[OUR] 03


OUR BABY!
บทที่ 03






แจ็คสันกลับมาถึงบ้านตัวเองตอนนาฬิกาบอกเวลาสี่โมงเย็น ทั้งที่เลิกเรียนตั้งแต่เที่ยง เพราะกว่าจะปลอบจูเนียร์ พามันไปส่งบ้าน อยู่เป็นเพื่อนจนแน่ใจว่าจะไม่ทำอะไรบ้าๆแล้วถึงกล้าให้มันอยู่คนเดียว จูเนียร์บอกว่ามันโอเค แต่สีหน้ามันไม่โอเคตามคำพูดเลย ไอ้ผมจะไปค้างบ้านมันเลย มันก็ไม่ยอมจะเตะผมออกจากบ้านท่าเดียว สุดท้ายเลยต้องกลับบ้านมาทั้งที่ห่วงมันจะบ้า

...เห็นกล้ามขาเป็นมัดเตะต้นกล้วยขาดขนาดนั้น เพื่อนผมมันก็อ่อนไหวมากนะครับ...

เดินกลับขึ้นห้องด้วยใจที่ยังเป็นกังวล อยากจะช่วยเพื่อนให้มันสมหวังในเรื่องความรักนะ แต่เงื่อนไขมันทำเอาผมปวดหัวเลย ถ้าลองไม่คิดเรื่องลูกผมว่ามันกับพี่เจบีน่าจะไปกันได้ดีเลย ผมเคยบอกให้จูเนียร์ไปสารภาพรักกับเจบี แต่มันไม่กล้า กลัวนู่นกลัวนี่อยู่ได้ ไม่แน่ว่าถ้าจูเนียร์มันเข้มแข็งกว่านี้ ผมอาจจะยุมันให้ไปสารภาพรักอีกสักรอบ เผื่อฟลุ๊กได้แฮปปี้เอ็นดิ้งกัน

กลิ้งตัวไปมาบนเตียงเล็กจนผ้าห่มหมอนหล่นพื้นกระจัดกระจายถึงได้ลุกขึ้นมาไปส่องบ้านข้างๆที่ยังเปิดไฟเอาไว้อยู่ กลอกตาไปมาอย่างชั่งใจ ลุกเดินออกไปจากห้อง

“ม๊า ผมไปเล่นบ้านอาเฮียอี้เอินนะ”

“เออๆ ถ้ากลับดึกก็ไม่ต้องกลับนะ ค้างบ้านโน้นไปเลย”ม๊าตะโกนมาจากในครัว ผมขมวดคิ้วขวับแต่ไม่เอ่ยอะไรออกไป ไม่กล้าค้างหรอก กลัวได้ตกเป็นเมียพี่มันทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน ผิดผีตายเลย ˇ︿ˇ

เดินอ้อมรั้วไปเปิดประตูบ้านมาร์คถึงค่อยเห็นว่ารองเท้าคู่หนึ่งวางอยู่หน้าบ้าน อย่างมาร์คนี่มีคนคบหากับเขาด้วยเหรอ? เห็นวันๆอยู่แต่บ้านกับห้องทดลอง ในขณะที่ผมกำลังชั่งใจว่าจะเปิดเข้าไปเลยหรือจะรอให้แขกกลับก่อนแล้วค่อยกลับมา ประตูบ้านก็เปิดออกมาพอดี

“นั่นแหละ เอาเป็นว่าก็คิดๆดูนะ”

เสียงทุ้มมีเสน่ห์ของผู้ชายร่างสูงกำยำเรียกความสนใจของแจ็คสันให้ย้อนกลับไปมอง

“พี่แทคยอน!

“อ้าว หมาน้อยแจ็คแจ็คนี่เอง มาหามาร์คเหรอ?”พี่ชายอารมณ์ดีคนโปรดของแจ็คสันยิ้มจนเห็นรอยยับย่นบนใบหน้าเล็กๆ มือแกร่งหยาบลูบศีรษะกลมอย่างนึกเอ็นดู

อ๊ค แทคยอนเป็นพี่ชายนักวิทยาศาสตร์ประจำกระทรวงวิทยาศาสตร์ เป็นชายหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงแถมยังเก่งด้วยดีดรีเกียรตินิยมสาขาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีควบปริญญาเคมีพันธุศาสตร์ เพิ่งจบปริญญาเอกใบที่สามทางวิทยาศาสตร์มาสดๆร้อนๆ นอกจากความฉลาดภายในแล้ว ภายนอกของพี่ชายตัวใหญ่คนนี้ก็ใช่ย่อย ใบหน้าตอบหล่อเหลาคมคายดึงใจสาวๆมานัดต่อนัก ผิวคร้ามนวลสุขภาพดีแถมรูปร่างเทียบเท่านายแบบตามนิตยาสาร ผิดอยู่อย่างเดียวคือการที่พี่แกเป็นอัจฉริยะสติเฟื่อง (กว่ามาร์ค) ผลิตอะไรแปลกๆออกมาเยอะแยะมากมาย แต่ไม่ค่อยจะมีประโยชน์สักอย่างนี่แหละ...-_- III

“ใช่ครับ ไม่ได้เห็นพี่นานเลยอ่ะ”

“อะแฮ่ม”เสียงมาร์คดังขึ้นมาจากด้านหลังเตือนทั้งตัวผมทั้งพี่ชายตัวสูงให้รู้ตัว พี่แทคยอนแย้มยิ้มกว้างกว่าเดิม พลางโอบไหล่ผมไว้เหมือนจะยั่วโมโหคนบางคนที่จ้องผมตาเขม็งเลย เอ้า! ซาวด์มา

...หนูเปล่าน้า~ เขามาเอง หนูเปล่าชวนนะ เขามาเอง...

“ก็ยุ่งๆอยู่กับงานแล้วก็ใครบางคนน่ะ ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ โอเค มาร์ค โอเค ปล่อยแล้วๆ”น้ำหนักที่อยู่บนไหล่ผมหายไปเพราะมาร์คเร่มจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พี่แทคยอมเลยยอมรามือโดยดี...รึเปล่า?

“ต้องไปแล้วล่ะ อ้อ ก่อนไปขอสักฟอดนะ...”

จุ๊บ!

สัมผัสบางเบาตรงข้างแก้มเรียกให้ใบหน้าผมอุ่นร้อน ผมไม่ชินนักหรอกที่จะโดนผู้ชายคนอื่นหอมแก้มนอกจากมาร์คน่ะ รีบโวยวายไล่หลังพี่ชายตัวสูงที่รีบวิ่งไปหัวเราะไปก่อนจะโดนระเบิดลง กระทืบเท้าปังๆขัดใจเพราะไม่ได้เอาคืน หันกลับมามองหน้าคนรักแล้วหน้าซีด

...มาร์คโกรธแล้ว...

ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยไร้อารมณ์แต่ดวงตาที่มองมาเต็มไปด้วยพายุความหึงและไม่พอใจ มาร์คเดินกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่ได้ปิดประตู อย่างน้อยก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดไม่ให้ผมเข้าบ้านแล้วกัน รีบเดินตามอีกคนเข้าไปในบ้าน ก็เห็นมาร์คกำลังนั่งอิงโซฟาดูสารคดีสัตว์โลกน่ารักอยู่

“มาร์ค...”ลองเรียกดูแต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับ เดินไปนั่งข้างๆเอียงคอมองกระพริบตาปริบๆ ลองเรียกเบาๆดูอีกครั้ง

“พี่มาร์ค...” แต่ก็เหมือนเดิม คราวนี้ผมเริ่มพองแก้ม “อย่ามางอนนะพี่มาร์ค พี่ก็เห็นว่าผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย”

“พี่รู้...”

ยอมตอบแล้วก็หันมาสนใจกันสักทีดิ! นี่มีเรื่องกังวลใจเลยมาหานะ จะมาขอคำปรึกษานะ ไม่ใช่มาหาเรื่องหนักใจเพิ่มอ่ะ! นั่งรอให้อีกคนสนใจจนเริ่มน้อยใจขึ้นมาซะงั้น

“ถ้าไม่คุยผมกลับล่ะนะ”

ไม่ทันจะได้ลุกขึ้นก็โดนคนบนโซฟารวบเอวเข้าไปกอด หัวอิงซบอยู่แถวๆหน้าอก มาร์คถอนหายใจรดกระหม่อมผมเบาๆ

“อยากให้ง้อพี่บ้าง แต่อย่าเพิ่งงอนจริงสิตัวเล็ก”

“ก็พี่ไม่ยอมคุยกับผมอ่ะ วันนี้ยิ่งมีเรื่องเครียดๆอยู่ด้วย”บ่นงึมงำพลางซุกหน้าเข้าหาแผ่นอกแข็ง กลิ่นหอมอ่อนๆของมาร์คทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายเสมอ มาร์คลูบศีรษะผมเบาๆ

“เรื่องอะไรล่ะ?”

“ก็...”

ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เสียงมือถือของมาร์คก็ดังขึ้นมาก่อน ผมรีบกระเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งมองมาร์คที่ขมุบปากบ่นขณะยกมือถือเครื่องบางมารับแบบไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก ดูจากสีหน้าของมาร์คก็พอให้รู้ว่าเป็นเรื่องสำคัญพอสมควร ผมเลยเดินออกมาในครัวเพื่อหาอะไรง่ายๆให้เขาทาน เอาจริงๆผมก็ทำอาหารเป็นไม่กี่อย่างหรอก ต้มมาม่า ไข่ดาว ไข่เจียว ไข่ต้ม ข้าวต้มแล้วก็ข้าวผัดได้บ้างนิดหน่อย

ตู้เย็นบ้างมาร์คก็แสนจะขาดแคลน มองไปก็เห็นแต่นมหนึ่งกล่อง กล่องข้าวเซเว่นสามกล่อง ไข่อีก 1 แพ็คและขวดแก้วใส่น้ำอัดลมสีฟ้า 1 ขวด กลอกตาไปมาฉวยเอาไข่สองใบขึ้นมา ตัดสินใจว่าเย็นนี้มาร์คควรได้กินอะไรที่ไม่ใช่ข้าวอัดความเย็นบ้าง ตักข้าวตักน้ำใส่กะปริมาณแล้วเอาเข้าหม้อหุงข้าว ระหว่างรอข้างก็ตั้งกระทะรอมันร้อนสักนิดแล้วเทน้ำมันลงไป เคล็ดลับคือต้องรอให้น้ำมันมันเดือด ยกไข่สูงๆพอตอกลงไปมันจะได้ฟูน่าทาน แต่ถ้าไม่ถนัดก็อย่าทำเลยครับ เจ็บตัวซะเปล่าๆ

ตักไข่วางบนข้าวนุ่มๆ ผมทำไว้สองจานเผื่อตัวเองด้วยหนึ่ง มองมันด้วยความภาคภูมิใจสักครู่แล้วยกออกไปด้านนอก

“พี่มาร์คคค มากินข้าว”

“แป๊ปนึงนะตัวเล็ก”

“ทำงานเหรอ?”ชะเง้อคอมองร่างสูงที่นั่งอยู่หน้าคอมท่าทางเคร่งเครียดเชียว “ถ้างั้นผมกลับบ้านนะ”

“ไม่ต้องๆ รอพี่แป๊ปนึงนะ”

ผมเกาหัวแกรกๆ ก็ท่าทางดูยุ่งขนาดนั้นก็ไม่อยากอยู่เกะกะนี่นา แต่ในเมื่อมาร์คบอกแบบนั้นก็เลยเดินไปนั่งที่บนโซฟาหน้าทีวีที่ยังเปิดสารคดีสัตว์โลกพ่อสิงโตงับคอลูกอยู่เลย ดูแล้วโคตรน่าเบื่อ เปิดช่องอื่นก็มีแต่ละครน้ำเน่า ฟังเสียงกรี๊ดนานๆแล้วเหมือนหูจะอื้อ สุดท้ายก็เลยไปจบที่รายการส่งเสริมสถาบันครอบครัว ดูไปก็หาวไป ชักจะอยากเลี่ยนกลับไปช่องเดิม แต่ก็ขี้เกียจจะเปลี่ยนแล้วเหมือนกัน

มองดูภาพพ่อแม่ลูกมีความสุขอยู่ในทีวีก็เผลอคิดถึงเรื่องไอ้จูเนียร์อีกรอบ ผู้ชายทุกคนก็อยากจะมีลูกสืบสกุลทั้งนั้นแหละ ขนาดผมยังอยากมีเลย ถึงจะมีแฟนเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่มันก็ยังอดคิดไม่ได้ทุกที

...มาร์คจะอยากมีลูกไหมนะ?...

ผมเหล่ตาไปมองพ่อคุณอัจฉริยะที่มองกลับมาพร้อมรอยยิ้มบางๆ หันกลับมากุมใบหน้าที่จู่ๆก็ร้อนขึ้นกะทันหัน ตกใจกับความคิดตัวเองที่ผุดขึ้นมาในหัวเมื่อครู่

...ทำไมจู่ๆก็คิดว่าอยากมีลูกกับมาร์คได้วะ ไอ้แจ็คสัน!!!...

รู้สึกตัวเองเริ่มฟุ้งซ่านขึ้นทุกที ปิดทีวีเดินกลับเข้าไปในครัว อยากหาอะไรหวานๆเย็นๆเรียกสติคืนมา จำได้ว่ามีน้ำอัดลมสีฟ้าอยู่ในตู้เย็น หยิบมันออกมาดูไม่ได้สนใจหรอกว่ายี่ห้อไหน ขอแค่กินได้ก็พอแล้วล่ะ บิดเปิดฝาก็แปลกใจนิดหน่อยเพราะเป็นขวดที่เคยเปิดมาแล้ว

“พี่มาร์ค ผมกินน้ำในตู้นะ”

ขอเป็นพิธีไปงั้นแหละ ถึงมาร์คไม่ให้ก็ไม่ทันแล้วล่ะก็ผมยกกระดกไปทั้งขวดแล้วนี่ น้ำที่คิดว่าเป็นน้ำอัดลมรสชาติหวานแต่ไม่ได้ซ่าอย่างน้ำอัดลม อร่อยดีถึงจะเฝื่อนคอไปหน่อยก็เถอะ ดื่มจนหยดสุดท้าย ทิ้งขวดลงในขยะ คิดว่าพรุ่งนี้จะเอาไปทิ้งให้เรียบร้อย จู่ๆก็รู้สึกวูบวาบในท้อง พอได้ยืนนิ่งๆก็หายไป ไม่ได้คิดอะไรนอกจากว่ากินน้ำหวานทั้งที่ท้องยังว่าง

“เมื่อกี้แจ็คสันว่าอะไรนะครับ”

มาร์คถามที่เดินออกมาจากห้องทำงานถามคนตัวเล็กที่มองหน้าเขามึนๆ

“ขอกินน้ำในตู้เย็นนะ แต่ไม่ทันแล้วล่ะ ผมกินหมดแล้ว”

“น้ำ?”มาร์คจำไม่ได้ว่าตัวเองไปมีน้ำในตู้เย็นตอนไหน

“ก็น้ำในขวดแก้วสีฟ้าๆอ่ะ มากินข้าวเหอะ เย็นชืดหมดแล้วเนี่ย”คนตัวเล็กบนดึงแขนมาร์คให้นั่งลงบนโต๊ะกับข้าวที่มีข้าวมีน้ำเตรียมให้เรียบร้อยแล้ว

มาร์คมองอาหารน่าทานตรงหน้าแล้วจุดยิ้มมุมปาก

“ขอบคุณครับภรรยา”

“หยุดพูดแล้วกินไปเลยนะ!”แจ็คสันดุ ยื่นช้อนมาชี้หน้าคนเป็นพี่ทั้งที่กำลังเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ย มาร์คหัวเราะเบาๆก้มลงจัดการอาหารตรงหน้าตามที่คนตัวเล็กสั่ง ระหว่างทานก็มีพูดบ้างเล่นบ้างตามประสาคนขี้แกล้งและคนขี้โวยวาย กว่าจะทานกันเสร็จท้องห้าข้างนอกก็มืดมากแล้ว

“แล้ววันนี้มีเรื่องอะไรเหรอ?”

คำถามจากมาร์คทำให้ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าจุดประสงค์ที่มาที่นี่เพื่ออะไร วางจานใบสุดท้ายลงในตะแกรง หันไปสบตากับคนเป็นพี่ที่นั่งคร่อมเก้าอี้หันหน้ามาหาเขาอย่างตั้งใจเป็นผู้รับฟังเต็มที่

“จูเนียร์เพื่อนผมมันแอบชอบรุ่นพี่คนหนึ่ง...มันก็รักของมันมานานแล้วอ่ะนะ ก็...ยอมเปลี่ยนอะไรหลายอย่างเพราะอยากจะคบกับรุ่นพี่คนนี้...”ผมเล่าเรื่องไปช้าๆ ส่วนมาร์คก็ส่งเสียงตอบรับแบบ อาฮะหรือ อืมเรื่อยๆพอไม่ให้การสนทนาเป็นไปอยู่ฝั่งเดียว

“วันนี้มันไปได้ยินพี่คนนั้นพูดว่าอยากมีลูก มันก็เลยเสียใจ ก็...พี่ก็รู้ว่าผู้ชายกับผู้ชายมันมีลูกด้วยกันไม่ได้ไง มันก็นอยด์ มันก็หงอยไปเลย ผมไม่อยากให้เพื่อนเป็นแบบนี้อ่ะ พี่ว่าผมควรบอกเพื่อนมันไปสารภาพกับพี่คนนั้นตรงๆเลยดีไหม?”

“พี่ว่าดีนะ”มาร์คตอบ ลุกขึ้นมาโอบผมจากด้านหลัง “บอกไปเถอะ ไม่ต้องไปกลัว ถ้าไม่กล้าเริ่ม มันก็ไม่มีอะไรคืบหน้าสักอย่างจริงไหมล่ะ?...ก็เหมือนเรานั่นแหละ...”

“แล้วพี่มาร์คไม่อยากมีลูกเหรอ?”

...

...

...

...เดี๋ยวนะ เมื่อกี้ผมถามอะไรออกไปเหรอ?...

“หึหึ”เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังขึ้นจากคนด้านหลัง มือที่วางอยู่บนเอวเลื่อนมากระชับแน่นขึ้น สะดุ้งวาบเกือบร้องลั่นตอนมาร์คยกร่างขึ้นไปนั่งบนเคาท์เตอร์ห้องครัว คนตัวสูงคร่อมทับขาบังคับให้ผมนั่งอยู่กับที่ แขนยันพนังขังตัวผมไว้ในอ้อมแขนสมบูรณ์แบบ มองจากมุมนี้ดวงตาของมาร์คช่างดูเจ้าเล่ห์อย่างน่าขนลุก ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนลงมาใกล้ จูบแผ่วเบาลงบนผมหน้าม้านุ่ม น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าหลงใหลเอ่ยถามเสียงเบาแต่จริงจัง





“แล้วแจ็คสันจะยอมเป็นแม่ของลูกพี่ไหมล่ะครับ?”










ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*