[SF] MY PET 3 (MarkSon)
MY
PET 3
Mark
x Jackson
ห้องคอนโดห้องใหญ่กลางกรุงในยามเช้ากำลังจะลุกเป็นไฟ
แทนที่จะอบอุ่นละมุนละไมตื่นมามอร์นิ่งคิส ทำอาหารให้กันกอนออกไปทำงาน
แต่สำหรับคู่เจ้านายกับหมาน้อยมันกลับคนละเรื่องกัน
เพราะมาร์คเอาแต่ทำงานเสียดึกดื่น เวลาให้คนรักก็ไม่ค่อยมี
เจ้าหมาขี้อ้อนก็เลยต้องวิ่งหาความอบอุ่นเสียเอง
จนบางทีมันก็ร้อนผะผ่าว...เหมือนตอนนี้
“อ๊ะ
อืมม”เสียงแหบหวานครางพร่าพอใจ
คล้องมือกับคอลำแกร่งของคนบนเก้าอี้ขย่มสะโพกอวบของตัวเองลงบนหน้าตักใต้กางเกงทำงานตัวเดิม
เอียงใบหน้าเปิดโอกาสให้ลิ้นร้อนเชยชิมผิวเนื้อขาวหอมกรุ่นได้อย่างเต็มที่ จมูกรั้นโน้มลงมาเป่ารดลมร้อนแถวใบหูหยอกเย้า
กดจูบเลียชิมเบาๆ แสดงให้รู้ว่าคนตัวเล็กต้องการอะไร
“อืมม
อยากโดนแต่เช้ารึไง”มาร์คกลั่นเสียงถามทีเล่นทีจริง
มือเรียวสวยบีบเฟ้นสะโพกนุ่มแน่นเต็มมือของคนบนตักที่ท่อนล่างใส่เพียงกางเกงในแนบเนื้อสีดำ
จงใจมายั่วยวนสุดๆ ท่อนบนที่สวมเสื้อตัวโคร่งสีขาวนั่นก็ใช่เล่น
ก้มทีก็เห็นไปหมดจนแทบไม่สามารถปิดอะไรได้เลย แถมบางเสียจนจุดแดงๆด้านใต้สองจุดนูนเน้นดันเสื้อขึ้นมาเสียชัดเจนจนคนมองอดไม่ได้ที่จะงับมันเล่นอย่างต้องการจะหยอกเย้า
“อ๊า อืม
มาร์ค”นิ้วป้อมแทรกยึดเส้นผมสีอ่อนของคนรักแอ่นอกเปิดทางเชิดหน้าส่งเสียงครางเร่าร้อน
ก้นแน่นขยับถูไถใกล้ส่วนแข็งร้อนใต้กางเกงทำงานของมาร์ค
เชื่อมตาโปรยมองคนรักออดอ้อน
ก่อนทั้งหมดจะถูกกดหยุดด้วยเสียงโทรศัพท์เครื่องสวยบนโต๊ะทำงาน
“แป๊ปนะ”
มาร์คกอดเอวคอดไม่ให้ปั่นป่วนตัวเองต่อ
เอื้อมมือไปรับโทรศัพท์คุยงานกับปลายสาย ได้ยินเสียงคนบนตักฮึดฮัดไม่พอใจ
มือเล็กตบไหล่ตบหลังเขาแรงๆจนมาร์คต้องยอมปล่อยมือจากเอวนิ่ม
แจ็คสันปีนลงจากตักเขา ก้มตัวหยิบกางเกงนอนบนพื้นขึ้นมาใส่ เดินออกไปจากห้องทำงานไป
“อืม
ตกลงตามนั้นครับ”
ชายหนุ่มคว่ำหน้าโทรศัพท์ลงกับโต๊ะ
ก้มเก็บเอกสารบนพื้นฝีมือเจ้าลูกหมาแสนซนที่หนีออกไปนอกห้องแล้วขึ้นมาเก็บให้เรียบร้อย
เดินเอื่อยออกมาไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับเสียงก๊องแก๊งในครัวและสายตาเหวี่ยงๆจากผู้ร่วมอาศัยเลยสักนิด
มือเรียวหยิบคุกกี้บนจานกลมเล็กๆสองจานบนเคาน์เตอร์
เคี้ยวกรวมๆยิ้มกับรสชาติหอมเนยในปาก โอบเอวคนที่กำลังวุ่นอยู่กับการชงกาแฟเข้ามาชิด
“หน้ายุ่งหมดแล้ว”เอ่ยล้อข้างใบหูนิ่ม
พยายามจะหอมแก้มนุ่มแต่คนในอ้อมกอดก็เบี่ยงหน้าหนี จมูกรั้นพ่นลมหายใจไม่พอใจ
วางกาแฟดำลงข้างเครื่องชง สะบัดตัวออกแสดงอาการไม่พอใจอย่างชัดเจน
มาร์คมองตามคนที่ยังอยู่ในชุดนอนบางๆหยิบคุกกี้จานหนึ่งไปวางบนโต๊ะกาแฟ
ส่วนอีกจานก็ถือเดินไปนั่งชันขาบนโซฟาเดี่ยวข้างหน้าต่างบานใหญ่
มาร์คให้ห้องตกอยู่ในความเงียบ
ยกกาแฟรสหอมนุ่มลึกขึ้นมาจิบ ยิ้มพอใจความรู้ใจของคนชง
เดินไปนั่งหยิบคุกกี้เข้าปากชิ้นแล้วชิ้นเล่าจนหมดจาน ลุกขึ้นไปอาบน้ำ ไม่สนใจลูกหมาในห้องเลยแม้แต่น้อย
“ไอ้!...”แจ็คสันด่าขรมในลำคอแต่ก็ไม่ดังพอให้อีกคนได้ยิน ยังไงเขาก็ยังเกรงมาร์คอยู่ดี
...เห็นป่ะวะว่างอน! งอนมากๆด้วย ไม่คิดจะง้อกันสักนิด บ้า!
ไอ้เจ้าของบ้างาน!...
แก้มกลมพองออกอัดแน่นไปด้วยคุกกี้เหมือนกะรอกเก็บอาหารไว้ข้างแก้ม
คลำจะหากินอีกก็ไม่มีให้กินแล้ว ทำเอาที่ครุกขุ่นอยู่แล้วหงุดหงิดมากไปอีก
ทั้งๆที่มันก็ไม่เกี่ยวกับมาร์คต้วนหรอก แต่จะงอนอ่ะ ก็ไม่ซื้อคุกกี้มาไว้เยอะๆไง
คนไม่ดี!
แจ็คสันเก็บจานและแก้วไปล้างในครัว
สะบัดมือไล่หยดน้ำ ยันแขนมองฟองขาวค่อยๆวนเป็นวงกลมลงท่อไป จู่ๆก็มีคำ
ถามอยู่ในหัวว่าจะทนทำไมวะ?
ก็แค่แฟน ไม่ได้หมั้นหรือแต่งงานกันสักหน่อย...
‘ลูกหมา’
แจ็คสันสะบัดหน้าไปมาพยายามไล่เสียงในหัวออกไป
ลูบผ่ามือไปตามร่างกายตัวเองช้าๆ
แค่คิดว่าอีกคนสัมผัสมาทุกส่วนแล้วก็หน้าร้อนผ่าวเสียดื้อๆ
เสียงประตูห้องนอนเปิดออก ร่างขาวแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
เก็บนู่นเก็บนี่จนเสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นลอยๆจากด้านหลัง
“วันนี้เลขาขอลาป่วย
อยากได้คนช่วย...”
“ผม!”
มาร์คกระหยิ่มยิ้ม
...ลูกหมาก็คือลูกหมา
หาอะไรมาล่อก็หายงอนแล้ว...จริงไหมล่ะครับ?
แจ็คสันนั่งตัวเกร็งอยู่บนรถสปอร์ทของมาร์คซึ่งกำลังเคลื่อนตัวเข้าไปในตึกสูงแลนด์มาร์คของเมือง
บริษัทของมาร์คใช่ว่าเขาจะไม่เคยเข้ามา
เคยเข้ามารอบหนึ่งตอนมาสมัครงานในตำแหน่งเลขา แล้วก็เจอมาร์คครั้งแรกก็ตอนนั้นแหละ...
“กลัวเหรอ?”มาร์คถามขึ้นมาเจือหัวเราะหน่อยๆ
ก็ลูกหมาตัวเล็กของเขานั่งตัวสั่นเอาแต่มองไปด้านหน้าตั้งแต่ออกจากคอนโด
ดูแล้วน่ารักน่าแกล้งชะมัด แถมวันนี้อยู่ในชุดแปลกตาอีก
จริงๆก็ไม่แปลกเท่าไหร่หรอก ก็ชุดทำงานสุภาพทั่วไป
เชิ้ตขาวเก็บชายเสื้อกับกางเกงผ้าสีดำเรียบกริบเข้ารูป
จะดูแปลกก็เพราะคนตัวเล็กไม่ค่อยใส่ก็เท่านั้นเอง
“ไม่ได้กลัว...ค
แค่เกร็งนิดหน่อยเอง”แจ็คสันอ้อมแอ้มตอบ
ขยับตัวอย่างระมัดระวังพลางนิ่วหน้าอึดอัดกับบางสิ่งในกาย
“เหรอ
นึกว่าเพราะไอ้นั่นซะอีก”
“มาร์ค!”
“ที่บริษัทให้เรียกอะไรหืม?”ชายหนุ่มย้อนถามเรียบๆ
นิ้วโป้งขยับเลื่อนปรับระดับรีโมทเล็กๆในมือ แจ็คสันเบิกตาโต
สะดุ้งโหยงยันกายขึ้นจากเบาะนุ่มเกาะคอนโซลหน้ารถ อ้าปากหอบหายใจ
ก้มหน้ากลั้นความเสียวกระสันจากแรงสั่นสะเทือนในกาย
“อะ อ๊า! จ...เจ้านาย อื้อ พอแล้ว”
“เด็กดี”นิ้วเรียวปรับกลับมาระดับเดิม
จอดรถเข้าซอง
หยิบรีโมทในมือใส่กระเป๋ากางเกงซึ่งทั้งหมดอยู่ในสายตาคลอน้ำตาเบาบางของแจ็คสัน
มาร์คลูบเส้นผมนุ่มสีซีดอ่อนให้เรียบกริบ
ปาดปลายหน้าม้าไปข้างๆเผยให้เห็นดวงตากลมโตอย่างลูกหมาที่ช้อนมองเขาอ่อยๆ
“วันนี้ถ้าเป็นเด็กดี
ตั้งใจทำงาน ไม่วอแวกับคนอื่นมากเกินไปจะไม่โดนทำโทษ เข้าใจนะครับ”
พวกเขาใช้ลิฟต์ขึ้นชั้นที่
53 ซึ่งเป็นชั้นเกือบบนสุด มาร์คเดินนำหน้าแจ็คสันไปทางซ้ายซึ่งเป็นห้องสำหรับผู้บริหารทั้งหลาย
ชายหนุ่มเดินผ่านพนักงานที่ส่งสายตาสนอกสนใจมาให้คนด้านหลังของเจ้านายตัวเอง
เพราะแจ็คสันก็ใช่จะขี้ริ้วขี้เหร่ ออกจะหน้าตาหล่อน่ารักน่าเอ็นดู
ยิ่งเส้นผมสีทองซีดยิ่งขับให้ใบหน้าขาวนั้นนามองมากยิ่งขึ้น เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่ได้ปกปิดเสน่ห์บางอย่างในตัวร่างเล็ก
แต่กลับขับออกมามากกว่าวันปกติเสียอีก
มาร์คค่อนข้างหงุดหงิด
แต่ก็เอาเถอะ ตราบใดที่ลูกหมาของเขาไม่เล่นด้วย เขาก็จะไม่ลงมือทำอะไรรุนแรงหรอกนะ
“ทุกคน...”มาร์คประกาศเสียงดัง
ดันตัวแจ็คสันไปด้านหน้าเล็กน้อย “นี่คือแจ็คสันหวัง จะมาทำหน้าที่แทนคุณเลขาคิมหนึ่งวัน
ถึงจะเป็นแค่วันเดียว ก็ช่วยเหลือเขาหน่อยแล้วกัน”
เสียงตอบรับอย่างแข็งขันของพวกตัวผู้ทำเอามาร์คคิ้วกระตุก
แจ็คสันโค้งตัวลงฝากตัวนอบน้อม
กระตุกตัวขึ้นมายืนตรงแด่วพร้อมรอยยิ้มออกแห้งเล็กน้อยในคราวแรก
ทุกคนเข้าใจว่าเด็กใหม่คนนี้คงเกร็ง
แต่ใครจะรู้ว่าสาเหตุมันมาจากมือเรียวที่ล้วงเข้าไปในกางเกงทำงานของมาร์คนั่นต่างหาก
...คนขี้แกล้ง!...
มาร์คพาแจ็คสันไปที่โต๊ะทำงาน
บอกรายละเอียดของงานแต่ละอย่างด้วยความใส่ใจโดยมีแจ็คสันที่ฟังอย่างตั้งใจ
ถ้าไม่ทันอะไรเขาก็จะจดเอาไว้กันลืมกันพลาด รู้นิสัยของมาร์คดีว่าเป็นพวกเพอร์เฟคชั่นนิสขนาดไหน
และถ้าเขาทำอะไรพลาดรับรองว่ามาร์คไม่ได้เป็นเจ้านายใจดีอย่างแน่นอน
รองประธานคนเก่งยืนคุมสอนงานเลขาชั่วคราวอยู่นานโดยมีสายตาอยากรู้อยากเห็นของคนอื่นๆมองตาไม่กระพริบด้วยความแปลกใจ
ก็ปกติมาร์คไม่เคยลงมาสอนเองแบบนี้ มีแต่ให้พวกหัวหน้าแผนกมาสอนทั้งนั้น
อดสงสัยไม่ได้ว่าแจ็คสันคนนี้มีฐานะอะไรกับมาร์คต้วนกันแน่
“ตั้งใจคำงานล่ะ”
“ได้ครับ
พ...เจ้านาย”เจ้าลูกหมาตัวแสบยิ้มเพล่เกือบหลุดคำเรียกที่บ้านมาใช้ดีที่กลับลำได้มัน
มาร์คส่ายหน้าเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง แจ็คสันถอนหายใจเฮือก
มาร์คนี่เป็นเจ้านายที่เคร่งเครียด ระเบียบจัดชะมัดเลย...
แจ็คสันหยิบแฟ้มเอกสารดูตารางนัดหมายของวันนี้
นึกชมเลขาของมาร์คที่จัดตารางไว้ได้อย่างเป็นระเบียบและมีรายละเอียดครบถ้วน
“อืม
คุณจินยองนัดพบตอนบ่าย...ประชุมตอนบ่ายสองครึ่ง ตอนเช้าไม่มีอะไร”ทวนตารางของมาร์คในลำคอ
คิดตารางงานคร่าวๆในหัว ถึงจะเห็นแบบนี้แต่แจ็คสันก็จบการจัดงานโดยตรง
ก็ไม่ยากเท่าไหร่ที่จะดึงสิ่งที่เรียนมาใช้
ถึงจะถูกดองไว้นานเพราะไปเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของเจ้าของสุดเอาแต่ใจก็เถอะ...
“สวัสดีจ๊ะแจ็คสัน”เสียงหวานๆดังขึ้นจากด้านหน้าโต๊ะ
กลิ่นน้ำหอมหลายกลิ่นอ้อมตัวเขาจนรู้สึกวิงเวียน
เงยหน้าไปมองก็เห็นหญิงสาวในชุดทำงานสามคนกำลังจ้องมองเขาด้วยประกายตาแวววับดูแล้วน่าขนลุกแปลกๆ
“สวัสดีครับ”
“นี่ๆ
เธอเป็นอะไรกับคุณมาร์คเหรอ?
ทำไมได้มาด้วยกันแล้วๆ...”ไม่ทันที่จะจบประโยคคำถามอยากรู้อยากเห็นประตูห้องทำงานก็เปิดออกอีกครั้ง
“อะแฮ่ม...”พี่สาวในแผนกสะดุ้งโหยงแตกทัพกลับโต๊ะทำงานเพราะสายตาเชิงไล่ของรองประธานที่ไม่โผล่ออกมาจากห้องตอนไหน
“ผมยังไม่ทำอะไรเลยนะ”แจ็คสันรีบยกมือขึ้นเป็นเชิงไม่รู้อะไรจริงๆ
ตากลมจ้องไปที่มือเรียวกำลังหอบแฟ้มสามสี่อย่างมาให้
รู้สึกโล่งใจที่มือมาร์คไม่ว่างลงไปกดรีโมทรังแกเขาได้
“ตรวจทวนเอกสารพวกนี้แล้วเอาไปให้ฉันในห้อง
อ้อ ขอกาแฟแก้วหนึ่งตอนสี่โมง”
“ได้ครับ”แจ็คสันรับคำ
เปิดเอกสารขึ้นมาเช็คด้วยความขยันขันแข็ง มาร์คเดินกลับเข้าไปข้างใน
แต่คราวนี้ไม่มีใครกล้าเข้ามาถามอะไรร่างเล็กอีก
เพราะก่อนเข้าไปชายหนุ่มก็ปรายตาเย็นๆเป็นเชิงห้ามสะกดทุกคนในแผนกเอาไว้เหมือนเป็นคำเตือนว่า
ห้าม เข้า ใกล้ คนๆนี้อย่างเด็ดขาด
แจ็คสันทำงานเสร็จถึงแค่ครึ่งเดียวตอนนาฬิกาเตือนว่าถึงเวลาชงกาแฟให้มาร์คแล้ว
ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินเข้าห้องพักผ่อน ซึ่งโชคดีที่มีพนักงานคนหนึ่งยืนอยู่ในนั้นพอดี
เขาโค้งตัวทักทายด้วยไมตรีถามถึงแก้วกาแฟของมาร์คซึ่งพนักงานคนนั้นก็ชี้ให้เขารู้ทันที
...เหมือนที่คอนโดเป๊ะ...แจ็คสันคิดในใจ
ยื่นมือไปจับเอาแก้วกาแฟสีขาวเรียบหรูออกมาวาง
สอดส่ายสายตาในกระปุกผงกาแฟหลากหลายยี่ห้อ ดึงกระปุกหนึ่งออกมาแบบไม่ต้องคิด
“จะชงกาแฟให้คุณมาร์คเหรอ?
ให้พวกเราลองช่วยดูไหม?
คุณมาร์คแกเฮี้ยบเรื่องรสชาติมากเลยนะ”ใครคนนั้นถามอย่างนึกเป็นห่วง
แต่แจ็คสันส่ายหน้ายิ้มให้เป็นการแสดงการขอบคุณ
“ไม่เป็นไรครับ”
“อะ
เอางั้นเหรอ”พอเห็นท่าทางมั่นใจแบบนั้นก็ไม่รู้จะขัดอะไร
คงต้องเห็นด้วยตัวเองล่ะมั้งว่าคุณมาร์คเวลาไม่พอใจอะไรน่ากลัวขนาดไหน
แจ็คสันยกกาแฟเข้าไปในห้องทำงานของท่านรองประธานบริษัท
ไม่ลืมเคาะประตูตามที่มาร์คกำชับไว้ รอฟังเสียงอนุญาตก็เดินเข้าไป
วางแก้วลงบนโต๊ะที่ว่างอยู่ เหลือบมองคนตัวสูงที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างที่เป็นประจำ
กำลังจะเดินออกไปก็โดนมาร์ครั้งไว้
“เดี๋ยว”
“ครับ?”
“อยู่เก็บแก้วไปด้วย”แจ็คสันร้องอ๋อในใจ
ยืนนิ่งๆอยู่ข้างโต๊ะสงบเสงี่ยมแต่ก็ไม่เห็นว่ามาร์คจะแตะกาแฟสักที ยืนจนขาแข็ง
กาแฟในแก้วก็ไม่พร่องลงเลย ปากอิ่มเริ่มยู่แดง หันซ้ายเหลียวขวามองให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่รอบๆก็ถาม
“ถ้าไม่รีบกินเดี๋ยวจะเย็นหมดนะครับเจ้านาย”
“ป้อนสิ”
“หา?”
“ป้อนฉันสิ”
ใบหน้ากลมแดงวาบ
รู้ทันทีที่สายตาคมหันมามองว่ามาร์คต้องการให้ป้อนแบบไหน
“เจ้านายก็รู้ว่าผมกินกาแฟไม่เป็น”
“จะป้อนหรือจะโดนลงโทษ”
“เดี๋ยว! ป้อนแล้วๆ”แจ็คสันรีบห้ามมือเรียวที่กำลังจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
ก้าวไปยืนข้างๆคนขี้แกล้งที่หมุนเก้าอี้กลับมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้
มือเล็กหยิบแก้วกาแฟขมปี๋ขึ้นมาอมไว้ เบ้หน้าจะร้องไห้เพราะความขมปร่าโพรงปาก
ขมจนอยากคายทิ้ง รีบปีนขึ้นตักส่งริมฝีปากนุ่มเข้าไปประกบส่งของเหลวอุ่นๆป้อนให้อีกคนได้ดื่ม
ลิ้นเรียวไม่อยู่เฉยล้วงเข้ามาดูดกลืนเค้นรสขมแต่หอมหวานในปากนิ่มด้วยความเพลิดเพลิน
ผละปล่อยให้คนตัวเล็กได้เช็ดมุมปากอิ่มแดง เสสายตาหลบอายๆ
“ป้อนอีกสิ...ให้หมดแก้วนะ”
“/////”
กว่าจะป้อนจนหมดแก้วเจ้าลูกหมาก็พังพาบหอบเพราะหายใจไม่ทันซบพักบนอกแกร่ง
สูดลมหายใจเข้าลึกๆเอากลิ่นหอมลุ่มลึกของมาร์คเข้าเต็มปอด
“ไหวไหม?”
“ไหวสิ
แต่ขออยู่นี่สักพักนะ”แจ็คสันส่งเสียงอ้อมกอดมาร์คเอาไว้หลวมๆ
ชายหนุ่มก็ไม่ว่าอะไร ดึงสะโพกอวบขึ้นไปนั่งบนตักดีๆ
หมุนเก้าอี้กลับมาทำงานบนโต๊ะต่อทั้งที่มีลูกหมาตัวโตเกาะอยู่กับตัวราวกับโคอะล่าเกาะไม้ไผ่
เสียงวุ่นวายจากด้านนอกเรียกความสนใจของทั้งคู่
แจ็คสันกระโดดลงจากตักแกร่งทันประตูทำงานเปิดผลั๊วะเข้ามาในห้อง
มาร์คมองคนมาใหม่อย่างไม่พอใจนัก แต่ผู้มาเยือนก็หาสนใจไม่
“สวัสดีมาร์ค”
“สวัสดีจินยอง
จะดีกว่านี้ถ้านายจะพึงรักษามรรยาทในการเข้าห้องคนอื่น”
“เอาน่า
ก็เลขานายไม่อยู่หน้าห้อง ก็เลยถือวิสาสะเข้ามาเสียเลย โอ๊ะ! นั่นใครน่ะ น่ารักจัง”
คนโดนชมหน้าแดงก่ำ
ไม่เคยมีใครชมเขาน่ารักโต้งๆต่อหน้าแบบนี่มาก่อน
มาร์คตวัดตามองจินยองด้วยความไม่พอใจ
“แจ็คสัน
ออกไปก่อน”
“คะ
ครับ”คนตัวขาวโค้งตัวเดินผ่านจินยองออกไปแต่ก็โดนมือเรียวจับแขนเอาไว้ก่อน
คราวนี้บรรยากาศในห้องฉุดต่ำจนเหมือนอยู่ในขั้วโลกเหนือ
ตากลมหันไปมองคนรักบนโต๊ะทำงานหวาดๆ
“จินยอง”
“เอาน่า
ให้เขาอยู่ด้วยนี่แหละ ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรสักหน่อย
ก็ประสาเพื่อนเก่ากลับมาเจอกัน”
มาร์คถอนหายใจ
ไม่รู้ว่าจินยองคนแสนเคร่งเครียดคนนั้นไปอยู่ที่อเมริกายังไงถึงได้ติดนิสัยเจ้าชู้แบบนี้มาด้วย
ยอมให้แจ็คสันนั่งในห้องต่อแม้จะต้องหงุดหงิดใจขนาดที่ว่าอยากจิ้มตาเพื่อนเก่าคนนี้ให้แตกไปรู้แล้วรู้รอด
จะได้ไม่มองลูกหมาของเขาด้วยสายตาโลมเลียแบบนั้นได้อีก
“ไหนว่าจะมาบ่าย”
“ก็ว่าจะมาบ่าย
แต่ก็อยากทานข้าวกับนายด้วย ไหนๆก็กลับมาทั้งที อ้อ เอาเลขาคนน่ารักไปด้วยก็ได้นะ
ฉันจะยินดีมากเลย”พูดพลางส่งยิ้มมาให้แจ็คสันที่นั่งตัวหนีบทำตัวไม่ถูกอยู่บนโซฟาตัวข้างๆ
“จินยอง
หยุดทำเสียมรรยาทกับเลขาของฉันได้แล้ว”ไม่รู้ว่าโกรธมากไปหรือจงใจให้จินยองรู้แต่มาร์คเน้นคำว่า
ของฉัน หนักแน่นกว่าคำไหนในประโยค
“โอเคๆ”จินยองหัวเราะ
“งั้นไปกันเลยดีกว่า ฉันจองโต๊ะไว้ที่ตึกข้างๆ เชิญคุณเลขาแจ็คสันด้วยนะครับ”
...จองไว้แล้วแบบนี้จะปฏิเสธได้ไหมล่ะ?...
โต๊ะอาหารสุดหรูดูวิวได้สามร้อยหกสิบองศาไม่ได้ทำให้บรรยากาศในโต๊ะผ่อนคลายลง
อาหารจานแล้วจานเล่าถูกเสิร์ฟมาเพื่อให้เป็นเครื่องมือของผู้ชายสองคนได้ทำสงครามประสาทกัน
แจ็คสันที่เป็นคนกลางอยากจะร้องไห้จะแย่
“คุณแจ็คสันครับ
นี่ซี่โครงวัว
ที่นี่อร่อยมากเลยนะครับ”ส้อมเสียบเนื้อย่างกลิ่นหอมเตะจมูกอยู่ด้านขวา แจ็คสันกลืนน้ำลายอึก
อยากลิ้มลองดูสักครั้ง
“แจ็คสัน
อ้าปาก”เสียงเหี้ยมฉุดความคิดของแจ็คสันกลับมาให้สนใจมะเขือเทศลูกแดงที่เข้ามาจ่อปากเป็นเชิงบังคับ
ตากลมมองซ้ายขวา อ้าปากรับมะเขือเทศจากมาร์คเคี้ยวอย่างขัดไม่ได้
แอบน้ำตาตกในมองชิ้นเนื้อซี่โครงเข้าปากจินยองไปตาละห้อย
“โอ๊ะ
ลอสเตอร์ตัวโตมากเลย คุณแจ็คสันลองชิมไหมครับ”
“เอา...”ยังไม่ทันจบประโยค
ผักสลัดก็ถูกัดเข้ามาในปากปิดกั้นคำตอบของเขา
และลอสเตอร์จานนั้นก็เข้าไปในกระเพราะของผู้ชายสองคนที่เอาแต่สบสายตาแง่งๆใส่กันตั้งแต่เริ่มนั่งโต๊ะ
...ฮือออออ
เป็นบ้าอะไรกันไปหมดวะเนี่ยยยย...
“จินยอง
นายก็กินของนายไปสิ ยุ่งอะไรกับแจ็คสัน”มาร์คเอ่ยเสียงเครียด
“เอ้า
ก็ตามคนมีอัธยาศัย
อยากทำความรู้จักไม่ได้รึไงล่ะ”จินยองยิ้มกลับเหมือนสนุกกับการได้ปั่นหัวเพื่อนคนนี้
แจ็คสันฉวยเอาเฟรนช์ฟรายในจานมาร์คยัดเข้าปาก
“จินยอง...ขอร้องเถะ...คนนี้ไม่ได้”
แจ็คสันจิ้มหัวลอสเตอร์มาดูด
“ก็แค่บอกเหตุผล
มันยากอะไรละมาร์ค”
แจ็คสันกำลังจะจิบน้ำแตงโมปั่นของมาร์ค
“เออ
แจ็คสันเป็นของฉัน จบไหม”
…ชิบ
น้ำพุ่งเลยกู...
ตาโตกระพริบตาปริบๆมองคนรักตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าพูดอะไรตรงๆแบบนี้ออกมาด้วย
มาร์คไม่เคยบอกคนอื่นว่าเขาเป็นคนรักหรือแฟน ยกเว้นเจบีกับคนที่สนิทจริงๆ
...แต่จะว่าไปจินยองนี่สนิทใช่ไหม...
สะดุ้งอีกรอบ
หันไปมองจินยองที่หัวเราะลั่นดูถูกอกถูกใจเป็นพิเศษ ในขณะที่มาร์ทำหน้าเซ็ง
“จริงๆฉันรู้จากเจบีแล้วล่ะ
อยากมาดูให้แน่ใจว่าคนที่นายติดใจจะเป็นยังไง โล่งไปหน่อย
นึกว่าจะเห็นเพื่อนหัวเดียวกะเทียมลีบไปจนลงโลงซะอีก”
“รู้แล้วก็กลับไปได้สักที
วันนี้ฉันมีงานเยอะแยะ เสียเวลา”
“ใจร้ายชะมัดเลยนายเนี่ย”จินยองลุกขึ้น
ก่อนทิ้งระเบิกลูกใหญ่ไว้ด้วยการโน้มลงมาใกล้คนตัวขาวตรงกลาง
จุ๊บ
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ
แจ็คสัน”
“ไม่อิ่มเหรอ?”มาร์คถามแจ็คสันที่กำลังเกาะกระจกห้องทำงานมองวิวด้านนอก
ทำหน้าแบะบ่นหิวๆตั้งแต่เมื่อครู่
“อิ่มบ้าอะไรเล่า
มาร์คเอาแต่ป้อนผักป้อนหญ้าอยู่นั่นแหละ งือออ ซี่โครงนุ่มๆ
เป็ดย่างหอมๆ”แจ็คสันทำหน้าเสียดายอย่างสุดซึ้ง พอจินยองหอมแก้มเขาปั๊บมาร์คก็สั่งเช็คบิลลากเขาออกมาทั้งที่ในท้องยังไม่ได้อัดเต็มไปด้วยอาหารรสเลิศอย่างที่หวัง
แถมพาขึ้นมาบนห้องทำงานทั้งที่ตอนนี้เป็นตอนพักกลางวันแท้ๆ
“อยากกินจากมันมากขนาดนั้นเลยรึไง”
“ไม่ช่ะ อื้อ!!!”ไม่ทันจะได้ตอบปฏิเสธ ร่างทั้งร่างก็สั่นไหว
ครั้งนี้มาร์คไม่หยุดกลับเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ
“มะ
มาร์คหยุด”
“ให้เรียกว่าอะไรนะ?”
“มะ...เจ้านาย
ฮื้อ!!”
แจ็คสันทนทานแรงสั่นในร่างกายไม่ไหวทรุดฮวบลงไปนั่งแบะลงบนพื้นพรหม
ปะป่ายมือไปจับก้นนูนของตัวเองทั้งที่ไม่ช่วยอะไร
เหมือนได้ยินเสียงครึกๆในหูตลอดเวลา น้ำตาคลอหน่วยด้วยความทรมาน เหลือบตาช้อนคนใจร้ายบนโต๊ะอ้อนวอน
“เจ้านาย
หยุดมัน ฮือ”
“มานี่สิ”มาร์คลดระดับลงหนึ่งขีดด้วยความปราณี
วางรีโมทลงบนโต๊ะ ผายมือเชิญชวนร่างขาวที่สูดลมหายใจ
พยุงร่างสั่นระริกของตัวเองขึ้นช้าๆ
แจ็คสันเกาะกระจกเดินมาหาคนใจร้ายอย่างทุลักทุเล ทรุดฮวบลงบนตักแกร่ง บดเบียดตัวเองเข้าใกล้อย่างต้องการให้อีกคนช่วยปลดปล่อย
กระซิบเรียกเสียงกระเส่า
“เจ้านาย
เจ้านาย”
“ใจเย็นๆ”มาร์คเอ่ยปลอบทั้งที่ใบหน้าพราวไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
จับใบหน้าแดงก่ำของคนรักมาจ้องตา ปาดน้ำตาบนหางตากลม
ดันตัวอีกคนขึ้นไปวางบนโต๊ะทำงาน จับมือเล็กตรึงไว้ข้างต้นขาแน่น
ช้อนจ้องดวงตากลมพร่าไปด้วยน้ำตาและอารมณ์
“ทำให้ฉันอยากช่วยสิ
แล้วจะช่วยให้ก็ได้”
แจ็คสันขบริมฝีปากพ่นลมหายใจสั่นร้อนออกมา
แรงสั่นในกายยังคงกระเพื่อมความต้องการไม่ยอมให้ดับไปง่ายๆ
ส่วนหน้าก็ปวดหนึบจะไม่ไหวอยู่แล้ว แต่มาร์คก็ช่างเอาแต่ใจอีกแล้ว
มือเล็กปลดกระดุมกางเกงของตัวเองลง
ไม่รีบร้อนจะถอดออกแต่กลับยกเรียวขาขาวขึ้นช้าๆให้พ้นจากกางเกง
ดวงตากลมสะกดกลั้นความอ่อนแอเลือกแสดงเพียงความนิ่งเงียบราวกับไม่รู้สึกรู้สากับของเล่นในตัว
นิ้วเล็กป้อมวางบนใบหน้าลากนิ้วกลางมาจรดริมฝีปากอิ่มแดงสีสวยแลบลิ้นเล็กตวัดเลียพอดีกับที่กางเกงสีดำร่วงลงไปกองอยู่กับพื้น
ร่างขาวที่เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวขยับตัวลงมานั่งตรงขอบโต๊ะ
ยื่นใบหน้าน่ารักเข้ามาใกล้ใบหน้าหล่อเหลาที่ยังขรึมนิ่ง
จุ๊บปากเรียวเบาๆแล้วผละออก
“เจ้านาย~ เจียเอ๋อทรมานจัง อืมม”ส่งเสียงครางผะแผ่ว สายตายังไม่ละไปจากดวงตาคมที่ไหววูบ
กดนิ้วกลางเข้าไปในปากโลมเลียราวกับมันเป็นของหวานรสชาติดี
มือเล็กอีกด้านไต่มาตามต้นคอขาวลูบไล้ลงไปสัมผัสกับจุดอ่อนไหวบนแผ่นอก
นิ้วเล็กสะกิดส่วนยอดซ้ำๆจนมันแข็งตึงเป็นไต
คีบมันไว้กลางซอกนิ้วบีบจับสร้างความเสียวซ่านไปทั่วร่างกายไม่ต่างจากสิ่งที่กระตุ้นจากด้านหลัง
ลิ้นเล็กโลมเลียนิ้วในปากตัวเองจนชุ่มโชกคิดไปว่ามันเป็นส่วนแข็งร้อน
ก่อนคนที่เคลิ้มไปกับอารมณ์สะดุ้งเฮือกแทบตกจากโต๊ะเพราะแรงสั่นแรงขึ้นกะทันหัน
เอวคอดถูกดึงมานั่งตักแกร่งดังเดิมแต่รอบนี้กลับมีบางสิ่งดุนดันสะโพกนิ่มเข้าอย่างจัง
ทั้งที่ใบหน้าหล่อเหลานั้นยังคงเรียบนิ่ง แต่แววตานั้นนี่สิ
“คิกๆๆ”แจ็คสันหัวเราะเบาๆในลำคอ
จับบ่าแกร่งโยกร่างวนสะโพกกับส่วนนั้นใต้กางเกงทำงานราวกับกำลังร่วมสัมพันธ์ “เจ้านายจะไม่ไหวแล้วเหรอ”
เอ่ยถามเสียงเย้า ส่งเสียงฮึมฮัมโดยมีมือแกร่งประคองสะโพกเขาไม่ให้ตกลงไปเสียก่อน
คนบนตักยั่วจนรู้สึกถึงความเปียกชื้นของส่วนที่ดันสะโพกตัวเองอยู่
โน้มใบหน้าลงซุกลำคอแกร่งกดจูบเบาๆ ส่งมือไปจับส่วนแข็งขืนของผู้เป็นเจ้านาย
ช้อนตาขึ้นมอง
“รอเจียเอ๋อเตรียมตัวหน่อยน้า”
เอ่ยกระซิบบอก
ยันตัวเองขึ้นเล็กน้อย อ้อมแขนไปด้านหลังแตะปากทางรักที่ยังปิดสนิทแต่ก็ขมิบตอดรัวเพราะของเล่นในร่างกาย
สอดปลายนิ้วเข้าไปส่งผลให้ก้อนกลมรีในร่างเคลื่อนไหว แจ็คสันสะดุ้ง
รั้งลำคอแกร่งลงมาบดริมฝีปากอ้อนขอจูบ
มาร์คเผยอปากเล็กน้อยให้แจ็คสันได้ทำอย่างที่ตัวเองต้องการ
มือแกร่งกำพนักเก้าอี้แน่นพยายามจะกลั้นอารมณ์ตัวเองเต็มที่
แต่เจ้าลูกหมานี่ก็ร้ายเหลือเกิน ยั่วจนอยากจะกระแทกลงไปแรงๆจะแย่แล้ว
สุดท้ายก็ทนไม่ไหวบดจูบตอบกลับไปอย่างตะกละตะกลามจนแจ็คสันตั้งตัวไม่มันผวาตัวหนี
แต่มาร์คไม่ยอมให้อีกคนหนีไปไหลยึดสะโพกคอดไว้
จับก้อนเนื้อกลมแน่นเด้งมือของคนบนตักจับยืดบีบ ทำอย่างกับสองลูกนั้นเป็นก้อนโมจิ
แจ็คสันส่งเสียงครางในลำคอเพราะปากยังประกบติดกับอีกคนอยู่
นิ้วตัวเองในร่างเริ่มสั่นคุมไม่ได้ ลืมตามองมาร์คเมื่อมือด้านนั้นถูกจับออก
ก่อนที่ช่องทางร้อนจะโดนสอดแทรกด้วยนิ้วเรียวแทน
“เด็กดี”
สิ้นเสียงแจ็คสันก็ร้องไห้โฮเพราะความอดกลั้น
กอดลำคอแกร่งแน่น มาร์คแอบหัวเราะคีบเอาของลงโทษเด็กดื้อออกมาจากตัวคนรัก
ทิ้งขว้างแบบไม่ใยดี รูดซิปจ่อความตัวตนแข็งขืนของตัวเองเข้าปากทางนุ่ม
สอดเสือกตัวเองเข้าไปหาความรุ่มร้อนแสนอ่อนไหวภายในครั้งเดียวจนมิดด้าม
“อะ อ๊า!”
แจ็คสันร้องลั่นจุกเสียด
คับแน่นจนไม่กล้าขยับมากไป
ถึงจะเคยทำท่านี้กันหลายครั้งแต่ไม่มีครั้งไหนที่รู้สึกมากเท่านี้
อาจจะเพราะเขาโดนของเล่นปั่นป่วนทั้งวัน ช่องทางมันเลยอ่อนไหวเป็นพิเศษก็เป็นไปได้
แถมตรงนี้ยังเป็นที่ทำงานมาร์ค...
“อ๊ะ เจ้านาย
อ่ะ เดี๋ยว!!”แจ็คสันรีบกอดมาร์คแน่นไม่ให้ชายหนุ่มเริ่มขยับ
มาร์คเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ
แจ็คสันน่าจะพร้อมสำหรับการสอดใส่แล้วทำไมถึงบอกให้หยุด
แต่พอมองตามสายตาวิตกกังวลก็พอจะเข้าใจความกลัวของอีกคน
“เอาสิ...เดี๋ยวไปล็อกห้องให้”
คำตอบของมาร์คทำให้คนบนตักใจชื้น
แต่ก็ได้ไม่นานเมื่อชายหนุ่มอุ้มตัวเขาขึ้นแต่ไม่ยอมถอนตัวออกไปอย่างที่ควร
แจ็คสันร้องเหวอใหญ่รัดขาเข้ากับสะโพกผอมกลัวตก สองมือเกาะเกี่ยวบ่าแกร่งแน่น
ตาโตเบิกโพล่งไม่อยากเชื่อว่ามาร์คจะอุ้มตัวเองเดินทั้งที่ตัวเองยังอยู่ในร่างเขาแบบนี้!
“อ๊ะ เจ้านาย
ลึก อ๊ะ!”เสียงแหบพร่าร้องไปตลอดทาง ชายหนุ่มก้าวทีร่างเล็กก็สั่นระริกที
ส่วนยอดถูเข้ากับผนังเนื้อนุ่มทุกครั้งที่มีการขยับตัว
มือที่โอบสะโพกก็เกร็งรับร่างคนรักไว้จนไปถึงประตูห้องทำงาน
ดันหลังอีกผ่ายยันไว้กับบานประตูแข็ง เริ่มสวนสะโพกเข้าไปเน้นๆ
แจ็คสันส่งเสียงครวญครางอึกๆอักๆ ถึงห้องนี้จะเก็บเสียง แต่นี่มันหน้าประตูมีโอกาสที่เสียงมันจะเล็ดลอดออกไปได้
แจ็คสันตกใจรัดตัวอีกคนแน่นจนมาร์คขยับไม่ได้
ชายหนุ่มชะงักเงยขึ้นไปมองหน้าเต็มไปด้วยอารมณ์ของคนรักที่ส่ายหน้ารัว
มือเล็กด้านหนึ่งละจากคอเขาไปกดล็อกประตู
และเพียงไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นก็มีเสียงเรียกเขาดังมาจากด้านนอก
“คุณมาร์คคะ?
จะถึงเวลาประชุมแล้วนะคะ”
มาร์คร้องอ๋อในลำคอ
ยิ้มให้แจ็คสันที่กัดริมฝีปากจนขึ้นสีช้ำ
ชายหนุ่มที่ไม่อยากให้ปากอิ่มนั่นมีแผลเลยป้อนจูบร้อนบังคับไม่ให้คนรักกัดปากตัวเองได้
แต่ก็ต้องแลกกับเสียงครางอึกอักที่หลุดรอดออกมา
“อ๊ะ อะ”
“คุณมาร์คคะ?”
มาร์คผละจูบออก
ใช้มือปิดปากคนตัวเล็กไม่ให้ส่งเสียงแปลกๆออกไป
กลั่นเสียงตอบทั้งที่สะโพกยังสวนเข้าช่องทางร้อนเป็นจังหวะเนิบช้า
“ครับ
เดี๋ยวผมไป ผมอาจจะเลทสิบนาทีนะครับ ฝากบอกผู้ร่วมประชุมด้วย”
“ได้ค่ะ”
เสียงส้นสูงห่างออกไป
แจ็คสันผวากอดตัวมาร์คกัดเสื้อเชิ้ตตัวในแน่นส่งเสียงครางฮึมฮัม
“...ได้โปรด”
มาร์คยิ้มและพาตัวแจ็คสันไปวางไว้บนโซฟาตัวใหญ่ในห้องทำงาน
มือเล็กที่กำลังจะไขว่คว้าเอาร่างคนรักเป็นหลักยึดคว้าได้เพียงอากาศ
ตากลมโตพร่าน้ำตากลั่นน้ำตาออกมาอีกสายใหญ่
ความรุ่มร้อนในร่างกำลังแผดเผาเขาแต่มาร์คกลับถอยออกไปอย่างไม่ใยดี
“ทำไม อึก!”เรียวขาขาวบีบเข้าหากัน
ร่างกายอ่อนเปลี้ยเกร็งแข็งขึ้นมาอีกครั้งไม่คุ้นชินกับการไม่ได้รับการเติมเต็มทั้งที่ใกล้ถึงจุดเต็มทน
“ฉันจะเข้าประชุมสายแล้ว”
“ไม่ ไม่นะ
ได้โปรด ฮึก เจียเอ๋อทำให้ เจียเอ๋อจะทำให้”แจ็คสันร้องไห้ออกมาเพราะความทรมาน ผุดลุกขึ้นดันร่างมาร์คลงกับโซฟา
ขึ้นคร่อมทั้งน้ำตาอาบหน้า
“อย่าทรมานเจียเอ๋อเลยนะเจ้านาย”
มาร์คกอดเอวคอดไว้เป็นคำอนุญาต
จัดท่าให้คนบนตักหันหน้าออก ดันสะโพกกลมลงมารับร่างเขาอีกครั้ง แจ็คสันทิ้งตัวลงมาครอบครองท่อนเอ็นแข็ง
ขยับกายนั่งโยกขึ้นลงสานเกมรักตะกุกตะกักให้จบด้วยตัวเอง เล็บสั้นจิกลงกับต้นขาผอมขยับกายสวนให้โดนจุดอ่อนไหวในร่าง
ส่งเสียงครางวาบหวาม พอใจกับการปรนเปรอบนหน้าอกและส่วนด้านหน้าของตัวเอง
มือเรียวจับส่วนหัวรูดไล้ลงน้ำหนักหนักหน่วงช่วยให้คนตัวเล็กได้ปลดปล่อยเร็วขึ้น
จนสุดท้ายของห้วงอารมณ์ ความอัดอั้นทั้งหมดก็ระบายออกมาในรูปของของเหลวสีขุ่นพุ่งพรวดเลอะพื้นห้อง
กระตุกร่างรับความปรารถนาของมาร์คเข้ามาเต็มช่องทาง
มาร์คกดจูบบนซอกคอขาว
อ้าปากกัดครูดเขี้ยวให้เกิดรอยแดงบนหลังคอ จับแจ็คสันนอนคว่ำลงบนโซฟา
ถอนกายออกลุกขึ้นเช็ดคราบบนตัวออกไม่ให้เป็นที่สงสัยของคนข้างนอก
เดินกลับไปที่โต๊ะหยิบเอาอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าทำงาน
กลับมาหาร่างขาวที่นอนเป็นซากหมดแรงอยู่ที่เดิม ดวงตาโตเบิกโพล่ง
มองของในมือคนเป็นเจ้านายด้วยความหวาดหวั่น
“รอเป็นเด็กดีอยู่ในนี้นะครับ”
การประชุมเลิกก่อนเวลาในกำหนดการไม่นาน
ทุกอย่างเป็นไปอย่างไหลลื่นจนมาร์ครู้สึกอารมณ์ดี
และอารมณ์ดีขึ้นเป็นพิเศษตอนที่ได้กลับมาถึงห้องทำงานของตัวเอง
มือเรียวกดล็อกห้องเพื่อความเป็นส่วนตัว
เดินไปนั่งอยู่ข้างๆคนที่เอาแต่ส่งสายตาตัดพ้อและพร่าไปด้วยอารมณ์ต้องการอันรุนแรงอยู่ก่อน
“กลับมาแล้วครับ”
มือเรียวลูบไปตามต้นขาขาวชื้นเหงื่อ
สะกิดของเล่นตรงปากทางเข้า แจ็คสันสะดุ้งไหวส่งเสียงอู้อี้ผ่านผ้าปิดปากสีดำ
“รู้แล้วๆ
จะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ”
บอกพลางดึงไวไบรเตอร์อันใหญ่ออกจากปากทางชอกช้ำ
และเข้าไปแทนด้วยสิ่งที่ใหญ่ไม่แพ้กัน แจ็คสันครางพอใจเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ
ตาโตหรี่ปรือตาลอยขยับสะโพกเข้าหาเรียกร้องด้วยตัวเองพักใหญ่
ก่อนที่เกมรักทั้งหมดจะถูกควบคุมโดยชายหนุ่มผู้ได้ชื่อว่าเจ้านายนั่นเอง...
.
.
.
.
.
เวลาสี่โมงครึ่งเป็นเวลาที่ภายในชั้นทำงานเงียบสนิท
สองสาวพนักงานในชั้นสองคนสุดท้ายกำลังเก็บของพลางเม้ากันถึงเลขาชั่วคราวหน้าตาจิ้มลิ้มของรองประธาน
“โหย
คุณแจ็คสันขยันจังนะเธอ ไม่แพ้คุณมาร์คเลย นี่เข้าไปทำงานกันตั้งแต่บ่ายสอง
จนจะห้าโมงอยู่แล้วยังไม่กลับเลย”
“นั่นสิ
นึกว่าจะไม่มีใครบ้างานเท่าคุณมาร์คแล้วนะเนี่ย”
สองสาวหัวเราะกัน
เดินออกไปจากชั้น 53 ปิดไฟด้านนอกไว้เหลือแค่ไฟในห้องทำงานของรองประธานและไฟด้านหน้าของห้องทำงาน
โดยไม่ได้รู้เลยว่าในห้องนั้นกำลังประกอบกิจกรรมอะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่การทำงานกันอยู่อย่างขยันขันแข็ง
“อ๊ะ เจ้านาย
อ๊ะ อืมมม”
มือแกร่งตะปบก้นนุ่มขยำเป็นรอยมือเรียกเสียงครางจากคนบนโต๊ะ
ขณะสะโพกก็สาวเข้าออกอย่างเมามันจนร่างเล็กสะเทือน
แจ็คสันเชิดหน้าครางเสียงหวานล้ำแหบพร่า
มือเล็กจิกเกร็งเสื้อเชิ้ตของร่างสูงระบายความเสียวกระสันที่ตีตื้นขึ้นมาเสียจนหัวสมองโล่งเปล่า
เกร็งขากอดรัดช่วงสะโพกแข็งแรงที่ซอยเข้ามาถี่รัว ช่องทางร้อนแฉะบีบขมิบเป็นช่วงๆ
ความรุ่มร้อนที่ได้รับมานานนับหลายชั่วโมงทำเอาสมองเขามึนเบลอคิดอะไรไม่ออกราวกับกำลังเสพย์ติดอะไรบางอย่าง
ได้แต่ทำตามความต้องการมาร์คต่อไปเรื่อยๆจนกว่าชายหนุ่มจะสาสมแก่ใจหรือไม่ก็เขาที่สลบพับไปก่อน
มาร์คกอดเอวดึงร่างนุ่มนิ่มเข้าไปชิดส่งร่างเสือกไสตัวเองฝากฝังน้ำรักชโลมแสดงความเป็นเจ้าของแจ็คสันอีกครั้ง
ถอนตัวเองออกมองลูกรักของตัวเองไหลเปรอะออกมาด้วยความพอใจ
เด็ดทิชชูเช็ดหลักฐานรักออกให้เบาๆเกรงว่าจะทำให้ผิดเนื้อร้อนแดงจะบอบช้ำไปมากกว่านี้
ทิ้งเศษทิชชูลงในถังขยะ อุ้มร่างอีกคนขึ้นนั่งบนตัก
เฮือก!
แจ็คสันเกร็งตัวขึ้นทันทีราวกับเป็นสัญชาติญาณระวังภัย
หัวกลมส่ายไปมาสะอื้นเบาๆแต่ไม่ยอมพูดอะไร มาร์คกอดไว้เฉยๆลูบหัวลูบหลังปลอบโยน
“ไม่ทำแล้ว”
บอกให้ร่างเล็กสบายใจ
แต่ดูท่าว่าแจ็คสันจะไม่เข้าอ้อนมายั่วเขาไปอีกสองสามวัน เล่นหงอยเป็นลูกหมาเฉามือเสียขนาดนี้
“พักหน่อยค่อยไปทานข้าวกันนะ
เดี๋ยวพี่โทรไปสั่งจองโต๊ะที่ร้านตอนกลางวันให้”
“ไม่เอา...”คนในอ้อมกอดตอบเสียงแหบแห้ง
“หืม?”
“พากลับบ้านนะ
ง่วง...เหนื่อยแล้ว”บอกพลางขยับศีรษะกลมซุกหาไออุ่น มาร์คยิ้มกดจูบบนเรือนผมนิ่มชื้นเหงื่อแผ่วเบา
“โกรธพี่ไหม?”
“โกรธ”
“...”
“แต่ถ้าพูดคำนั้นจะหายโกรธก็ได้นะ”ดวงตาระโหยโรยรายังคงส่องประกายน่าเอ็นดู
ริมฝีปากช้ำยิ้มให้เจ้าของอ้อมกอดอุ่นที่โอบรัดตัวเองเสมอ ถึงจะใจร้าย ขี้แกล้ง
เอาแต่ใจไป (ไม่) หน่อยก็เถอะ
“อยากฟังเหรอ?”
“ทำไม
รู้สึกเปลี่ยนไปเหรอ”บู้ปากไม่พอใจ
“ใช่
เปลี่ยน...”
“...”
“เพราะพี่รักแจ็คสันมากกว่าเดิม...
ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างคนนิสัยเสียอย่างพี่นะ”
“รู้ตัวด้วยเหรอว่านิสัยเสีย”แจ็คสันหัวเราะคิก
กอดตัวมาร์คไว้ หลับตาฟังเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับตัวเอง “แต่เอาเถอะ
ผมจะยอมยกโทษให้ก็ได้ถ้าพี่รักผมมากๆ รักผมนานๆนะครับ”
“จะไม่อยากหาเจ้าของไหมเหรอ
หืม?”
“แล้วจะให้ไปหาใหม่ไหมล่ะ?”
“ไม่มีทางหรอก...ลูกหมาต้องเป็นของพี่คนเดียว
ตลอดไป”
“หึ...คนขี้หวง”
...แต่ขี้หวงยังไงก็รักแหละน่า
เนอะ คิก...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น