[SF] What do you wish on Charismas day? [MARKSON]
TITLE: What do you wish on Christmas day?
COUPLE: MARK x JACKSON [MARKSON]
RATE: NC-20
WORD: 5,082
BY: Silverfeather29 /@silverfeather29/
-------------------------------------------------
What do you wish on Christmas day?
SPECILE for Charismas day
...มาร์คอยากขอพรสักข้อในวันคริสมาสต์...
“มาร์ค ไม่ไปกับพวกเราจริงๆเหรอ?”จูเนียร์ถามมาร์ค ทั้งที่มืออีกด้านโดนเจบีกุมเอาไว้หลวมๆ
“ไม่เป็นไร ฉันอยู่ได้”ชายหนุ่มตัวสูงผมตอบ ยิ้มบางๆยืนยันให้เพื่อนสบายใจ
“วันนี้คริสมาสต์นะเว้ย ไปไปกับพวกเราจริงเหรอ?”เจบีช่วยคนรักตัวเองอีกแรง แต่มาร์คก็ยังคงส่ายหน้า
“ฉันไปเดี๋ยวพวกนายจะกร่อยเปล่าๆ”
“นายอยู่คนเดียวมาสามปีแล้วนะมาร์ค”
“ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย ฉันก็ไปโบสถ์ ได้เจอคนอยู่นะ”รู้ว่ามุขตัวเองมันไม่ขำ แต่ก็พยายามยิ้มให้เพื่อนรักทั้งสองคนได้สบายใจ เจบีกับจินยองมองหน้ากันแล้วถอนหายใจใส่เขาพร้อมกัน หน้าตาเซ็งจนน่าขันเชียวล่ะ
“นายยังลืมแบมแบมไม่ได้เหรอ?”
“ไม่เลย”มาร์คส่ายหน้า “แบมกับยูคกำลังจะขึ้นเครื่องกลับไทย เมื่อกี้แบมโทรมาบอก”
“แล้วทำไมนายไม่ยอมมีใครสักที”
“...”มาร์คได้แต่ยิ้มกับคำถามนั้น สุดท้ายกว่าจะไล่สองคนให้ออกไปเดทวันคริสมาสต์ได้ มาร์คก็แทบจะถีบเจบีขึ้นรถซะเอง ส่วนจูเนียร์น่ะไม่กล้าทำอะไรหรอก เดี๋ยวโดนไอ้เงิงมันเฉาะหัวเอา หวงจะตาย
พอส่งเพื่อนเสร็จก็ปิดประตูบ้านมองบ้านอันแสนเปล่าเปลี่ยวของตัวเอง มาร์คเดินไปทรุดตัวนอนบนโซฟาสีดำตัวยาวกลางห้องนั่งเล่น มองนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามแล้วได้แต่ทอดถอนหายใจเบื่อๆ เขาต้องรออีกสองชั่วโมงพิธีมิสซาถึงจะเริ่ม
ทุกคนต่างบอกว่ามาร์คนั้นดีพร้อมทุกอย่าง ตั้งแต่หน้าตาที่หล่อเหลา ร่างกายแข็งแรง ฐานะร่ำรวยและการงานดีเยี่ยม หลายคนอยากเป็นอย่างเขา ยกให้เขาเป็นไอดอล แต่ในวันพิเศษแบบนี้มาร์คกลับเป็นแค่หนุ่มโสดที่เงียบเหงา...
สามปีก่อนเขามีแฟนชื่อแบมแบม แต่ก็เลิกกันเพราะรู้ตัวในตอนหลังว่าเขารักแบมแบมแบบน้องและแบมแบมก็รักยูคยอมเพื่อนร่วมแผนกแบบคนรัก ถือว่าจบกันดีมากๆ ทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดก็เพิ่งโทรมาบอกว่าจะพาลูกเขยกลับบ้านไปเยี่ยมแม่ที่ไทย สองคนนั้นก็น่ารักดี
ส่วนเจบีกับจูเนียร์นั่นคบกันตั้งแต่มัธยมปลายด้วยซ้ำ รักกันมายาวนานกว่า 10 ปี ความหวานไม่เคยลด แถมยังเพิ่มซะจนเพื่อนๆในบริษัทอดเบ้ปากให้ไม่ได้ เรียกว่าอยู่กันมามากกว่าครึ่งชีวิต แอบได้ยินเจบีบอกว่าปีหน้าจะบินไปจดทะเบียนสมรสที่อเมริกา หวานมากไหมล่ะ?
เสียงริงโทนคุ้นหูดังขึ้น มือถือเครื่องบางในกระเป๋ากางเกงสั่นเร่งให้เขารีบรับมันเสียที
“มาร์คครับ”
“พี่มาร์ค~ พี่ไม่กลับบ้านจริงเหรอ? นี่ป๊าเตรียมงานปาร์ตี้แล้วนะ”
“กลับไม่ได้ พี่ติดงานที่นี่ โทษทีนะ”
“โถ่วว เออ ม๊าจะคุยด้วยแหละ...มาร์ค เป็นยังไงบ้างลูก”
“สบายดีครับม๊า หิมะที่นี่เริ่มตกแล้ว หนาวนิดหน่อย”
“อย่าทำงานหนักมากนะลูก ว่างๆก็หาสะไภ้กลับบ้านมาเยี่ยมด้วยล่ะ”
“ก็หาอยู่ครับม๊า”มาร์คยิ้มให้กับคำตอบของตัวเอง
ใช่ เขากำลังหาอยู่...
ที่เงียบมาสามปีเพราะไม่เคยเจอใครที่พอดีและใช่พอสำหรับตัวเอง บางทีก็อิจฉาแบมแบมกับเจบีเหลือเกินที่หาครึ่งหนึ่งของตัวเองเจอ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งของเขาอยู่ตรงไหนบนโลกก็ไม่รู้สิ อาจจะยังไม่เกิด หรืออาจจะอยู่คนละซีกโลก...
“เนื้อคู่ เธอกำลังทำอะไรอยู่นะ”พึมพำกับตัวเองเสียงเบา เงียบพักหนึ่งก่อนหัวเราะกับคำเพ้องี่เง่านั่น ยันตัวลุกขึ้นเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปพิธีมิสซา
บรรยากาศในวันคริสต์มาสก็เหมือนทุกๆปี ร้านรวงในเมืองประดับตกแต่งด้วยสีเขียวแดง ดาว ตุ๊กตาหิมะ สายรุ้งและริบบิ้นเต็มไปหมด บางร้านถึงขนาดมีคุณลุงแซนต้าและแซนดี้มายืนแจกใบปลิวเรียกลูกค้ากันหน้าร้าน พวกเด็กๆก็ชื่นชอบกันใหญ่ ส่วนคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องวิ่งไปจับตัวคุณลูกกันอุตลุด
...น่าสนุกดี...
มาร์คชอบออกมาเดินเล่นในวันคริสต์มาสเพราะชอบที่จะเห็นบรรยากาศอบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาวแบบนี้ ภาพครอบครัวที่จูงแขนจูงมือกันแวะเข้าร้านอาหาร ภาพคนรักชายหญิงที่ควงกันอิงแอบต้านลมหนาวเคียงข้างกัน ภาพหญิงสาวที่กำลังเลือกซื้อของขวัญสำหรับคนที่ตัวเองรักในร้านขายกิ๊ฟช็อป แม้ภาพพวกนี้มันจะทำให้มาร์คลืมความเหงาในใจบ้างในขณะหนึ่งก็ยังดี...
ชายหนุ่มในชุดฮูตสีดำหยุดยืนมองหิมะที่กำลังโปรยลงมาช้าๆ ยื่นมือออกไปรับเกล็ดใสบอบบางที่เพียงเจออุณหภูมิมนุษย์ก็สลายสภาพกลายเป็นของเหลวอย่างรวดเร็ว
...ช่างเป็นความงามที่อายุสั้นเสียจริง...
มัวแต่เดินเพลินดูนั่นนี่ เขาเกือบจะเข้าพิธีสายเสียแล้ว ดีที่มาถึงตอนที่คุณพ่อประจำโบสถ์เดินออกมาพอดี มาร์คถอดเสื้อฮูตแขวนไว้ตรงราวด้านนอก เดินเข้ามาในโบสถ์ใหญ่ที่มีคนมากมายนั่งทำพิธีอย่างเงียบสงบ เขาเลือกจะนั่งหลังสุด เพราะเป็นมุมที่เห็นภาพมุมกว้างได้ดีที่สุด
พิธีมิซซาจบแล้ว คนในโบสถ์กำลังทยอยเดินออกไป แต่มาร์คยังนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิม เขาก็แค่อยากขอพรแบบเด็กๆในวันคริสต์มาส ขอกับพระเจ้า ขอกับนักบุญนิโคลัส ขอกับใครก็ได้...
“อาเมน”เสียงทุ้มต่ำของตัวเองดังแม้กระทั่งในหัว มามร์คพยุงกายขึ้น หันหลังจะเดินออกไป แต่ตรงหน้าเขาปรากฏเด็กหนุ่มที่เขาจำได้ว่าเป็นหนึ่งในคณะคอรัสของโบสถ์กำลังยืนยิ้มมาให้เขา
“พี่จะได้สิ่งที่พี่หวังแน่นอน ขอแค่พี่เชื่อ”
“ขอบใจนะ ยองแจ”
เด็กนั่นดูเหมือนจะไม่ตกใจที่เขาจำชื่อตัวเองได้ ยองแจแค่ยิ้มแล้วเดินออกไปจากโบสถ์เงียบๆ มาร์คหยุดครุ่นคิดกับประโยคนั้นสักพัก
“แค่ฉันเชื่อสินะ”
ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้ว...
มาร์คนั่งอยู่หน้าเตาผิงไฟ นัยน์ตาสะท้อนภาพเปลวไฟที่วูบไหวไปมาในช่องจำกัดเล็กๆนั่น ข้างเตาผิงไฟคือโต๊ะที่มีคุกกี้และนมสดหนึ่งแก้ว ถุงเท้าเก่าของตัวเองถูกแขวนไว้บนเตาผิง ซึ่งมาร์คก็ไม่คิดหรอกว่าถ้าแซนต้าให้สิ่งที่เขาขอจริงๆแล้วไอ้ถุงเท้ากะจิ๊ดริดนั่นจะใส่ ‘สิ่งนั้น’ ได้
ตามองเข็มนาฬิกาที่บอกเวลาห้าทุ่มครึ่ง เขาดับไฟเตาผิงแล้วกลับมานอนที่โซฟาตัวเดิม เขาไม่อยากจะกลับไปนอนในห้องนอนเพราะเครื่องทำความร้อนมันพัง จะติดต่อช่างก็ไม่ได้ ก็ใครเขาทำงานวันคริสต์มาสบ้างล่ะ อย่างน้อยนอนตรงนี้ก็มีไอร้อนของเตาถ่านที่ยังครุกกรุ่นให้ความอบอุ่นอยู่
“นอนได้แล้วมาร์ค”บอกตัวเองเบาๆ หลับตาลงเพื่อเตรียมเข้าสู่นิทรา...
กุกกักๆ
เสียงแปลกๆจากทางเตาผิงเรียกให้มาร์คที่กำลังจะเคลิ้มหลับคืนสติขึ้นมาอีกครั้ง เขาเหลือบตาไปมองตรงช่องเตาผิงที่มีฝุ่นตกลงมาเหมือนกำลังมีใครพยายามปีนเตาผิง หัวใจเขาเต้นระริกเหมือนเด็กๆแต่ก็หวาดระแวงว่าจะเป็นขโมย มือเผลอไปหยิบไม้เบสบอลที่เตรียมเอาไว้ข้างตัวเตรียมพร้อมหวดได้ทุกเมื่อ
“ฮึบ”
เท้าภายในบูทสูงสีดำตะกายไปมากลางอากาศสักพักก่อนที่ร่างนั้นจะตกลงมาทั้งร่าง เสียงร้องโอดโอยเบาๆทำเอามาร์คเกือบหลุดหัวเราะ เขาอาศัยความมืดพลางสายตาของตัวเองลอบมองร่างเล็กที่ลุกขึ้นมาอย่างทุกลักทุเล มือเล็กภายใต้ถุงมือดำดึงถุงขนาดใหญ่ให้ตามลงมาด้วย
ถ้าเขาเป็นเด็กๆคงตัดสินทันทีว่าคนคนนั้นคือคุณลุงแซนต้าใจดี แต่พอดีว่ามาร์คเป็นชายหนุ่มอายุ 28 ดังนั้นเขาเลยไม่ตกลงใจเชื่อเต็มร้อย แถมความมืดยังทำให้รายละเอียดของร่างนั้นเลือนรางเหลือเกิน รู้แค่ว่าใส่เสื้อแซนต้าสีแดง กางเกง...ไม่มั่นใจ ขาสั้นเหรอ? ในหน้าหนาวเนี่ยนะ ขมวดคิ้วเล็กๆเมื่อร่างนั้นเดินดุ๊กดิ๊กไปหยิบเอาคุกกี้เข้าปากจนหมด ตามด้วยนมอีกครั้งแก้ว
...ครึ่งแก้ว? ปกติต้องกินจนหมดไม่ใช่รึไง?...
พอกินเสร็จก็วาง หมุนซ้ายหมุนขวาหยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ
“หะ? คนรัก? หมอนี่มันขออะไรวะเนี่ย”เสียงแหบน่ารักๆที่มาร์คได้ยินทำให้มาร์คตัดสินใจที่จะลุกขึ้นปรบมือเรียกไฟในห้องให้เปิดพรึบ
ร่างเล็กสะดุ้งโหยงตกใจ พยายามจะปีนกลับไปในเตาผิง แต่ดันซุ่มซ่ามสะดุดพื้นพรมล้มหวืดเอาหน้าลงเสียจนดูไม่ได้
“งืออออออออออออ T_____T”
...ถ้านี่เป็นแซนต้า ก็คงเป็นแซนต้าที่ซุ่มซ่ามและน่ารักที่สุดในโลก...
ใบหน้าขาวเล็กยู่หน้าเจ็บจากการเอาหน้าลงเต็มๆ มือป้อมจับจมูกรั้นของตัวเองที่รื้นแดง ริมฝีปากอิ่มแดงแบะคล้ายจะร้องไห้ ดวงตากลมโตเหมือลูกหมาตัวเล็กๆคลอน้ำน่าสงสาร ร่างที่ตัวเล็กกว่าเขานั่งแบะขาอยู่หน้าเตาผิงอย่างน่าเอ็นดู
“นายเป็นอะไรไหม?”มาร์คิดจะถามออกไปไม่ได้ ตาโตๆนั่นหันขวับมาจ้องเขาราวกับเจอตัวประหลาด
“คะ คุณเห็นผมเหรอ?”
“หืม? ปกติเขาไม่เห็นนายกันเหรอ?”
“เห้! นี่เห็นจริงๆอ่ะ”ร่างเล็กลืมเจ็บไปเสียสิ้น รีบลุกขึ้นมาจ้องเขาจนเริ่มรู้สึกเขิน “เอ๊ะ คุณเป็นผู้ใหญ่นี่ ทำไมเห็นผมล่ะ”
“แล้วนายเป็นใครล่ะ? ถ้านายไม่บอกฉันจะโทรบอกตำรวจล่ะนะ”
“เห้ยๆ อย่านะๆ”ร่างเล็กนั่นรีบเข้ามากอดแขนเขาแน่น ดวงตากลมนั่นอ้อนวอนเขาจนน่าขัน “อย่าโทรบอกนะ ผมกลัวผมสอบไม่ผ่านอ่ะ”
“สอบ?...ถ้านายบอกฉันทั้งหมดว่านายเป็นใคร มาที่นี่ทำไมแล้วฉันจะยอมช่วย”
ร่างเล็กดูลังเล แต่สุดท้ายก็พยักหน้าหงกหงักยอมจำนน
“ผมชื่อแจ็คสัน เป็นแซนต้าฝึกหัดครับ อ่า คุณอาจจะไม่เชื่อนะ ตะ แต่ผมเป็นแซนต้าจริงๆนะ ถึงจะฝึกหัดแต่ผมก็เสกของได้นะ ดูนี่ๆ”แจ็คสันรีบดึงถุงที่มาร์คสงสัยว่ามันคืออะไรออกมา แล้วล้วงเข้าไปในนั้น ทำหน้าเคียกขณะเอ่ยเรียกสิ่งของ
“ตุ๊กตาหมีสีน้ำตาล”
พูดจบก็ได้ยินเสียงปุ๊กจากถุง ร่างเล็กยิ้มร่าดึงผลงานตัวเองออกมาก่อนทำหน้าจืดเจื่อน
“...”
“...”
“นั่นมันตุ๊กตาหมีสีขาวนะแจ็คสัน”
“อย่าย้ำดิ! มันก็ต้องมีพลาดกันบ้างอ่ะ!”ร่างเล็กยู่ปากงอนๆ ตากลมๆนั่นเริ่มรื้นน้ำตาอย่างน่าเอ็นดู มาร์คหัวเราะอดยีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายของคนตัวเล็กกว่าไม่ได้ แจ็คสันสะบัดศีรษะไปมาจัดทรงผมใหม่
“นายเป็นแซนต้าฝึกหัดที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลยนะ”
“ฮึก...”
...อ้าวชิบ!...มาร์คสบถกับตัวเองในใจ มองแซนต้าขี้แยที่แบะปาก ปล่อยน้ำตาออกมาจากดวงตากลมเสียเต็มที่แถมส่งเสียงสะอื้นฮักๆอย่างน่าสงสาร ชายหนุ่มลนลานอยู่ชั่วขณะ ตัดสินใจดึงร่างนั้นมาแนบอกกอดปลอบบนโซฟา กลิ่นหอมลูกกวาดทำเอามาร์คกอดคนตัวเล็กแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
“ฮือ ผมมันไม่ได้เรื่อง เสกของก็ไม่ได้ แถมยังซุ่มซ่ามให้มนุษย์เห็นตัวอีก ฮืออออ ผมต้องสอบไม่ผ่านแน่เลย ฮือ”
“ถ้าไม่ผ่านแล้วจะเป็นยังไง”
“ไม่ได้เป็นแซนต้า...ผมจะโดนปลดออกจากการเป็นแซนต้า ต้องกลับไปทำงานที่โรงงานผลิตของเล่น แต่ผมไม่อยากอยู่ในโรงงานนั่นนี่นา ฮืออออออออ”ยิ่งพูดก็ยิ่งร้องหนักขึ้น มาร์คลูบศีรษะกลมนั่นไปมา ลูบไปก็เพลินไป
...เป็นแซนต้าที่น่ารักจริงๆให้ตายเถอะ...
“แล้วทำยังไงนายถึงจะผ่านล่ะ?”
“ผมต้องส่งของขวัญให้ครบ แต่ผมว่าผมให้ของขวัญคุณไม่ได้แน่ๆ”
“หืม? สิ่งที่ฉันขอน่ะเหรอ? คนรักสินะ...”แจ็คสันพยักหน้าหงึกหงัก ตาโตเหมือนจะร้องไห้อีกหน “ฉันแค่ขอเล่นๆเองนะ ทำไมถึงไปอยู่ในรายชื่อได้ล่ะเนี่ย”
“คำขอพรที่แรงกล้าเท่านั้นที่จะถูกจดลงในรายชื่อของขวัญของแซนต้า คุณคงไม่ได้ขอเล่นๆเหมือนที่พูดหรอกใช่ไหม?”ร่างเล็กเงยหน้าเอียงคอขึ้นมามองเขา
“คุณเหงามากเลยเหรอ?”
“...อืม”มาร์คแปลกใจตัวเองที่กล้ายอมรับความรู้สึกตัวเองต่อหน้าแซนต้าฝึกหัดคนนี้ได้แบบไม่อาย
“งั้น...ผมเป็นคนรักของคุณให้ไหม?”
“หืม?”มาร์คชะงัก มองดวงตากลมโตไร้เดียงสาของคนตรงหน้างงๆ “นายรู้รึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา”
“ผมรู้จักนะ สิ่งที่คนรักเขาทำกันอ่ะ ถึงผมจะไม่เคย แต่ผมทำให้คุณได้นะ”ร่างเล็กบอกอย่างมั่นใจ ปีนขึ้นมานั่งคร่อมตักกว้างของมาร์ค ขาขาวที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นสีดำนั่นเสียดสีขาเขาผ่านกางเกงผ้าร่มผืนบาง ท่าทางหมิ่นเหม่จนมาร์คเริ่มเขว
“เฮ้ๆ แจ็คสัน นายรู้ตัวรึเปล่าว่านายกำลังจะทำอะไรน่ะ”มาร์ครีบปรามแซนต้าตัวน้อยที่เหมือนจะไม่รู้เลยว่าไอ้การทำแบบคนรักน่ะจริงๆมันคืออะไร
แจ็คสันไม่ฟังคำปรามนั่นแถมยังดึงกางเกงคนตัวสูงลง มองสิ่งที่หลับอยู่ใต้กางเกงในสีเข้มนั่นตาแป๊ว ในขณะที่คนตัวสูงอายจนมองไม่กล้ามอง
“ทำไมมันไม่เห็นจะตั้งขึ้นเหมือนในหนังสืออ่ะ”เงยหน้าขึ้นมามองตาแป๊วแว๋วน่าเอ็นดูเหมือนเด็กกำลังถามว่าทำไมสีแดงถึงเป็นสีแดงเสียอย่างนั้นแหละ
...ไอ้โรงเรียนแซนต้านี่มันสอนอะไรให้เด็กบ้างวะ โอ๊ยยย มาร์คปวดตับ!...
แจ๊คสันมองร่างสูงที่ไม่ยอมมองหน้าเขาแถมยังไม่ยอมตอบเขางงๆ ในหนังสือมันต้องมองตากันไม่ใช่เหรอ ทำไมอ่ะ? จะว่าไปตรงนี้ของมาร์คก็ยังไม่ตั้งเลยนี่นา แล้วต้องทำยังไงให้ตั้งขึ้นอ่ะ มันต้องกดปุ่มเหมือนพวกตุ๊กตาของเล่นเดินได้นั่นรึเปล่านะ? ต้องหาปุ่มให้ได้ก่อนสินะ
ร่างสูงกัดฟันกรอดตอนที่มือเล็กคลำลงบนส่วนกลางลำตัวหนักเบาแบบไม่รู้ประสาแต่กลับสามารถทำให้มังกรตื่นขึ้นมาจนได้
“ปุ่มมาร์คมันอยู่ไหนอ่ะ ทำไมจู่ๆมันก็ตั้งขึ้นอ่ะ”
...อินโนเซนต์สุด...
มาร์คอยากจะร้องไห้ เหมือนตัวเองกำลังจะพรากผู้เยาว์ ทั้งที่ร่างของแจ็คสันก็อยู่ในวัยเด็กหนุ่มวัยรุ่นแท้ๆ แต่จะให้หยุดตอนนี้เขาก็คงต้องคลั่งก่อน ก็ใครใช้ให้ไอ้เด็กบ้าบนตักนี่น่ากินแบบนี้วะ! เสื้อคลุมแบบมัดเอวที่ยิ่งก้มก็ยิ่งแหวกเห็นหน้าอกบางขาว กางเกงขาสั้นแบบโคตรโมเอะ ตาโตๆท่าทางไร้เดียงสาและกลิ่นหอมลูกกวาดน่าเลียกินให้หมดทั้งตัว...
…โอ๊ยยย จะว่าหลอกเด็กก็ยอมล่ะวะ เด็กมันยั่วผมก่อนนะ ทุกคนเป็นพยานได้!!...
“นายมันไม่เก่งจริงๆนั่นแหละ”เสียงของมาร์คเปลี่ยนไปจนแจ็คสันสังเกตได้ ก้มหน้าลงไปมองมือแกร่งที่โอบมือเขาบังคับให้ไปวางบนส่วนที่กำลังแข็งตัว แก้มกลมแดงก่ำขึ้นมาเฉยๆเมื่อมาร์คจับมือเขารูดส่วนอ่อนไหวนั่นขึ้นลง
“ฉันจะสอนให้...เซ็กซ์น่ะ”
เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูเล็ก แหย่ปลายลิ้นเข้าไปหยอกล้อเบาๆ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในทันที ความวูบโหวงในท้องเมื่อกี้มันรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
“เบามือหน่อย ใช่ นั่นแหละ ช้าๆ ครับ ดีมากเด็กดี”มาร์คจูบลงบนแก้มเนียนหอมกลิ่นขนมอย่างชอบใจ แจ็คสันตั้งใจทำทุกอย่างอย่างที่เขาบอกให้ทำ นี่จะรู้ตัวรึเปล่าว่าโดนเขาหลอกน่ะ เด็กเอ๊ย
ปล่อยให้แจ็คสันยุ่งกับส่วนนั้นไป ส่วนร่างสูงก็เริ่มเตรียมการร่างเล็กให้พร้อมเหมือนกัน กระตุกปมเชือกเสื้อให้หลุดออก สาปเสื้อคลายตัวแหวกออกเล็กน้อยให้เห็นผิวเนื้อเนียนไม่มีรอยตำหนิ อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงไปไล่ชิมตั้งแต่ลำคอขาว สูดดมกลิ่นหอมประจำกายนั่นเต็มปอด ฟันขบกัดฝากรอยไว้บนผิวสีงาช้างทุกที่ที่เขาเคลื่อนผ่าน มือแหวกสาปเสื้อนวดเฟ้นกายนุ่มนิ่มที่ไม่ว่าจะคลำจะบีบตรงไหนก็เหมาะมือไปเสียทุกส่วน แอบได้ยินเสียงครางฮือจากคนบนตัก มือที่กำลังเปรอปรนส่วนนั้นหยุดเสียดื้อๆ
“มันรู้สึกแปลกๆอ่า คุณทำอะไรผม”
“อยากให้ฉันหยุดไหมล่ะ?”
หัวกลมส่ายไปมา ใบหน้าแดงก่ำ “มันแปลกๆ แต่ไม่อยากให้คุณหยุด ทำต่อนะ”
...เจออย่างนี้ผมนี่พลิกลงโซฟาแทบไม่ทันครับ...
“อื้อ!”เสียงแหบน่ารักร้องประท้วงทันทีที่โดนผลักลงบนโซฟาแล้วโดนริมฝีปากสวยประกบเข้าครอบครองยอดอกที่ชันตามแรงอารมณ์ มือขาวผละออกจากแก่นกายคนตัวสูงจิกเส้นผมตัวเองอย่างไม่รู้จะระบายความเสียวซ่านในกายที่ไหน มาร์คเห็นอย่างนั้นก็ดึงมือขาวไปวางไว้บนหลัง
“ถ้าเจ็บก็จิกแรงๆเลย ยกให้”
ลิ้นเรียวบดขยี้จุดเล็กบนอกนุ่มไปมาสลับกันสองข้างอย่างเท่าเทียมจนพอใจ มือบีบเฟ้นอกนุ่มสนุกมือจนผิวขาวขึ้นรอยมือแดง เลื่อนริมฝีปากลงมาจูบเบาๆบนหน้าท้องเกร็งแน่น ใช้ฟันกัดรูดซิบกางเกงขาสั้นสีดำลงช้าๆปล่อยให้ส่วนอ่อนไหวของคนตัวเล็กออกมาโลกภายนอก
“คะ คุณจะทำอะไร อ๊า!”
มาร์คไม่ฟังเสียงนั่น จัดการครอบครองกลืนส่วนอ่อนไหวเข้าไปในปาก ตาเรียวจ้องมองใบหน้าน่ารักแดงก่ำ ดวงตาโตเอ่อล้นด้วยอารมณ์มองเขาหน้าตาตื่น แกล้งดูดเม้มครูดฟันลงไปเน้นๆ เพื่อมองปากแดงก่ำที่ครางลั่นห้อง มือขาวจิกบนหลังเขาเต็มๆ ร่างขาวสั่นระริกบิดเร่าไปมา ปลดปล่อยหยาดน้ำเข้าปากคนตัวสูง
“ขอโทษ ผมขอโทษ ฮึก ฮือ”คนตัวเล็กร้องไห้โฮ นึกว่าตัวเองทำไม่ดีให้มาร์คเข้าให้ คนตัวสูงลุกขึ้นคายหยาดน้ำในปากออกมาบนฝ่ามือ รูดกางเกงขาสั้นพ้นจากร่างขาว ก้มลงจูบปิดเสียงสะอื้นเบาๆ
“ไม่ต้องขอโทษ เพราะฉันจะเป็นคนขอโทษนายแทน”
กดจูบลงบนริมฝีปากแดงหยุ่นนั่นอีกครั้ง ส่งเรียวลิ้นเข้าไปเล่นในโพรงปากนุ่มเพื่อให้ผ่อนคลายมากขึ้น ในขณะที่มือก็แหวกขาขาวออก ส่งปลายนิ้วชุ่มน้ำเข้าไปเบิกทางด้านหลัง ร่างขาวกระตุกวาบ เล็บสั้นครูดหลังเขาแน่นระบายความเจ็บ ตาโตเบิกกว้างหยาดน้ำใสหยดลงมาอีกรอบ ร้องฮือในลำคอเพราะมาร์คไม่ยอมถอนจูบออก ยิ่งดันนิ้วเข้าลึก ร่างสูงก็ยิ่งตะโบมจูบให้ล้ำลึกขึ้น เบิกทางจนมั่นใจว่าพร้อมแล้วถึงได้ถอนจูบออกมองคนใต้ร่างนิ่ง
“ขอโทษนะ”
“อ๊าาาา!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”ร่างเล็กกรีดร้องลั่น น้ำตาไหลพรากเจ็บปวดจากการสอดใส่ ขาขาวหุบเข้ามาตามสัญชาติญาณพยายามดันร่างคนตัวสูงออก มือเล็กปิดใบหน้าตัวเองไว้แน่น
“ฮือ คุณจะฆ่าผมเหรอ ฮึก!”แจ็คสันเริ่มร้องไห้เพราะรู้สึกแย่ มันเจ็บจนแทบทนไม่ไหวแล้ว มาร์คกำลังจะฆ่าเขาใช่ไหม? สะบัดหน้าหนีคนบนร่างที่พยายามจะก้มลงมาจูบอย่างขุ่นเคือง
“ฉันกำลังรักนายต่างหาก”
“แต่มันเจ็บ”ร่างเล็กท้วง มือยันร่างสูงไม่ให้เข้ามามากกว่านี้ “ผมตายแน่ๆถ้าคุณเข้ามามากกว่านี้”
“ไม่ตายหรอก”มาร์คจูบขมับชื้นเหงื่ออย่างนึกเอ็นดู อะไรจะไร้เดียงสาได้ขนาดนี้กันนะ “อย่าเกร็ง สนุกไปกับมัน ฉันสัญญาว่านายจะชอบมัน”
ป้อนจูบอ่อนหวานพยายามให้ร่างเล็กเคลิ้มและผ่อนคลายมากขึ้น ช่องทางด้านหลังคลายตัวบ้างแล้ว มาร์คขยับสอดสะโพกตัวเองเข้าไปครั้งเดียวจนมิดร่าง ขาขาวผวารัดเอวคนตัวสูงแน่นขณะที่ปากยังพันพัวกับรสจูบ ความรู้สึกเจ็บเริ่มเปลี่ยนเป็นความรู้สึกดีเมื่อมาร์คเริ่มขยับสะโพกเนิบช้า
“อือ อ๊ะ”เสียงครางแหบห้าวและกลิ่นหอมหวานของขนมบนกายขาวปลุกปั่นอารมณ์มาร์คให้ปั่นป่วน จับขาขาวด้านหนึ่งยกพาดไหล่กว้าง ขยับสอดใส่ช่องทางรัดแน่นด้านหลังถี่ๆจนร่างเล็กสั่นคลอน ส่งเสียงร้องครางไม่หยุด เสียงเอี๊ยดอ๊าดลั่นของโซฟาไม่ทำให้มาร์คผ่อนแรงลงกลับย้ำหนักจนแจ็คสันร้องประท้วงเสียงหวาน
“เรียกชื่อฉัน”
“มาร์ค อ๊ะ มาร์ค อื้อ!”
สวนสะโพกเข้าไปหนักๆจังหวะสุดท้ายปล่อยกระตุกน้ำกามเข้าไปในช่องทางอุ่นแน่น ร่างเล็กหอบครางสะท้านหมดฤทธิ์อยู่บนโซฟา ไม่ต่างจากคนตัวสูงที่นอนทับคนตัวขาวโอบแขนกอดรัดอย่างหวงแหน ดวงตาโตปรือปรอยเหนื่อยอ่อนเหลือบมองร่างสูงเมื่อรู้สึกถึงความคับแน่นในช่องทางด้านหลังของตัวเองอีกครั้ง
“มาร์ค ยังไม่พออีกเหรอ”
“ขออีกนะ”
ร่างกายของแซนต้าตัวน้อยคนนี้หอมหวานไม่ต่างจากขนมบนดินแดนลึกลับที่ยิ่งกินก็ยิ่งหลงใหลยิ่งเสพย์ติดจนยากที่จะถอนตัว มาร์คอยากเห็นแก่ตัว อยากริบความสุขของเด็กทั้งโลกไว้ที่เขาคนเดียว ไม่อยากให้แจ็คสันไปไหนเลย อยากได้มาครอบครอง อยากได้มาเป็นคนรักของเขาจริงๆ...
...มาร์คกำลังตกหลุมรักแจ็คสันเข้าเต็มเปา...
“ฮือ เบาๆน้า เจ็บแบบเหมือนเมื่อกี้ไม่เอาแล้วน้า”
“จะพยายามนะครับ”
กดจูบบนริมฝีปากแดงอิ่มนั่นอย่างนึกเอ็นดูและหวงแหน แม้ไม่รู้ว่าจะได้อยู่ด้วยกันถึงเมื่อไหร่ แต่มาร์คก็จะขอใช้ช่วงเวลานี้มีความสุขกับร่างเล็กให้มากที่สุดก็แล้วกัน...
.
.
.
.
.
.
.
“อื้อ อ๊า!”เสียงครางแหบห้าวดังสะท้อนกระเบื้องห้องน้ำเร่งอุณหภูมิให้คนตัวสูงตบสะโพกขาวเข้าไปหนักๆย้ำคำรักที่พร่ำบอกตลอดค่ำคืน มือแกร่งตรึงมือเล็กไว้บนพื้นกำแพง อีกข้างก็ยึดเอวอวบไว้กันไม่ให้อีกคนล้มลงไปบนพื้น น้ำอุ่นจากฝักบัวที่ตอนแรกเปิดเพื่อจะใช้อาบกลายเป็นสิ่งหล่อลื่นให้คนตัวสูงสอดแทรกเข้าไปในช่องทางฟิตแน่นอีกครั้ง
“ฉันรักนายนะแจ็คสัน รักนาย รักนายมากจริงๆ”
“งือ อ๊า!”ร้องครางลั่นจังหวะสุดท้าย ปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมาพร้อมๆกับที่สะโพกอิ่มกระตุกรับน้ำอุ่นร้อนเข้ามาในร่างกายเป็นครั้งที่เท่าไหร่บ้างแล้วก็จำไม่ได้ แจ็คสันแนบร่างลงบนผนังห้องน้ำหอบเหนื่อยแทบหมดลม ปล่อยให้คนตัวสูงเลาะเล็มตามลำคอขาวที่ตอนนี้คงแดงก่ำไม่แพ้เสื้อแซนต้าของตัวเองเป็นแน่แท้ มาร์คก็ไม่ยอมให้เขาได้พักบ้างเลย ที่โซฟาก็ว่าเยอะแล้ว ยังจะมีหน้าพาเขาไปต่อที่โต๊ะกินข้าว เตียงนอนแล้วยังมาต่อในห้องน้ำอีก ถึงเขาจะอินโนเซนในเรื่องแบบนี้แต่ก็รู้ว่ามันเยอะเกินไปอยู่ดี
...ถึงอย่างนั้นก็ปล่อยให้ร่างสูงทำตามอำเภอใจกับร่างตัวเองต่อไป...
...หรือว่าแจ็คสันจะเกิดความรู้สึกเยี่ยงคนรักกับมาร์คเข้าแล้วกันนะ...
เวลาตีห้าแล้ว ร่างสูงที่หลับไปแล้วตระกองกอดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอดแน่น ตาโตปรือลืมตาตื่นเมื่อถึงเวลาที่ต้องจากไปจริงๆ แจ็คสันมองหน้ามาร์คนิ่ง อยากจะอยู่ต่อแต่เขาทำไม่ได้จริงๆ จับแขนคนตัวสูงออก ขยับตัวลุกขั้นให้เบาที่สุด ร้องซี๊ดเสียงเบาเจ็บสะโพกจนน้ำตาเล็ด อดมองตัวการอย่างนึกขุ่นเคืองไม่ได้
...คนลามก...
กำลังจะลุกขึ้นจากเตียงก็ต้องลงไปนอนเหมือนเดิม มองร่างสูงที่ขึ้นคร่อมร่างตัวเองอีกรอบ ริมฝีปากสวยเอาแต่วนเวียนอยู่บนใบหน้าเขา ทั้งสองไม่พูดอะไร ต่างคนก็ต่างรู้ว่าถึงเวลาที่ต้องจากกันแล้ว มือขาวยกแนบแก้มของคนตัวสูงที่ดวงตาทอประกายโศกเอาไว้อย่างรู้สึกเศร้าไม่แพ้กัน แต่แจ็คสันรู้ว่าตัวเองร้องไห้มาเยอะเกินไปแล้ววันนี้ ทนข่มน้ำตาเอาไว้เหลือเพียงสะอื้นในลำคอเบาๆ ยันตัวขึ้นจูบบนริมฝีปากสวยแผ่วเบา
ของขวัญสุดท้ายในวันคริสต์มาสของมาร์คคือจูบลาของคนที่ตัวเองรัก
แจ็คสันผลักร่างสูงออกไป พยุงกายลุกขึ้นจากเตียงยืนหันหลังให้คนตัวสูง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกสวมใส่ให้หลังออกมาจากห้องน้ำถูกปลดออก ร่างเล็กดีดนิ้วเพียงครั้งเดียวชุดแซนต้าฝึกหัดอย่างตอนที่หล่นลงมาบนเตาผิงไฟก็ปรากฏขึ้นมาบนร่างอีกครั้ง
“Merry Christmas…My Dear”
คืนนี้จะเป็นวันขึ้นปีใหม่...
เสียงรินโทนคุ้นหูดังขึ้น มาร์คเหลือบมองมันแล้วเงยหน้ามองเตาผิงไฟต่อ หวังลมๆแล้งๆว่าจะมีใครบางคนร่วงลงมากลับมาหาเขาอีกครั้ง ทั้งที่ในใจก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ ได้แต่ทอดถอนหายใจ ซุกหน้าลงบนเสื้อเชิ้ตสีขาวหอมกลิ่นขนมหวานแน่น จินตนาการภาพถึงเจ้าของกลิ่นด้วยความคะนึงหา
มาร์ครู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน คุกกี้ที่หายไปนั่นเรื่องจริง นมที่เหลือเพียงครึ่งแก้วนั่นก็เรื่องจริง เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ยังเจือกลิ่นหอมขนมหวานนั่นก็ของจริง ความรู้สึกรักของมาร์คนั่นก็จริงเสียจนมันกำลังทำร้ายตัวเขาเอง
พระเจ้าทำร้ายเขามากเกินไปหรือเปล่า?
ทำไมท่านถึงส่งเขามาให้ผมรักแล้วเอาเขากลับไปรวดเร็วขนาดนี้
ทอดถอนหายใจกับตัวเองครั้งที่ร้อย เขาควรจะเริ่มทำใจจริงๆจังๆเสียทีก่อนที่ตัวเองจะเป็นโรคประสาทมากกว่านี้
เทนมที่บูดจนขึ้นราลงท่อน้ำวางมันลงอ่างล้างร่วมกับจานคุกกี้ กะไว้ล่างวันปีใหม่ เปิดโทรศัพท์มองดูสายไม่ได้รับนับห้าร้อยสายแล้วหัวเราะเบาๆ โทรไปหาทุกคนที่โทรเข้ามาเพื่อบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร และปฏิเสธคำเชิญไปปาร์ตี้ปีใหม่ทั้งหมด ด้วยเหตุผลว่าไม่อยากไปให้ปาร์ตี้กร่อย
...เขายังไม่พร้อมจะรื่นเริงอะไรตอนนี้...
เก็บบ้านทุกซอกทุกมุมจนสะอาดหมดเกลี้ยง ยกเว้นก็แต่ที่แห่งความทรงจำอย่างโซฟาหรือเตียงที่มาร์คจงใจปล่อยให้มันยับยู่ยี่อยู่แบบนั้นต่อไป รอวันไหนที่ความคิดถึงเจือจางบางลงคงถึงเวลาเก็บมันสักวัน ซึ่งมาร์คก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นวันไหน หรืออาจไม่มีวันเลยด้วยซ้ำ...
เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกแขวนลงบนราวชั้นลึกสุดของตู้เสื้อผ้า แยกต่างหากจากเสื้อตัวอื่นชัดเจนเพราะกลัวกลิ่นจะติดกันไป แต่อย่างน้อยมาร์คก็ไม่อยากเอามันติดตัวเหมือนหลายวันที่ผ่านมา มันดูโรคจิตเกินไป...
เก็บทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลาไปหาอะไรกิน รู้สึกหิวขึ้นมาหลังจากอดอาหารมาหนึ่งวันเต็ม ใส่รองเท้าบูทและเสื้อโค้ตสีดำตัวเดิมออกจากบ้านไปซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้าน ซื้ออาหารสำเร็จรูปมาสามสี่กล่องกะเอาไว้ในวันต่อๆไป นมสดและคุ๊กกี้อัลมอนด์ที่แจ็คสันกินไปในวันนั้น...
มาร์คหัวเราะกับตัวเอง เขาชักจะบ้าขึ้นทุกทีแล้วสิ...
ระหว่างทางกลับบ้านหิมะก็เริ่มโปรยลงมา มาร์คเร่งเท้าให้เร็วขึ้น ร่างเขาชะงักกึกเมื่อมองเห็นเงาตะคุ่มๆตรงหน้าบ้าน
ร่างเล็กที่กอดเข่านั่งคุดคู้อยู่หน้าประตูบ้านทำเอาอวัยวะในอกซ้ายเด้งกระโจนไปมาจนเจ็บไปหมด มือปล่อยถุงซุปเปอร์มาเก็ตลงพื้นอย่างไม่ใยดี สองขาวิ่งกระโจนผ่านรั้วบ้านตัวเองเข้าไปรวบตัวคนที่อยู่คอยวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดตลอดหลายวันมานี้ขึ้นมาแนบอกแน่น ดีใจจนน้ำตาไหลลงมาไม่รู้ตัว สัมผัสจากมือเล็กที่ยกขึ้นปาดน้ำตาให้ทำให้มาร์คมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ฝัน
“ร้องไห้ทำไม? ไม่ดีใจที่เห็นผมเหรอ?”
“โดนไล่จากแดนเหนือแล้วอ่ะ ขอมาอยู่ด้วยคนนะ”
“ก่อนไปตอนนั้นลืมบอกอะไรบางอย่างด้วยแหล่ะ...”
“ว่าแจ็คสันก็รักมาร์คเหมือนกันครับ”
มาร์คได้ของขวัญวันคริสมาสต์แสนล้ำค่ากลับมาแล้ว
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น