[ตำหนักอี๋เจีย] 09
ตำหนักร้อนบำเรอรัก
09
เจียเอ๋อกำลังสับสน...เขาสับสนมากๆ
สิ่งที่เฟิงจีเพิ่งเล่าให้ฟังมันดูน่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยสำหรับเขา
ผู้ชายมีกล้ามอย่างเขานี่น่ะหรือที่ท่านเจ้าเมืองคนนั้นจะหลงใหล
ในตัวเขามีอะไรให้น่ามองบ้าง ในเมื่อมองไปทางไหนก็เป็นผู้ชายเหมือนกันหมด
แต่จริงที่ว่าอี๋เอินดูใจดีกับเขามากขึ้นจริงๆ
หรือว่าอี๋เอินจะมีรสนิยมแบบนี้จริงๆ?...
คิดแล้วก็เผลอแบะปาก แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
ยืนขึ้นถอดเสื้อคลุมออกจากกาย
สำรวจร่างกายตัวเองด้วยความสงสัยว่าตัวเองมีอะไรให้อี๋พึงใจบ้าง
เปิดไปทางไหนก็เจอแต่มัดกล้ามจากการฝึกซ้อม
ถึงจะน้อยไปหน่อยเพราะเขาก็ฝึกได้ไม่นานแถมช่วงนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษนอกจากนั่งๆนอนๆและฝึกดาบกับอี๋เอินบางเวลา
(พยายามไม่คิดถึงเรื่องเสียเหงื่อบนเตียงให้มากที่สุด) ช่วงไหล่รึก็ใหญ่
หน้าอกก็ไม่มี
ถึงช่วงสะโพกจะอวบไปหน่อยแต่คงเทียบพวกนางสนมเลอโฉมที่ถูกเฟ้นคัดมาอย่างดีไม่ได้
...พลิกกายไปมาก็ไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนน่าพึงใจสักนิด...
ขณะที่กำลังพิจารณาตัวเองอยู่เงียบๆ ประตูก็ถูกเปิดออก เจียเอ๋อสะดุ้งโหยงรีบกระชับเสื้อคลุม
หันไปหาชายหนุ่มเจ้าเมืองที่หยุดนิ่งอยู่หน้าประตู สีหน้าถมึงทึงจนเขารู้สึกกลัว
“อะ...อะไรของท่าน ทำไมทำหน้าแบบนั้น”
“คบชู้หน้าด้านๆ”
ราวกับโดนน้ำเย็นจัดสาดใส่หน้าในหน้าหนาว ใบหน้าชาลามไปถึงร่างกายขาว
เจียเอ๋อสั่นระริกหันไปตอบโต้ชายหนุ่มด้วยความขุ่นโกรธ
“ท่านพูดอะไรของท่าน”
“หลักฐานตำตาขนาดนี้ยังกล้าปฏิเสธอีก”
“ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดอะไร!”
เจียเอ๋อสะดุ้งเฮือกถอยหลังสะดุดเท้าล้มลงนอนบนเตียงแข็ง
ตกใจเพราะจู่ๆอี๋เอินก็พุ่งตัวเข้ามาราวกับกำลังจะฆ่าเขาให้ตายด้วยมือเปล่า
ตาโตเบิกโพล่งเมื่อโดนมือเรียวกระชากเส้นผมยาวขึ้นไปเผชิญหน้าด้วย
สีหน้าเหนือกว่าเหมือนตอนแรกเริ่มรู้จักถูกสวมใส่ใบหน้าชายหนุ่มอีกครั้ง ดวงตาเรียวมองต่ำทั้งเย้ยหยัน
เย็นชาและโกรธเกรี้ยว
“ข้าเจ็บนะ!”นิ่วหน้าปวดร้าวไปทั้งศีรษะ โดนกระชากแรงขนาดนี้ผมไม่หลุดออกทั้งหัวก็ดีขนาดไหนแล้ว
“เจ็บก็ดี จะได้รู้ตัวว่าตัวเองทำผิดอะไร”
“ข้าไปทำอะไร! กลับจากฝึกดาบกับท่านข้าก็กลับมาที่ห้อง ไม่ได้ไปไหนอีก”
“ใครยืนยันเรื่องนี้ได้บ้างล่ะ?”
“...”
เจียเอ๋อนิ่งเงียบ
ห้องท้ายตำหนักไม่มีผู้ใดสัญจรผ่านอยู่แล้วถ้าไม่ใช่มีเหตุจำเป็น ใครจะเข้าก็ออกก็ไม่มีทางรู้
จึงไม่มีใครเป็นพยานให้กับคำพูดของเขาได้
“ข้าเห็นเฟิงจีมาหาเจ้า...”
“เขาแค่มาหาข้าเรื่อง!!!!”
เจียเอ๋อปิดปากฉับ
เรื่องที่เฟิงจีเอามาบอกเขาไม่ใช่เรื่องที่อี๋เอินควรรู้ หลบสายตาเมื่อคิดหาคำตอบไม่ได้
นั่นยิ่งทำให้อี๋เอินโกรธเคืองและปักใจเชื่อขึ้นมาอีก
“ได้...ถ้าเจ้าจะเล่นแบบนี้”
อี๋เอินแสยะยิ้ม รู้อยู่แล้วว่าสนมขัดดอกไม่สามารถหาพยานได้
มือเรียวลูบเข้าใต้สาปเสื้อคลุมกระชากกางเนื้อบางออกภายในครั้งเดียว
ต้นขาแน่นหุบเข้าหากันอย่างรู้ว่ากำลังจะโดนทำอะไร ดวงตาโตเริ่มพร่าน้ำตา
ใบหน้าขาวแดงส่ายหน้าไปมา เส้นผมสีเข้มสยายเต็มฟูกบาง
“ไม่นะ...ท่านจะทำบ้าอะไร”
“ลงโทษคนแพศยาอย่างเจ้าไง สนมน้อย”
จากนั้นเจียเอ๋อจะเรียกมันว่านรก นรกที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความรุนแรงของอีกคน
เสียงแหบแห้งกรีดร้องครางทั้งสุขสมและเจ็บปวดเคล้ากันไป
สะโพกอิ่มสั่นไหวไปตามแรกกระแทกรุนแรงจนเตียงกระเทือน แต่นั่นมันคงไม่สมกับความสะใจกับคนใจร้าย
ชายหนุ่มกระชากเขาลงจากเตียง หลังกระแทกพื้นดังอักใหญ่ หยาดเลือดไหลเลอะเรียวขาขาวย้อมเสื้อผ้าอาภรณ์และพื้น
ยิ่งร่างขาวพยายามดิ้นหนีตะเกียกตะกายลูบเลือดเลอะไปทั่วยิ่งทำให้สถานการณ์ราวกับฉากฆาตกรรมมิใช่ฉากร่วมรัก
ริมฝีปากอิ่มถูกบดคลึงครั้งแล้วครั้งเล่าจนได้กลิ่นคาวเลือดคลุ้งไปทั้งโพรงปาก
อี๋เอินใช้ร่างเขาเสพสมราวกับตัวเขาไม่ใช่มนุษย์แต่คือของระบายอารมณ์ชิ้นหนึ่ง
คำขอร้องของเขาไม่มีค่าพอจะหยุดการกระทำแสนป่าเถื่อนลงได้
สุดท้ายแล้วก็ต้องเล่นตามเกมของอีกคนไปด้วยความเจ็บปวด
ทั้งร่างกาย...และจิตใจ…
น้ำอุ่นพุ่งเติมเต็มช่องทางดับความร้อนผ่าวในร่าง คราบอารมณ์กระจายเลอะทั้งเรือนกายขาว
เสื้อที่ติดเรือนกายยับยู่ ช่วงล่างร้าวระบมเจ็บเสียดจนแทบไม่อยากคิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะตื่นขึ้นมาด้วยสภาพอย่างไร
นัยน์ตาเหม่อลอยร้องไห้สะอื้นฮัก ริมฝีปากแดงขบกัดสั่นระริก
ผวาตัวกอดตัวเองแน่นยามอีกฝ่ายถอนออกจากร่าง คราบขาวขุ่นสีมัวผสมเลือดไหลทะลักจากปากทางรักช้ำชอก
อี๋เอินสะบัดเสื้อคลุมของตนใส่ให้เรียบร้อย
เหลือบตามองร่างยับเยินบนพื้นเรียบๆ หากเปรียบก็คงเหมือนกระดาษยับๆที่เปื้อนเลือกและคราบคาว
แลดูไร้ค่าไร้ราคาในสายตาคนมอง
ชายหนุ่มจากไปโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ
เสียงลั่นกลอนประตูดังเสียดหูคนในห้อง ทันทีที่เสียงฝีเท้าเดินออกไปไกล
ตาโตก็ปิดลง ปล่อยสายน้ำแห่งความเสียใจสายใหญ่ออกจากดวงตา ความร้าวระทมที่ถูกเก็บกักไว้ปล่อยออกมาเสียหมดสิ้น
ยกมือสัมผัสอวัยวะใต้อกด้านซ้ายที่กำลังบีบรัดรุนแรง
...หัวใจเขากำลังพังสลาย...
...ไม่มีการรักษา...
...ไม่มีการดูแล...
อาการบาดเจ็บที่ได้รับจากอี๋เอินยังคงสร้างภาระในเจียเอ๋อจนเขาแทบจะตายกลายเป็นซากในห้องเล็กนี้เข้าแล้วจริงๆ
หากไม่ใช่ว่าร่างกายแข็งแรงและรู้จักการดำเนินลงปราณ ป่านนี้หวัง เจียเอ๋อ
คงกลายเป็นแค่ชื่อในตำนานเมืองฉี ว่าโดนเจ้าเมืองข่มขืนจนช้ำในตายแล้วแน่ๆ
เจียเอ๋อพลิกร่างกระชับผ้าห่มคลุมกายสั่นระริกเพราะความหนาวเย็นจากอากาศด้านนอก
ซ้ำเติมอาการไข้หวัดรุนแรงให้แย่เข้าไปอีก
ตาโตปรือมองประตูที่ไม่ได้โดนเปิดมาแล้วสองวัน
...สองวันที่โดนขังให้ไร้อิสรภาพ ไร้ยารักษา…
ตาโตปรือปิดลงยอมรับสภาพ ‘นักโทษขังลืม’ ของตนเอง
...เขาเคยคิดว่าเขาเข้าใจอี๋เอิน เข้าใจว่าชายหนุ่มเป็นคนดี
แต่การกระทำหยาบช้าของเขาเมื่อสองคืนก่อนเปลี่ยนความคิดของเขาใหม่...
อี๋เอินก็เป็นแค่ ‘ปีศาจ’
แค่นหัวเราะกับตัวเอง เคยคิดว่ารักคนแบบนั้นได้ยังไงกัน
ทั้งที่โดนชายหนุ่มทำร้ายหนักขนาดนี้
เจียเอ๋อรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่ที่หลงเชื่อการเอาใจใส่ของอีกคน
คิดว่าอีกฝ่ายก็คงรู้สึกเหมือนกัน เขามันโง่เอง...ที่เชื่ออะไรแบบนั้นลง
มือขาวลูบไปตามเรือนกายที่มีเพียงเสื้อคลุมสกปรกๆตัวเดิมและกางเกงที่โดนฉีกกระชากเป็นเศษผ้ากองอยู่กับคราบเปื้อนน่าบัดสีฟ้องเหตุการณ์คืนนั้นบนพื้น
ห้องเงียบสงัดน่าหดหู่ลงกว่าเดิมทั้งที่มันก็ยังเป็นห้องเดิมอยู่เสมอไม่ได้เปลี่ยนไปไหน
ไอโขลกใหญ่ สูดลมหายใจข่มตาพยายามจะหลับลงไปให้จบๆเพราะความปวดหัว
ถ้าจะตายก็ขอนอนตายสบายๆแล้วกัน ไม่ต้องให้ใครมายุ่งกับเขาอีกเลย...
แต่เหมือนว่าคำขอของเจียเอ๋อจะไม่ได้ผล ประตูถูกเปิดออก
นางกำนัลชุดเดิมกับที่นำเขามาถวายตัวเดินเข้ามาข้างในพร้อมเสื้อผ้าและเครื่องประดับมากมาย
พวกนางดูตกใจเมื่อเห็นสภาพเขา คงคิดว่าตายไปแล้วกระมังถึงมีสีหน้าซีดเผือกแบบนั้น
“ท่าน...”
“ข้ายังไม่ตาย”หลับตาบอกพวกนาง ลุกขึ้นมานั่งกุมศีรษะที่ปวดใกล้ระเบิดของตนเอง
สะโพกเขายังปวดร้าวจนลุกเหินไปไหนลำบาก
สายตาพร่ามัวเพราะพิษไข้มองเสื้อผ้าเหล่านั้นด้วยความแปลกใจ
“เอาของพวกนั้นมาทำไม”
“พวกข้าจะมาแต่งตัวให้ท่าน...รีบเถอะค่ะ เดี๋ยวท่านอี๋เอินกริ้ว
แล้วท่านจะลำบากนะ”นางกำนัลคนนั้นเตือนเขา
สีหน้านางดูเป็นห่วงจนเจียเอ๋อมั่นใจว่านางต้องรู้เรื่องเขาแน่ๆ
แต่เขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว ศักดิ์ศรีที่มีถูกทำลายย่อยยับโดยเจ้าเมืองโฉดผู้นั้นจนมีเหลือแม้แต่เศษซากให้เขาภูมิใจอีกต่อไป
ถอนหายใจเดินกะเผลกไปหาพวกนางที่รีบเข้ามาพยุงเขาไว้
การทำความสะอาดร่างกายเป็นไปอย่างเชื่องช้า
เพราะอาการบาดเจ็บเฉพาะที่ทำให้ชายหนุ่มต้องไล่นางกำนัลออกจากห้องน้ำก่อนจะให้พวกนางลงมือแต่งตัวให้เขา
น้ำหอมประพรมร่างก่อนสวมเสื้อคลุมแพรตัวบางเบาไว้ทับด้วยเสื้อคลุมหนาอีกตัว
เจียเอ๋อเริ่มอึดอัดเมื่อนางกำลังยังจะสวมเสื้อคลุมสีชมพูหวานลายกลีบดอกท้อทับ
ผ้ารัดสะเอวถูกดึงรั้งแทบหายใจไม่ออกเน้นรูปทรงตันๆที่ไม่ได้ดูเพรียวได้เหมือนหญิงสาว
ปิดท้ายด้วยผ้าคลุมบางๆบนไหล่
เขานั่งลงให้พวกนางเริ่มสางเส้นผมนุ่มของตัวเอง รวบมัดเกล้าเส้นผมครึ่งหนึ่งขึ้นปักด้วยปิ่นเงิน
ปล่อยที่เหลือให้สยายยาว เจียเอ๋อเบ้หน้าดื้อดึงจะไม่แต่งหน้า
แต่พอนึกได้ว่าพวกนางอาจจะโดนลงโทษก็ยอมอยู่นิ่งให้พวกนางได้แต่งแต้มเครื่องประทินโฉมบนใบหน้าเขาตามความพอใจ
เมื่อสิ้นสุดการเปลี่ยนโฉมพวกนางก็ยิ้มแย้มเสียอยากถามว่ามีอะไรน่าขันรึยังไง
ไม่มีกระจก เขาก็เลยไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นเช่นไรเสียด้วย
“ข้าจะพาท่านไปหาท่านอี๋เอินนะคะ เชิญตามข้ามาทางนี้เลยค่ะ”
เจียเอ๋อเดินตามนางออกไปช้าๆ
เขายังเจ็บอยู่ดังนั้นการเดินอย่างปกตินั้นเป็นไปได้ยากยิ่ง
เส้นทางที่ยาวไกลแถมไม่คุ้นเคยทำให้เจียเอ๋อกังวล
นางพาเขาเดินเข้ามาในส่วนหน้าตำหนักซึ่งเป็นที่ว่าความของอี๋เอิน
พลันใจเขาก็เต้นตึกตักเพราะความหวั่นวิตก และเขาคงแสดงออกทางสีหน้ามากไป
นางถึงได้กล่าวยิ้มๆ
“วันนี้เป็นวันหยุดราชการ ไม่มีประชาชนเข้ามาหรอกค่ะ”
แอบโล่งใจ เขากลัวเหลือเกินว่าอี๋เอินจะลงโทษให้เขาแต่งตัวแบบนี้ออกมาให้ประชาชนชาวเมืองฉีประณาม
ถ้าไม่ใช่ก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
แต่ก็ยังโล่งไม่หมดเพราะยังไม่เข้าใจว่าเจ้าเมืองผู้นั้นให้เขาแต่งแบบนี้ด้วยเหตุใด
“ข้าพาตัว หวัง เจียเอ๋อ มาแล้วค่ะท่านอี๋เอิน”
“พาเขาเข้ามา”เสียงทุ้มดังออกมาจากภายในห้อง
เจียเอ๋อตัวสั่นน้อยๆก้มหน้างุด ขณะประตูกำลังเปิดออกช้าๆ
“มีใครบางคนอยากพบเจ้าแหนะ สนมข้า”
“ท่านพี่!!!”
เจียเอ๋อสะบัดหน้ามองผู้มาเยือนด้วยใจที่เต้นระรัวก่อนจะแทบหยุดเต้นไปเฉยๆเมื่อระลึกได้ว่าตนเองกำลังอยู่ในสภาพไหน
สาวน้องผู้มีศักดิ์เป็นน้องสาวของเขาเบิกตากว้างมองเขาแทบตาถลน
นางเอามือปิดปากส่ายหน้าแทบไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
พี่ชายผู้องอาจของนางผู้ยอมแลกตัวกับนางเพื่อช่วยครอบครัวกลับอยู่ในสภาพน่าอดสูแบบนี้…
“กะ เกาลูน เจ้ามาได้ยังไง”
“นางอยากเจอเจ้า...”อี๋เอินอธิบายเสียงระรื่นไม่รู้สึกรู้สา
ทิ้งสะโพกค้ำหน้าต่างบานใหญ่ติดกับโต๊ะทำงานยาว “ข้าก็เลยให้พบ”
“ท่าน!!!”
“เอ้า เกาลูน มีเรื่องอะไรจะพูดกับ ‘พี่ชาย’ ของเจ้าไหมล่ะ?”
“คะ คือ...”หญิงสาวดูท่าทางตั้งรับไม่ทัน เธอมองเขาสลับกับชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าเมือง
“ขะ...ข้าจะมาใหม่
ขอตัวนะเจ้าคะ ท่านอี๋เอิน พะ...พี่เจียเอ๋อ”
“เดี๋ยวเกาลูน”เขาพยายามเรียกน้องสาวที่รีบเดินหนีไป
แต่พอขยับตัวเร็วๆสะโพกที่ร้าวอยู่แล้วก็ส่งเสียงประท้วงทรุดฮวบลงไปทั้งร่าง
“ไม่ดีใจหรือ? ได้เจอน้องสาวทั้งทีนะ”
“ท่านทำให้ข้าอับอายต่อหน้าน้องสาว”เสียงแหบสั่นเทิ้มด้วยความโกรธเคือง
ดวงตากลมเหลือบมองชายหนุ่มตัดพ้อ
“หึ ข้าก็แค่อยากให้น้องสาวเจ้าเห็นฐานะของเจ้าในตำหนักนี้”
“ข้าทำอะไรให้ท่านโกรธนักหรือไง ท่านถึงได้ทำร้ายข้าได้ขนาดนี้!!!”ตะโกนตัดพ้อ
ปล่อยน้ำตาไหลพรากอย่างทนไม่ไหว จิตใจของเขากำลังอ่อนแอ อ่อนแอจนเกินไป...ฝืนลุกขึ้นก็โดนชายหนุ่มกระชากร่างเข้าไปใกล้
เสียงทุ้มเย็นกระซิบข้างหูน้ำเสยงกร้าว
“กับคนที่กล้าเล่นชู้กับหมอหลวง แค่นี้มันยังน้อยไปนัก เจียเอ๋อ”
ตาโตเบิกโพล่ง ผลักชายหนุ่มออกไปไกลตัวเอง
“ท่านเอาอะไรมาพูด!! ข้ากับเฟิงจีไม่ได้มีอะไรกันนะ!”
“ข้างนอกนี้คนนินทากันหนาหู แต่รู้ไหม...ข้าไม่เชื่อ”
อี๋เอินผลักร่างขาวลงบนโต๊ะ ตามเข้าคร่อม
มองด้วยแววตาอย่างราชสีหืกำลังจะตะครุบเหยื่อให้แหลกเป็นชิ้นๆ “จนเมื่อข้าได้เห็นกับตาว่าเฟิงจีออกจากห้องเจ้าคืนนั้น...ข้าถึงรู้ตัว
ว่าข้าไว้ใจคนผิด...”
“ท่านทำอะไรเฟิงจี”
“หน้าไม่อาย”เจียเอ๋อเหมือนโดนตบหน้าเข้าจังๆ
“ยังกล้าถามถึงชู้เจ้าอีกหรือ”
“ข้าถามว่าท่านทำอะไรเขา!”
อี๋เอินนิ่งไป แต่ดวงตากลับดุกร้าวราวกับมีไฟลุกโชนอยู่ในนั้น
ริมฝีปากสวยเอ่ยคำตอบได้อย่างเลือดเย็นที่สุด “คมดาบแหลมๆคงช่วยปรับนิสัยเจ้านั่นได้...”
ราวกับมีฟ้าผ่าขึ้นด้านหลัง ขนอ่อนในกายลุกขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ
ใจเต้นรัวหวาดกลัวทั้งโกรธเคือง ตกใจกับสิ่งที่อีกคนทำ
ไม่คิดว่าอี๋เอินจะเลือดเย็นได้ขนาดนี้...
“ท่านมันปีศาจ!!! เขาไม่ได้ทำอะไรผิด ท่านทำอะไรลงไป
ท่านฆ่าผู้บริสุทธิ์นะ นั่นสหายท่านไม่ใช่หรือ!!”
“เจ้านั่นไม่ใช่สหายข้าตั้งแต่มันเริ่มยุ่งย่ามกับคนของข้ามากเกินไป!”อี๋เอินตวาดเสียงห้วนลั่นห้องทำงาน
เจียเอ๋อสะดุ้งสุดตัวหลับตาปี๋ “ข้าเคยอยากทะนุถนอมเจ้าเจียเอ๋อ...
แต่ตอนนี้ข้าอยากให้เจ้าช้ำ ช้ำจนไม่กล้าจะไปยุ่งกับใครอีก”
“หยุดนะ! ข้ายังเจ็บอยู่”
เจียเอ๋อสะบัดกายตีเท้าไปมาพยายามจะหยีมือเรียวที่ลูบไล้เข้ามาใต้กระโปรงตัวใน
อี๋คงหงุดหงิดเลยคว่ำหน้าเขาลงกับโต๊ะ สะกดจุดด้านหลังด้วยความเชี่ยวชาญที่มีทำให้เขาขยับตัวไม่ได้
ได้แต่ส่งเสียงห้ามทั้งน้ำตาไหลพรากวอนให้อีกคนสงสาร
มือเรียวแหวกกระโปรงขึ้นไปกองบนสะโพกมน มือแหวกกลีบเนื้อนุ่มออก
ใช้นิ้วลูบผ่านจุดช้ำชอกสองสามครั้งจนกายเล็กสั่นระริกเพราะความหวาดกลัว
“ตรงนี้ของเจ้าเคยให้เจ้านั่นลองไหมล่ะเจียเอ๋อ”
ใบหน้ากลมส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน ปฏิเสธทั้งเรื่องที่ชายหนุ่มเอ่ย
และเรื่องที่ชายหนุ่มกำลังจะทำกับร่างกายเขา เอ่ยห้ามเสียงสั่น
“ไม่...”
“หึ...ก็ดี”
“เอ๊ะ ยะ อย่านะ อย่า!”เจียเอ๋อร้องห้ามทันทีส่วนหัวจ่อเข้าที่ปากทางเข้า
อี๋ไม่สนใจ เขาจับเชิงกรานสวยไว้ยืดตัวไถลตัวลงในช่องทางอุ่นแน่นหนัดที่ไม่ได้เบิกทางพร้อมไว้ก่อน
เจียเอ๋อกรีดร้องลั่นเสียงสูง ต้นขาเกร็งแน่นเพราะความเจ็บจากการสอดใส่ โลหิตสดๆชโลมปากทางเข้าให้เข้าได้ง่ายยิ่งขึ้น
แม้ว่าผนังเนื้อภายในจะตอดรัดชายหนุ่มจนแทบจะขยับตัวไม่ได้แต่อี๋เอินก็บังคับยัดเยียดให้อีกฝ่ายรับตัวเองไปจนหมดสิ้น
“อย่า...อย่าขยับนะ ข้าขอร้อง ไม่ ฮือ!!!”
เชิดครางร้องเสียงหลงกะทันหันเพราะอี๋กระแทกเข้ามาอย่างแรงเป็นคำตอบว่าการร้องของนั้นโดนปฏิเสธแบบไม่ใยดี
ได้แต่ก้มหน้าแนบโต๊ะปล่อยให้อี๋ชักเข้าออกกายอย่างไม่มีทางขัดขืนได้
ท่อนเอ็นร้อนสวนเข้ากระทบผนังเนื้อหยุ่นในกายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เนื้อสะโพกตบกับหน้าขาแกร่งจนแสบแดงส่งเสียงน่าอายให้เจียเอ๋อได้อับอายจิกเล็บลงกับพื้นโต๊ะเพื่อระบายอารมณ์หวาม
น้ำตาที่คิดว่าไหลจนไม่ไหลแล้วกลับทะลักออกมาอีกเมื่อจู่ๆก็โดนพลิกตัวลงนอนตะแคงข้าง
ขาด้านหนึ่งโดนขึ้นอ้าออกไปวางบนบ่ากว้าง
เส้นเอ็นและข้อยึดส่งเสียงกึกกักประท้วงปวดระบม คนรับได้แต่ร่ำไห้คร่ำครวญเจ็บปวดเจียนจะขาดใจ
อี๋มองภาพตรงหน้าอย่างนึกพอใจ
ใบหน้าคมหวานบิดเร้าเพราะแรงอารมณ์และความเจ็บปวด เส้นผมสีดำยาวสยายยุ่งเหยิง
ปิ่นปักผมสีเงินโย้เย้ไม่เป็นทรง ชุดอย่างหญิงครรณิกาบนเรือนกายขาวหลุดลุ่ยออกทีละนิดๆ
ลมหายใจร้อนและแก้มแดงๆนั่นก็น่ารักเย้ายวน
หากเป็นปกติคงก้มลงไปฟัดไปหอมให้สมใจแล้ว แต่วันนี้เขาตั้งใจ...ตั้งใจใช้ร่างนี้ระบายอารมณ์ใคร่เท่านั้น
ดังนั้นจึงไม่โลมก่อนจะเริ่มมีสัมพันธ์ ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความทรมาน...เป็นการลงโทษที่กล้าทรยศเขาคนนี้
“อ๊ะ! อื้ออออ!!!”
น้ำอุ่นร้อนพุ่งฉีดเข้าไปในร่างอวบ ลมหายใจร้อนและเสียงสะอื้นดังระงมจากร่างตรงหน้า
อี๋ถอนกายออก ใช้นิ้วอุดช่องทางไม่ให้ลูกนับล้านของเขาไหลออกมาก่อนจะจบเกมราคะนี้
ดึงสะโพกอวบลงยืนเขย่งขาบนพื้น จับสะโพกให้ตรงมุมโต๊ะดันกายสอดแทรกท่อนเอ็นเข้าไปอีกครั้ง
“อุก! เจ็บ ข้าเจ็บ”
เจียเอ๋อร้องครวญขอความเห็นใจ จุกเสียดเพราะโดนทิ่มแทงในกายแล้วยังจะโดนแรงกระแทกดันเชิงกรานกระทบขอบโต๊ะอีก
เขาได้ยินเสียงหัวเราะเย็นๆจากท่านเจ้าเมือง มือเรียวจับข้อศอกทั้งสองด้านดึงไปด้านหลังบังคับแผ่นอกให้เริดขึ้นพร้อมทั้งส่วนนั้นที่มุดเข้าไปลึกกว่าท่าปกติ
เจียเอ๋อหายใจติดขัดร้องครางแผ่ว
กรีดครางเสียงดังขึ้นทุกครั้งที่โดนสะโพกแกร่งตบเข้าหาอย่างรุนแรง
ปิ่นปักผมหล่นลงพื้นปล่อยให้เส้นผมสีอีกายาวสยายไหวกระเพื่อมตามแรงกระทำ
ร้องไห้ทั้งกรีดคราง ได้แต่ภาวนาในใจอีกอี๋เอินหยุด หยุดทำร้ายเขา
ก่อนที่ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายมันจะแหลกสลายไปจริงๆ...
.
.
.
.
.
กว่าจะโดนปล่อยตัวออกมาก็จนร่างกายแทบจะแหลกคาร่างอีกฝ่าย
ชายหนุ่มปล่อยเข้ามาในร่างเขาเท่าไหร่ก็ไม่อาจนับได้ แต่ก็เยอะพอให้เดินไปก็รับรู้ถึงน้ำที่ค้างคาในลำไส้
เท้าเปลือยเปล่าย่ำลงบนพื้นหินอ่อนพาร่างระโหยโรยแรงของตนเองเดินกลับห้องที่ท้ายตำหนัก
สายตาพร่าเลือนมองภาพตรงหน้าไม่ชัดเจน พิษไข้กำลังเล่นงานเขาอย่างรุนแรง ขาสั่นระริกอ่อนกำลังก้าวไปอีกข้าง
และอีกข้าง ก่อนจะล้มลงศอกกระแทกพื้นเจ็บจนน้ำตาไหลพราก รับรู้ถึงคราบไคลที่ไหลเปรอะโคนขา
มันมากจนชายหนุ่มไม่อยากลุกขึ้นอีก ไม่อยากลุกเพื่อกลับมามองหลักฐานความบัดซบที่เกิดขึ้นกับเขา...อีกครั้ง...แต่ไม่มีครั้งไหนที่เจียเอ๋อจะรู้สึกอ่อนแอได้เท่านี้
แค่ทำร้ายร่างกาย เจียเอ๋อยังพอสู้ไว้ แต่จิตใจโดนทำร้ายไปด้วยแบบนี้
เห็นทีว่าเขาก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
เปลือกตาปิดลงพร้อมสติที่ดับวูบ เฮือกสุดท้ายเขาได้ยินเสียงหวานใสหวีดร้องเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ
แล้วทุกอย่างก็พลันมืดสนิท...
-----------------------------------------------------------------------------------
สปอยด์ :...เฟิงจีไม่ได้โดนท่านอี๋เชือดจริงๆนะจ๊ะ 55555+ (อย่าตบเรา)
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น