[SF] WE GOT MARRIED [MARKSON]
TITLE:
WE GOT MARRIED
COUPLE:
MARK x JACKSON [MARKSON]
RATE: NC-20
WORD:
5,405
BY:
Silverfeather29 /@silverfeather29/
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
WE
GOT MARRIED
...เขาว่าชีวิตแต่งงานไม่ใช่เรื่องง่าย...
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกในช่วงเวลาที่สมควรเป็นเวลานอนอย่างตอนตีสองเช่นนี้
แสงไฟจากทางเดินส่องลอดเข้ามาทางช่องประตูตกกระทบพื้นเป็นทรงสี่เหลี่ยงที่บิดเบี้ยว
ร่างสูงผอมในชุดสูทยับยู่ยี่ก้าวเข้ามา พลันห้องที่เคยมืดสนิทก็สว่างโร่
ปรากฏร่างในชุดพร้อมนอนพิงกำแพงอยู่ข้างสวิตไฟ
ดวงตาคู่โตที่ควรหลับไปแล้วจับจ้องเขานิ่ง
“ฮยองกลับดึกว่ะ”
“มีประชุม”
“ประชุมงานหรือประชุมหญิง?”เสียงแหบห้าวสั่นบางๆแต่ก็รับรู้ได้ถึงความสั่นไหวภายในจิตใจ
“...”มาร์คไม่ตอบ
เขาถอดเสื้อสูทออกวางพาดไว้บนโซฟา ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวใน
แจ็คสันเห็นรอยลิปสติกอ่อนๆบนปกเสื้อนั้นชัดเจน
ราวกับประกาศให้รู้โต้งๆแต่ไม่มีถ้อยคำใดหลุดออกจากชายที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของตัวเอง
ดวงใจภายใต้อกเสื้อกล้ามสีดำสั่นเพราะความโกรธ
กัดฟันกรอดก้าวย่ำไปกระชากคอเสื้อคนตัวสูงเข้ามาใกล้
มือข้างหนึ่งกำหมัดจนเห็นข้อขาวหวังซัดหน้าหล่อๆนั่นให้คว่ำ
แต่พอสบดวงตาสวยไร้ความรู้สึกอันใดร่างกายก็พลันหมดแรงเอาดื้อๆ
กัดปากกลั้นเสียงสะอื้นที่จุกขึ้นมาที่คอ ขอบตาร้อนผะผ่าวเป็นสัญญาณเตือน
นิ้วคลายออกเปลี่ยนเป็นผลักอกแข็งนั่นแรงๆจนมาร์คล้มลงไปกับพื้น
“ฮยองแม่งแย่...”
เสียงสั่นพร่าต่อว่าเบือนหน้าหนี
หมุนตัวเดินก้าวเร็วๆเข้าไปในห้องนอน ทรุดตัวลงบนเตียงด้านหนึ่ง ตวัดผ้าห่มมาคลุมร่างปิดตาไม่สนใจเสียงประตูที่เปิดตามเข้ามา
มือขาวเผลอกำผ้าห่มแน่นตอนฟูกด้านหนึ่งยุบลง ขยับตัวหนีไออุ่นที่ขยับเข้ามาใกล้ทั้งที่ใจก็ยังโหยหา
นอนนิ่งนานจนมั่นใจว่ามาร์คหลับไปแล้ว
ตากลมเหลือบมองร่างที่หายใจเข้าออกสม่ำเสมออยู่บนเตียงอีกฟาก ลุกขึ้นมานั่งกอดเข่ามองคนตัวสูง
ส่งสายตาตัดพ้ออย่างที่มาร์คไม่มีทางเห็นหรือรู้สึกได้ในเวลานี้
...ไม่ง้อกันเลยสักนิด
คำอธิบายสักคำก็ไม่มี...
กระพริบตาปริบๆไล่น้ำที่เอ่อล้นขอบตาให้ไหลไปตามแก้มเนียน
ตกใจยกมือขึ้นเช็ดมันออก ชะงักมองแหวนเงินกลมเกลี้ยงบนนิ้วนางด้านซ้ายของตัวเองเศร้าๆ
แต่ก่อนเขาคงจะนั่งนอนมองดูมันด้วยความสุขใจ ไม่ได้เต็มไปด้วยความทุกข์แบบนี้แน่ๆ
แจ็คสันเปลี่ยนสายตามามองที่แหวน
หมุนมันเล่นไปมา แวบหนึ่งที่คิดว่าอยากจะถอดมันออกจากนิ้ว
‘แหวนวงนี้คือของแทนตัวฮยอง
ถ้าแจ็คสันหมดรักฮยองเมื่อไหร่ ฮยองอนุญาตให้ถอดมันออกได้’
ลังเลใจนิดหน่อย
สุดท้ายก็ได้แต่ปล่อยมันไว้ที่เดิมอย่างที่ควรเป็น
...เขายังรักมาร์คฮยองอยู่
แค่น้อยใจก็เท่านั้นเอง...
ลุกขึ้นหอบเอาหมอนกับผ้าห่มที่เขายึดไว้เดินออกไปจากห้องไปนอนบนโซฟาตัวแข็ง
ขยับไปมาอย่างไม่สบายตัวนัก แต่คงดีกว่านอนข้างคนใจร้ายคนนั้นเยอะ
และคืนนั้นแจ็คสันก็บังคับข่มตาจนหลับไปในที่สุด
แจ็คสันตื่นเช้าขึ้นมาบนเตียงนุ่มหลังเดิมงงๆ
เขาจำได้ว่าตัวเองนอนบนโซฟาไม่ใช่เตียงนี่แน่ๆ หันไปมองซ้ายขวาไม่เห็นมาร์คในห้อง
มองนาฬิกาบอกเวลาสิบโมงก็พอเข้าใจว่าร่างสูงไปทำงานแล้ว
อย่างหมอนั่นรักงานยิ่งกว่ารักคนที่แต่งงานด้วยอย่างแจ็คสันเสียอีก
คิดไปก็ปวดหัว
ขยับตัวลุกขึ้นหาว รู้สึกปวดตาแปลกๆ คงเพราะร้องไห้กับนอนไม่ค่อยหลับแน่ๆ
เดินโต๋เต๋เข้าไปในห้องน้ำ เขาก็แค่หวังว่าการอาบน้ำจะทำให้อารมณ์เขาดีขึ้น...
...ซึ่งก็ไม่...
แจ็คสันยังคงอยู่ในโหมดซึมเศร้าเกือบทั้งวัน
นั่งดูภาพยนตร์แอคชั่นจบไปแล้วสองเรื่อง กินป๊อปคอนจนอืดท้องแทนข้าวก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น
ถอนหายใจตัดสินใจปิดหนังที่ชวนแต่จะทำให้ปวดตามากขึ้นกว่าเดิม
เอนตัวลงนอนบนโซฟาหนังสูดดมกลิ่นน้ำหอมของมาร์คที่เจือจางติดอยู่นิดหน่อย
หลับตาคิดถึงความทรงจำวันเก่าๆ
เขากับมาร์ครู้จักกันผ่านทางเพื่อนไทยชื่อแบมแบม
จำได้ว่าตอนนั้นก็เป็นเขาเองที่รุกและเริ่มจีบมาร์คก่อน
มาร์คเป็นคนหน้าตาดีแต่เงียบ แจ็คสันก็แค่คิดว่ามาร์คน่าสนใจและน่าค้นหา
ไม่นึกว่าจะตกหลุมพรางรักที่มาร์คขุดซะลึกจนปีนออกมาไม่ได้ คบกันสามปี
ก็ตกลงแต่งงานกัน มันเป็นงานแต่งเล็กๆริมหาดอย่างที่ทั้งคู่ชอบ ไปฮันนีมูนที่ภูเก็ตแต่ก็ต้องรีบกลับมาเพราะมาร์คติดประชุมเจรจาสำคัญ
เรื่องงานของพวกเขาแตกต่างกันมาก
มาร์คเป็นกรรมการบริหารบริษัทลงทุนข้ามชาติรายใหญ่
ส่วนแจ็คสันก็เป็นแค่นักแต่งเพลงอิสระคนหนึ่ง ตอนแรกก็มีสังกัดอยู่หรอก
แต่พ่อพระคุณดันบังคับให้ลาออกแถมยังยึดรถเขาอีกต่างหาก
ทะเลาะกันใหญ่โต
มาร์คก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ให้แจ็คสันใช้รถ ถ้าอยากไปไหนมาร์คจะพาไป ก็แล้วไง?
เคยว่างพาเขาไปไหมล่ะ บ้างานจนคนที่บ้านจะเฉาตายอยู่แล้วเนี่ย!
ก่นด่าอีกคนดังลั่น
ลุกขึ้นบีบหมอนที่สมมุติเป็นคอคนตัวสูงบีบเขย่าๆอย่างแรงอย่างที่ไม่กล้าทำกับคนตัวจริง
มาร์คตอนดุน่ากลัวจะตาย เขาไม่อยากเสี่ยงด้วยหรอกนะ -3-
ติ๊งต่อง!
เสียงออดหน้าห้องทำเอาแจ็คสันสะดุ้ง
นึกว่ามาร์คจะกลับมาแล้ว กระวีกระวาดจะไปเปิดให้ ฉุกคิดได้ว่าอย่างมาร์คคงไม่กลับมาระหว่างวันแน่ๆ
ส่องตาแมวตรวจดูเพื่อความปลอดภัย
“ยองแจ?”เอ่ยชื่อคนมาใหม่งงๆ
หนุ่มน้อยเลขาหน้าห้องของมาร์คนี่นา
“ผมเองครับคุณแจ็คสัน
ผมมาเอาเอกสารให้คุณมาร์คน่ะครับ สะดวกอยู่ไหมครับ?”
“ได้ๆ
เข้ามาเลยๆ”
ยองแจเป็นเลขาของมาร์คที่เขารู้จักดี
สนิทกันจนเกือบจะเล่นหัวกันได้อยู่แล้ว
แต่แปลกที่อีกฝ่ายไม่ยอมพูดแบบกันเองกับเขาเสียที และบางทีมันก็ทำให้เขาอึดอัด
ยองแจหาเอกสารไม่นานแล้วจะขอตัวกลับ
แต่แจ็คสันรั้งไว้ก่อน
“วันนี้มาร์คมีงานถึงตอนไหน?”
ยองแจดูไม่เข้าใจกับคำถามนั้น
ถึงอย่างนั้นเขาก็ตอบเท่าที่จะคิดได้
“เอ
ผมจำได้ว่าประมาณบ่ายสามครับ มีอะไรรึเปล่าครับ”
“งั้นฉันไปด้วย”
“เอ๊ะ?”
“บอกว่าเดี๋ยวไปด้วย”
“เอ่อ
คุณแจ็คสันครับ ผมขับมอเตอร์ไซมา ผมเกรงว่ามันจะไม่เหมาะ...”
“จะรถอะไรก็ไปทั้งนั้นแหละ
รถฉันโดนมาร์คฮยองยึดอ่า ขอติดรถไปด้วยหน่อยเถอะน้า~”
ยองแจพยักหน้าตกลงขำๆ
แอบเห็นใจคนตัวเล็กอยู่ไม่น้อย เจ้านายของเขานี่ก็จริงๆเลย...
แจ็คสันมาบริษัทมาร์คไม่กี่ครั้ง
แต่ทุกคนกลับจำแจ็คสันได้ พนักงานโค้งต้อนรับเขาตลอดทางจนรู้สึกกระดากอาย
ก็เขาใส่แค่เสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดาๆเองนี่นา มันดู...แปลก
ยองแจพาเขามาชั้นเกือบสุดท้ายที่เป็นห้องทำงานของมาร์ค
พนักงานที่ทำงานอยู่ชั้นจดจ้องเขาจนรู้สึกเกร็ง
รีบก้าวเท้าเดินผ่านคนพวกนั้นไปหน้าห้องทำงานที่มีมาร์คยืนสั่งงานกับลูกน้องอีกสองคนอยู่
ทันทีที่ดวงตาสวยมองเห็นเขา
คิ้วก็ขมวดแน่น หันไปตวัดตามองเลขาตัวเองที่หดคอเข้าอย่างกลัวโดนตำหนิ
“ใครให้พาแจ็คสันมาที่นี่”
“คือว่า...”
“ผมขอติดรถยองแจมาเอง
ถ้าจะดุก็ดุผมเถอะ ยองแจเขาไม่ผิดนะ”รีบเอาตัวบังยองแจที่เหมือนจะสั่นนิดๆ
มาร์คมองเขาแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ โบกมือไล่ลูกน้องสองคนนั่นออกไป
คว้าข้อมือแจ็คสันดึงให้ตามเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว
“วันนี้ฉันไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบ
ถ้ามีเรื่องด่วนโทรเข้ามาก่อน”
มาร์คปิดประตู
แล้วดึงคนรักตัวเองให้ไปนั่งบนโซฟาตัวยาวข้างห้อง
ยืนกอดอกซักไซ้คนตัวกลมที่เริ่มตัวลีบเพราะความกลัว
“ไหน
บอกสิว่าตามฮยองมาที่นี่ทำไม”
“...ผมก็แค่เบื่อ”ตอบตามความจริงไม่กล้าเงยหน้าไปมองมาร์ค
ไม่อยากเจอสายตาดุๆอย่างที่ได้เจอเป็นประจำ
แอบสะดุ้งนิดหน่อยตอนมือแกร่งโปะเข้าที่ศีรษะ
แอบหน้าแดงตอนโดนขยี้หัวเบาๆเป็นเชิงเอ็นดู
“เล่นอยู่นี่ไปก่อนแล้วกัน
ฮยองยังไม่ว่างพาไปไหน นั่นหนังสือกับกระดาษ”
พอพยักหน้าเข้าใจมาร์คก็ละมือออก
ตากลมมองตามแผ่นหลังใต้เสื้อสูทไปแบบงงๆ
...ไม่โดนดุแฮะ...
ถึงจะงงแต่ก็ดีใจที่มาร์คไม่ว่า
มือขาวจับเอาหนังสือแถวนั้นมาเปิดดู ยู่หน้าใส่เมื่ออ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ
ถอนหายใจแล้ววางมันลงที่เดิม มาร์คชอบอ่านหนังสือเข้าใจยากเหมือนเดิมเลย
เปลี่ยนมาหยิบกระดาษแต่งเพลงเล่น เสียบหูฟังเปิดทำนองเพลงที่ยังแต่งค้างเอาไว้
เคาะดินสอลงกับตักตัวเองฮัมเพลงพลางคิดเนื้อท่อนนั้นๆ
พอคิดได้ก็ยิ้มกว้างเขียนลงกระดาษเพลิดเพลิน ลืมคนตัวสูงในห้องไปโดยสิ้นเชิง...
“แจ็คสัน”
“อือ...”ครางงัวเงียตอบ
รู้สึกง่วงจนไม่อยากลืมตา สงสัยจะเล่นเพลินไปหน่อยเลยเผลอหลับแบบนี้
“ฮยองจะไปประชุมแล้ว
นอนเล่นอยู่นี่อย่าเพิ่งไปไหนนะครับ”
“อืม”ตอบพร้อมโบกมือไล่
พลิกตัวหนีหันหน้าเข้าพนักโซฟาแล้วหลับต่อ ปล่อยให้คำพูดของมาร์คจมลงไปพร้อมนิทรา
.
.
.
.
.
รู้ตัวอีกทีก็บ่ายสามเข้าไปแล้ว
เหลียวมองไปก็ไม่เห็นร่างสูงที่คุ้นตา
แต่กระเป๋าเอกสารและข้าวของที่ยังไม่เก็บก็ทำให้รู้ว่ามาร์คยังไม่ได้หายไปไหน
ลุกขึ้นมาหาวหวอดงัวเงียเดินสำรวจทั่วห้องรออีกคน
ห้องทำงานของมาร์คไม่ได้ใหญ่กว้างขวางแต่ก็มีทุกอย่างพร้อมสรรพ เอกสารเรียงกันให้พรึบดูน่าปวดหัว
แจ็คสันเกลียดงานเอกสารเลยไม่สมัครทำงานบริษัทใดๆตอนจบปริญญา
ไม่นึกไม่ฝันว่าจะต้องมาแต่งงานกับคนที่บ้างานพวกนี้อย่างมาร์คอีก
มันเหมือนกับเขาหนีมันไม่พ้นเลยจริงๆ ลูบแหวนไปมาด้วยความเคยชิน
เดินไปนั่งบนเก้าอี้ทำงานนุ่มนั่งสบาย
เขาก็สงสัยอยู่ตั้งนานว่าทำไมร่างสูงถึงทนนั่งทำงานได้นานนัก พอมานั่งแบบนี้ถึงได้รู้ว่าเก้าอี้ทำงานก็ช่วยได้โขเลย
เริ่มสนุกนั่งหมุนเล่นไปมาฆ่าเวลา
¯¯¯
มือถือเครื่องบางบนโต๊ะสั่นเรียกร้องความสนใจของคนที่อยู่ใกล้
แจ็คสันมองมันตาปริบๆ เขาไม่ได้สังเกตว่ามาร์คไม่ได้เอามือถือไปด้วย
ลังเลอยู่นิดหน่อย แต่ในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะ มือขาวหยิบมันขึ้นมาดูจนได้
“...”
อึ้งจนเกือบทำโทรศัพท์หลุดมือ
มือสั่นระริกขณะกดเลื่อนภาพดูทีละภาพ เขื่อนทำนบน้ำตาแตกลงมาอีกครั้ง
น้ำตาคลอบดบังทัศนะวิสัยจนดูต่อไปไม่ได้...แจ็คสันก็แค่หลอกตัวเอง...ใจมันเจ็บจนทนดูต่อไปไม่ได้แล้วต่างหาก...
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงลงเปื้อนพื้นโต๊ะทำงานเนื้อดี
หลับตาพยายามลืมภาพที่เห็นเมื่อครู่ แต่เขาก็ทนหลอกตัวเองไม่ได้นาน
...ความรู้สึกของการโดนหักหลังมันเป็นแบบนี้นี่เอง...
.........................................................................................................................
มาร์คค่อนข้างหัวเสียกับการประชุมที่ยืดเยื้อ
ในช่วงท้ายๆของการประชุมใจของชายหนุ่มไม่ได้อยู่ที่จอโปรเจคเตอร์เลยสักนิด...
มันลอยไปหาภรรยาตัวเล็กในห้องทำงานแล้วต่างหาก
ชายหนุ่มเดินผ่านโต๊ะของยองแจที่เหมือนจะพูดอะไรสักอย่างกับเขาอย่างไม่คิดจะหยุดฟัง
เปิดประตูเข้าไปหวังจะเจอภาพคนตัวเล็กนอนหรือนั่งเล่นอยู่ในห้อง...
แต่มันก็ว่างเปล่า...ในห้องทำงานเขาไม่มีร่างที่กำลังตามหา
...แจ็คสันไปไหน?...
ขมวดคิ้วหันไปมองยองแจที่ในที่สุดก็ได้พูดสักที
“คุณแจ็คสันวิ่งออกไปเมื่อสิบนาทีก่อนน่ะครับ
ผมให้คนขับรถของบริษัทไปส่งให้แล้ว...”
“ใครอนุญาตให้นายทำพลการแบบนี้ยองแจ”
“คุณแจ็คสันขอร้องผมครับ...
ผมคิดว่าผมควรบอกคุณมาร์ค ผมไม่รู้คุณแจ็คสันเขาเป็นอะไร
แต่เหมือนว่าเขาจะร้องไห้นะครับคุณมาร์ค”
มาร์ครู้สึกร้อนใจทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
รีบก้าวเข้าไปในห้อง เกือบเหยียบมือถือเครื่องบางบนพื้นแล้ว
ถ้ายองแจไม่ทักเขาไว้เสียก่อน มาร์คก้มหยิบมือถือขึ้นมางง
จำได้ว่าเขาวางมันไว้บนโต๊ะก่อนออกไป หรือในนี้จะเป็นต้นเหตุให้แจ็คสันร้องไห้
รีบปลดล็อกหน้าจอดูภาพล่าสุดที่ถูกส่งเข้ามา
ตาเบิกกว้างมองภาพในนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา ภาพเขากับผู้หญิงคนหนึ่งที่เปลือยกายนอนบนเตียงนอนเด่นหรากลางจอสมาร์โฟน
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแจ็คสันถึงร้องไห้หนีออกไปแบบนั้น
“SHIT!!!”รีบลบภาพนั้นออกจากเครื่อง ก็เจออีกภาพ
...นี่แม่มส่งมาเท่าไหร่วะ!!!...
ขยุ้มศีรษะอารมณ์เสีย
ลบภาพในนั้นทิ้งให้หมด แล้วกดโทรออกหาภรรยาตัวเล็กที่ไม่รู้ไปอยู่ไหนแล้ว
แต่ก็นั่นแหละ...แจ็คสันปิดเครื่องไปแล้ว
“ยองแจ
นายให้คนขับรถไปส่งแจ็คสันที่ไหน”
“คอนโดคุณมาร์คครับ”
อย่างน้อยก็โล่งใจอย่างว่าคงไม่หนีเตลิดจนตามตัวไม่ได้
รีบฝากฝังงานทั้งหมดกับยองแจ หอบเอาแต่ของสำคัญแล้ววิ่งลงชั้นจอดรถ
สตาร์ทรถดิ่งกลับห้องโดยเร็ว ใจร้อนรุ่มไปหมดกลัวแจ็คสันจะคิดทำอะไรบ้าๆอีก
ดีที่ยังไม่ถึงช่วงเลิกงาน รถเลยยังไม่ติดเท่าไหร่
มาร์คมาถึง
รถบริษัทก็แล่นออกไป แน่ใจได้เลยว่าแจ็คสันมาถึงห้องแล้วแน่นอน
กดลิฟท์ขึ้นไปด้วยอาการไม่เป็นสุข ขยับขาไปมา ตามองเลขอยากให้มันเร็วขึ้นอีกสักนิดจริงๆ...มาร์คแทรกตัวออกมาทั้งที่ประตูลิฟท์เปิดยังไม่สุด
ไขกุญแจเข้าไปในห้องที่ไฟเปิดโล่ง ตากวาดมองดูคนตัวเล็กที่น่าจะอยู่สักที่ในห้อง
“แจ็คสัน! แจ็คสันครับ อยู่ไหน...เฮ้ย!”
จู่ๆร่างเขาก็โดนผลักลงกับพื้นโครมใหญ่
ซี๊ดปากเจ็บหลังไม่นานก็ต้องตกใจซ้ำซ้อนเมื่อลืมตาขึ้นมาเจอร่างเล็กทีนั่งคร่อมหน้าขาเขาอยู่ด้วยท่าทางน่าหวาดเสียว
ชุดเสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดาเปลี่ยนไปเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาตัวเดียวบนร่างขาวซึ่งมันสั้นซะจนเห็นต้นขาอวบชัดเจน
ปลายเสื้อแหวกวับๆแวมๆตอนขยับตัวให้รู้ว่าไม่มีอะไรอยู่ด้านใต้เสื้อเลยยกเว้นผิวเนื้อขาว
“แจ็คสัน!”
“เงียบก่อนนะฮยอง”ริมฝีปากแดงพึมพำ
โน้มหน้าลงมากดจูบคนตัวสูงแต่ไม่ได้รุกล้ำเข้ามาเป็นการปิดปากกลายๆ
มือขาวเลื่อนขึ้นมาปลดกระดุมเสื้อมาร์คทีละเม็ดแล้วดึงมันหลุดออกจากร่างเขา
แจ็คสันไล่ปลายนิ้วและฝ่ามือตามแผ่นอกแข็งและกล้ามหน้าท้อง
ลูบหน้าท้องเกร็งแน่นเลื่อนมาปลดกระดุมกางเกงสแลกเนื้อดี ในขณะที่สะโพกขาวแกล้งขย่มหน้าขาร่างสูงด้วยจังหวะช้าๆพาสติกระเจิง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะแจ็คสัน! นายคิดจะทำอะไรของนายน่ะ!”
มาร์คดุคนบนตัวที่แอบสะดุ้งไหวนิดหน่อยตอนโดนตวาด
แต่ก็ยังดื้อก้มหน้าใช้ฟันกัดรูดซิปกางเกงเขาลง ลมหายใจร้อนรดส่วนอ่อนไหวที่เริ่มจะแข็งขืนทั้งที่ไม่โดนสัมผัส
คนตัวสูงที่เริ่มหายใจติดขัดรีบดันคนตัวเล็กออกก่อนที่ตัวเองจะขาดสติทนไม่ไหวเอา
“แจ็คสัน! ตั้งสติหน่อย!”
แต่แทนที่คนตัวเล็กจะตอบอะไรกลับมากลับนั่งไหล่ตกน้ำตาคลอเสียนี่
ดวงตากลมไหววูบด้วยความเสียใจ หยาดน้ำใสๆเอ่อล้นไหลเปื้อนแก้มแดงใส
ริมฝีปากแดงเอ่ยพร่ำคำตัดพ้อออกมาให้คนตัวสูงได้เจ็บปวดหัวใจเล่น
“อึก...มาร์คฮยองรังเกียจผมจริงๆด้วย”
“ไม่ใช่นะแจ็คสัน”บอกอีกคนอย่างอ่อนใจ
ลุกขึ้นนั่งบนโซฟา ฉุดคนตัวเล็กให้ตามมานั่งคร่อมบนตัก
มือกระชับเอวอวบให้เข้าไปชิด
มือลูบเช็ดหยาดน้ำตาที่คลอดวงตาโตที่เขารักนักรักหนาคู่นั้นเบาๆ
“มาร์คฮยองรังเกียจผมจริงๆ
ฮึก”
มือน้อยยกขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองป้อยๆ
ขอบตาแดงก่ำน่าสงสาร มองเขาด้วยแววตาตัดพ้อต่อว่าจนมาร์คโคตรรู้สึกผิด
“พี่ไม่เคยรังเกียจนายนะ
ทำไมถึงคิดอะไรแบบนั้นกัน”
“ก็มาร์คฮยองไม่ยอมมีอะไรกับผม
แต่ไปมีกับผู้หญิงคนนั้นนี่!!!”ต่อว่าเสียงดัง
มือก็ทุบแขนทุบไหล่อีกคนหนักๆ
“ฮึก ก็ผมมันเป็นผู้ชายนี่นา
มันไม่เหมือนผู้หญิงใช่ไหมล่ะ? มาร์คอยองถึงไปมีคนใหม่แบบนี้น่ะ”
“ฮยองมีแจ็คสันคนเดียว”
“แล้วผู้หญิงคนนั้นหมายความว่ายังไง
ฮึก... ผมเหนื่อยแล้วนะฮยอง ถ้าไม่รักผมก็หยุดเถอะ”
มือขาวจับแหวนบนนิ้วนางด้านซ้ายของตัวเองถอดออกด้วยจิตใจที่ปวดร้าวแทบแหลกสลาย
มาร์คมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแบบเดียวกัน มือแกร่งรีบตะครุบมือนั้นไว้ ก่อนแหวนวงสำคัญจะถูกถอดออกจริงๆ
มือขาวตอนนี้เย็นเฉียบและชื้นแฉะ แถมยังสั่นน้อยๆตามร่างที่กำลังร้องไห้หนัก
“ห้ามผมทำไม! จะรั้งผมไว้ทำไม ถ้าฮยองไม่ต้องการผมแล้ว ปล่อย!”
ดิ้นพยศจนมาร์คต้องรวบตัวคนบนตักมากอดแน่น
กระชับร่างนั้นเข้ามาแนบชิดเพื่อให้อีกคนรู้ว่าเขาไม่ได้รังเกียจอีกคนอย่างที่โดนกล่าวหา
ทนฟังเสียงโวยวายร้องไห้และแรงทุบตีของคนในอ้อมกอดเงียบๆจนอีกคนหมดแรงจะต่อต้าน
ปล่อยแขนลงทิ้งข้างตัว ซุกหน้าสะอื้นบนแผ่นอกชื้น
“ฮยองยอมรับว่าไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่น...”เพียงแค่ขึ้นต้นประโยคแรกคนบนตักก็เริ่มจะพยศขึ้นอีกรอบ
“แต่ฮยองไม่ได้รังเกียจแจ็คสันสักนิด ตรงกันข้าม ฮยองรักมากจนทำร้ายไม่ลง
ฮยองแค่ไม่อยากเห็นแจ็คสันเจ็บตอนเรามีอะไรกัน...”
“ฮยองจะทำผมเจ็บเหรอ?”
“...ก็ไม่”
“ก็แล้วทำไมไม่ทำล่ะคนบ้า!”เงยหน้าขึ้นมาโวยวายเสียงดัง ตาโตกรุ่นโกรธแทบจะดิ้นให้หลุดแล้วกระชากคอเสื้อคนตัวสูงเขย่าๆให้สมองกลับมาทำงาน
“ไม่ทำแล้วจะรู้ไหมว่ามันเจ็บน่ะ
ผมยอมเจ็บตัวมากกว่าเจ็บใจเพราะฮยองไปมีอะไรกับใครคนอื่นที่ไม่ใช่ผมซะอีก!”
“นายไม่เข้าใจแจ็คสัน”มาร์คก็เริ่มใจไม่เย็นแล้วเหมือนกัน
เขารั้งเอวอวบเข้ามาใกล้ เลื่อนมือไปตะปบเนินเนื้อนุ่มใต้เสื้อตัวโคร่ง แหย่ปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลัง
มองคนบนตักที่สะดุ้งเฮือกเผลอหลุดเสียงร้องและสีหน้าเจ็บปวดออกมาแวบหนึ่ง
กลับมาตีหน้านิ่งทั้งที่ตัวกำลังสั่นระริก
“มันเจ็บใช่ไหม...”
“มะ ไม่!”
มาร์คเริ่มหมั่นไส้คนปากแข็งบนร่าง
ดุนดันนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแคบลึกขึ้นเรื่อยๆ ตาก็มองดูปฏิกิริยาคนบนร่างแบบตาไม่กะพริบ
แจ็คสันรู้ว่ามาร์คคอยมองดูอยู่ก็พยายามสะกดกลั้นความเจ็บปวดจากการเบิกทาง
กัดฟันปั้นหน้านิ่ง แต่ยิ่งนิ้วเรียวยาวเข้าไปในร่างเขาลึกเท่าไหร่
นิ้วที่เขาจิกบนต้นขาก็เกร็งแน่นมากขึ้นเท่านั้น จนเมื่อนิ้วเรียวดันเข้าไปจนสุดปลาย
คนที่อดทนมาตลอดก็หลุดเสียงร้องออกมาจนได้
“อื้ออ!”
“เจ็บก็บอก
ฮยองจะหยุด”บอกอีกคนอย่างนึกเป็นห่วง สีหน้าของร่างเล็กดูไม่ดีเอาเสียเลย
แต่คนปากแข็งก็ยังเป็นคนปากแข็ง หัวทุยส่ายไปมาจนผมปลิว ก้มหน้าซุกไหล่แข็ง
“ทำต่อนะฮยอง
ผมไม่เจ็บหรอก...นะครับ”
“เด็กดื้อ!”
มาร์คสบถ ยกร่างอีกคนที่ร้องเหวอกอดคอเขาแน่นขึ้นจากโซฟาเดินเข้าห้องนอน
วางอีกคนลงบนเตียง สะบัดเสื้อเชิ้ตที่ค้างบนร่างลงข้างเตียง ก้าวขาตามลงไปคร่อมร่างภรรยาตัวเองบนเตียงต่อ
“ถึงนายจะร้องจะเป็นจะตาย
ฮยองก็จะไม่หยุดแล้วนะ รู้ไว้เลย”
จ้องตากลมเพื่อบอกว่าเขาพูดจริง
โน้มหน้าลงไปประกบจูบบนริมฝีปากแดงจัดยั่วเย้าตรงหน้า แทรกปลายลิ้นเข้าไปทักทาย
รสจูบอ่อนหวานอ่อนโยนค่อยๆเร่าร้อนวาบหวามขึ้นเรื่อยๆ มือหยาบปลดกระดุมเสื้อคนด้านใต้ออกสามเม็ด
เหลือเม็ดสุดท้ายตรงสะโพกเอาไว้ แหวกสาปเสื้อออกเผยให้เห็นผิวขาว
ลูบไล้ไปตามเรือนร่างนั้นอย่างสนุกมือ ผิวของแจ็คสันไม่ได้เรียบลื่นเหมือนของพวกผู้หญิง
แต่กลับให้สัมผัสที่ดีกว่าเยอะ แน่นตึงมือแถมยังนุ่นน่าบีบเล่น
โดยเฉพาะเนินเนื้อแน่นใต้สะโพกอวบ...
แจ็คสันถองเข่าใส่สะโพกมาร์คประท้วงร่างสูงที่แหวกขาเขาออกซะกว้างแล้วแทรกร่างมานั่งตรงกลาง
แก้มแกลมขึ้นสีแดงจัด อายจนไม่กล้ามองหน้าคู่แต่งงานตัวเองตรงๆ
ยิ่งนิ้วเรียวสอดแทรกเข้ามาใหม่ก็ยิ่งเขินปิดหน้าตัวเองแน่น เกร็งท้องกัดปากกลั้นเสียงครางเจ็บตอนนิ้วเรียวถูกเพิ่มเป็นสองและสามตามลำดับ
ความรู้สึกแปลกๆกำลังเล่นงานเขาให้บิดกายไปมา
เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร
“ฮยอง...เข้ามา”
“หืม?”มาร์คเงยหน้ามามองคนรักอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
ถามย้ำอีกรอบ “แจ็คสันว่าไงนะครับ”
“ผมอยากได้ของฮยอง...”เสียงแหบพร่าพูดสิ่งน่าอายออกมา
“เติมเต็มผมทีนะ”
“ฟังดูลามกจังเลยว่าไหม”บอกอีกคนยิ้มๆ
ร้องโอ๊ยตอนโดนเข่ากระทุ้งสีข้าง “เขินแรงจริงตัวเล็ก”
มาร์คเอี้ยวตัวไปเปิดลิ้นชักหัวเตียงควานหาอะไรอยู่สักพัก
แจ็คสันที่ได้ยินเสียงกุกกักอยู่บนหัวก็เงยหน้าขึ้นมอง ตากลมเบิกกว้างตอนเห็นขวดบรรจุน้ำสีฟ้าอ่อนติดมือร่างสูงออกมาด้วย
“นี่ฮยองไปซื้อของแบบนี้ติดห้องตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย!”
“ซื้อไว้ตั้งแต่วันก่อนเข้าหอครับ”ตอบตามจริง
ก้มลงไปจุ๊บปากแดงเหวอๆน่าเอ็นดูอย่างหมั่นเขี้ยว “ว่าจะเอาไว้ใช้วันจริง
แต่ฮยองเปลี่ยนใจเพราะแจ็คสันดูเหนื่อยๆน่ะ”
เทน้ำสีฟ้านั่นใส่นิ้ว
ดันต้นขาอวบออก สอดแทรกนิ้วเข้าไปชโลมน้ำหล่อลื่นในช่องทางคับแคบ
ความรู้สึกเย็นวาบในร่างทำเอาคนตัวขาวทำอะไรไม่ถูก บิดร่างไปมาเพราะความต้องการที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็ม
นิ้วเรียวถอนออกแล้วดันอะไรที่ใหญ่กว่าเข้าไป
เพียงแค่ส่วนแรกแจ็คสันก็กรีดร้องลั่นห้อง มือขาวจิกฟูกระบายความเจ็บ
น้ำตาไหลคลอดวงตากลม กัดปากเชิดหน้าขึ้นรับความอุ่นร้อนที่สอดแทรกเข้ามาช้าๆ
มาร์คครางในลำคอบังคับตัวเองไม่ให้ใจร้อนกระแทกตัวเองลงในช่องทางคับแคบ
ช่องทางด้านหลังแน่นฟิตจนรู้สึกอยากเสร็จทั้งที่ยังไปได้ไม่สุดทาง
เป็นแบบนี้ไม่ดีแน่ๆ...
“ตัวเล็ก อย่าเกร็งครับ
ฮยองขยับไม่ได้”
แต่มันก็ไม่ดีขึ้น
มาร์คเลยคว้าคางมนให้มารับจูบอ่อนโยนเป็นการปลอบประโลม จูบอ่อนหวานราวเป็นคำสัญญาว่าจะทะนุถนอมให้มากที่สุด
เริ่มทำให้ร่างเล็กผ่อนคลายมากขึ้น สะโพกที่แช่รออยู่นานก็เริ่มขยับเข้าออกเป็นจังหวะเนิบช้า
ความเจ็บปวดในตอนแรกแปรเปลี่ยนไปเป็นความรู้สึกอย่างอื่น
ความอุ่นร้อนที่สอดประสานอยู่ในร่างทำให้รู้สึกราวกับว่าร่างทั้งร่างกำลังจะหลอมละลายพร้อมกับเพลิงราคะ
บิดกายระบายความเสียวซ่าน ยกมือขึ้นคล้องคอคนตัวสูงให้โน้มลงมาจูบเอาแต่ใจ
ผละออกร้องครางหวานเมื่อมาร์คเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นจนร่างเขาสั่นคลอน
เสียงขาเตียงบดพื้นห้องดังเอี๊ยดอ๊าดปะปนไปกับเสียงเนื้อกระทบกันฟังดูน่าอาย
แต่คงไม่ดังเท่าเสียงร้องครางสุขสมของคนใต้ร่างที่กระตุ้นคนตัวสูงให้โถมร่างเข้าไปแรงขึ้น
มือขย้ำเนินเนื้อนุ่มแน่นเล่น แลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง หมั่นเขี้ยวร่างอวบที่ไม่ว่าจะบีบเฟ้นที่ไหนก็พอเหมาะมือไปเสียทุกที่
มาร์คกำลังเสพติดแจ็คสันอย่างรุนแรง
ช่องท้องอุ่นวาบเพราะน้ำเชื้อที่ฉีดเข้ามาในร่าง
ร่างสูงบีบเค้นกระตุกอยู่สองสามครั้งก็ส่งมันเข้ามาจนหมด
ถ้านี่แจ็คสันเป็นผู้หญิงอีกสองสัปดาห์คงต้องวิ่งหาเครื่องตรวจครรภ์มาตรวจอุตลุดแน่ๆ
มาร์คแช่ร่างอยู่ในช่องทางอุ่นนุ่มนั่นอย่างไม่คิดจะถอนออก ตามองร่างอวบที่ตอนนี้แดงเรื่อหอบสั่นระรัว
ตากลมหรี่ปรือเหนื่อยอ่อนเลื่อนมองมาที่เขา ยกมือชูขึ้นมา
ส่งเสียงออดอ้อนน่าเอ็นดู
“มาร์คฮยอง
จูบหน่อย”
ก้มลงกดจูบบนหน้าผากชื้นเหงื่อ
เลื่อนลงมาจูบราตรีสวัสดิ์บนปากแดงก่ำเบาๆ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ
มองตากลมที่หลับไปแล้วอย่างนึกเอ็นดู ถอนร่างออกมองน้ำขุ่นขาวที่ไหลออกมาเปื้อนผ้าปูเล็กน้อย
...ทำไปแล้ว
ทำให้แจ็คสันเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว...
หัวเราะกับตัวเองเบาๆ
กลัวอีกคนตื่น อุตส่าห์ห้ามใจตัวเองทุกวิถีทางไม่ให้ทำมิดีมิร้ายกับแจ็คสันมาตลอด แต่สุดท้ายก็เป็นเจ้าตัวที่กระโดดมามอบให้เขาเองแบบคาดไม่ถึง
...มีอะไรคาดไม่ถึงมาเซอร์ไพร์สฮยองตลอดเลยนะตัวเล็ก...
เขี่ยเส้นผมที่ปรกใบหน้านวลออกไปทัดหูเล็ก
ก้มลงหอมแก้มแดงเรื่อ ยังนุ่มหอมเหมือนเดิม หอมหวาน น่ารัก มีเสน่ห์
น่าเอ็นดูขนาดนี้เขาไม่กล้าไปมีใครใหม่หรอก
ผู้หญิงพวกนั้นก็แค่ที่ระบายอารมณ์ที่เกิดจากแจ็คสันเท่านั้นแหละ และเธอพวกนั้นก็รู้ดีเพราะเขาจะบอกเสมอว่าเขาแต่งงานแล้ว
ไม่เคยมีปัญหาจนกระทั่งเกือบทำให้แจ็คสันหลุดมือเขาไปนี่แหละ
รู้ซึ้งเลยว่าที่ทำไปมันเลวขนาดไหน...
...แต่ปล่อยผู้หญิงคนนั้นเอาไว้ไม่ได้..
ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความรักเวลามองคนรักตัวเองเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยเย็นชาเวลานึกถึงเหตุที่ทำให้เขาเกือบเสียคนตัวเล็กไป
และอาจจะเป็นภัยกับเขาได้ในอนาคต ลุกขึ้นขยับท่าทางให้แจ็คสันได้นอนสบายๆ
หยิบเอาโทรศัพท์ข้างเตียงต่อสายไปถึงคนที่จะช่วยเขาได้
“เจบี
กูมีเรื่องวานให้ช่วย...”
เปลือกตาบางกระพริบปรือไม่อยากตื่นนักเพราะยังเพลียอยู่มาก
เหตุการณ์เมื่อวานแล่นเข้ามาในหัว ผิวแก้มใสแดงระเรื่อเขินอาย
แทบไม่อยากเชื่อว่าเขาจะกล้าทำอะไรแบบนั้นลงไป
“เขินอะไรแต่เช้าครับตัวเล็ก”เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูทำเอาคนที่ตกอยู่ในภวังค์ตัวเองสะดุ้งเฮือก
หันไปคนที่ซ้อนร่างอยู่หลังเขางงๆ
“มาร์คฮยอง?
ทำไม...”
“ฮยองลางานน่ะ”
คำบอกเล่าของคนรักไม่ทำให้แจ็คสันเชื่อแต่อย่างใด
ก็คนบ้างานอย่างมาร์คฮยองเนี่ยนะจะลางาน?
หน้าคิ้วขมวดยู่ปากแบบไม่อยากเชื่อของแจ็คสันช่างหน้าเอ็นดู
มาร์คก้มลงฉวยฉกจูบหนักๆบนปากยู่อิ่มนั่นเร็วๆ
หัวเราะเมื่อผิวแก้มกลมแดงจัดเหมือนโดนกระป๋องสีสาดใส่
“ฮยองบอกยองแจว่าขอลางานวันหนึ่ง...มาดูแลเมีย”
“ฮยองงง~~~~~~~”ร้องครางไม่อยากจะเชื่อ เขินอายซุกหน้าลงกับหมอนนุ่ม ผลักอกแกร่งแรงๆเป็นเชิงแก้แค้น
ก็มาร์คเอาแต่หัวเราะน่าหมั่นไส้นี่นา!
มือด้านซ้ายถูกประคองขึ้นอย่างอ่อนโยน
เงยหน้าไปสบตาอบอุ่นของร่างสูงที่ส่งมาให้ใจเต้นรัวเล่นๆ มองตามปลายนิ้วเรียวที่แตะหมุนแหวนเงินเกลี้ยงบนนิ้วนางเขาเบาๆ
“อย่าถอดมันออกเพราะโกรธหรืองอนฮยองอีกนะครับ
รู้ไหม ใจฮยองแทบหยุดเต้นเลยตอนแจ็คสันจะถอดมันออก”
“ฮยองก็อย่าหาเรื่องให้ผมโกรธสิ”
“ไม่แล้วครับ
สัญญาเลย แค่ครั้งเดียวก็เข็ดจะตายแล้ว”ยกมือน้อยขึ้นมากดจูบหนักๆย้ำสัญญา
“มาร์ครักแจ็คสันนะครับ...แจ็คสันล่ะ?”
“บอกไปแล้วจำไม่ได้เหรอ...”
“จำไม่ได้หรอก
ฮยองความจำสั้นจะตาย”
เขี่ยแก้มนุ่มแดงเล่นระหว่างรอคำตอบ
ตากลมกลอกไปมา เม้มปากมองคนแกล้งค้อนๆ
หลุดหัวเราะตอนโดนร่างสูงแกล้งกดจูบแก้มซ้ายขวาออดอ้อน
“ยอมแล้วๆ...แจ็คสันรักมาร์คฮยองนะครับ”
“ดีมากครับเด็กดี”ยิ้มกว้างพอใจ
พลางกระชับกอดเอวเปล่าเปลือยของร่างขาวเข้ามาใกล้ แจ็คสันกระพริบตาปริบๆ
เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเปลือยกายอยู่บนเตียง มีเพียงผ้านวมคลุมกายไว้อย่างหมิ่นเหม่
มือขาวรีบกระชับผ้าไว้แน่น ช้อนมองร่างสูงค้อนๆ สะดุ้งวาบสั่นสะท้านกับมือแกร่งที่วกไปลูบหลังลงมาอ้อยอิ่งอยู่แถวสะโพกอวบ
“มาร์คฮยอง!!!”
“รอบเดียวมันไม่พอหรอกนะแจ็คสัน
มาให้พี่กินอีกรอบดีๆครับเมีย”น้ำเสียงและแววตาแสดงความต้องการโดยไม่ปิดบังของมาร์ค
มาพร้อมการผลักร่างเขาให้นอนหงายลง มือแกร่งดึงผ้าห่มปราการสุดท้ายออกไปให้พ้นทาง
ตามเข้ามาคร่อมทับเอาไว้ไม่ให้เขาหนีไปไหนได้
...ไม่รอดแหง...
ตั้งแต่แต่งงานกันมา
แจ็คสันก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าได้สามีหื่น...อวยพรให้แจ็คสันด้วยเถอะนะ
ฮือออออออออ T_________________T
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น