[SF] MY PET 3 (MarkSon)

MY PET 3
Mark x Jackson









          ห้องคอนโดห้องใหญ่กลางกรุงในยามเช้ากำลังจะลุกเป็นไฟ แทนที่จะอบอุ่นละมุนละไมตื่นมามอร์นิ่งคิส ทำอาหารให้กันกอนออกไปทำงาน แต่สำหรับคู่เจ้านายกับหมาน้อยมันกลับคนละเรื่องกัน เพราะมาร์คเอาแต่ทำงานเสียดึกดื่น เวลาให้คนรักก็ไม่ค่อยมี เจ้าหมาขี้อ้อนก็เลยต้องวิ่งหาความอบอุ่นเสียเอง จนบางทีมันก็ร้อนผะผ่าว...เหมือนตอนนี้

“อ๊ะ อืมม”เสียงแหบหวานครางพร่าพอใจ คล้องมือกับคอลำแกร่งของคนบนเก้าอี้ขย่มสะโพกอวบของตัวเองลงบนหน้าตักใต้กางเกงทำงานตัวเดิม เอียงใบหน้าเปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนเชยชิมผิวเนื้อขาวหอมกรุ่นได้อย่างเต็มที่ จมูกรั้นโน้มลงมาเป่ารดลมร้อนแถวใบหูหยอกเย้า กดจูบเลียชิมเบาๆ แสดงให้รู้ว่าคนตัวเล็กต้องการอะไร

“อืมม อยากโดนแต่เช้ารึไง”มาร์คกลั่นเสียงถามทีเล่นทีจริง มือเรียวสวยบีบเฟ้นสะโพกนุ่มแน่นเต็มมือของคนบนตักที่ท่อนล่างใส่เพียงกางเกงในแนบเนื้อสีดำ จงใจมายั่วยวนสุดๆ ท่อนบนที่สวมเสื้อตัวโคร่งสีขาวนั่นก็ใช่เล่น ก้มทีก็เห็นไปหมดจนแทบไม่สามารถปิดอะไรได้เลย แถมบางเสียจนจุดแดงๆด้านใต้สองจุดนูนเน้นดันเสื้อขึ้นมาเสียชัดเจนจนคนมองอดไม่ได้ที่จะงับมันเล่นอย่างต้องการจะหยอกเย้า

“อ๊า อืม มาร์ค”นิ้วป้อมแทรกยึดเส้นผมสีอ่อนของคนรักแอ่นอกเปิดทางเชิดหน้าส่งเสียงครางเร่าร้อน ก้นแน่นขยับถูไถใกล้ส่วนแข็งร้อนใต้กางเกงทำงานของมาร์ค เชื่อมตาโปรยมองคนรักออดอ้อน ก่อนทั้งหมดจะถูกกดหยุดด้วยเสียงโทรศัพท์เครื่องสวยบนโต๊ะทำงาน

“แป๊ปนะ”

มาร์คกอดเอวคอดไม่ให้ปั่นป่วนตัวเองต่อ เอื้อมมือไปรับโทรศัพท์คุยงานกับปลายสาย ได้ยินเสียงคนบนตักฮึดฮัดไม่พอใจ มือเล็กตบไหล่ตบหลังเขาแรงๆจนมาร์คต้องยอมปล่อยมือจากเอวนิ่ม แจ็คสันปีนลงจากตักเขา ก้มตัวหยิบกางเกงนอนบนพื้นขึ้นมาใส่ เดินออกไปจากห้องทำงานไป

“อืม ตกลงตามนั้นครับ”

ชายหนุ่มคว่ำหน้าโทรศัพท์ลงกับโต๊ะ ก้มเก็บเอกสารบนพื้นฝีมือเจ้าลูกหมาแสนซนที่หนีออกไปนอกห้องแล้วขึ้นมาเก็บให้เรียบร้อย เดินเอื่อยออกมาไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับเสียงก๊องแก๊งในครัวและสายตาเหวี่ยงๆจากผู้ร่วมอาศัยเลยสักนิด มือเรียวหยิบคุกกี้บนจานกลมเล็กๆสองจานบนเคาน์เตอร์ เคี้ยวกรวมๆยิ้มกับรสชาติหอมเนยในปาก โอบเอวคนที่กำลังวุ่นอยู่กับการชงกาแฟเข้ามาชิด

“หน้ายุ่งหมดแล้ว”เอ่ยล้อข้างใบหูนิ่ม พยายามจะหอมแก้มนุ่มแต่คนในอ้อมกอดก็เบี่ยงหน้าหนี จมูกรั้นพ่นลมหายใจไม่พอใจ วางกาแฟดำลงข้างเครื่องชง สะบัดตัวออกแสดงอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน มาร์คมองตามคนที่ยังอยู่ในชุดนอนบางๆหยิบคุกกี้จานหนึ่งไปวางบนโต๊ะกาแฟ ส่วนอีกจานก็ถือเดินไปนั่งชันขาบนโซฟาเดี่ยวข้างหน้าต่างบานใหญ่

มาร์คให้ห้องตกอยู่ในความเงียบ ยกกาแฟรสหอมนุ่มลึกขึ้นมาจิบ ยิ้มพอใจความรู้ใจของคนชง เดินไปนั่งหยิบคุกกี้เข้าปากชิ้นแล้วชิ้นเล่าจนหมดจาน ลุกขึ้นไปอาบน้ำ ไม่สนใจลูกหมาในห้องเลยแม้แต่น้อย

“ไอ้!...”แจ็คสันด่าขรมในลำคอแต่ก็ไม่ดังพอให้อีกคนได้ยิน ยังไงเขาก็ยังเกรงมาร์คอยู่ดี

...เห็นป่ะวะว่างอน! งอนมากๆด้วย ไม่คิดจะง้อกันสักนิด บ้า! ไอ้เจ้าของบ้างาน!...

แก้มกลมพองออกอัดแน่นไปด้วยคุกกี้เหมือนกะรอกเก็บอาหารไว้ข้างแก้ม คลำจะหากินอีกก็ไม่มีให้กินแล้ว ทำเอาที่ครุกขุ่นอยู่แล้วหงุดหงิดมากไปอีก ทั้งๆที่มันก็ไม่เกี่ยวกับมาร์คต้วนหรอก แต่จะงอนอ่ะ ก็ไม่ซื้อคุกกี้มาไว้เยอะๆไง คนไม่ดี!

แจ็คสันเก็บจานและแก้วไปล้างในครัว สะบัดมือไล่หยดน้ำ ยันแขนมองฟองขาวค่อยๆวนเป็นวงกลมลงท่อไป จู่ๆก็มีคำ

ถามอยู่ในหัวว่าจะทนทำไมวะ? ก็แค่แฟน ไม่ได้หมั้นหรือแต่งงานกันสักหน่อย...

ลูกหมา

แจ็คสันสะบัดหน้าไปมาพยายามไล่เสียงในหัวออกไป ลูบผ่ามือไปตามร่างกายตัวเองช้าๆ แค่คิดว่าอีกคนสัมผัสมาทุกส่วนแล้วก็หน้าร้อนผ่าวเสียดื้อๆ เสียงประตูห้องนอนเปิดออก ร่างขาวแสร้งทำเป็นไม่สนใจ เก็บนู่นเก็บนี่จนเสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นลอยๆจากด้านหลัง

“วันนี้เลขาขอลาป่วย อยากได้คนช่วย...”

“ผม!

มาร์คกระหยิ่มยิ้ม

...ลูกหมาก็คือลูกหมา หาอะไรมาล่อก็หายงอนแล้ว...จริงไหมล่ะครับ?






แจ็คสันนั่งตัวเกร็งอยู่บนรถสปอร์ทของมาร์คซึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้าไปในตึกสูงแลนด์มาร์คของเมือง บริษัทของมาร์คใช่ว่าเขาจะไม่เคยเข้ามา เคยเข้ามารอบหนึ่งตอนมาสมัครงานในตำแหน่งเลขา แล้วก็เจอมาร์คครั้งแรกก็ตอนนั้นแหละ...

“กลัวเหรอ?”มาร์คถามขึ้นมาเจือหัวเราะหน่อยๆ ก็ลูกหมาตัวเล็กของเขานั่งตัวสั่นเอาแต่มองไปด้านหน้าตั้งแต่ออกจากคอนโด ดูแล้วน่ารักน่าแกล้งชะมัด แถมวันนี้อยู่ในชุดแปลกตาอีก จริงๆก็ไม่แปลกเท่าไหร่หรอก ก็ชุดทำงานสุภาพทั่วไป เชิ้ตขาวเก็บชายเสื้อกับกางเกงผ้าสีดำเรียบกริบเข้ารูป จะดูแปลกก็เพราะคนตัวเล็กไม่ค่อยใส่ก็เท่านั้นเอง

“ไม่ได้กลัว...ค แค่เกร็งนิดหน่อยเอง”แจ็คสันอ้อมแอ้มตอบ ขยับตัวอย่างระมัดระวังพลางนิ่วหน้าอึดอัดกับบางสิ่งในกาย

“เหรอ นึกว่าเพราะไอ้นั่นซะอีก”

“มาร์ค!

“ที่บริษัทให้เรียกอะไรหืม?”ชายหนุ่มย้อนถามเรียบๆ นิ้วโป้งขยับเลื่อนปรับระดับรีโมทเล็กๆในมือ แจ็คสันเบิกตาโต สะดุ้งโหยงยันกายขึ้นจากเบาะนุ่มเกาะคอนโซลหน้ารถ อ้าปากหอบหายใจ ก้มหน้ากลั้นความเสียวกระสันจากแรงสั่นสะเทือนในกาย

“อะ อ๊า! จ...เจ้านาย อื้อ พอแล้ว”

“เด็กดี”นิ้วเรียวปรับกลับมาระดับเดิม จอดรถเข้าซอง หยิบรีโมทในมือใส่กระเป๋ากางเกงซึ่งทั้งหมดอยู่ในสายตาคลอน้ำตาเบาบางของแจ็คสัน มาร์คลูบเส้นผมนุ่มสีซีดอ่อนให้เรียบกริบ ปาดปลายหน้าม้าไปข้างๆเผยให้เห็นดวงตากลมโตอย่างลูกหมาที่ช้อนมองเขาอ่อยๆ

“วันนี้ถ้าเป็นเด็กดี ตั้งใจทำงาน ไม่วอแวกับคนอื่นมากเกินไปจะไม่โดนทำโทษ เข้าใจนะครับ”






พวกเขาใช้ลิฟต์ขึ้นชั้นที่ 53 ซึ่งเป็นชั้นเกือบบนสุด มาร์คเดินนำหน้าแจ็คสันไปทางซ้ายซึ่งเป็นห้องสำหรับผู้บริหารทั้งหลาย ชายหนุ่มเดินผ่านพนักงานที่ส่งสายตาสนอกสนใจมาให้คนด้านหลังของเจ้านายตัวเอง เพราะแจ็คสันก็ใช่จะขี้ริ้วขี้เหร่ ออกจะหน้าตาหล่อน่ารักน่าเอ็นดู ยิ่งเส้นผมสีทองซีดยิ่งขับให้ใบหน้าขาวนั้นนามองมากยิ่งขึ้น เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ได้ปกปิดเสน่ห์บางอย่างในตัวร่างเล็ก แต่กลับขับออกมามากกว่าวันปกติเสียอีก

มาร์คค่อนข้างหงุดหงิด แต่ก็เอาเถอะ ตราบใดที่ลูกหมาของเขาไม่เล่นด้วย เขาก็จะไม่ลงมือทำอะไรรุนแรงหรอกนะ

“ทุกคน...”มาร์คประกาศเสียงดัง ดันตัวแจ็คสันไปด้านหน้าเล็กน้อย “นี่คือแจ็คสันหวัง จะมาทำหน้าที่แทนคุณเลขาคิมหนึ่งวัน ถึงจะเป็นแค่วันเดียว ก็ช่วยเหลือเขาหน่อยแล้วกัน”

เสียงตอบรับอย่างแข็งขันของพวกตัวผู้ทำเอามาร์คคิ้วกระตุก แจ็คสันโค้งตัวลงฝากตัวนอบน้อม กระตุกตัวขึ้นมายืนตรงแด่วพร้อมรอยยิ้มออกแห้งเล็กน้อยในคราวแรก ทุกคนเข้าใจว่าเด็กใหม่คนนี้คงเกร็ง แต่ใครจะรู้ว่าสาเหตุมันมาจากมือเรียวที่ล้วงเข้าไปในกางเกงทำงานของมาร์คนั่นต่างหาก

...คนขี้แกล้ง!...

มาร์คพาแจ็คสันไปที่โต๊ะทำงาน บอกรายละเอียดของงานแต่ละอย่างด้วยความใส่ใจโดยมีแจ็คสันที่ฟังอย่างตั้งใจ ถ้าไม่ทันอะไรเขาก็จะจดเอาไว้กันลืมกันพลาด รู้นิสัยของมาร์คดีว่าเป็นพวกเพอร์เฟคชั่นนิสขนาดไหน และถ้าเขาทำอะไรพลาดรับรองว่ามาร์คไม่ได้เป็นเจ้านายใจดีอย่างแน่นอน

รองประธานคนเก่งยืนคุมสอนงานเลขาชั่วคราวอยู่นานโดยมีสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนอื่นๆมองตาไม่กระพริบด้วยความแปลกใจ ก็ปกติมาร์คไม่เคยลงมาสอนเองแบบนี้ มีแต่ให้พวกหัวหน้าแผนกมาสอนทั้งนั้น อดสงสัยไม่ได้ว่าแจ็คสันคนนี้มีฐานะอะไรกับมาร์คต้วนกันแน่

“ตั้งใจคำงานล่ะ”

“ได้ครับ พ...เจ้านาย”เจ้าลูกหมาตัวแสบยิ้มเพล่เกือบหลุดคำเรียกที่บ้านมาใช้ดีที่กลับลำได้มัน มาร์คส่ายหน้าเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง แจ็คสันถอนหายใจเฮือก มาร์คนี่เป็นเจ้านายที่เคร่งเครียด ระเบียบจัดชะมัดเลย...

แจ็คสันหยิบแฟ้มเอกสารดูตารางนัดหมายของวันนี้ นึกชมเลขาของมาร์คที่จัดตารางไว้ได้อย่างเป็นระเบียบและมีรายละเอียดครบถ้วน

“อืม คุณจินยองนัดพบตอนบ่าย...ประชุมตอนบ่ายสองครึ่ง ตอนเช้าไม่มีอะไร”ทวนตารางของมาร์คในลำคอ คิดตารางงานคร่าวๆในหัว ถึงจะเห็นแบบนี้แต่แจ็คสันก็จบการจัดงานโดยตรง ก็ไม่ยากเท่าไหร่ที่จะดึงสิ่งที่เรียนมาใช้ ถึงจะถูกดองไว้นานเพราะไปเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของเจ้าของสุดเอาแต่ใจก็เถอะ...

“สวัสดีจ๊ะแจ็คสัน”เสียงหวานๆดังขึ้นจากด้านหน้าโต๊ะ กลิ่นน้ำหอมหลายกลิ่นอ้อมตัวเขาจนรู้สึกวิงเวียน เงยหน้าไปมองก็เห็นหญิงสาวในชุดทำงานสามคนกำลังจ้องมองเขาด้วยประกายตาแวววับดูแล้วน่าขนลุกแปลกๆ

“สวัสดีครับ”

“นี่ๆ เธอเป็นอะไรกับคุณมาร์คเหรอ? ทำไมได้มาด้วยกันแล้วๆ...”ไม่ทันที่จะจบประโยคคำถามอยากรู้อยากเห็นประตูห้องทำงานก็เปิดออกอีกครั้ง

“อะแฮ่ม...”พี่สาวในแผนกสะดุ้งโหยงแตกทัพกลับโต๊ะทำงานเพราะสายตาเชิงไล่ของรองประธานที่ไม่โผล่ออกมาจากห้องตอนไหน

“ผมยังไม่ทำอะไรเลยนะ”แจ็คสันรีบยกมือขึ้นเป็นเชิงไม่รู้อะไรจริงๆ ตากลมจ้องไปที่มือเรียวกำลังหอบแฟ้มสามสี่อย่างมาให้ รู้สึกโล่งใจที่มือมาร์คไม่ว่างลงไปกดรีโมทรังแกเขาได้

“ตรวจทวนเอกสารพวกนี้แล้วเอาไปให้ฉันในห้อง อ้อ ขอกาแฟแก้วหนึ่งตอนสี่โมง”

“ได้ครับ”แจ็คสันรับคำ เปิดเอกสารขึ้นมาเช็คด้วยความขยันขันแข็ง มาร์คเดินกลับเข้าไปข้างใน แต่คราวนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาถามอะไรร่างเล็กอีก เพราะก่อนเข้าไปชายหนุ่มก็ปรายตาเย็นๆเป็นเชิงห้ามสะกดทุกคนในแผนกเอาไว้เหมือนเป็นคำเตือนว่า ห้าม เข้า ใกล้ คนๆนี้อย่างเด็ดขาด






แจ็คสันทำงานเสร็จถึงแค่ครึ่งเดียวตอนนาฬิกาเตือนว่าถึงเวลาชงกาแฟให้มาร์คแล้ว ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินเข้าห้องพักผ่อน ซึ่งโชคดีที่มีพนักงานคนหนึ่งยืนอยู่ในนั้นพอดี เขาโค้งตัวทักทายด้วยไมตรีถามถึงแก้วกาแฟของมาร์คซึ่งพนักงานคนนั้นก็ชี้ให้เขารู้ทันที

...เหมือนที่คอนโดเป๊ะ...แจ็คสันคิดในใจ ยื่นมือไปจับเอาแก้วกาแฟสีขาวเรียบหรูออกมาวาง สอดส่ายสายตาในกระปุกผงกาแฟหลากหลายยี่ห้อ ดึงกระปุกหนึ่งออกมาแบบไม่ต้องคิด

 “จะชงกาแฟให้คุณมาร์คเหรอ? ให้พวกเราลองช่วยดูไหม? คุณมาร์คแกเฮี้ยบเรื่องรสชาติมากเลยนะ”ใครคนนั้นถามอย่างนึกเป็นห่วง แต่แจ็คสันส่ายหน้ายิ้มให้เป็นการแสดงการขอบคุณ

“ไม่เป็นไรครับ”

“อะ เอางั้นเหรอ”พอเห็นท่าทางมั่นใจแบบนั้นก็ไม่รู้จะขัดอะไร คงต้องเห็นด้วยตัวเองล่ะมั้งว่าคุณมาร์คเวลาไม่พอใจอะไรน่ากลัวขนาดไหน

แจ็คสันยกกาแฟเข้าไปในห้องทำงานของท่านรองประธานบริษัท ไม่ลืมเคาะประตูตามที่มาร์คกำชับไว้ รอฟังเสียงอนุญาตก็เดินเข้าไป วางแก้วลงบนโต๊ะที่ว่างอยู่ เหลือบมองคนตัวสูงที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างที่เป็นประจำ กำลังจะเดินออกไปก็โดนมาร์ครั้งไว้

“เดี๋ยว”

“ครับ?”

“อยู่เก็บแก้วไปด้วย”แจ็คสันร้องอ๋อในใจ ยืนนิ่งๆอยู่ข้างโต๊ะสงบเสงี่ยมแต่ก็ไม่เห็นว่ามาร์คจะแตะกาแฟสักที ยืนจนขาแข็ง กาแฟในแก้วก็ไม่พร่องลงเลย ปากอิ่มเริ่มยู่แดง หันซ้ายเหลียวขวามองให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆก็ถาม

“ถ้าไม่รีบกินเดี๋ยวจะเย็นหมดนะครับเจ้านาย”

“ป้อนสิ”

“หา?”

“ป้อนฉันสิ”

ใบหน้ากลมแดงวาบ รู้ทันทีที่สายตาคมหันมามองว่ามาร์คต้องการให้ป้อนแบบไหน

“เจ้านายก็รู้ว่าผมกินกาแฟไม่เป็น”

“จะป้อนหรือจะโดนลงโทษ”

“เดี๋ยว! ป้อนแล้วๆ”แจ็คสันรีบห้ามมือเรียวที่กำลังจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ก้าวไปยืนข้างๆคนขี้แกล้งที่หมุนเก้าอี้กลับมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ มือเล็กหยิบแก้วกาแฟขมปี๋ขึ้นมาอมไว้ เบ้หน้าจะร้องไห้เพราะความขมปร่าโพรงปาก ขมจนอยากคายทิ้ง รีบปีนขึ้นตักส่งริมฝีปากนุ่มเข้าไปประกบส่งของเหลวอุ่นๆป้อนให้อีกคนได้ดื่ม ลิ้นเรียวไม่อยู่เฉยล้วงเข้ามาดูดกลืนเค้นรสขมแต่หอมหวานในปากนิ่มด้วยความเพลิดเพลิน ผละปล่อยให้คนตัวเล็กได้เช็ดมุมปากอิ่มแดง เสสายตาหลบอายๆ

“ป้อนอีกสิ...ให้หมดแก้วนะ”

“/////”

กว่าจะป้อนจนหมดแก้วเจ้าลูกหมาก็พังพาบหอบเพราะหายใจไม่ทันซบพักบนอกแกร่ง สูดลมหายใจเข้าลึกๆเอากลิ่นหอมลุ่มลึกของมาร์คเข้าเต็มปอด

“ไหวไหม?”

“ไหวสิ แต่ขออยู่นี่สักพักนะ”แจ็คสันส่งเสียงอ้อมกอดมาร์คเอาไว้หลวมๆ ชายหนุ่มก็ไม่ว่าอะไร ดึงสะโพกอวบขึ้นไปนั่งบนตักดีๆ หมุนเก้าอี้กลับมาทำงานบนโต๊ะต่อทั้งที่มีลูกหมาตัวโตเกาะอยู่กับตัวราวกับโคอะล่าเกาะไม้ไผ่

เสียงวุ่นวายจากด้านนอกเรียกความสนใจของทั้งคู่ แจ็คสันกระโดดลงจากตักแกร่งทันประตูทำงานเปิดผลั๊วะเข้ามาในห้อง มาร์คมองคนมาใหม่อย่างไม่พอใจนัก แต่ผู้มาเยือนก็หาสนใจไม่

“สวัสดีมาร์ค”

“สวัสดีจินยอง จะดีกว่านี้ถ้านายจะพึงรักษามรรยาทในการเข้าห้องคนอื่น”

“เอาน่า ก็เลขานายไม่อยู่หน้าห้อง ก็เลยถือวิสาสะเข้ามาเสียเลย โอ๊ะ! นั่นใครน่ะ น่ารักจัง”

คนโดนชมหน้าแดงก่ำ ไม่เคยมีใครชมเขาน่ารักโต้งๆต่อหน้าแบบนี่มาก่อน มาร์คตวัดตามองจินยองด้วยความไม่พอใจ

“แจ็คสัน ออกไปก่อน”

“คะ ครับ”คนตัวขาวโค้งตัวเดินผ่านจินยองออกไปแต่ก็โดนมือเรียวจับแขนเอาไว้ก่อน คราวนี้บรรยากาศในห้องฉุดต่ำจนเหมือนอยู่ในขั้วโลกเหนือ ตากลมหันไปมองคนรักบนโต๊ะทำงานหวาดๆ

“จินยอง”

“เอาน่า ให้เขาอยู่ด้วยนี่แหละ ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรสักหน่อย ก็ประสาเพื่อนเก่ากลับมาเจอกัน”

มาร์คถอนหายใจ ไม่รู้ว่าจินยองคนแสนเคร่งเครียดคนนั้นไปอยู่ที่อเมริกายังไงถึงได้ติดนิสัยเจ้าชู้แบบนี้มาด้วย ยอมให้แจ็คสันนั่งในห้องต่อแม้จะต้องหงุดหงิดใจขนาดที่ว่าอยากจิ้มตาเพื่อนเก่าคนนี้ให้แตกไปรู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่มองลูกหมาของเขาด้วยสายตาโลมเลียแบบนั้นได้อีก

“ไหนว่าจะมาบ่าย”

“ก็ว่าจะมาบ่าย แต่ก็อยากทานข้าวกับนายด้วย ไหนๆก็กลับมาทั้งที อ้อ เอาเลขาคนน่ารักไปด้วยก็ได้นะ ฉันจะยินดีมากเลย”พูดพลางส่งยิ้มมาให้แจ็คสันที่นั่งตัวหนีบทำตัวไม่ถูกอยู่บนโซฟาตัวข้างๆ

“จินยอง หยุดทำเสียมรรยาทกับเลขาของฉันได้แล้ว”ไม่รู้ว่าโกรธมากไปหรือจงใจให้จินยองรู้แต่มาร์คเน้นคำว่า ของฉัน หนักแน่นกว่าคำไหนในประโยค

“โอเคๆ”จินยองหัวเราะ “งั้นไปกันเลยดีกว่า ฉันจองโต๊ะไว้ที่ตึกข้างๆ เชิญคุณเลขาแจ็คสันด้วยนะครับ”

...จองไว้แล้วแบบนี้จะปฏิเสธได้ไหมล่ะ?...






โต๊ะอาหารสุดหรูดูวิวได้สามร้อยหกสิบองศาไม่ได้ทำให้บรรยากาศในโต๊ะผ่อนคลายลง อาหารจานแล้วจานเล่าถูกเสิร์ฟมาเพื่อให้เป็นเครื่องมือของผู้ชายสองคนได้ทำสงครามประสาทกัน แจ็คสันที่เป็นคนกลางอยากจะร้องไห้จะแย่

“คุณแจ็คสันครับ นี่ซี่โครงวัว ที่นี่อร่อยมากเลยนะครับ”ส้อมเสียบเนื้อย่างกลิ่นหอมเตะจมูกอยู่ด้านขวา แจ็คสันกลืนน้ำลายอึก อยากลิ้มลองดูสักครั้ง

“แจ็คสัน อ้าปาก”เสียงเหี้ยมฉุดความคิดของแจ็คสันกลับมาให้สนใจมะเขือเทศลูกแดงที่เข้ามาจ่อปากเป็นเชิงบังคับ ตากลมมองซ้ายขวา อ้าปากรับมะเขือเทศจากมาร์คเคี้ยวอย่างขัดไม่ได้ แอบน้ำตาตกในมองชิ้นเนื้อซี่โครงเข้าปากจินยองไปตาละห้อย

“โอ๊ะ ลอสเตอร์ตัวโตมากเลย คุณแจ็คสันลองชิมไหมครับ”

“เอา...”ยังไม่ทันจบประโยค ผักสลัดก็ถูกัดเข้ามาในปากปิดกั้นคำตอบของเขา และลอสเตอร์จานนั้นก็เข้าไปในกระเพราะของผู้ชายสองคนที่เอาแต่สบสายตาแง่งๆใส่กันตั้งแต่เริ่มนั่งโต๊ะ

...ฮือออออ เป็นบ้าอะไรกันไปหมดวะเนี่ยยยย...

“จินยอง นายก็กินของนายไปสิ ยุ่งอะไรกับแจ็คสัน”มาร์คเอ่ยเสียงเครียด

“เอ้า ก็ตามคนมีอัธยาศัย อยากทำความรู้จักไม่ได้รึไงล่ะ”จินยองยิ้มกลับเหมือนสนุกกับการได้ปั่นหัวเพื่อนคนนี้

แจ็คสันฉวยเอาเฟรนช์ฟรายในจานมาร์คยัดเข้าปาก

“จินยอง...ขอร้องเถะ...คนนี้ไม่ได้”

แจ็คสันจิ้มหัวลอสเตอร์มาดูด

“ก็แค่บอกเหตุผล มันยากอะไรละมาร์ค”

แจ็คสันกำลังจะจิบน้ำแตงโมปั่นของมาร์ค

“เออ แจ็คสันเป็นของฉัน จบไหม”

ชิบ น้ำพุ่งเลยกู...

ตาโตกระพริบตาปริบๆมองคนรักตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าพูดอะไรตรงๆแบบนี้ออกมาด้วย มาร์คไม่เคยบอกคนอื่นว่าเขาเป็นคนรักหรือแฟน ยกเว้นเจบีกับคนที่สนิทจริงๆ

...แต่จะว่าไปจินยองนี่สนิทใช่ไหม...

สะดุ้งอีกรอบ หันไปมองจินยองที่หัวเราะลั่นดูถูกอกถูกใจเป็นพิเศษ ในขณะที่มาร์ทำหน้าเซ็ง

“จริงๆฉันรู้จากเจบีแล้วล่ะ อยากมาดูให้แน่ใจว่าคนที่นายติดใจจะเป็นยังไง โล่งไปหน่อย นึกว่าจะเห็นเพื่อนหัวเดียวกะเทียมลีบไปจนลงโลงซะอีก”

“รู้แล้วก็กลับไปได้สักที วันนี้ฉันมีงานเยอะแยะ เสียเวลา”

“ใจร้ายชะมัดเลยนายเนี่ย”จินยองลุกขึ้น ก่อนทิ้งระเบิกลูกใหญ่ไว้ด้วยการโน้มลงมาใกล้คนตัวขาวตรงกลาง

จุ๊บ

“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ แจ็คสัน”







“ไม่อิ่มเหรอ?”มาร์คถามแจ็คสันที่กำลังเกาะกระจกห้องทำงานมองวิวด้านนอก ทำหน้าแบะบ่นหิวๆตั้งแต่เมื่อครู่

“อิ่มบ้าอะไรเล่า มาร์คเอาแต่ป้อนผักป้อนหญ้าอยู่นั่นแหละ งือออ ซี่โครงนุ่มๆ เป็ดย่างหอมๆ”แจ็คสันทำหน้าเสียดายอย่างสุดซึ้ง พอจินยองหอมแก้มเขาปั๊บมาร์คก็สั่งเช็คบิลลากเขาออกมาทั้งที่ในท้องยังไม่ได้อัดเต็มไปด้วยอาหารรสเลิศอย่างที่หวัง แถมพาขึ้นมาบนห้องทำงานทั้งที่ตอนนี้เป็นตอนพักกลางวันแท้ๆ

“อยากกินจากมันมากขนาดนั้นเลยรึไง”

“ไม่ช่ะ อื้อ!!!”ไม่ทันจะได้ตอบปฏิเสธ ร่างทั้งร่างก็สั่นไหว ครั้งนี้มาร์คไม่หยุดกลับเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ

“มะ มาร์คหยุด”

“ให้เรียกว่าอะไรนะ?”

“มะ...เจ้านาย ฮื้อ!!

แจ็คสันทนทานแรงสั่นในร่างกายไม่ไหวทรุดฮวบลงไปนั่งแบะลงบนพื้นพรหม ปะป่ายมือไปจับก้นนูนของตัวเองทั้งที่ไม่ช่วยอะไร เหมือนได้ยินเสียงครึกๆในหูตลอดเวลา น้ำตาคลอหน่วยด้วยความทรมาน เหลือบตาช้อนคนใจร้ายบนโต๊ะอ้อนวอน

“เจ้านาย หยุดมัน ฮือ”

“มานี่สิ”มาร์คลดระดับลงหนึ่งขีดด้วยความปราณี วางรีโมทลงบนโต๊ะ ผายมือเชิญชวนร่างขาวที่สูดลมหายใจ พยุงร่างสั่นระริกของตัวเองขึ้นช้าๆ แจ็คสันเกาะกระจกเดินมาหาคนใจร้ายอย่างทุลักทุเล ทรุดฮวบลงบนตักแกร่ง บดเบียดตัวเองเข้าใกล้อย่างต้องการให้อีกคนช่วยปลดปล่อย กระซิบเรียกเสียงกระเส่า

“เจ้านาย เจ้านาย”

“ใจเย็นๆ”มาร์คเอ่ยปลอบทั้งที่ใบหน้าพราวไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ จับใบหน้าแดงก่ำของคนรักมาจ้องตา ปาดน้ำตาบนหางตากลม ดันตัวอีกคนขึ้นไปวางบนโต๊ะทำงาน จับมือเล็กตรึงไว้ข้างต้นขาแน่น ช้อนจ้องดวงตากลมพร่าไปด้วยน้ำตาและอารมณ์

“ทำให้ฉันอยากช่วยสิ แล้วจะช่วยให้ก็ได้”

แจ็คสันขบริมฝีปากพ่นลมหายใจสั่นร้อนออกมา แรงสั่นในกายยังคงกระเพื่อมความต้องการไม่ยอมให้ดับไปง่ายๆ ส่วนหน้าก็ปวดหนึบจะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่มาร์คก็ช่างเอาแต่ใจอีกแล้ว

มือเล็กปลดกระดุมกางเกงของตัวเองลง ไม่รีบร้อนจะถอดออกแต่กลับยกเรียวขาขาวขึ้นช้าๆให้พ้นจากกางเกง ดวงตากลมสะกดกลั้นความอ่อนแอเลือกแสดงเพียงความนิ่งเงียบราวกับไม่รู้สึกรู้สากับของเล่นในตัว นิ้วเล็กป้อมวางบนใบหน้าลากนิ้วกลางมาจรดริมฝีปากอิ่มแดงสีสวยแลบลิ้นเล็กตวัดเลียพอดีกับที่กางเกงสีดำร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น ร่างขาวที่เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวขยับตัวลงมานั่งตรงขอบโต๊ะ ยื่นใบหน้าน่ารักเข้ามาใกล้ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังขรึมนิ่ง จุ๊บปากเรียวเบาๆแล้วผละออก

“เจ้านาย~ เจียเอ๋อทรมานจัง อืมม”ส่งเสียงครางผะแผ่ว สายตายังไม่ละไปจากดวงตาคมที่ไหววูบ กดนิ้วกลางเข้าไปในปากโลมเลียราวกับมันเป็นของหวานรสชาติดี มือเล็กอีกด้านไต่มาตามต้นคอขาวลูบไล้ลงไปสัมผัสกับจุดอ่อนไหวบนแผ่นอก นิ้วเล็กสะกิดส่วนยอดซ้ำๆจนมันแข็งตึงเป็นไต คีบมันไว้กลางซอกนิ้วบีบจับสร้างความเสียวซ่านไปทั่วร่างกายไม่ต่างจากสิ่งที่กระตุ้นจากด้านหลัง

ลิ้นเล็กโลมเลียนิ้วในปากตัวเองจนชุ่มโชกคิดไปว่ามันเป็นส่วนแข็งร้อน ก่อนคนที่เคลิ้มไปกับอารมณ์สะดุ้งเฮือกแทบตกจากโต๊ะเพราะแรงสั่นแรงขึ้นกะทันหัน เอวคอดถูกดึงมานั่งตักแกร่งดังเดิมแต่รอบนี้กลับมีบางสิ่งดุนดันสะโพกนิ่มเข้าอย่างจัง ทั้งที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นยังคงเรียบนิ่ง แต่แววตานั้นนี่สิ

“คิกๆๆ”แจ็คสันหัวเราะเบาๆในลำคอ จับบ่าแกร่งโยกร่างวนสะโพกกับส่วนนั้นใต้กางเกงทำงานราวกับกำลังร่วมสัมพันธ์ “เจ้านายจะไม่ไหวแล้วเหรอ” เอ่ยถามเสียงเย้า ส่งเสียงฮึมฮัมโดยมีมือแกร่งประคองสะโพกเขาไม่ให้ตกลงไปเสียก่อน คนบนตักยั่วจนรู้สึกถึงความเปียกชื้นของส่วนที่ดันสะโพกตัวเองอยู่ โน้มใบหน้าลงซุกลำคอแกร่งกดจูบเบาๆ ส่งมือไปจับส่วนแข็งขืนของผู้เป็นเจ้านาย ช้อนตาขึ้นมอง

“รอเจียเอ๋อเตรียมตัวหน่อยน้า”

เอ่ยกระซิบบอก ยันตัวเองขึ้นเล็กน้อย อ้อมแขนไปด้านหลังแตะปากทางรักที่ยังปิดสนิทแต่ก็ขมิบตอดรัวเพราะของเล่นในร่างกาย สอดปลายนิ้วเข้าไปส่งผลให้ก้อนกลมรีในร่างเคลื่อนไหว แจ็คสันสะดุ้ง รั้งลำคอแกร่งลงมาบดริมฝีปากอ้อนขอจูบ มาร์คเผยอปากเล็กน้อยให้แจ็คสันได้ทำอย่างที่ตัวเองต้องการ มือแกร่งกำพนักเก้าอี้แน่นพยายามจะกลั้นอารมณ์ตัวเองเต็มที่ แต่เจ้าลูกหมานี่ก็ร้ายเหลือเกิน ยั่วจนอยากจะกระแทกลงไปแรงๆจะแย่แล้ว สุดท้ายก็ทนไม่ไหวบดจูบตอบกลับไปอย่างตะกละตะกลามจนแจ็คสันตั้งตัวไม่มันผวาตัวหนี แต่มาร์คไม่ยอมให้อีกคนหนีไปไหลยึดสะโพกคอดไว้ จับก้อนเนื้อกลมแน่นเด้งมือของคนบนตักจับยืดบีบ ทำอย่างกับสองลูกนั้นเป็นก้อนโมจิ แจ็คสันส่งเสียงครางในลำคอเพราะปากยังประกบติดกับอีกคนอยู่ นิ้วตัวเองในร่างเริ่มสั่นคุมไม่ได้ ลืมตามองมาร์คเมื่อมือด้านนั้นถูกจับออก ก่อนที่ช่องทางร้อนจะโดนสอดแทรกด้วยนิ้วเรียวแทน

“เด็กดี”

สิ้นเสียงแจ็คสันก็ร้องไห้โฮเพราะความอดกลั้น กอดลำคอแกร่งแน่น มาร์คแอบหัวเราะคีบเอาของลงโทษเด็กดื้อออกมาจากตัวคนรัก ทิ้งขว้างแบบไม่ใยดี รูดซิปจ่อความตัวตนแข็งขืนของตัวเองเข้าปากทางนุ่ม สอดเสือกตัวเองเข้าไปหาความรุ่มร้อนแสนอ่อนไหวภายในครั้งเดียวจนมิดด้าม

“อะ อ๊า!

แจ็คสันร้องลั่นจุกเสียด คับแน่นจนไม่กล้าขยับมากไป ถึงจะเคยทำท่านี้กันหลายครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนที่รู้สึกมากเท่านี้ อาจจะเพราะเขาโดนของเล่นปั่นป่วนทั้งวัน ช่องทางมันเลยอ่อนไหวเป็นพิเศษก็เป็นไปได้ แถมตรงนี้ยังเป็นที่ทำงานมาร์ค...

“อ๊ะ เจ้านาย อ่ะ เดี๋ยว!!”แจ็คสันรีบกอดมาร์คแน่นไม่ให้ชายหนุ่มเริ่มขยับ มาร์คเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ แจ็คสันน่าจะพร้อมสำหรับการสอดใส่แล้วทำไมถึงบอกให้หยุด แต่พอมองตามสายตาวิตกกังวลก็พอจะเข้าใจความกลัวของอีกคน

“เอาสิ...เดี๋ยวไปล็อกห้องให้”

คำตอบของมาร์คทำให้คนบนตักใจชื้น แต่ก็ได้ไม่นานเมื่อชายหนุ่มอุ้มตัวเขาขึ้นแต่ไม่ยอมถอนตัวออกไปอย่างที่ควร แจ็คสันร้องเหวอใหญ่รัดขาเข้ากับสะโพกผอมกลัวตก สองมือเกาะเกี่ยวบ่าแกร่งแน่น ตาโตเบิกโพล่งไม่อยากเชื่อว่ามาร์คจะอุ้มตัวเองเดินทั้งที่ตัวเองยังอยู่ในร่างเขาแบบนี้!

“อ๊ะ เจ้านาย ลึก อ๊ะ!”เสียงแหบพร่าร้องไปตลอดทาง ชายหนุ่มก้าวทีร่างเล็กก็สั่นระริกที ส่วนยอดถูเข้ากับผนังเนื้อนุ่มทุกครั้งที่มีการขยับตัว มือที่โอบสะโพกก็เกร็งรับร่างคนรักไว้จนไปถึงประตูห้องทำงาน ดันหลังอีกผ่ายยันไว้กับบานประตูแข็ง เริ่มสวนสะโพกเข้าไปเน้นๆ แจ็คสันส่งเสียงครวญครางอึกๆอักๆ ถึงห้องนี้จะเก็บเสียง แต่นี่มันหน้าประตูมีโอกาสที่เสียงมันจะเล็ดลอดออกไปได้

แจ็คสันตกใจรัดตัวอีกคนแน่นจนมาร์คขยับไม่ได้ ชายหนุ่มชะงักเงยขึ้นไปมองหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ของคนรักที่ส่ายหน้ารัว มือเล็กด้านหนึ่งละจากคอเขาไปกดล็อกประตู และเพียงไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นก็มีเสียงเรียกเขาดังมาจากด้านนอก

“คุณมาร์คคะ? จะถึงเวลาประชุมแล้วนะคะ”

มาร์คร้องอ๋อในลำคอ ยิ้มให้แจ็คสันที่กัดริมฝีปากจนขึ้นสีช้ำ ชายหนุ่มที่ไม่อยากให้ปากอิ่มนั่นมีแผลเลยป้อนจูบร้อนบังคับไม่ให้คนรักกัดปากตัวเองได้ แต่ก็ต้องแลกกับเสียงครางอึกอักที่หลุดรอดออกมา

“อ๊ะ อะ”

“คุณมาร์คคะ?”

มาร์คผละจูบออก ใช้มือปิดปากคนตัวเล็กไม่ให้ส่งเสียงแปลกๆออกไป กลั่นเสียงตอบทั้งที่สะโพกยังสวนเข้าช่องทางร้อนเป็นจังหวะเนิบช้า

“ครับ เดี๋ยวผมไป ผมอาจจะเลทสิบนาทีนะครับ ฝากบอกผู้ร่วมประชุมด้วย”

“ได้ค่ะ”

เสียงส้นสูงห่างออกไป แจ็คสันผวากอดตัวมาร์คกัดเสื้อเชิ้ตตัวในแน่นส่งเสียงครางฮึมฮัม

“...ได้โปรด”

มาร์คยิ้มและพาตัวแจ็คสันไปวางไว้บนโซฟาตัวใหญ่ในห้องทำงาน มือเล็กที่กำลังจะไขว่คว้าเอาร่างคนรักเป็นหลักยึดคว้าได้เพียงอากาศ ตากลมโตพร่าน้ำตากลั่นน้ำตาออกมาอีกสายใหญ่ ความรุ่มร้อนในร่างกำลังแผดเผาเขาแต่มาร์คกลับถอยออกไปอย่างไม่ใยดี

“ทำไม อึก!”เรียวขาขาวบีบเข้าหากัน ร่างกายอ่อนเปลี้ยเกร็งแข็งขึ้นมาอีกครั้งไม่คุ้นชินกับการไม่ได้รับการเติมเต็มทั้งที่ใกล้ถึงจุดเต็มทน

“ฉันจะเข้าประชุมสายแล้ว”

“ไม่ ไม่นะ ได้โปรด ฮึก เจียเอ๋อทำให้ เจียเอ๋อจะทำให้”แจ็คสันร้องไห้ออกมาเพราะความทรมาน ผุดลุกขึ้นดันร่างมาร์คลงกับโซฟา ขึ้นคร่อมทั้งน้ำตาอาบหน้า

“อย่าทรมานเจียเอ๋อเลยนะเจ้านาย”

มาร์คกอดเอวคอดไว้เป็นคำอนุญาต จัดท่าให้คนบนตักหันหน้าออก ดันสะโพกกลมลงมารับร่างเขาอีกครั้ง แจ็คสันทิ้งตัวลงมาครอบครองท่อนเอ็นแข็ง ขยับกายนั่งโยกขึ้นลงสานเกมรักตะกุกตะกักให้จบด้วยตัวเอง เล็บสั้นจิกลงกับต้นขาผอมขยับกายสวนให้โดนจุดอ่อนไหวในร่าง ส่งเสียงครางวาบหวาม พอใจกับการปรนเปรอบนหน้าอกและส่วนด้านหน้าของตัวเอง มือเรียวจับส่วนหัวรูดไล้ลงน้ำหนักหนักหน่วงช่วยให้คนตัวเล็กได้ปลดปล่อยเร็วขึ้น จนสุดท้ายของห้วงอารมณ์ ความอัดอั้นทั้งหมดก็ระบายออกมาในรูปของของเหลวสีขุ่นพุ่งพรวดเลอะพื้นห้อง กระตุกร่างรับความปรารถนาของมาร์คเข้ามาเต็มช่องทาง

มาร์คกดจูบบนซอกคอขาว อ้าปากกัดครูดเขี้ยวให้เกิดรอยแดงบนหลังคอ จับแจ็คสันนอนคว่ำลงบนโซฟา ถอนกายออกลุกขึ้นเช็ดคราบบนตัวออกไม่ให้เป็นที่สงสัยของคนข้างนอก เดินกลับไปที่โต๊ะหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าทำงาน กลับมาหาร่างขาวที่นอนเป็นซากหมดแรงอยู่ที่เดิม ดวงตาโตเบิกโพล่ง มองของในมือคนเป็นเจ้านายด้วยความหวาดหวั่น

“รอเป็นเด็กดีอยู่ในนี้นะครับ”






การประชุมเลิกก่อนเวลาในกำหนดการไม่นาน ทุกอย่างเป็นไปอย่างไหลลื่นจนมาร์ครู้สึกอารมณ์ดี และอารมณ์ดีขึ้นเป็นพิเศษตอนที่ได้กลับมาถึงห้องทำงานของตัวเอง มือเรียวกดล็อกห้องเพื่อความเป็นส่วนตัว เดินไปนั่งอยู่ข้างๆคนที่เอาแต่ส่งสายตาตัดพ้อและพร่าไปด้วยอารมณ์ต้องการอันรุนแรงอยู่ก่อน

“กลับมาแล้วครับ”

มือเรียวลูบไปตามต้นขาขาวชื้นเหงื่อ สะกิดของเล่นตรงปากทางเข้า แจ็คสันสะดุ้งไหวส่งเสียงอู้อี้ผ่านผ้าปิดปากสีดำ

“รู้แล้วๆ จะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ”

บอกพลางดึงไวไบรเตอร์อันใหญ่ออกจากปากทางชอกช้ำ และเข้าไปแทนด้วยสิ่งที่ใหญ่ไม่แพ้กัน แจ็คสันครางพอใจเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ ตาโตหรี่ปรือตาลอยขยับสะโพกเข้าหาเรียกร้องด้วยตัวเองพักใหญ่ ก่อนที่เกมรักทั้งหมดจะถูกควบคุมโดยชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเจ้านายนั่นเอง...

.
.
.
.
.


เวลาสี่โมงครึ่งเป็นเวลาที่ภายในชั้นทำงานเงียบสนิท สองสาวพนักงานในชั้นสองคนสุดท้ายกำลังเก็บของพลางเม้ากันถึงเลขาชั่วคราวหน้าตาจิ้มลิ้มของรองประธาน

“โหย คุณแจ็คสันขยันจังนะเธอ ไม่แพ้คุณมาร์คเลย นี่เข้าไปทำงานกันตั้งแต่บ่ายสอง จนจะห้าโมงอยู่แล้วยังไม่กลับเลย”

“นั่นสิ นึกว่าจะไม่มีใครบ้างานเท่าคุณมาร์คแล้วนะเนี่ย”

สองสาวหัวเราะกัน เดินออกไปจากชั้น 53 ปิดไฟด้านนอกไว้เหลือแค่ไฟในห้องทำงานของรองประธานและไฟด้านหน้าของห้องทำงาน โดยไม่ได้รู้เลยว่าในห้องนั้นกำลังประกอบกิจกรรมอะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่การทำงานกันอยู่อย่างขยันขันแข็ง



“อ๊ะ เจ้านาย อ๊ะ อืมมม”

มือแกร่งตะปบก้นนุ่มขยำเป็นรอยมือเรียกเสียงครางจากคนบนโต๊ะ ขณะสะโพกก็สาวเข้าออกอย่างเมามันจนร่างเล็กสะเทือน แจ็คสันเชิดหน้าครางเสียงหวานล้ำแหบพร่า มือเล็กจิกเกร็งเสื้อเชิ้ตของร่างสูงระบายความเสียวกระสันที่ตีตื้นขึ้นมาเสียจนหัวสมองโล่งเปล่า เกร็งขากอดรัดช่วงสะโพกแข็งแรงที่ซอยเข้ามาถี่รัว ช่องทางร้อนแฉะบีบขมิบเป็นช่วงๆ

ความรุ่มร้อนที่ได้รับมานานนับหลายชั่วโมงทำเอาสมองเขามึนเบลอคิดอะไรไม่ออกราวกับกำลังเสพย์ติดอะไรบางอย่าง ได้แต่ทำตามความต้องการมาร์คต่อไปเรื่อยๆจนกว่าชายหนุ่มจะสาสมแก่ใจหรือไม่ก็เขาที่สลบพับไปก่อน

มาร์คกอดเอวดึงร่างนุ่มนิ่มเข้าไปชิดส่งร่างเสือกไสตัวเองฝากฝังน้ำรักชโลมแสดงความเป็นเจ้าของแจ็คสันอีกครั้ง ถอนตัวเองออกมองลูกรักของตัวเองไหลเปรอะออกมาด้วยความพอใจ เด็ดทิชชูเช็ดหลักฐานรักออกให้เบาๆเกรงว่าจะทำให้ผิดเนื้อร้อนแดงจะบอบช้ำไปมากกว่านี้ ทิ้งเศษทิชชูลงในถังขยะ อุ้มร่างอีกคนขึ้นนั่งบนตัก

เฮือก!

แจ็คสันเกร็งตัวขึ้นทันทีราวกับเป็นสัญชาติญาณระวังภัย หัวกลมส่ายไปมาสะอื้นเบาๆแต่ไม่ยอมพูดอะไร มาร์คกอดไว้เฉยๆลูบหัวลูบหลังปลอบโยน

“ไม่ทำแล้ว”

บอกให้ร่างเล็กสบายใจ แต่ดูท่าว่าแจ็คสันจะไม่เข้าอ้อนมายั่วเขาไปอีกสองสามวัน เล่นหงอยเป็นลูกหมาเฉามือเสียขนาดนี้

“พักหน่อยค่อยไปทานข้าวกันนะ เดี๋ยวพี่โทรไปสั่งจองโต๊ะที่ร้านตอนกลางวันให้”

“ไม่เอา...”คนในอ้อมกอดตอบเสียงแหบแห้ง

“หืม?”

“พากลับบ้านนะ ง่วง...เหนื่อยแล้ว”บอกพลางขยับศีรษะกลมซุกหาไออุ่น มาร์คยิ้มกดจูบบนเรือนผมนิ่มชื้นเหงื่อแผ่วเบา

“โกรธพี่ไหม?”

“โกรธ”

“...”

“แต่ถ้าพูดคำนั้นจะหายโกรธก็ได้นะ”ดวงตาระโหยโรยรายังคงส่องประกายน่าเอ็นดู ริมฝีปากช้ำยิ้มให้เจ้าของอ้อมกอดอุ่นที่โอบรัดตัวเองเสมอ ถึงจะใจร้าย ขี้แกล้ง เอาแต่ใจไป (ไม่) หน่อยก็เถอะ

“อยากฟังเหรอ?”

“ทำไม รู้สึกเปลี่ยนไปเหรอ”บู้ปากไม่พอใจ

“ใช่ เปลี่ยน...”

“...”

“เพราะพี่รักแจ็คสันมากกว่าเดิม... ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างคนนิสัยเสียอย่างพี่นะ”

“รู้ตัวด้วยเหรอว่านิสัยเสีย”แจ็คสันหัวเราะคิก กอดตัวมาร์คไว้ หลับตาฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับตัวเอง “แต่เอาเถอะ ผมจะยอมยกโทษให้ก็ได้ถ้าพี่รักผมมากๆ รักผมนานๆนะครับ”

“จะไม่อยากหาเจ้าของไหมเหรอ หืม?”

“แล้วจะให้ไปหาใหม่ไหมล่ะ?”

“ไม่มีทางหรอก...ลูกหมาต้องเป็นของพี่คนเดียว ตลอดไป”

“หึ...คนขี้หวง”


...แต่ขี้หวงยังไงก็รักแหละน่า เนอะ คิก...










ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*