[SF] Psycho (MarkSon)
คำเตือน : วิปริต
โรคจิต กักขัง
Psycho
Mark
x Jackson
“หืม?”
คิ้วเรียวเลิกคิ้วมองกองชั้นในในตู้อย่างรู้สึกตงิดในใจ
หลังจากไปเก็บผ้าออกมาวางๆกองๆมาหลายวัน ก็ได้ฤกษ์งามยามดีพับเก็บเข้าตู้ซะที
แต่มันดันมีอะไรบางอย่างผิดปกตินี่สิ
“บอกเซอร์หายไปไหนวะ”
แจ็คสันสบถขณะคุ้ยกองเสื้อผ้ามองหาบอกเซอร์สีดำตัวโปรดของตัวเอง
แต่ก็ไม่เห็น เดินไปดูที่ตากผ้าก็ไม่เห็น ได้แต่สรุปในใจว่ามันคงหายไปแล้ว
พยายามคิดว่าเขาลืมไว้ในเครื่องซักผ้าหรือเปล่า แต่ก็ต้องส่ายหน้า
เขาจำได้ดีว่าหยิบมาตากเองกับมือ หรือมันจะปลิวไปตอนฝนตกหนักวันก่อนกันนะ
...แจ็คสันขอขอโทษเจ้าของห้องที่บอกเซอร์เขาปลิวไปแปะเลยแล้วกัน....
โยนเรื่องบอกเซอร์หายออกจากสมอง
พับเสื้อผ้าที่เหลือเข้าตู้ เก็บกวาดของอีกนิดหน่อย ก็ถึงเวลานอนกลางวัน
พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน วันนี้ก็ขอขี้เกียจอย่างเต็มที่หน่อยแล้วกัน
เปลือกตาบางกระพริบปรือต้อนรับเช้าวันใหม่ด้วยความเมื่อยล้า
พ่นลมหายใจเหนื่อยหน่ายนึกอยากหลับตานอนต่อก็เกรงใจเวลางานและเงินเดือนที่จะถูกตัดถ้าเขาไม่ขาดโดยไม่มีกิจจำเป็น
เมื่อคืนไปสังสรรค์กับเพื่อนจนดึกดื่นเมามาย กว่าจะกลับห้องได้ก็ตีสองเข้าไปแล้ว
เวลาพักผ่อนที่มีเลยพลอยถูกตัดทอนไปด้วย
ขยับตัวลุกขึ้นก็พบกับสิ่งผิดปกติ…
กางเกงนอนของเขาถอดคาไว้บนข้อเข่า
ผิวกายนอกเสื้อผ้าเปราะเปื้อนไปด้วยน้ำขุ่นขาวละเลงไปแทบทุกส่วน
ไม่เว้นแม้กระทั่งโคนขาก็ยังไหลซึมเปื้อนลงไปถึง
ดูความชื้นของมันน่าจะผ่านมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองชั่วโมง นิ้วขาวสั่นระริกป้ายมันขึ้นมามองชัดๆให้แน่ใจว่าส่งที่เห็นเป็นอย่างที่คิดจริงๆหรือไม่
“นี่มันบ้าอะไรกันวะ!”สบถหงุดหงิดถอดเสื้อชุดนอนเช็ด ‘น้ำรัก’ พวกนั้นออกอย่างนึกรังเกียจ
คิ้วขมวดแน่นหัวตื้อคิดไม่ออกไปชั่วขณะว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
สะบัดเสื้อผ้าลงตะกร้า เปิดฝักบัวเบอร์แรงสุดล้างคราบไคลพวกนั้นออกจากตัว
รังเกียจจนขนในกายลุกชันไปทั้งร่าง ตากลมหลับลงเพื่อเรียกสติคิดเรียบเรียงว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น
...นี่เขากำลังโดนโรคจิตเล่นงาน?...ผู้ชายมีกล้ามตัวตันๆหน้าตาไม่ได้ดีเด่อยากเขาเนี่ยนะ!!!
“โว้ยยยยยยยย!!!”ขยี้หัวตัวเองจนแสบ ลูบสบู่ถูตรงช่วงสะโพกๆแรงๆ
แค่นึกว่ามีน้ำชักไอ้บ้านโรคจิตที่ไหนก็ไม่รู้อาบอยู่บนตัวก็ขยะแขยงจนอยากจะเฉือนเนื้อทิ้งอยู่แล้ว
ไม่ต้องนึกถึงท่าทางตอนมันชักเลย...
เอาหัวโขกกำแพงดังปึกเมื่อเผลอคิดถึงความเป็นไปได้ของท่าทาง
ถอยตัวจับหัวตัวเองมึนๆ
“เอาให้หมามันกิน
สัด!!!”
...คิดซะว่าให้หมามันฉี่ใส่นะไอ้หวัง!...ปลอบใจตัวเองเสร็จก็ถอนหายใจ ตบหน้าตัวเองแรงๆเรียกสติ
พยายามไม่คิดถึงเรื่องน่าอับอาย
เกี่ยวผ้าเช็ดตัวมามัดเอวเดินไปส่องกระจกอย่างที่ทำทุกวัน
พลันตาก็เหลือบไปเห็นแผ่นโพสอิทสีดำเขียนด้วยตัวอักษรสีขาวดูน่ากลัวแปะอยู่บนหน้ากระจก
ข้อความบนนั้นทำให้หัวใจชายหนุ่มเกือบหยุดเต้นด้วยความหวาดกลัว
ข้อความที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาไปได้...ตลอดกาล
...สวัสดี
ที่รัก...
จาก EE
“แจ็คสัน!!!”
“ห...ฮะ”
“เหม่ออะไรของนาย
ฉันถามว่านายส่งเอกสารของฉันรึยัง?”
“อ้อๆ
ส่งแล้วๆ โถ่ อย่างแจ็คสันหวังรึจะทำงานพลาด”
เพื่อนร่วมงานหรี่ตามองหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มแห้งกลับมา
“บ่อยไปเถอะ
เฮ้อ ส่งไปแล้วก็โอเค”
แจ็คสันถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังเพื่อนร่วมงานหันหลังจากไป
มือหยิบเอกสารบนโต๊ะวางบนชั้นเลื่อน เตรียมเอาไปส่งให้บอสในห้องทำงาน
เรื่องโพสอิทแผ่นนั้นเล่นงานเขาจนปวดหัวไม่มีสมาธิทำงานทั้งวัน
เหม่อลอยจนเพื่อนร่วมงานยังสังเกตได้ เหลือบมองหน้าจอสี่เหลี่ยมมีตัวอักษรน่าเวียนหัวเรียงเป็นตับ
แล้วได้แต่เตือนตัวเองว่าควรจะตั้งสมาธิทำงานเสียที ไม่อย่างนั้นงานที่มันเยอะอยู่แล้วคงทับหัวเขาในไม่ช้า
...ชีวิตพนักงานบริษัทต๊อกต๋อยก็เป็นแบบนี้แหละครับ...
นิ้วป้อมกดพิมพ์ตัวอักษรบนแป้นได้คล่องแคล่ว
เอกสารแผ่นแล้วแผ่นเล่าพิมพ์ออกมาจากเครื่องปริ๊นท์เตอร์
มือขาวจัดมันลงแฟ้มอย่างเรียบร้อย เมื่อก่อนเกลียดงานแบบนี้เข้าไส้ทำไปทำมาก็กลายเป็นความเคยชินเข้าไปทุกวัน
น่าเบื่อแต่ก็ทนทำได้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร
...แจ็คสันหวังเหลือเกินว่ากลับบ้านไปเขาจะไม่เจออะไรที่ทำให้เครียดไปมากกว่านี้...
แจ็คสันในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวผูกไทแดงนั่งยองๆกินมาม่าอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อชื่อดัง
เงินในบัญชีไม่มากพอให้เขาซื้อของกินดีๆได้
ต้องรอเงินเดือนต่อไปอีกสัปดาห์ถึงจะได้กินข้าวราดแกงได้ตามปกติ
โยนกล่องมาม่าเปล่าลงถังขยะ
ใช้หลังมือปาดน้ำขอบมุมปาก หนีบกระเป๋าใต้รักแร้เดินเอื่อยไปในเส้นทางเดิมๆเพื่อกลับห้องเช่า
โดยไม่ได้สังเกตว่ามีสายตาคู่หนึ่งใต้เสื้อคลุมตัวใหญ่มองตามตนไปตาแทบไม่กะพริบ
สายตาใต้เสื้อคลุมจดจ้องใบหน้าขาวไล่ลงมาหยุดตรงสะโพกงอนงามใต้กางเกงแสลกตัวแน่น
ลิ้นแดงแลบเลียริมฝีปากแห้งผาก รอยยิ้มจุดขึ้นหลังเห็นเป้าหมายเดินเลี้ยวเข้าไปในตึกห้องเช่า...
แจ็คสันล็อกประตู
โยนกระเป๋าลงบนพื้น วิ่งไปปิดหน้าต่างทั้งหมดล็อคกลอนให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครปีนเข้ามาได้
แม้แต่มดตัวเดียวก็ห้ามเข้า พอมั่นใจแล้วก็ถอดเสื้อผ้าอาบน้ำผิวปากอย่างสบายใจ
...เข้ามาได้ก็ไม่ใช่คนแล้ว...
เพราะคิดแบบนั้น
คืนนั้นแจ็คสันเลยนอนหลับไปตั้งแต่หัวค่ำ
.
.
.
“อืม...”
ภาพตรงหน้าเลือนรางคล้ายเป็นความฝัน
เขาเห็นเพียงโครงร่างของใครคนหนึ่งกำลังคร่อมอยู่บนตัว แจ็คสันพยายามจะหรี่ตามองทำยังไงก็ไม่เห็นเพราะมีแมสปิดหน้าครึ่งล่าง
ส่วนครึ่งบนก็เลือนรางเพราะเงาของเสื้อฮูทตัวใหญ่
“อื่อ...”ส่งเสียงขยับตัวหนีเพราะอะไรบางอย่างที่ยุ่งย่ามแถวเบื้องล่างเปลือยเปล่า
สติของเขามันล่องลอยไม่คืนสติเหมือนกำลังตกอยู่ในความฝัน
แม้ขาจะถูกแยกออกอย่างน่าอายเขาก็ไม่มีแรงต่อต้าน
“ไม่นะ...”
เอ่ยห้ามแผ่วเบา
ตาปรือปิดเพราะความง่วงที่มากผิดปกติ แต่กระนั้นร่างกายก็ยังรู้สึกได้
ช่องทางคับแคบด้านหลังถูกรุกล้ำเข้ามาช้าๆ ขาอวบสั่นกระตุก
ร้องเจ็บปวดขมวดคิ้วขยับตัวจะหนีจากนิ้วเรียว
“ฮ๊า...หยุด
ฮือ”
ส่วนกลางลำตัวถูกสัมผัสด้วยอะไรบางสิ่งที่นิ่มและเปียก
เล้าโลมดูดไล้จนร่างกายเขาสั่นสะท้าน ความร้อนวูบวาบเริ่มก่อตัวขึ้นในร่าง
ร่างที่กำลังโดนคุกคามบิดเร่าไปมาบนเตียง
น้ำอุ่นพุ่งเปรอะเลอะหน้าท้องขาวเป็นเวลาเดียวกับที่แจ็คสันปลดปล่อยเปื้อนมือคนกระทำที่ยกนิ้วขึ้นแตะเลีย
ยิ้มกระหยิ่มจนเห็นเขี้ยวเล็กๆตรงมุมปาก
“แจ็คสัน...”
เสียงเรียกสุดท้ายก่อนที่สติจะวูบและดับไป...
เสียงทุ้มต่ำ
ผิวขาวซีด
ใคร?
.
.
.
.
.
เฮือก!!!
แจ็คสันสะดุ้งเฮือกขึ้นมาในตอนเช้ามืด
ก้มหน้าลงมองสภาพร่างกายตัวเองแล้วถอนหายใจโล่งอก
เสื้อผ้าทุกอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ดี เขาแค่ฝันไปใช่ไหม?
ใครจะเข้ามาได้ในเมื่อเมื่อคืนเขาล็อคห้องแน่นหนาเสียขนาดนั้น แต่พอหันไปดูกระจกเต็มตัวข้างตู้เสื้อผ้า
ร่างกายก็พลันแข็งทื่อ หัวใจเกือบหยุดเต้นและกลับมาเต้นแรงรัวด้วยความหวาดกลัว
โพสอิทสีดำและข้อความสีขาว
หวานมากเลย....ที่รัก
EE
...เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว...
เย็นวันนั้นแจ็คสันตัวสินใจเก็บข้าวของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเป้
สวมผ้าใบคู่โปรด เดินลงมาจากห้อง
เพื่อขึ้นรถประจำทางไปหาเพื่อนสนิทที่อยู่ห่างจากห้องเขาไม่ถึงสามช่วงถนน
เคาะประตูเพียงสองครั้ง
ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มผู้มีอาชีพฟรีแลนด์อย่างมาร์คต้วนก็โผล่หน้าออกมา
มาร์คทำหน้าแปลกใจ แม้ไม่ได้เอ่ยทักทายเลยอย่างเป็นปกติตามนิสัยคนพูดน้อย
“ขอนอนด้วยหน่อยดิ
สักสองสามวัน พอดีมีเรื่องอยู่ห้องเดิมไม่ได้นิดหน่อยอ่ะ”
“...ทำไม?”
“เออ
เอาน่า”แจ็คสันถือวิสาสะดันประตูเข้าไปในห้องที่ยังดูเรียบร้อยอย่างทุกครั้งที่เคยมา
“นายนี่เก็บห้องดีจัง”
“ฉันไม่ได้สกปรกแบบนาย”มาร์คตอกกลับพลางเดินเข้ามาขยี้เส้นผมนุ่มจนฟูฟ่อง
“ฉันทำข้าวค้างไว้ เอาด้วยไหม”
“เอาสิๆ
หิวพอดีเลย”
“อืมๆ”มาร์คตอบในลำคอ
เดินเข้าไปในส่วนครัว แจ็คสันถอดกระเป๋าจากบ่า
หันไปมองประตูห้องนอนที่เขาจำได้ว่ามันเป็นห้องนอนแขก ถือวิสาสะมาร์คอีกครั้งในการผลักมันเข้าไป
ตุ๊บ!
ตกใจจนต้องปล่อยกระเป๋าลงบนพื้น
มองภาพตรงหน้าอึ้งๆ ความรู้สึกหวาดกลัวตีตื้นขึ้นมาจุกที่คอ
ร่างทั้งร่างแข็งเป็นหิน แม้กระทั่งเส้นเสียงก็หยุดทำงานไปชั่วขณะ
ผนังด้านตรงข้ามกับหัวเตียงที่เต็มไปด้วยรูปถ่ายนับพันใบแปะเรียกกันอย่างเป็นระเบียบเต็มพื้นที่จนไม่สามารถเห็นพื้นผนังปูนขาวด้านหลังได้
หากเป็นรูปถ่ายธรรมดาจำพวกดารานักร้องหรือสถานที่ท่องเที่ยวอย่างที่ควรเขาคงไม่หวาดกลัวจนน้ำตาคลอแบบนี้
แต่ภาพทั้งหมดนั่นเป็นภาพของเขา ภาพของแจ็คสัน!!!
ทั้งอิริยาบถทั่วไป
เดินตลาด เที่ยวห้าง พูดคุยกับคนที่ทำงาน
ภาพเขานอนบนเตียงหรือแม้กระทั่ง...ตอนอาบน้ำ
...นี่เขาโง่ขนาดไหนถึงเดินเข้ามาในถ้ำเสือแบบนี้...
ขาอ่อนก้าวถอยหลัง
สมองสั่งให้หนี ทิ้งข้าวของทั้งหมด หันร่างกำลังจะวิ่งพุ่งไปทางประตู
แต่ก็ใจก็ต้องถึงคราวเกือบหยุดเต้นตกไปตาตุ่มเมื่อเห็นชายหนุ่มเจ้าของห้องยืนดังอยู่ด้านหน้า
มาร์คมองหน้าเขาอย่างนึกสงสัย ดวงตาสวยมองผ่านร่างเขาเข้าไปในห้องก่อนจะเผยรอยยิ้มน่ากลัวออกมา
...รอยยิ้มแสนวิปริต...
“อ้าว...เจอเข้าจนได้”
“นะ นี่ นี่มันอะไรกัน”
“หืม?
ก็รูปนายไง...ฉันเป็นคนถ่ายเอง สวยไหมล่ะ แต่เสียดายนะ ไม่มีรูปนายมองกล้องเลย”
แจ็คสันสะดุ้งถอยหนีร่างสูงโปร่งแสนคุ้นเคยที่กำลังเป็นคนไม่คุ้นเคย
ดวงหน้าเรียบเฉยนั้นกำลังยิ้ม ยิ้มกว้างขวางผิดปกติ
ราวกับนี่คือใบหน้าที่แท้จริงของชายคนนี้ มือเรียวผอมผลักคนที่ยังตั้งสติไม่ได้จนล้มลงไปกับพื้น
ปิดประตูกดล็อกราวกับเป็นเสียงคำสั่งตัดสินชะตากรรมของร่างขาวบนพื้น...
กริ๊ก!
หลายวันผ่านไป…
มาร์คเปิดประตูเข้ามาพร้อมอาหารสองกล่อง
ร่างโปร่งเดินไปหยิบขวดน้ำในตู้เย็น เดินผิวปากผลักประตูห้องที่เปิดแง้มไว้ออก
ดวงตาสวยจ้องมองเตียงยับว่างเปล่า
เลื่อนสายตาตามสายโซ่บนหัวเตียงไปหยุดอยู่ที่ข้อเท้าของคนที่นั่งคุดคู้อยู่มุมห้อง
ร่างขาวสั่นระริกกอดตัวเองกระเถิบชิดชนิดแทบจะกลืนไปกับผนัง
เสื้อเชิ้ตขาวตัวมอๆปิดบังลำขาขาวเต็มไปด้วยรอยมือและรอยจูบกัดสีแดงช้ำ
ไม่ต่างจากส่วนอื่นของร่างกายที่มีรอยจำพวกนี้กระจายไปทั่วโดยเฉพาะลำคอแทบจะช้ำไปทั้งคอ
ชายหนุ่มเต็มวัยแรงแรงตอนนี้กลับดูซูบเซียว
แก้มกลมเริ่มยุบลงไม่เป็นที่ชอบใจของคนมอง
มาร์ควางกล่องข้างลงปลายเตียง
เดินไปนั่งลงตรงหน้าแจ็คสันที่ผวาถดหนีลึกลงไปอีก ดวงตากลมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว สองมือกอดตัวเองแน่นราวกับว่าการทำท่าเช่นนั้นจะปกป้องตัวเองได้
เจ้าของห้องยิ้มกว้างใจดี แจ็คสันตัวแข็งทื่อไม่กล้าโหวกเหวกโวยวายแต่กลับร้องไห้ตัวสั่นสะท้านอย่างน่าสงสาร
กลั่นประโยคขอร้องด้วยน้ำเสียงโรยแรง
“ปล่อยผมออกไป
ได้โปรด”
“วันนี้ฉันไปซื้อข้าวร้านประจำมาให้นายด้วย”
“มาร์ค...ฮึก
ไม่ทำแบบนี้”
“เมื่อวานนายไม่ยอมกินข้าวเลย
ฉันเลยคิดว่านายอาจจะเบื่ออาหารใต้หอนี่ก็ได้”
แจ็คสันปล่อยน้ำตาออกมาอย่างหวาดกลัว
แม้เขาจะพูดขอร้องไปเท่าไหร่ ‘อดีต’เพื่อนรักคนนี้ก็พูดไปอีกเรื่องได้อย่างหน้าตาเฉย
...ท่าทางอ่อนโยน
รอยยิ้มอ่อนหวาน คำพูดน่าฟัง แต่ดวงตาสวยนั้นกลับดำมืดน่าหวาดกลัว...
ช้อนข้าวจ่อเข้าริมฝีปากอิ่มแตกเป็นขุยเม้มแน่น
เปลือกตาช้ำปิดส่ายหน้าปฏิเสธ กระเถิบตัวเองชิดกำแพง โซ่ที่ข้อเท้าส่งเสียงกริกๆไปตามการขยับตัว
สองแขนกอดตัวเองสะอื้นกลัวจนตัวโยน มาร์คนิ่งไป ดวงตาสวยวาบวูบ โยนช้อนลงบนพื้น
กระชากแขนขาวซีดขึ้น แจ็คสันผู้อ่อนแอจากการโดนทรมานกักขังมานานหลายวันลุกขึ้นตามแรงฉุด
สองขาไม่สามารถพยุงกายได้ทรุดฮวบลงแต่มาร์คที่รู้อยู่แล้วก็ตวัดตัวขึ้นอุ้มได้ทัน
“ฮื้อ!!!”
“นายคงยังไม่หิวข้าวสินะ
งั้นก็กินน้ำไปก่อนแล้วกัน”
แจ็คสันร้องในลำคอ
ดวงตาโตช้ำน้ำตาไหลพราก ส่ายศีรษะหวาดกลัว
ร่างไร้เรี่ยวแรงพยายามดิ้นสู้แต่ก็ไร้ผล ร่างไร้เรี่ยวแรงถูกโยนลงบนเตียงโครมใหญ่
เรียวขาทั้งสองถูกแยกออกอย่างง่ายดาย
มือขาวปิดหน้าร้องไห้ไม่อยากรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำๆกับตัวเองในช่วงวันที่ผ่านมา
ปากแดงช้ำกรีดร้องเจ็บปวดร้าว ต่อต้านอย่างสุดกำลังแต่ก็พ่ายแพ้ร่างผอมโปร่งบนตัว
ความแข็งร้อนถูกสอดแทรกเข้าช่องทางชอกช้ำจนสุด
ผนังเนื้อนุ่มโอบรัดขมิบตอดสิ่งแปลกปลอมในร่างอย่างซื่อสัตย์
ร่างทั้งร่างไหววูบโยกไปตามจังหวะกระแทกกระทั้นในกาย
ผิวขาวซีดเรื่อแดงขึ้นตามอารมณ์ที่ถูกปลุกเร้า กลิ่นหอมหวน เสียงแหบพร่า
และน้ำตาอาบแก้มใสปลุกสัญชาติญาณอันน่ากลัวของชายหนุ่มขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ย่ำยีร่างนั้นจนช้ำชอกทั้งร่างกายและจิตใจเสียจนไม่สมประดี
“ฮะ...ฮะ ฮะ”เสียงแหบพร่าหัวเราะขึ้นเบาๆในลำคอขาวที่มาร์คได้ยินเรียกความสนใจให้ขึ้นไปมอง
มือเรียวละจากหน้าอกนุ่ม จับใบหน้ากลมมนให้ขึ้นมาสบตาด้วย
นิ่งอึ้งชั่วครู่ก่อนจะเผยรอยยิ้มพึงพอใจอย่างถึงที่สุดออกมา
ดวงตาโตพร่าน้ำตาไร้ประกายนั่นสวยงามเหมือนท้องฟ้าสีดำในคืนไร้ดาว
งดงามเหลือเกิน...
แจ็คสันของเขาช่างงดงามเหลือเกิน...
ครางในลำคอส่งกายถามโถมแรงและหยาดน้ำแห่งรักเข้าชโลมเนื้อในของร่างนุ่มนิ่ม
แจ็คสันนอนนิ่ง เอียงใบหน้าเหม่อมองออกไปทางนอกหน้าต่างบานเล็กไม่วางตา
ริมฝีปากอิ่มค่อยๆเคลื่อนขยับยิ้มกับบางสิ่งที่มาร์คไม่สามารถเข้าไปสัมผัสถึงได้
มาร์คเอื้อมไปหยิบกล่องทิชชูหัวเตียงออกมาวางไว้ข้างตัว
ลูบเยื่อกระดาษนิ่มปาดเช็ดคราบสกปรกบนผิวขาว
อันที่จริงเขาก็ชอบผิวขาวราวกับหิมะของแจ็คสันนะ
แต่เขาจะรักมันมากกว่าเวลาที่ผิวขาวๆนี่เปรอะเปื้อนไปด้วยรอยแดงและรอยช้ำเลือด
จัดการทำความสะอาดร่างเล็กจนมั่นใจว่าเพียงพอ
ขึ้นคร่อมร่างขาวมอบจูบอ่อนโยนตามแบบฉบับไปให้ ถอนริมฝีปากเลียน้ำสีใส
จ้องดวงตากลมที่ไม่มีภาพของเขาปรากฏอยู่บนนั้น แจ็คสันยังคงยิ้ม...
ยิ้มที่ไม่ได้เกิดจากมาร์ค…
ยิ้มเพราะจิตใจที่บอบช้ำหนีไปในโลกที่ตัวเขาไม่สามารถวิ่งเข้าไปตามได้
...ถึงจะรู้ดี
แต่จะสนใจอะไร ในเมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการมาครอบครองแล้ว...
“เราได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ...ที่รัก”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น