[OUR] 32
บทที่ 32
วงแขนขาวโอบไปด้านข้างด้วยความเคยชินแต่พอไม่เจอไออุ่นที่คุ้นเคยก็ขมวดคิ้วกระพริบตาปรือ
มึนงงมองไปรอบๆ ปล่อยให้สมองเบลอไปชั่วครู่ถึงจำได้ว่าตัวเองพาเมสันหลบหน้ามาร์คมาอาศัยป๊ากับม๊าอยู่สองสัปดาห์แล้ว
ก้มมองเมสันที่ยังขดตัวหลับปุ๊ยอยู่ข้างกาย
ลูบเส้นผมนิ่มอ่อนโยนแฝงไปด้วยการปลอบประโลม คิ้วเล็กขมวดรู้สึกตัว
ดวงตากลมแป๊วเหมือนเขาเปิดขึ้นมามอง
“มะม๊า”
“ครับ?”
“ปะป๊า งานไม่เฉ็ดเหยอ?”
แจ็คสันยิ้มบางๆไม่ตอบคำถามนั้น
ก้มลงหอมกระหม่อมลูกชายตัวเล็ก มือน้อยๆกำเสื้อเขาแน่น
เอาหน้าซุกคนเป็นแม่หาความอบอุ่น
“เมฉันคิดถึงป๊ะป๊า”
มือที่ลูบหลังบอบบางชะงักไปชั่วครู่
ยกเจ้าตัวเล็กขึ้นมากอดแน่นกว่าเดิม
“ครับ...ม๊าก็คิดถึงปะป๊า...”
มาร์คถือคติที่ว่า...
ถ้าแท็กซี่ไม่รับ
ก็จงวิ่งจนกว่าแท็กซี่จะยอมจอดฉันใด
ถ้าจะง้อเมียให้สำเร็จ
ก็ต้องตื๊อจนกว่าโลกจะแตกฉันนั้น
มาร์คยังคงเทียวไปเฝ้าหน้าบ้านภรรยาทุกวันตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ายันสี่โมงเย็นเหมือนเป็นงานราชการที่ต้องทำทุกวันจนคนแถวนั้นเริ่มซุบซิบเพราะคิดว่าบ้านหวังมีโรคจิตตามติด
วันนี้เป็นอีกวันที่มาร์คขับรถมาภารกิจง้อภรรยา...
ท้องฟ้าแจ่มใสเห็นริ้วเมฆบางเบา
แสงแดดอบอุ่นคลุมคลอบทั่วทั้งเมือง
ชายหนุ่มในชุดลำลองเดินลงจากรถคันหรู
ข้ามฟากถนนเล็กๆไปยืนอยู่หน้ารั้วบ้านตระกูลหวังในยามเช้าอย่างในหลายๆวันที่ผ่านมา
หอบหิ้วทั้งขนม อาหาร ของเล่นสำหรับเด็กและของบำรุงครรภ์มาเต็มสองมือ ยืนรอให้ใครในบ้านสักคนสังเกตเห็นและเดินออกมารับของพวกนั้นไป
ถึงแม้จะไม่มีวันไหนที่เขาจะได้เจอหน้าคนที่เฝ้าคิดถึงทั้งสองคนนั้นก็ตาม…
หนึ่งสัปดาห์ในการตามง้อ ไม่มีอะไรคืบหน้าสักนิด
แจ็คสันยังไม่ยอมออกมาพบหน้าเขาเลยตั้งแต่วันนั้น
เมสันก็ไม่ได้เจอ โทรศัพท์ยังไม่ยอมรับสาย
ทางเดียวที่จะติดต่อได้คือถามข่าวจากคนในบ้านอย่างป๊าม๊าหวังเท่านั้นเอง
มาร์คไม่เคยโกรธแจ็คสันที่หอบเมสันหนีเขามาอยู่บ้านนี้
เป็นเพราะความพลาดพลั้งของเขาทำให้แจ็คสันเสียใจ เกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิดและเกือบทำให้พวกเขาเสียลูกคนที่สองไป
ไหนจะลองคิดกลับไป มาร์คก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัวเลยจริงๆ
ทั้งที่คิดว่าให้ความรักเพียงพอแล้ว แต่บางครั้งแจ็คสันก็อยากให้เขาอยู่ด้วย
มากกว่ากลับบ้านตอนเมสันหลับไปแล้วแบบที่ผ่านมา
มาร์คเผลอยืนเหม่ออยู่นาน
เงยหน้ามองอีกทีก็เห็นว่าพ่อของแจ็คสันเดินเข้ามาใกล้มากแล้ว มาร์ครีบโค้งทักทาย
เอ่ยถามถึงแจ็คสันและลูกทันที
“สวัสดีครับ ป๊าครับ วันนี้แจ็คสันเป็นยังไงบ้าง?
เมสันดื้อไหม? ลูกผมตื่นรึยัง?”
“ใจเย็นๆ อย่าเพิ่งรัวขนาดนั้น
ฉันตอบให้ไม่ทันหรอกนะ”ป๊าหวังหัวเราะขำๆและก็ถอนหายใจในจังหวะต่อมา
“แจ็คตื่นตั้งนานแล้ว เหมือนเคย ลงมาทำกับข้าว ทำความสะอาดบ้าน
ทั้งที่เตือนแล้วนะว่าไม่ให้ลุก ดื้อจริงๆเลย”
ยิ่งได้ยินว่าคนที่เฝ้าห่วงใยดื้อไม่ยอมทำตามที่หมอสั่งก็ทำเอาชายหนุ่มร้อนใจ
แสดงออกทางสีหน้าจนป๊าหวังตบไหล่ลูกเขยปักใหญ่
“แต่ไม่ต้องห่วงหรอก โดนม๊าแกดุไปแล้ว
ตอนนี้ก็นอนอยู่บนห้องกับลูกนั่นแหละ อ้อ ส่วนเจ้าตัวเล็กยังไม่ตื่นหรอกนะ
เมื่อคืนโยเยจนค่ำ สงสัยคิดถึงพ่อ”
“ผมอยากเจอเมสัน...”
“ก็อยากให้เจออยู่หรอกนะ
แต่ลูกป๊าจะยอมรึเปล่านี่สิ...ลองคุยดูเองแล้วกันนะ”ผู้มีประสบการณ์มากกว่ายักคิ้วเอามือแนบหูเป็นเชิงบอกใบ้
ก่อนจะรับของทั้งหมดเดินเข้าไปในบ้าน
มาร์คเข้าใจว่าป๊าหวังพูดถึงอะไร
ตั้งแต่เกิดเรื่องแจ็คสันก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์จากเขาอีก
วันนี้ถ้าโทรก็พอจะมีหวังสินะ ยกโทรศัพท์กดเบอร์คุ้นมือโทรออก
ยกขึ้นแนบหูฟังเสียงด้วยใจเต้นตึกตัก เสียงสัญญาณตู๊ดๆดังนานจนชายหนุ่มเริ่มถอดใจ
แต่ขณะกำลังจะวางสาย เสียงกุกกักเล็กๆจากปลายสายก็หยุดนิ้วเขาไว้ได้ทัน
มาร์คเงียบไปอึดใจหนึ่ง
สูดลมหายใจไม่ให้เสียงสั่นขณะกรอกเสียงลงไปช้าๆ
“ตัวเล็ก...”
‘…’
“คุยกับพี่หน่อยได้ไหมครับ...พี่ขอโทษ”
‘…’
“พี่คิดถึงตัวเล็กนะครับ คิดถึงลูกด้วย”
‘…’
“สบายดีใช่ไหม? ไม่เจ็บท้องนะ”
‘อืม’
เสียงตอบรับในลำคอคำเดียวก็ทำให้มาร์คอุ่นวาบไปทั้งหัวใจ
มือกำโทรศัพท์แน่นขึ้นเงยหน้าขึ้นไปมองห้องนอนทางซ้ายมือ หน้าต่างทุกบานปิดสนิท
ผ้าม่านสีอ่อนยังทิ้งตัวเรียบ
“ลงมาให้พี่เห็นหน้าไม่ได้เลยเหรอ”
‘...’
ติ๊ด---
แล้วแจ็คสันก็วางสายไป...
มาร์คพยายามโทรไปอีกแต่แจ็คสันก็ไม่ยอมรับสาย จะกี่ครั้งๆก็ได้ผลลัพธ์เดิม...
ชายหนุ่มนั่งลงกับพื้นด้วยใจห่อเหี่ยวมากกว่าเดิม
ถ้าเปรียบว่าหัวใจเป็นต้นไม้
ตอนนี้ต้นไม้ของมาร์คก็กำลังแห้งใกล้ตาย พิงศีรษะกับรั้วบ้านสีขาวพลางถอนหายใจยาวเหยียด
นึกเจ็บใจตัวเองที่ทำให้เรื่องเลยเถิดมาจนขนาดนี้
ทั้งที่พวกเขากำลังมีความสุขกันมากแท้ๆ...
มาร์คกำลังจะก้าวขึ้นรถในตอนที่โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นบอกว่ามีข้อความเข้า
มารับเมสันไปเที่ยวตอนบ่ายโมงครึ่งนะ
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าตอนนี้ตนยิ้มกว้างขนาดไหน แต่หัวใจเหี่ยวแห้งกำลังพองโตด้วยประโยคสั้นๆที่เริ่มแสดงสัญญาณดีสำหรับสิ่งที่เขาทำมาตลอด
รีบพิมพ์ตอบกลับไปกลัวว่าคนตัวเล็กจะเปลี่ยนใจ
ขอบคุณนะครับ แจ็คสัน
มาร์ควนรถกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านก่อนกลับมาจอดรถหน้าบ้านหวัง
อาศัยร่มไม้แถวนั้นพักรถไม่ให้ร้อนจนเกินไปนัก ดับเครื่องยนต์ ลดกระจกลง
ดวงตาใต้กรอบแว่นสีชามองเข้าไปในบ้านหวังดูกิจวัตรประจำวันของคนในบ้านหวังไม่ต่างจากสตอร์คเกอร์
แจ็คสันก็เหมือนจะรู้ ถึงได้ไม่ออกมาหน้าบ้านเลย
ก้มหน้ามองดูนาฬิกา
อยากเร่งเวลาให้ถึงบ่ายครึ่งเร็วๆ รู้ตัวว่าใจร้อน ถึงได้พยายามสูดลมหายใจเข้าออก
หยิบกระดาษออกมาคิดงานประดิษฐ์เล็กๆน้อยๆฆ่าเวลา
ชายหนุ่มจมความคิดกับแผ่นกระดาษจนกระทั่งโทรศัพท์แผดเสียงบอกเวลาบ่ายครึ่งตามนัด
มาร์ควางกระดาษลงข้างเบาะ หันไปมองบ้านหวังที่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
เปิดประตูรถออกไปยืนหน้าบ้าน ลูบหน้าเช็ดเหงื่อข้างลำคอ อากาศตอนเที่ยงค่อนข้างร้อนอบอ้าวเลยทีเดียว
ถ้าได้พาเมสันไปทานไอศกรีมเย็นๆก็คงจะดี แผนพาลูกไปเที่ยวถูกไล่เป็นรายการในหัวหมดความน่าสนใจทันทีที่ประตูบ้านหวังเปิดออกมาพร้อมด้วยร่างของคนท้องและลูกชายในอ้อมกอด
“ปะป๊า~~~~~~~~~~”
เจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดแม่ร้องเรียกเขาเสียงดัง
มาร์คยิ้มกว้างมองดูลูกชายที่โบกมือไปมาในอากาศ ยิ้มกว้างแก้มกระเพื่อมน่าหยิก
แต่งชุดเสื้อยืดกางเกงเอี๊ยมน่ารัก ในขณะที่คนอุ้มยังอยู่ในชุดอยู่บ้านสบายๆ
แจ็คสันมีสีหน้าสดใสมากขึ้นแต่ก็ยังบึ้งตึงเย็นชาใส่เขาอย่างเห็นได้ชัด
ดวงตากลมมองมาที่เขาชั่ววูบแล้วหันไปส่งยิ้มให้เจ้าตัวเล็กในอ้อมแขน
วางเมสันลงเปิดประตูรั้วบ้านให้เจ้าตัวเล็กได้วิ่งดุ๊กดิ๊กไปหามาร์ค
“ป๊ามัค ป๊าๆๆๆ”
“ลูกชายป๊า~”มาร์คย่อตัวรับลูกชายขึ้นมาอุ้มโยนเบาๆเรียกเสียงหัวเราะเอิ้กอ๊ากถูกใจ
“ฟอด! คิดถึงจังเลย” ผิวแก้มอ่อนใสโดนคุณพ่อหอมซ้ายขวาไม่หยุด
มาร์คยิ้มกว้างกอดเมสันแนบอกด้วยความคิดถึง
เงยหน้ายิ้มบางๆให้แจ็คสันที่เบือนหน้าหนี
รอยยิ้มบนใบหน้าจืดเจื่อนในทันที กระแอมไอในลำคอเรียกความมั่นใจ
“ตัวเล็กสบายดีนะ”
“อืม...”
มาร์คมองดูคนตรงหน้าด้วยความคิดถึง
อยากกอดอยากดึงเข้ามาหาบอกให้รู้ว่าคิดถึงขนาดไหน
แต่เหมือนว่าแจ็คสันจะยังไม่ให้เขาทำถึงขนาดนั้น เลยต้องอดใจเอาไว้ก่อน
“ไม่ไปด้วยกันเหรอ?”
“ไม่...พาเมสันมาส่งก่อนสี่โมงนะ”
“อืม...”มาร์คตอบรับในลำคอ ใจหายกับความห่างเหินของคนรัก
แจ็คสันยื่นมาลูบศีรษะกลมของลูกชาย
ทำหน้าดุสั่งความ
“เมสัน ไปกับปะป๊าอย่าดื้อนะรู้ไหม”
“คับ! เมจั๋นเด็กดี!”เจ้าลูกชายตอบฉะฉานเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากคนเป็นแม่
ดวงตากลมเงยหน้ามองมาร์คนิ่งๆ พยายามไม่หวั่นไหวกับแววตาขอร้องของคนนอกรั้วบ้าน
“ดูแลลูกดีๆนะ”
“ครับ”
.
.
.
แจ็คสันมองตามรถของมาร์คที่แล่นออกไปจากหน้าบ้านช้าๆ
“ทำแบบนี้ดีแล้วเหรอ?
กากา”ม๊าหวังเดินมาจากด้านหลัง ลูบเส้นผมนุ่มของคนเป็นลูก
“ดีแล้วล่ะม๊า...ถึงกากาจะโกรธเขา
แต่กากาไม่มีสิทธิ์ไปห้ามไม่ให้ลูกเจอพ่อนี่นา”
“แล้วกากาไม่คิดถึงพี่เขาเหรอ?”
“...”แจ็คสันไม่ตอบ
เพียงแค่ยิ้มให้แทนคำตอบนั้น ม๊าหวังส่ายหน้า
นางรู้สึกว่านางเลี้ยงลูกยังไงถึงได้ดื้อรั้นได้น่าตีขนาดนี้นะ
“ตามใจแล้วกัน
แต่อย่ามางอแงร้องไห้ตอนหลังแล้วกันนะ”
ตลอดสองเดือนที่ผ่านมามาร์คเลยไม่เคยพลาดที่จะมาเฝ้าหน้าบ้านหวังเพื่อง้อภรรยาเพราะเชื่อว่าแจ็คสันจะเห็นแก่ความพยายามของเขาจนหายโกรธในที่สุด
จนวันนี้ที่ชายหนุ่มได้ยิ้มจนปากจะถึงหู เมื่อเห็นภรรยาตัวเล็กเป็นคนเดินมาหาเขาด้วยตัวเองโดยไม่ได้มีเหตุอย่างมาส่งเมสันให้เขาแบบที่แล้วมา
มาร์คลอบมองพัฒนาการของคนรัก...
ครรภ์ห้าเดือนของแจ็คสันเริ่มทำให้การเดินเหินมีปัญหา
แต่ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสขนาดเดินไม่ได้ แจ็คสันมองของในมือเขาแล้วขมวดคิ้วฉับ
“เลิกซื้อมาได้แล้ว เปลืองเงิน”
“ถ้าไม่อยากให้พี่เปลืองเงินก็ยกโทษให้พี่สิ”
“...พี่มาร์ค”เสียงแหบหวานเรียกชื่อชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ครับ”
“ถ้าผมไม่กลับไป พี่จะทำยังไง”
มาร์คยิ้ม ไม่ได้กล่าวอะไร
เอื้อมมือมาลูบเส้นผมนุ่มของคนรักที่ไม่ขยับตัวหนีเหมือนทุกครั้ง
ดวงตากลมแค่มองเขาแล้วหลบตายามที่ชายหนุ่มจ้องกลับคืน
“ตัดผมเหรอ?”
“อืม ม๊าตัดให้”
“เสียดายผมยาวๆจัง แต่แบบนี้ก็น่ารักเหมือนเดิม”
“พี่มาร์คอย่าเปลี่ยนเรื่องสิ”คนตัวเล็กดุชายหนุ่มที่ทำเป็นเบี่ยงเบนประเด็น
“พี่ไม่ยอมแพ้หรอกนะ...จนกว่าแจ็คสันจะยอมยกโทษให้พี่”
“...”
ใบหน้ากลมเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าใดๆทำเอามาร์คใจแป้ว
มือเล็กยื่นมารับของจากมือชายหนุ่ม มาร์คดึงมือนิ่มกุมไว้จ้องมองขอความเห็นใจ
แต่คนตัวเล็กก็ขืนมือออก เดินหันหลังกลับไป
“คราวหลังไม่ต้องซื้อมาแล้วนะ”
“แล้วคำตอบพี่ล่ะ?”ชายหนุ่มอยากประวิงเวลาให้มากกว่านี้
“ขอเวลาผมอีกหน่อยนะ...”
ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนเดิมในทุกๆวันจนเวลาล่วงเลยมาจนหนึ่งเดือนเต็ม
มันเป็นเช้าที่มืดครึ้มคล้ายพายุจะเข้า
แจ็คสันกำลังล้างจานตอนมองออกไปด้านนอกแล้วเห็นฝนกำลังริน...
เมฆบนฟ้ากำลังก่อเค้าเป็นพายุใหญ่
คิ้วขมวดนึกไปถึงผ้าที่ตากไว้หลังบ้าน รีบวางจานลง เดินอุ้ยอ้ายหอบครรภ์หกเดือนไปหยิบตะกร้าเดินถือร่มออกไปเก็บผ้าอย่างค่อนข้างทุลักทุเล
สะดุ้งโหยงตกใจเสียงฟ้าร้องจากที่ไกลๆ เก็บของเข้าบ้าน
ปิดบ้านให้เรียบร้อยเพราะวันนี้ป๊าม๊าออกไปสังสรรค์กับก๊วนรุ่นเดียวกันที่ต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวาน
ส่วนเมสันก็กำลังนอนหลับปุ๊ยอยู่บนชั้นสองคงไม่ตื่นง่ายๆ
“ตกอะไรตั้งแต่เช้านะ”บ่นขมุบขมิบตามประสาคนขี้บ่น
กำลังจะตั้งหม้อน้ำซุปตอนที่สายตาดันเหลือบไปเห็นใครบางคนหน้าบ้าน
.
.
.
มาร์คมาเฝ้าหน้าบ้านหวังอย่างทุกวัน
ถึงวันนี้ฝนจะตก แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีความสำคัญอะไร
...ก็แค่ฝน...
แต่เหมือนว่าใครบางคนจะไม่ได้คิดอย่างนั้น
“มายืนทำบ้าอะไรตรงนี้!”
แจ็คสันร้องมาตั้งแต่ในบ้าน
คนตัวเล็กในชุดคลุมสีอ่อนเดินกางร่มออกมายืนติดรั้วมองเขาที่กำลังส่งยิ้มไปให้
แม้ว่าเสื้อจะเริ่มชุ่มจนน่าหงุดหงิดแล้วก็ตาม
“มารอแจ็คสัน”
“เห็นไหมว่าฝนตก?
ไม่ต้องมายืนรอเป็นพระเอกมิวสิคหรอก มันไม่ซึ้ง กลับบ้านไปเลยนะ”รัวมาเป็นชุดด้วยใบหน้าติดหงุดหงิด
มาร์คหัวเราะแผ่ว ลูบเส้นสีเข้มชื้นฝนขึ้นมองใบหน้าคนรักชัดๆ
“ก็อยากมาเจอหน้าที่รักนี่นา”
“โว๊ะ! แล้วแต่เลยถ้างั้น”
สบถหงุดหงิด
ใครบอกว่าแจ็คสันดื้ออยู่คนเดียว เวลามาร์คจะดื้อ ก็ดื้อไม่แพ้กันเลยสักนิด!
แจ็คสันเดินเข้าไปในบ้าน
คิดว่าอีกสักพักมาร์คคงจะกลับไปเอง ยิ่งเห็นฝนลงเม็ดหนักขึ้นเรื่อยๆจนต้นไม้ใหญ่เอนไหว
ยิ่งมั่นใจว่ามาร์คต้องทนไม่ไหวกลับไปแล้วแน่ๆ
...แต่แจ็คสันคะเนความดื้อของมาร์คต้วนน้อยเกินไป...
.
.
.
ดวงตาสวยปรือมองหยาดฝนห่าใหญ่ขมวดคิ้วหงุดหงิด
...จะมาตกอะไรวันนี้กันนะ...
ยกมือเช็ดน้ำฝนจากใบหน้าเซ็งๆ
ไม่ยี่หระต่อความชื้นแฉะทั้งเรือนกาย ฝนเม็ดใหญ่กระทบร่างเขาซ้ำๆไม่ต่างจากปลายเข็มด้านๆที่ไม่เจาะลึกแต่สร้างความแสบสันเพราะแรงปะทะ
เสื้อรวมถึงกางเกงที่ใส่อยู่ชุ่มแนบไปกับร่าง ดีที่วันนี้ใส่เสื้อยืดดำมา
ไม่อย่างนั้นคงเหมือนพระเอกถ่ายเอ็มวีอย่างที่แจ็คสันเคยพูดไว้แน่ๆ
เปลี่ยนท่าทางลงไปนั่งพิงรั้วเพราะเริ่มเมื่อยขา
นึกติดตลกในใจว่าตัวเขาคงอายุมากแล้วสินะ ถึงได้ปวดแข้งปวดขาขนาดนี้
มาร์คทำทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ
ทั้งที่ฝนกำลังโหมกระหน่ำร่างอย่างหนักหน่วง...
ฝึบ!
จู่ๆก็เงาบางอย่างทาบทับร่างบังฝนให้
พร้อมกับมีผ้าขนหนูผืนใหญ่ลอยมาโปะบนศีรษะ
“ถึงพี่จะนั่งอยู่ตรงนี้ผมก็ไม่กลับไปกับพี่หรอกนะ...”
น้ำเสียงของแจ็คสันสั่นจนเขารู้สึกได้
มาร์คเงยหน้าขึ้นไปมองสบดวงตากลมที่ทอประกายห่วงใย มือเล็กหนึ่งกำคันร่มไว้ ส่วนอีกมือก็จับชายเสื้อคลุมปิดจมูกไว้ แก้มกลมแดงเรื่อและเริ่มมีผื่นผุดขึ้นประปราย
“เพราะงั้นพี่กลับไปเถอะ
แค่ก!...”
แจ็คสันไอออกมาในคำสุดท้าย
ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาในจิตใจคนมอง
...ไอ้มาร์คเอ๊ย! มึงทำอะไรไม่คิดอีกแล้วเหรอวะ!!!...
“แจ็คสันนั่นแหละที่ต้องเข้าร่ม
ภูมิแพ้ขึ้นแล้ว จะไม่สบายเอานะครับ”
ชายหนุ่มเกาะรั้วบ้านเตี้ยๆ
มองใบหน้าคนรักด้วยความห่วงใย อยากเข้าไปกอด อยากเข้าไปจับมือเล็กนั่นพาเดินไปหลบฝน
แต่ก็กลัวว่าถ้าทำอย่างนั้นคนตัวเล็กจะโกรธเพิ่มขึ้นไปอีก
“ผมจะเข้าบ้าน...ถ้าพี่กลับไป”
คำพูดของแจ็คสันอาจทำให้ชายหนุ่มเสียใจจนกระอัก
แต่ดวงตากลมนั้นแสดงให้เห็นว่าความหมายแท้จริงของมันคืออะไร
มาร์คพยักหน้า
จับผ้าขนหนูคลุมศีรษะและเดินกลับเข้าไปในรถ
ชายหนุ่มมองร่างเล็กที่ยืนอยู่ตรงนั้นอีกสักพักก่อนจะหมุนตัวเดินอุ้ยอ้ายกลับไปทางตัวบ้าน
ร่มสีเหลืองสดใสหุบลงเอาใส่ตะกร้า แจ็คสันหันมามองทางรถเขาชั่วครู่
ก่อนเดินกลับเข้าไปในบ้าน
มาร์คถอนหายใจ
เอนตัวกับเบาะ ไม่สนใจว่าตัวจะเปียกเบาะจะชื้นขนาดไหน
...จะทำยังไงต่อดีล่ะ...
เช้าวันรุ่งขึ้น
แจ็คสันตื่นขึ้นมาทำอาหารให้ทั้งพ่อแม่และเจ้าตัวเล็กกินตั้งแต่เช้า
ฝนหยุดตกแล้วและพื้นด้านนอกคงเปียกชื้นจนไม่น่าเดินไปไหนมาไหนแน่ๆ
เขาเอาเสื้อผ้าที่เก็บเมื่อวานไปซักตากอีกรอบเพราะมันอับชื้นจนไม่น่าใส่ แต่พอกำลังจะเอาไปตากก็โดนม๊าตีมือเข้าให้
“อะไรอ่ะม๊า”ทำหน้างอแงใส่
เขาแค่จะเอาเสื้อผ้าไปซักเองนะ
“คนท้องใครให้ยกของหนักกัน
โน่น ไปรดน้ำต้นไม้ให้ป๊าไป”
“ฝนตกแล้วต้องรดด้วยเหรอ”ถามเพราะสงสัยแต่โดนม๊าเขกมะเหงกเข้าให้
“ก็พวกที่อยู่ในร่มไง
เฉาจะตายแล้ว รีบไปเลย”
“คร๊าบๆ”ตอบรับยิ้มๆ
กอดเอวคนเป็นแม่จุ๊บแก้มออดอ้อนแล้วเดินออกไปหาป๊าหวังที่หน้าบ้าน
ทันทีที่เปิดประตูหน้าบ้านออกไปเสียงใสๆของลูกรักก็ร้องเรียกเขาลั่น
“มะม๊า~~ดูนี่ๆ”
เมสันอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสวมรองเท้าบูทกันฝนสีสดใสเดินเตาะแตะพยายามทรงตัวให้ได้อยู่ข้างๆคุณตา
เจ้าตัวเล็กเดินเป๋เหมือนเป็ดเข้ามาหาเขา
หัวเราะเอิ๊กอ๊ากแม้ตัวเองจะล้มก้นจ้ำเบ้าก็ตาม แจ็คสันปรบมือเรียกเมสันมาหา
เจ้าตัวเล็กรีบลุก วิ่งดุกดิกไปหาแม่ ทั้งสองกอดกันกลมหอมแก้มกันซ้ายขวาหัวเราะมีความสุข
“ล้มเจ็บไหม?”
“ไม่เจ็บเยย”เมสันตอบพลางฉีกยิ้มสดใส
“คนเก่ง”แจ็คสันลูบศีรษะเล็กชม
“เอ้าๆ
แม่ลูกคู่นั้นน่ะ อย่าลืมคนแก่ตรงนี้สิ”ป๊าหวังที่นั่งรออยู่นานรีบเรียกร้องความสนใจ
แจ็คสันยิ้มเดินจูงมือเจ้าตัวเล็กพาไปหา เมสันก็ช่างแสนรู้กระโดดกอดหอมแก้มคุณตาอย่างน่าเอ็นดู
แจ็คสันปล่อยให้เมสันเล่นกับคุณตาของเจ้าตัวไป
ขณะเดินเลี่ยงออกมารดน้ำต้นไม้ส่วนในร่ม มองออกไปนอกรั้วตามความเคยชิน
...หายไปไหนนะ...
ตากลมลอกแลกไปมาหารถ
R8 คันสีขาวของมาร์ค แต่ก็ไม่พบ
แจ็คสันก้มหน้ากัดปากตัวเองนิดๆ
พยายามไม่คิดน้อยใจ
“ดูเอาเถอะคนเรา
ตอนเขามาง้อก็ใจแข็งไม่ยอมกลับด้วย พอเขาหายไปล่ะก็ชะเง้อหาคอเป็นยีราฟ”เสียงป๊าหวังลอยมาจากหน้าบ้านกระทบเจ้าลูกหมาที่กำลังคิดน้อยใจให้สะดุ้งโหยงหันกลับมามองค้อนๆ
“ป๊าอ่ะ
แจ็คไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย”
“เอ้า
ป๊าก็ไม่ได้ว่าเรานี่...เนอะ เมสันเนอะ”
“คับคุณตา”เจ้าตัวเล็กก็ไร้เดียงสา
ใครบอกอะไรก็ตอบรับไปตามนั้นเพราะไม่เข้าใจความ ทำเอาคนเป็นแม่ทำหน้ามุ่ยงอน
เรียกเสียงหัวเราะจากคนมอง คลายความน้อยใจลงได้ขณะหนึ่ง
...เดี๋ยวก็คงมาแล้วมั้ง...
.
.
.
.
แต่แล้วมาร์คก็ไม่ได้เข้ามาเลยทั้งวัน
...เป็นอะไรรึเปล่านะ...
แจ็คสันเริ่มร้อนใจ
กลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นอะไรไป เมื่อวานยิ่งตากฝนหนักขนาดนั้น กลับบ้านไปจะยอมกินยา
อาบน้ำ นอนพักหรือเปล่า? หรือจะปล่อยตัวเองจนป่วยกันนะ
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาแจ็คสันค่อนข้างโอนเอียงไปในข้อหลัง
มือเล็กจับโทรศัพท์ไว้แน่น
มองหน้าจอโชว์เบอร์ของมาร์คในหน้ารายชื่อ ลังเลใจที่จะกดโทรออก แต่สุดท้ายความห่วงใยก็ชนะทิฐิ
นิ้วป้อมกดโทรออกรอสายด้วยใจร้อนรน ไม่นานเกินรอชายหนุ่มก็รับสาย
แต่สิ่งที่ได้ยินนั้นไม่ทำให้ความร้อนใจน้อยลงเลยสักนิด...
‘แจ็ค...สัน..........ตึง!’
“พี่มาร์ค!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น