!”
ร่างขาวผวาตัวเฮือกดิ้นจนมือหลุดวาดมือเกี่ยวบ่าแข็งแรง
เล็กสั้นจิกลงเนื้ออย่างต้องการหาที่ระบายความอึดอัดในช่องท้อง
ขมวดคิ้วมุ่นไม่สบายตัว แทบกรีดร้องโวยวายเมื่อร่างสูงเริ่มขยับโดยไม่ถามความพร้อมของตัวเขาเลย
“อ๊ะ! ช้าก่อนได้ไหมล่ะ อื้อ!”
“ไม่ไหวแล้ว”เสียงทุ้มแหบพร่าเอ่ย
ขยับสะโพกเข้าออกหนักๆควานหาความสุขในช่องทางฟิตแน่น ในขณะที่ชายหนุ่มโน้มตัวลงดูดกลืนริมฝีปากอิ่มแดงทั้งล่างและบน
สอดเรียวลิ้นเข้าไปเกี่ยวรัดลิ้นเล็ก ลิ้มรสความหวานในโพรงปากนุ่ม
แจ็คสันจูบตอบคืนอย่างไม่ยอมแพ้
มือขาวด้านหนึ่งโอบรอบคอชายหนุ่มดึงเข้ามาจุมพิตให้แนบแน่นยิ่งขึ้น สะโพกมนไม่อยู่นิ่งคอยจังหวะสวนกลับสร้างความหฤหรรษ์ให้รสรักไม่น่าเบื่อ
ถ่ายทอดความคิดถึง โหยหาซึ่งกันและกันผ่านจุมพิตร้อนและรสรักอันร้อนแรงเหนือความสูงสามหมื่นฟุตจากพื้นดิน
มาร์คเลื่อนลงมาจูบเบาๆบนลำคอขาว
ไม่อยากทำรอยไว้เพราะยังจำได้ว่าแจ็คสันยังมีงานต่อ
เลื่อนลงมาทำรอยแสดงความเข้าของตรงไหปลาร้าสวย ดูดดึงฟัดกัดจนได้กลิ่นเลือดเค็มปร่าในโพรงปาก
หน้าอกขาวหยัดลอยจากพื้นเตียงทุกครั้งที่ชายหนุ่มสวนร่างเข้ามารุนแรง
สะโพกอวบอัดแทบจะจมลงไปกับฟูกเตียง มือป้อมปัดป่ายหาที่ยึดจับระบายความเสียวกระสันต์ในร่าง
จิกผ้าปูเตียงจนแทบจะหลุดติดมือ
เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังลั่นห้องแต่ทั้งสองก็ไม่สนใจ
ยิ่งนานความร้อนแรงก็ยิ่งพุ่งทะยาน ความผิดชอบชั่วดีหายไป
มาร์คดันตัวแจ็คสันขึ้นไปไว้ด้านบนทั้งที่ยังไม่ถอนตัวออก
ปกติคนตัวขาวคงโวยวายแล้ว แต่ในเวลานี้ที่ความรุ่มร้อนกลืนกินความคิด
แจ็คสันเลือกจะทิ้งร่างลงโอบรัดความแข็งร้อนของชายหนุ่ม ขยับขึ้นลงอย่างถึงใจ
“อื้อ อ๊ะ
แรงอีก อ๊ะ!”
มาร์คมองคนรักด้วยความหลงใหล
ผิวขาวแดงเรื่อสูบฉีดเป็นสีชมพูทั้งตัวเพราะแรงอารมณ์
ใบหน้าเย้ายวนติดงอแงยามเขาทำให้ไม่ถึงใจน่ารักพร้อมทั้งน่ารักแกให้ช้ำคาอก
ตากลมปรือปรอยมองเขาคลอน้ำตา ริมฝีปากแดงก่ำเผยออ้าครางเสียงกระเส่าแหบพร่า
เหงื่อไคลไหลซึมให้เชิ้ตขาวได้ซึมซับจนเปียกชุ่มติดเรือนกาย
เสื้อเชิ้ตและเนกไทที่เคยเรียบร้อยหลุดลุ่ยวับแวมดูเซ็กซี่บวกกับท่าทางที่เจ้าตัวแหวกขาให้เขาได้เข้าไปกอบโกยความสุขในร่างอย่างเต็มใจ
มาร์คหวงแจ็คสันที่เป็นแบบนี้
จะไม่มีใครเห็นแจ็คสันโหมดนี้นอกจากเขา...เพียงคนเดียว
“อื้อ! เดี๋ยวสิ!”แจ็คสันท้วงเสียงสั่น
จับมือมาร์คที่เข้ามาควบคุมสะโพกเขาให้โยกคลอนรุนแรงกว่าเมื่อครู่
ผนังเนื้อในกายโอบรอบบีบรัดแท่นร้อนที่สวนเข้าออกซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับเป็นเรื่องที่ธรรมชาติ
ฟึบ!
“อ๊า!!!”
จู่ๆเครื่องบินก็กระตุกวูบ
แรงฉุดกระชากของเครื่องบินในช่วงเวลาเดียวกันกับที่มาร์คดึงสะโพกอวบลงมา ทำให้ชายหนุ่มเข้าไปในช่องทางลึกขึ้น
โดนจุดอ่อนไหวในกายเข้าเต็มรัก ร่างขาวเกร็งสั่นปล่อยหยาดหยดสีขาวขุ่นรดหน้าท้องแกร่ง
“อยากให้ตกหลุมอากาศบ่อยๆจัง”
“จะบ้า แฮ่ก
เหรอ อ๊ะ! หยุดนะ!”
แจ็คสันโดนผลักลงไปนอนบนฟูกอีกครั้ง
ขาด้านหนึ่งรั้งขึ้นพากบนไหล่แข็งแรง
ส่วนอีกด้านก็โดนจับงอเข้ากับลำตัวเปิดช่องทางรักให้สอดแทรกได้ง่ายยิ่งขึ้น
“พี่ยังไม่เสร็จเลยนะ
แจ็คสันชิงเสร็จไปคนเดียวได้ยังไง”
“อ๊ะ! เพราะหลุมอากาศหรอก!”
เสียงโวยวายเปลี่ยนเป็นเสียงครางพร่าไม่เป็นจังหวะ
ร่างขาวสั่นคลอนเพราะโดนกระแทกรุนแรงและล้ำลึก ช่องทางรักบีบรัดตัวตนชายหนุ่มแน่นขึ้นเพราะแจ็คสันเพิ่งเสร็จในอารมณ์เร่งให้มาร์คครางต่ำพึงพอใจในรสสัมผัสดันสะโพกเข้าไปสุดความยาวแช่กระตุกปลดปล่อยเสร็จตามกันไปในเวลาไม่นานนัก...
“อ๊า!!!
// อืม!!!”
.
.
.
.
.
.
.
“แจ็คสัน
ไหวไหม หน้านายซีดๆนะ”แอร์สาวผู้เคยทำงานร่วมกับชายหนุ่มเอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วง
แจ็คสันผู้แข็งแรงตอนนี้กลับมีสีหน้าอ่อนเพลียซีดเผือก
ดวงตากลมเปี่ยมไปด้วยพลังปรือปรอยลงคล้ายจะหลับอยู่มะรอมมะร่อ
เครื่องบินถึงที่หมายมาแล้ว
ผู้โดยสารแยกย้ายกันไปตามทาง ในขณะที่แอร์และสจ๊วตอย่างพวกเขาก็ลงมาพักผ่อนหาที่พักในคืนนี้เช่นกัน
เวลาที่นี่ค่ำมากแล้ว
แตกต่างจากที่ประเทศต้นทางที่ยังเป็นกลางวันอยู่เลย เวลาห่างกันตั้ง 4 ชั่วโมง
แจ็คสันอาจจะเกิดอาการเจ็ทแลค (Jet leg) หรืออาการเมาเวลาก็เป็นได้
ถึงจะเป็นแอร์อย่างพวกเขาก็ใช่ว่าจะไม่เกิดอาการนี้หรอกนะ...
“อืม ผมไม่เป็นไร
คงเจ็ทแลค...”
“ครั้งหน้านายต้องพักผ่อนก่อนเดินทางนะ
ไม่อย่างนั้นนายก็จะเกิดอาการเจ็ทแลคแบบนี้นี่แหละ”หญิงสาวเตือนด้วยความหวังดี
พอดีกับที่มือถือองแจ็คสันแผดเสียงลั่นว่ามีคนส่งข้อความมา
มือขาวล้วงมันขึ้นมาเปิดอ่านก่อนจะหัวเราะหึ
From MYMARK
...ที่รักกก
พี่ปวดหัว จะตายแล้ววว นอนไม่หลับเลย
คิดถึงอีกแล้ว
อยากกอด อยาก…นายอีกจัง
แต่ตอนนี้พี่ไม่ไหวแล้ว
ฟื้นแล้วจะรีบโทรไปหานะครับ...
Love
you MY HEART
“สมน้ำหน้า..............โอยยยย
ปวดหัว!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น