[OUR] 27
OUR BABY!
บทที่ 27
เปลือกตาบางกระพริบปรือ
เบือนหน้าหนีแสงแดดยามเช้าซุกหน้าอกแกร่งของคนข้างตัว จมูกรั้นสูดกลิ่นคุ้นเคยบนผิวอก
ขยับตัวเพียงนิดแขนยาวก็กระชับตัวเขาเข้าไปแนบชิดกันยิ่งขึ้นจนใบหน้าฝังอยู่ตรงซอกคอ
อยากจะนอนอยู่ในอ้อมกอดอุ่นนี้นานๆ แต่ภารกิจยามเช้าบังคับให้ทำแบบนั้นไม่ได้
แจ็คสันจับแขนมาร์คออก ขยับตัวจูบปลายคางได้รูปของผู้เป็นสามี
กระซิบบอกให้ปล่อยเบาๆ แต่มาร์คบ่นงึมงำ ขมวดคิ้ว กอดแน่นกว่าเดิม
“อืม
นอนต่ออีกก็ได้นี่”เสียงแหบทุ้มอย่างคนตื่นนอนใหม่ๆ
“จะไปทำข้าวเช้า
เดี๋ยวเมสันจะตื่นแล้วด้วย”
“งั้นจูบก่อน”
แจ็คสันส่ายหน้ายิ้มๆ
กดจูบเบาๆลงบนริมฝีปากสวย หลับตาโน้มตัวตามแรงกดบนหลังคอ ให้ประกบจูบยามเช้าได้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น
ดันไหล่แข็งเป็นเชิงบอกให้หยุด ลุกหยิบเสื้อยืดข้างฟูกมาสวมปิดรอยจูบบนผิวกาย เหลียวมองหากางเกงนอนที่โดนอีกคนถอดเมื่อคืนไปทั่วห้องแต่ก็ไม่เจอ
พยุงกายเดินไปหยิบกางเกงตัวใหม่ออกมาใส่ เบ้หน้าอึดอัด เหนียวตัวไปหมด
อยากอาบน้ำแต่ก็ไม่มีเวลาแล้ว เดี๋ยวเมสันก็จะตื่นแล้ว
เขาต้องไปเตรียมอาหารให้ทั้งเจ้าตัวเล็ก ทั้งคุณสามีขี้เซาบนที่นอนโน่น
เดินไปดูเมสันที่นอนอุตุอยู่ในเตียงเด็กที่มีตุ๊กตุ่นตุ๊กตาเยอะแยะเต็มไปหมด
เจ้าตัวเล็กยังนอนหลับใต้ผ้าห่มผืนบางส่งเสียงฟี้ฝันดีอยู่ในห้องปรับสภาพโอโซนที่คนเป็นพ่อสร้างขึ้น
เพื่อให้ลูกชายได้นอนในสภาพเป็นธรรมชาติและดีต่อสุขภาพมากที่สุด
เอื้อมมือไปลูบผิวขาวหยวกอิ่มแดงชมพูสุขภาพดีของลูกชาย ยิ้มเอ็นดู
แล้วเดินลงไปทำอาหารเช้ารอ
ตอนนี้เมสันอายุหนึ่งปีกับอีกหนึ่งเดือน
ผ่านวันเกิดปีแรกไปหมาดๆ
และแจ็คสันจะไม่เล่าย้อนความหรอกนะว่าวันนั้นมันวุ่นวายขนาดไหน
เอาเป็นว่าหลังจากงานวันนั้นเขาก็ต้องเทศน์คุณสามีอัจฉริยะติ๊งต๊องสุดจะเห่อลูกเป็นการใหญ่นั่นแหละ
ทำกับข้าวนั่นนี่จนเกือบลืมเวลา
หันไปมองบันไดก็เห็นมาร์คอุ้มเอสันพาดบ่าลงมาแล้ว
ร่างสูงโปร่งในชุดนอนแขนยาวสีเทาตุ่น
ผมยุ่งไม่เป็นทรงเดินหาวหวอดๆพลางหันไปหยอกล้อเมสันที่พูดอ้อแอ้กับพ่อแต่เช้า
“ปะป๊า อุ้ง อุ้ง
อุ้งหามะม๊า ม๊าม๊า”
“มะม๊ายุ่งอยู่
เมสันอยู่กับปะป๊าก่อนนะครับ”
“จะให้มะม๊าอุ้ม
ม๊ะ ม๊ะ
ม๊ะ”แล้วเสียงเล็กๆนั่นก็เรียกม๊ะนับครั้งไม่ถ้วนจนมาร์คต้องอุ้มเข้ามาเฝ้าถึงในครัว
แจ็คสันหัวเราะเดินไปหอมแก้มนุ่มเจ้าตัวเล็ก พลางดุเบาๆ
“อย่าดื้อสิครับเมสัน
อยู่กับป๊าก่อนนะ ม๊ายังทำกับข้าวไม่เสร็จเลย”
“ม๊ะไม่อยากอยู่กับเมจั๋นหยอ”ตากลมแป๊วคลอน้ำตามองมะม๊าที่ชะงัก
เม้มปากแน่นกำลังจะเอื้อมมือมาอุ้มลูกก็โดนคนเป็นพ่อพาอุ้มหนีไปก่อน
เสียงทุ้มต่ำดุเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขน
“ไม่ต้องไปอ้อนมะม๊าเลย
อยู่กับป๊านี่แหละตัวแสบ”
แจ็คสันยิ้มกว้างหัวเราะในลำคอ
วางอาหารเช้าลงถาดเตรียมเอาออกมาเสิร์ฟ จู่ๆก็มีลมตีรวนในช่องท้อง
พุ่งขึ้นมากลางอก ผะอืดผะอมเท้าแขนลงกับเคาน์เตอร์
“ตัวเล็ก
เป็นอะไรครับ”มาร์ครีบวิ่งมาถามอาการ จับต้นแขนนวลให้กลับมามองหน้ากัน
แจ็คสันส่ายหน้าดันตัวมาร์คออกพุ่งไปโก่งคอลงถังขยะ
น้ำลายหนืดเหนียวปนกับน้ำย่อยถูกขย้อนออกมาจนแสบคอ พอไม่มีอะไรให้อ้วกออก
กระเพาะก็เริ่มบิดเข้าปวดงอตัวลงกับพื้น
มาร์คเห็นท่าทางไม่ดีก็อุ้มคนรักขึ้นไปนอนบนโซฟาโดยมีเมสันนั่งมองอยู่บนพื้นพรม
“ม๊ะ
ม๊ะเป็นอะยัย ม๊า”
“อุ๊ อืม
ม๊าไม่เป็นอะไรครับ”เอื้อมไปลูบหัวลูกชายที่แบะปากจะร้องไห้เพราะเห็นแม่เจ็บ
มือเล็กป้อมกอดแขนเขาไว้แน่น จนมาร์คเดินกลับมาอุ้มเมสันวางไว้บนตัก
นั่งลงบนพื้นข้างโซฟา ส่งยาดมให้ดมพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดเหงื่อบนใบหน้าซีดเผือกให้
“รู้สึกยังไงบ้าง?
ไหวไหม?”
“อืม นอนพักเดี๋ยวก็หาย”แจ็คสันตอบอ่อนแรง
หลับตานอนพัก
“เมสันไปเล่นตรงนั้นก่อนนะครับ”มาร์คอุ้มเจ้าตัวเล็กลงไปนั่งบนพื้น
ยกเอากล่องของเล่นมาวางไว้ให้ แล้วลุกมาอังมือวัดอุณหภูมิ “อาการเป็นยังไงบ้าง?”
“เวียนหัว
เหมือนจะอ้วก ปวดท้อง...อืม...พี่พยุงผมหน่อย”
มาร์คดึงตัวอีกคนขึ้นโอบเอวพยุงเข้าไปในห้องน้ำ
ไม่ทันจะพ้นประตูแจ็คสันก็ผลักตัวเขาออก วิ่งไปโก่งคออ้วกกอดคอห่านไม่ห่าง
เหมือนภาพเดจาวูที่ฉายซ้ำ มาร์คเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเมื่อปีก่อน...
“อ่อก! แค่ก”
โก่งคออ้วกจนแสบคอไปหมด
กลิ่นหืนอ้วกคละคลุ้งทั้งปากทั้งจมูก ทั้งที่ไม่มีอะไรให้ออกแล้วแต่ก็ยังรู้สึกผะอืดผะอมไม่หาย
สูดลมหายใจเข้าลึก กวักน้ำล้างหน้าให้สดชื่น
แต่พอเงยหน้าขึ้นมามองกระจกก็เห็นคุณสามีตัวดียิ้มกว้างอยู่ด้านหลัง
มือก็ลูบหลังช่วยอยู่หรอกนะ แต่จะยิ้มระรื่นเหมือนเขากำลังยิ้มใส่ทำไม?
ขมวดคิ้วจ้องมาร์คผ่านกระจกจนร่างสูงด้านหลังรู้ตัว
มือเกี่ยวเอวเขาไปนั่งบนขอบอ่าง จัดการเปิดน้ำอุ่นใส่ให้ หันมากำชับเสียงเข้ม
“รอพี่อยู่นี่นะ
เดี๋ยวพี่มา”
“เดี๋ยว...พี่มาร์ค
เมสัน...”ถึงตัวจะป่วยแต่ก็อดห่วงลูกไม่ได้
มาร์คยีเส้นผมนิ่มอีกครั้งด้วยความเอ็นดู
“ห่วงตัวเองก่อนไหมตัวเล็ก?
เดี๋ยวพี่เอาเมสันเข้าอู่เอง โอเคนะ”
พยักหน้าหงึกหงัก
แน่ใจว่ามาร์คเดินออกไปแล้วก็ถอดเสื้อผ้าไถลตัวลงอ่างน้ำอุ่น หลับตาถอนลมหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย
มือขาวยกขึ้นเกี่ยวเส้นผมยาว ควานหากิ๊ฟหนีบผมแถวนั้นขึ้นมาเกล้าขึ้นไม่ให้เปียก
เปิดสบู่เหลวกลิ่นอโรม่าที่ชื่นชอบใส่อ่าง
กวนน้ำอยู่สักพักฟองขาวก็ฟูขึ้นบังร่างจนมิด ช้อนฟองนิ่มขึ้นมาเป่าเล่น
“ตัวเล็ก
พี่เข้าไปนะ”
ส่งเสียงตอบรับพลางไถลตัวลงไปอีกจนเหลือตั้งแต่ส่วนคอขึ้นไป
ถึงจะแต่งงานกันมาตั้งนานแล้วก็ต้องมียางอายกันบ้าง
จะให้อาบน้ำต่อหน้าคนอื่นมันก็กระไร ถึงคนอื่นที่ว่ามันจะเห็นมาหมดทุกส่วนแล้วก็เถอะ...
ตากลมมองชายหนุ่มที่เดินเข้ามาพร้อมผ้าขนหนูและเสื้อผ้าตัวใหม่จากตู้ในห้อง
แม้กระทั่งชั้นในก็หยิบมาด้วย วางมันลงบนโต๊ะเล็กใกล้ๆ นั่งลงบนขอบอ่าง
ไม่พูดไม่จาเอาแต่จ้องหน้าเขาแล้วยิ้มอย่างกับคนบ้า
“มานั่งยิ้มอะไร
ออกไปสิ ผมจะอาบน้ำ ไปดูเมสันไป
ให้ลูกอยู่คนเดียวได้ยังไง”บ่นงุบงิบทำตัวลีบขณะถูสบู่ทำความสะอาดร่างกาย
แก้มกลมแดงก่ำไม่แน่ใจว่าเพราะน้ำอุ่นหรือเพราะโดนจ้องมองไม่ละสายตา
“เป็นห่วง
กลัวซุ่มซ่ามล้มในห้องน้ำแล้วจะแท้งลูก”
“!!!”
“ทำไม? ไม่ใช่เหรอ?”ถามยิ้มๆพลางลูบหัวกลมของคนที่ช็อคไปแล้ว
“อย่ามาล้อเล่นนะ
ผมบอกให้ออกไปดูลูกไง”แสร้งทำเป็นโกรธ ผลักคนตัวสูงให้ออกไปจากห้องน้ำ
บ่นงุบงิบก้มหน้ามองดูหน้าท้องแบนราบของตัวเอง
ขมวดคิ้วครุ่นคิดตามคำพูดของชายหนุ่ม
...เอาจริงอ่ะ?...
ท้องสองก็จะมาแล้วเหรอ?
แต่ช่วงนี้ก็ทำกันถี่จริงๆนั่นแหละ เพราะมาร์คมีเวลามากขึ้น
งานไม่หนักเท่าช่วงก่อนก็เลยได้กลับบ้านเวลาปกติ แล้วก็รูปแบบเดิม พอส่งลูกนอน
ไอ้คุณพ่อก็หื่นขึ้นจับเขากดลงเตียงทุกคืน
ครั้งสองครั้งแล้วแต่ว่าวันนั้นมีอารมณ์ทำถึงไหน เครียดหน่อยก็เยอะรอบหน่อย ทำอย่างกับว่าเขาเป็นตัวระบายความเครียดซะอย่างนั้น
คืนหนึ่งเลยดราม่าน้ำตาแตกไปเสียเลย จนชายหนุ่มเพลาๆลงบ้าง
แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ได้ป้องกัน
ถุงยางก็ไม่ใส่ จะมาอีกท้องก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่...
แจ็คสันค่อนข้างเป็นกังวล
ถ้าเกิดท้องขึ้นมาจริงๆมันคงยุ่งยากไม่น้อย เพราะเมสันก็ยังไม่โตเท่าไหร่เลย
ยังเป็นเด็กน้อยป้อแป้ที่ต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลอยู่ไม่ห่างตา
ไหนจะโครงการใหญ่ของมาร์คที่ใกล้จะเข้ามาอีก
คงไม่มีเวลามาดูแลเขาได้เท่าเดิมอีกแล้วด้วย ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว รีบอาบน้ำ
รีบแต่งตัวไปโรงพยาบาล ไปตรวจให้รู้แน่คงจะดีกว่ามานั่งกังวลอยู่แบบนี้
BMW z4 สีดำปลาบเลี้ยวตัดผ่านถนนใหญ่ข้ามขับเข้าหมู่บ้านจัดสรรโครงการหรู
คนในรถผิวปากตามเสียงเพลงเหลือบมองกระจาดของเล่นเด็กด้านหลังรถด้วยท่าทางมีความสุข
มือหนาหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าบ้านเดี่ยวทรงสวยมีพื้นที่สวนหน้าบ้านพอดูสดชื่นตา
จอดรถต่อ ELR สีเทาของเจ้าของบ้าน
ก้าวเท้าลงมาหอบของเล่นลงจากรถ หยิบกุญแจไขประตูเข้าไปในบ้านที่เงียบสงบและอบอุ่นละมุนละไมเหมือนเจ้าของบ้าน
ชายหนุ่มวางของเล่นลงบนพื้นต่างระดับหน้าบ้าน
เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นมองดูร่างที่ยังตกอยู่ภวังค์หลับใหลบนโซฟาตัวยาวทั้งยังใส่ชุดทำงานอยู่เลย
ก้มหน้ากระซิบเบาๆ
“ตื่นได้แล้วครับเจ้าหญิงนิทารา”
“ใครเจ้าหญิง
เรียกดีๆสิ”เสียงทุ้มหวานพึมพำตอบ มือขาวดันใบหน้าชายหนุ่มออก
เปิดเปลือกตาบางมองคนที่บุกรุกบ้านเขาตั้งแต่เช้าอย่าคาดโทษ
“แอบปั๊มกุญแจอีกแล้วใช่ไหม
บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำ”ดุอีกคนเบาๆ พยุงตัวขึ้นนั่งอ้าปากหาว “แล้วนี่มาทำไมตั้งเช้า”
“เอาของเล่นมาให้แบมแบมน่ะ”
“หืม?”นิชคุณขมวดคิ้ว
ลุกขึ้นไปดูของหน้าบ้านแล้วหันกลับมาหาเจ้าแมวตัวโตที่ยิ้มแฉ่งมาให้จนเห็นรอยริ้วข้างตา
“บอกแล้วไงว่าไม่ต้องซื้อมา แค่นี้ก็เต็มบ้านแล้ว จะให้ฉันเอาไปไว้ไหน?”
“แหม
ก็ย้ายไปอยู่กับแทคก็ได้ นี่อุตส่าห์ซื้อบ้านใหม่กว้างๆรอเป็นเรือนหอไว้แล้ว
คุณก็ไม่ยอมย้ายสักที”ทำหน้าหงอยอ้อนเจ้าของแมวที่ส่ายหน้า เดินไปชงกาแฟงในครัวเล็ก
“ตรงนี้มันใกล้ที่ทำงานมากกว่า
ใกล้เนิร์สเซอร์รี่แบมแบมด้วย”
‘แบมแบม’ ก็คือเด็กที่นิชคุณตัดสินใจรับเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมคนนั้นนั่นแหละ
หลังจากทำเอกสารเรียบร้อยก็รับมาเลี้ยงอยู่ที่บ้าน ตั้งชื่อเป็นภาษาไทยว่า ‘กันต์พิมุข’ ชื่อเล่นก็เอามาจากการ์ตูนชื่อดังที่เขาชื่นชอบ
อายุตอนนี้ก็ปีกว่าๆ แต่เพราะเขาก็มีงานตอนกลางวัน แทคยอนก็ว่างไม่เป็นเวลา
ก็เลยติดสินใจส่งไปเลี้ยงที่เนิร์สเซอร์รี่ใกล้บ้านตอนกลางวัน
แล้วก็รับหลับมาเลี้ยงต่อหลังเลิกงาน
แต่วันนี้พิเศษหน่อยเพราะเมื่อคืนไปเข้าเวรดึก ได้เอาไปฝากกับมินจุนไว้คืนหนึ่ง
เลิกเวรก็กลับไปรับ อาบน้ำแต่งตัวพาไปส่งเนิร์สเซอรี่อีกรอบ
แล้วถึงกลับบ้านมานอนพักสักงีบ แต่พักไม่ได้เท่าไหร่
คู่หมั้นตัวโตก็บุกมาปลุกอีกจนได้
กลิ่นหอมจากกาแฟแก้วโปรดเรียกรอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้าสวย
เรียวขาบางใต้กางเกงแสลกสีดำก้าวกลับมานั่งบนโซฟาตัวเดิมข้างชายหนุ่มผิวคร้าม
แทคยอนขยับตัวเพิ่มพื้นที่ให้คุณหมอคนสวยนั่งได้อย่างไม่อึดอัดนักแต่ก็แนบชิดพอจะได้กลิ่นกายหอมละมุน
ตาเรียวคมเหลือบมองกลุ่มผมสีน้ำตาลบนไหล่ซ้ายตัวเอง
ยิ้มกว้างแล้วหันมาสนใจข่าวในโทรทัศน์ต่อ แม้หัวใจจะเต้นทะลุค่าวัดปกติแล้วก็ตาม
ทั้งสองตกอยู่ในความเงียบ
ไร้บทสนทนา มีแต่เสียงรายงานข่าวในโทรทัศน์และสัมผัสอบอุ่นจากอุ้งมือของกันและกันเท่านั้นที่ดำเนินไปตามเข็มนาฬิกา
ไม่ต้องมากมาย...แค่นี้ก็อบอุ่นใจจนเกินพอ
เสียงโทรศัพท์ของนิชคุณปลุกทั้งสองจากภวังค์ส่วนตัว
มือบางหยิบมันขึ้นมารับกรอกเสียงลงไป ศีรษะก็ยังหนุนไหล่ของคนข้างตัว
“นิชคุณครับ...หืม
มาร์คว่าไง?”
ชื่อรุ่นน้องคนสนิทดังแว่วเข้ามาในหู
ก้มหน้ามองใบหน้าสวยที่แสดงสีหน้าแปลกใจอย่างไม่คิดจะปิดบัง
“ไม่ต้องหรอก
เดี๋ยวไปตรวจที่บ้านให้ อืม ประมาณบ่ายกว่าๆ เตรียมตัวไว้แล้วกัน”
ทันทีที่วางสายนิชคุณก็เงยหน้ามองใบหน้าชายหนุ่มแล้วถอนหายใจดังเฮือกใหญ่
จนแทคยอนสงสัยว่ามันมีอะไรเกี่ยวกับเขารึไง?
“กลับไปบอกรุ่นน้องนายว่าให้เพลาลงหน่อยเถอะ
ความหื่นน่ะ”
วันนี้ควรจะเป็นวันธรรมดาที่แสนจะไม่มีอะไรพิเศษของ
อิมจินยอง ก็แค่ตื่นมาอาบน้ำ ทำกับข้าว กินข้าว แล้วก็ออกมาทำงานโดยมีเจบีมาส่งก็เท่านั้น
แต่เพราะเพื่อนสนิทนาม ต้วนเจียเอ่อ
ที่ดันโทรมาตอนเขากำลังอารมณ์บ่จอยเพราะอิมแจบอม หรือตอนนี้สถานะคือสามีเพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าเย็นนี้ไม่ว่างมารับ
ติดงานลี้ยงส่งเจ้านาย เลยทำให้อารมณ์ของเขาขึ้นๆลงๆยิ่งกว่าดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์
“เออ ว่าไง”
“กูท้อง”
“...”
นั่นแหละคำ
คำแรกที่มันพูดใส่หน้าผม...
ผมควรจะทำตัวยังไง
1. สดใสร่าเริง
เห้ย จริงดิ ดีใจด้วยนะเว้ย
2. เออ
แล้วโทรมาบอกกูทำไม ให้กูอิจฉามึงงี้
3. แซวมันตามใจปาก
น้ำยาพี่มาร์คดีเกินไปแล้วไหมมึง
.
.
.
คำตอบคือข้อสองครับ
เอาง่ายๆ...อิจฉาเว้ย!...
“เออ
แล้วโทรมาบอกกูทำไม ให้กูอิจฉามึงงี้”
“ไอ้แมวบ้า! กูแค่โทรมาบอก
แล้วเรื่องนี้มันน่าอิจฉาตรงไหนวะ! กูเพิ่งคลอดเมสันไหมครับ”
“อิจฉาดิวะ
มีสามีขยันทำงานบ้านะขนาดนั้น ดูกูดิ ดูกูนี่ เวลาจะเจอหน้ากันยังแทบไม่มี”
อดบ่นกับมันไม่ได้
เหมือนจุดที่อารมณ์ภรรยางอนสามีไม่ยอมทำการบ้านมันปะทุขึ้นมารุนแรงเพราะมีสิ่งกระตุ้นคือข่าวเพื่อนสนิทท้องสองมาเร่งปฏิกิริยา
คิดดูสิครับ
แต่งงานกันจะปีกว่าแล้ว เพิ่งลงหอลงโรงไปแค่สองเดือนแรกหลังแต่งงานนั่นแหละ
แล้วหลังจากนั้นคุณสามีก็เอาแต่ทำงาน ทำงานและทำงาน ชีวิตแต่งงานผมนี่โคตรบัดซบ ดีแต่ว่าพี่แกไม่เจ้าชู้ประตูดิน
ไม่งั้นผมคงอกแตกตายก่อนได้มีลูกแน่
“เห้ย ใจเย็นนะ
พี่มาร์คก็งานยุ่งเหมือนกัน... พี่เจบีแกอาจจะยุ่ง ให้เวลาพี่เขาหน่อยก็ได้”
“ให้เวลานานเกินไปแล้วเฟ้ย! ไม่รู้แหละ กูตัดสินใจแล้ว
เย็นนี้กูจะคุยกับพี่แกให้รู้เรื่อง”
“...”
“เงียบทำไม
มึงคิดอะไรอยู่?”
“คิดว่ากูไม่น่าโทรบอกมึงเลย...เออ
โชคดีแล้วกัน เมสันร้องจะกินนมแล้ว”พูดเสร็จมันก็วางสายปั๊บ มาทิ้งระเบิดลูกใหญ่แล้วหายไปชัดๆเลย ไอ้ลูกหมา!
ผมไม่มีสมาธิทำงานเลยตั้งแต่ได้รับสายแจ็คสันไป
ก็ดีใจนะ ที่เพื่อนมันมีชีวิตครอบครับแสนน่ารัก แอบรู้สึกผิดด้วยที่ไปย้อนมันแล้วบ่นปัญหาตัวเองให้คนท้องฟังแบบนั้น
แต่คุณเข้าใจไหมล่ะ ว่าความรู้สึกคน บางทีมันก็อัดแน่นจนระเบิดออกมาได้ไม่ดูสถานการณ์หรอก
เลิกงานผมก็ซื้ออาหารกลับห้อง
วันนี้ไม่มีอารมณ์ทำกับข้าวครับ ยังไงผมกับเขาก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง
นาฬิกาชี้ถึงเลข
11 ประตูคอนโดก็เปิดขึ้นจากคนร่วมห้อง เจบีดูแปลกใจที่เห็นผมนั่งรออยู่บนโซฟา
ทั้งที่ปกติควรนอนอุตุเข้าเฝ้าพระพรหมในฝันแล้ว แม้กลิ่นเหล้าจะหึ่งไปหน่อยแต่อาการสติครับถ้วนแบบนั้นก็ทำให้ผมพอใจไม่น้อย
“ทำไมยังไม่นอนล่ะเนียร์?”
“ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่”
เจบีมีสีหน้าแปลกใจกว่าเดิม
ร่างสูงถอดรองเท้าและเดินเข้ามานั่งข้างผม
ดวงตาคมเปี่ยมเสน่ห์มองมาที่ผมอย่างตั้งอกตั้งใจ
“เรื่องอะไรล่ะครับ?”
“พี่รักผมจริงหรือเปล่า?
เรื่องที่อยากสร้างครอบครัวกับผมน่ะ พี่จริงจังกับมันไหม?”
“พี่รักเนียร์
พี่จริงจังกับเนียร์ ทุกอย่างที่พี่พูดไปมันคือความจริง..ทำไมถึงถามล่ะ
เพราะพี่ไม่มีเวลาให้เหรอ?”เขาถาม ดวงตานั้นทอประกายเป็นกังวล
“มันก็ส่วนหนึ่ง...”ผมตอบออกไปตรงๆ
“ผมแค่คิดว่า..มันยังไม่ถึงเวลาอีกเหรอ...เรื่องลูก”
“...”พี่เจบีนิ่งไปเลยพอผมพูดถึงเรื่องนี้
ผมยอมรับว่าใจเสียที่เห็นท่าทางของเขาแบบนั้น แต่ก็ไม่เสียใจที่พูดมันออกไป ผมกับเขาควรเริ่มพูดกันสักที
“ผมยอมรับว่าผมงี่เง่านะ
แต่แจ็คสันมันท้องสองแล้ว พี่มาร์คก็งานยุ่งไม่แพ้พี่หรอก แต่ทำไมล่ะพี่เจบี
ทำไมพี่ไม่มีเวลาให้ผมบ้าง พี่บอก พี่อยากมีลูก ตอนนี้พี่มีผมแล้วนี่ ทำไมพี่ไม่ทำอะไรสักอย่าง
พี่รออะไร?”ผมรู้ว่าน้ำเสียงผมแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่พี่เจบีก็ยังนั่งนิ่งมองผมด้วยสายตาที่ผมคาดเดาไม่ถูกว่ากำลังคิดอะไร
“เนียร์อยากมีลูก?”
“ใช่...เพราะพี่...”ผมตอบ
“เพราะพี่บอกอยากมี ผมถึงได้อยากมี ผมอยากมีความฝันร่วมกันกับพี่
อยากทำความฝันของพี่ให้สำเร็จ...แต่เพราะผมเป็นผู้ชายเหรอ?
พี่ถึงไม่ยอมให้ผมช่วย...”
“ไม่ใช่หรอกนะเนียร์”เขาบอกพลางวางฝ่ามือลงบนศีรษะผม
ฝ่ามืออุ่นลูบหัวผมไปมา “พี่ไม่ทำอะไรสักทีเพราะพี่รู้สึกว่าเรายังไม่พร้อม...เนียร์ก็ยังยุ่งกับงาน
พี่ก็ยังสร้างตัวไม่ถึงไหน ถ้าเรามีลูก เราก็ต้องดูแลเขา
เนียร์จะเอาเวลาไหนมาดูแล?”
“ผมจะออกจากงาน”
พี่เจบีเบิกตาโตขึ้น
“เอาจริงเหรอ?”
ผมพยักหน้า
พี่เจบีมองหน้าผมเหมือนหาคำตอบให้อะไรบางอย่าง ในที่สุดเขาก็ยิ้ม
แล้วลุกเดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว แล้วกลับมาพร้อมด้วยอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมขมวดคิ้วมองด้วยความงุนงง
พี่เจบีคงรู้ถึงได้ตอบทั้งที่ผมยังไม่ตั้งคำถาม
“ยาที่แจ็คสันเผลอไปกินก่อนที่หมอนั่นจะท้อง...ยาจากการทดลองของพี่แทคและมาร์ค”
เขายื่นหลอดน้ำยาสีฟ้ามาให้ผมถือไว้
“ถ้ามั่นใจ...เนียร์ก็กินมัน
แต่มันจะเปลี่ยนเนียร์ไปตลอดชีวิต เหมือนแจ็คสัน... พี่อยากให้คิดดีๆ
เอาสิ่งที่เนียร์คิดว่ามันมีความสุขและเป็นความต้องการของเนียร์จริงๆ
อย่ายึดติดกับพี่...พี่ให้เนียร์เลือกเอง”
ผมก้มหน้ามองน้ำสีฟ้าในขวด
ครุ่นคิดอย่างที่พี่เจบีบอกให้คิด แต่ไม่ว่าจะคิดหน้าหลังกี่ตลบๆผมก็ได้คำตอบเดิมๆ
ผมคิดเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่ก่อนแต่งงานด้วยซ้ำ แล้วทำไมผมจะต้องลังเลอีก...
“ผมอยากมีลูกกับพี่”
รสชาติหวานของน้ำยาคลุ้งไปทั้งปาก
ผมจับท้องที่เริ่มมวลปวดจี๊ดๆแล้วก็หายไปในชั่ววินาทีหลังจากนั้น
แทบจะไม่มีอาหารอะไรให้เห็นอีก
ผมยื่นขวดเปล่าให้พี่เจบีทีทำหน้าอึ้งสักพักแล้วยิ้มกว้างอย่างที่ทำให้ผมใจเต้นแรง
...รอยยิ้มมีความสุขของพี่เจบี...
ผมเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่งที่ทั้งอบอุ่นและปลอดภัย
หลับตาลงกระชับอ้อมแขนไปด้านหลังของชายหนุ่ม ซึมซับความรู้สึกทั้งหมดที่มี
“ขอบคุณนะ เนียร์”
มาร์คไปทำงานอย่างมีความสุข
หลังจากที่แจ็คสันได้รับผลตรวจว่ากำลังตั้งครรภ์ลูกคนที่สองอยู่จริงๆ ชายหนุ่มยิ้มแย้มเปล่งประกายออร่าวิบวับจับแสงจนคนอื่นๆมองด้ยความแปลกใจระคนสงสัยว่าวันนี้ดาวเด่นของหน่วยงานเป็นอะไรไปอีก
แต่ผมก็ไม่สนใจหรอก ผมกำลังมีความสุขมากๆเลยนี่
ยิ่งก่อนออกมาได้กำลังใจล้มหลามจากภรรยาผู้น่ารัก ยิ่งทำตัวรู้สึกเบา
ใกล้ทำตัวเป็นก๊าซฮีเลียมลอยล่องไปมาในอากาศอยู่แล้ว
ผมกำลังจะเปิดเข้าไปในห้องทำงานเดิมของตัวเองก็ต้องชะงัก
วันนี้ผมต้องไปร่วมทำวิจัยโครงการใหญ่ของกระทรวงที่อีกห้องหนึ่งนี่นา
มัวแต่สนใจลูกเมียจนลืมเรื่องสำคัญไปเสียอย่างนั้น ถอนหายใจกับตัวเองยิ้มๆ
เดินวนกลับไปอีก้หองที่อยู่ใกล้ๆกัน
เปิดประตูพร้อมพกรอยยิ้มเป็นมิตรสาดให้ทุกคนในห้องที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างน้องก็สองสามเดือน
แต่พลันรอยยิ้มนั้นก็ต้องหุบฉับเมื่อเห็นร่างคุ้นตาปะปนอยู่ในห้อง
“สวัสดีค่ะมาร์ค... ไม่ได้เจอคุณตั้งนานเลยนะคะ”
“อลิซ...”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น