[SF] Unlovely? [MAKSON]
TITLE:
Unlovely?
COUPLE:
MARK x JACKSON [MarkSon]
RATE:
PG-15
WORD:
2,964
BY:
Silverfeather29 /@silverfeather29/
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Unlovely?
“มาร์คคค”
ร่างสูงที่กำลังยืนพิงกำแพงสวนสาธารณะถอดหูฟังออกมองคนตัวเตี้ยที่วิ่งหอบสเก็ตบอร์ดลายเท่เข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้มกว้าง
เสื้อสีดำตัวโคร่งเข้าคู่กับกางเกงตัวโต สร้อยและเครื่องประดับสไตล์ฮิปพอพเก๋ๆ
บ่งบอกรสนิยมของเจ้าตัวได้โดยไม่ต้องเอ่ยปากถาม
มาร์คยื่นมือไปปัดหน้าม้าสีน้ำตาลนุ่มที่โผล่ออกมาจากใต้หมวกสเน็ปแบ็คสีดำของคนตัวเล็กกว่าเบาๆ
ยิ้มบางเมื่อสังเกตเห็นแก้มกลมแดงระเรื่อที่นูนขึ้นเป็นก้อนเพราะเจ้าตัวกำลังกลั้นยิ้มเขิน
“ไม่ไปเล่นด้วยกันจริงเหรอ?
สนุกน้า”แจ็คสันใช้มือที่ว่างกอดไหล่ผอมแข็งของอีกคน พยักพเยิดหน้าไปทางลานเล่นเสก็ตบอร์ดขนาดใหญ่ของสวนสาธารณะที่มีเด็กวัยรุ่นผู้ชายจับกลุ่มเล่นกันอยู่แถวนั้นสองสามคน
มาร์คหันไปมองคร่าวๆก็ไม่เห็นเพื่อนของคนข้างกายสักคน
“ไม่มีเพื่อนก็บอก
จะได้กลับ”บอกเสียงเรียบ ทำเอาคนตัวเล็กอมลมค้อนขวับ
“ไม่เอาโว้ยย
อุตส่าห์ว่างได้ออกมาทั้งที เล่นเป็นเพื่อนหน่อย เร็วดิ”เอ่ยเร่งเป็นเชิงบังคับ
ดึงมือร่างสูงให้เดินตามมา มาร์คถอนหายใจยุดยื้อไม่ยอมไปด้วย
“แจ็คสัน
อย่าดื้อ”ดุอีกคนเบาๆ ผลคือแก้มป่องที่พองขึ้นกว่าเดิม
ปล่อยมือมากอดสเก็ตบอร์ดหน้ายุ่ง
“ตามใจหน่อยไม่ได้รึไงเล่า”
“ตามใจจนเคยตัวแล้วต่างหาก”ดีดบนหน้าผากมนเบาๆพอให้หายหมั่นเขี้ยวแล้วเดินหนีไปนั่งฟังเพลงใต้ร่มไม้แถวนั้น
แจ็คสันขมวดคิ้วไม่พอใจ เดินวนไปมาแถวนั้น สักพักก็เอาสเก็ตบอร์ดมาไถเล่นสั้นๆแล้วก็หยุด
ตากลมมองมาร์คเป็นระยะๆกลัวอีกคนจะทิ้งไว้ที่นี่คนเดียว
คนขี้เหงาก็ยังเป็นคนขี้เหงาวันยังค่ำ ที่จริงมาร์คก็อยากจะใจอ่อนไปเล่นด้วยอยู่หรอก...
ถ้าจากนั้นไม่นานเพื่อนแจ็คสันก็มา
แล้วเฮโลไปเล่นไม่สนใจเขาเหมือนเดิมน่ะนะ -*-
...เด็กเอ๊ย!...
นั่งฟังเพลงไถมือถือเล่นไปสักพักก็ต้องถึงคราวสะดุ้งจากความเย็นวาบข้างแก้ม
กระป๋องน้ำอัดลมสีแดงยี่ห้อดังบังทัศนียภาพรอบข้างไว้ชั่วขณะ หูได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังดังขึ้นมาในระยะประชิด
มาร์คแย่งกระป๋องน้ำอัดลมมาถือไว้ มองเจ้าเด็กฮิพพอพที่กำลังยิ้มร่าเพราะแกล้งเขาได้สำเร็จ
ใบหน้าชุ่มเหงื่อแดงระเรื่อจากการออกกำลังกาย ตาโตกลมวาวพราวระริกร่าเริง ริมฝีปากอิ่มสีสวยแย้มยิ้มกว้างขวางพาให้คนมองอดยิ้มตามไม่ได้
“เล่นเหนื่อยอ่ะ
หิวอ่ะ”
“อ้วน”
คำสั้นๆที่ทำเอาคนโดนกล่าวหาหุบยิ้ม
ขมวดคิ้วฉับ
“ใครอ้วนวะ!”
“ฮยองกำลังพูดกับใครล่ะ”
“ย่า!!! มาร์ค!”
ไม่ทันที่แจ็คสันจะเริ่มวางมวยกับคนเป็นพี่
เสียงน่ารักสดใจก็ดังแทรกทั้งสองคนขึ้นมาก่อน
“มาร์คฮยองงง~ แจ็คสันฮยองงง~ สวัสดีครับ”
ร่างบางสูงของเด็กหนุ่มชาวไทยวิ่งเข้ามาหาพวกเขาด้วยท่าทางร่าเริงสดใส
ใบหน้าน่ารักแย้มยิ้มตาหยี พุ่งตรงมากอดแจ็คสันที่ยืนอยู่
ก่อนจะหันไปกอดพี่ชายตัวสูงที่ยืดขึ้นต้อนรับ
“มายังไงล่ะเนี่ย?
ไม่ใช่ว่ายูคยอมพากลับไปเยี่ยมบ้านที่ไทยเหรอ?”
“เพิ่งกลับมานี่แหละครับ
กำลังรอยูมารับ ผมก็เห็นพวกพี่พอดี ไม่ได้เจอกันตั้งนาน
คืบหน้าไปบ้างรึเปล่าล่ะครับ?”เจ้าเด็กน้อยไทยแลนด์กระเซ้าถามพี่ชายทั้งสองคนด้วยดวงตาพราวระยับ
หัวเราะคิกทันทีที่เห็นว่าแก้มของพี่ชายชาวฮ่องกงขั้นสีระเรื่อ
พร้อมคำโวยวายที่ดังมาในทันที
“ค..คืบหน้าบ้าอะไรล่ะ! ... ม... ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“แล้วนี่ยูมันยอมให้อยู่คนเดียวด้วยรึไง?
ปกติเห็นหวงจะตายนี่”มาร์คหันมาถามแบมแบม
ไม่ได้สนใจคนตัวเตี้ยที่กำลังเขินฟึดฟัดอยู่ข้างๆ
“มาร์คฮยองอย่าแซวสิครับ
ยูไปเอารถน่ะ”แบมแบมยิ้มเขินๆ ท่าทางน่ารักจนมาร์คอดยื่นมือไปขยี้ผมนุ่มไม่ได้
“น่ารักแบบนี้ยูมันถึงไม่กล้าให้อยู่คนเดียวสินะ”
“ก็บอกว่าอย่าแซวไง
พี่มาร์คอ่า~~”พองแก้มจนป่องเขินตัวจะแตกอยู่แล้ว
มาร์คหัวเราะในลำคอจ้องมองน้องรักที่ยิ้มตาหยี แจ็คสันที่มองอยู่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน
รีบแทรกตัวมาดึงแบมแบมไปกอดไว้
“อย่าคุยแต่กับมาร์คสิ
ฮยองก็อยู่นี่นะ ลืมฮยองแล้วรึไง”
“ไม่ลืมสักหน่อยน้า~”แบมแบมหัวเราะพลางกอดตัวพี่ชายที่สูงน้อยกว่าอ้อนๆ
“แจ็คสัน
อย่ากอดน้องแรงสิ ช้ำขึ้นมาเจ้ายูตีนายแน่ๆ”
“มาร์คฮยองงง
ก็บอกว่าอย่าแซวงายยยย”ผละตัวออกจากพี่ชายชาวฮ่องกง หันมาค้อนแสนงอนกับพี่ชายเชื้อสายไต้หวันสัญชาติอเมริกัน
ไม่นานยูคยอมก็เดินมารับแฟนตัวเองกลับบ้านไป
มาร์คยืนยิ้มโบกมือลาทั้งสองคน
ดีใจที่ได้เจอและได้รู้ว่าน้องรักทั้งสองยังมีความสุขดี
หันมามองเด็กข้างกายก็ต้องขมวดคิ้วงงๆ
...เขาไม่ได้ตาฝาดที่เห็นตาดุๆนั่นใช่ไหม?...
“กลับเหอะ”แจ็คสันก้มตัวเก็บสเก็ตบอร์ดขึ้นไม่มองหน้าคนเป็นพี่
“ไม่เล่นต่อแล้วเหรอ?
ไหนบอกว่าอยากเล่นไง”
“ไม่อยากเล่นแล้ว”เสียงแหบตอบห้วนๆ
เดินนำหน้าเขาออกไปจากสวนสาธารณะ มาร์คเดินตามมาไม่ได้พูดอะไร มองเด็กข้างกายที่ปกติจะพูดเจื้อยแจ้วน้ำไหลไฟดับ
แต่วันนี้เงียบจนผิดปกติ แอบเกาหัวตัวเองเพราะไม่รู้ว่าคนตัวกลมเป็นอะไรอีก
“หิวไม่ใช่เหรอ?
แวะกินร้านไก่ทอดข้างหน้าไหม?”ชวนพูดขัดบรรยากาศอึมครึมที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา
แจ็คสันส่ายหน้า
“ไม่หิวแล้ว
กลับไปกินมาม่าที่บ้านก็ได้”
“ไหนว่าวันนี้จะไปนอนห้องฮยองไง?
อีกอย่างมาม่ามันมีแต่แป้ง อยากอ้วนกว่านี้อีกเหรออ้วน”
“บอกว่าไม่ได้อ้วนไง!”กระชากเสียงหงุดหงิด ตาโตดุตวัดมองมา มาร์คชะงักมองด้วยความไม่เข้าใจ
แจ็คสันเม้มปากแน่น รีบจ้ำเท้าเดินห่างออกไป ไม่กี่เมตรก็จะถึงรั้วบ้านแจ็คสันแล้ว
มาร์ครีบวิ่งตามไปจับแขนขาวเอาไว้ พยายามจะจับคนตัวกลมมาคุยกันให้รู้เรื่อง
“เป็นอะไรอีกอ้วน”
“มาร์คแม่ง!”แจ็คสันสะบัดตัวผลักอกคนตัวสูงออกอย่างแรง รีบวิ่งเข้าไปในบ้าน
ปล่อยให้คนโดนผลักยืนมองตามร่างเล็กนั้นอึ้งๆ
...เมื่อกี้แจ็คสันร้องไห้?...
มาร์คเดินกลับไปขี่รถกลับห้องตัวเอง
เพราะลองแจ็คสันออกอาการชัดเจนแบบนี้ คงโกรธหรืงอนเขามากจนง้อไม่ได้ง่ายๆแน่
ต้องให้อารมณ์เจ้าตัวเย็นกว่านี้ก่อนถึงจะพูดกันได้
...แต่มาร์คยังไม่รู้เลยว่าโดนโกรธเรื่องอะไร?...
ล้มตัวลงบนที่นอนพลางทอดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายถึงคนตัวเล็ก ได้ฟังเสียงสัญญาณเพียงสามครั้งสายก็โดนตัดไปตามคาด
เปลี่ยนมากดเปิดแอพสีเขียว เข้ารายชื่อที่อยู่บนสุด พิมพ์ข้อความสั้นๆลงไป
MARK :
โกรธฮยองเหรอ?
โกรธเรื่องอะไรบอกได้ไหมครับ?
เจียเอ่อ...
จดจ้องหน้าจออยู่สักพักก็ปรากฏตัวอักษรว่า
READ
ขึ้นมาใต้ข้อความ แต่กลับไม่มีข้อความใดๆส่งกลับมาจากเจ้าของรูปอวตารสุด
SWAG แนวขาวดำ รอจนเหนื่อยแล้วถอนหายใจออกมาอีกรอบ
วางโทรศัพท์ลงลุกไปอาบน้ำ
...พรุ่งนี้ค่อยไปง้อแล้วกัน...
“แล้วไง?
แจ็คสันไม่ยอมเจอนายแล้วสามวัน?”เจบีทวนเหตุการณ์หนักใจที่มาร์คต้วนคนหล่อบ้านรวยถึงกับหอบมาปรึกษาเขาที่ร้านกาแฟเจ้าประจำแบบนี้
มาร์คส่งสายตาไปให้เพื่อนสนิทที่จงใจย้ำเรื่องหนักใจของเขาดุๆ
ยกแก้วคาปูชิโน่ร้อนขึ้นมาจิบคั่นการสนทนา
แจ็คสันไม่ยอมเจอหน้าเขาตั้งสามวัน
ทักไลน์ไปก็ไม่ตอบ โทรไปก็ไม่รับ ไปดักเจออยู่หน้าบ้านก็ไม่เห็น
นี่แทบจะเหลืออยู่ทางเดียวคือการงัดบ้าน
แต่ก็กลัวว่าจะโดนตำรวจสอยไปก่อนเจอเจ้าลูกหมาน้อยแสนงอนเลยต้องพับโครงการเก็บไปก่อน
“แล้วนายไปทำอะไรให้มันโกรธวะ?”
“ไม่รู้”
“ถ้าไม่มีจะไปโกรธกันได้ไง
มันต้องมีสิ...”เจบีทำท่าคิด “เอางี้ เล่าเรื่องวันนั้นให้ฟังตั้งแต่ต้นดิ
ห้ามข้ามนะเว้ย”
“ตอนเช้าแจ็คสันอยากไปเล่นสเก็ตบอร์ดที่สวน
ฉันก็เลยพาไป พอไปถึง เพื่อนหมอนั่นยังไม่มาก็เลยชวนฉันไปเล่น แต่ฉันไม่ไป...”
“แล้วท่าทางแจ็คสันตอนนั้นล่ะ?”
“ก็ไม่พอใจ
แต่พอเพื่อนมาก็ไปเล่นกันต่อนะ”
“อืม...งั้นคงไม่ใช่”เจบีสายหน้าค้ำคางฟังเพื่อนต่อ
“แจ็คสันซื้อโค้กมาให้
ก็แซวหมอนั่นตามปกติ แล้วแบมแบมก็เดินมา”
“แบมแบม
เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่า...”จู่เจบีก็ทำท่าคิดได้
“คาราเมลลาเต้เย็นแก้วนึงคร๊าบบ”เสียงแหบสดใสสั่งกาแฟหน้าเคาท์เตอร์เปลี่ยนความสนใจของมาร์คให้หันไปหาเจ้าของเสียงคุ้นหู
ทันทีที่เห็นร่างเล็กเขาก็รีบลุกขึ้นยืน แจ็คสันที่หันมาเห็นพอดีเบิกตากว้างตกใจหันหลังรีบเดินหนี
แต่ไม่ทันมาร์คที่รีบยึดข้อมือแข็งนั้นไว้
“พี่ครับ
ขอกาแฟของน้องคนนี้เร็วๆหน่อยนะครับ
แล้วก็ช่วยเก็บเงินโต๊ะสามกับคนที่นั่งอยู่นั่นด้วยนะครับ”
บอกพนักงานหน้าร้านที่พยักหน้าตามงงๆ
ไม่สนใจเสียงร้องเฮ้ยของเจบีที่จู่ๆก็ (โดนบังคับ) ให้เป็นคนเลี้ยง มือก็พยายามยื้อยึดข้อมือขาวที่บิดไปมา
ตาดุและปากยื่นงอนที่ไม่ได้เห็นมาหลายวันก็ยังน่ามองเหมือนเดิม
“ผมไม่เอาแล้ว
ผมจะกลับบ้าน”
ประโยคเอาแต่ใจถูกเอ่ยขึ้นจากคนที่มาร์คลงความเห็นว่าเอาใจยากอย่างแจ็คสันหวังที่แบะปากเกี่ยงงอนอยู่ตอนนี้
แต่ถึงจะเอาแต่ใจยังไงมาร์คก็ยังคงอดทนให้พนักงานเอากาแฟมาให้
จ่ายเงินส่วนที่เป็นของแจ็คสัน (ของตัวเองให้เจบีเลี้ยง)
แล้วบังคับลากคนตัวกลมออกมาจากร้าน
“บอกฮยองได้รึยังว่าโกรธอะไร?”
เอ่ยถามกับอีกคนขณะบังคับรถให้แล่นไปตามถนนเพื่อมุ่งหน้าไปคอนโดตัวเอง
เหลือบมองเด็กดื้อข้างกายที่ยกกาแฟขึ้นดื่มมองนกมองไม้ด้านนอกไม่สนใจคำถามของเขา
“ถ้าไม่บอกฮยองก็ไม่รู้หรอกนะ”
“ก็ไม่ต้องรู้ก็ไม่ต้องพูด
แค่นั้นจบ”แจ็คสันเหวี่ยงขึ้นมาอีกรอบ
มือขาวหยิบหูฟังขึ้นมาอุดหูเปิดเพลงเสียงดังขนาดว่ามาร์คยังได้ยิน
เอนตัวลงพิงเบาะเลี่ยงใบหน้าออกไปทางประตู ปิดตัวเองโดยสมบูรณ์แบบ มาร์คถอนหายใจเฮือกหนักอก
...จะจบได้ยังไง
ในเมื่อยังงอนกันอย่างนี้น่ะ...
แวะซื้อไก่ทอดชุดใหญ่เผื่อว่าคนตัวกลมจะหิวขึ้นมาก่อนกลับคอนโด
ทันทีที่มาร์คแตะเบรคปลดล็อกประตู แจ็คสันก็เปิดก้าวออกไปยืนพิงรถทำท่าจะไม่ยอมขึ้นห้องไปด้วย
“ขึ้นห้องก่อนเถอะ”
“...”
“เจียเอ่อ
อย่าดื้อน่า ขึ้นห้องก่อน”
มาร์คที่ไม่รู้จะทำยังไงเอ่ยขอร้อง
เขาไม่เคยเผชิญกับแจ็คสันโหมดดื้อเงียบแบบนี้มาก่อนเลยทำตัวไม่ค่อยถูก ปกติก็มีแต่โหวกเหวกตามประสาเด็กขี้โวยวาย
ง้อหน่อยก็หายแล้วแท้ๆ
“ไม่ได้ดื้อสักหน่อย...”น้ำเสียงสั่นเครือน่าใจหายเป็นสัญญาณว่ามาร์คควรจะทำอะไรสักอย่างก่อนที่แจ็คสันจะเริ่มร้องไห้
รั้งตัวอีกคนเข้ามาไว้ในอ้อมแขน กดหัวกลมใต้สเน็บแบคสีขาวแนบอก
โยกตัวไปมาเหมือนกำลังปลอบเด็กเล็กๆ
“ไม่ว่าฮยองจะทำอะไรผิด...ฮยองขอโทษ”
“ผมต่างหาก...”
มาร์คผละกอดออก
จูงมือเล็กให้เดินตามขึ้นไปบนห้อง ดีที่ห้องเขาไม่ได้อยู่ชั้นสูงมากนัก ทำให้บรรยากาศอึดอัดในลิฟท์ไม่ได้ยาวนานมากนัก
มือแกร่งล็อกข้อมือแจ็คสันเอาไว้ตลอด กลัวว่าอีกคนจะสะบัดมือวิ่งหนีไป
แตะคีย์การ์ดเปิดเข้าห้องของมาร์คที่วันนี้มีแขกประจำอย่างแจ็คสันกลับมาด้วย
ลากอีกคนให้ไปนั่งบนโซฟา
ในขณะที่ร่างสูงคุกเข่ากุมมือมองหน้าคนตัวเล็กอย่างต้องการจะหาคำตอบ
“บอกฮยองได้ไหมว่าโกรธอะไร?”
“ไม่ได้โกรธสักหน่อย”แจ็คสันอ้อมแอ้มตอบ
ไม่กล้าตอบเต็มเสียงเหมือนเคย นั่นทำให้มาร์คไม่สบายใจเลย
“ไม่โกรธแล้วหลบหน้าฮยองทำไม”
“...”
“เจียเอ่อ”เรียกชื่อจริงของอีกคน
จ้องมองเข้าไปในดวงตากลมนิ่ง “ไหนเคบบอกว่าเราจะไม่มีเรื่องปิดบังกันไง”
“...มันน่าอายออกนะ”แจ็คสันเกริ่นขึ้น
ตาโตหลุบลงไม่กล้าสบตากับมาร์ “ผมก็แค่มีความคิดงี่เง่าอย่าง...หึงฮยองกับแบมแบม”
“แบมแบมก็แค่น้อง”รีบปฏิเสธอย่างนึกกลัวใจคนตรงหน้า
แจ็คสันเป็นพวกคิดมากผิดลักษณะภายนอกที่ดูสดใสร่าเริง บางทีก็บ้าบอดูไร้สาระ
แต่อย่าให้มีเรื่องให้กังวลเชียว คนตัวเล็กตรงหน้าสามารถคิดมากได้เป็นวรรคเป็นเวร
แถมยังคิดแง่ลบกับตัวเองอีกต่างหาก
ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน
“แต่แบมแบมน่ารัก”แจ็คสันส่ายหน้า
“ฮยองก็ชมแบมแบมบ่อย แต่ผมไมใช่... ผมชอบแต่งตัวเท่ๆเถื่อนๆ เจาะหูใส่จิว
เล่นสเก็ตบอร์ด เล่นกีฬาหนักๆ เอาใจใครก็ไม่เป็น...เป็นเด็กดื้อ เด็กอ้วน
เด็กเตี้ย...ไม่น่ารักเลยสักนิด...”
“เพราะฮยองพูดใช่รึเปล่า?”
มาร์คลุกขึ้นมานั่งข้างๆ
โอบเอวอีกคนเข้ามาชิด ถือวิสาสะถอดสเนปแบ็คสีขาวออก ลูบเส้นผมนิ่มลื่นก่อนเลื่อนลงมากอบกุมใบหน้าเล็กให้หันไปสบตากับตัวเอง
หลุดหัวเราะเมื่อเห็นดวงตาโตหางตาตกๆนั่นคลอน้ำเพราะความน้อยใจ บรรจงใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกให้
พลางยกยิ้มเอ็นดู
“ฮยองพูดเพราะความเอ็นดู
ไม่ได้จะดุหรือบ่นอะไรสักหน่อย เด็กดื้อ เด็กเตี้ย เด็กอ้วนของฮยองน่ะ
เป็นคนที่น่ารักที่สุดในสายตาฮยองเลยนะ รู้ตัวรึเปล่า”
แก้มกลมขึ้นสีแดงเรื่อเขินกับสิ่งที่ได้ยิน
ถึงอย่างนั้นดวงตาโตก็จ้องสู้สายตาอบอุ่นที่ส่งมาให้อย่างเป็นนิสัย
“คนที่ฮยองชอบน่ะ
มีแต่แจ็คสันนะ อย่าคิดมากเลยนะครับ”
“อือ...”ตอบรับเสียงแผ่ว
“ผมก็ชอบฮยองเหมือนกัน ขอโทษที่ผมน่ารักเหมือนคนอื่นไม่ได้นะ”
“บอกว่าอย่าคิดมากไงเด็กดื้อ”อดดีดหน้าผากมนด้วยความหมั่นเขี้ยวไม่ได้
พูดยังไม่ถึงนาทีเลยแท้ๆ กลับลืมเสียแล้ว แจ็คสันส่งเสียงร้องโอ๊ยเบาๆ แบะปาก
ทำตาคว่ำงอนๆ
เออ...ทำหน้าน่ารักอีก
โกรธไม่ลงเลย...
บางทีมาร์คก็ไม่เข้าใจว่านี่แจ็คสันไม่รู้ตัวจริงๆเหรอว่าตัวเองน่ารักขนาดไหน
ถึงจะไม่ได้รูปร่างผอมเพรียวน่าปกป้อง
แต่แจ็คสันกลับมีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดคนรอบข้างให้เอ็นดูเจ้าตัวได้ชะงัด อาจจะเป็นดวงตาใสกลมเหมือนลูกหมาคู่นั้น
จมูกโด่งรั้น แก้มกลมน่าหยิก ปากสีสดที่มักจะแบะปากทำท่าหน้ารักโดยไม่ได้ตั้งใจนั้น
หรือทั้งหมดของแจ็คสันที่ทำให้มาร์คหลงรักแบบโงหัวไม่ขึ้น
“แจ็คสันที่เป็นแจ็คสันของฮยองน่ารักที่สุดแล้ว
อีกอย่าง...”เว้นวรรคยิ้มเจ้าเล่ห์ให้คนตัวกลมเริ่มขยับตัวหนีไม่ไว้วางใจ
แต่คนมือไวที่โอบตัวแจ็คสันเข้าไปชิด
“ใส่เสื้อแบบนี้ก็ลวนลามง่ายดี”
“เฮ้ย!”
ใบหน้าคมโน้มลงมาสูดดมลำคอขาว
มือเกี่ยวคอเสื้อกว้างให้เลื่อนไปคาบนไหล่มน กดจูบเบาๆบนไหล่กว้างที่เจ้าตัวเล็กของเขาแสนภาคภูมิใจ
เม้มปากไล้เลียผิวขาวให้แดงระเรื่อปรากฏเป็นรอยจูบหลายรอย
แจ็คสันดิ้นเร่าๆร้องโวยวายพยายามจะหลุดจากอ้อมกอดแสนอันตราย
แทบกัดลิ้นตัวเองตอนมาร์คเลื่อนตัวขึ้นมากระซิบข้างใบหูบาง
“ไม่ได้เจอกันตั้งสามวัน
คิดถึงจะแย่ ขอรวบยอดคืนนี้เลยแล้วกันนะ”
“ม...ไม่อยากน่ารักแล้วโว้ยยยย....อื้อ!”
.
.
.
...ไม่ทันแล้วล่ะตัวเล็ก...
~( ̄▽ ̄)~
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น