[EREBUS] 20
~
20 ~
ความเจ็บปวดร้าวลึกในหน้าอกด้านซ้ายเรียกสติของร่างเล็กให้ตื่นจากภวังค์แห่งความฝัน
มือขาวยกขึ้นมากุมขย้ำเนื้อผ้า ก้มหน้ากัดปากขมวดคิ้วแน่นรับรู้ถึงแรงเต้นตุบตับหนักหน่วงของอวัยวะสำคัญในอก
เหงื่อพราวหยาดลงมาตามหน้าผากมนและข้างขมับ
แจ็คสันหลับตาแน่นพยายามขยับตัวให้น้อยที่สุด ลมหายใจแรงติดกระชั้นร้อนขึ้นผิดปกติ
หอบอากาศเข้าปอดยกมือบีบปลายจมูกตัวเอง อดกลั้นหายใจบรรเทาความทรมานไว้ชั่วขณะหนึ่ง
“อึก...”
จังหวะเต้นหัวใจกลับมาเป็นปกติหลังจากนั้นไม่นาน
แจ็คสันถอนหายใจเบาๆ เหลือบตามองใบหน้ารูปสลักของคนที่ยังกอดเขาไว้ในอ้อมแขน
ยิ้มบางๆกับความขี้เซาของอีกคน
...แต่ก็ดีแล้วล่ะ
เขาไม่อยากให้มาร์ครู้เรื่องนี้...
จับแขนหนักออกจากเอว
พยุงกายอ่อนแรงเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ระหว่างรอให้น้ำเต็มอ่างก็สังเกตปลายนิ้วตัวเองที่ขาวซีดมากกว่าทุกวัน
ยกมือขึ้นมองแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เป็นอะไรอีกล่ะเนี่ย”
ปลายนิ้วซีดเซียวราวกับไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยง
เล็บเริ่มออกสีม่วงช้ำทั้งที่ปกติจะเป็นสีชมพูอ่อนสุขภาพดีแท้ๆ
ลดมือลงกุมไว้บนตักก้มหน้าเหม่อลอยคิดอะไรบางอย่าง
สามวันมานี้แจ็คสันมีอาการแปลกๆ
นอกจากอาการเจ็บหน้าอกในตอนเช้าแล้ว ช่วงนี้ร่างกายก็ดูอ่อนแรงผิดปกติ
เหนื่อยง่ายหอบไว บางทียืนๆอยู่ขาก็อ่อนลงกะทันหัน แทบจะล้มวันละหลายรอบ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
คิดว่าเพราะร่างกายขาดโปรตีนเลยทำให้อ่อนแอลงแบบนี้ แต่พอนานเข้าแจ็คสันก็รู้ตัวว่ามันไม่ใช่
วันที่ปราสาทถล่มนั้น
ไม่ใช่ว่าแจ็คสันไม่ได้ยิน แต่เป็นเพราะเขาตะโกนกลับไปไม่ได้ต่างหาก พอเค้นลมจะเปล่งเสียง
ปอดก็ประท้วงด้วยการบีบตัวอย่างแรงราวเตือนว่าถ้าเขาฝืนตะโกนออกไป ปอดจะต้องได้ฉีกขาดเดี๋ยวนั้นแน่ๆ
เขาจึงเลือกนั่งอยู่เงียบๆรอมีความหวังว่ามาร์คจะหาเขาเจอในไม่ช้า ดังนั้นวินาทีแรงที่เห็นแสงสว่างลอดเข้ามาจากซอกเศษซากปรักหักพังพร้อมกับเสียงเรียกชื่อเขา
แจ็คสันถึงได้แย้มยิ้มกว้างราวกับไม่เคยเจ็บปวด เพราะเขาเชื่อเสมอว่ามาร์คจะตามหาเขาเจอและช่วยเขาออกไปได้
เพราะเชื่อใจ..เพียงคำเดียว
ความเย็นชื้นทำให้แจ็คสันสบถ
เขาใจลอยจนปล่อยให้น้ำล้นอ่างอีกแล้ว มือขาวรีบเอื้อมไปบิดหัวก็อก
พลันร่างกายก็เกิดร้อนวูบวาบ สติมึนเบลอไปชั่วขณะ ควบคุมร่างไม่ได้ปล่อยตัวเองจมลงไปในอ่างเสียงดังแฉกใหญ่
หลับตาหูอื้อมือยึดขอบอ่างตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ ไอโขลกใหญ่ไล่น้ำออกจากหลอดลม
หอบหายใจแรงดวงตาเบิกโพลง ยังช็อกก็เหตุการณ์เมื่อครู่อยู่ไม่หาย
“แจ็คสัน
เป็นอะไร?”
สะดุ้งสะบัดหน้าไปทางประตู
มองซ้ายขวาลนลานทำอะไรไม่ถูกอยู่พักหนึ่ง ดีที่มาร์คยังไม่เปิดประตูเข้ามา
ยังพอมีเวลาถอดเสื้อผ้าออกจากตัว คนจะอาบน้ำแต่ไม่ถอดเสื้อ มันแปลกใช่ไหมล่ะ?
เสียงกริ๊กดังขึ้นเบาๆเป็นเวลาพอดีกับแจ็คสันโยนกองเสื้อผ้าทั้งหมดลงพื้นข้างอ่าง
ทำหน้าเหรอหราใส่คนที่เดินเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่เอาจริงๆมาร์คก็ไม่เคยต้องขออยู่แล้ว
คนตัวเล็กเลยได้แต่ไถลตัวเองลงน้ำเหลือตั้งแต่ส่วนคอขึ้นไป แถมหันไปทำตาค้อนใส่คนมาใหม่ที่ถือวิสาสะมานั่งบนขอบอ่าง
มือหยาบยกลูบเส้นผมเปียกชื้นเบาๆ
ดวงตาสีสวยมองเส้นผมชื้นน้ำ เสื้อผ้าเปียกแฉะ รอยน้ำกระฉอกกระจายรอบอ่าง
พิจารณาสภาพการณ์เงียบๆ คิ้วเข้มขมวดแน่น
“เมื่อกี้เจ้าล้มลงอ่าง?”
“หะ...ห๊า
ไม่ได้ล้มสักหน่อย”คนตัวเล็กนิ่งอึ้งไม่เข้าใจว่าทำไมมาร์คถึงได้รู้เรื่องนี้ได้
ยกขาขึ้นกอดเข่าหนีมือแกร่งที่พยายามจะจับขาตัวเองขึ้น
ดวงตาสีม่วงวาวโรจน์กราดมองทำให้มนุษย์ตัวน้อยสะดุ้ง
มาร์คทำหน้าเคร่งเครียดจนแจ็คสันเริ่มกลัวเจ้าของสายดุขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาโตหลุบต่ำหลบตาและไหล่เปลือยสั่นระริก
มาร์คถอนหายใจสบถกับตัวเองเบาๆ ตั้งใจว่าจะไม่ดุอีกแต่พอเห็นแจ็คสันดื้อก็อดปรามไม่ได้
“ให้ข้าดู
ถ้าเจ้าไม่ได้ล้มจริงๆ”
แค่ริมฝีปากอิ่มแดงถูกขบกัดอย่างลังเลใจก็ทำให้มาร์ครู้แล้วว่าข้อสันนิฐานของตนเองถูกต้อง
มือด้านหนึ่งดันไหล่แจ็คสันติดอ่าง ส่วนอีกข้างฉวยเอาขาขาวด้านหนึ่งขึ้นมาตรวจดูร่องรอยการฟกช้ำ
รอยช้ำเป็นทางยาวบนต้นขาเนียนสร้างความไม่พอใจแก่ลูซิเฟอร์เป็นอันมาก
“โว้ย!”
แจ็คสันสะดุ้งโหยงตกใจ
ไม่เคยเห็นมาร์คโมโหแบบนี้ ตัวเกร็งแน่นเมื่อร่างถูกช้อนขึ้นจากอ่าง มือขาวกำรอบแขนมาร์คไว้กันตก
สบตาดุกร้าวของคนตัวสูงแล้วได้แต่ก้มหน้างุดๆเงียบไม่กล้าสู้หน้าอีก
มาร์ควางเขาให้นั่งบนขอบเตียง
ตลบผ้าห่มคลุมกายเปล่าเปลือยให้ นั่งลงยกขาด้านที่ช้ำขึ้นวางบนตัก
นิ้วเรียวสวยบรรจงทายาแก้ฟกช้ำให้ทั้งที่ใบหน้ายังเครียดขึงน่ากลัว
แจ็คสันนั่งนิ่งไม่กล้าขยับตัว ได้แต่นิ่งเงียบรอให้มาร์คพูดหรือถามอะไรสักอย่าง
“เป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เป็นอะไร?”
“ข้าถามว่าเจ้าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่!”
หงุดหงิดจนเผลอตะคอกเสียงดังใส่
คนตัวขาวสะดุ้งโหยงขวัญเสีย ดวงตากลมเอ่อน้ำก้มหน้าซุกผ้าห่ม ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องตวาดกันด้วย
กลั้นสะอื้นด้วยความน้อยใจขณะเสียงอู้อี้เอ่ยตอบออกไป
“สามวันก่อน”
มาร์คหลับตาลงข่มความรู้สึกเกรี้ยวกราดภายใน
เขาหงุดหงิดที่แจ็คสันไม่ยอมบอกว่าตัวเองกำลังไม่สบาย
หงุดหงิดที่เรื่องที่จูเนียร์เตือนเป็นความจริง หงุดหงิดตัวเองที่ไม่สังเกตอาการแจ็คสันให้เร็วกว่านี้
หงุดหงิดไปหมดทุกอย่างอัน แต่พอเห็นคนบนเตียงซุกหน้าร้องไห้เพราะอารมณ์รุนแรงของตนแบบนั้นก็รู้สึกผิดขึ้นมา
“ขอโทษ”
รวบตัวอีกคนมากอด
แต่ยิ่งกอดแจ็คสันก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น ผ้าห่มผืนหนาซับน้ำตาหยดแล้วหยดเล่าจนมันเปียกชื้นและหนักอึ้ง
มาร์คโยกคนตัวเล็กไปมาเป็นการปลอบโยน
มาร์ครู้ว่าตัวเองควรบอกเรื่องที่จูเนียร์เตือนให้แจ็คสันฟัง
แต่สุดท้ายก็ได้แต่เอ่ยคำขอโทษซ้ำแล้ว...
ซ้ำเล่า....
“ขอโทษ
ขอโทษจริงๆ...”
สายพลังสีดำกว่าร้อยสายทยอยลำเลียงซากปรักหักพักออกไปจากพื้นปราสาท
ผนังด้านนอกปราสาทถูกซ่อมแซมเกือบเสร็จแล้ว เหลือแต่รูโหว่สามห้องใหญ่ใกล้ห้องหนังสือ
วันนี้ลูซิเฟอร์ขึ้นมาคุมงานเองหลังจากที่สองวันมาแล้วงานก็ไม่คืบ
แจ็คสันก็เพิ่งรู้ว่าพลังสีดำของมาร์คจะอ่อนพลังลงตามระยะห่าง
ยิ่งส่งไปไกลก็ยิ่งไร้พลัง สองวันมานี้มาร์คก็เอาแต่อยู่กับแจ็คสันซึ่งห่างกันเกือบยี่สิบชั้นตลอด
งานมันก็เลยไม่ไปถึงไหนสักที
มาร์คถอนหายใจมองงานปรับปรุงปราสาทด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ
ใครว่าเป็นเทพปีศาจจะเป็นง่าย ขนาดปราสาทพังยังต้องมาซ่อมด้วยตัวเองเลย
“มาร์ค~~~~~”
หันกลับไปมองคนตัวเล็กที่นั่งแกว่งขาเล่นอยู่บนหินก้อนหนึ่งด้านหลังแล้วทำให้ยิ้มกว้างออกมาไม่ได้
แจ็คสันยกกระดาษที่มีรูปอะไรไม่รู้ขึ้นมาโชว์ด้วยหน้าตาที่แสนจะภูมิใจ
ดวงตากลมโตพราวระยับ แย้มยิ้มกว้างเหมือนเด็กเล็กๆ
“สวยไหม?”
“นั่นเจ้าวาดอะไรนั่น”
“เง่อะ!”ส่งเสียงแปลกประหลาดออกมาพร้อมหุบยิ้มทำหน้ามุ่ย พับกระดาษลงเซ็งๆ
ปากแดงบ่นงุบงิบก้มลงเขียนอะไรบนตักต่องอนๆ
มาร์คส่ายหน้าเดินเข้าไปใกล้
ก้อนหินที่แจ็คสันนั่งอยู่สูงถึงระดับอกจึงไม่ยากที่แขนแกร่งจะโอบสะโพกมนเอาไว้อย่างพอดิบพอดี
ช้อนตามองใบหน้าแดงระเรื่อของคนในอ้อมแขน
“ไม่ต้องมาง้อเลยนะ
ไม่ชมก็ไม่ว่าหรอก มาบอกว่าดูไม่ออกนี่โกรธอ่ะ”
“ก็ดูไม่ออกจริงๆนี่”
แจ็คสันทุบไหล่ลงไปหนักข้อหาพูดความจริงเกินไปจนรับไม่ได้
ผวาตัวกอดคอคนตัวสูงกว่าไว้แน่นเมื่อจู่ๆมาร์คก็อุ้มเขาลงจากหิน ตอนแรกก็กลัวๆอยู่หรอกที่โดนอุ้มวืบวาบชวนเวียนหัว
แต่พอโดนอุ้มไปนั่นมานี่บ่อยเข้า ก็กลายเป็นความเคยชินไปเสียอย่างนั้น แต่ก็ยังมีคำถามหนึ่งที่แจ็คสันอยากถามมาร์คมานาน
“อุ้มผมบ่อยๆนี่ไม่หนักบ้างเหรอมาร์ค?”
“ข้อคือลูซิเฟอร์นะ
อีกอย่าง นี่เจ้าไม่ได้สังเกตตัวเองเลยหรือว่าตัวเองเปลี่ยนไปขนาดไหน”
กล้ามเนื้อที่เคยตึงแน่นสมชายชาตรีแฟบลงหมดเหลือแต่เนื้อนิ่มๆน่ากัดน่าบีบเพราะแทบไม่ได้ออกแรงทำงานอะไรเลย
สะโพกหนาบางลง เอวก็คอดกอดรัดโอบรอบได้ทั้งตัว ในนรกนี่ไม่มีแสงอาทิตย์ผิวที่ขาวอยู่แล้วเลยยิ่งขาวซีดเข้าไปใหญ่แต่ก็ยังนวลสวยเพราะสรรพคุณของผมไม้แดนนรก
กลิ่นตัวหอมสะอาดไม่มีกลิ่นคาวเนื้อ เส้นผมสีน้ำตาลนุ่มสวยยาวประบ่าปรกคิ้ว ประกอบกับดวงตากลมโต
จมูกโด่งรั้นน่ารักและริมฝีปากอิ่มแดง คนในอ้อมกอดจะรู้ตัวบ้างไหมว่าตอนนี้ตัวเองดู
‘สวย’ ขึ้นขนาดไหน?
“บางขนาดนี้ข้าอุ้มเจ้าได้ทั้งวันนั่นแหละ”
“เดี๋ยวเถอะ!”ขึ้นเสียงใส่เจ้าของจมูกโด่งๆที่คลอเคลียข้างลำคอขาว ยิ่งวันนี้แจ็คสันใส่เสื้อคอกว้างแขนยาวด้วยแล้ว
นิ้วเรียวเลยอดไม่ได้ที่จะดึงรั้งมันลงมาเผยผิวเนียนมากยิ่งขึ้น ริมฝีปากสวยพรมจูบตามแนวไหล่มน
วกขึ้นมาขบเล็มใบหูนิ่ม สูดดมความหอมละมุนข้างแก้มแดงเรื่อ ลมหายใจร้อนของคนตัวเล็กกว่าบอกถึงอารมณ์ที่ถูกจุดขึ้นเพราะโดนจู่โจมในจุดอ่อนไหว
“มาร์ค ไม่เอา”
“ปฏิเสธเต็มเสียงกว่านี้สิ”
ดวงตากลมโตสบตาค้อนเบือนหน้าหลบแต่ก็โดนมือแกร่งดันปลายคางขึ้นมาสบตาด้วย
ปลายจมูกซุกซนดุนดันปลายจมูกรั้นหยอกล้อไปมาเร่งให้แก้มแดงผ่าวร้อน ดวงตากลมโตปรือปิดรอรับสัมผัสร้อนจากริมฝีปากหยักที่โน้มลงมาใกล้
“หวานกันไม่รับแขกเลยให้ตายสิ”น้ำเสียงหวานทุ้มดังขึ้นขัดจังหวะ
ตากลมกระชากเปิดผลักมาร์คออกไปจากตัว หันไปมองคนมาใหม่ที่ยักคิ้วล้อมาให้หน้าตาเฉย
ปรอทความเขินพุ่งปรี๊ดหน้าแดงก่ำทรุดตัวลงนั่งกับพื้น (ที่จริงก็แอบเหนื่อยด้วยแหละ)
“แอสทารอสจูเนียร์!”มาร์คคำรามไม่พอใจ ดูหงุดหงิดที่มีคนมาขัดจังหวะ
ผิดจากจูเนียร์ที่หัวเราะก๊ากดูสะใจที่ได้มาขัดจังหวะหวานของคู่อื่น ยันตัวลุกขึ้นจากหินที่วางกองระเกะระกะอยู่
“วันนี้ฉันมีธุระกับแจ็คสัน”พูดบอกจุดประสงค์
หันไปมองคนตัวเล็กที่ยังก้มหน้างุดๆไม่กล้าสบตาอยู่บนพื้น “เฮ้ๆ หันมาสบตาหน่อยสิ
เขินอยู่นั่น มากกว่านี้ข้าก็เห็นผ่านลูกแก้วหมดแล้วเถอะ”
“จูเนียร์!!!”มาร์คกับแจ็คสันร้องขึ้นพร้อมกัน หน้าแดงก่ำทั้งคู่ มาร์ครู้ว่าจูเนียร์มีพลังหยั่งรู้แต่ก็ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะดูเรื่องแบบนี้ได้ด้วย
“เออน่าๆ”คนแอบดูเรื่องชาวบ้านโบกไม้โบกมือไม่รู้สึกผิดแต่อย่างไร
“แค่คำถามเดียว ตอบฉันมา แล้วฉันจะให้ชะตากรรมแก่นาย”
“หืม?”ในที่สุดแจ็คสันก็กล้าสบตากับจูเนียร์สักที
ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ผิดกับมาร์คที่รู้ทันทีว่าแอสทารอสกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
ลูซิเฟอร์ไม่รู้ว่าตนควรจะรู้สึกเช่นไรในสถานการณ์แบบนี้...
“ระหว่างความมืดมิดอันเหน็บหนาวในเอริบัส
หรือ แสงอาทิตย์อันอบอุ่นบนโลกมนุษย์ เจ้าจะเลือกอะไรดีล่ะ แจ็คสันหวัง...”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น