[ตำหนักอี๋เจีย] 10
ตำหนักร้อนบำเรอรัก
10
“เจียเอ๋อ!!!”เหมยหลินเรียกชื่อร่างที่ทรุดฮวบลงไปกับพื้นด้วยความตื่นตกใจ
เธอเพิ่งกลับมาจากการเที่ยวเมืองหลวง
กลับมาก็ว่าจะมาเยี่ยมพี่ชายตนเองแต่กลับเจอสนมคนโปรดของอี๋เอินทรุดสลบบนทางเดินเสียอย่างนั้น
รีบให้องครักษ์ไปเรียกเฟิงจีมา
พวกนั้นก็กลับมาแจ้งว่าเฟิงจีถูกส่งตัวไปประจำอยู่ตำหนักนอกเมืองเพราะโดนอี๋เอินลงโทษ
หญิงสาวสับสนวุ่นวายไปหมด สุดท้ายก็เลยล้มเลิกจะไปหาอี๋เอิน
สั่งให้พวกทหารอุ้มตัวเจียเอ๋อเดินตามนางไปนอนพักในห้องพักรับรองของนางเสียก่อน
นายหญิงน้อยของตำหนักเลี่ยงหรงชี้สั่งให้พวกองครักษ์ชายไปเฝ้าหน้าประตูห้ามมิให้ใครเข้ามาแม้จะเป็นคนของอี๋เอินก็ตาม
เรียกให้นางกำนัลมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจียเอ๋อที่ยังไม่ได้สติ
พวกนางไม่มีวิชาจึงไม่รู้ว่าจะรักษาอย่างไร หมอหลวงเฟิงจีก็ถูกย้ายตัวไป
หมอคนใหม่ก็ยังไม่เดินทางมา ตอนนี้สิ่งที่ทำได้ก็แค่พยุงอาการเจียเอ๋อเอาไว้ไม่ให้หนักไปมากกว่านี้
ใบหน้าหวานคมเข้มซีดเซียวไร้เลือดฝาด
ริมฝีปากแตกแห้ง เปลือกตาช้ำแดงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักหน่วง
คราบขาวไหลเลอะเสื้อผ้าและเรียวขาขาวบ่งบอกชัดเจนว่าเจียเอ๋อไปเจอเรื่องอะไรมา
แต่นางไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายของนางถึงทำร้ายคนโปรดของตนเองเช่นนี้?
“พวกเจ้ารู้อะไรหรือไม่?”หันไปถามเหล่าคนรอบกายที่ต่างส่ายหน้า
แต่กลับมีนางกำนัลคนหนึ่งทำสีหน้าเลิกลักผิดสังเกต เหมยหลินเดินไปยืนต่อหน้านาง
มือบางยกขึ้นตบหน้านางกำนัลคนนั้นฉากใหญ่จนล้มลงไปกับพื้น
“นางกำนัลของตำหนักเลี่ยงหรงต้องซื่อสัตย์ต่อนาย...ใครคือนายเจ้า!!”น้ำเสียงหวานใสในตอนนี้กลับดูโหดเหี้ยมขึ้นมาไม่แพ้พี่ชาย
“ท ท่านเหมยหลินและท่านอี๋เอินเพคะ”
“แล้วที่ข้าถามทำไมเจ้าไม่ยอมตอบ”
“ข้าไม่รู้เรื่องอะไรนะเพคะ”
“โกหก!!!”เหมยหลินสวนกลับทันที
“เจ้ารู้อะไรมา จงบอกข้า แล้วข้าจะลดโทษให้เจ้ากึ่งหนึ่ง”
“คือ...พวกนางสนม...”
“พอ!”หญิงสาวยื่นมือขึ้นมาห้าม
ไม่รอให้นางกำนัลคนนั้นพูดจนจบก็เรียกนายทหารเข้ามาจับนางขึ้น สีหน้าหวาดกลัว
“พานางไปโบยสิบครั้ง แล้วตามซูหนิงมาพบข้าด่วน...”
ไม่นานนักร่างของหัวหน้านางกำนัลของตำหนักเลี่ยงหรงก็เดินโค้งคำนับให้นางอย่างนอบน้อม
“มีอะไรให้ซูหนิงรับใช้เพคะ นายหญิง”
“เจ้ามีอะไรจะเล่าให้เราฟังไหม? ซูหนิง”
“...”ดวงตาสวยมองนายหญิงน้อยของตำหนัก แล้วยิ้มบางๆ
“เยอะแยะเลยล่ะเพคะ...”
“ท่านอี๋เอิน อย่าคิดมากเลยค่ะ เดี๋ยวเจินหลีนวดให้นะคะ”นางสนมนุ่งน้อยห่มน้อยคนหนึ่งจับนวดไหล่แข็งของผู้เป็นใหญ่ในตำหนัก
เช่นเดียวกับไหล่อีกด้านที่มีสนมอีกนานประจำนวดให้อย่างเอาใจ
ชายหนุ่มถอนหายใจนั่งเอนหลังบนโต๊ะนั่งตัวยาวในห้องนอนใหญ่
มีเหล่านางสนมอ้อมหน้าหลังคอย ปรนนิบัติพัดวีให้อย่างดี
แต่แทนที่เขาจะมีความสุขกลับหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม ในหัวมีแต่ภาพเจียเอ๋อวนเวียนเต็มไปหมด
โดยเฉพาะใบหน้าเปื้อนน้ำตาแสดงสีหน้าโกรธแค้นปนตัดพ้อก่อนที่เขาจะเดินออกมาจากห้องทำงาน
...เจ้าเจ็บเท่าไหร่
ข้าก็เจ็บไม่แพ้เจ้าหรอกเจียเอ๋อ...
พ่นลมหายใจร้อน กระดกจอกเมรัยชั้นเลิศ
หูแทบไม่ได้ฟังเสียงเพลงบรรเลงจากเหล่านางสนมชั้นเอก
ตาเรียกตัวดมองประตูที่เปิดออกโดยไม่ได้รับอนุญาต เลิกคิ้วแปลกใจกับผู้ที่มาปรากฏตัวต่อหน้า
“ท่านพี่!!!”
เหมยลีเดินเข้ามาในห้อง
ปรายตามองเหล่าหญิงสาวในห้องด้วยสายตาหยามเหยียด ตวัดส่งความโกรธเคืองให้บุรุษหนุ่มในวงล้อมสาวสวยผู้เป็นพี่ชายของตนเอง
“ว่าอย่างไรน้องข้า ไปเที่ยวเมืองหลวงมาสนุกไหม?”
“ข้าคงสนุกกว่านี้ถ้าข้ากลับมาแล้วไม่เจอเจียเอ๋อนอนสลบอยู่ตรงทางเดิน”
ชายหนุ่มนิ่งค้างไปชั่วครู่
เบือนหน้าหนีไม่สนใจน้องสาวในสายเลือดที่เดินดุ่มๆเข้ามาในห้อง
นิ้วเรียวสั่งพวกนางสนมให้ถอยออกไป แต่กลับมีนางสนมเก่าแก่ผู้หนึ่งกล้าลุกขึ้นมาต่อต้านนาง
“พวกข้ากำลังปรนนิบัติท่านอี๋เอินอยู่
ท่านหญิงเหมยหลินมาพบครั้งหน้าได้รึไม่”
“หึ ช่างกล้าขัดข้านะเจ้าพวกต่ำทราม
พวกเจ้ามันก็แค่นางโลมขี้ขโมยชั้นไพร่ที่ไร้ซึ่งความงดงามของอิสตรีเท่านั้นแหละ”
อี๋เงยหน้ามองน้องสาวด้วยความแปลกใจ
ใครไปเปิดร่างมารของน้องสาวเขาออกมากัน? ปกติเหมยหลินจะน่ารัก สดใส สุภาพและงดงาม
แต่หากมีเรื่องให้นางขุ่นเคืองโกรธแค้นนางจะแปลงสภาพเป็นนายหญิงแห่งตำหนักเลี่ยงหรงที่ดุดัน
โหดร้าย ใจร้อนและเด็ดขาดในทันที
...เหมือนตอนนี้...
นางสนมเหล่านั้นดูตกใจที่ได้เห็นหญิงสาวผู้อ่อนหวานตอบโต้ด้วยท่าทีดุจนางพญา
“ท่านหญิงทำไมกล่าวเช่นนั้น”
“อย่าให้ข้าได้บรรยายวีรกรรมชั่วๆของพวกเจ้าทั้งหมดเลย
ข้าขยะแขยงคลื่นไส้”แสดงสีหน้ารังเกียจอย่างชัดเจน
“พวกข้าไม่ได้ทำสิ่งใด”
เหมยหลินหัวเราะในลำคอ นิ้วเรียวสวยกรีดพัดในมือด้วยท่าทางนางพญาปิดป้องปาก
ใช้ดวงตาราวเนื้อกวางงามงดทอดสายตามองนางผู้นั้นเหยียดๆ
“ขโมยของหลวงไปขาย แอบลอบมีชู้ข้างนอกตำหนัก
มีอาชีพเป็นอีตัวชั้นสูง ให้สินบนทหารยามออกไปด้านนอกโดยไม่ได้รับอนุญาต...”
เฮือก!
“เลวทรามขนาดนี้ยังกล้าหวังว่าตนจะได้ขึ้นครองเมืองกับพี่ชายข้าหรือ?
คิดตื้นจนน่าเวทนาเหลือเกินพวกแม่คนสวย”
“ท่านอี๋!
ไม่จริงนะคะ พวกเราไม่ได้ทำ!”เหล่านางสนมรีบฟ้องร้องต่อองค์เหนือหัวที่นิ่งเงียบไป
อี๋เอินถอนหายใจกับความวุ่นวายด้านหน้า ดันตัวหญิงสาวรอบกายออกห่างตัว
“...ก็รู้ล่ะนะ...”ชายหนุ่มเปรยขึ้นเบาๆสร้างความตะลึงพรึงเพริดให้แก่เหล่านางสนมน้อยใหญ่ในห้อง
“แต่ข้าก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ให้เจ้าบุกมาหาพี่ตอนนี้จริงไหมเหมยหลิน”
สบสายตากับน้องสาวคนเดียวของตนที่เชิดหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้น
“ท่านพี่ก็รู้”
อี๋เอินถอนหายใจอีกครั้งกับนิสัยของน้องสาว
โบกมือเรียกนายทหารหน้าห้องเข้ามา
“จับพวกนางไปขังไว้รอข้าตัดสินโทษ”
จากนั้นเสียงขอร้อง เสียงคร่ำครวญก็ดังระงมทั่งห้อง
นายทหารรีบนำตัวพวกนางออกไปขังในคุกชั่วคราวของพวกนักโทษรอคำตัดสินในจวนว่าความ
พี่น้องตระกูลอี๋ยืนจ้องตากันนิ่งเงียบ
ไม่มีใครเอ่ยหรือขยับตัวราวกับกำลังทำสงครามประสาท จวบจนประตูถูกปิด
พับในมือหญิงสาวก็เก็บฉับ สีหน้าเคืองโกรธก็แสดงออกชัด
“ท่านพี่ทำอย่างนั้นกับเจียเอ๋อได้อย่างไร
เขาทำอะไรผิด”
“เหมยหลิน นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”
อี๋เอินเลี่ยงจะไม่ตอบเดินผ่านร่างน้องสาวไปนั่งอยู่ริมหน้าต่าง
เหม่อมองห้องท้ายตำหนักที่ยังคงเปิดว่างบอกให้รู้ว่าเจ้าของห้องนั้นยังไม่กลับไปถึง
“ไม่ต้องมองหรอก ข้าให้พวกองครักษ์อุ้มเขาไปพักที่ห้องรับรอง
ข้ารู้ว่าถ้าให้เจียเอ๋อไปห้องเดิมต้องมีคนใจร้ายแถวนี้ตามรังควาญเขาไม่หยุดแน่”
“เจ้าดูจะถูกใจเจ้านั่นมากนะ เหมยหลิน”ชายหนุ่มหันมามองน้องสาวด้วยสายตาตำหนิ
“สาวเจ้ามิควรแสดงกิริยาต่อชายหนุ่มให้มากนัก”
“หึ ข้าไม่คิดอะไรกับสนมเอกของพี่ชายข้าหรอก”เชิดหน้าตอบกลับได้ไม่แพ้กัน
“เจียเอ๋อเป็นคนดี ข้าสัมผัสได้ และท่านพี่ก็รู้ดี... แต่ท่านพี่ก็ยังกล้าสงสัยท่านเฟิงจีและเจียเอ๋อ...ทั้งที่ท่านก็รู้ว่านางพวกนั้นใส่ความเจียเอ๋อเพื่อให้ตนได้มียศฐาบรรดาศักดิ์”
“ข้าไม่ได้เชื่อพวกนาง...”
“แต่ท่านทำร้ายเจียเอ๋อ!”
“แล้วจะให้ข้าคิดเยี่ยงไรเหมยหลิน! ข้าเห็นเฟิงจีเดินออกจากห้องนั่นและพอข้าเปิดประตูเข้าไปก็เห็นเจียเอ๋อเปลือยกายอยู่
จะให้ข้าเชื่อใจเขาได้หรือ!”
“แล้วท่านทำอะไรเขาหลังจากนั้น...”
“...”ชายหนุ่มเงียบไปเป็นคำตอบให้กับหญิงสาวที่แย้มยิ้ม
วางมือบนไหล่กว้างของพี่ชาย เอ่ยกระซิบสุภาษิตที่พวกเขาได้ร่ำเรียนมาจนจำได้ติดหู
“ถอยหลังเพียงก้าวเดียว
ทะเลนั้นดูก็กว้าง ทั้งนภางค์ก็แลสดใสนะพี่ชาย อย่ายึดติดให้มากนักเลย
ท่านลองคิดดูดีๆสิ”
.
.
.
“เหมยหลิน...”
“หืม?”
“เจียเอ๋ออยู่ที่ไหน?”
ถ้าไม่มีกระจกเงา
ผู้หญิงก็จะไม่ทราบว่าแป้งที่หน้าเรียบร้อยหรือไม่
ถ้าไม่มีเพื่อนแท้
ปัญญาชนก็ไม่อาจรู้ถึงความผิดของตนได้
แม้จะฉลาดสักเพียงใด
แต่ก็พลาดได้ไม่ต่างกัน
เปลือกตาช้ำปรือลืมขึ้นมาในห้องนอนกว้าง
กลอกตามองสำรวจไปรอบๆด้วยใจที่กำลังตื่นตระหนก ที่นี่ไม่ใช่ห้องเล็กท้ายตำหนัก
ใจเต้นระรัวด้วยความหวาดกลัว พยุงกายบอบช้ำขึ้นก่อนจะทรุดตัวนอนคว่ำบนเตียงนุ่ม กัดฟันกลั้นความเจ็บปวดที่พุ่งเข้ามาจากทุกตารางสรรพางค์กาย
มือเล็กสั่นระริกลูบในหน้าชื้นเหงื่อของตนเพื่อเรียกสติ ค่อยๆคิดและเรียบเรียงช้าๆ
เขาสลบไปตรงทางเดิน
แต่ก่อนจะหมดสติเขาได้ยินเสียงผู้หญิง...
หรือเขาโดนช่วยเอาไว้?
ขมวดคิ้วกับความคิดที่เป็นไปได้มากที่สุด เขายังอยู่ในตำหนักเลี่ยงหรงแน่ๆ
เพียงแต่ห้องนี้ควรอยู่ตรงไหนของตัวตำหนัก การประดับประดาก็ดูหรูหรา
ไม่น่าจะเป็นห้องคนธรรมดาสามัญแน่ๆ
“ข้าคิดว่าข้าจะตายแล้ว”เอ่ยพึมพำกับตนเอง
ซุกใบหน้าลงกับแขน เหม่อลอยมองแขนซ้ายที่โดดบีบเสียจนช้ำเป็นรอยนิ้ว พลันพำนบน้ำตาก็พังไหลลงมาช้าๆ
ทั้งที่ไม่อยากจะร้องไห้ให้กับความใจร้ายของอีกคนอีกแล้วแท้ๆ แต่พอหวนนึกกลับไปทีไรก็อดน้อยใจไม่ได้
...ความเชื่อใจที่เขาให้ไป
อี๋เอินไม่เคยให้กลับมา...
...ซ้ำยังทำลายพร้อมใจดวงน้อยของเขาเสียจนย่อยยับไม่ทรงรูปเดิม...
...แต่ไม่แล้วล่ะ...
เจียเอ๋อหลับตาลง ตั้งปฏิญาณเอาไว้ในใจ “ข้าจะไม่ร้องไห้เพราะอี๋อีกต่อไป”
ทุกหยดน้ำตาที่เสียไป คือความรู้สึกดีๆที่ถูกถ่ายโอนออกไปทีละน้อยๆ
จนตอนนี้ไอ้ความรู้สึกที่ว่าแห้งขอดติดดินแทบไม่เหลืออยู่ในใจ แต่จะให้พูดให้ถูก
คือใจของเจียเอ๋อแตกร้าวจนใส่อะไรไม่เต็มอีกต่อไปต่างหาก
ประตูห้องถูกเปิด ตาโตเบิกกว้าง พลันร่างกายก็สั่นระริกกลัวตามสัญชาติญาณ
ความรู้สึกฮึกเหิมเมื่อครู่ปลิวไปตามสายลม เพิ่งประจักษ์แก่ตนเองว่าเขาก็แค่เหยื่ออ่อนแอที่ดีแต่คิด
พอเอาเข้าจริงกลับสั่นกลัวจนไม่รู้จะสู้ยังไง
เจ้าเมืองฉีผู้เป็นนายเหนือชีวิตเข้าก้าวเดินเข้ามาเพียงลำพัง
ไปด้านนอกสาดแสงเข้ามาให้เห็นเพียงมุมแผ่นหลัง ใบหน้าถูกเงามืดของรัตติกาลปิดบังจนไม่อาจทราบว่าชายหนุ่มกำลังทำสีหน้าอย่างไร
“ท่าน...”เสียงแหบพร่าหลุดออกจากลำคอเพียงแค่นั้น
รู้สึกตื่นกลัวจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ถดตัวหนีลึกเข้าไปในเตียงเรื่อยๆ
เฮือก!!!
สะบัดแขนต่อต้านฝ่ามือเรียวที่เข้ามากำรอบข้อมือแน่น
ใช้กำลังพลิกร่างบอบช้ำของเขาลงนอนแผ่กับพื้นเตียง เสื้อผ้าบนกายหลุดลุ่ย
เส้นผมยาวแผ่ไปตามพื้นเตียง เจียเอ๋อดื้นสุดกำลัง
ทั้งเตะทั้งจิกฝืนความเจ็บปวดเพียงพยายามรักษาชีวิตตัวเอง
ฟันขาวกัดเข้าแขนข้างหนึ่งจมเขี้ยว
“โอ๊ย!”ชายหนุ่มร้องเผลอปล่อยมือด้านนั้นออก
เป็นโอกาสให้เจียเอ๋อสะบัดตัวจะหนีไป แต่พอฝืนร่างจะลงเตียง พลันแข้งขาอ่อนแรงทั้งสองก็พับอ่อนทรุดลงไปกับพื้นโครมใหญ่
เรียวขาสั่นระริกแน่นตึงยึดจนไม่สามารถใช้งานได้
เจียเอ๋อใช้กำลังน้อยนิดของตนจิกพื้นคลานหนีหมดท่า
เพียงแค่จะให้หนีจากคนใจร้าย เขายอมทุกอย่าง
แม้จะให้คลานอย่าหมาอย่าสัตว์เดรัจฉานเขาก็ยอม ร่างทั้งร่างวูบไหวเพราะโดนช้อนอุ้มพิงอกแกร่ง
ตีขาดื้นพราดๆ อ้าปากกัดมัดกล้ามอย่างแรงจนได้กลิ่นเลือด ถึงอย่างนั้นอี๋ก็ยังนิ่ง
ทำท่าจะอุ้มเขาไปทางเตียง เจียเอ๋อดิ้นแรงจนอี๋เกือบทำตกไปครั้งหนึ่ง เสียงทุ้ทตวาดกร้าว
“หยุดพยายามสักที!!!”
คนในอ้อมแขนสะดุ้งเฮือกสั่นเป็นเจ้าเข้าหวาดกลัวจนคนตวาดรู้สึกผิด
อุ้มวางลงบนเตียงแผ่วเบา ทันทีที่ก้นแตะพื้นเตียง เจียเอ๋อก็พลิกกายหนีคลานมุดเข้าใต้ผ้าห่มจับห่อตนเอง
นอนนิ่งสั่นริกๆตรงปลายเตียง ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้ยุดยื้อฉุดกระชากผ้านั้นออกโดยง่าย
จับขาข้อขาขาวดึงลงมานอนดังเดิม เข้าคร่อมกดมือเล็กทั้งสองข้างลงบนเตียง พอรู้ว่าตนหนีไม่ได้แล้ว
เจียเอ๋อก็ตะโกนบริภาษทั้งน้ำตา
“ท่านจะทรมานข้าจนตายก็เรื่องของท่าน แต่ข้าก็จะพยายามหนีท่านเช่นกัน
เพราะข้าเกลียดท่าน เกลียด!!!”ร่างด้านใต้ตะโกนเสียงดังลั่นหอบอากาศเข้าอย่างคนหายใจไม่ทัน
ใบหน้านวลแดงก่ำเพราะความโมโห ตาช้ำทั้งสองข้างเอ่อคลอน้ำตาปิดบังทัศนีย์ภาพเลือนรางไปเสียหมด
กำมือแน่นจนเลือกซิบไหลเปราะปลายแขนเสื้อคลุม
พยายามขยับมือให้หลุดจากกรงเล็บอันตรายแต่ก็เหมือนเอาไม้ผุๆไปงัดท่อนซุงใหญ่
อี๋ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย ถึงอย่างนั้นก็ไม่พูดหรือแตะต้องเขาเลยนอกจากจะจับเขากดบนที่นอนและจ้องมองด้วยสายตาที่เจียเอ๋อก็ไม่เข้าใจ
“เกลียดข้าหรือ?”นับเป็นประโยคแรกที่อี๋พูดดีๆตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง
ใบหน้านวลสะบัดตอบ
“ข้าเกลียด เกลียดจนไม่อยากมองหน้าท่าน!!!”
“...เช่นนั้นก็ไม่ต้องมอง”
ร่างชอกช้ำถูกดึงขึ้นนั่ง
เจียเอ๋อสบถลั่นกัดปากเพราะความปวดร้าวตรงช่วงสะโพก อี๋ผ่อนแรงบนข้อมือลง ช้อนร่างขาวมานั่งซ้อนหลังกลางหว่างขาตน
ศีรษะกลมส่ายหน้าไปมาก้มหน้าสั่นระริกไม่ต่างจากลูกนกเกิดใหม่
ก้มหน้าปล่อยน้ำตาไหลลงมาอีกครั้ง อี๋ปล่อยมือเขาออก
แต่เจียเอ๋อไม่มีกำลังจะขัดขืนอีกต่อไปแล้ว ตราบใดที่เขายังอยู่ที่นี่
เขาก็ไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธสิ่งที่อี๋ต้องการ
ได้แต่ยกมือปิดใบหน้าร้องไห้อย่างปวดร้าว
อี๋จับเส้นผมยาวออกเพื่อมองแผ่นหลังของคนตรงหน้าให้ชัดเจน
ผิวกายขาวไร้จุดตำหนิตอนนี้กลับมีรอยม่วงช้ำปรากฏอยู่แทบทุกที่ ทั้งรอยกัด
รอยดูดและรอยช้ำจากการทำร้ายร่างกาย ทั้งหมดเกิดขึ้นระหว่างพวกเขากำลังมีสัมพันธ์กันเมื่อวันก่อน
ร่องรอยจากความโมโหร้ายของเขาปรากฏชัดจนชายหนุ่มนึกสะท้อนในใจไม่ได้
มือเรียวอ้อมเอวไปจับน่องด้านในบังคับให้แยกออก
เจียเอ๋อพยายามหนีบขาขัดขืนก้มตัวแนบตนเอง แต่ก็ยังโดนอี๋สอดแขนเข้ามาใต้ช่วงซี่โครงดึงกอดรัดร่างเขาให้เอนลงไปนอนซบไหล่กว้าง
ใช้เข่าช้อนใต้ข้อพับขายกแยกออก ก้นนุ่มแนบกับสัมผัสแข็งร้อนจากคนด้านหลัง
เจียเอ๋อก้มหน้าร้องไห้หนักกว่าเดิม สะอื้นฮักๆเหมือนคนใกล้ขาดใจ
ไม่ขอร้องหรือปฏิเสธใดๆอีก หมดแรงหมดกำลังใจที่จะต่อต้าน
“ข้าเกลียดท่านเหลือเกินอี๋ ข้าเกลียดท่าน”พร่ำบอกคำเดิมๆ
ไม่สามารถอธิบายคำใดได้มากกว่าคำนี้อีกแล้ว
อี๋เลื่อนนิ้วผ่านส่วนอ่อนไหวที่ยังสงบนิ่ง
แตะช่องทางบอบช้ำของคนที่ส่ายหน้าขัดขืนอีกครั้ง
“อย่า...ได้โปรด”ขอร้องเสียงสั่นพร่า
กัดปากก้มหน้าคางชิดอกเกร็งร่างเจ็บปวดเพราะนิ้วเรียวถูกดันเข้ามาในร่าง
“อึก ฮือ”หลุดเสียงสะอื้นซบหน้าเอนตัวชิดร่างแกร่ง
อี๋นิ่วหน้าสัมผัสถึงความเปียกแฉะในช่องทางร่วมรัก
“เจ้ายังไม่เอามันออก?”
เจียเอ๋อส่ายหน้า เบือนหน้ากดคางลงกับอกขดตัวไม่อยากพิงอกแกร่ง
เงียบเพราะไม่อยากจะพูดจาให้มากความกับคนๆนี้ อี๋ก็ไม่ว่าอะไร ควงนิ้วคว้านเอาน้ำขุ่นคาวผสมคราบเลือดเกราะกรังออกมาอย่างยากลำบาก
“โถ่โว้ย!
ใครอยู่ด้านนอก ไปเอาน้ำอุ่นกับผ้าบางมาให้ข้า!”ตะโกนสั่งคนนอกห้อง
กลับกลายเป็นสนมในอ้อมกอดที่สะดุ้งเอนกายหนีจนชายหนุ่มต้องรีบรั้งเอวเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหน
“ข้าไม่ได้ดุเจ้า”
“...”เจียเอ๋อสะบัดหน้าหนีไม่ว่าอะไร เบี่ยงตัวหลบนิ้วเรียวที่เลื้อยเล่นบนไหล่ลาด
รอจนนางกำนัลยกสิ่งที่ต้องการมาให้แล้วจึงชุบน้ำเกี่ยวขอบผ้าเข้าไปคว้านเอาคราบเลือดเกรอะติดเป็นแผ่นออกมา
ทำความสะอาดจนแน่ใจว่าหมดแล้วก็โยนผ้าเปื้อนเลือดนั้นทิ้งไป
“เจ็บไหม?”
“...”เจียเอ๋อเลือกจะไม่ตอบใดๆ นั่งนิ่งไม่ยอมสบตา
ชายหนุ่มกอดเอวอีกคนอุ้มสะโพกแน่นลอยด้วยมือด้านเดียว
เจียเอ๋อรีบจับต้นแขนคนด้านหลังไว้อย่างกลัวล้ม ฝืนตัวไม่ขยับตามแรงของอีกคนแต่ก็ยังแพ้แรงของผู้เยี่ยมยุทธ
ผวาสุดตัวหนีส่วนปลายที่กำลังแตะดุนปากทางเข้าชอกช้ำ กำมือรอบแขนแข็งแรงจิกเสียจนเข้าเนื้อ
มือเรียวยั้งสะโพกอิ่มให้ค่อยๆครอบครองความใหญ่โตเข้ามาทีละนิดๆ
เจียเอ๋อร้องเจ็บปวด เชิดหน้าเกร็งไปทั้งร่าง แรงเสียดสีภายในกายบอกให้รู้ว่าบทรักครั้งนี้คงสร้างความเจ็บปวดให้เขาอีกไม่น้อย
ปล่อยน้ำตาหยดเผาะๆทั้งเจ็บกายทั้งเจ็บใจ
“ข้าเจ็บ...ฮึก...อย่าทรมานข้า ได้โปรด
ฆ่าข้าเถอะ...อึก!!!”เชิดหน้าจุกในช่องท้องรับอีกคนเข้ามาจนสุดลำ
ลมหายใจร้อนติดขัด ภาพก็ช่างพร่าเลือนเหลือเกิน มือบนน่องด้านในทั้งสองด้านรั้งขาให้อ้ากว้าง
ท่าทางน่าอาบ บทบาทก็น่าบัดซบ ความรู้สึกก็ดิ่งลงเหว
อี๋เอินจะทำชีวิตเขาพังพินาศขนาดไหนจึงจะพอใจ
“ท่านจะใจร้ายเกินไปแล้ว อี๋เอิน”
“คิดเสียว่าคนที่กอดเจ้าตอนนี้ไม่ใช่อี๋เอิน...”เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูบาง
กดจูบบนกระหม่อมปลอบโยน “ไม่ใช่คนใจร้ายแสนโอหังคนนั้น”
เจียเอ๋อไม่เข้าในคำพูดนั้นและก็ไม่มีเวลาทำความเข้าใจ
ท่อนเอ็นในกายเขาเริ่มบดเบียดเข้าออกช้าๆผิดจากที่แล้วมาราวกับคนละคน
ทุกครั้งที่ส่วนปลายดันโดนผนังนุ่มเจียเอ๋อก็จะสะดุ้งเฮือกกลายเป็นปฏิกิริยาที่แสนจะน่าเอ็นดูของคนที่มองจากด้านหลัง
กายขาวสั่นระริกเคลื่อนตามจังหวะนุ่มนวลของอีกคน มือเรียวลูบไล้ผิวเนื้อขาวช้ำรอยม่วงขึ้นมาบดคลึงตุ่มไตสีสวย
“ฮื้อ!!!”เจียเอ๋อบิดกายทั้งเสียวกระสันทั้งเจ็บปวด
ยกมือปัดมือเรียวออกพลางกอดอกแน่น กัดฟันลั่นกึกๆ
อี๋เอินลืมไปแล้วรึยังไงว่ากัดยอดอกเขาจนช้ำขึ้นรอยฟัน แล้วตอนนี้มันก็กำลังบวมแดงอ่อนไหวมากกว่าที่เคย
“อย่าแตะมัน”
“เจียเอ๋อ...ได้โปรด ให้ข้าสัมผัสเจ้า”น้ำเสียงทุ้มอ้อนเจือความเศร้าหมองบางอย่างที่ทำให้เจียเอ๋อเผลอลดการ์ดลง
มือเรียวจับหน้าอกแข็งบีบคลึงเบาๆ
นิ้วชี้แตะบนยอดอกทั้งสองข้างพร้อมกันไม่ทันจะทำอะไรผนังเนื้อด้านล่างก็บีบรัดท่อนเอ็นแข็งแน่น
“ฮืมมม อย่ารัดข้าแรงอย่างนั้น”เอ่ยกระเซ้า
เลื่อนมือด้านหนึ่งไปจับท่อนเอ็นของคนด้านหน้าบีบรูดเอาใจ
เร่งความรุ่มร้อนในกายอวบให้พุ่งทะยานขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ถึงเจียเอ๋อจะแปลกใจว่าทำไมครั้งนี้อี๋เอินถึงได้ดูทะนุถนอมเขานัก ทั้งที่เพิ่งห่างจากเหตุการณ์ครั้งเลวร้ายมายังไม่ถึงสองชั่วยามด้วยซ้ำ
ไม่อยากยอมรับว่าใจง่าย แต่ตอนนี้เจียเอ๋อกำลังรู้สึกดี... รู้สึกดีทั้งที่เกลียดคนทำ...
“ท่านอนนะ”บอกก่อนจะพยุงร่างขาวลงนอนคว่ำกับเตียงทั้งที่ยังไม่ถอนกายออก
ยกส่วนอกเอาหมอนเข้ามารองให้ จับปลายเสื้อยาวกองเหนือสะโพกนวล
บีบนวดเอาใจกดนิ้วช่วยแหกช่องทางให้เข้าไปได้มากขึ้น
ส่วนปลายเริดหัวชนจุดเสียวในกายขาวที่สั่นสะท้านทรุดหน้าลงแนบกับหมอนส่งเสียงครางเบาๆตลอดทั้งกิจกรรม
ชายหนุ่มเร่งจังหวะเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน แต่ไม่เอาแต่กระแทกกระทั้นเหมือนครั้งก่อนๆ
เบียดสะโพกเติมเต็มส่ายสะโพกแทนการดึงเข้าออกที่สร้างบาดแผลได้มากกว่า
ความอ่อนหวานและทะนุถนอมที่อี๋เอินมอบให้แก่เขียเอ๋อสร้างบทรักอ่อนหวานของทั้งคู่
เจียเอ๋อหลับตาครางเสียงแผ่วรู้สึกดี
หยดน้ำที่หล่นลงบนแผ่นหลังสร้างความสงสัยแก้เขามาก กำลังจะเอียงคอหันไปมองก็โดนมือเรียวลูบข้างใบหู
ดันข้างแก้มให้ใบหน้าเขาหมุนกลับไปท่าเดิม ไม่ยอมให้หันกลับมามอง คางมนเชิดรั้งครางหวีดกายสั่นระริกรับของเหลวอุ่นเข้ามาในร่างอีกครั้ง
...มันเป็นการร่วมรักที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้เห็นหน้ากันตั้งแต่ต้นจบจบ...
อี๋ถอนกายออก ยึดสะโพกมนไว้
ดันนิ้วกวาดเอาน้ำขุ่นคาวออกมาให้จนหมด ก่อนจะทรุดตัวลงนอน
ไม่ลืมกอดเอวบางจากด้านหลังดึงรั้งอีกคนให้เข้ามาใกล้ ซบใบหน้าลงที่หลังคอ
สูดกลิ่นหอมละมุนจนชุ่มปอด
“อื้อ...”เจียเอ๋อครางในลำคอ
ขยับสะโพกหนีมือเรียวที่ลูบเข้ามาใต้หว่างขาสัมผัสรอยนูนเป็นตราประจำตัวของอี๋ที่เจ้าของประทับไว้ตั้งแต่ต้น
“อีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า...”อี๋เอ่ยขึ้นหลังจากเงียบไปนานจนคิดว่าหลับไปแล้ว
“ข้าจะให้โอกาสเจ้า หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป ยกเว้นหนี้และเจ้าจะเป็นอิสระจากข้า...”
เจียเอ๋อเบิกตากว้าง
ตกใจทั้งตื่นเต้นกำลังจะขยับตัวกลับไปหาอี๋ก็โดนคนด้านหลังสวมกอดแน่นไม่ยอมให้ขยับไปไหน
พลางเอ่ยต่อประโยคต่อไป
“แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องอยู่กับข้าตลอดไป...จนกว่าจะตาย...เจ้าจะยอมรับข้อเสนอข้าไหม”
“ยอมรับอยู่แล้ว!”ตอบแบบไม่ต้องคิด ตื่นเต้นดีใจยิ้มกว้าง แค่คิดว่าตนมีโอกาสจะหลุดจากอี๋ได้ก็ระริกระรี้มีความสุข
แม้ความหวังจะริบหรี่แต่อย่างน้อยมันก็คือแสงสว่างริบหรี่หนึ่งเดียวของเจียเอ๋อ
ใครไม่คว้าไว้ก็โง่เต็มทน
“ตกลงตามนี้...”
...โดยเจียเอ๋อไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มที่กอดตนจากด้านหลังนั้นกำลังยิ้มขื่นขนาดไหน...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น