[SF] ai ai no kasa [MARKSON]
ai ai no kasa
Mark x
Jackson
สองเท้าใต้รองเท้าผ้าใบกีฬาคู่เก่งถีบจักรยานลงจากเนินระมัดระวังไม่ให้ไหลไปกับแรงโน้มถ่วงจนหน้าคะมำ
สองมือกำเบรกไว้แน่นค่อยๆปล่อยเมื่อถึงทางราบของถนนสายหลักสายเล็กของบ้านเรือนบริเวณนี้
หยุดจอดหน้าร้าน
24 ชั่วโมง ยกนาฬิกาขึ้นมาดูเพื่อยืนยันว่ากะเวลาไม่ผิด ผลุบเข้าไปในร้านไม่ถึงห้านาทีก็ออกมาพร้อมขนมปังก้อนเล็กและขวดนมรสจืดอีกหนึ่งขวด
ยืนกินขนมปังหันหน้าออกไปทางถนนเส้นเล็กราวกับรออะไรบางอย่าง
ดวงตากลมโตเบิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเป้าหมายอยู่ลิบๆ
สำรวมกริยาไม่ให้ตื่นเต้นจนเกินไปแม้ว่าอวัยวะในอกกำลังเต้นตุบตับตื่นเต้น
รถลีมูซีนสีดำแล่นผ่านไปด้วยความเร็วไม่มากนัก
กระจกดำทึบนั่นทำให้ไม่เห็นว่าใครเป็นใคร
แต่แค่เห็นทะเบียนรถแจ็คสันก็รู้แล้วว่ามิสชั่นวันนี้สำเร็จเหมือนเคย
ยิ้มน้อยๆกับตัวเอง แบกกระเป๋าเป้ใส่หลัง เดินไปทิ้งขยะ
ก้าวขาคร่อมจักรยานแม่บ้านของตัวเอง ปั่นตามรถคันนั้นไป
...ที่จริงก็ไม่ได้ตามหรอก
ก็นี่มันทางไปโรงเรียนเขานี่นา...
...โชคดีแต่เช้าเลย...
“เฮ้ยไอ้แจ็ค! มาสายอีกแล้วนะมึง มีจักรยานไว้ทำไมวะ”เพื่อนในห้องส่งเสียงถาม
แจ็คสันโยนกระเป๋าลงโต๊ะ หันไปตอบคำถาม
“จักรยานรุ่นคุณยายนะมึง
ไม่ใช่เสือภูเขา”
“เออ คราวหลังรีบตื่นแล้วกันนะมึง”มันโบกมือหันไปสนใจหนังสือไอดอลในมือต่อ
“เป็นไง
เจอไหมล่ะ รักแรกของมึงน่ะ”
“หุบปากไปเลยจินยอง”
“หึหึ”
จินยองหรือปาร์คจินยองเป็นเพื่อนในห้องคนเดียวที่รู้ว่าเขาไปทำอะไรถึงได้มาสายทุกเช้า
“นั่นไงล่ะ
มาแล้ว”
เสียงสาวๆกรี๊ดกร๊าดกันตามสเตปทันทีที่มาร์คต้วนคนหล่อประจำโรงเรียนเดินเข้ามาในห้อง
มาร์คทำสีหน้าเฉยชาเหมือนเคย แต่หมอนั่นก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกนะ
...อย่าดูดีมากได้ไหมละ...หวั่นไหวนะ...
คาบพละวันนี้เป็นการตรวจสอบสมถะภาพทางร่างกาย
พวกผู้หญิงใส่กางเกงพละขาสั้นและเสื้อพละสีขาวดูน่ารัก
ส่วนพวกผู้ชายก็ใส่กางเกงวอร์มสีน้ำเงินกันไป
แจ็คสันวอร์มร่างกายท่าทางมุ่งมั่น
ศักดิ์ศรีนักกีฬาโรงเรียนค้ำคอเขาอยู่ และที่สำคัญ เขาไม่อยากแพ้มาร์ค...
ยืดตัวผ่อนลมหายใจ
สะบัดข้อมือข้อขาเตรียมพร้อมเต็มที่ แอบเหลือบมองคุณชายบ้านรวยที่ยืนอยู่ข้างๆ
เขามัวแต่ยืดร่างกายเลยไม่ได้มองว่ามาร์ควอร์มร่างกายยังไง แต่เห็นสาวๆกรี๊ดกัน
คงเท่น่าดูเลย
ไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว
ตั้งท่าเตรียมตัววิ่ง
ปี๊ด!
พุ่งออกตัวไป
วิ่งด้วยสุดกำลังที่มี ลมบางๆพัดผ่านใบหน้า
เสียงกรี๊ดดังไล่หลังมาไม่อาจรบกวนเขาได้ ในคลองสายตาเห็นแต่เส้นชอล์กสีขาวข้างหน้านั่นเท่านั้น
วิ่งเข้าเส้นชัย
รอฟังเสียงประกาศเวลาขณะยืนยันเข่าหอบอยู่
“แจ็คสัน 9.6 วินาที มาร์คต้วน 9.8 วินาที...”
เสียงกรี๊ดมาตามมาดังคาด
แจ็คสันหัวเราะแผ่วๆ โล่งใจ แม้จะชนะแค่ 0.2 วินาทีก็ตาม
สัมพัสบนไหล่เรียกให้เขาหันไปมอง ก่อนหัวใจจะเต้นแรงชนิดแทบจะหลุดออกมากองบนพื้น
“...มาร์ค”
“นายวิ่งเร็วจัง”
“อะ เอ่อ
ขอบคุณ”
มาร์คยิ้มบางๆ
เดินออกไปดื่มน้ำ ทิ้งให้เขายืนเคว้งใจเต้นตาลอยอยู่ที่เดิม
รู้ตัวอีกทีก็ตอนจินยองมันเหยียบเท้าเรียกสติ
“เพ้อหนักแล้วมึง”
...ก็มาร์คชมเชียวนะ...
ฮือ เขิน
-////-
จมูกรั้นถอนหายใจดังเฮือกใหญ่
มองสายฝนโปรยปรายนอกอาคารอย่างเบื่อหน่าย ทั้งๆที่รู้ว่าช่วงนี้หน้าฝน
ฝนจะตกมาตอนไหนก็ไม่รู้ แต่วันนี้ดันซวยลืมเอาร่มมาด้วย
นั่งรอให้ฝนหยุดตกมาเกือบชั่วโมง
ได้แต่ตัดใจเก็บของลงกระเป๋า เดินออกจากห้องว่างเปล่าเพราะคนอื่นกลับไปหมดแล้วตั้งแต่เย็น
เปลี่ยนรองเท้ามายืนนิ่งอยู่หน้าประตู
กระชับกระเป๋าเตรียมจะวิ่งสู้ฝ่าฝน สะดุ้งสุดตัวเพราะจู่ก็มีมือจับที่ไหล่
เกือบร้องว๊ากไปแล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงทุ้มเรียกเสียก่อน
“นาย”
“อะ...มาร์ค”
“เอานี่ไปสิ”
มองร่มใสบนมืออีกคน
เงยหน้าพลางส่ายหน้า
“ไม่เอาหรอก
เดี๋ยวนายก็เปียก”
“ฉันมีรถมารับ
นายเอาไปเถอะ”มาร์คยังคงยืนยันจะเอาให้ แต่แจ็คสันก็เอาแต่ส่ายหน้าเช่นเดียวกัน
“งั้น...ไปด้วยกันเลยแล้วกัน”
“เฮ้ย!”ร้องตกใจเพราะจู่ๆข้อมือเขาก็โดนจูงออกไปด้านนอก
กลิ่นอายดินและละอองฝนปลิวมาตามอากาศ แต่กลิ่นน้ำหอมจากมาร์คกลับเป็นกลิ่นที่ปั่นป่วนแจ็คสันได้ร้ายแรงที่สุด
มาร์คกางร่ม
ดึงเพื่อนร่วมชั้นเข้าไปยืนในร่มคันเดียวกัน ปล่อยมือออกขณะออกเดินไปหน้าโรงเรียน
เวลาไม่ถึงนาที
แต่แจ็คสันกลับรู้สึกนานนับปี
คนที่เขาแอบชอบยืนอยู่ข้างๆ
แถมยังใกล้เสียจนกลัวเหลือเกินว่าอีกฝ่ายจะได้ยินเสียงเต้นตุบตับของอวัยวะในอก
ก้มหน้าก้มตาซ่อนแก้มที่คงแดงจัดไว้ ดีเหลือเกินที่มาร์คไม่ได้สนใจเขาเท่าที่ควร
เวลาความสุขมักไม่คงทน...พอถึงรถ
มาร์คก็ยื่นร่มมาให้เขาถือ ยิ้มให้เขา เปิดประตูเข้าไปในรถ แจ็คสันยืนอยู่ตรงนั้นสักพักมองรถหรูที่แล่นออกไป
ยกมือกุมหน้าอกด้านซ้ายฟังเสียงหัวใจรัวแรงของตนเอง
...มาร์คต้วนเป็นอันตรายต่อหัวใจเขาจริงๆ...
วันนี้มีเรื่องประหลาด...
ขณะที่เขาปั่นจักรยานออกจากเขตโรงเรียนในช่วงห้าโมงที่ไม่มีนักเรียนคนไหนอยู่แล้ว
กลับเจอกับมาร์คต้วนที่เดินอยู่ข้างทาง
“มาร์ค”
“อ้าว
แจ็คสัน”มาร์คมีท่าทีแปลกใจ
แจ็คสันจอดจักรยานข้างๆทางเดิมเพื่อถามไถ่
“รถนายล่ะ”
“อ้อ
วันนี้ต้องไปรับมี๊น่ะ ฉันเลยเดินกลับบ้านเอง”
“อ่า...”แจ็คสันลังเลใจที่จะชักชวน
“เอ่อ...จะ...จะไปด้วยไหม?”
มาร์คเลิกคิ้ว
มองจักรยานรุ่นคุณยายแล้วหลุดหัวเราะ
แจ็คสันหน้าแดงวาบนึกเคืองอีกคนไม่น้อยที่โดนหัวเราะใส่
“อย่าเพิ่งโกรธสิ”มาร์ครีบห้าม
“ฉันปั่นแล้วกัน นายซ้อนนะ”
“เฮ้ย ไม่ดิ”
“เอาน่า”
พูดไม่พอยังแย่งตำแหน่งคนขับ
ไล่เจ้าของรถไปนั่งซ้อนหลัง แจ็คสันทำตัวแข็งเกร็ง นอกจากมาร์คจะเป็นคนที่เขาแอบชอบแล้ว
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มนั่งซ้อนท้ายคนอื่นอีก
“สบายๆหน่อยก็ได้
ฉันไม่พานายล้มหรอก เชื่อฉันสิ”
“...อืม...”
...เชื่อฉันสิ...
ไม่รู้ทำไม
แต่แค่คำๆเดียวทำเอาอบอุ่นไปทั้งหัวใจเลย
เป็นวันหนึ่งในเทอมฤดูฝน
ครูคณิตศาสตร์มีธุระด่วน คาบนี้เลยกลายเป็นคาบว่าง พวกผู้หญิงกรี๊ดกร๊าดกันอยู่หน้ากระดาน
วาดร่มเขียนชื่อตัวเองกับมาร์คกันใหญ่ ในตอนที่เจ้าของชื่อไปครูที่ห้องพักครู
พวกผู้ชายบ่นกันขรมเพราะแทบไม่มีที่ว่างให้มีชื่อตนอยู่ใต้ร่มคันนั้น
“แม่ง
เกมปัญญาอ่อน พวกผู้หญิงก็เชื่อกันไปได้”
“ที่มึงด่าเพราะไม่มีใครเขียนชื่อมึงรึเปล่า”
“รู้ทัน
มึงก็เหมือนกันแหละครับ”
เพื่อนในกลุ่มนั่งซุบซิบกันตามประสาผู้ชายปากไม่อยู่สุข
แจ็คสันนั่งท้าวคางมือค้างอยู่บนดินสอที่กำลังเขียนการบ้านวิชาภาษาที่ตนยังไม่ทำมา
เงยหน้ามองกระดานที่กำลังโดนละเลงซะคิดว่าถ้าร่มนั่นมีอิทธิฤทธิ์จริงมาร์คคงมีแฟนเป็นฮาเร็มใหญ่แน่ๆ
หัวเราะในความคิดไร้สาระของตัวเอง
จดจ่อทำการบ้านต่อ
...แต่อืม...ร่มเหรอ...
ยุกยิกๆ
.
.
.
“เฮ้ย! ไอ้แจ็ค! เขียนอะไรอยู่วะ”
แจ็คสันสะดุ้งรู้ตัวก็ตอนเพื่อนเรียก
มองหน้ากระดาษแล้วหน้าแดงฉ่า นี่เขาเขียนอะไรลงไปเนี่ย!
“เฮ้ยยยยยยย
ร่มคู่มาร์คแจ็คสันว่ะเมิงงงง”ไอ้เพื่อนทรยศตะโกนล้อเสียงดัง
ตั้งใจจะประกาศให้คนทั้งห้องรู้
“ไอ้ห่า! ไม่ใช่”รีบปฏิเสธ แย่งสมุดตัวเองกลับคืนมา
พอดีกับที่ประตูห้องเรียนเปิดออก
มาร์คเดินเข้ามาทำสีหน้างงงวยกับบรรยากาศในห้องและลายแทงร่มบนกระดาน
“เห้ย! มาร์ค! ดูนี่ดิ แจ็คสันเขียนให้มึงว่ะ”
“เดี๋ยว! อย่า”ห้ามเสียงหลง ดึงตัวเพื่อนไว้ แต่ไอ้เพื่อนตัวแสบกลับโยนสมุดเขาให้ลูกรับอีกคนวิ่งลิ่วเอาไปให้คนหน้าห้องดู
...ถ้ามองไม่ผิดสีหน้ามาร์คดูเครียดขึ้นนะ...
หัวใจแทบหยุดเต้นตอนอีกคนเงยหน้าขึ้นมามอง
ริมฝีปากเรียวกำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง นั่นทำให้เขาขลาดกลัวจนต้องรีบวิ่งออกมา
เสียงเพื่อนเรียกชื่อดังตามหลังมา
แต่เขาไม่สนใจแล้ว วิ่งลงมาหยุดที่บันไดหนีไฟชั้นสอง ทรุดตัวนั่งกอดเข่ากับพื้น
ซุกหน้าลงกับฝ่ามือ... แล้วจู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมา
...โดนเกลียดแน่ๆ
โดนมาร์คเกลียดแน่ๆ...
...ไม่เอาแล้ว...
วันปัจฉิมนิเทศของโรงเรียนถูกจัดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
หลังผ่านฤดูหนาวและฤดูสอบอย่างสาหัสสากัญมาแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็จบมัธยมปลายเสียที
แจ็คสันได้เรียนต่อที่ม.โตเกียวตามที่ได้ตั้งใจไว้
ส่วนมาร์คจะบินไปเรียนต่อสายบริหารธุรกิจที่ต่างประเทศ
ตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้นทั้งสองก็ไม่ได้คุยกันอีก
แจ็คสันพยายามหลบเลี่ยงไม่อยู่ในห้องตอนพักเที่ยงหรือพักระหว่างวิชา
เพื่อนต้นเหตุก็โกรธเสียจนพวกมันต้องมาขอโทษขอโพยกันยกใหญ่ มาร์คก็ไม่ได้มีท่าทีเป็นเดือดเป็นร้อน
ก็ยังเหมือนเดิมอยู่ทุกอย่าง
...แจ็คสันไม่คิดว่ารักแรกเขาจะจบตั้งแต่ไม่เริ่มแบบนี้...
เด็กหนุ่มยืนอยู่ในแถว
แอบเหลือบมองมาร์คที่ถัดไปอีกห้าที่นั่ง ใบหน้าหล่อสวยตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์ใหญ่กำลังพูด
ผิดกับเขาที่ไม่ได้สนใจตั้งแต่แรก
“...ตั้งแต่นี้ไปก็ขอให้นักเรียนตั้งใจ
เป็นคนดีที่มีคุณภาพของประเทศเราต่อไป ขอบคุณและยินดีที่จบการศึกษานะ”
สิ้นพิธี
ดอกไม้ประดับอกก็ถูกโยนกระจายไปทั่วทั่งโดมพร้อมเสียงไชโยโห่ร้องยินดีกันดังสนั่น
แจ็คสันโยนมันทิ้งส่งๆ
หันไปมองมาร์คที่เงยหน้ามองกลีบดอกไม้สีมพูที่ร่วงหล่นยิ้มๆ
ภาพงดงามที่แจ็คสันสัญญาว่าจะเก็บไว้ในความทรงจำ ไปอีกตราบนานเท่านาน
...ความทรงจำของรักแรก...
.
.
.
นักเรียนกรูกันออกมาถ่ายรูป
พูดคุยกันอยู่หน้าโดมทำพิธี พวกผู้ชายฮอตๆจะโดนตามล่ากระดุมเม็ดที่สองของเสื้อตัวใน
เพราะมีความเชื่อที่ว่ากระดุมเม็ดที่สองมันอยู่ใกล้หัวใจ
ถือเป็นของแทนใจสุดล้ำค่าที่จะมอบให้คนพิเศษเพียงแค่คนเดียว
แจ็คสันยืนมองพวกผู้หญิงไปรุมมาร์คแล้วก็อึดอัดแทน
ไม่รู้ว่าเขาคนนั้นจะนึกรำคาญบ้างรึเปล่านะ
“เฮ้ย แจ็ค
ไม่ไปแย่งกับเขาเหรอวะ”จินยองเดินมาคล้องคอเพื่อนตัวเตี้ยที่เหม่อมองรักแรกของมันนิ่งๆอย่างน่าสงสาร
“อืม ไม่ล่ะ
กูคงไม่ได้หรอก”
“ยอมแพ้แล้วเหรอ?”
“อืม”
“ยังไม่ได้สู้เลยป่ะวะ”จินยองยังคงถามต่อ
“อะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ก็ไม่ได้ว่ะ...อ้าว
กระดุมมึงถูกชิงไปแล้วนี่”ชี้นิ้วถามถึงกระดุมที่หายไปของเพื่อนสนิท “ให้ใครไปวะ”
พอถามเรื่องนี้จินยองก็นิ่งไป
ก่อนยิ้มเจ้าเล่ห์พยักเพยิดไปทางต้นไม้ใกล้ๆโรงเรียนที่มีร่างๆหนึ่งยืนอยู่
“เฮ้ย
นั่นมันอิมแจบอมห้องสองป่ะ? คนที่เงียบๆน่ากลัวๆหน่อย นี่มึงชอบเขาเหรอ?”
“เหอะ...
ไม่ใช่แค่ชอบ พวกกูคบกันตั้งนานแล้วเถอะ”
“เห้ยยยยย!!!”เบิกตาโตตกใจ จินยองกับแจบอมอ่ะนะ!
“ตกใจอะไร?
หมอนั่นตอนอายน่ารักดี กูชอบ กูก็จีบแล้วติดซะด้วย คบกันมาสามเดือนแล้วว่ะ
เนี่ย...กูประสบความสำเร็จแล้วนะ มึงไม่ลองดูสักตั้งล่ะวะ”
แจ็คสันส่ายหน้า
ยังไงก็ไม่เอาอยู่ดี
“เอ่อ...ขอโทษนะ
แจ็คสันใช่ไหม?”
“หืม?”หันไปหาผู้ชายตัวสูงโย่งคนหนึ่งที่เดินทำหน้าอายๆมาหา
เขาว่าเขาคุ้นๆหน้าหมอนี่นะ แต่จำไม่ได้อ่ะ
“คือ...ถ้านายไม่หวง
ฉันขอกระดุมนายได้ไหม?”
“เอ่อ...”แจ็คสันกำลังอึ้ง
นี่เขากำลังโดนสารภาพรักอยู่รึไง แต่เออ หมอนี่ก็ผู้ชาย อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด
เขาเองก็ไม่รู้จะหวงไว้ทำไมด้วย เลยจับกระดุมเม็ดที่สองกระชากออกมา
“ขอบ-”
“โทษนะ...แต่เม็ดนั้นของฉัน”
ไม่ทันที่จะได้เอาให้
เสียงทุ้มต่ำเย็นๆก็เอ่ยขึ้นมาในระยะใกล้
ร่างโดนดึงไปด้านหลังกระทบกับอกแข็งของใครอีกคน เสียงกรี๊ดดังขึ้นรอบทิศจนหูอื้อ
ผู้ชายตัวโย่งคนนั้นก็ดูตกใจ เดินหนีไปทันที
“มะ มาร์ค”เรียกชื่อเจ้าของมือที่โอบไหล่เขาอยู่ตะกุกตะกัก
ทั้งตกใจและมึนเบลอ
...นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!...
“กระดุมเม็ดนั้น
ขอฉันนะ”
“เดี๋ยวสิ
นายจะเอาเหรอ?”
ใจดวงน้อยเต้นโครมคราม
มองมาร์คที่ดึงกระดุมเม็ดที่สองออกมาวางบนฝ่ามือยื่นให้เขา
“อืม...เอามาแลกกัน”
“จะดีเหรอ?
คือ...มีหลายคนอยากได้นะ”
“ฉันให้ คนที่ฉันชอบ
มันแปลกตรงไหน”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!!
แจ็คสันอึ้งจนไม่ได้สนใจเสียงกรี๊ดปานจะขาดใจของคนรอบข้าง
ในสายตามองแค่มาร์คที่ยิ้มอบอุ่นมาให้ เอ่ยย้ำคำนั้นอีกรอบเพื่อให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายก็คิดตรงกัน
“ฉันชอบนาย...ชอบนายมาตลอด
แจ็คสันหวัง”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น