[TTM] 03

TWINS & TWINS
MATCH
_______3_______

หลังจากล้างจานของทั้งตัวเองและของเจสันเสร็จ แจ็คสันที่ไม่มีเรียนในวันนี้ก็เลือกจะใช้เวลาว่างในการทำความสะอาดบ้านที่เริ่มจะรกรุงรังตั้งแต่พี่ชายฝาแฝดตัวเองเยื้องย่างกลับมา ทั้งเสื้อนอกบนโซฟา กางเกงถอดทิ้งเป็นห่วงบนพื้นหรือผ้าเช็ดตัวใช้แล้วที่แขวนต่องแต่งบนมือจับของตู้เสื้อผ้า ยังไม่นับพวกกระเป๋าสัมภาระที่เจสันวางๆกองๆพิงผนังห้องนอนไว้แบบไม่ยอมเอาไปเก็บให้เรียบร้อยสักทีนั่นด้วยนะ

ร่างเล็กในชุดเสื้อยืดสีขาวพับแขนเสื้อขึ้นทับด้วยผ้ากันเปื้อนสีดำเดินถือเครื่องดูดฝุ่นเข้าไปในห้องนอน เริ่มเก็บกวาดเตียงนอนใหญ่ของพวกเขา พับผ้าห่มจัดหมอนดึงผ้าปูตึงเปรี๊ยะชนิดโยนเหรียญลงยังเด้งกลับคืนมือ ตรงตามหลักสูตรบริหารการโรงแรมที่เขาเคยลงไปเล่นๆหน่วยหนึ่งตอนปีสาม ดูดฝุ่นตั้งแต่ใต้เตียง ซอกโต๊ะให้มั่นใจว่าจะไม่มีฝุ่นคอยให้รำคาญสายตา เพราะนานๆทีแจ็คสันจะลุกขึ้นมาทำงานบ้าน ก็อยากจะทำให้มันเรียบร้อยไปเลยดีกว่า

“เออ ลืมถามว่าเจจะกลับมาตอนไหนแฮะ”คิ้วเข้มขมวดนิดๆ เขาว่าจะฝากซื้อของสดกลับมาบ้านด้วยจะได้เอาไว้ทำอาหารเย็น จะโทรไปถาม เจสันก็เพิ่งออกไปไม่นานนักก็คงไม่กลับง่ายเท่าไหร่นัก รีบโทรไปบอกก็กลัวว่าจะลืมอีก ก็เจสันน่ะ เวลาสนใจอะไรก็มักจะลืมเรื่องอื่นไปหมดเลยนี่นา สู้กะเวลาใกล้ๆจะกลับแล้วโทรไปฝากยังมีโอกาสได้ของกลับบ้านมามากกว่าเสียอีก

จัดเก็บของทุกอย่างเสร็จก็หอบเอาตะกร้าผ้าแยกสีระหว่างของตัวเองและของเจสันลงไปชั้นใต้ดิน ยัดของเจสันลงในเครื่องก่อนเพราะกลิ่นเริ่มตุๆจากการเดินทาง ใส่ผงซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่ม ปิดฝาเครื่องเปิดการทำงาน เผื่อเวลาเอาไว้เพื่อใช้ในการดูรายการทีวีช่องโปรดจนได้ยินเสียงเครื่องทำงานเสร็จก็เดินลงไปย้ายผ้าเปียกลงเครื่องอบ และใส่เสื้อผ้าของตัวเองไปซักต่อ ทำถึงแค่ตรงนี้ก็เสียเวลาไปหลายชั่วโมง รู้ตัวอีกทีก็เกือบจะเที่ยงแล้ว

ติ๊งต่อง!

เสียงกดกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น แจ็คสันหันไปมอง คิดว่าเป็นเจสันที่กลับมา ลุกขึ้นบิดตัวคลายความเมื่อยล้า ก้าวเท้ากำลังจะไปเปิดประตูโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้นมาก่อน แจ็คสันลังเลใจจะรับโทรศัพท์ก่อนหรือจะเปิดประตูให้แขกก่อน เดินไปหยุดอยู่หน้าโทรศัพท์ พลางตะโกนถามคนหน้าประตู

“ครับ ใครครับ?”

“ส่งจดหมายครับ”

“สักครู่นะครับ”

ถึงจะแปลกใจว่าทำไมบุรุษไปรษณีย์ไม่สอดจดหมายไว้ใต้ประตูเลย แต่ก็ไม่แปลกอะไรนักถ้าเป็นพัสดุไม่ใช่จดหมาย มือขาวยกหูโทรศัพท์ขึ้นมารับวางแนบหูขณะหันกลับเดินไปที่ประตู สะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเสียงแหบร้องชื่อเขาจากปลายสาย

แจ็คสัน! เป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นอะไรนะ เจกำลังจะกลับบ้าน ระหว่างนี้อย่าเปิดประตูให้ใครนะ!’

เสียงของเจสันร้อนรนและเป็นห่วงจนคนเป็นแฝดน้องพลอยตกใจไปด้วย รีบชักมือกลับมาจากกลอนประตูได้ทัน กรอกเสียงลงในโทรศัพท์

“ทำไมล่ะ? ตอนนี้มีบุรุษไปรษณีย์อยู่หน้าบ้าน...”

อย่าเปิดนะ! เอ๊ะ! คุณ!..................คุณแจ็คสันใช่ไหมครับ ช่วยกรุณาส่องตาแมวและเล่าที่คุณเห็นให้ฟังได้ไหมครับ

แจ็คสันกะพริบตาปริบๆฟังเสียงทุ้มต่ำที่ไม่ใช่ของพี่ชายฝาแฝด เริ่มรู้แล้วว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เขาเลยหรี่ตามองผ่านช่องตาแมว เห็นภาพมุมโค้งของบุรุษไปรษณีย์คนเดิมๆที่เห็นกันอยู่แทบทุกวัน กระซิบเสียงเบาตอบกลับไป

“เป็นบุรุษไปรษณีย์คนเดิมครับ”

คุณดูดีๆได้ไหมครับว่ามีใครยืนอยู่ข้างหลังเขาหรือเปล่า ดูอารมณ์ใบหน้าเขาก็ได้ครับ

แจ็คสันมองดูอีกครั้งให้ถี่ถ้วน แล้วก็เห็นสิ่งผิดปกติ ดวงตาของคนส่งจดหมายดูลอกแลกตัวเกร็งไหล่สั่นๆเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง และพอมองลงไปก็เห็นมือของใครบางคนที่ซ่อนอยู่ด้านหลังจ่อปืนสั้นไว้บนหลังเอวของชายคนนั้น เกือบร้องตกใจไปอยู่แล้วถ้าไม่ดึงสติตัวเองกลับมาได้ก่อน แจ็คสันวิ่งกลับเข้าไปในห้องนั่งเล่น รับรู้ถึงหัวใจในอกที่ยังเต้นรัว ลมเลือดสูบฉีดแรงด้วยความหวาดกลัว คนหน้าประตูตะโกนถามเข้ามาอีกทำเอาคนในบ้านสะดุ้งวาบใหญ่

“คุณครับ!

“สะ สักครู่นะครับ พอดีผมยังไม่ได้แต่งตัว”แจ็คสันโกหกออกไป ห่วงทั้งตัวเองทั้งคนที่โดนปืนจี้ กระซิบเสียงเบากรอกลงไปในโทรศัพท์

“เขาโดนปืนจี้! แต่ผมไม่เห็นคนด้านหลัง นี่มันเรื่องอะไรกันครับ”

ผมบอกคุณตอนนี้ไม่ได้ แต่ตอนนี้คุณต้องใจเย็นๆ อยู่ในบ้านเงียบๆไว้ ผมกำลังไปหาคุณ ไม่เกินหนึ่งนาที คุยกับพี่คุณต่อนะ............แจ็คสัน เจกำลังไปหานะ แจ็คไปหลบอยู่ห้องใต้ดินก่อนก็ได้

“แจ็คกลัวว่าถ้าแจ็คไม่ตอบ คนร้ายมันจะรู้ตัวว่าแจ็ครู้แล้วยิงคนน่ะสิเจ”ตอบกลับไปด้วยความร้อนรน ห่วงตัวเองก็ห่วงนะ แต่ถ้ามีใครตายเพราะความกลัวของเขาก็ไม่เอาเหมือนกัน

โถ่เว้ย! คุณเร็วกว่านี้ไม่ได้รึไง!!’เจสันตะโกนเร่งอีกคนที่น่าจะเป็นเจ้าของเสียงทุ้มเมื่อครู่

ก๊อกๆๆ คราวนี้เป็นเสียงเคาะประตู แจ็คสันวิ่งไปมาในบ้านทำให้ดูเหมือนกำลังเร่งรีบ

“โอ๊ยแม่ง ทำไมหากางเกงไม่เจอวะ”แสร้งตะโกนบ่นหงุดหงิดกับตัวเองให้ดูเหมือนว่าเขากำลังเร่งรีบแต่งตัวและยังไม่รู้ตัวว่ามีอะไรผิดปกติที่หน้าบ้าน ในใจภาวนาให้พวกเจสันรีบมาก่อนทางคนข้างนอกนั้นจะรู้ “วางไว้บนพื้นเลยก็ได้ครับ ผมยังไม่เสร็จง่าย”

“ร...รีบมาเถอะครับ ผมรอได้”คำตอบแสนตะกุกตะกักตอบกลับมา ทำให้แจ็คสันรู้ว่าคนหน้าประตูคงโดนยกระดับการขู่ขึ้น ไม่ว่าจะด้วยการไหนก็ตาม

แจ็ค ไหวนะเจสันที่ยังอยู่ในสายถามน้องแดอยู่เรื่อยๆ

“แจ็คไหว รีบมาเถอะน่า กลัวจะตายแล้ว”ก้มนั่งลงยองๆลงกับพื้นหลังเคาน์เตอร์ในครัว คิดว่ามันคงบังร่างเขาได้ถ้ามีเหตุร้ายแบบคนร้ายกระหน่ำยิงเข้ามาในบ้าน

ปัง!!! อ๊ากกกกกกกก!!!

สะดุ้งโหยงแทบทำโทรศัพท์ตกพื้น น้ำตาคลอหน่วย ได้ยินเสียงปืนดังลั่นหนึ่งนัดพร้อมเสียงร้องเจ็บปวดจากหน้าบ้าน กลัวจนทำอะไรไม่ถูกก้มตัวลงต่ำกว่าเดิม

“เจ คนร้ายรู้ตัวแล้ว อึก...แจ็คจะทำไงดี...เจ...เจสัน! ไอ้พี่บ้า! วางสายทำไมตอนนี้วะ!

สบถใส่โทรศัพท์แต่ก็ยังจับมันแน่นเผื่อว่าเจสันจะโทรมาและใช้โทรขอความช่วยเหลือ นิ้วสั่นๆกำลังกดเบอร์ตำรวจแต่ก็ต้องร้องลั่นใหญ่ทันทีที่ประตูหน้าบ้านกระเด้งตัวออกจากกรอบอย่างแรงตบกำแพงเสียงดังลั่น

ปึก!

แจ็คสันนอนไปกับพื้นสองมือปิดหูแน่นหลับตาปี๋หวาดกลัว ได้ยินเสียงรองเท้าคนเดินเข้ามาบ้านและมุ่งตรงมาทางเขา แข้งขาอ่อนแรงไม่รู้จะหนีไปทางไหน

“แจ็คสัน!

ตาโตเบิกกว้าง ฉุดใบหน้าขึ้นมองคนที่เหมือนตัวเองราวมองภาพกระจก พลันน้ำตาที่คลอๆอยู่ก็ไหลพราก กระโดดกอดคนเป็นแฝดตัวเองทันทีด้วยความโล่งใจ

“ฮืออ เจสัน แจ็คกลัวๆ กลัวมากๆเลย”

เจสันถอนหายใจโล่งอก ระหว่างทางก็กลัวว่าจะมาไม่ทัน กลัวว่าแจ็คสันจะเกิดอันตราย ยิ่งเป็นอันตรายที่มีต้นเหตุเพราะเขา เจสันยิ่งรู้สึกโทษตัวเองยิ่งกว่าเดิม แฝดพี่กอดตัวแฝดน้องตัวเองเอาไว้แน่นลูบเส้นผมสีเข้มที่ซุกอยู่บนไหล่เขา สัมผัสถึงอะไรเปียกชื้นบนบ่าตัวเอง

“ไม่ร้องดิวะ ขี้กลัวชะมัดเลย”

“ปืนนะเว้ยไอ้พี่บ้า! ฮืออ กลัวชะมัดเลย”

มือขาวกำเสื้อเชิ้ตของอีกคนแน่น ก่อนจะได้กลิ่นแปลกๆจากคนเป็นพี่ มันเหมือนกลิ่นปูนหรือกลิ่นฝุ่นฉุนๆ เงยหน้าขึ้นสำรวจกายคนที่กอดตัวเองอยู่ เห็นผ้าพันแผล พลาสเตอร์ เสื้อผ้าสกปรก ผมยุ่งเหยิงและรอยบาดแผลเล็กๆบนผิวกายสีแทนอ่อนของพี่ชายก็รู้ว่าทันทีว่าเรื่องที่พวกเขากำลังเผชิญนี้คงไม่ธรรมดา

“เจ...ไปทำอะไรมา”

“เรื่องมันยาว...”เจสันทำหน้าลำบากใจที่จะบอก เพราะมันก็แค่การคาดเดาของตำรวจ แต่ที่แน่ๆตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ทั้งตัวเขาเอง ทั้งแจ็คสันที่มีรูปลักษณ์เดียวกับเขา เจสันคลายตัวน้องออกจับมือจะดึงอีกคนไปนั่งบนโซฟาดีๆเพื่อจะพูดคุยกัน เสียงทุ้มต่ำของนายตำรวจแสนเคร่งเครียดก็ดังขึ้นมาจากหน้าบ้าน

“นี่คุณ น้องคุณปลอดภัยนะ?”

แจ็คสันหันไปมองตามเสียง ดวงตาโตแทบถลนออกมาจากเบ้ามองคนมาใหม่ค้าง ปากอิ่มแดงอ้าปากหวออึ้งๆ ตะโกนเรียกชื่อใครคนนั้นออกมาดังลั่น

“พ...พี่มาคัส!!!

ทันทีที่มาร์คได้ยินชื่อนั้นก็ขมวดคิ้วฉับไม่ชอบใจ

...อีกแล้ว!...

หลังจากที่เจสันแทบจะกระโดดมาบีบคอเขาบังคับให้พากลับบ้าน จนเขารำคาญอนุญาตให้โทรไปหาที่บ้านแล้วก็...โป๊ะเช๊ะ...สถานการณ์น่าสงสัย จนมาร์คมั่นใจว่าแจ็คสันกำลังอยู่ในอันตรายจริงๆถึงได้รีบดิ่งมาหา มาร์คยอมทำผิดกฎจราจรขับรถด้วยความเร็วที่ทำเอาเข็มความเร็วชี้ขีดแดง ดริ๊ฟท์จนขึ้นควันเพื่อจะมาช่วยแฝดของพยานในคุ้มครอง

เพื่อมาเจอคนเรียกชื่อที่ไม่ใคร่จะได้ยินเนี่ยนะ!!

ตอนที่เขามาถึง ชายชุดดำก็ไหวตัวทันจะวิ่งหนีไปแต่ก็ไม่เร็วเท่ามาร์คที่รีบเหยียบเบรกรถจนเจสันกระโดดเกาะกระจกหน้า ดันประตูรถฝั่งตัวเองออกใช้เป็นเกราะกำบังควักปืนขึ้นมาเล็งและยิงในเวลาอันน้อยนิด ลูกกระสุนเจาะเขาหลังชายผู้ต้องสงสัยจนล้มลงไปกับพื้น น่าจะโดนส่วนสำคัญเพราะถึงกับนิ่งฟุบไปเลย บุรุษไปรษณีย์โชคร้ายขาอ่อนทรุดลงไปนั่งหน้าซีดทันทีที่ที่รู้ว่าตัวเองอยู่ในความปลอดภัย ตาเหลือกและสลบฟุบลงไปตรงนั้น

“แจ็คสัน!”เจสันวิ่งลงไปจากรถทันทีด้วยความเป็นห่วงน้อง เร็วจนมาร์คก็จับตัวไว้ไม่ทัน

“เดี๋ยวคุณ!!”ชายหนุ่มตะโกนเรียก เขากลัวว่าไอ้คนร้ายที่ล้มลงไปนั่นจะแค่แกล้งล้ม แล้วเจสันจะเป็นอันตรายไปอีกคน กัดฟันสบถหงุดหงิดแทบบ้าแต่ก็ทำได้แต่วิ่งตามไปคุ้มครองใกล้ๆ ปืนยังก็ยังเล็งคนร้ายบนพื้นไว้ พอเห็นว่าแจ็คสันเข้าไปในตัวบ้านแล้วก็โล่งใจได้เปราะหนึ่ง วอเรียกรถพยาบาลและรถตำรวจครั้งที่สองของวัน หันไปมองรอบๆเผื่อจะเห็นรถหรือพรรคพวกของชายผู้ต้องสงสัยอยู่แถวๆนี้แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ร่างผู้ต้องสงสัยที่ยังนิ่งอยู่ ใช้รองเท้าปลายมันเขี่ยๆในขณะที่มือก็ยังจ่อปืนไว้กันพลาด พอไม่มีปฏิกิริยามาร์คก็ตัดสินใจเตะพลิกร่างนั้นขึ้นนอนหงาย เป็นชายลูกครึ่งเอเชียอเมริกัน สวมชุดดำตั้งแต่หัวจรดเท้าหุ้มจนไม่เห็นผิวเนื้อยกเว้นใบหน้า รอยกระสุนเจาะเข้าที่บ่าซ้ายเบี่ยงขั้วหัวใจไปเพียงนิดเดียว ดีที่มาร์คหยุดมือตัวเองไว้ทันไม่อย่างนั้นเขาคงเสียโอกาสสำคัญไปแล้ว

พอเข้าไปในบ้านก็เจอกับตัวก๊อปปี้ของเจสันยืนอยู่ข้างๆ เหมือนจนไม่ต้องบอกก็รู้ว่าแฝด ถึงจะมีผมสีดำและผิวขาวกว่าก็ตาม ดูเรียบร้อยกว่าเจสัน ก็คงประทับใจมากกว่านี้ถ้าอีกฝ่ายไม่เข้าใจผิดว่าเขาคือน้องชายฝาแฝดตัวแสบนั่น สงบอารมณ์ยื่นมือไปทักทาย

“ผมชื่อมาร์ค...สวัสดีครับคุณแจ็คสัน”

แจ็คสันดูเก้อเขินที่ทักคนผิด แต่คุณมาร์คเหมือนพี่มาคัสมากจริงๆนะ ถ้าไม่รู้มาก่อนก็คงคิดว่าเป็นแฝดกันแล้ว ยิ้มกว้างเป็นมิตร ยื่นมือไปจับมือมาร์คตามมรรยาท แต่ก็โดนเจสันกอดตัวเอาไว้ก่อนแถมยังทำหน้าไม่เป็นมิตรใส่มาร์คอีกต่างหาก มาร์คหน้าตึงหันไปมองเจสัน เขม่นจ้องกันจนแจ็คสันต้องเป็นคนหยุดสถานการณ์น่าอึดอัดนี้เองด้วยการหันไปกอดคนเป็นแฝดพี่ ดึงตังไปนั่งบนโซฟาดีๆและเชิญมาร์คนั่งด้วย

“เชิญนั่งก่อนครับคุณมาร์ค”

“ไม่เป็นไรครับ ผมจะต้องไปดูคดีด้านนอกนั่น ขอตัวสักครู่นะครับ”มาร์คเอ่ยขอตัวไปด้านนอก เพื่อไปคุยกับเจ้าพนักงานเก็บหลักฐาน

ทันทีที่มาร์คเดินออกไปแจ็คสันก็หันมาทำหน้าดุใส่แฝดพี่ ไม่พอใจที่เจสันไปทำกริยาเสียมรรยาทใส่คนอื่นแบบนี้

“เจสัน! ทำไมเสียมรรยาทกับคุณมาร์คแบบนั้นล่ะ”

“ถ้าแจ็ครู้ว่าเจ้าหมอนั่นนิสัยแย่ขนาดไหน แจ็คจะไม่มีวันดุเจแบบนี้แน่”

เจ้าคนเกิดก่อนเขาสามวินาทีเชิดหน้าขึ้นอย่างดื้อรั้น เจสันคนเถื่อนคนแมนต่อหน้าคนอื่น แต่กับแจ็คสันก็แค่พี่ชายฝาแฝดขี้หวงแสนดื้อก็เท่านั้นเอง แจ็คสันส่ายหน้าดึงมือแจ็คสันมาตบเบาๆถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

“แล้วมันเกิดอะไรขึ้น”

“ก็...พวกตำรวจบอกว่าเจโดนมาเฟียตามล่า...”

“ฮะ!! ว่าอะไรนะ!!!!”คนเป็นแฝดน้องตะโกนลั่นทั้งตกใจและตื่นกลัว “แล้ว...แล้วเจไปทำอะไรไว้วะ! เดินเหยียบเท้า เดินชน มองหน้าหาเรื่อง ชิ่งค่าอาหารหรือไม่ยอมอาบน้ำแล้วพวกมันได้กลิ่นเลยไม่พอใจ”

เจสันกระพริบตาปริบๆมองแฝดน้องที่ตั้งสมมุติฐานเหมือนด่าเขาอยู่กลายๆแล้วก็ทำหน้าเนือย

“สาเหตุยังไม่รู้เลย แต่ที่ว่าเจไม่อาบน้ำนั่นหมายความว่าไง หลอกด่ากันอยู่ใช่ไหม?”

“ก็เจไม่ชอบอาบน้ำจริงๆนี่”

แล้วแจ็คสันก็เจอมะเหงกลูกใหญ่จากเจสันไปเต็มๆ ร้องง๊องแง๊งกันจนมาร์คที่เดินเข้ามาขมวดคิ้วฉับมองบรรยากาศแปลกๆนั่นงงๆ เจสันที่มองมาเห็นก่อนแบะปากใส่หันหน้าหนี ทำท่ารังเกียจเขาอย่างชัดเจน ทำเอาข้างในมาร์คเดือดปุดๆ ได้แต่ใส่หน้ากากหน้ายิ้มให้แฝดคนน้อง แจ็คสันยิ้มและผายมือเชิญให้เขาไปนั่งโซฟาอีกด้าน

...เป็นแฝดที่จะว่าเหมือนก็เหมือน จะว่าต่างก็ต่างจริงๆ...

“ครับ คุณแจ็คสัน คุณคงรู้รายละเอียดจากคุณเจสันแล้ว ตอนนี้พวกคุณสองคนอยู่ในอันตราย ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปคุณเจสันจะอยู่ในความคุ้มครองของผมและต้องย้ายออกจากที่นี่ชั่วคราว...”

“เผด็จการ” เจสันเอ่ยกวนประสาทขัดประโยค มาร์คหลับตาลงระงับความหงุดหงิด เขารู้สึกว่าแทนที่จะทำงานง่ายเพราะได้พยานตัวเอกมาไว้ในการคุ้มครอง กลับจะทำให้เขาทำงานยากขึ้นเพราะมีพยานไร้ความยับยั้งแบบเจสัน... ชายหนุ่มค่อยๆเค้นเสียงพูดต่อเรียบๆ

“ครับ แต่เนื่องจากว่าคุณก็อยู่ในอันตรายเหมือนกัน จึงจำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองเช่นกัน”

“เฮ้! งั้นแสดงว่าแจ็คสันก็อยู่กับผมได้สิ”เจสันยิ้มหน้าบานสวมกอดคนข้างๆ

“ไม่ครับ”

กลายเป็นว่าดีใจเก้อเมื่อมาร์คสวนปฏิเสธขึ้นมาในทันทีทันใด “ที่พวกมันต้องการตัวจริงๆคือคุณเจสัน ดังนั้นการจะให้คุณแจ็คสันอยู่กับคุณเจสันจะเป็นอันตรายสำหรับคุณทั้งคู่มากกว่า พวกคุณต้องอยู่แยกกัน”

“แล้วจะให้ผมไปอยู่ไหนล่ะครับ?”คราวนี้แจ็คสันเป็นคนถามเอง

มาร์คนิ่งไปชั่วครู่เหมือนคิดอะไรบางอย่างไม่ตก ดวงตาสวยมองแฝดน้องตระกูลหวังแล้วรู้สึกลำบากใจที่จะเอาคนท่าทางซื่อๆตามคนไม่ทันอย่างแจ็คสันไปฝากไว้กับคนๆนั้น แต่ในเมื่อมันไม่มีทางเลือก และชานซองก็มอบหมายหน้าที่นี้แก่เขาแล้ว มันก็ช่วยไม่ได้...

“ผมจะพาคุณไปหาเขาเอง...ภายในเย็นนี้”






ห้องสตูถ่ายแบบนิตยสารชื่อดังเล่มหนึ่งมีดาวเด่นสองดวงกำลังยืนโฟสท่าถ่ายแบบอยู่เบื้องหน้าแบคกราวด์สีขาว ฝ่ายหญิงในชุดเดรสสีขาวไหล่กว้างแหวกผ่าเผยเนินเนื้อเต็มตึงกำลังคล้องแขนแนบชิดกับชายหนุ่มในชุดสูทเข้ารูป เสื้อตัวในปลดกระดุมแหวกออกเล็กน้อยปล่อย ใบหน้าหล่อเหลาคมคายเปรยตามองไปที่หญิงสาวนิ่งๆ เอียงใบหน้าเข้ามุมกล้อง เผยเสน่ห์ในแบบนักธุรกิจหนุ่มหลังเลิกงานออกได้สมใจช่างภาพ

เสียงลั่นชัตเตอร์ดังติดๆกัน นายแบบนางแบบเปลี่ยนท่าทางเพื่อให้ได้ภาพที่หลากหลาย

“มาร์คัสดีแล้วครับ นางแบบเงยหน้าขึ้นอีกนิดนะครับ ครับแบบนั้น”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นตามที่บอกแต่มันกลับเยอะเกินไป มาร์คัสที่เหนื่อยแล้วเลยจับคางหญิงสาวจัดทรงหน้าให้เสียเลย กลายเป็นว่าสาวจ้าวหน้าแดงก่ำเขินอายซะอย่างนั้น นายแบบชื่อดังยิ้มในใจทั้งที่ใบหน้ายังคงอารมณ์ตามคอนเซป ขยับตัวเปลี่ยนท่าตามที่ตากล้องต้องการ มือแกร่งวางลงบนเอวคอดเล็กของหญิงสาวก้มลงให้ปลายจมูกเฉียดแก้มนวลเพราะเครื่องสำอางกระซิบข้างหูแผ่วเบา

“ตื่นเต้นเหรอครับ”

“ค...ค่ะ ดิฉันเพิ่งถ่ายแบบนิตยสารใหญ่แบบนี้ครั้งแรกน่ะค่ะ”

“สบายๆปล่อยไปตามอารมณ์เถอะครับ”

ชายหนุ่มขยับยิ้มการค้าแต่ตวัดตักหัวใจหญิงสาวมามากนักต่อนักให้เธอ และนั่นแหละ...

...เขารู้ทันทีว่าวันนี้จะได้กินของฟรีอีกแล้ว

“ครับ พอแล้วครับ ทำได้ดีมากครับทั้งสองคน”เสียงตากล้องตะโกนบอก มาร์คคัสหันมาสบตาหญิงสาว ลูบมือไปบนเอวคอดสวยเบาและส่งยิ้มอีกครั้ง โปรยเสน่ห์ล่อเหยื่ออย่างเชี่ยวชาญและเดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวใจสั่นระรัวและเป็นฝ่ายตามเขามาเอง

.
.
.

“อื้ม...อ๊ะ คุณมาคัสคะ อ๊า”

น่าเบื่อ...ชายหนุ่มคิดในใจขณะกำลังมีสัมพันธ์พิเศษหลังเลิกงานกับนางแบบหน้าใหม่ในห้องพักของโรงแรมข้างๆสตูดิโอถ่ายภาพ นึกว่าจะได้ลองลิ้มรสความสดใหม่ของพวกไร้ประสบการณ์แต่กลับกลายเป็นว่าความไร้เดียงสาที่เห็นภายนอกนั่นก็แค่ภาพลวง จริงๆก็แค่นางแบบกร้านโลกอย่างที่เขาเคยผ่านๆมาก็เท่านั้นเอง

ชายหนุ่มจับสะโพกผอมของหญิงสาวบนตัวให้เร่งจังหวะจนเสร็จกิจในเวลาที่รวดเร็ว ดันตัวเธอออก ลุกขึ้นเก็บกวาดซากของตัวเองไม่ให้เหลือหลักฐานเก็บไว้ สวมเสื้อกางเกงจัดเสื้อผ้าหน้ากระจกเต็มตัวในห้อง เหลือบตามองร่างบอบบางของหญิงสาวคู่นอนที่เข้ามาซุกซบด้านหลังเขา เอาเนินเนื้อนิ่มๆดันหลังดันไหล่เขาอย่างต้องการที่จะยั่วยวน จะมีคลาสหน่อยก็ตรงเจ้าหล่อนรู้จักสวมชุดพอให้วับๆแวมๆเปลือยกายโจ่งแจ้งแบบบางคนที่เคยผ่านมา

“คุณมาคัสคะ ดิฉันขอพบคุณอีกครั้งได้ไหมคะ”

มาร์คัสนิ่งเงียบ กลัดกระดุมเม็ดสุดท้าย ตรวจดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมว่าไม่มีอะไรบ่งได้ว่าเขาเพิ่งไปทำกิจกรรมรูปแบบไหนมาจนแน่ใจ ขยับตัวออกห่างหญิงสาว ดันตัวเธอไปนั่งบนขอบเตียง โน้มหน้าลงมาประกบจูบบนริมฝีปากเปื้อนลิปกรอสสีชมพูวาวนั่นเบาๆและผละออกอย่างรวดเร็ว

“เจอกันอีกที่ในเวลางานนะครับ”

ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้อง ใช้ทิชชูที่แอบเด็กมาจากในห้องเช็ดริมฝีปากตัวเอง โยนทิ้งถังขยะระหว่างทางลงไปชั้นล๊อบบี้ เลือกเดินออกมาทางประตูพนักงานหลบพวกปาปารัสซี่ขี้สอด ขึ้นรถออดี้ทรงสปอร์ทสีดำของตัวเองออกไปจากโรงแรม มุ่งหน้ากลับที่พักส่วนตัวที่มีเพียงผู้จัดการ เพื่อนคนสนิทและพี่ชายฝาแฝดเท่านั้นที่รู้ว่าอยู่ที่ไหน

ลัดเลาะเข้าซอกซอยนั่นนี่จนมาโผล่อีกทีก็หน้าอพาร์ทเมนต์ทรงโมเดิร์นดูไม่เด่นสะดุดตา เรียบง่ายแต่ก็ดูหรูราอยู่ในที ผนังไม้สังเคราะห์เข้ากับปูนเปล่าและกระจกใสได้ดี ต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าก็บังแสงบางส่วนในยามบ่ายๆสร้างความเย็นในอาคาร มีรั้วรอบขอบชิดสูงสองเมตรบังสายตาสอดรู้สอดเห็นได้อย่างดีเยี่ยม

มาร์คัสบังเอิญเจออพาร์ทเมนต์สามห้องนอนสองห้องน้ำนี้ในตอนที่มันกำลังจะถูกขายทอดตลาดเพราะไม่มีคนซื้อต่อ ก็แน่ล่ะ อยู่ไกลจากแหล่งอำนวยความสะดวกเกือบทุกด้านขนาดนั้นแถมยังต้องขี่เข้ามาซะลึกแบบนี้ คนธรรมดาที่ไหนจะชอบถ้าไม่ใช่ผู้ต้องการความเป็นส่วนตัวจัดแบบมาร์คัส

รถออดี้สีดำคันหรูจดนิ่งในโรงรถ นายแบบหนุ่มเดินลงมาและชะงักเมื่อคิดได้ว่าตัวเองไม่ได้ซื้ออาหารเข้ามาด้วย ส่ายหน้ากับความเบลอนี้ สงสัยจะโหมงานไปหน่อยเลยเลอะๆเลือนๆแบบนี้ แต่ไม่เป็นไร ในกรณีแบบลืมซื้ออาหารเข้าบ้าน การพึ่งเดลิเวอร์รี่ก็เป็นความคิดที่ดี...

ชายหนุ่มคิดอะไรเรื่อยเปื่อยขณะรูดคีย์การ์ดเข้าตัวบ้าน มาร์คัสชะงักรอบสองมองไฟในบ้านสว่างโล่

...เขาไม่มีทางลืมปิดไฟก่อนออกจากบ้านแน่ๆ...

“กลับมาสักทีนะ”เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูมาตลอดชีวิตเรียกสติของมาร์คสันกลับมา ดวงตาสวยสบกันก่อนนายแบบหนุ่มจะหันไปมองบุคคลแปลกหน้ากำลังนั่งก้มหน้างุดอยู่บนโซฟา

“นี่มันคืออะไรมาร์ค”นายแบบหนุ่มมองนายตำรวจผู้เป็นพี่แฝดด้วยสีหน้าเรียบนิ่งแฝงความไม่พอใจที่แสดงออกชัด เขารักความเป็นส่วนตัวมาก สถานที่อยู่ก็เป็นความลับ แต่มาร์คกลับเอาไอ้เด็กกะโปโลที่ไหนก็ไม่รู้มานั่งจ๋องบนโซฟาตัวโปรดของเขากลางบ้าน แถมยังมาพร้อมด้วยกระเป๋าใบโต โง่ขนาดไหนก็รู้ว่าพี่ชายฝาแฝดกำลังจะโยนภาระหนักอึ้งมาให้แล้ว

“คนนี้คือแจ็คสันหวัง”

“ส สวัสดีครับคุณมาร์คัส”เด็กนั่นก้มหัวปลกๆดูตื่นเต้นและไม่กล้าสบตาเขา แต่ก็ดีแล้วล่ะ เพราะถ้าเงยหน้ามาตอนนี้ต้องตกใจกับสีหน้าหงุดหงิดของนายแบบหนุ่มผู้ได้ฉายาเจ้าชายน้ำแข็งแน่ๆ

“แล้วยังไงอีก? ทำไมถึงพาเด็กนี่มา”

“ฉันจะฝากให้เขาอยู่กับนายสักระยะหนึ่ง แฝดพี่ของเด็กคนนี้โดนมาเฟียฮ่องกงปองร้าย มันเลยพลอยให้เขาเป็นอันตรายตามไปด้วย”มาร์คเอ่ยออกมาราวกับเป็นเรื่องง่ายๆ ยิ่งทำให้มาร์คัสหงุดหงิดขึ้นไปอีก

“ฉันไม่มีนโยบายรับฝากจุดล่อเป้าโจร”

“มาร์คัส”มาร์คเอ่ยย้ำชื่อแฝดน้องตัวเองเสียงเข้ม จ้องเข้าไปในดวงตาแบบเดียวกันกับตัวเอง “คดีนี้สำคัญกับฉันมาก...ถือว่าช่วยฉัน...แค่รับฝากไว้ อย่าให้เขาเป็นอันตรายก็พอ”

“ก็พอของนายมันภาระใหญ่หลวงของฉันนะมาร์ค ทำไมนายไม่เอาเด็กนี่ไปเลี้ยงเองซะล่ะ”

“ฉันต้องคุ้มครองเจสันแถมต้องสืบคดี แจ็คสันโดนลูกหลงเพราะเป็นแฝด เอาเขาออกห่างจากเจสันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”

“ไปฝากคนอื่น”มาร์คัสยังไม่ยอม ยังไม่อยากแบ่งพื้นที่ของตัวเองให้ใคร งานเขาก็มี กิจการก็ต้องจัดการเหมือนกัน จะมีเวลามาดูแลจุดล่อปืนล่อระเบิดได้ยังไงกัน มาร์คก็คงรู้ดีว่าเขาจะต้องปฏิเสธแน่เลยยกเหตุผลสามข้อที่ทำเอาเจ้าของอพาร์ทเมนต์หรูถึงกับพูดไม่ออก

“ที่อยู่ของนายแทบไม่มีใครรู้จัก เป็นเหตุผลข้อที่หนึ่ง สองคือถ้าคดีนี้สำเร็จฉันจะสามารถเปลี่ยนสายงานได้และสาม...ฉันมาทวงสัญญา...หวังว่านายจะช่วยฉันได้นะ น้องชาย”

“...”






มาร์คกลับไปแล้ว แต่ไม่ได้เอาแจ็คสันกลับไปด้วย เด็กนั่นยังนั่งจ๋องเป็นคนใบ้อยู่บนโซฟาแถมทำหน้าหงอยเหมือนลูกหมาโดนทิ้ง ก็แน่ล่ะ ฟังบทสนทนาเมื่อครู่นี้ก็คงรู้ว่าเขาไม่ต้อนรับตัวเองขนาดไหน จะมีใครหน้าด้านอยู่กับคนที่บอกว่าตัวเองเป็นจุดล่อเป้าโจรบ้างล่ะ

“คะ...คือ...คุณมาร์คัสครับ ถ้าคุณไม่สะดวกผมจะลองบอกคุณมาร์คให้ได้นะครับ”

“หูหนวกรึไง ถึงไม่ได้ยินที่พวกฉันพูดกันเมื่อกี้”

เด็กตัวเตี้ยเม้มปากก้มหน้ากอดกระเป๋าเป้ตัวเองแน่นไม่กล้าพูดอะไรกับเขาอีก

มาร์คัสเดินวนไปรอบห้องนั่งเล่น ในใจอยากโยนกระเป๋าพร้อมเด็กเตี้ยนี่ออกไปจากบ้านจะแย่ แต่พอคิดว่ามาร์คต้องลำบากเพราะตัวเองขนาดไหนก็ต้องสงบสติอารมณ์ไว้

...ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก...

คำสัญญาที่ให้ไว้ตลอดหลังจากที่รู้ว่ามาร์คทำงานในสายอาชีพที่ตนเองชอบไม่ได้ก็เพราะว่ามาร์คัสเป็นคนมีชื่อเสียงดังขึ้นมาในหัว คำสัญญาที่เขาให้ไว้กับมาร์คมานับครั้งไม่ถ้วน สงสัยจะถึงเวลาที่เขาจะทำตามสัญญานั่นจริงๆก็คราวนี้

“นายชื่ออะไร”

“เอ่อ...แจ็คสันครับ ผมชื่อแจ็คสันหวัง”เด็กนั่นเงยหน้าขึ้นมาตอบเขาหน้าตื่น ชายหนุ่มพยักหน้าไม่คิดจะแนะนำตัวเอง แต่พอกำลังคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี ท้องเขาก็ดังโครกครากให้นายแบบหนุ่มได้ยินเพียงคนเดียว

“นี่...นายน่ะ...”

“ครับ?”

“ทำอาหารเป็นใช่ไหม?”







ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*