[OUR] 12


OUR BABY!
บทที่ 12





          ตอนเช้าเป็นพิธีหมั้น ตอนเย็นก็ต้องเป็นปาร์ตี้ฉลองสละโสด ถึงจะยังไม่แต่งแต่ก็จัดเผื่อไว้งานแต่งจริงบ่าวสาวอาจจะไม่อยู่ให้จัด และด้วยเหตุที่ว่าบ้านของแจ็คสันและมาร์คไม่สะดวกให้จัด (มาร์คหวงห้องทดลองด้านใต้มาก) คอนโดของแจบอมเลยถูกเปลี่ยนเป็นห้องปาร์ตี้เล็กๆแทน คนที่มาร่วมก็ไม่กี่คน เป็นคนเดิมๆที่เห็นกันตอนกลางวันอย่างพวกจูเนียร์ พี่แทค พี่คุณและกลุ่มเพื่อนสนิทของแจ๊คสันอีกสามสี่คน

แน่นอนว่าของเด็ดในงานคงไม่พ้นกล่องเบียร์สามลัง อภินันทนาการจากยูคยอมและแบมแบมซึ่งเป็นรุ่นน้องคนสนิทของแจ็คสันอีกที

และเมื่อกลุ่มผู้ชายรวมตัวกัน สิ่งที่ไม่พ้นนอกจากของมึนเมาก็คือเรื่องท้าประลอง...

“เฮ้ย! มาดวลกัน! ใครกินได้เยอะสุดชนะ”

โดยว่าที่เจ้าสาวของงาน...

“สำเหนียกตัวเองนิดนึงนะครับ กากา มึงหันไปมองว่าที่สามีมึงด้วยครับ”

“ชะอุ๊ย!”อุทานยิ้มแหยะเมื่อหันหลังกลับไปเจอคนตัวสูงที่ฉีกยิ้มเห็นเขี้ยวมาให้อย่างน่าขนพองสยองเกล้า

“พี่เคยเตือนว่ายังไงหืม? แจ็คสัน?”

คนตัวเล็กทำหน้าหงอยวิ่งดุ๊กๆไปเกาะแขนคู่หมั้นหมาดๆ แกว่งไปมา ยู่ปาก กระพริบตาปริบๆ ทำท่าทางออดอ้อนเต็มที่

“นานๆครั้งก็ไม่ได้เหรอ?”

มาร์คส่ายหน้าให้เป็นคำตอบแก่คนในปกครองที่ชักสีหน้าไม่พอใจใส่

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ บรรลุนิติภาวะแล้ว ทำไมต้องยังห้ามผมกินด้วยเล่า”

“ถ้าไม่อยากให้พี่ผิดสัญญาเรื่องก่อนแต่งงานนั่น ก็ห้ามกิน”ยื่นคำขาดซะลูกหมาตัวน้อยหงอยเศร้า ได้แก่กอดแขนคนเป็นพี่ทำท่าน่าสงสารเหลือจะทน

“เอาอย่างนี้ไหมมาร์ค แข่งกันเป็นคู่ ผลัดกันดื่มคู่ละแก้ว ใครจะดื่มก็ได้ จะแพ้ก็ต่อเมื่อคู่ไม่ไหวแล้วหรือคนใดคนหนึ่งบอกให้หยุด”นิชคุณเอ่ยทางเลือกออกมา ทำให้ลูกหมาหูตั้งหางกระดิก ใช้ตากลมใสมองพี่ชายคนสวยด้วยความรู้สึกราวกับเห็นเทวดามาโปรด

ชายหนุ่มลังเลใจอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนโดนแทคยอนดันหลังไปนั่งบนโซฟา จัดแก้วและขวดเบียร์ไว้ให้พร้อม โดยมีลูกหมาตัวน้อยตามเจ้าของต้อยๆ มือหยาบเทเบียร์ใส่แก้วช็อตส่งให้มาร์คเป็นการบังคับกลายๆ

“กล้าไหมมาร์ค? รึคอนายมันอ่อน?”

มาร์คทำท่าจะปฏิเสธ เขาไม่ได้คิดมากเรื่องแพ้ชนะอยู่แล้ว แต่พอเห็นดวงตากลมใสของคนข้างกายมองแก้วเบียร์เหมือนพร้อมจะตะครุบแทนเขาได้ทุกเมื่อ ก็ต้องยื่นมือไปรับเอาไว้ทันที

“ก็เอาสิครับ”

ชายหนุ่มร่างสูงยิ้มรับแก้วไว้ในมือก่อนกระดกเบียร์เปล่าเข้าไปทีเดียวท่ามกลางเสียงโห่ร้องเชียร์ของคนในงาน มาร์คเบ้หน้ากับความแสบร้อนของเบียร์ดีกรีแรง ส่งแก้วเปล่าคืนแทคยอนที่ยิ้มกว้าง ดึงมือนิชคุณเข้ามาร่วมวง กลายเป็นการดวลกันระหว่างคู่รุ่นพี่และคู่รุ่นน้องไป

“เกมสนุกแบบนี้ ขาดผมไม่ได้นะพี่แทค”เจ้าของคอนโดเดินออกมาจากครัวพร้อมกับแกล้มจานพูนใหญ่

“ไม่ได้เว้ย งานนี้เล่นเป็นคู่ แกไปหาคู่มาดิ”

“อ้าว ซะงั้น”ชายหนุ่มหัวเราะร่า ในขณะที่จินยองเงยหน้าจากถุงกับแกล้มมามองด้วยความสนใจ แจ็คสันรีบมองไปทางเพื่อนสนิทตัวเองหลังเคาน์เตอร์ ใช้มือป้อมชี้ระบุตัวพูดเสียงดัง

“อ้าว จูเนียร์เค้าอยากเล่นด้วยอ่ะพี่แทค”

“เออ พอดีเลย นายมาคู่พี่หน่อยสิจูเนียร์”แจบอมหันหน้าไปหารุ่นน้องคนน่ารักที่หน้าแดงแปร๊ด หันไปจิกตาใส่เพื่อนสนิทที่หัวเราะคิกๆอยู่ข้างคู่หมั้นตัวเอง

“ก็ได้ครับ”ก้มหน้าเดินลีบๆไปหาแจบอม แอบสะดุ้งมองมือแกร่งที่กำรอบข้อมือลากไปทางวงดวลแอลกอฮอล์

...ผมรู้ว่าพี่ไม่คิด แต่ใจจินยองกระเด้งใกล้หลุดออกจากอกแล้วนะคร๊าบบบ...

หกคนสามคู่นั่งกลางห้องดวลเบียร์กันท่ามกลางเสียงเชียร์ของยูคยอมและแบมแบมที่วิ่งป่วนพี่ไปมาสร้างสีสันให้กับการดวล มินจุนที่ไม่มีคู่จะดวลก็นั่งจิบเบียร์อัดวิดีโอด้วยความเพลิดเพลิน เสียงร้องโวยวายของแจ็คสันแทบจะดังมาทุกรอบที่แก้วเบียร์วนมาถึงคู่ตัวเองเพราะมาร์คชิงตัดหน้าเอาไปดื่มก่อนทุกครั้ง แจบอมที่ว่าคอแข็งก็ยังต้องแพ้คู่รุ่นพี่อย่างแทคยอนและนิชคุณที่ดูหน้าตาไม่น่าจะเชี่ยวแต่ดันคอทองแดงทั้งคู่ ดื่มไปเท่าไหร่ก็ไม่เมาเสียที

ผ่านไปแค่หนึ่งชั่วโมง กับการดวลรอบที่หก เจบีก็ขอยอมแพ้เพราะตัวเองเริ่มกรึ่มๆในขณะที่จินยองเมาหลับไปแล้วตั้งแต่แก้วที่สาม ให้เหตุผลว่าถ้าเจ้าของห้องเมาก็คงไม่มีใครล็อกประตูส่งแขก ซึ่งมันก็จริง เลยเหลือแค่คู่แทคคุณที่ยังไม่แม้แต่จะกรึ่มๆ ผิดกับอีกคู่บนโซฟา

มาร์คมองแก้วเบียร์ในมืออย่างลังเลใจ ส่วนแจ็คสันก็นั่งหน้าบูดเป็นตูดลิงเพราะยังไม่ได้แตะสักแก้ว พอเห็นคู่หมั้นเกิดอาการลังเลก็หมั่นไส้ ฉวยแก้วเบียร์จับกรอกลงคอจนแทบสำลัก เหลืออีกครึ่งแก้วมาดื่มเองเซ็งๆ

กว่าการดวลจะสิ้นสุดก็หลังจากที่มาร์คเมาแอ๋หลับคาตักของคนรัก ลำบากแจ็คสันต้องลากคนเป็นพี่ไปเก็บในห้องนอนสำรอง แทคคุณที่เริ่มกรึ่มๆจากเบียร์เกือบสิบแก้วก็ขอตัวกลับ เพราะพรุ่งนี้นิชคุณต้องเข้าเวรแต่เช้าตรู่







แจ็คสันลากร่างสูงของคนเป็นพี่เข้ามาในห้องนอนรับรองด้วยความยากลำบาก มือขาวประคองท่อนแขนเพรียวพาดบนไหล่ตัวเอง มือก็ดึงลำตัวมาร์คที่ก็ไม่มีสติพอจะประคองตัวเองให้เดินตามมา ขาสั้นเดินช้าๆพาร่างหนักที่พาเขาเดินเอียงเซชนนั่นชนนี่โยนลงบนเตียงนุ่ม ถอนหายใจกับความสำเร็จขั้นแรก เหลือบมองสภาพคนบนเตียงแล้วกลอกตาไปมา

“ให้มันได้อย่างงี้สิวะ แย่งผมกินแล้วก็เมาแอ๋ให้ผมมาดูแลแบบนี้มันใช่ได้ที่ไหนกัน”ยู่หน้าตบหน้าร่างสูงเบาๆ หวังว่าให้มาร์ครู้สติขึ้นมาบ้าง แต่ก็มีแต่เสียงครางต่ำเชิงรำคาญของคนเมาให้ได้ยิน ยิ่งทำให้แจ็คสันยู่หน้าดีดหน้าผากคนเป็นพี่ไปแรงๆด้วยความหมั่นไส้อีกหนึ่งที

เดินเข้าห้องน้ำไปหาอุปกรณ์เช็ดตัวไม่ถึงนาที ออกมาก็เห็นมาร์คเปลี่ยนไปนอนคว่ำเสียแล้ว แจ็คสันปีนขึ้นไปบนเตียง จัดการถอดเสื้อตัวนอกออกของมาร์คไปพับไว้บนโต๊ะ จับมาร์คพลิกขึ้นมานอนหงาย ถอดเข็มขัดและปลดกระดุมเสื้อทุกเม็ดลง

“อืม...ตัวเล็ก”

แจ็คสันปัดมืออ่อนปวกเปียกออกไปจากตัว ส่งเสียงตอบรับขณะเริ่มลากผ้าขนหนูชุบหมาดไปบนลำคอและหน้าอกของชายหนุ่ม

“ขอโทษนะ...”

“เรื่องอะไรล่ะ? เรื่องเมาเป็นหมาหรือเรื่องแย่งผมดื่มเบียร์”

มาร์คหัวเราะในลำคอกับคำประชดนั้น หลับตานอนปล่อยให้มือเล็กเช็ดตัวเขาไปเงียบๆ สัมผัสหยาบเย็นของผ้าขนหนูลากไปตามส่วนต่างๆบนร่างกายเขา

“พี่ลุกมาถอดกางเกงเองได้ไหม”ถามพลางบิดน้ำออกจากผ้าขนหนู จำต้องปล่อยมันลงอ่างเพราะโดนมือแกร่งรัดเอวดึงเข้าไปหาเสียก่อน ใบหน้าสวยงึมงำอยู่ข้างสะโพก

“ไม่ต้องก็ได้”

“ไม่เอา พี่จะได้นอนสบายๆไง”

“มีนายให้กอดนอนพี่ก็สบายแล้ว”

แจ็คสันส่งเสียงเหอะในลำคอประชด ไม่ได้ต้านแรงมือที่กดตัวลงนอนบนเตียง ลมหายใจกลิ่นเบียร์เข้ามาคลอเคลียข้างแก้ม ปลายจมูกโด่งกดหอมจนแก้มยุบ ลากขึ้นไปจูบบนหน้าผากเขาด้วยความอ่อนโยน มือแกร่งกระชับเอวอวบเข้ามาแนบชิด วางคางบนไหล่แจ็คสันยิ่งทำให้ระหว่างพวกเขาน้อยจนแม้แต่อากาศก็แทรกไม่ได้

“เน่าเอ๊ย”ปากอิ่มกลั้นยิ้มบ่นเสียงเบา ขยับตัวลากผ้าห่มมาคลุมตัวพวกเขาเอาไว้ กอดเอวมาร์คกลับ หลับตาพริ้มในวงแขนแกร่งไปตลอดทั้งค่ำคืน








“อืม...”จินยองงัวเงียกระพริบตาปริบๆมองห้องจัดปาร์ตี้ที่โล่งไม่มีคนอยู่ มือกุมขมับ หยีตา รู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ เขาไม่ได้เมาจริงๆ ก็แค่หลับหลอกเพราะไม่อยากดื่มมากแต่ดันหลับจริงซะงั้น ตื่นขึ้นมาอีกทีงงานก็เลิกไปแล้ว พยุงตัวมองนาฬิกาบอกเวลาตีสอง คิดจะเอนตัวลงนอนต่อ หางตาก็เหลือบไปเงาตะคุ่มๆตรงระเบียง

สะดุ้งสุดตัวนึกว่าเจอของดี หรี่ตามองดีก็พบว่าเป็นเจ้าของคอนโดกำลังนั่งทำอารมณ์จิบเบียร์มองดาวอยู่ด้านนอกต่างหาก

“พี่แจบอมไม่หนาวเหรอครับ”

ชายหนุ่มเอี้ยวคอมองมองรุ่นน้องที่จำได้ว่าหลับไปแล้วบนโซฟาด้วยความฉงน ก่อนหัวเราะเมื่อคิดว่าอีกคนคงไม่ได้เมา แต่แกล้งเมาจนหลับจริงเสียมากกว่า ยิ้มพยักหน้าขอบคุณผ้าห่มผืนนิ่มที่อีกคนยื่นมาให้ ตบพื้นข้างตัวเองเป็นการชวนเชิญ

จินยองเดินมานั่งข้างเขาด้วยท่าทีเหนียมอายหน่อยๆ ทุกครั้งที่เขาเจอรุ่นน้องคนนี้ ก็มักจะเห็นท่าทีแบบนี้เสมอ ดูขี้อายใช่เล่นเลย

ทั้งสองนั่งชมวิวจากคอนโดชั้นสามสิบ เจบอมจิบเบียร์ปล่อยอารมณ์ไปตามบรรยากาศ ส่วนจินยองก็นั่งมองวิวด้านหน้าเงียบๆแอบเหลือบมองชายหนุ่มข้างๆด้วยความตื่นเต้น

ภาพวิวทิวทัศน์ของเมืองใหญ่ไม่เคยหลับตรงหน้าอาจจะน่าตื่นตาสำหรับจินยอง แต่ชายหนุ่มข้างๆก็ยังดูดึงดูดกว่าแสงไฟใดๆบนนั้น อิมแจบอมเป็นผู้ชายที่เหมือนดวงไฟเรืองรอง ให้เขาได้จ้องมองอย่างหลงใหลตลอดเวลา เปรียบเสมือนภาพความฝันที่เขาอยากจับต้องแต่ก็รู้ตัวว่ามันคงยากเหลือเกินที่จะเข้าถึง

...ไม่เคยคิดว่าจะได้อยู่ใกล้พี่แจบอมขนาดนี้ ไม่เคยคิดเลยจริงๆ...

คนตัวบางสะดุ้งวาบเมื่อมือแกร่งโอบไหล่เขาให้เข้าไปชิด สะบัดผ้าห่มคลุมตัวทั้งสองเพื่อป้องลมกลางคืน ร่นระยะขยับแนบชิดจนไหล่แทบจะเกยกัน จินยองก้มหน้าซ่อนแก้มแดงเถือกและเสียงหัวใจเต้นแรง กอดตัวเองแน่นจนชายหนุ่มข้างกายคิดว่าคนตัวบางหนาว

“หนาวเหรอ? เข้าไปข้างในไหม?”

“ไม่ครับๆ”รีบละล่ำละลักเงยหน้าขึ้นมาตอบ ลืมระยะอันแนบชิดไปชั่วขณะ กว่าจะรู้ตัวก็ตอนปลายจมูกปัดโดนจมูกโด่งของชายหนุ่ม ตาเบิกโพล่งตื่นตกใจ พลันก็ชะงักเมื่อตาประสานกับดวงตาเรียวดุทรงเสน่ห์ที่มองมาอย่างตกใจไม่แพ้กัน

ทั้งสองเหมือนตกอยู่ในห้วงสุญญากาศ...
เสียงรอบข้าง ความหนาวเย็นและแสงสว่างใดๆ ก็ไม่อาจทำให้พวกเขาหันไปสนใจได้มากเท่ากับคนตรงหน้า

ดวงตาดำขลับของเจบอมราวกับกำลังดึงความคิดทั้งหมดของจินยองออกไป สมองเขาว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก แม้ในยามที่อีกฝ่ายยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ จินยองก็ไร้ความสามารถที่จะผละตัวออก ร่างบางสูดลมหายใจเข้าลึก หลับตาพริ้มรับสัมผัสอุ่นร้อนบนริมฝีปากที่แตะลงมาเพียงแผ่วเบา

...แม้มันจะเป็นอารมณ์ชั่ววูบ แต่จินยองก็ดีใจ...

...จริงๆ...





รถสปอร์ตคันหรูของแทคยอนแล่นด้วยความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมาตามถนนว่างโล่งในยามเที่ยงคืน คนขับเอี้ยวหน้ามาถามคุณหมอตัวขาวที่นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถมาตั้งแต่คอนโดแจบอม

“แวะซุปเปอร์มาเก็ตหน่อยไหมคุณ?”

“อืม ก็ดีนะ”

แทคยอนแตะเบรกผ่อนความเร็ว ตีไฟสัญญาณ แตะพวงมาลัยพารถเลี้ยวไปจอดหน้าซุปเปอร์มาเก็ตเปิดตลอด 24 ชั่วโมง พากันเดินลงไปซื้อของแก้แฮงค์สองสามอย่างออกมาจากร้าน พวกเขาไม่ได้เมา รู้กันดีว่าคอแข็งกันขนาดไหน

แทคยอนที่เดินออกมาก่อนนั่งบนม้านั่งหน้าร้าน ดึงฝากระป๋องเบียร์ขึ้นมาจิบ มองดูรถที่แล่นผ่านไปมา จู่ๆมือขาวก็แย่งกระป๋องออกไปจากมือเขา แล้วยัดน้ำเกลือแร่เข้ามาแทน

“ยังจะดื่มอีกนะนายน่ะ ปวดหัวนิดๆแล้วไม่ใช่รึไง”

เงยหน้ามองใบหน้าชวนหลงใหลที่ยิ้มยักคิ้วนิดๆมาให้ กระป๋องที่ควรเป็นของเขาโดนคนตัวขาวกระดกดื่มอย่างกับน้ำเปล่า มองน้ำเกลือแร่ในมือ บิดมันเปิดดื่มโดยไม่ได้กล่าวว่าอะไรอีก

พวกเขาเงียบกันไปนาน จนกระทั่งนิชคุณเอ่ยชวนไปเดินเล่นตรงสวนสาธารณะตรงถนนฝั่งตรงข้าม ไม่ต้องชวนซ้ำ ขายาวสองคู่ก็เดินฝ่าความเย็นเข้าไปในสวนสาธารณะเล็กๆที่แม้จะสว่างไปด้วยแสงไฟแต่ก็เงียบสงบและไร้ผู้คนต่างจากตอนกลางวัน

ทั้งสองเดินเคียงคู่กันไปตามเส้นทางอิฐคดเคี้ยว ดื่มเครื่องดื่มในมือ พูดคุยสัพเพเหระไปเรื่อยเปื่อย อยากพูดเรื่องไหนก็พูด พวกเขาสนิทกันจนไม่มีความลับต่อกันและรู้ใจกันดียิ่งกว่าใคร

“สองคนนั้นน่ารักดีนะ มาร์คกับแจ็คสันน่ะ ถึงทุกอย่างจะดูปุบปับไปหน่อยก็เถอะ”

“จะว่าไปก็สงสารแจ็คสันอยู่นะ...”นิชคุณพูดขึ้นมาหลังเงียบใคร่ครวญสักพัก ใบหน้าคมคร้ามหันมองมองว่าเหตุผลใดถึงทำให้รุ่นน้องตัวเตี้ยดูน่าสงสาร ทั้งที่มีคนดูแลและมอบความรักให้ขนาดนั้น “เหมือนโดนมาร์ควางแผนและลากไปตามเส้นทางที่ตนเองต้องการตลอดเลย ทั้งเรื่องน้ำยานั่น ทั้งเรื่องแต่งงานนี่...”

“มันก็จริงนะ...แต่พวกเขาก็ดูมีความสุขดีไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างฉันว่า แจ็คสันก็ไม่ได้โดนลากหรอก เด็กนั่นแข็งกว่าที่นายคิดนะ ถ้าไม่ต้องการก็จะปฏิเสธจนชนะนั่นแหละ...”

“แล้วมาร์คก็จะยอมสินะ”นิชคุณหัวเราะเบาๆอย่างพอเดาทางออก แทคยอนพยักหน้า ลากข้อมือขาวไปนั่งบนม้านั่งยาวที่หันหน้าเข้าบึงกลางสวน ผืนน้ำสีกำมะหยี่กระเพื่อมเป็นคลื่นกระทบแสงไฟดูพราวระยิบระยับราวกับอัญมณีน้ำงาม

ดวงตาสองคู่มองภาพตรงหน้าด้วยความชื่นชม แทคยอนผละจากภาพตรงหน้าหันมามองคนข้างตัวที่หลับตาสูดอากาศสดชื่นยามค่ำคืนเข้าปอด เอนกายพิงพนักพิงอย่างผ่อนคลายใจ

“แต่งงานกันไหมคุณ?”

“...”

อาจจะเป็นเพราะเห็นงานหมั้นของคู่อื่นหรืออาจเป็นเพราะความต้องการด้านในที่มันเรียกร้องอยู่ตลอดเวลาที่ทำให้ร่างสูงพลั้งเผลอโพล่งประโยคนั้นออกไป...อีกครั้ง

มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาขอนิชคุณแต่งงาน คงไม่ต้องให้บอกผลของครั้งก่อนๆหรอกนะ เพราะถ้าขอได้ตั้งแต่ครั้งแรก แทคยอนจะมาขอแต่งงานซ้ำๆแบบนี้ไปเพื่ออะไรล่ะ?

มุมปากอิ่มยิ้มแย้มคว่ำลงกลายเป็นการเรียบเฉย ตาคมที่ลอบมองปฏิกิริยาคนตัวขาวใจหล่นวูบ แต่ก็ไม่ได้หนักหนาสาหัสเท่าใดนัก

...มันก็เดาได้ล่ะนะ...

...ก็ไม่รู้จะหวังไปทำไม...

ชายหนุ่มนักวิทยาศาสตร์หัวเราะสมเพชในตนเอง

“ไปกันเถอะ มันดึกแล้ว พรุ่งนี้นายมีเข้าเวรเช้านี่นา”ลุกยืนปัดฝุ่นบนร่างแก้เก้อยื่นมือไปแตะไหล่กว้างใต้เสื้อโค้ทสีอ่อนของคุณหมอตัวขาว

“ไม่รอคำตอบเลยรึไง”เสียงทุ้มหวานเอ่ยทั้งที่ยังไม่ลืมตา

“รู้ดีน่า ลุกเร็วคุณหมอ เดี๋ยวก็เป็นไข้ขึ้นมาหรอก”

นิชคุณถอนหายใจลุกตามมา เดินมาเคียงข้างชายหนุ่มผิวคร้ามที่มีรอยยิ้มแสร้งมีความสุขอยู่บนใบหน้า มือขาวรั้งไหล่กว้างให้หยุดเดิน ปากสีสวยกระซิบถ้อยคำไม่ดังไม่เบาข้างใบหูร่างใหญ่ ทำเอาแทคยอนชะงักเท้ากึก ตาเบิกกว้างอึ้งค้าง มองแผ่นหลังของคนที่ก้าวเข้าไปด้านหน้าเรื่อยๆด้วยใจเต้นระรัว ในหัวมีประโยคของคนตัวขาววนไปวนมาไม่หยุด

“ขอเวลาฉันจัดการงานสักครึ่งปีก่อน ระหว่างนั้นนายก็คิดเรื่องพิธีกับพวกวันที่ไปแล้วกันนะ”

.
.
.


นิชคุณกลั้นยิ้มหัวเราะในลำคอ เมื่อหูได้ยินเสียงโห่ร้องดีใจราวคนบ้าจากคนที่ตนเดินหนีมา

...นิชคุณก็ไม่ได้เป็นคนใจร้ายใจดำนักหรอกนะ...








ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*