[SF] You’re bright voice & You’re shining smile [MarkSon]
TITLE: You’re bright voice & You’re shining smile
COUPLE: MARK x JACKSON [MarkSon]
RATE: PG-20
WORD: 5,728
BY: Silverfeather29 /@silverfeather29/
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
You’re bright voice & You’re shining smile
Mark x Jackson
โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่น่าอภิรมย์สำหรับเขาแต่ไหนแต่ไร เพราะสถานที่แห่งนี้มักจะนำพาเรื่องเศร้าและน้ำตามาให้เสมอ แต่ตอนนี้เขาวิ่งด้วยพลังทั้งหมดที่มีมุ่งไปหามัน พื้นรองเท้าผ้าใบเสียดสีไปกับกระเบื้องสีขาวมันส่งเสียงอี๊ดอ๊าดน่ารำคาญแต่ก็ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มลดความเร็วลง ใบหน้าเรียวซีดเผือกเหงื่อไคลไหลชุ่มเสื้อผ้าสีอ่อน ลมหายใจติดขัดแทบไม่เป็นจังหวะ อวัยวะในอกร้อนราวกับมีไฟกำลังแผดเผา
‘คุณมาร์คใช่ไหมครับ...’
เสียงโทรศัพท์เมื่อสิบนาทีก่อนแล่นเข้ามาในหัว
‘ช่วยมาที่โรงพยาบาลตอนนี้ได้ไหมครับ...’
ใจตกลงไปตาตุ่ม รีบทิ้งทุกอย่างตอนนั้นแล้วมุ่งหน้ามาที่นี่ทันที ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เร็วเท่าที่ใจต้องการ ยิ่งรู้ว่าเกี่ยวกับใครคนนั้นแล้วด้วย...
ประตูห้องพักพิเศษติดหมายเลขห้องที่จดจำได้ในสมองปรากฏขึ้นตรงหน้า ไม่ลังเลที่จะผลักมันเข้าไป
“แจ็คสัน!”
สิ่งแรกที่เห็นในคลองสายตาคือคนคุ้นตานอนทอดร่างอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีดเผือกมีรอยช้ำแดงเหมือนรอยมืออยู่บนแก้มซ้าย ผิวกายขาวนอกผืนผ้ามีรอยฟกช้ำกระจายเต็มไปหมด ริมฝีปากแดงช้ำเลือดมุมปากแดงเป็นรอยม่วงน่ากลัว คิ้วเรียวขมวดแน่นแม้ในยามไม่ได้สติ ข้างตัวมีสายยาสายน้ำเกลือระโยงระยางราวกับคนตัวเล็กบนเตียงเป็นโรคร้ายแรง
ครึ่งชั่วโมง...
แค่ครึ่งชั่วโมงที่คลาดสายตา
“เกิดอะไรขึ้น”มาร์ครู้สึกได้ว่าเสียงตนเองสั่นพร่ายามถามพนักงานตำรวจที่ยืนอยู่ข้างเตียง
“มีคนพบเขาไม่ได้สติอยู่ในบ้านร้าง ตามร่างกายมีร่องรอยโดนทำร้ายหลายจุด สภาพเสื้อผ้า...”
“ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับแจ็คสัน!!”
นายตำรวจนิ่งเงียบไปสักครู่ ก้มหน้าตอบคำถามที่ชายหนุ่มต้องการ
“...เขาโดนรุมข่มขืนครับคุณมาร์ค”
นายตำรวจเดินออกไปแล้ว ภายในห้องพยาบาลเงียบสงัด ร่างหนึ่งยังคงไร้สติ ส่วนอีกร่างหนึ่งใจกำลังสลาย น้ำตาลูกผู้ชายหยดลงหลังมือบนเตียงนุ่ม
“ทำไม...”มาร์คพึมพำเสียงเบา หัวใจเขากำลังจะแตกสลายเพราะความจริงที่ได้รับรู้ มือเรียวสั่นระริกลูบใบหน้าโค้งมนของผู้เป็นที่รัก “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้...”
เขาไม่ได้สนใจสิ่งใดนอกจากร่างบอบช้ำตรงหน้า โกรธแค้นคนที่ทำให้ร่างเล็กตกอยู่ในสภาพนี้จนร่างสั่นเกร็ง ขบฟันสะกดกลั้นอารมณ์ที่จุกแน่นร้าวไปทั่วทั้งอก เจ็บใจแต่ก็หาตัวคนทำผิดไม่ได้ ไม่มีประจักษ์พยานยืนยัน ไม่มีอะไร นอกจาก...สิ่งเลวชั่วช้าที่พวกมันเหลือไว้ในร่างของคนรัก
เล็บจิกแน่นเข้าฝ่ามือจนเลือดซิบ มาร์คกำลังจะเป็นบ้า นึกโทษตัวเองที่ไม่รั้งร่างเล็กไว้ตอนอีกคนหันหลังออกไปจากห้อง รอยยิ้มสดใสนั่นไม่ได้ทำให้เขาคิดเลยว่าคนตัวเล็กจะมีอันตราย ไม่เคยคิดเลยสักนิด ทรุดตัวลงข้างเตียง จับมือนุ่มแนบแก้ม ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย พร่ำขอโทษคนรักซ้ำไปมา...
“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ”
ตึง! ร่างสูงชะงักกึกมองหมอนบนเท้าตัวเอง เสียงโครมครามทำลายข้าวของดังออกมาไม่หยุด แจ็คสันตื่นแล้ว และกำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง มือขาวเขวี้ยงทุกสิ่งรอบข้าง สายน้ำเกลือหลุดออกจากแขน ตากลมแดงช้ำพรั่งพรูไปด้วยน้ำตา
“แจ็คสัน!”เบิกตากว้างเรียกร้องชื่อตกใจ รีบปัดมีดปอกผลไม้ที่คนตัวเล็กหยิบขึ้นมาโดยไม่ทันมอง โลหิตสีแดงสดไหลอาบฝ่ามือขาว
“ทำไมทำแบบนี้!”รีบกดเรียกนางพยาบาลจับผ้าห่มโรงพยาบาลปิดบาดแผลยาวให้แจ็คสันที่ยังดิ้นพล่านบนเตียง ร่างเล็กอ้าปากกรีดร้องแต่ไม่มีเสียงออกมา ไม่มีเลยจนมาร์คเริ่มจับสังเกตได้ รวบตัวคนรักเข้ามากอดแน่นเพื่อให้อีกฝ่ายสงบสติอารมณ์ แต่เหมือนจะไม่ช่วยอะไรแถมทำให้ผลดูแย่ลงไปอีก แจ็คสันหวาดกลัวและร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม ในดวงตากลมไม่ปรากฏภาพเขา ไม่ปรากฏภาพผู้ใด คนตัวเล็กตื่นกลัวมากเกินไปจนแยกแยะใครไม่ได้
มาร์คปวดใจแทบบ้า ได้แต่กอดรัดร่างคนรักไว้แน่นเพื่อไม่ให้อีกคนทำร้ายตนเอง
“โอ๊ย!”
แจ็คสันกัดเข้าที่ไหล่พยศพยายามจะหลุดออกจากพันธนาการ ร่างกายสั่นสะท้านหวาดกลัว มือขาวและเท้าดิ้นขัดขืนแผลงฤทธิ์จนเริ่มอ่อนเรี่ยวอ่อนแรง
ในที่สุดพยาบาลก็เข้ามาถึง พวกเธอกดแจ็คสันลงบนเตียง จับฉีดยาสลบ ร่างเล็กอาละวาดไปสักพักก็เริ่มอ่อนแรงและหลับลงอย่างรวดเร็ว ตากลมปิดลงไปแล้ว แต่มาร์ครู้... รู้ว่าใต้การหลับใหลนี้แจ็คสันกำลังเผชิญกับฝันร้ายอย่างถึงที่สุด
ฝันร้ายทั้งของตัวแจ็คและของตัวมาร์คเองด้วย
ฝันร้ายที่จะตามหลอกหลอนพวกเขาไปอีกนาน
“แจ็คสัน กินแอปเปิลไหมครับ เดี๋ยวพี่ป้อนให้”ชายหนุ่มเดินอ้อมวิลแชร์ยื่นหน้ายิ้มแย้มไปถามคนรัก โบกผลไม้สีแดงที่อีกคนเลยชอบไปมาเป็นการหยอกล้อ
ไม่มีการตอบสนองใดๆกลับมา ดวงตากลมยังคงไร้แววหรืออารมณ์ที่ควรปรากฏให้เห็น ไม่แม้แต่จะมองผลไม้ตรงหน้า ชายหนุ่มฝืนยิ้มจูบหน้าผากมนด้วยความหวงแหน พยายามส่งความห่วงใยให้อีกคนได้รับรู้
“พี่ลืมไปว่าเพิ่งจะเที่ยงเอง คงยังไม่หิวสินะครับ งั้นพี่เอาไปเก็บก่อนดีกว่า รอพี่แป๊ปเดียวนะ”
ชายหนุ่มเดินออกมา ปาดน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาบนขอบตา ตั้งสติและย้ำกับตนเองว่าเขาต้องเข้มแข็ง
หนึ่งสัปดาห์แล้วพี่แพทย์อนุญาตให้แจ็คสันกลับบ้านได้ บาดแผลทางกายเลือนหายไปตามกาลเวลา สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากกว่าคือบาดแผลอุกฉกรรจ์ในจิตใจ เขาไม่รู้ว่าคนตัวเล็กโดนทำร้ายอะไรมา แต่มันก็มากพอจะทิ้งยาพิษร้ายแรงซึ่งส่งผลกระทบถึงจิตใจให้บอบช้ำมากพอที่จะทำให้เกิดผลสะท้อนกลับมายังร่างกายอีกรอบ
...แจ็คสันพูดไม่ได้อีกเลยตั้งแต่เหตุการณ์นั้น...
แพทย์ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้านจนปิดสัมผัสใดสัมผัสหนึ่งไป และในกรณีของแจ็คสันคือกล่องเสียงที่ถูกปิดตาย วิธีรักษาเดียวคือการดูแลและเวลา ในระยะเวลาหลายเดือนต่อจากนี้ อย่าให้เกิดการกระทบกระเทือนทางจิตใจรุนแรงอีก มิฉะนั้นแจ็คสันอาจเป็นใบ้ไปตลอดชีวิต
ชายหนุ่มถอนหายใจแรงโยนแอปเปิ้ลเข้าตู้เย็น หันกลับไปมองคนตัวเล็กบนวิลแชร์แล้วอดสะท้อนในใจไม่ได้ แจ็คสันหวัง เด็กผู้ชายแข็งแรง สดใสร่าเริง มั่นใจตัวเองคนนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงแจ็คสันผู้โดนทำร้าย อ่อนแอ ไร้ชีวิตชีวา บอบบางดั่งแก้วเปราะ หากเผลอจับแรงไปนิด อาจแตกสลายมิหวนคืน
หนึ่งสัปดาห์มานี้มาร์คเหมือนอาศัยอยู่กับตุ๊กตาไร้ชีวิต ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆจากร่างเล็ก เหมือนกับตอนนี้ที่ดวงตากลมมองออกไปนอกหน้าต่างนิ่งมานับสองชั่วโมง
แจ็คสันกำลังมองไปยังที่ที่มาร์คมองไม่เห็น
มาร์ครู้สึกว่ากำลังขว้างหินใส่กำแพงเบอร์ลิน รู้ว่ามันไร้ประโยชน์ แต่เขาก็เลือกจะทำ...
“ดอกไม้ร่วงหมดแล้ว จะเข้าหน้าหนาวแล้ว นายไม่ชอบอากาศหนาวๆนี่ใช่ไหม?”ชวนอีกคนคุย นั่งลงบนพื้นข้างๆ กอบกุมมือเล็กเย็นเฉียบแน่น มองต้นไม้แห้งต้นใหญ่ข้างนอกนั่น
แต่ก่อนจะเป็นแจ็คสันที่มักจะหาเรื่องพูดนั่นนี่ไม่หยุด รอยยิ้มสดใสระบายเต็มใบหน้าหวาน จะเป็นเขาที่ยิ้มและตอบรับเป็นช่วงๆ แอบรำคาญบ้าง แต่ก็นั่นแหละ...เด็กคนนี้คือจิ๊กซอว์อีกครึ่งหนึ่งของชีวิตเขา หากหายไปเขาก็คงไม่เต็มใบเหมือนกัน
“สักพักหิมะคงตก แล้วหน้านายก็จะมีผื่นแดงขึ้นเต็มแก้ม ถ้าไม่ทาโลชั่นทุกเช้าล่ะแย่แน่...”พูดไปหัวเราะไป เหลือบตามองคนบนเก้าอี้ที่นั่งนิ่งไม่ติงไหว กระชับมือแน่นขึ้นกว่าเดิม “แต่ไม่ต้องห่วง พี่จะทาให้นายเช้าเย็นเอง พี่จะดูแลนายทุกเรื่อง...เคียงข้างนายตลอดไป”
“เพราะฉะนั้น...กลับมาเป็นแจ็คสันคนเดิมเถอะนะ พี่ขอร้องล่ะ”
แนบใบหน้าลงกับมือขาวร้องไห้ต่อหน้าร่างเล็ก ทั้งที่อดทนมาได้ตลอดแท้ๆ
...นายนี่มันแย่จริงๆ มาร์คต้วน...
เดือนถัดมาแจ็คสันเริ่มมีการตอบสนองได้มากขึ้น แต่ก็ยังช้าเสียจนมาร์คและแพทย์ยังเป็นกังวล มาร์คต้องกลับไปทำงานหลังจากใช้โควตาวันหยุดของบริษัทหมดไปแล้ว ดังนั้นวันนี้มาร์คเลยออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อทำอะไรบางอย่าง...
“แจ็คสัน พี่มีอะไรมาให้”มาร์คเดินยิ้มกว้างเข้ามา แจ็คสันนั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาหันมามองเขานิ่งๆ เสื้อไหมพรมตัวโคร่งสีบุหรี่กับกางเกงผ้าขับให้ร่างเล็กน่ามอง ผิวขาวซีดเซียวเพราะอยู่แต่ในที่ร่ม เส้นผมยาวปรกคิ้วเรียวยิ่งทำให้ดูอ่อนเยาว์
“มันดูเข้ามานี่เร็ว มันดูๆ”ร้องเรียกสัตว์สีเท้าที่ตะกุยเท้าเข้ามาในห้องทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก โกลเด้นท์รีทรีฟเวอร์ขนน้ำตาลทองตัวยักษ์วิ่งเข้ามาพุ่งไปหาร่างเล็กที่มองมันนิ่ง ตาโตเบิกกว้างดูตกใจเวลามันใช้ขาหน้าวางบนตักตัวเอง เจ้ามันดูก็แสนอ้อนใช้หัวใหญ่ๆคลอเคลียมือเล็ก แลบลิ้นเลียมือขาวแพล่บๆอย่างเอาอกเอาใจ
“พี่จำได้ว่าแจ็คสันเคยบอกว่าอยากเลี้ยงพันธุ์นี้”มาร์คเฉลย นั่งบนที่ท้าวแขนลูบศีรษะกลมเบาๆ “ให้มันดูคอยเป็นเพื่อนนายตอนพี่ไปทำงาน นายจะได้ไม่เหงา ดีไหม?”
ใบหน้าเล็กเงยมามองเขาแล้วกลับไปมองเจ้าหมาตัวโตที่คลอเคลียไม่หยุด โดยมีสายตาของมาร์คสังเกตอยู่ตลอดเวลา มุมปากอิ่มยกเคลื่อนก่อนจะกลายเป็นรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าขาว มือเล็กเลื่อนไปขยี้ขนนุ่มสีทอง มาร์คมองรอยยิ้มนั้นด้วยใจเต้นแรง รู้ตัวอีกทีมือก็เผลอไปคว้าตัวอีกคนมากอดแน่นชิดอก
“นายยิ้มแล้ว”
แจ็คสันสะดุ้งตกใจในคราวแรก นิ่งไปเมื่อได้ยินเสียงโครมครามใกล้หู ยกมือวางทาบบนบริเวณที่ตนได้ยินเสียง สัมผัสถึงแรงเต้นเป็นจังหวะเร็วของอวัยวะสำคัญในหน้าอกแข็งด้วยมือและด้วยความรู้สึก ตากลมปิดหลุบลง อิงศีรษะเข้าหาด้วยความอุ่นใจ
เจ้ามันดูนั่งจ้องเจ้านายทั้งสองตาแป๋ว พอไม่มีท่าทีว่าทั้งสองจะสนใจตนก็เดินไปนอนหมอบข้างโซฟา
ปากเล็กอ้าเผยออกอย่างต้องการจะพูดบางอย่าง แจ็คสันชะงักไปเมื่อไม่มีเสียงออกมา กัดปากก้มหน้ากำเสื้อคนตัวสูงไว้ ตัวสั่นจนมาร์คยังสังเกตได้ ชายหนุ่มประคองใบหน้าเล็กขึ้นมาสบตา นิ้วเรียวปาดหยาดน้ำตาบนหางตาตกออก จดจ้องคนรักด้วยความอบอุ่นอย่างเคย
“เป็นอะไร? ร้องไห้ทำไมครับคนเก่ง”
“...”
ปากอิ่มเม้ม เผยอออกพยายามจะเปล่งเสียงอีกครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ ดวงตากลมไหววูบน้ำตาเอ่อคลอ มือขาวเช็ดมันออกลวกๆ ผละตัวเองออกไปจากอ้อมกอดอุ่น เจ้ามันดูเงยหน้าขึ้นมองลุกวิ่งดุ๊กดิ๊กๆตามแจ็คสันเข้าไปในห้องนอนเล็ก
มันดูเป็นสุนัขที่ผ่านการฝึกการช่วยเหลือคนมาแล้วดังนั้นเขาจึงวางใจให้อยู่กับแจ็คสัน มือเรียวหยิบของในถุงจากซูเปอร์มาเก็ตใกล้บ้าน คว้าเอาน้ำเปล่าเย็นเฉียบขวดหนึ่งเดินตามเข้าไปในห้องที่เปิดประตูแง้มเอาไว้
แจ็คสันนั่งหันหลังให้กับประตูบนเตียงนอนเดี่ยว มือป้อมลูบศีรษะเจ้ามันดูเล่นในขณะที่ยังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง มาร์คยิ้มบางๆย่องเข้าไปใกล้ แนบขวดน้ำเย็นข้างแก้มนุ่ม ร่างขาวสะดุ้งเฮือกแทบจะเป็นการผวาหนี แต่เมื่อเห็นว่าเป็นมาร์คก็ถอนหายใจ ขมวดคิ้วทำตาดุใส่ ดึงเจ้ามันดูเข้ามากอดหนีหน้าคนตัวสูงที่อมยิ้มขำ
มันดูตัวใหญ่มากจนแทบจะบังร่างเล็กมิด มือขาวโอบกอดแทบไม่ถึงกัน ศีรษะสีเข้มแนบลงไปกับขนนุ่มสะอาดไม่สบตาเขา แต่มาร์คก็ยังตามไปขยี้เส้นผมนุ่มนิ่มนั้นด้วยความเอ็นดู
มีอะไรบางอย่างถูกสอดเข้ามาใต้ตัวสุนัขตัวใหญ่วางบนตัก แจ็คสันก้มหน้ามองมันนิ่งไปนาน
มาร์คขมวดคิ้ว เมื่อกระดานไวท์บอร์ดขนาดเล็กถูกส่งกลับมา แจ็คสันก้มตัวลงซุกใบหน้าลงกับขนนิ่มฟูของเจ้ามันดูอีกครั้ง
“ทำไมล่ะครับ?”
หัวกลมส่ายไปมาเป็นคำตอบ จู่ๆเจ้ามันดูก็วิ่งออกไปเป็นโอกาสให้มาร์คดึงร่างขาวเข้ามาใกล้ สบดวงตาสีเข้มอย่างต้องการจะหาคำตอบ แจ็คสันหลบสายตาเม้มปากแน่น ดิ้นขลุกขลักไปมาจนมือแกร่งกดหัวกลมแนบลงไปกับไหล่เอนตัวไปมาเหมือนกำลังปลอบเด็กเล็กๆ
“ไม่อยากยอมรับว่าพูดไม่ได้เหรอ”
เสียงสะอื้นเล็กๆตรงไหล่เป็นคำตอบได้ดีที่สุด มาร์คถอนหายใจ เด็กดื้อคนเดิมกลายเป็นเด็กขี้แยไปเสียแล้วสิ ลูบเส้นผมนิ่มเป็นการปลอบ
“นายไม่ได้เป็นใบ้ นายแค่ไม่สบาย เราจะมารักษามันด้วยกัน แจ็คสันต้องใช้มันสื่อสารกับพี่ ต้องการอะไรพี่จะได้รู้ มันไม่ดีเหรอครับ หืม?”
ร่างเล็กเงียบไปนานจนนึกว่าหลับ มาร์คกำลังจะผละตัวออกแต่ก็โดนแจ็คสันกอดเอาไว้ก่อน
“แจ็คสัน?”
มาร์คมองกลุ่มผมนิ่มเป็นทรงสีเข้มขยับยุกยิกอยู่สักพัก ผงะตกใจไม่ทันตั้งตัวที่จู่ๆกระดานก็พุ่งขึ้นเฉียดปลายจมูกเขาไปนิด มาร์คจับมันไว้มองแจ็คสันที่คลานไปมุดนอนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา ก้มมองกระดานในมือแล้วหัวเราะลั่นจนโดนคนตัวเล็กถีบตกเตียง
ขอบคุณ
นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการอยากจะบอก
มาร์คสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราสัมผัสได้ถึงแรงดิ้นจากคนในอ้อมกอด ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวทรมาน บิดเกร็งตัวไปมา อ้าปากร้องตะโกนไม่มีเสียง ตายังหลับแน่น ร่างสั่นสะท้านอย่างน่าเป็นห่วง
แจ็คสันกำลังฝันร้าย กำลังดำดิ่งย้อนความทรงจำไปในวันน่าอัปยศนั่นอีกครั้ง
“แจ็คสัน! แจ็คสันครับ”
เขย่าแขนคนตัวเล็กเบาๆ แต่พอไม่ได้ผลก็บีบลำแขนหนักขึ้น แจ็คสันสะดุ้งเฮือก ตาเบิกโพล่ง ไม่ทันเห็นชัดเจนก็หลับตาดิ้นกระเสือกกระสนจะหนีลงจากเตียง มาร์ครีบยึดเอวกอดไว้แน่น เจ็บแปล๊บตรงไหล่เพราะโดนมือขาวชกเข้าให้
“ใจเย็น พี่มาร์คเอง พี่อยู่ตรงนี้ ชู่ว”
ทำใจเย็นปลอบ ลูบไหล่ลูบหลังจนร่างเล็กหยุดดิ้น หอบหายใจหนักร้องไห้สะอื้นตัวโยน มาร์คพลิกตัวอีกคนมากอดแน่น เกลี่ยผมหน้าม้าขึ้นทัดหู จูบกระหม่อมชื้นเหงื่อเบาๆ ข้อนิ้วแข็งปาดน้ำตาบนหางตาตกออกพลางซับจูบบนเปลือกตาบาง
“พี่อยู่นี่...พี่อยู่นี่ ไม่ต้องกลัวนะ”
เสียงร้องไห้ของแจ็คสันทำให้เขาปวดใจไปด้วย เสื้อตรงหน้าอกเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ปลอบอยู่นานกว่าแจ็คสันจะหยุดร้อง มือขาวกระตุกเสื้อมาร์คให้ก้มหน้าลงมา
ชายหนุ่มตกใจเล็กน้อยที่ได้เห็นแพขนตาในระยะประชิด จมูกรั้นดุนแก้มเขาอย่างไม่ประสา ริมฝีปากอิ่มแนบลงบนปากเขาเบาๆ กลิ่นหอมสบู่จากร่างเล็กทำให้มาร์คเริ่มปั่นป่วน แจ็คสันยังไม่ผละออกไปเพราะยังไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรในหัว ถ้ารู้ร่างเล็กคงไม่เอาตัวโถมเข้ากอดเขาขนาดนี้แน่
มือขาวโอบกอดเอวชายหนุ่มยึดไว้เป็นที่พักพิง หัวกลมซุกอยู่ข้างลำคอ ลมหายใจร้อนเป็นจังหวะกระทบผิวอ่อนทำเอามาร์คหายใจไม่ทั่วท้อง
แจ็คสันไปปลุกอารมณ์บางอย่างขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
จมูกโด่งซุกไซร้ข้างผิวแก้มนิ่มแผ่วเบา คิดว่าจะหยุดเพียงแค่นี้แต่เมื่อได้สูดดมเอาความหอมเข้าเต็มปอด ก็เหมือนร่างกายจะทรยศจิตใจขึ้นมาดื้อๆ แก้มข้างเดิมยุบลงไปเพราะแรงกดจูบจากริมฝีปากหยัก ปลายจมูกรั้นน่าหมั่นเขี้ยวถูกขบกัดเบาๆอย่างต้องการจะหยอกล้อ
แจ็คสันตกใจกับสัมผัสร้อนบนริมฝีปาก มือขย้ำไหล่เสื้อคนตัวสูงแน่น ตั้งแต่เกิดเรื่องตอนนั้นพวกเขาก็ไม่ได้จูบกันอีก เลยอดรู้สึกประหม่าไม่ได้ยามถูกป้อนด้วยรสจูบแสนอ่อนหวานอีกครั้ง
แววตาสวยบ่งบอกถึงอารมณ์บางอย่างกำลังลุกโชน ปลายจมูกโด่งเลื่อนไปตามผิวอ่อนข้างลำคอ นิ้วเรียวปลดกระดุมชุดนอนเม็ดแรกล้วงเข้าไปสัมผัสเนื้อนิ่มใต้ผืนผ้า
เกือบสามเดือนที่ไม่ได้มีสัมพันธ์สวาทกับใคร ร่างกายก็ย่อมต้องการการปลดปล่อย มาร์คก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่อยากมีอะไรกับคนที่ตัวเองรัก พยามยามอดกลั้นเพราะรู้ว่าร่างเล็กเพิ่งเจออะไรมา แต่ตอนนี้เหมือนเขาจะลืมเรื่องนั้นไปโดนสิ้นเชิง...
ใช้ฟันขบกัดผิวอ่อนทิ้งร่องรอยความเป็นเจ้าของไว้ มือเรียวปลดกระดุมเสื้อนอนตัวบางออกจนหมด โถมตัวดันคนตัวเล็กลงกับเตียง ซุกไซร้ลำคอและแผ่นอกขาวของร่างกายที่สั่นระริก
กว่าจะรู้สติก็ตอนแขนถูกจิกแน่นๆ หยุดการการล่วงล้ำทั้งหมดเงยหน้ามองคนใต้ร่าง แจ็คสันหลับตาปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้มเงียบๆ กัดปาดตัวเองจนเลือดซิบ มือป้อมที่ตอนแรกแค่กำรอบแขนแต่ตอนนี้มันจิกเกร็งเข้าเนื้อชายหนุ่มเพื่อระบายความหวาดกลัว
“พี่ขอโทษ”
.
.
.
ตากลมลืมตามองชายหนุ่มที่จูบหน้าผากเขาแรงๆแล้วผละตัวเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติม แจ็คสันลุกขึ้นจับชายเสื้อเข้าหากัน ปาดน้ำตาออกสูดลมหายใจเข้าลึกระงับอาการสั่นกลัว
...เขาไม่ได้อยากปฏิเสธมาร์ค แต่เขาอดกลัวมันไม่ได้...
นั่งรออีกคนออกมานานจนเวลาล่วงเลยจากตีสี่มาเป็นตีห้า มาร์คก็ยังไม่มีทีท่าจะออกมา มีแค่เสียงฝักบัวดังลอดออกมาเบาๆ นานจนแจ็คสันอดห่วงไม่ได้ ลุกขึ้นจากเตียงจะไปเคาะประตู แต่บานไม้อัดก็เปิดออกก่อน ร่างเล็กกระพริบตาปริบๆมองร่างสูงชุ่มน้ำด้วยท่าที่ยังยกมือค้างไว้ ดวงตาสวยเรียบนิ่งขณะจับไหล่เขาให้เบี่ยงตัวออกไป
แจ็คสันมองตามร่างสูงที่ใส่เสื้อผ้าลวกๆ หันหลังเดินออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกวาบโหวงในจิตใจ จะเอ่ยปากรั้งไว้ก็ไม่มีเสียงใดออกจากลำคอยกเว้นลม จับลำคอตัวเองไอแค่ก เงยหน้ามองอีกทีมาร์คก็หายไปจากคลองสายตาแล้ว
รู้สึกผิดทั้งน้อยใจ แอบแง้มประตูส่องคนตัวสูงที่ไปนอนดูทีวีอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น งับประตูไว้อย่างเดิม ถอนหายใจยาวโล่งใจ
...แจ็คสันก็แค่คนขี้กลัว...
...กลัวว่ามาร์คจะทิ้งเขาไปสักวัน...
ตากลมกระพริบปรือไม่ชินกับแสงสว่างจ้ายามสาย ลุกขึ้นมองนาฬิกาบอกเวลาสี่โมงกว่าเบลอๆ
...เขาเผลอหลับไปสินะ...
หาวยาวขยี้ตามองไปรอบๆ ลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนอนซึ่งปกติจะมีร่างสูงเดินวนเวียนอยู่ในครัว ทำอาหารเช้าให้เขาทาน แต่วันนี้กลับไม่มี
ปรบมือสองครั้งเรียกเจ้ามันดูที่วิ่งลิ่วออกมาจากหลังโซฟาที่มันยึดไว้เป็นที่นอน แต่เมื่อคืนโดนมาร์คแย่งไป ไม่รู้ว่าไปนอนที่ไหนมา เขาลูบหัวมันด้วยความเอ็นดู เดินเข้าไปในครัวเพื่อหาอะไรให้มันดูกิน
อาหารเช้าเตรียมไว้อยู่บนโต๊ะเหมือนเช่นเคย แต่คนทำกลับหายไปตั้งแต่เช้า
...ไปไหนของเขากันนะ...
นั่งกินรออีกคนจนหมดจานก็ยังไม่เห็นวี่แววคนรัก ตากลมมองนาฬิกาบนฝาผนังบอกเวลา 11.20 แล้วได้แต่ก้มหน้ามองมือตัวเองนิ่ง
มันดูเดินเข้ามากระแซะต้นขาเขา หางสะบัดไปมา แลบลิ้นน่าเอ็นดู มันคงรู้ว่าเขากำลังเศร้าเลยเข้ามาปลอบสินะ
แจ็คสันยิ้มพลางลูบหัวขอบคุณมันเบาๆ ลุกขึ้นเก็บจานไปล้าง อาบน้ำแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนออกมาดูทีวีหน้าโซฟา รอแล้วรอเล่ามาร์คก็ไม่โผล่มา มองภาพยนตร์แอคชั่นในในจอใหญ่แล้วถอนหายใจ กดปิดมัน ยอมปล่อยให้ความเงียบโรยตัวคลุมบ้านทั้งหลัง
...มาร์คคงจะไปทำงาน...
มีไม่กี่กรณีหรอกที่มาร์คจะหายไปทั้งวันขนาดนี้ วันเวลาทำงานของมาร์คไม่แน่นอน แล้วแต่บริษัทจะเรียกตัวไป วันนนี้ก็คงจะโดนเรียกตัวไปประชุมด่วนแล้วต่อยาวเหมือนเคย
แจ็คสันไม่ชอบเวลามาร์คไปทำงาน
...เหงา...
จู่ๆมันดูก็กระโดดขึ้นมานอนบนตักให้เขาได้ลูบขนเกาคางมันเล่น แจ็คสันยิ้มให้กับความแสนรู้ของสุนัขบนตัก นั่งลูบขนมันดูไปมา แต่แทนที่จะเป็นมันดูที่หลับ กลายเป็นคนตัวกลับเองที่ค่อยๆปรือตาและหลับลงในที่สุด
แจ็คสันสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เย็นมากแล้ว มันดูหายไป แจ็คสันไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แต่ปกติเจ้ามันดูจะอยู่ใกล้เขาเสมอ ลองปรบมือเรียกก็ไม่มีวี่แววของเจ้าสุนัขแสนรู้
เขารู้สึกเป็นห่วงมันแปลกๆ กระวนกระวายอยู่สักพักก็เดินไปหยิบเสื้อคลุมกันหนาวมาใส่ ควานหากระเป๋าเงินและกุญแจบ้านที่ไม่ได้แตะมานาน แจ็คสันรู้สึกไม่มั่นใจนักในการออกไปครั้งนอกในเวลาแบบนี้
ท้องฟ้าสีส้มตรงปลายขอบฟ้าแทบจะกลืนหายลับไปกับแผ่นฟ้าสีม่วงดำ บรรยากาศแถมหมู่บ้านจัดสรรเงียบสงัด ในเวลานี้ถ้าคนไม่ยังไม่กลับก็ต้องเข้าบ้านไปแล้ว ถนนเปลี่ยวไม่มีร่างสิ่งมีชีวิตใดนอกจากแมวสองสามตัว
แจ็คสันเดินออกมาล็อกประตูหน้าบ้าน ออกเดินไปตามถนนปรบมือตามหาเจ้าสุนัขเพื่อนรักที่หายตัวไป ไฟข้างถนนสว่างแต่ก็ไม่เพียงพอจะทำให้ถนนดูปลอดภัยเหมือนตอนกลางวัน ร่างเล็กเดินตามมันดูไปทั่วจนมาถึงถนนท้ายหมู่บ้าน เท้าหยุดชะงัก ความรู้สึกหวาดหวั่นแผ่ซ่านเข้ามาในจิตใจ ความรู้สึกของ ‘วันนั้น’ กลับมาอีกครั้ง
ความรู้สึกที่กำลังโดนใครจ้องมอง
หมับ!
ไม่ทันจะได้คิดจะวิ่งถอยหลังกลับ ข้อมือก็โดนใครบางคนจับเอาไว้ ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกผวาตัวดิ้นหนี แต่ก็โดนมือราวกับคีมเหล็กจับเข้าที่แขนอีกข้าง ร่างถูกลากเข้าไปในมุมมืดท้ายหมู่บ้าน
“อะโฮเฮะ ไม่คิดว่าการกลับมาหมู่บ้านนี้อีกครั้งจะทำให้เจอของดีอีก”
น้ำเสียงกะลิ้มกะเหลี่ยน่าขนลุกมาพร้อมกับลมร้อนที่เป่าเข้าใบหูเล็ก แจ็คสันช็อคนิ่งไปชั่วครู่ก่อนดิ้นพล่านเอาตัวรอด
...พวกนั้น ไอ้พวกระยำพวกนั้น!!!...
“ว่ายังไงคนสวย เจอของเด็ดพวกพี่ไปครั้งก่อนติดใจรึเปล่า แม่งช่องหลังมึงเด็ดกว่าผู้หญิงอีก อยากเอาอีกจังว่ะ”ถ้อยคำหยาบโลนกระซิบข้างหู แรงมหาศาลฉุกร่างเขาให้ล้มลงพื้นดินแข็ง แสบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง กลั้นใจพลิกตัวคลานหนี
หนึ่งในพวกมันลากขาเขากลับที่เดิม แจ็คสันพยายามถีบมันแต่ก็สู้แรงพวกมันไม่ได้ ถึกอย่างกับอาร์โนล บ้าเอ๊ย!
“ไอ้นี่แม่งจะดิ้นไปไหนวะ! น่ารำคาญ!”
หมัดหนักๆชกเข้าท้องสองครั้งติด จุกร้าวไปทั่วทั้งท้องงอตัวไม่สามารถต่อกรอะไรได้อีกต่อไป น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาหางตา ขณะที่ร่างกายโดนพวกมันแตะต้องตามใจอยาก ร้องไห้สมเพชกับความอ่อนแอของตนเอง อยากวิ่งหนีไปไกลๆ แต่ตอนนี้แค่ขยับตัวเขาก็ยังทำไม่ได้เลย
หางตาเหลือบไปเห็นอะไรสีน้ำตาลอ่อนๆ พยายามโฟกัสไปมองก็ต้องเบิกตาโต
มันดูในสภาพสะบักสบอมปางตายเหมือนโดนคนยำซ้ำๆนอนหอบหายใจโรยระรินอยู่ในพงหญ้าไม่ไกลจากเขาเท่าไหร่ ดวงตากลมมองมาทางเขาครางหงิงๆน่าสงสาร
“หืม หมามึงเหรอ โทษทีพวกกูแค่คันตีนเลยเอาไปลงกับมัน”
รู้สึกเจ็บแค้นกัดฟันกรอด อยากด่าอยากกระทืบพวกมันให้สมกับที่พวกมันช่างระยำจนไม่สมกับการเกิดเป็นคน รวบแรงฮึดดิ้นสู้พวกมันอีกครั้ง คราวนี้แจ็คสันใช้โอกาสตอนพวกมันจะถอดกางเกงเขากระชากตัววิ่งหนี
แต่แค่เพียงสามก้าวก็โดนหนึ่งในพวกมันรัดเอวทุ่มลงกับพื้นแบบกะเอาให้สลบ ครางเจ็บเบลอมึนงงไปชั่วขณะใหญ่ๆ
“มึงแม่งลีลาเยอะชิบหาย นอนให้พวกกูกระแทกเงียบๆไม่เป็นรึไงวะ!!! โดนก็โดนมาแล้วมึงมีอะไรต้องเสียอีก”
กางเกงถูกถอดออกไปแล้ว ขาขาวถูกพวกมันง้างออกบังคับให้เผยสัดส่วนน่าอับอาย ร่างกายเล็กสั่นเทิ้มทั้งหวาดกลัวทั้งโกรธแค้น จู่ๆก็รู้สึกสมเพชตนเองเกิน เกินกว่าที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ ฟันขาวขบลงบนลิ้นในโพรงปาก ถ้าไอ้พวกระยำนั่นล่วงล้ำเข้ามาเขาก็พร้อมจะปลิดชีพตัวเองตามศักดิ์ศรีที่ถูกพวกมันทำลายย่อยยับอีกครั้งแน่ๆ
หงิง หงิง ครืด โฮ่ง!
เสียงเห่าแผ่วๆของมันดูดังเข้ามาในโสตประสาทในชั่ววินาทีที่ร่างเล็กจะคิดสั้น พร้อมกับภาพของใครคนหนึ่งที่คอยดูแลเขาตลอดมา คนที่คอยอยู่เคียงข้างเขาเสมอไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร...
...พี่มาร์ค...
แจ็คสันหลับตานิ่งพยายามเค้นลำคอ ภาวนากับอะไรก็ตามที่เขานับถือ เปล่งเสียงร้องออกไปสุดเสียง แม้จะไม่มีเสียงใดออกมา ก็ขอให้หัวใจของมาร์คได้ยินเสียงจากหัวใจเขาที
...ได้โปรด...
“พี่มาร์ค!!!!”
พลั่ก!!!
เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆร่างยักษ์ก็ถูกเตะปลิวไถลไปจากร่างเขา แจ็คสันนิ่งเงียบมองดูร่างสูงคุ้นตา ในมือถือกระบอกปืนพกสีดำเมี่ยม แต่ที่น่ากลัวไม่ใช่กระบอกปืน แต่มันคือดวงตาของร่างสูงที่กำลังวาวโรจน์ราวกับทะเลเพลิงคลั่งพร้อมจะฆ่าใครก็ตามตรงหน้า
มือแกร่งกระชับด้ามปืนแน่นเกร็งจนเห็นเส้นเลือกนูน นิ้วเรียวเหนี่ยวไกปืนพร้อมจะเจาะกะโหลกสามคนที่เอาแต่ไหวเขาปลกๆน่าสมเพชตรงหน้า
“พี่มาร์ค! ไม่!”เอ่ยร้องทันทีที่ตั้งสติได้ โถมตัวไปกอดร่างสูงเอาไว้แน่นแม้จะร้องไห้ฮึกฮักจนแผ่นหลังหนาเปียกไปด้วยรอยน้ำตา
“พี่จะฆ่ามัน!!!”ไม่มีครั้งไหนที่แจ็คสันจะได้ยินเสียงทุ้มกร้าวน่ากลัวเท่าครั้งนี้ มือป้อมสั่นสะท้านจับปลายมือเรียวกุมไว้เบาๆ
“ผมไม่อยากให้พี่ติดคุก ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีพี่ ขอร้อง... อยู่กับผม ได้โปรด ฮึก”
นัยน์ตากร้าวอ่อนแสงลง ปลายกระบอกปืนค่อยๆยกระดับลงเรื่อยๆจนแนบลำตัว
หวี๊หว่อ หวี๊หว่อ หวี๊หว่อ
เสียงรถตำรวจทำให้คนร้ายสามคนตื่นตระหนกจะหนี มาร์คชักปืนขึ้นขู่ดักทาง
“ถ้ามึงคนไหนลุก...กูส่งไปยมโลกแน่!!!”
สุดท้ายตำรวจก็มารวบตัวพวกมันขึ้นรถตำรวจ แต่ไม่ทันจะได้สอบถามผู้เสียหาย แจ็คสันก็พุ่งไปที่เจ้ามันดูที่หายใจโรยระรินอยู่ในพงหญ้า หยดน้ำตาหยดแล้วหยดเล่ารดใส่ขนนุ่มฟู มือขาวเปื้อนดินเอื้อมลูบมันอย่างต้องการจะปลอบประโลมแผ่วเบา
“พี่มาร์ค ช่วยมันดูที ฮึก ผมไม่อยากให้มันตาย”
มาร์คคุกเข่าดูสภาพเจ้าสุนัขตัวเก่งแล้วส่ายหน้า สภาพเกินกว่าที่จะได้รับการรักษา แจ็คสันร้องไห้ออกมาโฮใหญ่
มันดูเลียมือขาวเหมือนเป็นการปลอบประโลมว่ามันไม่เป็นอะไร นั่นยิ่งทำให้คนตัวเล็กสะอึกสะอื้นยิ่งกว่าเดิม และเพียงไม่นานมันก็สิ้นลมภายในอ้อมกอดของเจ้านายตัวเล็ก…
มาร์คโอบกอดคนตัวเล็กไว้อีกชั้น จูบศีรษะเล็กเพื่อปลอบประโลม
“ไม่เป็นไร มันไปดีแล้ว ไม่ร้องไห้นะครับ”
“ฮึก เพราะผม เพราะผม...”
“ไม่หรอก มันคงจะดีใจที่ได้ช่วยนายในโอกาสสุดท้ายของชีวิต อย่าทำให้มันเสียใจที่เห็นนายร้องไห้สิ”
แต่กระนั้นแจ็คสันก็ยังร้องไห้จนหมดก๊อกอยู่ดี
...ขอบคุณนะ ขอบคุณทุกอย่างเลย มันดู...
“พี่มาร์คคค”
มาร์คเอี้ยวตัวหันไปมองคนตัวเล็กที่วิ่งดุ๊กดิ๊กเข้ามาหาพร้อมรอยยิ้มกว้างที่เขาไม่ได้เห็นมานาน บีบแก้มนิ่มเบาๆอย่างอดไม่ได้ แจ็คสันทำหน้างอแบะปากลูบแก้มด้านโดนหยิก
“มีอะไรครับ?”
“ก็ไหนบอกมีของขวัญจะให้ไงวันนี้ ถ้าไม่มีผมจะเทอาหารทุกอย่างทิ้งให้หมดจริงๆด้วยนะ!”
มาร์คหัวเราะให้กับคำขู่แสนน่ารัก มองข้ามไหล่คนตัวเล็กเข้าไปในครัวก็เห็นอาหารมากมายเตรียมพร้อมสรรพอยู่ในนั้น ก้มลงหอมแก้มเนียนที่แดงปลั่งขึ้นมาในทันที
“วันนี้พี่ต้องพุงแตกเพราะอาหารฝีมือแฟนพี่แน่เลย ทำอะไรเยอะแยะ”
“ง่า ก็ทำเพลินไปหน่อยเดียวเอง”แจ็คสันบู้ปากกลอกตาไปมากลับมาจ้องหน้าคนตัวสูงเขม็ง “ไม่ต้องมาเฉไฉเลยนะ ไหนของขวัญผมน่ะ!”
“ใจร้อนจริง ให้พี่เข้าบ้านก่อนได้ไหมล่ะ?”
แจ็คสันเดินเข้ามาในบ้านพร้อมคนตัวสูงที่ถือเอาตะกร้าใบใหญ่มาด้วย ท่าทางการถือแบบทุลักทุเลแบบนั้นทำให้แจ็คสันอดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ
มาร์คเห็นท่าทางแบบนั้นก็อดแกล้งไม่ได้ คิดพลางฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์
“อยากได้ของขวัญก็จูบพี่ก่อน”
“อะไรอ่ะ! ไม่เอา”หัวกลมส่ายไปมา เขาก็กลัวจะไม่จบแค่จูบน่ะสิ คนขี้แกล้งชอบเอาเปรียบคนนี้น่ะ ไว้ใจไม่ได้หรอก
“ไม่จูบก็ไม่ต้องเอาของขวัญ”
แจ็คสันยู่ปาก ก็มันอยากได้นี่นา... สุดท้ายก็ต้องเดินเข้าไปใกล้เขย่งตัวจูบแผ่วๆบนริมฝีปากอีกคนอย่างเขินอาย มาร์คแอบยิ้มกริ่มใช้โอกาสนั้นอ้าปากกัดริมฝีปากล่างอิ่ม โน้มตัวส่งปลายลิ้นเข้าไปกอบโกยความหอมหวานภายใน แจ็คสันครางฮือประท้วงแต่ก็ไม่ได้ผละออก
บ๊อก!
ผลัก!
มือขาวผลักคนตัวสูงออกไม่ใยดีทันทีที่ได้ยินเสียง ‘ของขวัญ’ ของตน มือขาวเปิดผ้าคลุมตะกร้าออก ดวงตากลมพราวระยับถูกใจ
เจ้าโกลเด้นท์รีทรีฟเวอร์ตัวกะเปี๊ยกอายุไม่น่าจะถึงสามสัปดาห์ท่าทางร่าเริงวิ่งออกมา ขนสีน้ำตาลทองนั้นทำให้แจ็คสันคิดถึงเจ้ามันดูที่ตอนนี้นอนสงบอยู่ใต้ดินหลังบ้าน
มาร์คมองท่าทีที่จู่ๆก็หงอยขึ้นมาแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะลูบเส้นผมนุ่มไม่ให้อีกคนคิดมาก
“ไม่เอาชื่อมันดูนะ”เอ่ยดักทางคนตัวเล็กที่ยู่หน้าใส่คนช่างรู้
“งั้นชื่อ มันดู2”
“ไม่ใช่ยานอวกาศนะครับตัวเล็ก”
“งั้นเอาชื่อ ดูมัน”
“แจ็คสัน”เรียกชื่ออีกคนดุๆ เด็กดื้อทำหน้าหงอยยกเจ้าลูกหมาตัวเล็กขึ้นกอด ตากลมช้อนอ้อน
“ติ่มซำ”
มาร์คเลิกคิ้วกับชื่อเจ้าลูกหมาตัวใหม่ “ทำไมติ่มซำ”
“ก็...พี่มาร์คชอบกินติ่มซำ...ไม่ได้เหรอ?”
อย่ามาทำตาอ้อนแบบนั้นเชียวนะ ไอ้เจ้าติ่มซำตัวนั้นก็ด้วย อย่ามาทำ Puppy Eyes Double Attack แบบนั้นใส่กันนะ
...เดี๋ยวเขาก็ใจอ่อนซะหรอก...
“เฮ้อ ตามใจนาย”
“เย้!”คนตัวเล็กโห่ร้อง อุ้มเจ้าติ่มซำเดินว่อนทั่วบ้านด้วยความรื่นเริง
มาร์คหัวเราในลำคอมองคนตัวเล็กที่มีรอยยิ้มกว้างและเสียงแหบๆช่างพูดนั้นตลอดเวลา แล้วอดคิดไม่ได้ว่าแจ็คสันหวังน่ะ เหมาะกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ มากกว่าน้ำตาเป็นไหนๆ
…กลับมาเป็นคนเดิมสักทีนะ ที่รักของพี่...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น