[OUR] 08
OUR BABY!
บทที่
08
เจบีก้มมองหลอดบรรจุน้ำสีฟ้าใสในอุ้งมือด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
คิดไม่ออกว่าจะสามารถนำไปใช้กับใครได้
แต่จู่ๆภาพใบหน้าหวานของรุ่นน้องเพื่อนแจ็คสันก็โผล่ขึ้นมาในหัว
ส่ายศีรษะไปมาแค่นยิ้มกับตนเอง ปฏิเสธไม่ได้ว่าหน้าตาจูเนียร์น่ารักถูกใจเขาไม่น้อย
แต่เขากับจูเนียร์ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้นสักหน่อย
จะเอาไปใช้กับน้องเขาได้ยังไงกันล่ะ?
สุดท้ายเลยได้แต่เก็บมันลงกระเป๋าลงไปนอนนิ่งในพื้นกระเป๋าเสื้อคลุม
คิดจะเอาไปเผาทิ้งทีหลัง ก็สรรพคุณสิ่งประดิษฐ์แต่ละอย่างของเพื่อนเขามันไม่มีอะไรปกติสักอย่างหรอก
“แล้วจะอยู่ไปจนถึงเมื่อไหร่วะ?
พี่แทคไม่เฉ่งเอาแล้วเหรอ ไม่ไปทำงานนานขนาดนี้”
“กูขอลาสามเดือน”มาร์คบอกหมุนตัวกลับไปทำอะไรกุกกักๆบนโต๊ะต่อ
เสียงโทรศัพท์เครื่องบางดังขึ้นมาในช่วงเงียบพอดี สายตาสองคู่หันไปมองมันเป็นสายตาเดียว
มันสั่นครืดๆน่ารำคาญให้เจ้าของรับมันเสียที มาร์ครีบกดรับมันแย้มยิ้มกว้างคุยกับปลายสาย
“ครับ ป๊า”
เจบีเดินออกมาจากห้องอย่างรู้ดีว่ามาร์คต้องการความเป็นส่วนตัวในการคุยโทรศัพท์กับครอบครัว
ไม่ใช่ว่าครอบครัวมาร์คดุหรืออะไรหรอกนะ เขาต่างหากที่ไม่เข้าใจเวลาครอบครัวนี้คุยกัน
เคยนั่งฟังครั้งหนึ่งเหมือนกำลังนั่งมนุษย์ต่างดาวกำลังติดต่อกันด้วยภาษาลับทางราชการอย่างไรอย่างนั้นเลย
-*- คิดจะพูดจีนก็พูด จะอังกฤษก็อังกฤษ สักพักก็มาเกาหลี
บางทีมาร์คมันก็หลุดศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ออกมาให้สตั๊นเล่นๆ เดินออกมาจะเป็นการปลอดภัยกับสมองเล็กๆของเจบีเสียมากกว่า
ทำไมเจบีคนชิคถึงได้เป็นเพื่อนกับคุณมาร์คต้วนพ่อคนอัจฉริยะหน้าหล่อนั่นเหรอครับ?
ตอนม.ปลายเจบีได้ทุนไปศึกษาต่อที่อเมริกาเทอมหนึ่ง
แต่เพราะเป็นคนเอเชียเลยโดนเขม่นอยู่ไม่น้อย วันหนึ่งเดินต๊อกแต๊กอยู่แถวสนามหญ้าหลังอาคารเรียนหลบพวกนักเลงคุมโรงเรียน
ก็เจอกับไอ้ผอมนี่ก้มเงยๆหาอะไรไม่รู้แถวพงหญ้า
เห็นว่าเป็นคนเอเชียเหมือนกันเลยถามว่าให้ช่วยไหม ไม่คิดว่าคำตอบที่ออกมาจะเป็น
“งั้นขอฟันนายได้ไหม?
ฟันนายสวยดีนะ”
ผมนี่แทบเอาฟันเฉาะหน้ามัน
-*-
สุดท้ายกว่าจะเข้าใจว่ามาร์คมันกำลังหาตัวอย่างฟันสิ่งมีชีวิตไปสกัดอะไรของมันก็ไม่รู้ก็เกือบได้ต่อยมันไปจริงๆ
สุดท้ายก็เลยได้ลงไปกลิ้งพื้นตามหาฟันช่วยมัน ก็จับพลัดจับพลูมาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ตอนนั้นแหละ
ถึงจะเป็นเพื่อนกันนานขนาดนั้นก็ใช่ว่าผมจะเข้าใจมันนะครับ เพราะฉะนั้นเวลามันทำอะไรผมถึงไม่ค่อยถามไง
มันตอบมางงกว่าเดิมแล้วจะยุ่ง...
เสียงตึงตังจากด้านในห้องเรียกให้เจบีเหลียวหันกลับไปมอง
“ทำอะไร?”
“เก็บของ”
คิ้วเรียวเข้มขมวดแน่น
เดินกลับไปเปิดประตูมองเพื่อนที่ยิ้มกว้างก้มๆเงยๆโยนสัมภาระทุกอย่างลงกระเป๋าใบใหญ่ด้วยความงงงวย
งงยิ่งกว่าเดิมเมื่อเจอประโยคขอร้องเชิงสั่งของมัน
“พากูไปสนามบินหน่อย
ตอนนี้เลย”
“เฮ้อ”
จูเนียร์เงยหน้าขึ้นมาจากชีทเรียน
เงยหน้ามองแจ๊คสันท้าคางถอนหายใจอยู่ม้านั่งอีกฝั่งของโต๊ะ พวกเขามาติวหนังสือกันหน้าคณะเพราะอีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะถึงสอบปลายภาคแล้ว
นี่เป็นปีสุดท้ายในการเรียนมหาวิทยาลัยของพวกเขา งานวิจัยส่งไปแล้วเมื่อเดือนก่อน
เพียงแค่สอบปลายภาคนี้ผ่านทุกอย่างก็ฉลุย รอรับใบปริญญาได้เลย แล้วประตูอนาคตอันสดใสก็จะเปิดแง้มต้อนรับพวกเขาด้วยความยินดี
แต่เหมือนแจ็คสันมันจะไม่เหลียวแลประตูนั่นเลยแฮะ...
อุตส่าห์หวังดีลากมันออกจากห้องมาเจอผู้คนได้แล้ว
แต่เพื่อนเขาก็ยังดูหงอยๆเหงาๆอยู่ดี เพราะเรื่องที่พี่มาร์คหายตัวไปไม่ได้ข่าวคราวอะไรเลยนั่นแหละ
แจ็คสันมันเลยมีสภาพเหมือนลูกหมาโดนเจ้าของทิ้งแบบนี้
“ให้มาอ่านชีท
ไม่ใช่ให้ชีทมามองมึงถอนหายใจใส่”
“ไม่เข้าหัวเลยว่ะจูเนียร์”แจ็คสันไถลตัวลงไปฟุบนอนกับพื้นโต๊ะดูท่าทางหมดเรี่ยวหมดแรง
จูเนียร์กลอกตาเหนื่อยหน่าย ตบหัวกลมเบาๆ
“มันจะเข้าไปได้ไหมถ้ามึงไม่อ่าน?
กูเห็นแต่มึงนั่งถอนหายใจแบบนั้นมาชั่วโมงกว่าแล้วนะเว้ย”
“กูยังไม่โอเคว่ะ”
“แจ็คสัน กูรู้ว่ามึงยังคิดเรื่องพี่มาร์คอยู่
แต่ถ้ามึงไม่อ่านหนังสือตอนนี้ ชีวิตมึงร่วงแน่ เข้าใจกูไหม?”
แจ็คสันถอนหายใจพยุงตัวลุกขึ้น
พยักหน้าให้เพื่อนเนือยๆ ทำไมเขาจะไม่รู้ล่ะ ก็ไม่ได้หลงวันหลงคืนขนาดนั้นสักหน่อย
แต่ใจมันว้าวุ่นเกินไป แทบไม่มีสมาธิจะทำอะไรเลย นอยด์มันก็ส่วนนอยด์
แต่ตอนนี้มีความห่วงมากกว่า กลัวว่าอีกคนจะเป็นอะไรไป
เพราะนี่ก็นานมากแล้วที่มาร์คไม่ได้ติดต่อกลับมาเลย
จูเนียร์มองหน้าเพื่อนก็รู้แล้วว่ายังไงๆวันนี้ก็ไม่ได้อ่านหนังสือแน่
ปิดชีทยัดใส่กระเป๋าลุกขึ้นดึงคนเหม่อลอยขึ้นมายืน จัดการเก็บของลงกระเป๋าให้อย่างเผด็จการ
ลากมือเพื่อนออกมาจากหน้าคณะ มีแจ็คสันเดินตามทำหน้ามึนๆอย่างไม่เข้าใจ
“จะไปไหน”
“ไปไหนก็ได้ที่มึงจะไม่ทำตัวเป็นซากแบบนี้ไง”
ปี๊น!
เสียงบีบแตรรถไล่มาจากด้านหลังเรียกให้พวกเขาหันกลับไปมองคาดิลแลค
อีแอลอาร์สีเทาที่แล่นเลียบทางเท้า คนขับเปิดกระจกลงเผยให้เห็นใบหน้าชวนสมบูรณ์แบบชวนดึงดูดของใครบางคนที่แจ็คสันรู้จักดี
“พี่คุณ!”เรียกชื่อบุคคลที่ส่งยิ้มกลับมาให้ ในขณะที่จูเนียร์รีบโค้งสวัสดี
“พี่คุณมาทำอะไรแถวนี้ครับ?
ไม่ได้เข้าเวรเหรอ?”
“พี่เพิ่งออกเวรเมื่อกี้เอง
พวกเราว่างอยู่ไหม? พี่มีเรื่องให้ช่วยหน่อยน่ะ”ใบหน้าขณะเอ่ยขอร้องของนิชคุณทำให้พวกเขาใจอ่อนยวบ
เพียงแค่มือสวยกวักมือเปิดประตูรถให้ แจ็คสันและจูเนียร์ก็เดินลอยๆเข้าไปนั่งทันที
ไม่ได้คิดสงสัยอะไรเลยสักนิด
“อ่อ มีอะไรให้พวกผมช่วยเหรอครับ?”จูเนียร์ถามขณะที่รถเริ่มเคลื่อนเข้าเลนร่วมกับรถคันอื่นสัญจรไปตามถนนคอนกรีตแสนยืดยาว
“พี่กำลังจะไปหาชุดไปงานเลี้ยงโรงพยาบาล
แต่พอดีพี่ไม่ค่อยถนัดด้านนี้ ก็เลยอยากให้พวกนายไปช่วยเลือกให้หน่อยน่ะ”
“ระดับพี่คุณใส่อะไรก็ขึ้นไปหมดแหละครับ
จริงๆไม่เห็นต้องเครียดเลย”แจ็คสันโพล่งขึ้น มีจูเนียร์พยักหน้าสนับสนุน
แต่คนโดนชมกลับหัวเราะแห้งๆเหมือนไม่อยากพูดอะไรอีก
ร้านขนาดสองห้องแถวซึ่งครึ่งหนึ่งติดกระจกใสเป็นส่วนให้เช่าชุดแต่งงานดีไซน์เก๋ไก๋
อีกครึ่งหนึ่งเป็นร้านขายเสื้อผ้าทั่วไป
แต่การตกแต่งร้านและรูปแบบเสื้อผ้าที่เอามาโชว์หน้าร้านดูโดดเด่นและสวยงามจนนึกว่าหลุดมาจากแคทวอร์คปารีส
พี่คุณเดินเข้าไปในร้านหันมาเรียกเด็กหนุ่มสองคนที่ยังยืนมองสภาพร้านด้วยความสนใจด้านนอกให้เข้าไปด้านในด้วยกัน
“มินจุนอยู่ไหม?”พี่คุณเรียกใครบางคนในร้าน
พวกเขาได้ยินเสียงตึงตังอยู่หลังร้านเหมือนของตก ตามด้วยเสียงตอบรับเสียงใสแปดหลอด
“อยู่นี่คร๊าบบบ
คุนนี่ใช่ไหม?”
ใบหน้าเรียวเปล่งประกายสดใสโผล่ออกมาจากประตูหลังร้าน
ชายหนุ่มสวมเสื้อล้ำสมัยคนนี้น่าจะเป็นเจ้าของร้าน มินจุนยิ้มกว้างต้อนรับพวกเขา
ดวงตาเรียวหางตกเหมือนแพนด้ามองพี่คุณระริกเหมือนลูกหมาเจอเจ้าของ
รีบเข้ามากอดคลอเคลียพี่คุณใหญ่
“ไม่ได้เจอกันนานเลย
คุนนี่สบายดีใช่ไหม?”
“ฉันสบายดี
อ้อ นี่แจ็คสันที่ฉันพูดถึง อีกคนนั่นจูเนียร์นะ”
“สวัสดี
พี่ชื่อคิม มินจุนนะ เป็นเพื่อน อ่า ถ้าตามอายุคงบอกว่าเป็นพี่ของคุนนี่
อยากให้ช่วยอะไรบอกได้เลยน้า”
แจ็คสันกับจูเนียร์โค้งหัวให้เพราะมินจุนดูอายุเยอะกว่าพวกเขา
แจ็คสันรู้สึกแปลกๆที่โดนมินจุนมองสายตาพินิจพิเคราะห์
“สงสัยต้องตัดปลายออกแฮะ”
“เอ๊ะ
อะไรนะครับ”แจ็คสันที่ได้ยินเสียงบ่นพึมพำไม่เบานักของมินจุนรีบเอี้ยวหันกลับไปมองชายหนุ่มที่ทำหน้าเหรอหรามาให้
ในขณะที่พี่คุณหัวเราะยิ้มๆ เดินไปหาเพื่อนตัวเองพูดอะไรกันไม่รู้ เห็นพี่มินจุนทำหน้าหงอยไปแวบหนึ่งก่อนจะลั๊นล๊าวิ่งเข้าไปหลังร้าน
“พวกเรามาลองเลือกๆดูกันเถอะ”
แจ็คสันกับจูเนียร์พยักหน้าหงึกหงักแยกกันไปดูเสื้อผ้าตามราวแขวน
จูเนียร์ส่งเสียงวู๊วว๊าวออกมาตลอดเวลา หมอนั่นยังไงก็แฟชั่นนิสต้าอยู่แล้ว อีกอย่างเสื้อผ้าของร้านนี้ก็มีดีไซน์โดดเด่นสีสันหลากหลาย
ให้จูนียร์มาอยู่นี่ทั้งวันเลยคงได้
แต่สำหรับแจ็คสันที่ชอบสไตล์โมโนโทนขาวดำก็ได้แต่หยิบๆจับๆเพราะไม่ถนัดเสื้อผ้าแนวนี้จริงๆ
“พวกนายว่าเป็นยังไง?”พี่คุณถามมาจากอีกด้านของร้าน
เด็กหนุ่มทั้งสองพยายามเหลือเกินที่จะเก็บสีหน้าเหวอๆเอาไว้เพื่อไม่ให้พี่ชายที่รักเสียหน้าเกินไป
เสื้อคอเต่าสีเขียวตุ่นกับกางเกงทรงลุงสีน้ำตาลอ่อน...
เชื่อแล้วล่ะว่าพี่คุณไม่ถนัดจริง
(หัวเราะแฮะๆ)
“เอ่อ...”
“ลุงชะมัดเลยอ่าคุณ...”มินจุนโพล่งขึ้นมาขมวดคิ้วใส่เพื่อนตัวเอง
มือเรียวแย่งชุดในมือสวยขึ้นไปเก็บ “งานแต่งงานนายฉันขอผูกขาดชุดแต่งงานเลยนะ
ฉันไม่ยอมให้บ่าวสาวของงานใส่ชุดลุงแต่งงานแน่นอน”
“จะให้ฉันแต่งกับใครล่ะหืม?”
“แทคไง
หมอนั่นยังไม่ขอนายแต่งงานอีกรึไง?”
“ก็...ขอแล้วอ่ะนะ
แต่ฉันปฏิเสธไปน่ะ”
“เฮ้ย! ทำไมอ่ะ”มินจุนดูตกใจในสิ่งที่เพิ่งได้ยิน
ไม่ต่างจากแจ็คสันและจูเนียร์ที่หันมาสนใจทันที
“ยังไม่พร้อมน่ะ...ฉันยังสนุกกับการทำงานอยู่”
“สงสารแทคนะคุณ
นายให้หมอนั่นรอนานมากล้วนะ...”มินจุนเอ่ยกับนิชคุณที่ยิ้มบางๆ ไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้ตอบรับ
จนเจ้าของร้านขายเสื้อผ้าถอนหายใจอย่างรู้ดีว่าท่าทางแบบนี้หมายถึงไม่อยากพูดถึงมันอีก
พอดีกับเสียงเรียกเข้าจังหวะโซลหวานดังขึ้น
“...โอ๊ะ
แป๊ปนึงนะ”
พี่คุณเดินเลี่ยงไปรับโทรศัพท์อีกด้านไม่นานก็เดินกลับมาด้ยท่าทีเร่งรีบ
“มีเคสผ่าตัดด่วนน่ะ
พี่คงไปส่งไม่ได้แล้ว ขอโทษแจ็คสันกับจูเนียร์ด้วยนะ ตอนกลับก็ฝากนายด้วยนะมินจุน”
“เอ๊ะ...เอ่อครับ”แจ็คสันตอบรับงงๆ
มองคุณหมอไฟแรงวิ่งออกไปจากร้าน มีมินจุนโบกมือลาหยอยๆ มือเรียวดึงตัวคนตัวเตี้ยเข้าไปหาตัว
หมุนซ้ายหมุนขวาไปมาจนแจ็คสันมึนหัว เสร็จก็พุ่งไปหาจูเนียร์ทำแบบเดียวกัน พอใจแล้วถึงได้เดินไปทดๆจดๆลงบนกระดาษบนโต๊ะทำงาน
ซึ่งมินจุนก็ไม่ได้ให้เหตุผลอันใดนอกจากรอยยิ้มกว้างเดิมๆ
“ป่ะ
เดี๋ยวพี่ไปส่ง...”
BMW Z4 สีเหลืองแล่นไปตามถนนสายหนึ่ง
หลังจากที่ไปส่งจูเนียร์ที่บ้านแล้วก็เหลือแค่แจ็คสันกับมินจุน ทั้งสองพูดคุยกันได้อย่างถูกคอ
คงเป็นเพราะมีความชอบเหมือนกันในหลายๆอย่าง
แจ็คสันหัวเราะก๊ากทุกครั้งที่มินจุนส่งมุขหรือทำท่าทางตลกๆอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันขำ
แต่ด้วยความตลกธรรมชาติของแจ็คสันที่ก็ล้นเหลือไม่แพ้กันก็ทำให้พวกเขาสลับกันหัวเราะไปมา
บรรยากาศในรถดีจนกระทั่งมี
Audi
R8 Spyder สีขาวมุกปรากฏขึ้นมาตีข้างรถพวกเขา ตอนแรกก็คิดว่าแค่ต้องการจะแซงแต่เมื่อผ่านไปแล้วสองทางแยกก็รู้แล้วล่ะว่าคงตามพวกเขามา
ทั้งสองมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายตามมาเพราะอะไร
BMW Z4 เร่งความเร็วหวังจะหลุดจากการติดตาม แต่ประสิทธิภาพของ Audi R8
Spyder ก็ถูกใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพตามมาไม่ห่าง
มินจุนตัดสินใจเลี่ยงเส้นทางชุมชนเพราะกลัวชาวบ้านโดนลูกหลง จนหลุดเขตตัวเมืองทั้งสองก็เร่งความเร็วแซงเบียดกันเต็มที่
“เจ้านั่นมันต้องการอะไรวะ!”อดสบถออกมาไม่ได้เมื่อยังไงก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลุดออดี้สีขาวพ้น
แจ็คสันนั่งนิ่งเงียบกลัวจะเป็นการรบกวนสมาธิของมินจุน
ตากลมเหลือบมองกระจกดำมืดของอีกคันอย่างพยายามดูว่าใครเป็นคนขับ
“เฮ้ย!”
เอี๊ยด!
เสียงล้อบดถนนดังเสียดหูทันทีที่มินุจนเหยียบเบรกมิดเพราะอีกฝ่ายบ้าดีเดือดขนาดแซงมาตัดหน้าจอดขวางหน้ารถพวกเขาไว้
มินจุนสบถลั่นในขณะที่แจ็คสันมองคนที่เดินลงมาจาก Audi R8
Spyder สีขาวคันนั้นอึ้งๆ
“พี่มาร์ค!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น