[OUR] 31


OUR BABY!
บทที่ 31








พวกเขามาทันเวลา...

มาร์คพาแจ็คสันมาถึงในเวลาที่นิชคุณกำลังจะออกจากเวรพอดี คนตัวเล็กถูกส่งเข้าห้องฉุกเฉินด้วยสภาพไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก นั่นทำให้มาร์คกังวลจนแทบบ้า ชายหนุ่มเดินไปมาเป็นหนูติดจั่นอยู่หน้าห้องรักษา ข้างในห้องเงียบจนมาร์ครู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

...ถ้าแจ็คสันหรือลูกในท้องเป็นอะไรไปเขาต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิตแน่ๆ...

ชายหนุ่มสูดลมหายใจตั้งสติ ยกมือเปื้อนเลือดขึ้นมากดโทรศัพท์ต่อสายไปถึงเฟย เพื่อวานให้เธอไปอยู่เป็นเพื่อนกับเมสันที่อยู่ที่บ้านตามลำพังให้ เฟยถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มาร์คยังไม่อยากบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครตอนนี้เลยต้องขอโทษไปด้วยน้ำเสียงที่เชื่อว่าหญิงสาวจะต้องรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในสภาพอารมณ์ไหน

มาร์คทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ของโรงพยาบาล มองสองมือเปื้อนเลือดของตัวเองนิ่งๆ เหม่อนึกถึงใบหน้าตัดพ้อของคนรักก่อนจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นยาวนาน จนกระทั่งนิชคุณเดินออกมาจากห้องผ่าตัด คุณหมอหนุ่มเดินเข้ามาหารุ่นน้อง วางมือบนไหล่แข็งผอมนั้น บีบเบาๆให้กำลังใจ มาร์คเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาก่ำแดงแต่กลับไม่มีน้ำตาสักหยด กำมือกับขากางเกงตัวเองแน่นอย่างอดทนอะไรบางอย่าง

“แจ็คสันปลอดภัยแล้ว...ลูกนายก็ด้วย”

จบประโยคน้ำตาหยดแรกก็ไหลลงอาบแก้ม ชายหนุ่มก้มหน้าแนบฝ่ามือร้องไห้เพราะความโล่งใจ กลั่นเสียงทุ้มพร่าออกมาเป็นประโยคสั้นๆแต่เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกจากใจ

“ขอบคุณครับ...ขอบคุณ”

“ก็ระวังว่าห้ามให้กระทบกระเทือนรุนแรงอีก ท้องรอบนี้ดูจะอ่อนแอกว่ารอบเมสันพอสมควรเลย นายก็รู้ใช่ไหม? พยายามอย่าให้แจ็คสันเดินไปเดินมาบ่อย แล้วก็ทานอาหารอ่อนสองสามวันเพื่อดูอาการ... เดี๋ยวจะย้ายแจ็คสันไปอยู่ห้องคนไข้ ตอนนี้นายก็กลับไปอาบน้ำใหม่ดีกว่านะ”

“ผม...ไปดูแจ็คสันได้ไหม?”

“ยังไม่ได้หรอก รอให้ย้ายไปห้องพักก่อน หรือนายจะรออยู่ตรงนี้ก็ได้ แต่คงไม่ใช่นาทีสองนาทีนี้หรอกนะ รอไหวเหรอ?”

“ครับ...ผมจะรอ”

นิชคุณยิ้มบางๆ ตบไหล่ชายหนุ่มให้กำลังใจ

“ไม่รู้หรอกนะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พี่อยากให้ใจเย็นๆ อย่าโทษตัวเอง...ครอบครัวยังไงมันก็ต้องมีปัญหากันบ้าง ค่อยๆแก้กันไปนะ”

“ขอบคุณครับพี่คุณ”





มาร์คนั่งรออยู่แบบนั้นจนบุรุษพยาบาลเข็นเตียงคนไข้ออกมา แจ็คสันนอนอยู่บนนั้นมีสายน้ำเกลือระโยงระยาง ชายหนุ่มเดินตามไปในประชิดด้วยความเป็นห่วง

“ผมเป็นคุณพ่อของเด็ก...ภรรยาผม เอ่อ...แจ็คสันเป็นยังไงบ้างครับ”

“ทุกอย่างปกติดีแล้วค่ะ รอให้คนไข้ฟื้น แล้วก็รบกวนช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนชุดให้คนไข้ด้วยนะคะ”

มาร์คพยักหน้ารับ เดินตามเข้าไปในห้องพักเดี่ยว ยืนมองการทำงานของพยาบาลอยู่ห่างๆจนคนท้องขึ้นไปนอนสงบอยู่บนเตียงเรียบร้อย พยาบาลออกไปจากห้องเหลือไว้เพียงเขาและคนตัวเล็กบนเตียงที่ยังไม่มีสติ ข้อมือเล็กที่เคยกอบกุมมีสายน้ำเกลือเจาะโยง ไล่นิ้วไปตามใบหน้ากลมมนซีดเซียวแผ่วเบาเกรงว่าจะไปรบกวนการพักผ่อนของคนรัก กดจูบเปลือกตานวลช้ำและริมฝีปากอิ่มสีอ่อน ไม่ลืมกดจูบบนหน้าท้องนอนเอ่ยขอโทษเจ้าตัวเล็กในนั้นแผ่วเบา

มาร์คเข้าไปล้างมือ ล้างหน้า ถอดเสื้อเชิ้ตเปื้อนเลือดออกวางไว้บนโซฟาเหลือแค่เสื้อกล้าม เอาผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ หยิบเอาชุดโรงพยาบาลมาวางไว้ เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อให้แจ็คสันอย่างเบามือ ถึงจะเก้ๆกังๆเพราะไม่เคยทำแต่ชายหนุ่มก็ทำด้วยความใส่ใจจนคุณแม่ลูกอ่อนสะอาดเรียบร้อยอยู่ในชุดโรงพยาบาล ผิดกับมาร์คที่ยังไม่ได้ทำอะไรกับตัวเองตั้งแต่เกิดเรื่อง ยกแขนขึ้นดมกลิ่นก็ต้องหยีหน้าหนี เข้าไปอาบน้ำใหม่ แต่ก็ยังต้องใส่ชุดเก่าอยู่เพราะไม่ได้เอามาเปลี่ยนด้วย

มองนาฬิกาบอกเวลาห้าทุ่ม โทรไปถามเฟยว่าเมสันเป็นอย่างไรบ้างก็ได้คำตอบว่าลูกชายตัวเล็กยังหลับปุ๋ยไม่รู้เรื่องรู้ราว ฝากกำชับว่าถ้าเมสันตื่นให้พามาที่โรงพยาบาลด้วย

“ขอบคุณนะเจ้”

ไม่เป็นไรย่ะ แต่พรุ่งนี้เช้านายต้องเล่าให้ฉันฟังนะว่าเกิดอะไรขึ้น

“ได้ครับ แต่คืนนี้ฝากลูกผมด้วยนะ ผมคงทิ้งแจ็คสันไปไหนไม่ได้”

ดูแลดีๆล่ะ แจ็คสันน่ะอ่อนไหวมากนะ ยิ่งช่วงนี้ด้วยแล้ว

ครับ...ขอบคุณนะเฟย

มาร์ควางสาย ถอนหายใจเงยหน้ามองคนบนเตียงด้วยความรู้สึกผิด ลูบนิ้วไปตามดวงหน้าซีดเซียวของคนรักเบาๆ


ถ้าเขาระวังตัวมากกว่านี้...

ถ้าเขาใจแข็งตัดปัญหาเรื่องอลิสได้รวดเร็วกว่านี้

ถ้าเขาเข้าไปรับแจ็คสันได้ทัน คนตัวเล็กก็คงไม่ต้องเจ็บและเป็นอันตรายแบบนี้แน่ๆ

ก็แค่ถ้า...แต่ก็แก้อดีตไม่ได้แล้ว ตอนนี้หน้าที่ของเขาคือดูแลแจ็คสันให้ดีที่สุด


มาร์คลุกขึ้นจูบหน้าผากมนเบาๆ

“ฟื้นเร็วๆนะครับ ตัวเล็ก”





เปลือกตาบางกะพริบปรือได้สติ คอแห้งผาก ไอแห้งออกมาเบาๆ กระเทือนไปถึงท้องและหลัง แจ็คสันลูบหน้าท้องตัวเอง รู้สึกโล่งใจที่รู้ว่าลูกยังอยู่กับตัวเอง เอียงหน้าไปมองเจ้าของสัมผัสอุ่นบนมือ มาร์คนั่งหลับอยู่ขางเตียง มือเรียวกุมมือเขาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะหายไปไหน แจ็คสันดึงมืออกนั่นทำให้มาร์คลืมตาตื่นขึ้นมา ทันทีที่เห็นว่าเขาตื่นแล้ว ชายหนุ่มก็กระวีกระวาดลุกขึ้นมาถามไถ่อาการ

“เป็นยังไงบ้าง ปวดตรงไหนรึเปล่า”

แจ็คสันมองและส่ายหน้านิ่งๆ เบี่ยงหน้าหนีมือเรียวที่ลูบศีรษะของตัวเอง ภาพเมื่อคืนย้อนเข้ามาทำให้แจ็คสันโกรธเคืองอีกครั้ง มือเล็กผลักมือชายหนุ่มออก เงยหน้าสบตาชายหนุ่มด้วยความเย็นชา มาร์คชะงักนิ่งดูตกใจที่เห็นปฏิกิริยาเขาแบบนั้น

“แจ็คสัน...”

มาร์ครู้สึกเจ็บที่เห็นคนตัวเล็กทำเย็นชาใส่ แต่พอเห็นแจ็คสันนิ่วหน้าไอออกมาก็อดเป็นห่วงไม่ได้ รินน้ำใส่แก้วจ่อหลอดเข้ากับริมฝีปากอิ่มสีซีดที่ยอมดื่มเข้าไปไม่ขัดอะไร มือขาวดันแก้วน้ำออกเล็กน้อย ล้มตัวลงนอนตะแคงข้างหันหลัง หลับตาปิดกั้นตัวเองจากชายหนุ่มโดยสิ้นเชิง

“พี่คุณบอกว่าปลอดภัยแล้วนะ ไม่มีอะไร แค่ต้องระวังให้มากขึ้น อย่าเดินไปมาบ่อยก็พอ”

มาร์คบอกแม้แจ็คสันจะไม่ถาม มันเป็นเรื่องที่แจ็คสันควรรู้ ในขณะที่มือแกร่งก็ลูบศีรษะกลมอ่อนโยน

“ส่วนเมสัน...”

แจ็คสันลืมตาขึ้นมามองเขาหลังจากคำนั้น ดวงตากลมมีแววของความกังวลอย่างปิดไม่มิด

“เจ้เฟยจะพาเมสันมาหลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ไม่ต้องห่วงนะครับ”

คุณแม่ลูกอ่อนพยักหน้า เอียงตัวหลับตานอนต่อ มาร์คลูบศีรษะเล็กไปจนกระทั่งได้ยินเสียงกรนเบาๆบ่งว่าแจ็คสันหลับไปแล้วเรียบร้อย

มาร์คลุกจากที่นั่ง เวลาเดียวกับที่ประตูห้องถูกเปิดออกพร้อมด้วยร่างของคุณแม่มือใหม่และสามีอีกหนึ่งที่ห้อยของฝากเข้ามาพะรุงพะรัง แต่พอจินยองเห็นคนป่วยหลับอยู่ก็พยักหน้าให้มาร์ค เดินฝากของเยี่ยมให้แจบอมเอาไปวางไว้บนเคาน์เตอร์

“พวกผมรู้จากพี่คุณ พอดีวันนี้มาตรวจครรภ์พอดี”บอกเสียงเบากลัวจะไปกวนคนป่วยบนเตียง มาร์คพยักหน้ารับรู้ “แล้วแจ็คสันเป็นอะไรล่ะพี่”

“แจ็คสันตกบันไดน่ะ” จินยองเบิกตาโตด้วยอารามตกใจ แม้กระทั่งแจบอมก็ยังตกใจไปด้วย

“ดีว่าปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูก”

“โธ่เอ๊ย ไอ้เตี้ยนี่ก็ซุ่มซ่ามจริงๆ”จินยองส่ายหน้าให้กับนิสัยป้ำเป๋อๆของเพื่อนตัวเอง แล้วก็ต้องแปลกใจตอนเห็นมาร์คส่ายหน้า

“ไม่หรอก...มันเป็นเพราะพี่”

แจบอมและจินยองนิ่งไป มองใบหน้าปวดร้าวของมาร์คแล้วหันไปมองหน้ากัน แจบอมเดินมาฉุดเพื่อนตัวเองลุกขึ้น ส่วนจินยองก็ลากเก้าอี้ไปนั่งอีกฟากของเตียงเป็นเชิงว่าจะเฝ้าแจ็คสันให้ ปล่อยให้สามีทั้งสองเดินออกไปคุยกันด้านนอก


“มันเกิดอะไรขึ้นวะมาร์ค?”แจบอมเปิดประเด็นถามทันทีไม่มีอ้อมค้อม

“แจ็คสันเห็นตอนอลิสดึงกูไปจูบ เขาโกรธแล้วก็เลยพลัดตกบันได”

“เฮ้ย นี่มึงกับอลิสจูบกันต่อหน้าแจ็คสันเนี่ยนะ”แจบอมเบิกตาโตเท่าที่ตตาตี่ๆนั่นจะโตได้

“ไม่ กูไม่ทำแบบนั้นต่อหน้าคนที่กูรักหรอก”มาร์คปฏิเสธจริงจัง “กูไปงานเลี้ยงส่วนตัวในหน่วยงาน กูมึนนิดหน่อย อลิสเลยพากูกลับบ้าน กูแม่งไม่ระวังตัวตอนลงจากรถ อลิสเลยดึงกูไปจูบ แต่แจ็คสันคงกำลังจะมาเปิดประตูให้ ก็เลยเห็นไปเต็มๆ”

“ใจเย็นๆนะมึง ลองอธิบายสิว่ามึงไม่ได้ตั้งใจ”แจบอมพยายามปลอบใจเพื่อน

“กู...พูดไม่ออก...”มาร์คบอกดวงตาเริ่มก่ำแดงคล้ายคนกำลังจะร้องไห้ “แจ็คสันโกรธจนไม่พูดกับกูด้วยซ้ำ เขาไม่เคยโกรธขนาดนี้”

“เออ โดนแล้วก็จะได้รู้บ้าง...แต่ก็ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจ อย่างแจ็คสันกูว่าง้อง่ายกว่าเมียกูอีก”

“ทำไม?”

“เหอะ ยิ่งท้องยิ่งงอน ยิ่งเอาใจยาก...”เจบีบ่นงึมงำ “แต่นั่นแหละ ก็หลวมตัวรักไปแล้ว...มึงก็ด้วย ถ้ารักเขาจริง มึงก็ต้องพยายามเพื่อเขามากกว่านี้ เชื่อไหม? กูรู้สึกว่าบางเรื่องมึงก็ให้เขาเยอะไป แต่บางเรื่องมึงก็แทบไม่ให้แจ็คสันเลย”

“หมายความว่าไง?”

“เวลาไง...มึงไม่รู้จริงเหรอ? จะรักขนาดไหน ถ้าไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลยมันก็ยากที่จะรักษาความสัมพันธ์นะเว้ย”

“แต่กูกลับบ้านเย็นตลอดนะแจบอม”มาร์คเถียงบ้าง

“กลับบ้านแล้วมึงได้อยู่กับแจ็คสันกับลูกรึเปล่าล่ะวะ? ไม่ใช่ว่าหันหน้าเข้าคอมกับเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์นะ”

“...”คราวนี้มาร์คถึงกับเงียบไป มันก็จริงอย่างที่เจบีว่า...เขามีเวลาให้แจ็คสันน้อยไปจริงๆ

“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน...หน้าที่มึงคือไปอธิบายให้เขาเข้าใจซะ หลังจากนั้นแจ็คสันจะทำอะไรต่อก็เป็นหน้าที่ของพวกมึงแล้ว กูไม่เกี่ยว”

“ขอบใจมากนะแจบอม”ตบไหล่เพื่อนแรงๆ รู้สึกขอบคุณมันที่อยู่ข้างเขาเสมอ

“ไม่เป็นไร ถึงคราวกูเอนบ้าง มึงก็เตือนกูด้วยแล้วกัน”





มาร์คเดินเข้าไปในห้องอีกครั้งมองร่างเล็กที่ยังนอนอยู่ท่าเดิม แต่น่าจะตื่นแล้วเพราะเขาได้ยินเสียงแหบพร่าพูดคุยกับจินยองที่กลับออกไปพร้อมกับเจบีเมื่อกี้ ไม่ทันจะได้นั่งลงตรงจุดเดินประตูก็เปิดผลัวะอีกรอบพร้อมด้วยร่างของลูกชายที่รักวิ่งด๊อกแด๊กเข้ามาหาพร้อมกับเฟย หญิงสาวส่งสัญญาณให้มาร์คบอกว่าเธอจะไปทำธุระด้านนอกสักครู่ ทิ้งให้ครอบครัวอยู่ด้วยกัน

“มะม๊า ปะป๊า”

มาร์คย่อตัวลงรับเจ้าตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด หอมแก้มยุ้ยของลูกชายที่อาบน้ำมาซะหอมฉุย อุ้มไปหาแจ็คสันที่ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ยื่นมือมาทำท่าจะแย่งเมสันไปอุ้ม

“เมสัน มาหามะม๊ามาลูก”

“มะม๊า”เมสันดิ้นจะไปหามะม๊าตามความเคยชิน เพราะแจ็คสันเป็นคนเลี้ยงเมสันเลยติดแจ็คสันมากกว่าติดมาร์ค แต่แล้วก็โดนอ้อมแขนแกร่งรัดไม่ให้ไปได้ตามใจ

“ไม่ได้”มาร์คบอกเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดเสียงเข้ม แต่กลายเป็นแจ็คสันที่ไม่พอใจ คิ้วเรียวขมวดชิดเชิดหน้าบอกคนเป็นสามีด้วยน้ำเสียงใส่อารมณ์

“เอาเมสันมาให้ผม”

“ยังไม่ได้ แจ็คสันยังไม่หายดี พี่ไม่อนุญาต”

“ผมจะทำอะไรก็เรื่องของผม! พี่ไม่เกี่ยว เอาลูกผมมา”

“เมสันก็ลูกพี่”

“หงึ...แง๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ทั้งสองหยุดชะงักหันมามองเมสันที่ร้องไห้จ้า ใบหน้ากลมๆแดงก่ำ ดวงตาโตพรูด้วยน้ำตา เด็กน้อยที่ได้รับแต่ความรักมาตลอดร้องไห้เพราะคนที่ตนรักที่สุดสองคนกำลังเสียงดังใส่กันอย่างที่ไม่เคยเป็น

“ขอโทษๆป๊าม๊าไม่ทะเลาะกันแล้ว ไม่ร้องนะเมสัน ไม่ร้องครับ”มาร์คอุ้มเจ้าตัวเล็กพาดบ่าสั่นตัวเบาๆให้หยุดร้องไห้ นั่งลงเอาเมสันวางไว้ข้างตัวของแจ็คสัน

“เฮียงดัง ฮึก เมฉันไม่จอบ”

“ครับๆ ขอโทษนะ ม๊าไม่เสียงดังแล้ว”แจ็คสันเอื้อมมือลูบศีรษะเล็กปลอบประโลม มาร์คและแจ็คสันโอบกอดเจ้าตัวเล็กจนหยุดร้องไห้ ทิ้งไว้แค่คราบน้ำตาและน้ำมูกใส แจ็คสันหยิบทิชชู่เช็ดให้ลูกน้อยพลางยิ้มหยอกให้หายเศร้า มุมละมุนละม่อมของคนรักทำให้มาร์คอบอุ่นหัวใจตามไปด้วย เขามีความสุขจนกระทั่งดวงตากลมเปรยขึ้นมาและมองผ่านเขาไปราวกับไม่มีตัวตน

...เจ็บชะมัด...





พอช่วงเย็นๆป๊าม๊าหวังก็เข้ามาเยี่ยมพร้อมกับรับเมสันไปดูแลให้ระหว่างที่แจ็คสันอยู่โรงพยาบาล ภายในห้องเริ่มมืดเพราะเมฆครึ้มด้านนอกนั่นมีเพียงแจ็คสันที่นอนดูโทรทัศน์กับมาร์คที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ตั้งแต่ที่แจ็คสันตื่นมาจนถึงตอนนี้มาร์คก็ไม่ขยับจากเก้าอี้ตัวข้างๆเตียงนี้เลยถ้าไม่จำเป็น

รายการตลกในโทรทัศน์ไม่ได้สร้างเสียงหัวเราะให้พวกเขาอย่างที่เคย มาร์คมองดวงตากลมที่แสร้งดูโทรทัศน์แต่แทบไม่กระดิกตัว จนมือแกร่งเข้าทาบทับแจ็คสันถึงได้กำมือหนีไม่ยอมให้นิ้วเรียวเข้าแทรกได้

“ตัวเล็กมีอะไรจะถามพี่รึเปล่า?”

“ไม่มี”

“ถ้าอย่างนั้นพี่จะเล่า...”

“ไม่อยากได้ยิน”

แจ็คสันตัดบทฉับแบบไม่แม้แต่จะมองหน้า กดรีโมทปิดโทรทัศน์ล้มตัวลงนอนตะแคงหันหลังใส่มาร์คเหมือนเดิม ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่

...ก็เป็นซะอย่างนี้ แล้วตอนไหนจะเข้าใจกัน...

มาร์คนั่งอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งโทรศัพท์ในกระเป๋าฉุดเขาออกจากภวังค์ ลูบศีรษะคนตัวเล็กบนเตียงก่อนเดินออกมารับโทรศัพท์นอกห้อง หน้าจอโชว์เบอร์รุ่นพี่ที่คุ้นเคย คู่หมั้นมหากาพย์ของพี่คุณนั่นเอง

“ครับ?”

วันนี้นายไม่มาทำงาน พวกแผนกพิเศษบ่นกันใหญ่เลยแทคยอนกระเซ้าหยอกเย้ามาจากปลายสาย

“ขอโทษพี่แทคด้วยนะครับ ผมไม่อยากทิ้งแจ็คสันไว้คนเดียว”

ฉันเข้าใจ อีกอย่างฉันไม่ได้เดือดร้อนกับเรื่องนี้ด้วย แค่ไฮด้ามาบ่นกับฉันใหญ่ว่านายหายไปเลยทั้งวันงานแทบไม่ได้เดิน แถมอลิสก็ไม่ยอมมาทำงานอีก

มาร์คยิ้มๆกับคำบ่นนั้นก่อนจะเม้มปากเป็นเส้นตรง ตัดสินใจบางเรื่องที่เขาคิดมาตั้งแต่เช้าจนถี่ถ้วนแล้ว

“พี่แทคครับ...”

หืม?

ผมจะถอนตัวออกจากโครงการ แล้วจะลาออกครับพี่





เช้าวันต่อมาหลังจากป๊าม๊าหวังเข้ามาเยี่ยมพร้อมเอาเมสันมาด้วย มาร์คก็ขอตัวไปทำธุระที่หน่วยงานตัวเอง ชายหนุ่มมาในชุดสุภาพแต่ไม่ได้พกเอกสารหรือกระเป๋าอะไรมาด้วยนอกจากจดหมายซองฉบับ ฉบับแรกเขาเลือกไปส่งให้แทคยอนที่รออยู่ในห้องก่อน

“แน่ใจนะ?”แทคยอนถามขณะที่มือแกร่งคลี่จดหมายลาออกของมาร์คต้วนออกมาดู

“ผมคิดดีแล้วครับพี่...น้ำยาตัวนั้นที่เราร่วมกันสร้างประสบความสำเร็จ ผมได้สิ่งที่ผมต้องการแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ต่อ”มาร์คบอกออกไปตามตรง ไม่หลบเลี่ยงดวงตาคมวาวทรงอำนาจจากคนเป็นรุ่นพี่และหัวหน้างาน

“ประโยชน์ของนาย ต่อองค์กรของเรา ต่อประเทศชาติ มีเยอะแยะมากมายซึ่งนายก็รู้ดี แต่เหตุผลจริงๆที่ออกเพราะครอบครัวสินะ”

มาร์คยิ้มบางตอบรับ

“ครับ...ผมอยากมีเวลาให้ครอบครัวของผม นั่นแหละ เหตุผลที่ผมออก”

แทคยอนยิ้มมุมปากพลางถอนหายใจ คิ้วเข้มลอยขึ้นดูสีหน้าทั้งขบขันและเหนื่อยหน่ายใจ

“เอาเถอะ ถึงจะน่าเสียดาย แต่ฉันจะรับจดหมายฉบับนี้ไว้แล้วกัน ว่างๆก็มาช่วยงานประดิษฐ์ฉันด้วยล่ะ ทำงานกับนายแล้วสนุกดี เหมือนเจอพวกเดียวกัน”

มาร์คหัวเราะทันที

“ผู้ชายเพี้ยนๆที่อยากให้คนรักท้องได้ หนึ่งในสิบล้านยังยากเลยครับพี่”

“ถึงได้ชอบบ่นไง ว่าตกลงฉันกับนายนี่มันพรหมลิขิตหรือฟ้ากลั่นแกล้ง แถมยังเพี้ยนจนสร้างสำเร็จออกดอกออกผลไปทั่วอีกต่างหาก”แทคยอนหัวเราะ แท็กมือกับรุ่นน้อง จ้องมองกัน ทำสัญญาไร้คำพูดว่าพวกเขาจะยังคงเดินทางในเส้นทางนี้ต่อไป ถึงจะไม่ได้อยู่ในองค์กรแล้ว แต่ตราบใดที่มีจินตนาการและสมอง ก็เชื่อได้ว่าโลกนี้จะค้นพบสิ่งประดิษฐ์อีกมากมายอย่างแน่นอน...




ไอด้ามองซองจดหมายสีขาวด้านหน้าตัวเองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่แตะไม่ขยับเขยื้อนใดๆเป็นเวลาเกือบห้านาทีโดยมีมาร์คยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะ

“ฉันคิดไม่ออกเลยว่าโครงการนี้จะสำเร็จได้ยังไงในเมื่อมีนักวิทยาศาสตร์ระดับหัวกะทิถึงสองคนลาออกพร้อมกันแบบนี้”

กลายเป็นมาร์คที่แปลกใจแทน ไฮด้าหมายความว่ามีคนอื่นลาออกพร้อมเขาอีกอย่างนั้นหรือ?

“นอกจากนายก็ยังมีอลิสสาที่ลาออกไปเมื่อเช้า แต่ฉันยังไม่อนุมัติหรอกนะ เพราะจดหมายของเธอไม่ได้ให้เหตุผลไว้ด้วย แต่สำหรับของนายคงหนักพอให้ฉันดึงตัวนายไว้ไม้ได้เลยสินะ”หัวหน้าโครงการเหลือบตามองชายหนุ่มที่ยิ้มรับ
“เหตุผลทางครอบครัวและความจำเป็นส่วนตัวครับ ภรรยาผมเพิ่งเกือบจะแท้งลูกคนที่สอง สุขภาพค่อนข้างอ่อนแอและลูกชายคนโตของผมก็เพิ่งจะขวบกว่าๆ ผมจำเป็นต้องกลับไปดูแลครอบครัวครับ”

“นั่นไงล่ะ”ไฮด้าหัวเราะ คลี่กระดาษออกเซ็นอนุมัติโดยไม่ถามอะไรต่ออีก

“จริงๆก็เสียดาย...แต่คนอย่างนายถ้าบอกจะไปก็ต้องไป ฉันไม่มีปัญญาจะไปหยุดนายได้หรอก เฮ้อ...แต่นี่ถือเป็นคำขอร้องจากคนเคยรู้จักล่ะนะ...”

“จะให้ผมช่วยคุยกับอลิสให้สินะครับ”มาร์คบอกอย่างรู้ทัน “ได้สิครับ...ผมก็อยากคุยกับเธอพอดี”





อลิสสากำลังเก็บแฟ้มเข้ากล่องตอนที่อดีตคนรักของเธอเดินมาหาที่โต๊ะ ใบหน้าหล่อเหลายังคงเรียบเฉยแต่ก็ประดับไปด้วยรอยยิ้ม และเธอก็ต้องตกใจจนเกือบทำแฟ้มตกใส่เท้าเมื่อมาร์คเอ่ยชวนเธอออกมาคุยกันที่ร้านกาแฟด้านใต้ตึก ในหัวของเธอมีแต่คำว่าทำไมวนเวียนเต็มไปหมด ทำไมมาร์คที่เย็นชาคนนั้นกลับมาพูดดีกับเธอขนาดนี้กัน?

“ผมได้ยินว่าคุณจะลาออกจากโครงการ”

“ค่ะ...”

“บอกผมได้ไหมว่าเหตุผลของคุณคืออะไร”

“ก็...คือ...”หญิงสาวพูดติดๆขัดๆ เธอจะบอกได้อย่างไรว่าที่เธอลาออกก็เพื่อจะหนีมาร์คไปตัดใจให้ขาด วันนั้นที่เธอตัดสินใจจู่โจมจูบมาร์คก็เพื่อจะพิสูจน์ว่าชายหนุ่มยังมีเยื่อใยกับเธออยู่ แต่ก็ไม่เลย...แม้แต่เสี้ยวหนึ่งก็ไม่มีเหลือ เหมือนกับว่าความรู้สึกรักใคร่ของชายหนุ่มได้มอบให้กับใครคนหนึ่งไปหมดสิ้นแล้ว

“ถ้าเหตุผลนั้นมีผมเป็นเหตุผลหลัก คุณก็ไม่จำเป็นต้องลาออก”

“หมายความว่ายังไงคะ? มาร์ค หรือว่าคุณก็ลาออกเหมือนกัน”

“ความฉลาดเฉลียวจะทำให้คนตกหลุมรักคุณ”

“แต่คนที่ฉันอยากให้รักกลับไม่ตกหลุมฉันนี่สิ”

มาร์คหัวเราะเบาๆในลำคอ รู้สึกคุยกับอดีตแฟนสาวคนนี้ได้อย่างสนิทใจกว่าเมื่อก่อน คงเพราะบางอย่างในสายตาของอลิสบอกว่าเธอคลายความยึดมั่นอะไรลงไปจนหมดแล้ว

“ผมลูกสองแล้วนะ คนสวยๆอย่างคุณมีทางเลือกอีกเยอะแยะ โดยเฉพาะในโครงการนั้น”

หญิงสาวพรายยิ้มรู้ทันทีว่ามาร์คกำลังพูดถึงอะไร เธอไม่ได้โง่ และก็รู้ว่ามีใครในนั้นสนใจเธออยู่ไม่น้อย

“แล้วคุณมีใครจะแนะนำฉันไหมล่ะคะ”

มาร์คยิ้มเหล่ตามองไปทางชายต่างชาติที่กำลังเดินเข้ามาในช็อปได้อย่างทันเวลาพอดิบพอดี

“อืมม...สตีฟเป็นยังไงล่ะ?”





หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยมาร์คก็ตรงดิ่งกลับโรงพยาบาล รีบเร่งขึ้นไปชั้นที่ภรรยาตัวเล็กพักอยู่ เดินสวนแม่บ้านไปอย่างไม่ใส่ใจ จนกระทั่งได้เปิดประตูเข้าไปในห้อง ถุงขนมที่ซื้อมาฝากเมสันก็ร่วงหล่นลงกับพื้น

“แจ็คสัน”

ภายในห้องเงียบเชียบ ทุกอย่างถูกเก็บกวาด เตียงที่เคยมีร่างของแจ็คสันว่างเปล่าและเรียบตึง ของฝากหายไปเกลี้ยงห้อง

หายไป ภรรยาของเขาหายไปไหน!?...

มาร์ครีบคืนสติ หยิบถุงขนมเดินไปหาเคาน์เตอร์พยาบาลถามถึงห้องที่แจ็คสันเคยพัก

“คนไข้ขอออกไปตั้งแต่สี่โมงครึ่งแล้วนะคะ”

ชายหนุ่มใจหายวาบ นั่นตั้งแต่ที่เขาออกไปได้ไม่นานเท่านั้นเอง นี่แจ็คสันจงใจหนีเขาเช่นนั้นน่ะเหรอ?

“แล้วใครรับไปครับ คุณเห็นหรือเปล่า”

“เอ เห็นเซ็นว่าเป็นพ่อแม่ของผู้ป่วยนะคะ นี่ค่ะ”

นางพยาบาลแสดงใบรับผู้ป่วยปรากฏเป็นลายมือของคุณนายหวัง โล่งใจได้อย่างหนึ่งว่าไม่ได้หายไปกับคนแปลกหน้าหรือคนที่เขาไม่รู้จัก

“ขอบคุณมากครับ”





มาร์คขับรถกลับมายังเส้นทางอันแสนคุ้นเคย บ้านติดกันสองหลังที่หลังหนึ่งกำลังติดป้ายประกาศขายนั่นคือบ้านของเขา ส่วนอีกหลังคือบ้านอันแสนอบอุ่นของครอบครัวหวัง ชะเง้อมองไปก็เห็นรถครอบครัวจอดอยู่ด้านใน แสดงให้เห็นว่าน่าจะกลับบ้านมานานมากแล้ว

มาร์ครีบลงจากรถทันทีที่เห็นคุณนายหวังเดินออกมาหน้าบ้าน แม่ของแจ็คสันมองเขาด้วยความตกใจเล็กน้อย

“อ้าวมาร์ค”

“คุณแม่ครับ แจ็คสันกับเมสันอยู่ที่นี่ใช่ไหมครับ”ถามพลางเกาะรั้วสีขาวของบ้านเพราะม๊าหวังไม่มีทีท่าจะออกมาเปิดประตูให้เขาเลย

“ใช่จ๊ะ”

“ผมขอเข้าไปพบภรรยากับลูกได้ไหมครับ?”

“ขอโทษนะจ๊ะมาร์ค”คุณนายหวังมีท่าทีลำบากใจ “แจ็คสันยังไม่พร้อมเจอมาร์คตอนนี้ มาร์คกลับไปก่อนนะ”

“แต่คุณแม่ครับ...”

“เข้าใจแจ็คหน่อยนะจ๊ะ เด็กคนนั้นคงอยากได้เวลาน่ะ”

มาร์คนิ่งไป เงยหน้ามองห้องชั้นสองซึ่งเขาจำได้แม่นว่าเป็นห้องนอนของคนรัก ทันเห็นผ้าม่านที่ขยับเคลื่อนเพียงเล็กน้อยพอดี

“...ครับ...แล้วพรุ่งนี้ผมจะมาใหม่ ฝากภรรยากับลูกผมด้วยนะครับ”มาร์คโค้งตัวลงแทบจรดพื้นทั้งเป็นการขอโทษและขอความกรุณาสร้างความเอ็นดูให้กับคนมอง

“ได้จ๊ะ”





“ม๊า เค้าไปแล้วเหรอ?”

คนตัวเล็กที่เอนหลังพิงหัวเตียงถามม๊าตัวเองที่เดินเข้ามาในห้อง ใบหน้าหวานดูอิดโรย ดวงตาโตช้ำ ปากแดงซีดจางลงนิดหน่อยเพราะอาการเสียเลือดจากอุบัติเหตุเมื่อสองวันก่อน บนตักมีเมสันนอนหลับปุ๊ยอยู่ มือเล็กลูบหัวลูกชายกล่อมให้นอนหลังจากที่เมสันร้องไห้งอแงอยากกลับบ้านจนพล็อยหลับไป

“กลับไปแล้วล่ะ...แต่มาร์คดูห่วงกากากับลูกมากนะ จะไม่เป็นไรจริงเหรอ?”คนเป็นแม่ถามด้วยความเป็นห่วง นั่งลงข้างๆเตียง มองใบหน้าน่ารักของหลานชายทีได้เค้าโครงจากแม่มาเสียเยอะ

“ไม่เป็นไรหรอกม๊า กากาอยู่บ้านนี้กากาสบายมากกว่าอีก”

คนตัวเล็กยิ้มกว้างทะเล้นให้คนเป็นแม่ที่ยีเส้นผมนุ่มด้วยความหมั่นเขี้ยว

“แล้วทำไมต้องหลบหน้ากันด้วยล่ะกากา? ยิ่งลูกทำแบบนี้มันไม่ทำให้อะไรดีขึ้นเลยนะ”คุณนายหวังไม่ยอมให้เจ้าลูกตัวแสบเปลี่ยนประเด็น กลับมาสู่คำถามเดิมทำเอาคนตัวขาวทำหน้ามุ่ย พอเห็นสีหน้าจริงจังของผู้เป็นแม่ก็ต้องตอบไปตามจริง

“กากา...ยังไม่อยากเจอหน้าเขา...”

“ทำไมล่ะลูก? เขาทำอะไรให้เสียใจเลยเหรอ? ทำไมให้อภัยเขาไม่ได้”

“ไม่ใช่ว่ากากาโกรธจนยกโทษไม่ได้...แต่กากาว่ามันยังเร็วเกินไป”

“แล้วจะยกโทษเขาตอนไหนล่ะกากา?”

“กากาตอบไม่ได้”

คนท้องส่ายหน้าไปมา ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนไหนความเจ็บปวดในใจนี้จะหายไป แต่มันคงมีสักวัน และสักวันนั้นจะเป็นการวัดความรักของมาร์คต่อเขาว่าจะอดทนได้ถึงวันนั้นหรือไม่...

“เฮ้อ เอาเถอะ อย่าให้ตัวเองเจ็บเองก็แล้วกันนะ กากา คิดถึงเมสันแล้วก็เจ้าตัวเล็กที่กำลังจะเกิดมานี้ด้วยล่ะ”คนเป็นแม่ได้แต่เอ่ยเตือนสติ กอดเจ้าลูกชายที่รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคุณแม่ลูกสองไปแล้วด้วยความรักและความเป็นห่วง แจ็คสันเอียงหน้าซบแม่ตัวเอง ในขณะที่มือก็ยังลูบศีรษะเล็กของลูกชาย

“ขอบคุณนะ มะม๊า”






ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*