[SF] Ice-cream Cake [MarkSon]
Ice-cream
Cake
Mark
x Jackson
“อืม
ไม่ว่างเหรอ?...”
“ไม่เป็นไร...”
“หืม?...”
“ปกตินายก็ไม่ว่างอยู่แล้วนี่”
“...”
เสียงเรียกชื่อทอดยาวอ้อนอย่างคนรู้สึกผิดจากปลายสายเรียกรอยยิ้มบางจนเห็นเขี้ยวขาว
เอาจริงๆก็ไม่ได้หงุดหงิดนักหรอกที่อีกคนไม่ยอมปลีกเวลามาหา
แฟนผมเป็นพวกเพื่อนเยอะ
ผมเข้าใจดี
ก็แค่แอบฉุนบ้างเวลาเจอภาพถ่ายอีกคนในวงเพื่อนโดยที่หนึ่งในนั้นไม่มีผมอยู่ด้วย...
“ฮยอง~”เสียงแหบห้าวดังออกมาจากมือถือเครื่องบาง มาร์คพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียง
เอียงคอหนีบมือถือไว้กับไหล่เดินไปเปิดตู้เย็นหาอะไรเย็นๆกินให้ชุ่มคอ
“มีอะไร?
เพื่อนรออยู่นี่”
“ไม่เอาดิ
ผมไม่สบายใจเลยเวลาฮยองทำเสียงอย่างนี้”
“แล้วจะให้ทำเสียงแบบไหน?”
“ก็...”แจ็คสันเหมือนจะหาคำอธิบายคำว่าปกติของผมไม่ได้
ให้ทายว่าตอนนี้ปากแดงอิ่มคงยับยู่เข้าหากันอย่างที่เคยทำประจำแล้วแน่ๆ
แล้วพอจนตรอกก็จะเริ่มเรียกเขาด้วยน้ำเสียงอ้อนแบบนี้...
“ฮยองงง”
“เฮ้อ...ถ้ายังให้คำตอบฮยองไม่ได้ก็อย่าเพิ่งพูด
ไปหาเพื่อนไป”
“ง่ะ...”ให้เดาอีกฝ่ายคงใจเสียไม่น้อยที่ผมพูดแบบนั้นออกไป
แต่จะทำไงได้ บางทีผมก็อยากจะทวงคนของผมคืนมาบ้างเหมือนกัน
“ฮยอง...
(เฮ้ย! แจ็คสันขึ้นรถเร็ว เดี๋ยวไปไม่ทันนะเว้ย) อ่ะ...”เสียงแทรกเฮโลของกลุ่มเพื่อนของคนปลายสายเรียกให้มาร์คถอนหายใจอย่างเดาได้เลยว่าคนรักตัวเองจะทำอย่างไรต่อ
“เพื่อนเรียกแล้ว
ถ้าไม่มีรถกลับก็โทรมา เดี๋ยวจะไปรับเอง”
กรอกเสียงลงไปเสร็จก็กดวางสาย
ผมไม่อยากได้ยินประโยคขอโทษขอโพยจากอีกคนอีก ยัดมือถือลงกระเป๋า โยนกระป๋องโค้กเปล่าลงถังขยะ
มองห้องครัวโล่งๆแล้วถอนหายใจ ปกติผมไม่ชอบทำอาหารนักหรอก
จะมีก็แต่แจ็คสันที่ชอบขนของสดมาทำอาหารบ้านเขาบ่อยๆเพราะห้องเจ้าตัวไม่มีห้องครัวให้ใช้
แต่มันก็โล่งมาแบบนี้สักพักแล้วเหมือนกัน...
ผมเชื่อว่าแจ็คสันไม่ได้มีใครหรอก
แต่เด็กคนนั้นกำลังติดเพื่อนมาก เลยไม่ค่อยมีเวลามาเจอกันเท่าไหร่นัก
ด้วยอาชีพการงานของมาร์คที่ทำงานไม่ค่อยเป็นเวลา ประกอบกับแจ็คสันก็เรียนเพิ่งจบ
อยู่ในช่วงกอบโกยความสุขก่อนจะออกมาเผชิญโลกของการทำงานอย่างเขา
ก็คงไม่แปลกที่จะห่างกันบ้าง
แต่ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ามันห่างเกินไป...
รู้สึกน้อยใจแปลกๆนะ...ยิ่งในวันนี้ด้วยแล้ว..แต่ก็เอาเถอะ...
แจ็คสันยืนมองหน้าจอมือถือที่โดนตัดสายใส่ด้วยสายตาละห้อย
ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามาร์คกำลังหงุดหงิดผมเลือกจะมาเที่ยวเตร่กับเพื่อนแบบนี้แทนที่จะไปอยู่กับเขาในวันหยุดแทน
แต่ถึงจะหงุดหงิดยังไงเขาก็ยังไม่เหวี่ยงไม่ดุใส่ผม แถมยังห่วงใยผมเสมอ มาร์คไม่เคยปล่อยให้ผมกลับเอง
ถึงจะดึกขนาดไหนแค่โทรไปเขาก็จะรีบมาหาผมทันที นั่นยิ่งทำให้รู้สึกผิดเข้าไปใหญ่
“เฮ้ย!
เหม่ออะไรอยู่วะ?”เจบีกระทุ้งไหล่ผมอย่างแรงจนมือถือในมือกระเด็นตกแอ่งน้ำข้างหน้า
มันกับผมร้องตกใจลั่น ผมรีบหยิบมันขึ้นมาดูแต่ก็ไม่ทันแล้ว หน้าจอดับวูบ
เปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ติด
“เชี่ยเอ๊ย!”ผมหันไปผลักอกเพื่อนหงุดหงิดจนเห็นได้ชัด
มันก็คงตกใจเหมือนกันว่าทำไมผมถึงดูโกรธนัก ก็มือถือนี้มาร์คเป็นคนซื้อให้
เอาไว้ติดต่อผมโดยเฉพาะ มาร์คจะหงุดหงิดมากถ้าผมไม่รับสายเขา
ผมเลยไม่เคยห่างจากมือถือเครื่องนี้เลย แล้วมือถือผมดับไปแบบนี้มาร์คก็จะติดต่อผมได้ยังไงกัน...
“เออๆ
เดี๋ยวกูซื้อใหม่ให้ กูขอโทษแล้วกัน”
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่เพื่อน
มันไม่ใช่แค่ซื้อให้ใหม่แล้วจบน่ะสิ
“ก็...ไม่ไปแล้ว”
“เฮ้ย! ได้ไง? กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจเลยนะเว้ย”
มันขอโทษเสียงดังจนเพื่อนบนรถสงสัยตามลงมาดู
ผมส่ายหน้า
“มึงไปกันเลย
เดี๋ยวกูจะกลับแล้ว”
“โทรศัพท์เครื่องเดียว
นี่มึงโกรธขนาดนั้นเลยรึไง”
“ไม่ใช่...กูไม่ได้โกรธมึง”อธิบายให้เพื่อนฟังอย่างลำบากใจ
“กูไม่อยากให้พี่มาร์คเป็นห่วง”
“ครั้งวันเกิดกูมึงยังติดค้างกูไว้เลยนะแจ็ค”จินยองตะโกนมาจากในรถ
...วันเกิด...
“เฮ้ยยยยยยยยยยยยย!!!” ผมร้องดังลั่นจนเพื่อนตกใจ หัวใจเต้นรัวแรง มือขาวขยุ้มหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดใจ
“ชิบหาย!”
“อะไรๆ?”เพื่อนๆรุมเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
ในขณะที่ผมนั่งลงกับพื้นเกาคอเกาหัวหงุดหงิดตัวเองอย่างถึงที่สุด
...นี่ผมลืมวันเกิดแฟนตัวเองได้ยังไง!!!...
“วันนี้วันเกิดพี่มาร์ค”
เพื่อนทั้งกลุ่มมองหน้ากัน
เจบีจับไหล่เขาให้ยืนขึ้น
“งั้นก็กลับก่อนก็ได้
พี่แกคงอยากให้มึงอยู่กับพี่เขาในวันนี้มากกว่าพวกกู...อย่าลืมขอโทษพี่เขาด้วยล่ะ”
“ขอโทษนะ
แล้วก็ ขอบคุณ”
แจ็คสันหยีหน้าทำท่าจะร้องไห้
ขอบคุณเพื่อนและวิ่งลิ่วห่างออกไป ยกข้อมือดูเวลาบอกเวลาสี่ทุ่มสิบนาที
...ขอให้ทันเถอะน่า...
มาร์คกำลังหงุดหงิดปนกังวลใจ
เขาติดต่อแจ็คสันไม่ได้ ตั้งแต่สองทุ่มที่เด็กนั่นโทรมาก็หายจ๋อยโทรไม่ติดเลย เหมือนว่าแจ็คสันจะปิดโทรศัพท์หรือไม่ก็แบตหมด
จะโทรไปหาเพื่อนของเด็กนั่นก็ไม่รู้จะโทรหาใครเพราะเพื่อนแจ็คสันหลายกลุ่มเหลือเกิน
ชายหนุ่มที่วันนี้จะอายุเพิ่มขึ้นอีกปีเดินวนไปมากลางห้องนั่งเล่นจ้องโทรศัพท์ในมือ
ลังเลชั่วครู่แล้วต่อสายไปถึงจินยอง เพื่อนสนิทของแจ็คสัน
รอไม่ถึงนาทีจินยองก็รับสาย
“จินยอง
นี่พี่มาร์คนะ”
‘ครับพี่?’
“แจ็คสันอยู่กับพวกนายไหม?
พี่ติดต่อเขาไมได้”
“เอ๋? มือถือแจ็คสันตกน้ำพังอ่ะพี่
คงติดต่อไม่ได้แต่หมอนั่นบอกจะกลับไปหาพี่ตั้งแต่สี่ทุ่มแล้วนะครับ ยังไม่ถึงอีกเหรอ?”
“ขอบคุณนะ”มาร์ครีบวางสาย
พอรู้เรื่องราวก็เป็นห่วงมากกว่าเดิม ออกจากกลุ่มเพื่อนตั้งแต่สี่ทุ่ม
แต่ตอนนี้ก็ห้าทุ่มกว่าแล้ว ทำไมเด็กนั่นยังไม่มาถึง? แสดงว่ามีอะไรปิดปกติรึเปล่า
จะโดนทำร้ายหรือไปซุ่มซ่ามบาดเจ็บที่ไหนไหม? โทรศัพท์ยังมาพังในเวลาแบบนี้เสียอีก
ชายหนุ่มทิ้งงานทั้งหมดที่จะทำโต้รุ่ง เดินหยิบกุญแจรถ
กระเป๋าสตางค์และเสื้อคลุมสองตัว วิ่งลงมาจากคอนโด เพื่อออกตามหาคนรักที่หายตัวไป
...ถ้าเจอตัวพ่อจะทำโทษเสียให้เข็ด...
มาร์คคิดเข่นเขี้ยวในใจ
หักพวงมาลัยขี่ไปตามเส้นทางที่คิดว่าแจ็คสันจะต้องผ่านถ้าจะมาคอนโดเขา
แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่วี่แววใดๆ เวลาห้าทุ่มกว่าแล้ว ร้านรวงข้างทางก็เริ่มจะปิดร้านกันแล้ว
เหลือแค่พวกโซน 24 ชั่วโมงทั้งหลายที่จะเห็นได้เพียงประปราย
แสดงไฟข้างถนนก็ช่างริบหรี่ยากแก่การมองเห็น มาร์คต้องชะลอความเร็วกวาดสายตามองไปรอบๆ
...แต่ก็ไม่เห็น...
มาร์คตัดใจย้อนกลับมาที่คอนโดเผื่อว่าแจ็คสันจะกลับมาถึงแล้ว
ลานจอดรถเงียบเชียบ ไฟสลัวๆให้บรรยากาศไม่น่าไว้วางใจนักเหมือนทุกวัน
วันนี้ลมแรงและอากาศหนาวนิดหน่อย มาร์คจอดรถพลางถอนหายใจด้วยความหนักใจ ห่วงก็ห่วง
แถมยังติดต่อไมได้อีก ยกโทรศัพท์กดโทรออกอีกครั้งก็ยังเหมือนเดิม
ชายหนุ่มสบถยัดเครื่องสื่อสารแสนจะไร้ประโยชน์ลงในกางเกง
เปิดประตูเดินลงมาจากรถ คิดจะไปรอที่หน้าห้องคอนโดแต่ก็ต้องชะงักกึก
หางตาเหลือบไปเห็นอะไรเคลื่อนไหวได้หลังเสาต้นหนึ่ง หันไปมองเต็มๆ
ใจก็กลัวจะเป็นสิ่งลี้ลับหรือผู้ร้าย แต่ความอยากรู้มันมากกว่า
แล้วเขาก็เห็น...เห็นคนที่ทำให้เขาวุ่นวายเป็นห่วงในวันเกิดตัวเองแบบนี้
มาร์คเดินเข้าไปใกล้ก้อนกลมสีดำที่นั่งขดกับเสาปูน
และเสนปแบคที่เขาจำได้ดีว่ามันเป็นของเด็กดื้อคนนั้น...
“แจ็คสัน”
เด็กหนุ่มหันกลับมามอง
ตาโตเหมือนลูกหมานั่นเบิกโพล่งเมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้า รีบยันตัวลุกขึ้น
ทำท่าทางอ้อมๆแอ้มๆ เดินหนีบๆมาหาเขา
ก้มหน้าสำนักผิดเพราะรู้ว่าตัวเองคงทำความวุ่นวายให้คนอายุมากกว่าไม่น้อย ค่อยๆช้อนตาอ้อน
ขมุบขมิบขอโทษเสียงอ่อน
“มาร์ค...ขอโทษที่ลืมวันเกิดนะ”
“ไม่เป็นไร
แค่ไม่เป็นอันตรายก็ดีแล้ว”มาร์คยิ้มโล่งอก จับหัวกลมโยกไปมาไม่ให้เด็กป่วนคิดมาก
แต่แจ็คสันก็บยังเป็ยแจ็คสัน เด็กนั่นยู่ปาก วนนิ้วรอบเสื้อยืดตัวบางสีดำไปมา “ฮยองหานายทั่วเลย”
“ผม...ผมพยายามตามหาของขวัญให้ฮยอง...แต่ร้านมันปิดหมดแล้ว
ขอโทษนะ”
“บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร”
“แต่แป๊ปนะ”แจ็คสันชิงเงยหน้ามาบอก
วิ่งกลับไปจุดเดิมที่ตัวเองนั่งจ๋องอยู่
หอบเอากล่องสีขาววิ่งกลับมาทางเขาพร้อมรอยยิ้มกว้างขวาง มาร์คยิ้มขำ
มองเค้กไอศกรีมสีหวานในกล่องเหลือบมองใบหน้าลุ้นๆของคนรัก นี่กะจะเซอร์ไพร์สเขาสินะ
แต่จะมีหรือไม่มีมาร์คไม่ได้คิดมากขนาดนั้นสักหน่อย คิดมากไปได้...
เขายิ้ม
และแจ็คสันก็ยิ้มตาม
“เป่าเทียนๆ”แจ็คสันวุ่นวายกับการหาเทียนมาปัก
หาไฟแช็คมาจุด ดูดุ๊กดิ๊กวุ่นวายไปมา น่ารักเหมือนลูกหมาตัวเล็กๆ
พอจัดการเสร็จก็ยื่นมาให้เขา เริ่มร้องเพลงประจำเทศกาล
“Happy
birth day to you Happy birth day to you Happy birth day Happy birth day Happy birth
day to My mark...เป่าเลยๆอย่าลืมอธิฐานนะ”
มาร์คหลับตาลงอธิฐานเงียบๆ
ลืมตายิ้มให้คนคนถือเค้กแสนน่ารัก เป่าเทียนให้ดับเพียงครั้งเดียว
แล้วโฉบขึ้นไปกดริมฝีปากอิ่มของคนที่กำลังจะร้องเย้อวยพร
แจ็คสันสะดุ้งตกใจเกือบทำกล่องเค้กหล่นแต่มือเรียวก็เข้ามารองรับมือขาวไว้
โน้นหน้าลงไปบดจูบอ่อนหวานเป็นการขอบคุณ ไม่รุกล้ำ แค่ต้องการจูบให้กับความน่ารักนี้...
“ขอบคุณนะครับ”
แก้มกลมแดงก่ำ
อยากฟาดคนตัวสูงกว่าไปแรงๆ แต่ติดว่าสองมือยังหอบเค้กไอศกรีมก้อนใหญ่
เด็กหนุ่มเม้มปากหลบสายตาเก้อเขิน
“รีบๆเข้าไปเหอะ
หนาว เค้กจะละลายหมดแล้วเนี่ย”
มาร์คหัวเราะเบาๆ
จับบ่ากว้างของคนตัวเล็กไว้ ตวัดเสื้อคลุมสวมให้อีกคน
ปิดฝากล่องชิงมาถือเองมือเดียว
ส่วนมืออีกด้านก็จับกระชับมือเล็กพากันเดินขึ้นห้องไป
“แล้วพี่อธิฐานว่าอะไรล่ะ?”
“พี่ขอให้คนที่ถือเค้กให้พี่วันนี้
อยู่เคียงข้างพี่ไปตลอดชีวิต”
“โกหก”แจ็คสันว่า
แต่แก้มกลับแดงยิ่งกว่าแดง มือเล็กกระชับแน่นขึ้นบอกถึงความเกร็งของเจ้าตัว
“จริงๆ...แล้วพอเข้าห้องพี่ขอทวงของขวัญวันเกิดด้วยนะ”
“อะไร?”เด็กตัวเตี้ยเงยหน้าขึ้นมอง
แต่พอเห็นสายเจ้าเล่ห์ของคนรักก็เบี่ยงสายตาหลบแทบไม่ทัน
“ถ้ากินเค้กเย็นๆบนจานขาวๆนุ่มๆมันก็ดีสินะ”
“อะ...ไอ้!”
...โว้ย!!
วันเกิดทีไร เปลืองตัวทุกที!...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น