[SF] HIDE ver.Mark (MARKSON)
HIDE
ver.Mark
MARK
X JACKSON
ครั้งแรกพี่ผมได้เจอเขาคือตอนขึ้นมหาวิทยาลัยปีสาม
เขาเป็นรุ่นน้องผมสองปี ผมเป็นนักศึกษา ปี 3 เขาเป็นนักศึกษาปี 1
พวกเราอยู่กับคนละคณะ แต่อยู่ชมรมเดียวกัน
แค่มองตากัน
ก็รู้แล้วว่าเขาก็หลงใหลผมไม่แพ้กัน
พวกเราเริ่มความสัมพันธ์ด้วยความฉาบฉวยในรถเก่าๆของผมหลังงานเลี้ยงฉลองแชมป์ของชมรม
ผมจำได้ไม่ลืมว่าร่างกายของแจ็คสันงดงามแม้จะอยู่ในที่อับแสง
เขาเหมือนดวงดาวที่เปล่งประกายให้ผมหันไปมองได้ตลอด ผิดกับความงดงามนั้น
ร่างกายของเขากลับสร้างความเร่าร้อนให้ผมอย่างที่ไม่เคยได้จากใคร พวกเราทำกันในรถ
ต่อกันที่หอพักจนเขาสลบไปใต้ร่างผม
พวกเราคบกันแบบลับๆ
คนภายนอกอาจมองว่าผมกับเขาเป็นแค่พี่น้องคนสนิท
แต่พวกเพื่อนผมรู้กับหมดว่าเราเป็นอะไรกัน
พอเรามีเวลาว่างตรงกันก็จะผลัดไปเล่นห้องของอีกฝ่าย
แล้วก็มักจะจบด้วยความสัมพันธ์บนเตียงทุกครั้งไป
ผมว่าผมไม่ได้เป็นคนอารมณ์ทางเพศสูง
แต่พออยู่กับแจ็คสันมันกลับตื่นตัวขึ้นทุกที
นิสัยของพวกเราแทบจะเป็นคนละขั้ว
แต่ว่านั่นก็เป็นสิ่งที่เติมเต็มให้กันและกันจนพวกเราขาดกันไม่ได้
พวกเรามีความสุขด้วยกันทุกวัน
จนกระทั่งผมจบมหาวิทยาลัยและได้เข้าทำงานในบริษัทของครอบครัว
สิ่งที่ผมกลัวก็เกิดขึ้น…
ผมโดนคลุมถุงชนกับดาราชื่อดังที่นอกจากหน้าจอผมก็ไม่เคยได้เจอเธอมาก่อน
ผมพยายามสู้แล้ว
แต่คุณพ่อดื้อเกินไป ท่านไม่ยอมลงเลยสักนิด แม้ผมจะบอกว่าผมมีคนรักอยู่แล้วท่านก็ไม่ฟัง
ดึงดันจะให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจนได้
…ผมแพ้...และผมก็ต้องเข้าพิธีแต่งงาน...
ตอนนั้นพวกเรายังเป็นเด็ก
ผมไม่อยากเสียเขาไป พอๆกับเขาที่ทำใจห่างผมไม่ได้ พวกเราเลยคบกันต่อ
แม้ผมจะรู้ดีว่าการทำแบบนี้ก็เหมือนผมคบชู้
แจ็คสันเป็นชู้ผมและเรากำลังทำผิดกับครอบครัว...
คุณพ่อไม่รู้เรื่องนี้
แต่อึนจี ภรรยาของผมรู้เรื่อง อึนจีไม่ได้รักผม เธอก็ถูกบังคับไม่ต่างกัน
เธอยอมให้ผมคบกับแจ็คสันตราบใดที่ผมไม่ทำให้เธอเสียหน้าและเลี้ยงเธอได้ ชีวิตแต่งงานของพวกเราเหมือนต่างคนต่างอยู่
ดังนั้นผมเลยไม่รู้สึกผิดมากนัก...แต่กับแจ็คสันคงไม่ใช่
เด็กน้อยของผมเป็นคนคิดมาก
ตลอดเวลาที่ผมอยู่กับเขา
ผมสัมผัสได้ถึงสิ่งที่เปลี่ยนไป แจ็คสันอ้อนผมน้อยลง
ไม่ร้องขอให้ผมอยู่ด้วยเหมือนเมื่อก่อน
ผมกลัวว่าเขาจะทิ้งผมไป...ผมเลยทำเหมือนพวกเสี่ยแก่ๆที่ประเคนทุกอย่างให้เขา
คอนโดหรูที่แจ็คสันอยู่ เสื้อผ้าที่เด็กนั่นใส่ รถมือสองที่แจ็คสันขับ แม้แต่พวกอาหารผมก็เข้าไปรับเขาไปเดินซื้อของทุกสัปดาห์...
ผมใช้ชีวิตอยู่กับเขามากกว่าภรรยาตัวเองเสียอีก
วันนี้ก็เหมือนเคย
แจ็คสันชวนผมออกไปซื้อของเพราะตู้เย็นมันว่างเปล่าเสียแล้ว
ผมไม่เคยขัดใจเขาอยู่แล้ว พวกเราเดินไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ตใกล้คอนโด
เด็กน้อยของผมขี้หนาว
และวันนี้ก็หิมะตก ถึงจะใสทั้งหมวก ทั้งผ้าพันคอ
ทั้งเสื้อตัวใหญ่จนเหมือนแพนกวิ้นตัวโต จมูกกับแก้มขาวๆนั่นก็ยังแดงเพราะความเย็น
ลมพัดมาที แจ็คสันก็เดินเข้ามาชิดทุกครั้ง ผมโอบรอบไหล่เขาพาเดินไปด้วยกัน
ฟังเสียงบ่นของคนข้างตัวด้วยความสุขใจ
“หนาว”
“ชวนออกมาเอง”
“ก็ไม่คิดว่าจะหนาวขนาดนี้นี่!” แจ็คสันเถียงไม่ยอมแพ้ “ของในตู้ก็หมดด้วย
ไม่ออกมาพรุ่งนี้ผมได้หิวตายพอดี”
“บัตรเครดิตที่ให้ไว้ล่ะ”ผมถาม
พลางหยุดเดิน ปัดเส้นผมสีบลอนนอกหมวกบินนี่สีดำเกี่ยวใบหูแดงก่ำ ก้มหน้าลงจูบหน้าผากนวลเบาๆ
ผมเสพย์ติดกลิ่นของเด็กคนนี้
“ไม่อยากใช้...ขี้เกียจออกมาด้วย
หิมะตกแบบนี้ใครจะอยากออกมาเดินคนเดียว”
“ครับๆ”ผมกระชับฝ่ามือเล็กเดินเคียงข้างกันไปเรื่อยๆ
ตามถนนเส้นเล็กข้างแม่น้ำสายยาวที่ตอนนี้ดำมืดตัดกับแสงไฟระยิบระยับจากอีกฟากฝั่งของเมือง
เดินไปไม่เท่าไหร่แจ็คสันก็บ่นขึ้นอีกครั้ง
“หนาว”
คราวนี้ผมยิ้มเข้าเล่ห์
“งั้นรีบกลับไปให้หายหนาวกัน
ดีไหม?”
“ทะลึ่ง!”แก้มกลมแดงแปร๊ด มือเล็กผลักอกผมเบาๆ ทำหน้างอนอยู่ชั่วขณะหนึ่งแล้วก็โดนผมง้อจนหลุดหัวเราะออกมาดังลั่น
“อื้อ...”เสียงแหบครางเสียงเบารับริมฝีปากอุ่นที่เข้ามาทาบทับทันทีที่ประตูคอนโดหรูปิดลง
ถุงซูเปอร์มาเก็ตกองอยู่บนพื้นอย่างไร้ความสนใจ ผมปลดเสื้อโค้ดองตัวเองตามด้วยผ้าพันคอของอีกฝ่าย
แจ็คสันวาดเรียวแขนกอดไหล่ผมที่ตระกองกัดรัดเอวอวบแน่น
ตากลมหลุบปิดตอบรับรสจูบเร่าร้อนผิดอากาศด้านนอกอย่างเต็มใจ แก้มกลมและลำคอขาวเป็นจุดต่อไปที่ผมเลื่อนลงมาจู่โจมและเล้าโลมจนคนตัวเล็กอ่อนยวบ
มือเล็กกระตุกเสื้อเชิ้ตเป็นเชิงว่าให้หยุด แจ็คสันจูงมือผมเข้าไปในห้องนอน
แต่ไม่ทันได้ถึง ผมอุ้มสะโพกแน่นขึ้นจนตัวลอยเหวี่ยงโยนลงไปบนเตียง
กระโดดทาบทับเร่งเร้าจะถอดอาภรณ์ออกจากกายขาวสะอาดที่ผมชื่นชอบและหลงไหล
ทั้งสองถูกดึงดูดเข้าหากันด้วยความต้องการอันเร่งเร้า
ผิวเนื้อเสียดสีกันสร้างความอบอุ่นจนไม่ต้องพึ่งพาฮีตเตอร์ปรับอากาศ ผมรุกล้ำร่างกายขาวแน่นเข้าไปในจนสุด
ร่างกายของแจ็คสันยังตอบรับผมดีเสมอ เสียงครางต่ำประสานกับเสียงแหบห้าวครางกระเส่าเป็นท่วงทำนองเพลงรักภายในคืนนี้
ต้นขาขาวสั่นระริกพาดบนไหล่แข็ง เปิดโอกาสให้ผมได้เริงอารมณ์กับร่างกายคนตัวเล็กได้อย่างเต็มที่
ทั้งสองเรียกร้องกันและกัน
มือแกร่งกดประสานฝ่ามือเล็กหยาบแนบแน่น ต่างฝ่ายต่างเรียกชื่อคลอไปราวกับกำลังย้ำเตือนว่าตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ด้วยกัน
ความเฉอะแฉะในช่องทางรักไม่ได้ทำให้ทั้งคู่หยุดการกระทำ
กลับสวนเข้าเติมเต็มกันและกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนเสียงครางหวานแหบพร่า
ตาโตปรือปรอยอย่างหมดแรง ผมกดจูบทำร่องรอยไว้บนผิวกายขาว
ไม่ต่างจากกำลังละเลงสีสันสวยสดบนกระดาษขาวบริสุทธิ์ที่ผมเป็นคนทำให้มันสกปรกด้วยตัวผมเอง
ไฟราคะเผาไหม้ทั้งคู่จนลืมหมดสิ้นทั้งชั่วดี...
ตราบจนไฟนั้นแผ่วดับลงเหลือเพียงเถ้าถ่านโสมม...
.
.
.
.
.
เวลาตีสามคือเวลาที่ทุกอย่างเริ่มเดินไปอีกครั้ง...
ผมลุกขึ้นจากที่นอน
สวมเสื้อผ้าที่ตกตามข้างเตียงลวกๆ เหลียวกลับไปมองคนที่รักบนเตียงอย่างนึกเอ็นดู
จูบเปลือกตาสีสวย
ตามด้วยริมฝีปากอิ่มแผ่วเบาอย่างนึกกลัวรบกวนการนอนหลับของแจ็คสัน ผ้าห่มถูกคลุมให้
ก่อนผมจะเดินออกไปจากห้องเพื่อกลับสถานที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน
.
.
.
“กลับมาเช้าเชียวนะคุณ”เสียงหวานใสของภรรยาคนสวยทักเขาขึ้นทันทีที่เดินเข้าไปในบ้าน
ผมไม่ได้ใส่ใจเธอแต่ไหนแต่ไร เลยตอบงึมงำในลำคอแล้วทำท่าจะเดินขึ้นห้อง
“มาร์คคะ...”
“ครับ
ว่ายังไง”ผมถามพลางปลดกระดุมเม็ดแรก ไม่สนว่าใครจะเห็นรอยแดงบนต้นคอของตัวเอง
“ฉันท้อง”
“...”
ยอมรับว่าผมใจตกลงไปตาตุ่ม
ผมรีบหันไปมองหน้าเธอ คนที่ผมไม่เคยคิดจะสนใจ
หญิงสาวแสนสวยนั่นใบหน้าเรียบนิ่งบนโซฟาตัวหรู
เอวเล็กของเธอดูจะใหญ่ขึ้นมานิดหน่อย แต่ยังเห็นไม่ชัดมากนัก
“กี่เดือนแล้ว?”
“หนึ่งเดือนค่ะ
ฉันควรบอกให้คุณรู้ไว้ ถึงคุณจะไม่สนใจก็เถอะ เหมือนคุณพ่อของคุณจะดีใจมาก
และคุณต้องออกไปแถลงข่าวกับฉันเที่ยงนี้ เตรียมตัวให้พร้อมนะคะ”เธอบอกแล้วหันหลังกลับขึ้นห้องอีกฟากบ้านราวกับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศ
ผมขัดไม่ได้
เมื่อใดที่มีชื่อผู้ชายคนนั้นเข้ามาพัวพันในชีวิต
ผมจะเลือกทางของตัวเองไม่ได้ ผมต้องทำตามสิ่งที่เขาต้องการเสมอ
ผมเดินขึ้นห้องนอนของตัวเอง
โยนกระเป๋าและเสื้อโค้ทลงบนพื้น ทิ้งตัวนอนบนเตียงใหญ่ ผมควรรู้สึกดีใจ...แต่ตอนนี้ผมกลับกังวล
ภาพของแจ็คสันผุดขึ้นมาในหัว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรไปหา ชะงักมือ กลัวว่าคนตัวเล็กจะยังไม่ตื่น
ตัดใจโยนมันกลับที่เดิม
...หลังงานแถลงข่าว
ผมควรไปคุยกับเขา...
งานแถลงข่าวเที่ยงนั้นมีนักข่าวหลากหลาย
ผมก็ไม่รู้ว่าแค่ดาราคนหนึ่งท้องมันจำเป็นต้องออกมาป่าวประกาศขนาดนั้นเลยหรือ?
หน้าที่ของผมก็แค่ต้องแสร้งภาพเป็นสามีที่ดิเลิศ เป็นว่าที่คุณพ่อที่ยินดีปรีดา
แต่ไม่...ข้างในของผมมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น บอกตรงๆ คือผมยังช็อคอยู่
นึกกลับไปแล้วผมมีอะไรกับอึนจีก็แค่วันเข้าหอแล้วก็ตอนที่คุณพ่อมาพักที่บ้าน
พวกเราต้องหลอกเขาว่ารักกันดี และด้วยดีกรีนักแสดงของอึนจี เธอตีบทแตก
แต่หลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มทำกันจริงๆ...แต่มันก็แค่ครั้งเดียว...ผมเลยไม่คิดว่ามันจะติด...
ถึงจะไม่ได้เกิดมาด้วยความรัก
ไม่ได้เกิดมาเพราะความตั้งใจ แต่อย่างไรเด็กในท้องก็ลูกผม ผมต้องรับผิดชอบเขา
งานแถลงข่าวจบลงพร้อมคำอวยพร
ผมไม่ได้พูดสักคำ มีแต่ยิ้มและให้นักแสดงเจ้าบทบาทอย่างอึนจีพูดอธิบายไป แน่นอน
ว่าไม่มีใครสงสัยในความสัมพันธ์ของเรา
ผมแยกรถออกไปอีกทาง
มุ่งหน้าไปคอนโดหรูที่แจ็คสันอาศัยอยู่ ใจผมร้อนยิ่งกว่าไฟ
ขนาดลิฟท์ยังรู้สึกช้ากว่าทุกวัน
ก๊อกๆๆ
“แจ็คสัน
เปิดประตูให้พี่หน่อย”
ไม่มีเสียงตอบรับเหมือนทุกที
ผมใจร้อนทั้งกังวลเคาะอีกพร้อมกุญแจสำรองในมือ
ก๊อกๆๆ
“หลับเหรอ?
งั้นพี่เปิดเข้าไปนะ”
ผมเปิดประตูได้แล้ว
แต่เสียงตะโกนของคนในห้องทำให้ผมชะงัก
“กลับไป!”
ประตูคอนโดถูกป้องกันด้วยโซ่เส้นเล็ก
ผมพยายามจะส่องเข้าไปแต่ก็ไม่เห็น แจ็คสันคงอยู่หลังประตู
“แจ็คสัน
คุยกันก่อน...”
“กลับไป!!!”เขาแผดเสียงลั่นกว่าเดิม กระแทกประตูปิด
ถ้าผมหูไม่ฝาด...ผมได้ยินเสียงเขาร้องไห้...
“แจ็คสัน...รู้ข่าวแล้วใช่ไหม...”
“กลับไป”เสียงสั่นพร่าพูดเสียงแผ่วลง
“...กลับไปหาครอบครัวพี่”
ผมควรรู้สึกยังไง?...ผมกำลังเสียใจ
เสียใจที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้ ทุกอย่างที่ผมเพียรรักษาไว้พังทลายเพราะผมไม่เข้มแข็งพอ
“...พี่ขอโทษ...”
“อย่าทำให้ผมรู้สึกผิดมากกว่านี้...กลับไป...ได้โปรด”
ผมยืนฟังเสียงคนรักสะอื้นไห้อยู่หลังประตูอยู่นาน
หลับตาลงกลั้นน้ำตาของตัวเอง...ผมควรให้เวลาแจ็คสัน...
“พี่จะมาหาพรุ่งนี้...เราต้องคุยกัน”
.
.
.
โดยไม่รู้ว่าการทำแบบนั้นเป็นสิ่งที่ผิด...
ผมกลับมาที่คอนโดอีกครั้ง
เพื่อพบว่าเสื้อผ้าที่เป็นของแจ็คสันแต่เดิมหายไป ของใช้ของเด็กนั่นหายไปจนหมด
เหลือแค่หมวกเสนปแบคที่ผมเคยซื้อให้เขาตอนเพิ่งคบกันใหม่ๆ กุญแจคอนโด กุญแจรถและจดหมายยุ่ยๆอีกหนึ่งฉบับ
เหมือนหัวใจผมโดนกระชากหลุด...ผมทรุดตัวลงนั่งกับพื้นห้อง
...ผมเสียเขาไปแล้ว...แจ็คสันหนีไปแล้ว...
‘ขอให้พี่มีความสุขกับครอบครัวนะครับ
ไม่ต้องตามหาผมนะ เพราะผมไม่ให้พี่ตามหาผมได้หรอก คิคิคิ อยู่กับครอบครัว
ทำสิ่งที่พี่ควรทำเถอะนะครับ อย่าสนใจคนเลวๆอย่างผมเลย ให้ผมไปตามทางของตัวเองเถอะ...รักพี่นะครับ...
ปล.ผมคืนของๆพี่ให้นะ
แต่ของบางอย่างผมตัดใจไม่ได้อ่ะ ผมขอขโมยไปนะ คิคิคิ
ปล.2
ถ้าผมเป็นผู้หญิงก็คงดีเนอะ...’
“เด็กบ้า!”
ไม่รู้ว่าผมร้องไห้ออกมาตอนไหน
มือจับกระดาษจดหมายอย่างทะนุถนอมที่สุด สภาพกระดาษยุ่ยๆเพราะรอยคราบน้ำตาเปื้อนเป็นด่างเป็นดวงทำให้ผมไม่กล้าจะจับแรง
แจ็คสันต้องใช้ความพยายามขนาดไหนที่เขียนจดหมายสั้นๆฉบับนี้ขึ้นมา ถึงอย่างนั้นก็ยังทำเป็นเขียนคำชวนตลกลงในกระดาษ
ตอนนี้ใครเขาจะขำออกเล่าเด็กบ้า
แล้วของที่ขโมยไป
แจ็คสันจะรู้ไหมว่าเจ้าตัวได้เอาหัวใจเขาไปด้วย
ทำแบบนี้เขาจะมีชีวิตอย่างมีความสุขได้ยังไงกันล่ะ...
“พี่ก็รักนาย...ฮึก...ขอโทษ...ขอโทษ”
หลายปีต่อมา...
ชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความรัก
สุดท้ายก็ต้องจบลง...
มาร์คกับอึนจีแยกทางกันหลังจากลูกของพวกเขาเกิดมาแค่ปีเดียว
มาร์คเป็นคนรับเลี้ยงลูก ในขณะที่ดาราสาวกลับไปทำงานในวงการบันเทิงเหมือนเดิม
ชายหนุ่มให้เกียรติหญิงสาวแม้ว่าจะไม่ได้มีทะเบียนสมรสอยู่แล้วโดยการตอบคำถามสื่อให้เธอ
จนกระทั่งเรื่องซาลงไป
เด็กผู้หญิงในชุดกระโปรงฟูฟ่องวิ่งจับมือชายหนุ่มในชุดลำลองไปตามถนนสายยาวบนเกาะฮ่องกง
มือหนาจับสแนปแบคสีดำใบโปรดที่เคยเป็นของอีกคนไว้กลัวจะหลุดหาย
“จีน่า
อย่าวิ่งครับ เดี๋ยวล้มนะ”
“ป๊านั่นแหละช้า”
“ครับๆ อ้อ
ร้านนั้นสินะ”เขาทักลูกสาวที่พยักหน้ายิ้มกว้างให้
ร้านคาเฟ่ขนาดสองห้องตกแต่งร้านน่ารักด้วยตุ๊กตาดึงดูดเด็กหญิงตั้งแต่ที่พวกเขาขับรถผ่านมาเมื่อวันก่อน
จนจีน่ารบเร้ามาร์คให้พามาจนได้
ทันทีที่มาร์คเดินเข้าไปในร้าน
กลิ่นหอมละมุนบางอย่างก็สะกิดใจเขาจนสั่นไหว กลิ่นหอมของร้านนี้เหมือนของใครบางคนที่เขาทำหลุดมือไปเมื่อหลายปีก่อน
“ครับ
รับอะไรดีครับ”
เสียงแหบหวานคุ้นหู
ใจของเขาสั่นระรัว เงยหน้าขึ้นช้าๆเพื่อนเจอกับใบหน้าคมหวานแสนคิดถึง เหมือนกล่องลิ้นชักความรู้สึกถูกเปิดออก...ในที่สุด...
อีกฝ่ายนิ่งงัน
ตากลมเบิกขึ้นตกใจไม่แพ้กัน ริมฝีปากอิ่มนั้นยิ้มกว้างแม้หางตากลมจะรื้นด้วยน้ำตา
“พี่มาร์ค...”
“แจ็คสัน...”
หัวใจ...กลับมาเจอกันอีกครั้ง
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น