[OUR] 15


OUR BABY!
บทที่ 15




หลักจากโดนกดตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน มาเสียเวลานอนพักฟื้นร่ายกายอีกหนึ่งคืน แจ็คสันก็ยื่นคำขาดกับมาร์คว่าถ้าห้ามใจตัวเองไม่ไหว กดเขาที่ปารีสอีกก็เตรียมตัวอดตลอดทริปฮันนีมูน ถึงจะแต่งงานกันแล้วก็ใช่ว่าแจ็คสันจะยอมง่ายขึ้นหรอกนะ

ฟังปากแจ็คแจ็คนะครับ ไม่ มี ทาง!

ดังนั้นวันที่สองในปารีส แจ็คสันจึงได้เที่ยวรอบเมืองได้อย่างเต็มที่ วิ่งเต้นไปทั่วเพราะความตื่นเต้น กล้องตัวเล็กในมือป้อมถูกยกถ่ายภาพเมือง ผู้คนและท้องฟ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเมมเมอร์รี่เต็ม ร้อนถึงมาร์คที่ต้องเข้าร้านไปซื้อเมมฯให้ใหม่

แวะชิมอาหารและชีสในตลาดเลื่องชื่อ แจ็คสันจะงอแงซื้อกลับแต่โดนมาร์คห้ามไว้เพราะพวกเขาจะต้องไปต่ออีกหลายประเทศหลายวัน แก้มกลมเลยได้โอกาสป่องงอนเดินปั้นหน้าปึงปังนำหน้าชายหนุ่มไปไม่พูดไม่จา แต่พอมาร์คยอมเสียเงินพาขึ้นเรือล่องแม่น้ำชมเมือง แจ็คสันก็กลับมายิ้มแย้ม หัวเราะ ออดอ้อนเป็นลูกหมาน่ารักอีกครั้ง

จะง้อแจ็คสันก็มีเรื่องกินและเรื่องเที่ยวนี่แหละ...

เดินเที่ยวรอบเมืองจนขาอ่อนกว่าจะถึงเป้าหมายสุดท้าย ณ ใจกลางกรุงปารีส หอคอยไอเฟล สถานที่ท่องเที่ยวเลื่องชื่อซึ่งแจ็คสันใฝ่ฝันจะได้เห็นกับตามานาน ไม่ต้องบอกก็รู้ใช่ไหมว่าแจ็คสันมีท่าทางแบบไหน? ก็เตลิดวิ่งพล่านโห่ร้องตื่นเต้นไปทั่วน่ะสิ...

ร้อนถึงเจ้าของที่ต้องวิ่งไปจับมืออวบเอาไว้กันหลง ดวงตากลมพราวระยับมองหอคอยเหล็กตรงหน้าด้วยความชื่นชม ยกกล้องในมือขึ้นถ่ายมันซ้ำๆในมุมเดิมๆอย่างกลัวว่าภาพจะเบลอ มือป้อมชื้นเหงื่อตื่นเต้น ปากอิ่มพูดถึงความสวยงามของมันไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อครู่ เสียงแหบน่ารักช่างจ้อชะงักก็แค่หอบหายใจเข้าปอดเท่านั้นแหละ

มาร์คใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนขมับขาวให้อย่างอ่อนโยน ยีหัวทุยใต้หมวกไหมพรมด้วยความหมั่นเขี้ยว ดึงคนตัวอวบให้กลับไปนั่งบนม้านั่งที่สามารถมองเห็นหอคอยได้อย่างชัดเจน แม้แจ็คสันจะขืนตัวนิดหน่อยเพราะอยากขึ้นไปดูบนนั้นสักครั้งก็เถอะ

“ช่วงนี้เขาปิดปรับปรุงระบบ ขึ้นไปไม่ได้หรอก”

“พี่เลือกเวลาพาผมมาถูกชะมัดเลย...”ปากแดงอิ่มยู่เข้าหากัน ยกกล้องขึ้นแนบส่องกดชัตเตอร์เก็บภาพระยะไกลของหอคอยเฟล เลื่อนลำกล้องมาทางใบหน้าหล่อเหลางาดงามของชายหนุ่มข้างตัว ใจเต้นตึกตักเพราะดวงตาสวยที่เหลือบหันมองมามอง เห็นมาร์คยิ้มและเคลื่อนตัวมาใกล้ผ่านเลนส์ นิ้วอวบที่รัวเก็บภาพหยุดลงเพราะกล้องถูกกดลงด้วยนิ้วเรียว แจ็คสันนั่งนิ่งปล่อยให้ปลายจมูกโด่งแตะเข้าที่หน้าผาก กลีบปากอิ่มถูกกดและบดคลึงหยอกล้อ ดวงตาสวยจ้องมองลงมาทำให้เขาเก้อเขิน นิ้วป้อมเกร็งจิกกล้องหลับตาปี๋เผยอปากรับเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามา

หัวสมองเบาโล่งลืมไปเสียสิ้นว่าตนเองอยู่ที่ไหน สะดุ้งวาบได้ยินเสียงแชะอยู่ใกล้ๆ มาร์คถอยออกไปมองชายถือกล้องเล็งมาทางพวกเขาด้วยความไม่พอใจ ชายคนนั้นก็เหมือนรู้ถึงอารมณ์เลยรีเดินเข้ามาอธิบายด้วยภาษาฝรั่งเศส แจ็คสันได้ยินไม่ชัดแต่ก็พอจะเดาได้ว่า ผู้ชายคนนี้เป็นช่างภาพอิสระ ตามเก็บภาพผู้คนรอบหอคอยไอเฟล

มาร์คแลกอีเมล์กับชายคนนั้นที่ทราบชื่อตอนหลังว่าชื่อ โจชัวร์ ตกลงให้เอาภาพพวกเขาไปใช้ได้แต่ต้องส่งภาพมาให้พวกเขาด้วย ซึ่งโจชัวร์ก็รีบขอบคุณยิ้มกว้างบอกว่าจะรีบส่งอีเมล์ให้ทันทีที่โปรเจคเรียบร้อย

“โหหหห”

แจ็คสันร้องตื่นเต้น หันกลับไปมองโครงเหล็กสูงที่เปิดไฟสว่างไสวตัดกับภาพผืนฟ้าสีม่วงส้มงดงามราวกับภาพในฝัน เอี้ยวหน้าหันมายิ้มให้มาร์ค พลันก็ได้ยินเสียงแชะมาจากทางโจชัวร์ หันไปมองช่างภาพหนุ่มที่ลดกล้องลง โชว์ภาพให้มาร์คที่ขอดู รอยยิ้มอ่อนหวานเอ็นดูปรากฏทันทีที่เห็นภาพในกล้อง ตบบ่าโจชัวร์กำชับให้ส่งภาพนี้ให้เร็วที่สุด

นั่งมองดูภาพสวยงามของปารีสจนถึงเที่ยงคืนก็เดินทางกลับไปโรงแรม เก็บของขึ้นรถไปสนามบิน มุ่งหน้าไปเป้าหมายต่อไป...







จูเนียร์ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางและกางเกงว่ายน้ำนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงผ้าใบริมชายหาด สูดกลิ่นเค็มของทะเลเข้าเต็มปอด ลืมตามองเจ้าของเงาดำบนตัวเขาด้วยความสงสัย

“อะไรเหรอพี่แจบอม?”ถามหนุ่มรุ่นพี่ที่ยิ้มมุมปาก ถอยไปเอนร่างนอนบนเตียงผ้าใบด้านข้าง

ดวงตาเรียวแอบลอบมองลอนหน้าท้องหยักสวยของชายหนุ่มข้างตัว กล้ามเนื้อแน่นสวยดูดีล่อสายตาหญิงสาวที่เดินผ่านไปมา จูเนียร์แบะปากเล็กๆหลับตานอนตากลมทะเลต่อ ไม่คิดจะไปเล่นน้ำตอนนี้เพราะอากาศร้อนเกินไป

“คิดว่าสองคนนั้นจะทำอะไรพอถึงมัลดีฟ”แจบอมถามคนอายุน้อยกว่า ตอนนี้แจบอมและจูเนียร์อยู่กำลังอยู่ในสถานะก้ำกึ่งไม่ใช่เพื่อนและไม่ใช่แฟน กำลังเรียนรู้และดูใจกันไปเรื่อยๆ

“พี่มาร์คคงลากไอ้แจ็คไปกินในห้องมั้ง”

“พี่ล่ะว่ามันลากไปกินในน้ำซะมากกว่า”

“โหยยย แฉะตาย ขืนเป็นงั้นจริงไอ้แจ็คมันโวยวายเกาะแตกแน่”

แล้วทั้งสองก็หัวเราะประสานกันลั่น...

.
.
.


มัลดีฟ



“อื้อ! ไอ้....อ่ะ...พี่มาร์ค!”เสียงแหบร้องโวยวายตะกุกตะกักเพราะความอึดอัดในช่องท่อง นิ้วจิกไหล่ผอมแน่นประคองตัวเองไม่ให้จมไปกับผืนน้ำ เชิดหน้ากลั้นเสียงครางเมื่อถูกสวนเข้ามาตรงจุดอ่อนไหวภายในกาย สะโพกอิ่มบดเบียดเข้าหาความแข็งร้อน ถูไถส่วนหน้ากับหน้าท้องแกร่งตามแรงอารมณ์ที่ถูกบีบคั้น

“ฮึม! รัดพี่แน่นเชียว โดนตรงจุดเหรอ”กระเซ้าถามเสียงสั่น ขบยอดอกสีอ่อนเย้ายวนตรงหน้า ไม่ลืมสวนสะโพกเข้าไปในช่องทางร้อนซ้ำๆ น้ำทะเลทำให้ส่วนเชื่อมต่อด้านล่างเคลื่อนไหวได้คล่องยิ่งขึ้น ขาขาวรัดสะโพกมาร์คไว้แน่น หลังอิงเสาไม้เตี้ยๆของสะพานเดินเข้ากระท่อมที่พักกลางน้ำของพวกเขา

“หุบปากไปเลย!”ร้องด่าลั่น หยัดหน้าอกตะกายแขนจิกต้นแขนผอม ในหูได้ยินเสียงเฉอะแฉะจากส่วนล่าง หน้าแดงปลั่งอับอาย แม้ส่วนนี้จะเป็นที่พักส่วนตัว แต่เงยหน้าก็เห็นท้องฟ้า ก้มหน้าเห็นน้ำทะเลใส มองซ้ายเป็นชายหาด มองขวาก็เป็นกระท่อมห้องพัก รวมๆมันก็ OUT DOOR ไหมวะ!!!

เดินบนสะพานไม้อยู่ดีๆก็โดนไอ้พี่บ้าผลักตกน้ำ ดีแค่ไหนว่าตรงนี้มันน้ำตื้นยืนได้ โผล่ออกมาไอโขลกก็เห็นชายหนุ่มถอดเสื้อถอดกางเกงตามลงมา ปลดกางเกงเขาโยนขึ้นบนสะพานแล้วทำการวิตถารกับเขาหน้าด้านๆ ทั้งที่อีกแค่ไม่ถึงสิบก้าวก็จะถึงห้องพักแล้วแท้ๆ

...ทนหน่อยไม่ได้รึไงวะ!...

อยากตะโกนใส่หน้าดังๆ แต่ตอนนี้แค่กลั้นไม่ให้ครางเสียงดังก็ยังยาก ก้มหน้ากัดปากใช้ขารัดสะโพกผอมที่ขยันซอยเข้ามาจนร่างเขาสั่นสะท้าน ได้ยินเสียงลั่นกึกของเสาไม้ด้านหลังตามจังหวะกระแทกกระทั้น มือเรียวกระชับก้อนเนื้อนูนแน่นด้านหลัง สอดร่างหนักหน่วงเข้ากระทบส่วนอ่อนไหวในกายขาวถี่ซ้ำ แจ็คสันอ้าปากหอบหายใจทั้งครางรู้สึกดี ส่วนปลายเริ่มปริ่มน้ำ หัวสมองขาวโพลนปล่อยกายไปกับการชักนำตัวโยกคลอน

“อื้อ! อีกนิด อื้อ!!!

สะดุ้งหวีดเสียงสูงสะโพกรับน้ำอุ่นร้อนเข้ามาในร่าง พร้อมกับส่วนหน้าที่ปลดปล่อย ตาโตพราวน้ำหรี่ปรือมองร่างสูงด้วยความหงุดหงิด ฟาดไหล่ผอมซ้ำๆขึ้นรอยแดงเป็นการแก้แค้น ดิ้นตัวหลุดจากท่อนเนื้อที่ชอบทิ่มแทงทำร้ายเขาอยู่เรื่อย

สายตาคมๆมองตามสะโพกขาวนุ่มเด้งของคนที่ปีนขึ้นไปบนสะพาน กลืนน้ำลายเหนียวลงคอ

อ่า...ก้นจะน่าฟัดไปไหนนะตัวเล็ก...

พรึบ!

กระพริบตาปริบๆหยิบเสื้อตัวเองออกจากศีรษะ มองแจ็คสันที่มีสีหน้าฟึดฟัด ท่าทางโมโหเขาอย่างจริงจัง เสื้อเชิ้ตดำเปียกน้ำแนบไปกับเรือนร่างอวบ ชายเสื้อยาวปิดสะโพกพอดี นั่งแบะขาค้นหาผ้าเช็ดตัวในกระเป๋าด้วยท่าทางวาบหวิวเหลือจะทน มองไปนานๆมาร์คก็เผลอเกิดอารมณ์อีกรอบโดยไม่ตั้งใจ พอตากลมมองมาเห็นก็หน้าแดงแปร๊ด โยนกระเป๋าชายหนุ่มลงมาทั้งใบ

“เฮ้ย!”มาร์ครีบตะครุบมันไว้ได้อย่างเฉียดฉิว ให้ของทั้งกระเป๋าเปียกคงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่

“ความอดทนต่ำนักก็สาวกับรูเสาไปเลยนะ!!”เสียงแหบด่าว่าประชด ลุกเดินกระเพลกๆหนีเข้าไปในกะท่อม

มาร์คหัวเราะกับคำเปรียบเทียบ ปีนตัวเปียกขึ้นมา หยิบเอาสัมภาระของทั้งตัวเองทั้งคนขี้งอนเดินตามไป

ห้องพักของพวกเขาเป็นกระท่อมหลักเล็กกลางน้ำใสสะอาดมองเห็นถึงพื้นทรายด้านล่าง งดงามเหมาะกับฉายาไข่มุกแห่งมหาสมุทรอินเดีย เปิดเข้าไปก็พบกับฟูกใหญ่บนพื้นไม้ติดหน้าต่างโชว์ทิวทัศน์เป็นอย่างแรก ตัวห้องขนาดไม่ใหญ่นักแต่ก็มีของจำเป็นครบครัน มีอ่างน้ำวนอยู่ระเบียงด้านนอก สามารถแช่น้ำพร้อมดูดซึมบรรยากาศได้อย่างเต็มที่

แจ็คสันกำลังอาบน้ำในห้องน้ำเล็ก น่าจะสักพักกว่าจะออกมา หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูรายชื่อผู้ติดต่อ กดสายติดต่อไปหาแทคยอน

“อยู่มัลดีฟค่าโทรไม่พุ่งรึไง”เสียงทุ้มห้าวของพี่ชายนักวิทยาศาสตร์ดังมาจากอีกฝั่ง มาร์คยิ้มบางๆกรอกเสียงลงไป

“เป็นยังไงครับ งานที่ผมส่งให้น่ะ”

“ใช้ได้เยอะอยู่นะ อ้อ มาร์ค โครงการใหม่ของรัฐบาลกำหนดตัวว่าให้นายมาช่วยงาน”

“โครงการ?”มาร์คค่อนข้างแปลกใจ เพราะปกติโครงการใหญ่จะให้หน่วยวิจัยหลักทำ ไม่ใช่หน่วยประดิษฐ์เล็กๆอย่างพวกเขา

“คนหน่วยใหญ่ไม่พอน่ะ ก็เลยต้องยืมตัวนายไป พี่ไปไม่ได้เพราะติดงานหน่วยเรา”

“รีบไหมครับ? เดี๋ยวผมขอรายละเอียดก่อนนะ”

“โอเค เดี๋ยวพี่จะส่งเอกสารให้ในเมล์ แต่ช่วงนี้ยุ่งล่ะสิ ให้ส่งยาโด๊ปให้ไหม หึหึหึ”

มาร์คหัวเราะ จับน้ำเสียงพี่ชายได้ “ระดับผมไม่ต้องพึ่งยาโด๊ปครับ”

“ครับพ่อคนอึด พี่สงสารเจ้าลูกหมาเลย สะโพกครากยังวะ?”

ประตูห้องน้ำเปิดออก บุคคลที่สามในบทสนทนาเดินดุ่มๆออกมา ตากลมตวัดมองบุ้ยปากงอนๆใส่ชายหนุ่มบนโซฟา ค้นเอาเสื้อผ้ากลับไปใส่ในห้องน้ำ ง้างประตูกระแทกปิดประชดประชัน

ปึง!

“โดนงอนล่ะสิ”แทคยอนเดาได้ถูกต้องตรงเผงปานได้เห็นภาพเอง “ลูกหมาถ้าอยากให้เชื่องก็ใจดีกับมันหน่อย อย่าไปบังคับมันมาก โดนทำโทษแรงๆเดี๋ยวก็เตลิดหาย ถึงจะใส่ปลอกคอให้แล้วแต่ถ้าหมามันจะหนี มันก็กัดปลอกคอขาดได้นะ”

“...”มาร์คเงียบไป ฟังรุ่นพี่ครุ่นคิดเงียบๆ แทคยอนพูดถึงเรื่องานสองสามประโยคแล้ววางสายไป เป็นเวลาเดียวกับที่แจ็คสันเดินออกมาในชุดเสื้อคอกลมสีดำและกางเกงเลขาสั้น ตากลมตวัดมองเขาอย่างขุ่นเคือง หลบหน้าเอียงตัวนอนบนฟูกไม่พูดไม่จา

มาร์คเดินไปนั่งบนฟูกข้างๆ ลูบเส้นผมนิ่มเบาๆ มองแหวนบนนิ้วนางด้านซ้ายของคนที่นอนอยู่

...ปลอกคอเหรอ...

“แจ็คสัน”

“หืม?”

“นายอยากแต่งงานกับพี่จริงๆหรือเปล่า”

แจ็คสันนิ่งไป พลิกตัวกลับมามองหน้าคนที่นั่งอยู่

“ทำไมถึงถามผมอย่างนั้นล่ะ?”

“...”มาร์คไม่ตอบ สบดวงตากลมอย่างต้องการคำตอบ แจ็คสันถอนหายใจ ยื่นมือซ้ายมาจับมือด้านเดียวกันของมาร์คไว้

“พี่น่ะชอบทำตามใจตัวเอง ลากผมตามทางที่พี่อยากจะให้เป็น ไม่เคยถามความสมัครใจผมสักทีเวลาจะทำอะไร ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับชีวิตผมแท้ๆ ทั้งเรื่องท้องได้ ทั้งเรื่องแต่งงาน แถมยังโคตรหื่นแบบไม่น่าให้อภัย...”

บ่นข้อเสียของชายหนุ่มออกแบบไม่หยุดปากจนมาร์คเริ่มหน้าเสีย สุดท้ายแจ็คสันก็พยุงตัวขึ้นมานั่ง ลูบใบหน้าด้านข้างของชายหนุ่ม พลางแย้มยิ้มน่ารักให้

“แต่ถ้าผมไม่รัก ถ้าผมไม่อยากแต่ง ต่อให้พี่เตรียมงานดีขนาดไหน พี่ก็บังคับผมไม่ได้หรอกนะ บอกไว้เลย”

มาร์คหัวเราะโล่งใจ มอบจุมพิตให้กับคนแสนน่ารัก

“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณจริงๆ”

“แต่เรื่องใจร้อนกับหื่นกามน่ะ ลดลงหน่อยเถอะ ขอร้องล่ะ”

“เรื่องนั้นยากหน่อยนะครับ เพราะตราบใดที่แจ็คสันยังไม่ท้องลูกให้พี่ พี่คงหยุดไม่ได้จริงๆ”

“ให้ตายเถอะ! มาร์คต้วน!!!





ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*