[EREBUS] 15




~ 15 ~












          ...เกิดอะไรขึ้น...

หันไปมองทางใดก็เห็นเพียงวามมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง มีเพียงร่างเขาเท่านั้นที่ทอระกายแสงสีขาวอ่อนๆ  ร่างกายเบาโหวงราวกับกำลังลอยอยู่ในห้วงอวกาศ ฉับพลันทันใดพลังมหาศาลก็ฉุดร่างลงไปด้วยเร็วยิ่งกว่าการกระชากของรถไฟเหาะ แจ็คสันหายใจไม่ออก อึดอัดเหมือนกำลังจะจมน้ำ สองแขนปัดป่ายไปตามสัญชาติญาณการเอาชีวิตรอด แต่เพียงไม่นานความทรมานก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น

ตาที่ปิดอยู่เปิดขึ้นมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างนึกฉงน

...ที่นี่ที่ไหน?...

ดินแดนที่ตกอยู่ภายใต้หมอกควันสีขาวนี่คือที่ใด?

ก้มมองเท้าเปล่าที่เหยียบอยู่บนพื้นอิฐทรายสีอ่อน เงยหน้ามองอีกทีก็พบว่าหมอกจางหายไปแล้ว เหลือเพียงภาพความสวยงามของสิ่งที่อาจเรียกได้ว่าสรวงสวรรค์ ภาพเมืองและสิ่งก่อสร้างสีขาวทรงชะลูดสูงที่ไกลออกไปเหนือภูเขาและม่านเมฆสวยงามจนหาที่ติไม่ได้ แสงอาทิตย์ส่องเจิดจ้าเหนือพื้นที่แห่งนี้แต่กลับไม่รู้สึกร้อนหรือระคายตาสักนิด ต้นไม้ใบหญ้าสองข้างทางเป็นสีขาวนวลตา มองไปทางไหนก็เห็นแต่สีขาวนวลตาราวกับปกคลุมไปด้วยหิมะแต่อากาศกลับอบอุ่นเย็นสบาย แม้ไม่ต้องบอก ก็รู้ว่าที่นี่คือแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ผิดแน่...

“ลูซิเฟอร์ รอข้าด้วย!!!”เสียงโหวกเหวกดังทำลายบรรยากาศเงียบสงบดังมาจากอีกฟากของถนน ชื่อคุ้นหูเรียกให้แจ็คสันรีบวิ่งไปดู ตาโตเบิกกว้างมองภาพชายหนุ่มหญิงสาวตรงหน้าด้วยความตกตะลึง

“นั่นมัน...”

ร่างสูงสง่าของลูซิเฟอร์ในชุดสีขาวทั้งชุดก้าวเดินเร็วๆเพิ่มระยะห่างจากเจ้าของเสียงร้อง ใบหน้าหล่อเหลายิ้มมุมปากเหลือบไปมองคนด้านหลังอย่างขี้เล่น

“ใครให้เจ้าเกิดมาขาสั้นกันล่ะ อนาตตาเซีย

“ย่า!!! ท่านว่าใครเตี้ยน่ะ!!!”หญิงสาวด้านหลังรีบวิ่งฉิวตามมา ใบหน้าน่ารักงอง้ำ ตาโตๆ จมูกรั้น ริมฝีปากอิ่มสีแดง องค์ประกอบหน้าคุ้นตาจนแจ็คสันเองยังตกใจ... ก็ใบหน้านั้นเขาเห็นมาทั้งชีวิต

...ตัวเขาเอง...

เพียงแต่หญิงสาวตรงหน้าดูเป็นผู้ใหญ่และละมุนตาตามแบบผู้หญิงมากกว่า ร่างเล็กสะดุ้งวาบเมื่อดวงตาสวยของชายหนุ่มเปรยมองมา ลุกลี้ลุกลนรีบวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ กลัวว่ามาร์คจะมองเห็นตนเอง แต่แปลกที่ทั้งสองกลับเดินผ่านไปราวกับไม่เห็นเขาในสายตา...

...หรือจะไม่เห็นจริงๆนะ?...

มือที่แตะลงบนต้นไม้ผ่านเลยไป ก้มมองดูก็พบว่าร่างตนเองกำลังโปร่งแสงคล้ายภาพมโนวิญญาณในความคิด แปลกที่แจ็คสันไม่ได้รู้สึกตื่นกลัวอย่างที่ควรเป็น จิตใจสงบมากเกินกว่าจะฟุ้งซ่าน

ลองหยุดใคร่ครวญแล้วนี่นี่น่าจะเป็นสวรรค์ไม่ผิดแน่ และลูซิเฟอร์ในตอนนี้ก็ยังไม่ตกสวรรค์ ไม่แน่ตอนนี้แจ็คสันกำลังอยู่ในความทรงจำของใครสักคนหนึ่งก็เป็นได้

เลิกหลบๆซ่อนๆแล้วเดินตามหลังสองคนนั้นอย่างเปิดเผย อนาตตาเซียที่แจ็คสันฝันถึงบ่อยๆที่แท้คือหญิงสาวตรงหน้าเขานี่เอง มองจากท่าทางที่สนิทสนมแนบชิดแบบนั้นน่าจะเป็นคนรักของมาร์คไม่ผิดแน่

...คนรักเหรอ?...

“ข้ารักเจ้า”

เหมือนมีเสียงเอฟเฟคสะท้อนไปมาในหัวสร้างอาการเห่อร้อนบนใบหน้า มือกุมแก้มก้มหน้านั่งลงกับพื้นระงับความเขินอายที่จู่ๆเกิดขึ้นจนมวนท้องไปหมด กำลังจะลุกขึ้นเดินตามสองคนนั้นไปบรรยากาศรอบข้างก็เปลี่ยนไปอีก คราวนี้กลายเป็นลานอิฐกว้าง เสียงโลหะกระทบกันเคร้งคร้างดังเข้ามาในระยะประชิด ลมบางๆปะทะต้นคอกระตุ้นสัญชาติญาณให้ก้มหลบ แม้รู้ว่าไม่มีผลกระทบใดๆกับตนเองก็ตาม

เคร้ง!!!

“ข้าชนะ!

หญิงสาวหอบจนแทบหายใจไม่ทันจ่อดาบบางใกล้ลำคอของชายร่างสูงที่แย้มยิ้มบางๆราวกับตนเองไม่ได้แพ้ เสียงโลหะปะทะดังมาอีกรอบ คราวนี้หญิงสาวเสียหลักจะล้มลงไป แต่มือแกร่งกระชากเอวบางให้เข้ามาแนบชิดเสียก่อน มันรวดเร็วเสียจนแจ็คสันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“ข้าต่างหาก...”

ลูซิเฟอร์ยแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ให้หญิงสาวที่ขมวดคิ้วทำหน้าฮึดฮัด ดิ้นตัวหลุดออกจากวงแขนแกร่ง ก้มลงจับดาบของตัวเองขึ้นมาใหม่

“ข้าไม่ยอมหรอก มาสู้กันอีก!

ทันใดนั้นภาพด้านหน้าก็เกิดบิดเบี้ยวขึ้นอีกครั้ง คราวนี้สิ่งที่เขาสัมผัสได้อย่างแรกกลับเป็นกลิ่นควัน ความรู้ศึกโศกเศร้าโจมตีใจเขาให้ขาอ่อนระทวยลงไปกับพื้น เสียงสะอื้นไห้ราวกับกำลังจะขาดใจของชายหนุ่มดังสะท้อนไปมาในวิหารที่โดนทำลายเสียจนย่อยยับ ต้นไม้และสิ่งของด้านนอกถูกไฟสีฟ้าแผดเผากลายเป็นเถ้าธุลีสีดำกระจายปลิวฟุ้งไปกับสายลมแรงกรรโชก

แจ็คสันหรี่ตามองร่างทั้งสองที่ปรากฏเลือนรางอยู่กลางซากปรักหักพังของวิหาร ร่างโชกเลือกของอนาตตาเซียอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มที่กำลังโอดครวญร่ำไห้ดูอ่อนแอจนแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือลูซิเฟอร์ผู้แข็งแกร่ง แม้แต่ไหล่ที่เคยตั้งตรงสง่าก็ทรุดห่อลงด้วยความอาลัยจากการจากไปของคนรัก

ดวงตาสีม่วงปิดลงแน่น มือแกร่งจับด้ามดาบใหญ่ที่ปักคาร่างหญิงสาวไว้มั่น

“ข้าจะไม่ยอม...ครั้งนี้ข้าจะไม่ยอม...”เสียงทุ้มสั่นพร่าพึมพำวนไปมา

“มันตนใดที่ทำร้ายคนที่ข้ารัก มันต้องตายตามกัน!!!

เสียงร้องคำรามก้องแม้แต่ร่างโปร่งใสของแจ็คสันยังรับรู้ได้ถึงการสั่นสะเทือน แสงสีขาวส่องประกายวูบวาบจากร่างสูง ร่างของอนาตาเซียค่อยๆสลายหายไปทันทีที่ดาบยักษ์ถูกมือแกร่งดึงกระชากออกไป ดวงไฟสีขาวบริสุทธ์ลอยวูบไหวอยู่ต่อหน้าชายหนุ่มที่กำลังจะเปลี่ยนสวรรค์ให้เป็นนรกแห่งสงคราม ลูซิเฟอร์ยื่นมือไปรับดวงไฟดวงน้อยเข้ามาไว้ในตัว หลับตาลงรมรวมพลังยืนหยัดขึ้นอีกครั้งพร้อมดาบเปื้อนเลือดในมือ

“ข้าในนามของเทพเซราฟิม ลูซิเฟอร์ ขอประกาศสงครามต่อสวรรค์ แม้นข้าไม่ดับดิ้นก็ต้องเป็นเจ้าที่ต้องสลายไปแน่ มิคาเอล!!!

ดั่งเป็นสัญญาณตอบรับถึงคำท้ารบ พลันท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้าก็แปรเปลี่ยนกลายเป็นสีเลือดแดงก่ำ ทั่วทุกที่กลับมืดมัวลงเพราะเทพที่นำแสงสว่างอย่างลูซิเฟอร์นั้นกำลังทำการกบฏต่อสวรรค์ ลมกระโชกแรงยิ่งขึ้นจนกลายเป็นพายุพัดพาไฟแห่งความพิโรจน์กระจายไปทั่วทุกแดนดิน

แจ็คสันเงยหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าก็เห็นปีกสีขาวหลายคู่บินวนเวียนถลาอยู่บนฟ้าไกลๆ เสียงการต่อสู้ดังอึกทึกไปมาไม่แพ้กับการต่อสู้บนผืนดิน เจ้าของปีกหลายคู่ถูกปลิดชีพหลุดร่วงลงไปจากอากาศไม่ต่างจากฝนในยามหน้าหนาวเลยสักนิด

แจ็คสันสะดุ้งสุดตัวเมื่อหันมาเห็นร่างสูงของกบฏสวรรค์ยืนอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด แต่ดวงตาสีม่วงประกายกล้านั้นไม่ได้มองเขาเลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากสวยพึมพำอะไรบางอย่างที่แจ็คสันก็ไม่อาจเข้าใจ เสียงสะบัดปีกดังไปก้องทั่ววิหาร ปีสีขาวสามคู่ใหญ่ยักษ์โอบคลุมทั่วทั้งวิหารปรากฏต่อสายตา ความสวยงามของมันตราตรึงสายตาไม่ให้ละไปไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ปีกใหญ่ทั้งหกสะบัดพาร่างสูงสง่าพุ่งขึ้นหาสนามรบบนอากาศพร้อมเสียงคำรามลั่นฟ้า

จากนั้นภาพทั้งหมดก็ดับวูบ แจ็คสันกลับมาอยู่ในความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุดอีกครั้ง

“แจ็คสัน...”เสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นมาจากด้านหลัง ตกใจรีบหันขวับไปมอง ร่างงดงามของหญิงสาวนามอนาตตาเซียยืนยิ้มน่ารักอยู่ด้านหลัง ปีกสีขาวสองคู่หุบอยู่ด้านหลัง ร่างของเธอส่องกระกายสีขาวสว่างดูงดงามสูงส่งจนไม่กล้าจับต้อง แต่ดวงตากลมนั้นกลับมีประกายหมองเศร้ายิ่งนัก

“คุณ...อนาตตาเซีย?”

“รู้แล้วนี่นา ต้องถามอีกด้วยเหรอ?”

...อนาตตาเซียคือแจ็คสัน และแจ็คสันก็คืออนาตตาเซีย

...ทั้งสองรับรู้ได้ด้วยจิตวิญญาณดวงเดียวกัน...

“แล้วก็นะ...”หญิงสาวยิ้มบางๆ เดินเนิบนาบเข้ามากุมใบหน้าที่แม้เป็นชายแต่ก็มีเค้าโครงน่าเอ็นดูไม่แพ้กันพลางจดจ้องพิจารณา “ทั้งโลกนี้และโลกหน้าไม่มีอนาตตาเซียอีกแล้วล่ะ”

“หมายความว่ายังไง?”

“อนาตตาเซียตายไปตั้งแต่สงครามกบฏครั้งนั้นแล้ว...ส่วนตอนนี้...”หญิงสาวเว้นวรรค เลื่อนนิ้วมาจิ้มอกแบนราบเบาๆ “มีเพียงแจ็คสัน หวัง"

“แต่มาร์ครักคุณนะ ถ้าไม่กลับไป...”

“มาร์คไม่ได้รักข้าแล้ว...”หญิงสาวเอ่ยขัดยิ้มๆ กุมมือเล็กของร่างที่กำลังร้อนรนดูน่าเอ็นดูไว้แน่น

“มาร์ครักเจ้า...ไม่ได้ยินที่เขาพูดก่อนจะเข้ามานนี้รึไง”

“แต่นั่นอาจหมายถึงคุณ”

“มาร์คหมายถึงเรา”หญิงสาวแก้ “และตอนนี้ เหลือแค่เจ้า...เพราะฉะนั้นมาร์คจึงรักเจ้า มิใช่ข้า”

“คุณก็ยังอยู่นี่นา อยู่ในนี้”แจ็คสันไม่รู้จะเรียกที่แห่งนี้ว่าอะไรดี

“ไม่มีแล้วล่ะ ที่เจ้าเห็นตอนนี้คือเค้าลางความทรงจำของอนาตตาเซียและตอนนี้มันกำลังจะส่งมอบให้เจ้า พื้นที่ตรงนี้ก็จะหายไปตลอดกาล ไม่มีอีกแล้วนางฟ้าที่ชื่ออนาตตาเซีย จะเหลือเพียงแจ็คสันหวังผู้เป็นแก่นวิญญาณที่แท้จริง”

“ผมไม่เข้าใจ”แจ็คสันส่ายหน้า เขากำลังสับสน แต่หญิงสาวกลับเพียงแย้มยิ้มกว้าง มือบอบบางลูบเส้นผมนิ่มมือเบาๆ

“แล้วเจ้าจะเข้าใจ...กลับไปได้แล้วล่ะ มีคนกำลังรอเจ้าอยู่”

“ใคร?”ตากลมเงยหน้าสบดวงตาสีฟ้าใสสวยงาม สวยเหมือนท้องฟ้าในวันอากาศแจ่มใส เพียงแค่มองก็สามารถกระปรี้กระเปร่าได้ทันที

ร่างของหญิงสาวตรงหน้ากำลังเลือนรางลง กลายเป็นร่างเขาที่กำลังมีสีสันเป็นเนื้อจริง แจ็คสันตกใจจนเผลอบีบมือบอบบางแน่น มองใบหน้างดงามที่กำลังแย้มยิ้มสุขใจเป็นครั้งสุดท้ายตื่นๆ

“ผู้เป็นเจ้าดวงใจ...คนที่เจ้ารักยังไงล่ะ”

สัมผัสที่มือเบาบางลงจนกระทั่งหายไป อนาตตาเซียหายไปแล้ว... กลายเป็นดวงไฟสีขาวบริสุทธิ์ที่ส่องประกายให้ความอบอุ่นตรงหน้าเขาแทน ดวงไฟดวงเล็กค่อยๆก่อตัวขยายขนาดขึ้นจนมันคลอบคลุมร่างเขาไปจนสิ้น




และในชั่ววินาทีที่กำลังจะหลับตา เขาก็ได้ยินเสียงเรียกคุ้นหูอยู่ไกลๆ...




“แจ็คสัน...”
.
.
.
...กำลังจะกลับไปหานะ มาร์ค...





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*