[SERIES] University : VETED [YUGSON]
TITLE: University The Series: VETED
COUPLE: YUGYEOM x JACKSON [YUGSON]
RATE: PG-15
WORD: 2,507
BY: Silverfeather29 /@silverfeather29/
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
University The Series:
VETED
SAY YO! สวัสดีพ่อแม่พี่น้อง~ เอ๊ย! ไม่ใช่ลิเก อะแฮ่ม ผมชื่อแจ็คสัน หวังครับ โดยกำเนิดเป็นคนฮ่องกง พูดได้หลายภาษา อังกฤษ จีนกลาง จีนฮ่องกง ฝรั่งเศส เกาหลี ฟังดูเลิศเลอเนอะ แต่แปลกอ่ะ ไม่เห็นมีผู้หญิงคนไหนมาจีบผมบ้างเลย นี่รอจนน้ำหนักเพิ่มแล้วนะ (โยนป๊อกกี้เข้าปาก) หน้าตาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่นะ นี่แจ็คสันหวัง หล่อรุ่นคณะศึกษาศาสตร์ ปี 2 เลยนะครับ!! ทำไมผมถึงไม่ป๊อปเท่าที่ควรล่ะนั่น (ดูดโกโก้ปั่นบ๊วบใหญ่)
“เฮ้ย! เตี้ย!”
“เตี้ยพ่อง!”
“นายแจ็คสัน!!!”
“ขอโทษคร๊าบอาจารย์”
ทุกคนอาจจะงงว่าเกิดอะไรขึ้น คือว่า... เมื่อกี้ไอ้นิคเพื่อนสนิทผมมันร้องเรียกผมมาแต่ไกล ผมเลยตอบมันกลับแบบปกติ (?) แต่ลืมตัวไปหน่อยว่านั่งอยู่ม้านั่งหน้าสโมสรนักศึกษาที่อาจารย์มักจะเดินผ่านไปผ่านมา อาจารย์วิชาประสบฯสุดเนี๊ยบที่เดินผ่านมาพอดีเลยดุผมดังลั่น จนนักศึกษาแถวนั้นหันมาหัวเราะกันใหญ่
...ตะหงิดว่าวันนี้จะซวย...
แล้วก็เป็นอย่างที่สังหรณ์ไว้จริงๆ เมื่ออาจารย์ประจำวิชาภาษาจีนพื้นฐานลาไปต่างประเทศโดยทิ้งโปรเจคแปลนิยายจีนชิ้นเล็กๆให้พวกผมทำเล่นๆ (?) ตอนอาจารย์ไม่อยู่...
.
.
.
“เล็กพ่อง!”
“เล่นพ่อง!”
ผมกับเพื่อนในกลุ่มสบถขึ้นพร้อมกันหลังจากเหลือบดูรอบๆแล้วไม่พบอาจารย์อยู่ใกล้ๆ หันมามองนิยายจีนขนาดสามร้อยหน้าที่วางแหมะอยู่บนโต๊ะหินอ่อนซีดๆดำๆหน้าคณะด้วยความละเหี่ยใจ เงยหน้าไปมองไอ้นิคบ้าง ไอ้พีเนียลบ้างแล้วเหนื่อยใจล่วงหน้า ก็นอกจากผมแล้วไอ้สองคนนี้ดันโง่ภาษาจีนเข้าขั้น จนบางทีก็งงว่าพวกมึงจะเลือกเรียนครูจีนให้ได้อะไรขึ้นมาเหมือนกัน
“จะทำไงดีวะ”
“กูไม่รู้...แต่กูไม่ทำคนเดียวแน่ๆ”ผมขัดคอพวกมันก่อนที่พวกมันจะคิดอะไรชั่วๆประเภทโยนงานให้ผมคนเดียว จิกตาใส่พวกมันรายคนจนพวกมันบุ้ยปากไปมา ไอ้พีเนียลหยิบนิยายที่ไปถ่ายเอกสารมาแล้วมานับๆดู
“มันมี 377 หน้าว่ะ... เอางี้ป่ะมึง เดี๋ยวแบ่งกัน กูกับไอ้นิคจะเอา คนละ 100 หน้า มึงก็เอาที่เหลือไปแล้วกัน”
“เรื่อง!”ผมโบกหัวคนพูดแบบหน้าด้านๆนั่นครึ่งหนึ่งเต็มๆ แย่งงานมาแงะลวดเย็บออก แบ่งออกเป็นสามส่วนเท่าๆกันแล้วยัดใส่มือพวกมันสองคน รีบลุกขึ้นกลัวพวกมันโวยวายอีก
“กูแบ่งให้แล้ว ไปแปลมา ทำเสร็จก็ส่งให้กู เดี๋ยวกูจะรวมเอง ไม่เกินวันอาทิตย์หน้า จบนะ ห้ามประท้วง กูไปและ”พูดเป็นฉากๆแล้วรีบวิ่งลิ่วหนีมา ยัดเอกสารเข้ากระเป๋าตัวเอง ในหัวก็นึกถึงของกินเย็นนี้ไปเรื่อย กว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองใจลอยก็โดนตัวอะไรไม่รู้โถมทับจนล้มโครมลงกับพื้น มือพยายามปัดจมูกและลิ้นชื้นที่เลียแผลบๆอยู่ข้างแก้ม ปากก็ร้องโวยวายไปเรื่อย
“มิงกิหยุดเลยนะ! กลับมานี่!”เสียงทุ้มแหลมเล็กๆเหมือนยังไม่แตกดีดังขึ้นบนหัว ก่อนเจ้าของลิ้นชื้นจะผละออกไป แจ็คสันลืมตามองมือใหญ่ที่ยื่นมาให้เขาอย่างงุนงง เงยหน้าขึ้นไปมองแล้วก็เผลอสตั๊นไปสามวิ
...ทำไมมันหน้าตาดีงี้วะ!...
ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาเรียวกลมดูใสซื่อราวกับคริสตัลแสนบริสุทธิ์ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากสวยแย้มยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆ แถมส่วนสูงอย่างกับยักษ์ปักหลั่นนั่นทำเอาเขาเกรงๆอยู่ไม่น้อย
“ขอโทษนะครับ คุณเจ็บตรงไหนไหม”
“อ่า...ไม่เป็นไรครับ”กระพริบตาเรียกสติ ยันตัวลุกขึ้นยืนโดยไม่ได้จับมือชายหนุ่มตรงหน้า ก้มลงมองสภาพตัวเองแล้วแอบแบะปากเล็กๆ เสื้อนักศึกษาสีขาวตอนนี้เปื้อนฝุ่นจนมอมไปหมด หันไปมองเจ้าสี่ขาวขนยาวสีน้ำตาลอ่อนตัวการที่ยืนสะบัดหางพับๆทำตาแป๋วไม่รู้เรื่องอยู่ข้างขายาวของผู้ชายหน้าตาดีตรงหน้า
“ผมขอโทษนะครับ ผมทำเชือกจูงเจ้ามิงกิหลุดมือน่ะ แต่สงสัยมันชอบคุณมากเลยนะเนี่ย ปกติมันไม่ค่อยขึ้นคร่อมใครหรอก”
...นี่ชมกูป่ะ?...แจ็คสันยิ้มเห่ยๆรับแบบไม่ค่อยเข้าใจอะไรมากนัก มองมือใหญ่ที่ยื่นมาอีกครั้งงงๆ
“ผมชื่อยูคยอมครับ ปี 2 คณะสัตว์แพทย์ศาสตร์ คุณ...”
“เอ่อ แจ็คสัน หวัง ปี 3 ศึกษาน่ะ”
...ไอ้เด็กยักษ์...แจ็คสันให้ฉายาสำหรับยูคยอมในใจเรียบร้อยแล้ว
“ผมขอโทษจริงๆนะครับ เสื้อคุณเปื้อนแบบนี้เพราะผมสะเพร่าเอง”ก้มหน้าทำหน้าสำนึกผิด แวบหนึ่งที่แจ็คสันเห็นภาพลูกหมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ซ้อนทับ
...โกรธไม่ลงเลยอ่ะ...น่าเอ็นดู...
“ไม่เป็นไรๆ ผมไม่ได้เจ็บ แถมเสื้อนี่เอาไปซักๆเดี๋ยวก็ออกเองล่ะ”
“ผมไม่สบายใจเลย...”ยูคยอมทำหน้าลำบากใจ กลอกตาคิดอะไรบางอย่าง มือใหญ่ล้วงเอามือถือขึ้นมา “คือ ผมขอเบอร์พี่ได้ไหม เผื่อผมอยากเลี้ยงเป็นการขอโทษน่ะ”
“เฮ้ย บอกแล้วว่าไม่เป็นไร”
“นะครับ”
...ยะ อย่า ทำตาแป๋วอ้อนแบบนั้นดิวะ...
“เอ่อ...”สุดท้ายก็ยื่นมือไปรับมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดนั่นมากดเบอร์ที่ตัวเองจำได้แม่นแล้วส่งให้ชายหนุ่มที่แย้มยิ้มกว้าง ยูคยอมกดโทรออก เวลาเดียวกันกับที่มือถือในกระเป๋าเขาดังขึ้นมา แจ็คสันล้วงเอามันออกมาดู
“เดี๋ยวผมจะโทรหานะครับ ขอโทษอีกครั้งนะครับ แล้วพบกันนะครับ พี่แจ็คสัน”
“อะ เออๆ”
พูดแค่นั้นมองดูร่างสูงใหญ่ที่วิ่งพาเจ้าหมาโกลเด้นตัวใหญ่เดินเล่นไปตามทางเท้าด้วยความรู้สึกมึนๆ
...เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ผมโดนเจ้าเด็กนั่นจีบรึเปล่านะ?...
หลังจากที่แจ็คสันเอาเสื้อนักศึกษาไปยัดใส่ถังซักผ้า ยอมยัดเหรียญสิบสองเหรียญลงช่องหยอดเหรียญด้วยความเสียดาย เดินลงมานอนเล่นต่อในห้องพัก มือถือก็แผดเสียงเสียงลั่นบอกว่ามีคนโทรมาหา เอื้อมมือไปรับโดยไม่ได้ดูเบอร์ก่อน
“ครับ แจ็คสันคร๊าบบบ”
“อ่อ พี่แจ็คสัน นี่ผมยูคยอมนะครับ”
...ยูคยอม? ยูคยอมไหนฟระ?...นึกอยู่นานจนปลายสายต้องเตือนความจำให้
“คนที่ปล่อยสุนัขไปชนพี่ไงครับ”
“อ๋ออออ~ แล้วมีอะไรเหรอ?”
“เย็นนี้พี่ว่างไหมครับ คือผมพาไปเลี้ยงขอโทษน่ะ”
“บอกแล้วว่าไม่เป็นไร ฉันเอาเสื้อไปซักแล้วเนี่ย ไม่ต้องเลี้ยงหรอก”
...ถึงจะพูดอย่างนั้นก็อยากให้เลี้ยงเหมือนกันนะ ช่วงนี้เงินขาดมือน่ะครับ -*-...
“งั้นไม่เลี้ยงก็ได้ แต่ไปกินข้าวเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ วันนี้เพื่อนผมมันทิ้งผมไปหมดเลย ไม่มีเพื่อนกินข้าวอ่ะ”
“...”แจ็คสันเงียบไป คำถามตอนกลางวันผุดขึ้นในใจ แต่ก็ไม่กล้าถามออกไป ได้แต่ส่งเสียงอือออให้เจ้าเด็กปลายสายที่ตอบกลับมาว่าจะมารับเขาที่หอเอง
...ตกลงมันจีบกูป่ะวะ?...
แจ็คสันมองผับด้านหน้าสลับกับมองไอ้เด็กปีสองคณะสัตว์แพทย์ข้างตัวด้วยความไม่เชื่อสายตา นี่มันพาเขามาเลี้ยงที่นี่เนี่ยนะ!
…ดูคนจากหน้าตาไม่ได้จริงๆครับ...
เดินตามเจ้าเด็กยักษ์ที่อยู่ในชุดเสื้อแขนยาวสีดำผ้าเนื้อบางร่นแขนเสื้อขึ้น ใส่เครื่องประดับเล็กน้อยไม่ดูรกตาเกินไป ในขณะที่เขาใส่แต่เสียงเสื้อยืดสีดำกางเกงยีนธรรมดาๆเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพาเขามาที่แบบนี้
ไม่ใช่ว่าแจ็คสันไม่เคยมาหรอก เรียกว่าหลังมอนั่นไปแทบทุกสัปดาห์จนจะเรียกเป็นอาคารเรียนหลังที่สองเข้าไปแล้ว เพียงแต่ยูคยอมพาเข้ามาอีกด้านของมอ ซึ่งเขาไม่คุ้นชินมากนัก เลยได้แต่เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปเงียบๆ มองดูรอบๆก็พบว่าที่นี่ดูดีมีสกุลกว่าตรงที่เขาเคยไปพอสมควร ถ้าเปรียบก็หลังมอเป็นเหล้าขาว ฝั่งด้านนี้ก็คงเป็นไฮเนเก้นท์
“นี่จะพาพี่มาเลี้ยงอะไรกันแน่ เลี้ยงเหล้ารึไง?”
“พี่ดื่มไม่ได้เหรอ?”หันมามองเขาตาแป๋มเล่นเอารู้สึกเสียหน้าขึ้นมาทันที
“ได้โว้ยยย แค่ถามดูเท่านั้นแหละ!”
ร่างสูงหัวเราะขำๆ ฉวยโอกาสจับมือขาวลากไปนั่งที่โต๊ะมุมร้านที่ว่างไว้อยู่ แจ็คสันก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะคิดว่าแกฝ่ายกลัวเขาหลง เพราะคนก็เยอะใช่น้อยที่ไหนล่ะ
ถึงโต๊ะก็นั่งปั๊บเปิดเมนูบนโต๊ะรอบริกรมารับเมนู ยูคยอมก็ทำเหมือนกัน ไม่มีบทสนทนาใดๆเกิดขึ้นบนโต๊ะจนบริกรมารับเมนูไป
“นายจ่ายนะ”
“อ้าว ไหนบอกไม่ให้ผมเลี้ยงไง”
“ก็นึกว่าจะเป็นร้านอาหารปกตินี่หว่า นี่พาพี่มาร้านเหล้า ตั้งตัวได้ที่ไหน เลี้ยงเลยนะ เลี้ยงเลย”
“คร๊าบๆ เลี้ยงแน่นอนคร๊าบ ฮ่าฮ่าฮ่า พี่นี่มัน...”เหมือนยูคยอมจะพูดอะไรแล้วก็เงียบไป แจ็คสันเงยหน้ามามองก็เห็นใบหน้าคมระเรื่อสีอ่อนแต่ก็ไม่มั่นใจนักเพราะแสงสลัวๆภายในผับทำให้เห็นไม่ชัดเท่าไหร่ ยักไหล่ไม่สนใจ นั่งดูเมนูเพลินๆจนอาหารมาเสิร์ฟนั่นแหละ ปากถึงได้เริ่มทำงาน
ไม่ใช่พูดนะ กินน่ะครับ -_-
“พี่กินเยอะเนอะ”
จู่ๆยูคยอมก็เอ่ยขึ้นหลังจากท้าวคามองคนเป็นพี่ยัดอาหารลงท้องมาสักระยะ
“กินไว้ก่อน เวลากินเหล้ามันจะได้ไม่เมาง่าย”
“เป็นหลักเป็นการเชียว ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ว่าแต่นายไม่กินรึไง เหม่ออะไรอยู่”
“ก็มองพี่กินแล้วมันก็เพลินดีเหมือนกันนี่”
เอื้อก! กลืนอาหารลงคอหมด กระพริบตาปริบๆ ครั้งที่สามที่เกิดคำถามขึ้นในใจ แต่ครั้งนี้แจ็คสันจะไม่เก็บไว้อีกต่อไป
“นายกำลังจีบฉันอยู่เหรอ?”
แต่แทนที่ชายหนุ่มจะรีบปฏิเสธหรือหัวเราะฮ่าๆเหมือนเดิม กลับแย้มยิ้มมุมปากที่ดูน่าสงสัย ลุกขึ้นเดินไปทางฟลอเต้นรำที่เปลี่ยนบทเพลงเป็นจังหวะฮิปพอพหนักๆอย่างที่เขาชอบฟัง
ร่างสูงที่เขาคิดว่าคงดูเก้งก้างแปลกๆเวลาทำอะไรกลับเริ่มวาดลวดลายกลางฟลอเต้นรำ แขนขายาวนั้นขยับเป็นจังหวะไปตามเสียเพลงได้อย่างน่าดูชม ลายเต้นชัดเจนแข็งแรงสวยงามจนตราตรึงดวงตาเขาไว้กับการเคลื่อนไหวนั้น แจ็คสันมองตาแทบไม่กระพริบในขณะที่คนในฟลอเริ่มตีวงกว้างให้ร่างสูงได้วาดลวดลายได้มากยิ่งขึ้น เสียงร้องเฮเชียร์ของคนรอบข้างเพิ่มอุณหภูมิในผับให้ลุกโชน
เผลอสบตากับดวงตาเรียวกลมที่เขาเคยคิดว่ามันบริสุทธิ์ตอนนี้กลับมีเสน่ห์ดึงดูดจนแทบจะละสายตาออกมาไม่ได้ ยูคยอมหมุนตัวมายื่นมือให้เขา
“เอาหน่อยไหมครับ”
“เอ่อ...”กำลังจะปฏิเสธแต่เสียงเชียร์รอบข้างทำเขาปฏิเสธไม่ลง เอื้อมมือไปจับมือใหญ่นั่นแบบไม่ค่อยมั่นใจนัก ยูคยอมยิ้มกว้างฉุดร่างคนตัวเล็กกว่าให้เดินตามเขามาในฟลอ แอบแปลกใจเล็กน้อยเมื่อแจ็คสันกลับเริ่มวาดลวดลายการเต้นได้ไม่แพ้เขาเลย ร่างสูงแย้มยิ้มพึงพอใจเข้าไปแจมเต้นด้วย
ตอนแรกก็กะจังหวะกันไม่ถูกแต่พอสักพักก็เริ่มปรับตัว จับจังหวะกันได้ เข้าขากันได้ดีจนทั้งสองอดแปลกใจไม่ได้ สนุกกันจนจังหวะดนตรีเริ่มเปลี่ยนเป็นจังหวะอื่น ยูคยอมถึงได้จับมือร่างเล็กให้เดินกลับไปที่โต๊ะ
“นายเต้นเก่งจัง ไม่นึกว่าติ๋มๆแบบนี้เต้นได้ขนาดนี้เลย”
“ผมเคยอยู่ชมรมเต้นที่โรงเรียนน่ะ แต่พี่ก็เก่งใช่ย่อยเลย เคยฝึกเหรอครับ”
“พักนึก... แต่เลิกแล้ว งานกิจกรรมคณะมันเยอะ ไม่มีเวลาไปซ้อมเลย”บ่นเสียดาย ขณะหมุนแก้วของเหลวสีอำพันไปมา
“พี่อยากเต้นต่อไหม? ผมสอนพี่ได้นะ”
“ไม่มีเวลาโว้ยยย ก็บอกแล้วไง อีกอย่างคณะพวกนายเรียนหนักจะตาย ไม่มีเวลามาสอนฉันหรอก”ยู่หน้าใส่คนเอ่ยข้อเสนอ
“สำหรับพี่ผมมีเวลาให้เสมอนั่นแหละ”
“...”แจ็คสันหยุดหมุนแก้วเล่น เงยหน้ามองคนตัวสูงที่จ้องเขากลับไม่หลบสายตาจนคนเขินกลายเป็นเขาแทน
“ยูคยอม...”
“ที่พี่ถามผมก่อนหน้านี่น่ะ...”ยูคยอมเอ่ยขัดคนที่กำลังจะถามคำถามเดิม มือใหญ่เอื้อมข้ามฝั่งโต๊ะมาวางบนแก้มกลมที่เริ่มอุ่นร้อนช้าๆ ดวงตาเรียวจ้องคนตัวเล็กที่นั่งตรงนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ใบหน้าคมก้มตามลงมากดจูบลงบนปลายจมูกรั้นแผ่วเบาแต่ให้ความรู้สึกวาบหวามสั่นสะท้านไปทั้งกาย ใบหน้ากลมแดงจัดแม้นอยู่ในที่ไฟสลัว
“ผมจะตามตื้อจีบพี่ จนกว่าพี่จะยอมเป็นของผมให้ได้”
.
.
.
“เตรียมตัวไว้เลยนะครับ พี่ชายว่าที่ที่รัก”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น