[SF] Become…? [MARKSON]
Become…?
MARK
x JACKSON
เสียงหอบหายใจดังประสานกันของร่างสองร่างบินเตียงคิงไซต์อาจเป็นเสียงที่ได้ยินชัดที่สุดรองลงมาจากเสียงหวีดครางของคนใต้ร่างเมื่อถึงจุดสิ้นสุดของอารมณ์
นิ้วเรียวประสานกดมือด้านลงบนเตียง กระแทกฝากฝังลงครั้งสุดท้ายตามอีกคนไปติดๆ
ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึกและถอนออก
เสยผมเปียกเหงื่อของตนเองขึ้นไม่ให้ปรกบังสายตาที่กำลังมองปฏิกิริยาของอีกคน
ร่างขาวมีมัดกล้ามอย่างคนชอบเล่นกีฬานอนหอบหายใจเข้าลึกบิดกายไปมา ปากแดงก่ำช้ำเพราะโดนเขาบดเบียดซ้ำๆเม้มแน่น
คิ้วขมวดเพราะความอึดอัดจากการที่เขายังไม่ออกจากร่างอีกฝ่าย ตากลมโตช้อนขึ้นมามองเขาดุๆ
ต่อว่าทางสายตาและพร้อมฝ่าเท้าที่งอขายันสะโพกเขาเป็นเชิงให้เอาออก
...ไม่มีเสียงบอกรัก
ไม่มีคำบอกพร่ำหวานหู...
ชายหนุ่มยิ้มบางถอยออกมานั่งข้างเตียง
ถอดเครื่องป้องกันใช้แล้วออกมัดปากถุงโยนกองๆไปแถวๆข้างเตียงอย่างไม่นึกจะใส่ใจนัก
ใช้เท้ากวาดพวกถุงยางใช้แล้วออกจากพื้นที่ข้างเตียง รูดซิปกางเกงยีนลวกๆ เอื้อมมือไปเปิดโคมไฟเพื่อหาซองบุหรี่ที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา
“ปิดไฟดิวะ! แสบตา”เสียงแหบพร่าโวยวายขึ้นทันที
แจ็คสันปิดเปลือกตาพลิกกายนอนตะแคงข้างหนีไฟที่เจ้าตัวบ่นว่าแสบตาทั้งที่แค่นี้มันก็เลือนรางจนแทบมองอะไรไม่เห็น
มาร์คไม่ยอมปิดเช่นเดียวกับแจ็คสันที่ไม่พูดอะไรอีกแต่ส่งหมอนใบใหญ่มาประท้วง
ทั้งที่ปกติคงลุกมาด่าเขาปาวๆแล้ว
...ไอ้เด็กขี้โวยวายจะเงียบก็ตอนนี้แหละ...
คาบมวนบุหรี่ขึ้นจากซอง
จุดไลท์เตอร์มองประกายไฟเล็กๆสีฟ้าอมส้มบนหัวเชื้อ จ่อปลายมองปลายกระดาษที่ถูกเผาไหม้เกรียม
สูดลมหายใจพ่นควันเบาเบาลอยเคว้งไปในอากาศ
“เหม็น”
...มีคนบ่นขึ้นมาแล้ว...
มาร์คยิ้มหันกลับไปมองร่างขาวที่มองเขาตาขวาง
เหมือนจะเอื้อมมือมาแย่งมวนในปากไปทิ้งแต่ชายหนุ่มไหวตัวทันลุกขึ้น
นิ้วคาบบุหรี่ต้นเรื่องอิงหัวเตียง ใช้มืออีกด้านดันเจ้าเด็กอนามัยจัดผิดหน้าตาแสนแบดบอยลงไปนอนแอ้งแม้งบนเตียงยับยู่
ตากลมหยีปิดเบี่ยงหน้าหนีปลายจมูกโด่งกำลังซุกซบข้างกรอบหน้าคมดุ ฉกฉวยเอากลิ่นหอมละมุนบนแก้ม
เลื่อนปลายคางหยอกล้อไรหนวดบางๆบนผิวอ่อนไปมา
ริมฝีปากเรียวกดจูบเบาๆซ้ำๆคล้ายเป็นการหยอกเย้าจนในที่สุดแจ็คสันก็ทนไม่ไหว
“ไม่ต้องมาจูบ
เหม็นบุหรี่ ถอย!” ดันหน้าอีกคนออกพลิกกายหนีเอาหน้าซุกหมอน
มาร์คถอยออกมาคาบบุหรี่ยิ้มบางๆพอใจที่ได้แกล้งเด็ก แกล้งแค่นี้ก็พอ
มาร์คยังไม่อยากเห็นปลายจมูกรั้นน่าเอ็นดูนั่นแดงเป็นปื้นเพราะภูมิแพ้ควัน...
มือเรียวเลื่อนไปจับข้างสะโพกเปลือยแน่นไล้นิ้วเล่นจนเจ้าของร่างส่งเสียงท้วงเบาๆ
“อีกไหม?”ถามทั้งที่รู้คำตอบ
“อีกบ้าอะไร...
เหนื่อย ถุงยางก็หมด”
มาร์คหัวเราะ
“ไม่ใส่ไหมล่ะ”
“ไปเอากับคนอื่นไป”
“ให้ไปจริงเหรอ?”
“...”
...ทีงี้ล่ะเงียบ
ไอ้เด็กขี้หวง...
ชายหนุ่มลุกขึ้นสวมกลัดกระดุมกางเกงยีน
ก้มหยิบเสื้อยืดสีดำขึ้นมาใส่
ริมฝีปากคาบบุหรี่มวนเดิมเดินไปหยิบเอากระเป๋าเงินและกุญแจห้องจากหัวเตียง
ก้มมองเจ้าของมือที่ผุดมาจับมือเขาไว้ ตากลมทอประกายบางอย่างที่มาร์ครู้ดีว่าคืออะไร
“ไปไหน”
“ไปมาร์ท
จะเอาอะไร?”
แจ็คสันส่ายหน้าปล่อยมือลงไปนอนตามเดิม
ไม่พูดอะไรอีก คงเหนื่อยมากจริงๆนั่นแหละ
มาร์คเดินออกไปจากห้อง
ไม่ลืมสวมเสื้อคลุมทับต้านอากาศเย็นชื้นด้านนอก ฝนเพิ่งหยุดตกไปเมื่อกี้
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องน่าสะท้านอยู่ไม่น้อยเลย
ยกนาฬิกาข้อมือดูเวลาขณะยืนรอลิฟท์
ตีหนึ่งแล้ว ชั้นทั้งชั้นเงียบสนิท ถึงปกติจะเงียบเป็นปกติเพราะไม่ค่อยมีใครขึ้นมาอยู่ชั้นนี้ก็เถอะ
เขาไม่ได้ถือว่าตัวเองรวยหรือว่าอะไรหรอก
ชายหนุ่มก็แค่ไม่ชอบความวุ่นวายและเสียงดังๆ
...ยกเว้นก็แต่คนบนเตียง...
พอนึกถึงหน้าอีกคนก็หัวเราะหึ
มือล้วงกระเป๋าก้าวเข้าไปในลิฟต์ หลังพิงผนังเงยหน้ามองควันสีเทาจากบุหรี่ในปาก
คิดอะไรเรื่อยเปื่อยบางอย่าง
เขากับแจ็คสันไม่ได้เป็นอะไรกัน...
อย่างน้อยเจ้าตัวก็บอกไว้อย่างนั้น
ไม่ยอมคบหาหรือเรียกชื่อว่าคนรัก ไม่ใช่ว่ามาร์คไม่เคยขอ
แต่เพราะเด็กนั่นเอาแต่ปฏิเสธไม่ยอมรับเสียที
ถึงจะมีความสัมพันธ์ทางกายกันหลายต่อหลายครั้ง
คำตอบเดิมๆก็เปล่งออกมาจากปากน่าจูบนั่นเสมอ
‘ผมกับพี่เป็นแค่คู่นอน
เข้าใจไหม’
บางครั้งมาร์คก็อยากจะถามกลับเหมือนกันว่าคู่นอนที่ไหนเขาหึงหวงกันบ้าง?
แจ็คสันไม่ได้หึงหวงตามกรี๊ดตามรังควานเหมือนผู้หญิงเวลาหึง
แต่จะส่งสายตาตัดพ้อเวลาเขาแกล้งบอกว่าจะไปหาคนอื่น บางทีก็จะรั้งให้อยู่กับตัวเองเวลาชายหนุ่มมีนัดกับพวกสาวๆในสตอร์ค
งอแงให้เขาตามใจพาไปเที่ยวนั่นนี่ตามที่ตัวเองอยากจะไป ใบหน้ายิ้มแย้มจะยู่หงอยทุกครั้งที่เขาไม่มีเวลาให้
แจ็คสันไม่เคยพูดออกมาตรงๆแต่กลับหึงหวงด้วยการกระทำอย่างที่เจ้าตัวจะรู้ตัวไหม
เขาก็ไม่รู้
เป็นเด็กที่เอาแต่ใจจริงๆ
อดยิ้มไม่ได้แต่ก็ร้าวในใจอยู่ลึกๆ
กับความสัมพันธ์ไร้ชื่อแบบนี้
เขาจะทนได้ถึงเมื่อไหร่กัน?
มาร์ทเปิด 24
ชั่วโมงด้านล่างคอนโดเป็นแหล่งพึ่งพิงหลายๆอย่างในยามค่ำคืนสำหรับชายหนุ่มที่ไม่อยากเดินทางไหนไกลๆในเวลาแบบนี้เสมอ
พนักงานสาวคนเดิมยิ้มพร้อมกล่าวคำต้อนรับอย่างขันแข็ง มาร์คเดินไปโซนเครื่องดื่มหยิบกระป๋องเบียร์ออกมาสามถึงสี่กระเป๋าลงไปนอนอยู่ใต้ตะกร้าพร้อมขนมขบเคี้ยวหลายประเภท
ลังเลใจนิดหน่อยตอนยืนอยู่หน้าโซนลูกอมของหวาน
แตะนิ้วบนซองลูกอมรสกาแฟแต่สักพักก็ส่ายหน้าหยิบรสสตอเบอร์รี่ผสมมะนาวออกมาแทน
เพราะนึกถึงเสียงแหบห้าวก่อนจะลงมานี่
ชายหนุ่มเลือกซื้อของอีกสองสามอย่างเผื่อสำหรับคนบนห้อง
หยิบบะหมี่สำเร็จรูปขึ้นมาเกาะเติมน้ำร้อนปิดฝาเดินไปคิดเงินกับแคชเชียร์
“215 ค่ะ
ไม่ทราบว่าจะรับโปรโมชั่นพิเศษไหมคะ?”
“ไม่ครับ”ตอบเนือยๆ
เขาไม่เคยได้สนใจหรอกว่ามาร์ทจะมีโฆษณาหรือโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมยังไง
เพราะเขาอยากซื้ออะไรเขาก็ซื้อ อันไหนซื้อไปไม่มีประโยชน์ก็ไม่เอา
พลันตาก็เหลือบไปเห็นชั้นเล็กๆข้างแคชเชียร์ แทบลืมไปเลยว่าจุดประสงค์ที่ลงนี่เพื่ออะไร
“เดี๋ยวครับ
เพิ่มนี่ด้วย”
.
.
.
มาร์คหิ้วถุงใบโตออกมาจากร้าน
นั่งลงบนม้านั่งหน้ามาร์ท อากาศชื้นๆและกลิ่นฝนตกหมาดๆ เขาชอบจะสูดอากาศแบบนี้
มันสดชื่นมีชีวิตชีวา
รอบะหมี่อืดได้ที่ก็เปิดฝาขึ้นโซ้ยเข้าปาก
เปิดกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มอึกหนึ่ง
แทบไม่สนใจว่ารสของเบียร์กับบะหมี่สำเร็จรูปมันจะตีกันยังไง
เขาสนใจแค่ว่ามันจะทำให้เขาอิ่มไหมก็แค่นั้น
กินจนหมดก็เอนหลังนั่งเล่นอยู่ตรงนั้นสักพัก
ว่าจะนั่งอยู่อีกนานถ้ามือถือในกระเป๋ากางเกงไม่ดังขึ้นก่อน
นิ้วเรียวกดรับสายเอาขึ้นแนบหูเงียบรอฟังอีกคนพูดก็ได้ยินแต่เสียงบ่นงึมงำ
“บ่นอะไร”
‘พี่ใส่เสื้อผมลงไปอีกแล้ว’
“ลงมาเอาสิ”
‘บ้าป่ะวะ
เสื้อตัวเองก็มี ทำไมชอบใส่เสื้อผ้าผมนัก’
“ก็กลัวนายหนี”
‘...’
“...”
ทั้งสองเงียบไปพักใหญ่
มาร์คได้ยินเสียงกุกกักจากปลายสาย ให้เดาก็คงเป็นเสียงกระเป๋าเป้ของเจ้าตัวนั่นแหละ
...คิดแล้วไม่ผิด
จะหนีจริงๆด้วย...
‘นี่เอากุญแจรถผมไปด้วยนี่
เอาคืนมานะ’
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปส่ง”
‘ไม่ใช่อย่างนั้นโว้ย’
“พี่ไม่ให้กลับ
กลับไปนอนไป”
‘เอาแต่ใจ!’ บ่นเสร็จก็ตัดสายไป มาร์คส่ายหน้า ลุกขึ้นโยนกระป๋องเบียร์เปล่ากับถ้วยบะหมี่สำเร็จรูปลงถัง
ชายหนุ่มกลับมาถึงห้องอีกทีก็ตีสามแล้ว
โชคดีที่พรุ่งนี้ไม่ได้ทำงาน เขาก็เลยไม่เร่งรีบอะไรเท่าไหร่ แขวนเสื้อคลุมไว้หน้าห้อง
ถอดรองเท้าวางข้างรองเท้าผ้าใบอีกคู่ เดินผ่านโซนห้องนั่งเล่นเข้าไปโซนห้องนอน
มองร่างขาวที่ลุกขึ้นมานั่งปลายเตียงจ้องเสื้อยืดสีดำที่เขาใส่อยู่ตาขวาง
“เอาเสื้อผมไปใส่อีกแล้ว
บอกแล้วไงว่าไม่ชอบ”
มาร์คมองแจ็คสันที่นั่งขัดสมาธิใส่ชุดตอนมาแต่ไม่ใส่เสื้อเพราะเสื้อมันอยู่กับเขา
นึกอยากขอบคุณนิสัยแปลกๆของแจ็คสันที่ไม่ชอบใส่เสื้อผ้าคนอื่นจริงๆ
“ลูกอมอยู่ในถุงนะ”
“อย่าเปลี่ยนเรื่องดิ”เด็กหนุ่มร้องท้วง
ทำหน้าบู้บี้ได้น่าเอ็นดู ตากลมดูล้าอย่างเห็นได้ชัด ยกมือขยี้ตาเหมือนอยากจะหลับต่อ
ที่ฝืนลุกขึ้นมาก็คงคิดจะหนีกลับห้องตัวเองตอนเขาไม่อยู่
...ดื้อ...
“อยู่กับพี่มันไม่ดีหรอกเหรอ”
“...”แจ็คสันเงียบไปพักหนึ่ง
ก้มหน้าไม่ยอมสบตา คลานขึ้นไปนอนบนเตียงแถมห่มผ้าหนีไม่ยอมตอบคำถาม
มาร์คนั่งลงข้างเตียงยีผมนุ่มลื่น
หัวกลมๆนิ่งให้ชายหนุ่มได้ลูบ แจ็คสันชอบให้ลูบผมเล่น อย่างกับลูกหมาตัวเล็กๆ แสนจะน่ารักน่าเอ็นดูแต่เวลาจะดื้อก็ดื้อซะจนอยากจับใส่ปลอกคอขังไว้นิ่งๆ
“เราไม่ได้เป็นแฟนกันนะ”
“พี่รู้”
เงียบไปอีกพักหนึ่งจนมาร์คคิดว่าคนตัวขาวหลับไปแล้ว
ละมือออกกำลังจะลุกออกไปก็โดนแจ็คสันกอดเอวรั้งเอาไว้
หัวกลมๆหลบอยู่ในผ้าห่มถามเสียงอู้อี้
“พี่มาร์คเหนื่อยไหม”
“เหนื่อยอะไรล่ะ?”
“ก็...ที่เป็นอยู่...ที่ผมไม่ยอมคบกับพี่...”
...ก็รู้อยู่นี่เด็กดื้อ...แอบยิ้มอย่างที่แจ็คสันไม่มีทางเห็น
“เหนื่อย...แต่ถ้านายต้องการแบบนั้นพี่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
“แล้ว...เบื่อผมรึเปล่า
อยากตัดใจรึเปล่า อยากไปหาคนใหม่ไหม?”
...อย่าถามด้วยน้ำเสียงแบบนั้นสิ..
...มันทำให้ฉันตัดใจยากขึ้นนะ...
จะบอกว่าไม่เคยคิดจะตัดใจคงไม่ใช่
มาร์คก็แค่คนธรรมดาที่อยากได้คนรักที่เป็นคนรัก
ไม่ใช่ความรักที่แสดงออกได้เพียงในที่ส่วนตัวแต่พอออกไปข้างนอกก็ต้องทำตัวเหมือนไม่รู้จักกันแบบนี้
เขารักแจ็คสันมากพอจะยอมทำตามสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ แต่กับการที่ไม่มีอะไรแน่นอนแบบนี้มันทำให้เขากลัวว่าจะเสียแจ็คสันไป
จนความกลัวนั้นกลายเป็นความเบื่อหน่าย เหนื่อยจะต้องคอยรั้งอีกคนไว้แทบตลอดเวลา
เหนื่อยที่จะต้องวิ่งตามเอาใจใส่โดยไม่ได้รับการตอบรับ
เหนื่อยกับการที่จะต้องคิดเองว่าอีกฝ่ายรู้สึกกับตัวเองอย่างไรโดยไม่มีคำพูดอะไรยืนยัน
มาร์คเริ่มเหนื่อยแล้ว
“คิดสิ
ก็เด็กบางคนไม่รักพี่นี่”
“พี่มาร์ค”เด็กหนุ่มเรียกชื่อเขาเสียงสั่น
มือขาวกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น มาร์คส่ายหน้าเกะมือนั้นออก
“พี่พูดจริง...ตอนนี้พี่ยังทนได้
แต่แค่บอกไว้ว่าวันไหนพี่หายไปแสดงว่าพี่ยอมแพ้แล้ว”
“เดี๋ยวสิ
พี่มาร์ค”แจ็คสันลุกขึ้นรั้งมือเขาไว้ ดวงตากลมเอ่อคลอน้ำตา
แต่มาร์คไม่ได้ใจอ่อนสงสารเหมือนเคย
“ไม่ต้องห่วง
พี่ยังไม่ไปตอนนี้หรอก...อย่างน้อยก็คืนนี้”
แกะมืออีกฝ่ายออกลุกเดินออกไปจากห้อง
ไม่เหลียวมองว่าคนด้านหลังจะเป็นอย่างไร
...ความอดทนมันมีจำกัด
แม้จะรักขนาดไหนก็ตาม...
...แจ็คสันกำลังเสียใจ...
ตากลมมองตามชายหนุ่มที่ลุกเดินออกไปด้วยใจที่เจ็บปวด
ปล่อยให้น้ำตาสายหนึ่งลงมาอย่างไม่ตั้งใจ ยกมือปาดมันออกกลั้นเสียงสะอื้น
ก้มหน้ามองฝ่ามือบนผ้าห่มเปื้อนหยดน้ำตา
ฝ่ามือที่มักจะโดนมีฝ่ายกอบกุมมอบความอบอุ่นให้เสมอ
เขารักความอบอุ่นนั้น
มากจนรู้สึกเสพติด มากจนกลัว...
เขาแค่กลัว กลัวว่าถ้าคบกันแล้วจะต้องเลิก
แจ็คสันไม่ได้เข้มแข็งพอจะรับความเจ็บปวดขนาดนั้นได้
ที่ผ่านมาแม้ใจจะรับรู้ถึงความรักที่มาร์คมีให้ ยอมให้อีกฝ่ายเข้ามาดูแล
เข้ามาอิทธิพลในชีวิต แต่ไม่มีครั้งไหนที่กล้าจะตอบตกลง
การเสียอะไรที่รักมากไปมันทรมานเกือบจะขาดใจ
แจ็คสันรู้ดี
เพราะอย่างนั้นเลยพยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอด แต่ก็ไม่เคยจะปฏิเสธการดูแลของมาร์คได้
...เขาก็แค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง...
อยากมีคนให้ความรัก
คอยดูแลเอาใจใส่ แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ทำกำลังสร้างบาดแผลรอยใหญ่ให้มาร์ค
เขาก็ไม่เคยจะใส่ใจ เพราะความเห็นแก่ตัวมันบังตาบังใจ
...เขาไม่โทษมาร์คหรอก...
...ก็ทำตัวเอง...
.
.
.
สะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกในมือถือ
ไม่รู้ตัวว่าเผลอหลับไปตอนไหน ลุกขึ้นงัวเงียควานหามือถือมาปิด อ้าปากหาวหวอดใหญ่
พยุงตัวเองขึ้นนั่งบนเตียงหลังเดิม แปลกใจกับเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่บนกาย
ทั้งที่เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ได้ใส่ ผ้าห่มที่ห่มเมื่อครู่ก็มั่นใจว่าไม่ได้ห่มเองเพราะขนาดหลับไปตอนไหนก็ยังไม่รู้สึกตัวเลย
มาร์คยังใจดีอยู่เสมอสิน่า
อมยิ้มจนแก้มป่องแต่พอนึกเรื่องเมื่อคืนได้ก็หุบยิ้มลง
ใจก็นึกกังวลขึ้นมา ลุกเดินออกไปจากห้องนอน เหลียวหาเจ้าของห้องก็เห็นกำลังยืนหันหลังทำกับข้าวอยู่ในครัว
นึกแปลกใจว่ามาร์คทำอาหารกินเองด้วยเหรอ
“ตื่นแล้วก็ไปอาบน้ำ
เสื้อนายแขวนอยู่หน้าตู้น่ะ”มาร์คบอกโดยแทบไม่หันกลับมามอง
เหมือนว่าจะยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับไก่และน้ำมันในกระทะ
“อะ อืม...”อยากจะถามอะไรสักอย่าง
แต่ก็ตัดใจเดินเข้าไปสวมเสื้อตัวเองที่เมื่อคืนโดนอีกคนแย่งไป กลิ่นน้ำหอมของมาร์คยังมีติดอยู่ตามเสื้ออยู่เลย
ชายหนุ่มชอบแย่งเสื้อเขาไปใส่หลังจากมีอะไรกัน แถมยังมีฉีดน้ำหอมตัวเองซ้ำลงไปอีก
เอากับเขาสิ อย่างกับเด็กหวงของแล้วเอาน้ำลายป้ายของกินเลย
...แต่มันก็น่ารักดีนะ...(อมยิ้ม)
เดินออกมาหลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ
พอดีกับที่มาร์คยกอาหารเช้าออกมาเตรียมไว้
“มากินข้าวสิ เดี๋ยวพี่พาไปส่ง”
“ไม่เห็นจำเป็นเลย
ผมไปหากินเองก็ได้น่า”บอกพลางนั่งลง มองอาหารน่าทานในจานแล้วกลืนน้ำลายเอือก
ปกติไม่เคยได้กินอาหารทำเองดีๆแบบนี้หรอก ส่วนมากก็พึ่งแต่อาหารแช่เย็นอาหารกล่อง
กลิ่นหอมของไก่เรียกน้ำย่อยเขาได้ดีทีเดียว
“เอาแต่มองจะได้กินไหม”
“ยุ่งน่า”ยู่หน้าเขินๆที่เผลอทำสีหน้าเปิ่นๆออกไป
หยิบไก่ขึ้นมาเคี้ยว มันอร่อยจนต้องกินอีกเรื่อยๆ ยิ่งได้จิ้มซอสมะเขือเทศยิ่งฟิน
ท่าทางเอร็ดอร่อยเป็นเด็กๆเรียกรอยยิ้มจากคนทำ
เอื้อมมือไปปัดเส้นผมที่ปรกใบหน้าขาว จับมือด้านถือไก่ยึดไว้
ก่อนใช้ทิชชู่ซับมุมปากอิ่มเปื้อนน้ำมัน
“กินเปื้อนเป็นเด็กๆไปได้”
ใจน้อยๆของเด็กหนุ่มเต้นรัว
ผิวแก้มขึ้นสีเรื่อกับความอบอุ่นที่ได้รับ แต่ฉับพลันก็วูบโหวง
แค่คิดว่าอีกคนจะยอมแพ้และไม่ยืนอยู่ข้างๆคอยดูแลเขาแบบนี้อีกก็เกิดใจหายขึ้นมาดื้อๆ
“ร้องไห้ทำไม?”
นิ้วเรียวปาดน้ำตาข้างแก้มนิ่มออก
แจ็คสันร้องไห้โดยไม่รู้ตัวอีกแล้ว... มือขาวปล่อยไก่ลง
ก้มหน้าซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ไม่อยากให้มาร์คเห็น
แต่ชายหนุ่มก็ยังตามตื๊อประคองใบหน้ากลมขึ้นจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนเหมือนเคย
“อย่าร้อง”
พอได้ยินคำปลอบโยนแทนที่จะหยุดร้อง
แจ็คสันกลับร้องหนักกว่าเดิม มือขาวทุบอกอีกคนแรงๆไปทีหนึ่งอย่างนึกเจ็บใจ...
ถ้ามาร์คเย็นชาไปเลยเขาอาจไม่เสียใจขนาดนี้
...เขาคงไม่รู้สึกผิดแบบนี้...
“ทำไมพี่ไม่ใจร้ายวะ
ใจดีกับผมทำไม ผมทำให้พี่เจ็บนะ ฮึก ผมมันเด็กดื้อไม่ใช่เหรอ ฮือออ”
“พี่ใจดีกับคนที่พี่รักมันผิดตรงไหน
ไม่เอาๆ ไม่ร้อง”มาร์คหัวเราะโอบอีกคนมากอดไว้แน่น
ปลอบกันอยู่นานแต่แจ็คสันก็ไม่หยุดร้องเสียที มาร์คเลยดึงตัวอีกคนมากอดบนโซฟา
ใช้ทิชชู่เช็ดมือเปื้อนน้ำมันให้
“พี่มาร์คจะทิ้งผมไปจริงๆเหรอ...”
“ทิ้งได้ยังไง
ก็เราไม่เคยคบกันนี่”
สะอึกเหมือนโดนกำปั้นหนักๆลงที่หัวใจ
เหมือนศรที่เคยทำร้ายมาร์คย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
ไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงตอนบอกว่าให้เป็นแค่เพื่อน แค่คู่นอน ไม่ใช่คนรัก
พอมาโดนเองถึงเข้าใจ
...ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน...
“เข้าใจพี่รึยัง?
เวลาที่แจ็คสันย้ำบอกสถานะ พี่ก็รู้สึกแบบเราตอนนี้นี่แหละ”
“...”
เด็กหนุ่มไม่ตอบในทันที
แต่ขยับตัวเข้ากอดเอวชายหนุ่มไว้แน่นไม่ต่างจากหมีโคอะล่า หัวกลมซุกไหล่แข็งแรง ถามเสียงอ่อน
“พี่เหนื่อยมากไหม
พี่เจ็บมากรึเปล่า”
“พี่ตอบไปแล้วนี่”
“ก็...แค่อยากถาม...”
“ว่า...?”รั้งหน้าเด็กดื้อขึ้นมาสบตา
แอบยิ้มเมื่อเห็นแก้มนุ่มขึ้นสีแดงเรื่อเขินอาย
“ยังอยากคบผมไหม...แบบ...คนรู้ใจ”
“ถ้าอยากจะให้พี่คบไหมล่ะ?”ถามยิ้มๆ
ไม่ได้หวังอะไรมากเพราะโดนอกหักจากคนๆนี้มาบ่อยจนเริ่มชิน
ชินเสียจนตกใจเมื่อเด็กดื้อในอ้อมแขนพูดประโยคถัดมา
“ก็ถ้าให้ล่ะ...”
“...”
“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยล่ะ”ปากอิ่มแบะออก
นึกใจเสียที่ชายหนุ่มนิ่งไปเลย ไม่ได้มีท่าทีดีใจอย่างที่หวัง
หรือเขาจะบอกในเวลาที่สายไปจริงๆ...
“ผมช้าไปเหรอ?
ฮึก...ช้าไปจริงๆเหรอ”
“ช้า? อะไรช้า”มาร์คถามเหมือนคนสติเพิ่งกลับเข้าร่าง
“ผมบอกรักพี่ช้าไปเหรอ?
อย่าทิ้งผมเลยนะ ฮึก ผมแค่กลัวว่าคบแล้วจะต้องเลิก ผมแค่กลัว แต่ผมรักพี่นะ
พี่ก็รู้ไม่ใช่เหรอ ไม่เอานะ ไม่ทิ้งผมนะ ฮือออ”
“รักพี่จริงเหรอ?
ไม่ใช่เสียดายเหรอ?”ถามเพราะไม่อยากเจ็บซ้ำ เด็กหนุ่มส่ายหน้า น้ำหูน้ำตาไหลพรากน่าสงสาร
เปลือกตาช้ำ จมูกรั้นแดงก่ำ ผิวแดงไปทั้งหน้า สะอื้นฮักๆ มาดเข้มแข็งที่สร้างมาพังครืน
จนมาร์คสงสับว่าอะไรไปสะกินต่อมน้ำตาแจ็คสันได้ขนาดนี้กัน
“ไอ้พี่บ้า!
เสียดายบ้าอะไร คนหื่นกามอย่างพี่ถ้าไม่รักผมไม่ทนหรอกโว้ย! เหนื่อย!”
“เอ้า
จู่ๆก็ลากขึ้นเรื่องเตียงซะงั้น”มาร์คหัวเราะร่า
ดีใจที่แจ็คสันยอมบอกรักเขาเสียทีหลังจากที่รอมานาน
ฝุ่นละอองมัวๆที่เกาะจิตใจมาตลอดถูกคำบอกรักไม่หวานหูของแจ็คสันเป่าออกไปในคราวเดียว
“ถ้ามัวแต่กลัวก็ไม่ได้ทำอะไรพอดี อย่าไปกลัวสิ ไม่เชื่อใจพี่เหรอ?”
“เชื่อใจพี่
แต่ไม่เชื่ออนาคตไง”
มาร์คยกยิ้มเอ็นดู
เช็ดน้ำตาบนแก้มนิ่ม กดจูบบนจมูกรั้นอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
“อยู่กับวันนี้และตอนนี้สิ...ถ้าเชื่อใจพี่
ก็ต้องเชื่อด้วยว่าอนาคตจะมีพี่อยู่ข้างๆ จริงไหม?”
“เมื่อคืนยังบอกว่าจะไม่ทนอยู่เลย”แจ็คสันบ่นอู้อี้
“ก็แจ็คสันไม่ยอมบอกรักพี่นี่”
“ก็บอกแล้วไง”
…เด็กดื้อชอบเถียงคำไม่ตกฟาก...
แขนยาวโอบรอบเอวอวบเข้ามาใกล้ ยื่นหน้าเข้าไปจนจมูกชนกัน ดวงตาสวยจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตราวกับลูกหมาที่แดงก่ำเพราะร้องไห้
“แล้ว...คบกับพี่ไหมครับ?”
“ฮึก...คำก่อนหน้านั้นล่ะ”ท้วงถามทั้งที่สะอื้นไม่หยุด
มือป้อมจับเสื้ออีกคนแน่น เวลาอ้อนชอบเปลี่ยนตัวเองเป็นเด็ก 7 ขวบทุกทีสิน่า...
“พี่รักแจ็คสันนะครับ
เป็นแฟนกันนะ”
“อืม...”
“ขอชัดๆสิ”
“ผมก็รักพี่มาร์ค
โอเคยัง ยอมแพ้แล้ว”
“เป็นแฟนกันแล้วนะ
ขอบคุณที่เชื่อใจพี่นะ”หอมกระหม่อม หอมแก้มนึกรักใคร่หวงแหน
ตามจีบตามดูแลมาตั้งนาน เล่นตัวจะบ้ากว่าจะยอมกันได้
เพราะฉะนั้นไม่มีหรอกคบแล้วเลิกง่ายๆน่ะ ถึงขั้นนี้แล้วจะคบจนแก่โน่นแหละ
…จะว่าไปแล้ว
วันนี้ไม่มีงานสินะ...
ชายหนุ่มฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่แฟนหมาดๆซึ่งกำลังเขินงุดๆในอ้อมกอดไม่รู้ตัว
ก้มลงกระซิบข้างใบหูขาว กดร่างอีกคนลงบนโซฟา
มือเรียวลูบเข้าไปใต้เสื้อยืดตัวโคร่งที่ตนเคยใส่เมื่อคืน...
“งั้น...เช้านี้ยอมให้พี่กินอีกได้ไหมล่ะ?”
“ดะ
เดี๋ยว...จะทำอีกเหรอ เมื่อคืนก็เยอะแล้วนะ”แจ็คสันหน้าซีดเผือก
คิดถึงจำนวนรอบเมื่อคืนก็แทบจะเป็นลมอยู่แล้ว เล่นจนถุงยางสองกล่องหมดเกลี้ยง
มันไม่ใช่น้อยๆรอบเลยนะ แล้วเช้านี้ยังจะต่ออีกเหรอ! “ไม่เอา! ไม่มีถุงยางก็ไม่ต้องทำ!!!”
“เมื่อคืนซื้อมาแล้ว
ตุนไว้เยอะด้วย ไม่ต้องห่วง”
แจ็คสันเบิกตาโต
รับรู้ว่าตนกำลังต้องรับศึกหนักรีบโวยวายดังลั่น
“ไม่ต้องห่วงบ้าอะไร!
อ๊ะ ไอ้บ้า หยุด อื้ม!...”
...แพ้...แพ้ทุกทีเล๊ยย!!!...
…คิดเรื่องคบกันใหม่อีกรอบได้ไหมวะ!!!...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น