[OUR] 05
บทที่
05
“อือ”แจ็คสันครางในลำคอ
นึกรำคาญอะไรบางอย่างที่มายุกยิกๆแถวช่วงล่างตัวเอง
จะขยับตัวหนีก็ดูจะเป็นภาระตัวเองเกินไป
ก็เมื่อคืนไอ้บ้าพี่มาร์คเล่นใส่เขาไม่ยั้งจนสลบคาเตียง หลายรอบต่อหลายรอบที่ขอร้องให้หยุดแต่ก็ไม่ได้รับการอนุมัติใดๆนอกจากจากบทรักที่ถูกบังคับให้รับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนเขาทนไม่ไหวหลับไปทั้งๆที่อีกคนยังค้างอยู่ในร่างอยู่เลย
“งือ!”ส่งเสียงเตือนให้หยุดรบกวนการนอนของเขาอีกครั้ง
มันขยับยุกยิกไปมาจนเขานอนนอนต่อไม่ได้ จำเป็นต้องฝืนเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมามองว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
“ตื่นแล้วเหรอ?”
“ไอ้พี่มาร์ค!!! อ โอ๊ย!””กระเด้งตัวตวาดลั่นสุดหลอดลม
สะโพกลั่นกร๊อบเจ็บแปลบไล่มาตั้งแต่แนวสันหลัง ทรุดตัวลงพังพาบกับเตียง เจ็บน้ำตาเล็ดเพราะดิ้นไม่เจียมสังขาร
“ฮือ~”
“อยู่นิ่งๆก่อนนะ”เสียงทุ้มเอ่ยบอก
ใช้เข่าดันสะโพกแน่นลอยขึ้นจากพื้น จับต้นขาขาวแหวกออกเป็นรูปตัววี
ใช้ดวงตาคมกริบจับจ้องส่วนลับด้วยสายตาเดียวกันกับใช้วิเคราะห์จุลินทรีผ่านกล้องจุลทรรศน์
ไม่สนใจเจ้าของร่างขาวของคนรักที่หน้าแดงก่ำเขินอายทั้งโมโห ตาดุฉายแววโกรธเคือง
“ไอ้บ้า! ไอ้ลามก! เมื่อคืนยังไม่พอรึไง ผมจะตายอยู่แล้วนะ!”
“...”
มาร์คไม่ตอบโต้จ้องๆมองๆอยู่สักพักแล้ววางขาเรียวบนตักตัวเองเบาๆ
มาร์คมีสีหน้าเคร่งเครียดจนแจ็คสันเริ่มกังวล จะเปิดปากถามก็ต้องร้องโอ๊ยลั่น
ขาขาวโดนบังคับให้ไปวางบนไหล่แกร่งอีกครั้ง นิ้วเรียวสอดเข้ามาแบบไม่ให้ตั้งตัว แจ็คสันร้องโวยวายดิ้นพราดๆไม่สนความเจ็บปวดตรงช่องทางด้านหลัง
“อย่าดิ้น
เดี๋ยวแผลก็ฉีกหรอก”มาร์คดุเสียงเบา ใช้มือกดสะโพกขาวตรึงไว้กับเตียง
แจ็คสันเบิกตาโพล่งเมื่อได้ยินคำว่าแผล
“ผมจะไม่ทำกับพี่แล้ว!!!”ร้องโวยวาย สะดุดกึกรีบเอามือปิดปาก
นิ้วเรียวในร่างควานมั่วไปโดนจุดอ่อนไหวเกือบกลั้นเสียงครางไม่ทัน
มาร์คหัวเราะหึในลำคอ
จงใจปัดผ่านจุดนั้นอีกครั้งแกล้งคนรักที่ส่งสายตาเขียวปั๊ดมาให้
ขาบนไหล่เตะหลังเขาแรงๆเป็นการประท้วงแทนการใช้เสียงที่อาจหลุดออกมาเพียงเสียงคราง
เจ็บจนน้ำตาเล็ด
ไม่เป็นคนโดนเสียบไม่มีทางรู้หรอกว่ามันเจ็บขนาดไหน แต่น่าเจ็บใจกว่าคือทั้งร่างกาย
จิตใจและหัวสมองยังจดจำทุกสัมผัสได้อย่างชัดเจน ร่างกายก็ช่างตอบสนองอย่างซื่อตรง
แจ็คสันมองส่วนกลางลำตัวของตัวเองที่ตื่นตึงมือขึ้นมาด้วยความอับอาย เอียงหน้าซบหมอนปิดบังใบหน้าแดงก่ำของตัวเอง
นิ้วเรียวดึงออกมาพร้อมน้ำบางส่วนที่ขังค้างอยู่ด้านใน
ปาดผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดทำความสะอาดให้เลื่อนมือไปกอบกำส่วนที่แข็งขืนของคนที่ยื่นมาปิดด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ตากลมช้อนมองอ้อนวอน
“พี่มาร์ค...”เสียงแหบเอ่ยติดขัด
ลมหายใจกระชั้นเพราะแรงอารมณ์ “ไม่ทำแล้วนะ”
มาร์คยิ้มบาง
ก้มลงจูบบนหน้าผากมนเบาๆให้คลายความกังวล
เคลื่อนแตะริมฝีปากแดงช้ำที่เผยอออกอย่างรู้งานให้เขาเข้าไปเก็บเกี่ยวความหอมหวานด้านใน
มือก็ขยับช่วยคนใต้ร่างที่เปล่งเสียงครางในลำคอเบาๆ
ตาโตปิดปรือยอมรับการดูแลของเขาแต่โดยดี มือขาวยกกอดคอมาร์คไว้หลวมๆ
ปล่อยอารมณ์ไปตามการชักนำ กระตุกร่ายปลดปล่อยเปื้อนมือเรียวและหน้าท้องตนเอง
“ฮ้า”แจ็คสันหอบหายใจรับอากาศเข้าปอดหลังโดนปล่อยจูบออก
มองคนตัวสูงที่เช็ดทำความสะอาดให้ตัวเองอย่างแปลกใจ
นึกว่าจะโดนทำอะไรมากกว่านี้เสียอีก
“เดินไหวไหม?”
ส่ายหน้าตอบตามจริง
สะโพกเขาเจ็บหน่วงยากต่อการเดินเหิน ร้องเหวอเป็นรอบที่สาม กอดคอมาร์คไว้แน่นกันตก
ตกใจนิดหน่อยที่อีกคนอุ้มเขาจนตัวลอยได้สบายๆ
“อยากให้อาบให้ไหม?”โดนกระเซ้าถามเสียงระรื่น
คนโดนอุ้มยู่หน้าตีไหล่คนเป็นพี่หนักๆ มาร์คหัวเราะ วางอีกคนใต้ฝักบัว ดึงผ้าขนหนูผืนหนึ่งยื่นมาให้
กำชับให้เรียกหากมีอะไรแล้วเดินออกไปให้แจ็คสันได้จัดการตัวเอง
สามสิบนาทีต่อมา
แจ็คสันก็เดินกะเพลกๆออกมาหามาร์คหน้าทีวี ร่างสูงกางมือดึงอีกคนมากอดไว้บนตัก ทั้งสองนิ่งเงียบตกอยู่ในความคิดของตนเอง
ปล่อยให้เสียงเพลงจากทีวีเครื่องหรูเข้าคลอบคลุมบรรยากาศรอบกาย
แจ็คสันขยับตัวไปมาเพราะเมื่อยขา
จับมือมาร์คบนเอวตัวเองขึ้นมาเล่นเพราะไม่มีอะไรทำ นิ้วของมาร์คเรียวยาวได้รูปหยาบกระด้างเพราะสารเคมีและการทดลอง
แต่ก็มือนี้อีกนั่นแหละที่ชอบซุกซนแตะนู่นคลำนี่ทำเขาปั่นป่วนทั้งคืน
“ไปหาป๊าม๊ากัน”จู่ๆมาร์คก็เอ่ยชวน
อุ้มคนบนตักขึ้นในท่าเจ้าสาว แจ็คสันอ้าปากเหวอตามอารมณ์อีกคนไม่ทัน
กระพริบตาปริบๆเรียกสติ
“เดี๋ยวๆ
จะไปสภาพนี้เหรอ? ไม่เอา!”ดิ้นขัดขืนให้มาร์คหยุดเดิน “ให้ผมเปลี่ยนชุดก่อนเถอะ”
ตอนนี้เขาใส่แค่เสื้อยืดคอย้วยกับกางเกงบอกเซอร์เปิดเผยช่วงคอและช่วงต้นขาที่มีรอยจูบแต้มไว้เด่นชัด
จะพาลูกชายคนอื่นในสภาพมองแวบเดียวก็รู้ว่าโดนทำอะไรมาไปหาพ่อแม่เขาเนี่ยนะ
ไอ้พี่มาร์คมันคิดอะไรอยู่
มาร์คหยุดมองแล้วเดินเลี้ยวกลับเข้าไปในห้องนอน
วางอีกคนลงบนเตียง ค้นตู้อยู่สักพักก็หยิบเสื้อคอเต่าแขนยาวกับกางเกงตัวใหม่มาให้
แจ็คสันรับมาใส่ทับตัวเดิม ไม่เข้าใจว่าอีกคนจะรีบไปหาพ่อแม่เขาทำไมกัน
“ผมเดินเองได้”รีบบอกเมื่อมาร์คทำท่าจะเข้ามาอุ้มเขาอีกครั้ง
มาร์คส่ายหน้า
“อยากเดินกะเพลกแบบนั้นไปให้ป๊ากับม๊ารู้เหรอ?”
“แล้วอุ้มไปมันแตกต่างกันตรงไหน?”แจ็คสันเถียงบู้ปาก
เถียงกันไปมาก็จบที่แจ็คสันโดนมาร์คแบกขึ้นหลังกลับบ้านไปอยู่ดี
“อ้าว
ทำไมได้แบกกันมาอย่างนั้นล่ะ”ม๊าหวังถาม เปิดประตูให้มาร์คเดินเข้าไปวางลูกชายตระกูลหวังลงบนโซฟาอย่างแปลกใจ
ปกติมาร์คจะไม่ค่อยได้มาบ้านนี้สักเท่าไหร่เพราะติดการทดลอง จะมีแต่แจ็คสันที่ต้องเดินข้ามรั้วไปมาเพื่อส่งข้าวส่งน้ำ
“สวัสดีครับม๊า
ป๊าอยู่ด้วยไหมครับ”
“อ้าว
ใครเรียกหาป๊ากัน...อ้อ อี้เอินนี่เอง”คุณป๊าหวังเดินเข้ามาจากหลังบ้าน
ยิ้มให้มาร์คที่ไหว้เขาอย่างนอบน้อม มองไปก็เห็นเจ้าลูกชายตัวดีนั่งแบ๊บอยู่บนโซฟาท่าทางดูล้าผิดปกติ
หันมาสบตากับชายหนุ่มข้างบ้านก็รู้ทันทีว่าคงมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย
“มีอะไรล่ะหืม?”เขาถามพลางนั่งลงบนโซฟาตัวตรงกันข้าม
ม๊าหวังลงมานั่งข้างๆมองดูชายหนุ่มที่จู่ๆก็ลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นอย่างตกใจ
“ผม...มาขอเจียเอ่อแต่งงานครับ”
“พี่มาร์ค!”แจ็คสันร้องลั่นตกใจ หันไปมองป๊าม๊าตัวเองอย่างนึกกลัวว่าจะโดนด่า แต่ท่าทางของผู้ใหญ่สองคนกลับดูใจเย็นกว่าที่คิด
ม๊าหวังดูตกใจแต่ก็ไม่ได้โวยวาย ส่วนป๊าหวังมองตามาร์คนิ่งจนแจ็คสันอึดอัดแทน
“พี่อี๋เอินแค่พูดเล่นอ่ะ
ป๊าอย่าคิดมากนะ”
“ม๊า..”ป๊าพูดออกมาคำแรก
น้ำเสียงเรียบๆคาดเดาไม่ออก
สายตายังไม่ละจากใบหน้าคนที่ขอตัวลูกชายตัวเองไปเป็นเมียหน้าด้านๆ
“พาเจียเอ่อขึ้นห้อง”
“แต่...”
“ป๊าขอพูดกับเขาแค่สองคน”
แจ็คสันอึกอักมองด้านหลังมาร์คสลับกับหน้าจริงจังของป๊า
ห่วงมาร์คแต่ก็ไม่อยากขัดคำสั่งผู้เป็นบิดา ลุกขึ้นเดินตามม๊าไปหงอยๆ
ก้าวเท้าขึ้นบันไดหันมองภาพผู้ชายสองคนจ้องหน้ากันกลางบ้านอย่างนึกกังวลใจ
‘ผมเชื่อใจพี่นะ’
หลังจากวันที่มาร์คมาขอแจ็คสันแต่งงานต่อหน้าพ่อแม่เขา
แจ็คสันก็โดนกักบริเวณไว้ตลอดสัปดาห์ ตอนไปเรียนป๊าก็คุมไปส่ง
เรียนเสร็จก็มารับกลับไม่ยอมให้เขากลับบ้านเอง
ป๊าไม่ยอมพูดอะไรเลยเกี่ยวกับวันนั้น
เขาถามก็ไม่ตอบเอาแต่บ่ายเบี่ยงพูดไปเรื่องอื่น ม๊าก็เหมือนเดิมเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
ทุกคนมีท่าทางปกติราวกับมาร์คไม่เคยมาบุกขอเขาแต่งงาน
มาร์คก็เหมือนกัน
หายไปเลย ในที่นี้คือหายไปจริงๆ ไม่มีใครพบเจอมาร์คตั้งแต่วันนั้น (แต่ปกติหมอนั่นก็ไม่ค่อยออกไปเจอใคร)
บ้านหลังข้างถูกปิดล็อกแน่นหนาราวกับจะบอกว่าเจ้าของบ้านจะไม่กลับมาอีกพักใหญ่
อุตส่าห์แอบเอามือถือจูเนียร์มาใช้โทรหาก็ติดต่อไม่ได้อีก
หัวใจเขามันวูบโหวงแปลกๆ
ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย
“เฮ้อ...”ถอนหายใจมองน้ำจากปลายสายยางรดต้นไม้อย่างเบื่อหน่าย
เหลือบมองป๊าที่นั่งกระดิกเท้าอ่านหนังสือพิมพ์อยู่เก้าอี้หวายหน้าบ้านสลับกับต้นไม้ทั้งสวนที่ป๊าขยันหามาปลูกให้เขาดูแลระหว่างโดนกักพื้นที่
..ให้ผมเล่นเกมในห้องไปเถอะครับ
ไม่ต้องหวังดีกับผมขนาดนี้ก็ได้นะป๊า...
“เจียเอ่อ
มาช่วยม๊าทำกับข้าวหน่อยเร็ว”
“คร๊าบ”ตะโกนตอบออกไป
ปิดน้ำเดินลิ่วๆผ่านป๊าเข้าไปในบ้าน ยกมือมาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากตัวเองออก
ยื่นหน้าไปม๊าที่เดินวนไปมาอยู่ในครัวเล็กๆ ฉีกยิ้มกว้าง ค่อยๆยิ่งตัวไปสวมกอดผู้เป็นแม่แล้วหอมแก้มซ้ายขวา
“ตัวร้อนจังเลยเราน่ะ
เมื่อกี้ไปตากแดดมาเหรอ?”
“ป๊าใช้ให้รดน้ำต้นไม้อ่ะ
เจียเอ่ยเหนื๊อยเหนื่อย”
“แค่รดน้ำต้นไม้เองเถอะ
มานี่ เดี๋ยวม๊าจะสอนวิธีทำติ่มซำ”
“หา? ทำไมจู่ๆก็อยากสอนอ่ะ”
“รู้ไว้ใช่ว่า
ใส่บ่าแบกหาม หยุดจ้อแล้วดูม๊าทำ จะทำช่วยก็ได้นะ”ม๊าบอกโดยไม่หันมามองเขา
แจ็คสันยืนเงียบๆมองดูม๊าทำอาหารอย่างพิถีพิถัน ที่จริงเขาก็ทำอาหารเป็น
แต่ทำได้น้อย ส่วนใหญ่ก็มีแต่ของพื้นฐานอย่างทอดไข่ หรือข้าวต้มประเภทนั้นไป
ไม่ค่อยได้แตะของทำยากสักที ลองทำดูก็โดนม๊าตีมือไปหลายรอบ
กว่าจะทำเสร็จออกมากินได้หลังมือเขาก็ระบมไปหมด -3-
“โอ๊ยยย
ปวดก้นชะมัด”บ่นไปก็หาวไป เหนื่อยจะบ้า
โดนป๊าม๊าสั่งให้ทำโน่นนี่ทั้งวันแทบไม่ได้หยุดพัก
ล่าสุดก่อนขึ้นมาก็ต้องไปนั่งล้างจากเกือบร้อยใบอยู่หลังบ้าน กว่าจะเสร็จมือก็แทบเปื่อย
“อาบน้ำ~ อาบน้ำ~ อาบน้ำ~”ร้องเพลงอารม์ดีขณะถอดเสื้อผ้าเตรียมไปชำระร่างกายให้สดชื่น
สายตาสะดุดกับคราบแปลกๆบนบ๊อกเซอร์ตัวบาง
รีบยกขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นคราบสีเลือดหมูบางส่วนแห้งไปแล้วเกาะอยู่บนเนื้อผ้าแน่น
“อุ”ทันใดก็รู้สึกปวดท้องจนต้องนั่งฮวบลงไปกับพื้น
ความรู้สึกเหมือนถูกบีบซ้ำๆแถวเชิงกราน นิ่วหน้าเอามือจับหน้าท้องที่เหมือนจะป่องออกมานิดหน่อย
ไม่ได้เจ็บเหมือนท้องเสียหรือปวดท้อง มันเจ็บเหมือนลำไส้โดนบิดโดนทับเสียมากกว่า
ยันตัวเองลุกขึ้นก็ต้องตาเบิกโพล่งเมื่อรู้สึกถึงของเหลวบางอย่างไหลเปื้อนต้นขาขาว
“นี่มันคือเชี่ยอะไรวะเนี่ยยยยยยย!!!!!”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น