[OUR] 16
OUR BABY!
บทที่ 16
สองวันในอเมริกานอกจากที่มาร์คและแจ็คสันจะไปเซ็นทะเบียนสมรสแล้ว
มาร์คยังพาลูกสะใภ้ไปเยี่ยมครอบครัวที่บ้านเกิดด้วย
บ้านของมาร์คเป็นครอบครัวตระกูลใหญ่ มีพ่อแม่ พี่น้อง ลุงป้าน้าอาเต็มไปหมด แจ็คสันเลยเกิดอาการทำตัวไม่ถูก
แต่ครอบครัวของมาร์คเป็นครอบครัวสไตล์อเมริกัน
ถึงพื้นเพจะเป็นคนเอเชียแต่ก็เปิดรับและเข้าใจได้มากกว่า
ประกอบกับเจ้าลูกหมาตัวน้อยนิสัยน่ารัก น่าเอ็นดู เข้ากับคนได้ง่าย ‘ต้วนเจีย’
เอ่อเลยกลายเป็นสะใภ้คนโปรดของตระกูลต้วนไปโดยปริยาย
นอนอยู่บ้านมาร์คสองคืน
ก็ถึงเวลาที่คู่ข้าวใหม่ปลามันจะกลับประเทศเพื่อเริ่มชีวิตคู่จริงๆเสียที
แจ็คสันถูกปลุกตั้งแต่เช้ามาเก็บของเตรียมขึ้นเครื่อง
แต่เพราะเพลียมากเลยได้แต่นั่งหงอยง่วงอยู่บนเตียง
มองดูร่างสูงจัดการข้าวของทั้งหมดลงกระเป๋าใบใหญ่
มาร์คเอี้ยวตัวกลับมามองคนตัวเล็กบนเตียง
ยิ้มกับภาพตรงหน้า ร่างขาวนั่งสัปหงกม้วนเป็นตัวกลมๆอยู่ในกองผ้าห่มบนเตียงยับยู่ยี่
ตากลมหลับแหล่ไม่หลับแหล่พยายามลืมมองเขา ดูน่าสงสารจนเจ้าของต้องไปลูบเส้นผมนิ่ม
หัวทุยซุกมือหยาบปรือตาปิดสนิท ปากแดงช้ำหาวหวอด ถามด้วยเสียงแหบแห้งของคนยังไม่ตื่นดี
“พี่มาร์คเก็บของเสร็จแล้วเหรอ?”
“ยังครับ
ตัวเล็กนอนต่อก่อนก็ได้ เสร็จแล้วเดี๋ยวพี่ปลุก”
“อืม”แจ็คสันครางตอบในลำคอ
เอนตัวลงนอนต่อ เสียงฟี้ดังเบาๆเรียกรอยยิ้มบางแก่ผู้เป็นสามี เป็นเวลาเดียวกันกับที่โจอี้เดินเข้ามาในห้อง
“จะไปแล้วเหรอพี่มาร์ค?”
“อืม
ต้องรีบไปเตรียมตัวทำงานน่ะ”
เจ้าน้องชายร้องอ๋ออย่างรู้ดี
ยืนอยู่อย่างนั้นจนมาร์คต้องเงยหน้าขึ้นมามอง “มีอะไรรึเปล่าโจอี้”
“จำอลิซได้ไหม?”
ชื่อผู้หญิงคนหนึ่งทำให้มาร์คเริ่มสนใจ
มองหน้าโจอี้ที่มีสีหน้าไม่สบายใจบางอย่างขณะมองไปที่พี่สะใภ้ตัวเล็กบนเตียง
“อลิซเป็นตัวแทนไปทำงานกับรัฐบาลพี่น่ะ
ผมไม่รู้ว่าเป็นงานเดียวกันกับพี่รึเปล่า แค่อยากเตือนไว้ก่อน”
“อดีตมันก็คืออดีต
พี่แต่งงานแล้ว และไม่คิดจะเดินย้อนกลับไป”มาร์คตอบน้องชาย ขณะก้มตัวลงไปยัดเสื้อผ้าแจ็คสันลงในกระเป๋าต่อ
ชะงักเอามันออกมาพับใหม่เพราะนึกขึ้นได้ว่าเจ้าของเสื้อไม่ชอบให้เสื้อผ้ายับ
“พี่คิดอย่างนั้นแล้วอลิซคิดเหมือนพี่รึเปล่าล่ะ?”
โจอี้มองดูพี่ชายที่นิ่งไป “ตอนที่หนีไปทำงานที่โน่น
ยัยนั่นตามมาถามหาพี่ถึงที่บ้านเลยนะ”
“ถึงตอนนั้นค่อยคิดแล้วกันนะ...”ชายหนุ่มถอนหายใจรูดซิปกระเป๋าเดินทาง
ตวัดสายตาไปมองเจ้าน้องชายตัวดีที่ย่องไปหาคนตัวขาวบนเตียงด้วยความไม่ชอบใจ
“ก็ว่าทำไมเมื่อคืนเพดานมันสั่นๆ
เสียดายจังว่าห้องพี่มันเก็บเสียง ไม่งั้นเมื่อคืนคงได้ยินเสียงน่ารักๆของพี่สะใภ้แล้วสิ”
“ไอ้โจอี้!”เตือนเสียงต่ำให้คนที่นอกจากไม่กลัวยังทำสีหน้าล้อเลียนกลับมา
วิ่งลิ่วหนีเท้าพี่ชายตัวเองทิ้งเสียงหัวเราะไว้เป็นเบื้องหลัง
กำลังจะวิ่งตามไปก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคนบนเตียงลุกขึ้นมาขยี้ตัวท่าทางงัวเงีย
“ไม่นอนต่อแล้วเหรอตัวเล็ก?”เดินกลับมานั่งข้างเตียงมองแจ็คสันที่เบิกตาโตๆอย่างพยายามจะตื่นนอน
ขยับตัวลุกออกมาจากผ้าห่ม
เสื้อคอกว้างร่นลงเกยไหล่ขาวเผยรอยจูบแดงจางๆทั้งบนลำคอและเนินหน้าอก
มือขาวขยี้ผมตัวเองจนยุ่งแล้วผลักตัวร่างสูงให้ถอยออกไป
มาร์คสอดมือเข้าใต้ข้าพับแขนดึงอีกคนขึ้นมาจากเตียง
ได้ยินคำชอบคุณอู้อี้แถวอก มองแจ็คสันเดินสะโหลสะเหลเข้าห้องน้ำไป
แน่ใจว่าคงไม่เป็นอะไรแล้ว ก็จัดการแบกกระเป๋าสัมภาระทั้งหมดลงไปเตรียมไว้ด้านล่าง
เดินกลับขึ้นมาก็เห็นเจ้าของแผ่นหลังขาวชุ่มน้ำกำลังมองเสื้อผ้าในตู้
“พี่มาร์คเก็บเสื้อผ้าผมไปหมดเลยเหรอ?”
“อืม ขอโทษนะ
ใส่เสื้อพี่ไปก่อนแล้วกัน”
ชายหนุ่มถือโอกาสเข้าประชิดสะโพกกลมใต้ผ้าขนหนูชื้นน้ำ
ใช้แขนโอบเอวอวบไว้หลวมๆ แจ็คสันเหลือบมามองแต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร
มือขาวเลือกเสื้อสีดำคอเต่าแต่โดนมือแกร่งแย่งไปแขวนไว้ที่เดิม
แล้วหยิบเอาเสื้อคอกว้างสีเดียวกันมาให้แทน
“ให้เกียรติสภาพคอผมด้วยครับคุณสามี”เอ่ยต่อว่าเสียงเนือย
ตีบนหลังมือที่ลูบเอวตัวเองเบาๆเป็นเชิงตำหนิ หยิบเอาเสื้อตัวเดิมออกมา
ใช้ข้อศอกดันชายหนุ่มให้ถอยออกไปเล็กน้อย
สวมเสื้อโดยมีมาร์คช่วยดึงปลายเสื้อปิดสะโพกมนให้
มาร์คกำลังจะเลือกกางเกงให้แต่แจ็คสันส่ายหน้าหันหน้ากลับมาดันตัวชายหนุ่มออก
“ผมใส่ของพี่ไม่ได้หรอกน่า
กลับไปเอากางเกงให้ผมหน่อยสิ”
มาร์คเลิกคิ้วสงสัยก่อนวินาทีต่อมาแย้มยิ้มกริ่ม
มองลงล่างด้วยสายตาที่ทำให้เจ้าของสะโพกอวบอั๋นหน้าแดงวาบ
“ไม่ต้องอายหรอกน่า
ก้นใหญ่นั่นแหละดี ลูกเราจะได้ฉลาดๆไง”
“ไปเอากางเกงมาให้ผมเลยนะ!!!”
เวลากว่า 11
ชั่วโมงในการบินกลับประเทศ แจ็คสันใช้มันไปกับการนอนทั้งหมด
ขนาดว่ามาร์คหลอกว่าเครื่องบินตกหลุมอากาศแจ็คสันก็ยังเชื่อเลย พอลงจากเครื่องมาถึงรถ
ก้นแตะเบาะปั๊บเปลือกตาบางก็ปิดฉับหลับต่อได้อย่างไม่กลัวเกรงใดๆ
มาร์คอมยิ้มกับภาพนั้นหยิบกล้องออกมาถ่ายรูปเก็บไว้
ถอดเสื้อคลุมตัวเองห่มให้กลัวว่าอีกคนจะหนาว รู้สึกแปลกอยู่บ้างที่การขับรถครั้งนี้ดูเงียบเหงาหูกว่าทุกครั้ง
คงเพราะแจ็คสันหลับไปนั่นแหละ ตลอดสัปดาห์ฮันนีมูลแจ็คสันโดนชายหนุ่มกินไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
เรียกได้ว่ามีความทรงจำกับมันไปแทบทุกที่
โดยเฉพาะบ้านมาร์คเองที่แทบจะปิดประตูลงกลอนกินอย่างตะกละตะกราม จะเพลียก็ไม่แปลกล่ะนะ
มาร์คแวะร้านขายยาข้างทางเพื่อซื้ออะไรบางอย่างก่อนรีบกลับมาที่รถ
แจ็คสันยังไม่มีท่าทีจะตื่นแต่อย่างใด หลับลึกเอามากๆจนชายหนุ่มอดแปลกใจไม่ได้
“อืม”แจ็คสันงัวเงยตื่นขึ้นมาระหว่างทาง
ตากลมกระพริบปรือมองไปรอบๆ ดูท่าทางเหมือนลูกหมาเพิ่งตื่น
คิ้วเข้มขมวดลงเมื่อเจอเส้นทางไม่คุ้นตา
“พี่มาร์คพาผมมาที่ไหนเนี่ย”ลุกขึ้นมองบรรยากาศด้านนอกตัวรถมึนๆ
ถนนสายยาวตัดขึ้นมาบนเนินเขามองเห็นบ้านเมืองด้านล่าง
ทำให้พอเดาได้ว่าตรงนี้คงไม่ไกลตัวเมืองเท่าไหร่นัก
สองข้างถนนไม่มีรถสัญจรผ่านไปมาทำให้ดูเงียบเหงาอยู่ไม่น้อย มองไปด้านหน้าก็ไม่เห็นแม้กระทั่งจุดที่สามารถสร้างบ้านได้
“บ้านของเราไง”
“แต่ทางไม่คุ้นเลยอ่ะ
ไม่ใช่พี่หลงทางหรอกเหรอ?”
“ไม่หลงหรอก
เรือนหอหลังนี้พี่สร้างเองนะ ทำไมจะจะไม่ได้”
“เรือนหอ!”แจ็คสันหันมามองควับ ท่าทางตกใจจริงจัง
มาร์คหัวเราะกับปฏิกิริยาตอบรับรุนแรงแบบนั้น ปล่อยมือจากพวงมาลัยข้างหนึ่งมาขยี้เส้นผมนิ่มเบาๆ
แจ็คสันร้องโวยวายดันมือเขาออก เบิกตาโตซักไซ้
“พี่มาสร้างตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย
ทำไมผมไม่เคยรู้อ่ะ แล้วเราจะอยู่ที่นี่กันสองคนเหรอ”
“ถึงแล้วก็รู้”
แจ็คสันยื่นปากแหลมพองแก้มให้กับชายผู้อมพะนำทุกสิ่งไว้กับตัวเอง
กอดอกเอนตัวพิงเบาะมองเส้นทางด้านหน้างอนๆ จนกระทั่งสายตาเห็นสิ่งก่อสร้างบางอย่างตรงสุดปลายถนน
ตากลมเบิกกว้าง
เอนตัวไปมองสิ่งก่อสร้างนั้นอึ้งๆ ยิ่งมาร์คเลี้ยวรถเข้าไปในรั้วบ้านยิ่งทำให้ใจดวงน้อยเต้นตึกตักๆ
อ้าปากค้างอย่างน่าเอ็นดู
มาร์คลงมาจากรถ
ดึงคนที่สติยังไม่กลับตัวลงมามอง ‘บ้าน’
หลังใหม่ของพวกเขา
บ้านสามชั้นยกพื้นสูง
สไตล์โมเดิร์นสีขาวสลับกับหินสีเทาและกระจกใสรอบตัวบ้าน ขนาดค่อนข้างใหญ่สำหรับการอยู่แค่สองคน
รั้วบ้านอ้อมกรอบพื้นที่กว้างขวางพอๆกับสนามฟุตบอลหนึ่งสนาม
มีสวนเล็กๆจัดไว้หน้าบ้าน ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใบหญ้า
พื้นที่ส่วนใหญ่นอกตัวบ้านเป็นสนามหญ้าเกือบทั้งหมด
...สวย...
“ชอบไหม? พี่เริ่มสร้างเมื่อปีก่อน
ดีว่าเสร็จทันเราแต่งงานกันพอดี”มาร์คโอบวางแขนลงบนไหล่ลาดของคนที่ยังมองเรือนหอตรงหน้าอึ้งๆ
“นี่พี่วางแผนไว้ตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย!”
“ก็...ตั้งแต่แจ็คสันยอมเป็นแฟนพี่เลยมั้ง
ว่ายังไง? สวยไหม?”
“สวยมันก็ส่วนสวย...”เสียงแหบเอ่ยขึ้นมา
ยกแขนมาร์คออกจากบ่าตัวเอง พลิกตัวกลับมา ชี้นิ้วป้อมไปทางด้านหลังสั่นๆ
“แล้วผมจะทำความสะอาดบ้านทั้งหมดนี่ยังไงไหววะ!!!”
“...”
นั่นแหละ
หลังจากนั้นมาร์คก็ต้องสัญญากับภรรยาตัวเล็กว่าจะจ้างแม่บ้านมาช่วยดูแลบ้าน
แจ็คสันถึงได้ยอมเดินเข้าไปในบ้านแต่โดยดี
ข้างในบ้านดูสว่างโล่ง
มีพื้นที่กว้างขวาง อาจเป็นเพราะยังไม่มีของใช้มากมายนัก
การตกแต่งภายในดูเรียบหรูตามสไตล์คนจัดบ้านนั่นแหละ
เปิดเข้าไปในบ้านก็เจอกับห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ จอโทรทัศน์จอเบ้อเริ่มติดอยู่บนผนัง
สเตอริโอเครื่องใหม่ล่าสุดอย่างที่แจ็คสันบ่นว่าอยากมีก็ถูกวางไว้ในนั้น
โซฟาสีดำปูพื้นพรมสีน้ำตาลเทา ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใสรับแสงอย่างเต็มที่
พื้นที่ทำครัวและกินข้าวอยู่ไม่ห่างจากห้องนั่งเล่นนัก
เรียกได้ว่ามองมาจากโซฟาก็ยังเห็นว่าใครทำอะไรอยู่ในครัว เคาน์เตอร์โมโนโทนขาวดำ
มีตู้เย็นขนาดใหญ่สะใจคนชอบกินอย่างแจ็คสัน โต๊ะทานข้าวขนาดหกที่นั่งวางอยู่ใกล้หน้าต่าง
แจ็คสันโยนของทิ้งวิ่งเข้าไปสำรวจบ้านอย่างตื่นเต้น
บนชั้นหนึ่งยังมีห้องซักรีดเล็กๆติดกับห้องน้ำห้องใหญ่ ถัดไปเป็นห้องทำงานของมาร์ค
แอบส่องหน้าเข้าไปดูก็เห็นว่ามีโซฟาเตรียมนอนโต้รุ่งเหมือนเดิม
แถมมีประตูซึ่งให้เดาก็คงเป็นห้องทดลองไม่ก็บันไดลงไปชั้นใต้ดินแหงๆ พื้นที่อีกด้านคือทางเดินกระจกใสมองออกไปเห็นสระว่ายน้ำด้านหลังบ้าน
ติดกับห้องทำงานเป็นบันไดขึ้นชั้นสอง
พื้นที่ชั้นสองส่วนใหญ่เป็นห้องว่างๆที่มาร์คบอกว่าจะทำเป็นห้องลูก
(เอาจริงสินะเรื่องนั้นน่ะ -*-) ห้องน้ำหนึ่งห้องและห้องนอนเล็กห้องหนึ่ง
ตอนนี้คนตัวเล็กก็เริ่มคิดแล้วล่ะ ว่าห้องนอนมันอยู่ไหน เดินขึ้นบันไดวนไปชั้นสามก็โป๊ะเช๊ะ...
ห้องนอนใต้หลังคาดูมีความเป็นส่วน
โปร่งโล่งดูไม่อึดอัดเพราะหน้าต่างที่เปิดให้เห็นภาพวิวทิวทัศน์ด้านนอกนั่นรับแสงเข้ามาในห้องอย่างพอดิบพอดี
ฟูกนอนหนาขนาดใหญ่บนพื้นแทบจะนอนรวมกันได้สี่คน ตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของเป็นแบบบิวอิน
เดินสำรวจไปก็เห็นว่ามีห้องอาบน้ำอยู่ด้านหลังบานประตูหนึ่ง ข้างในนอกจากมีอ่างกุชชี่แล้วยังมีเครื่องสุขภัณฑ์พร้อมสรรพ
แจ็คสันเดินสำรวจไปได้สักพักก็เดินกลับลงมา
เห็นมาร์คก้มๆเงยๆเก็บของเข้าชั้นอยู่ในห้องนั่งเล่น เดินไปดูก็เห็นว่ากล่องกระดาษใหญ่สามสี่กล่องนั่นมีแต่ของของเขาทั้งนั้น
“พี่ไปเอามาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
“ของพวกนี้ม๊าหวังเก็บให้น่ะ
ตอนเราไปฮันนีมูนน่ะ”มาร์คตอบ เช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าตนเอง มองคนตัวเล็กที่กำลังค้นของบนพื้น
“ตัวเล็ก...ประจำเดือนเดือนนี้มารึยังครับ”
“...”พามาร์คถามคนตัวกลมก็นิ่งไป
กระพริบตาปริบๆนึกเวลาในหัว ตอบออกไปเบลอๆ
“ยังอ่ะ...เหมือนจะเลยมาแล้วห้าวันมั้ง”
มาร์คยิ้มอย่างที่แจ็คสันไม่มีทางเห็น
ล้วงเอาบางสิ่งมาใหแจ็คสัน “ทำตามใบบอกวิธีใช้นะ พี่จะรออยู่นี่”
แจ็คสันเลื่อนตามามองของลักษณะไม่คุ้นตาแต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักในมือชายหนุ่ม
“เครื่องตรวจครรภ์...
นี่พี่คิดว่าผมท้องรึไง?”ชักหน้าใส่คนเป็นพี่ที่เอาแต่ยิ้มหน้าระรื่นมาให้
“ก็ตรวจดูก่อน
เผื่อฟลุ๊กไง ตรวจให้พี่หน่อยนะ”
“...ก็ได้
แต่ผมดูไม่เป็นหรอกนะ”ถอนหายใจตอบรับส่งๆ
ก็ในเมื่อมาถึงขนาดนี้ตรวจไปก็ไม่มีอะไรเสียหาย
อีกอย่างเขาไม่คิดว่าตัวเองจะท้องเร็วขนาดนั้นด้วย
.
.
.
.
.
มาร์คนั่งดูทีวีรอคนตัวเล็กอยู่บนโซฟานานกว่าครึ่งชั่วโมง
ขมวดคิ้วคิดจะลุกไปตามเพราะหายไปนานผิดปกติ แต่พอจะลุกก็เห็นแจ็คสันเดินถือเครื่องชี้เป็นตายของคนหลายคนออกมาด้วยหน้าตามึนงงคิ้วขมวดมุ่น
พอเห็นหน้าเขาก็ยื่นมันมาให้ดูจนแทบจะจิ้มลูกกะตาเขาให้ได้
“พี่มาร์ค...สองขีดมันหมายความว่าไงอ่ะ...”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น