[ตำหนักอี๋เจีย] 00
00
หลังศึกสามก๊กสงบและมีการรวมแผ่นดินจีนได้สำเร็จ
แผ่นดินจีนในช่วงราชวงศ์จิ้นจึงมีความสงบสุข มีการพัฒนาทางด้านการค้าขาย การศึกษาอย่างกว้างขวาง
แม้กระทั่งทางด้านวิทยายุทธก็มียอดฝีมือนอกสำนักเก่าเกิดขึ้นมากมาย
เมืองฉีเป็นเมืองเล็กๆในแถบตอนใต้ที่มีอากาศอบอุ่นไม่หนาวเย็นจนเกินไป
มีเส้นทางการคมนาคมติดต่อกับเมืองรอบข้างสะดวกสบาย พวกพ่อค้านิยมชมชอบเดินทางมาหยุดต่อรองกันที่เมืองนี้
ความมั่งคั่งของเมืองฉีจึงเกิดจากเศรษฐกิจการค้าเป็นส่วนใหญ่
ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างสัดทัดในชุดผ้าหลวมยาวคาดผ้ามัดเอวกระโดดข้ามกิ่งไม้ใหญ่ในป่านอกเมืองด้วยท่าทางปราดเปรียวอย่างอินทรี
ไหล่เสื้อลู่ลงเผยอกเล็กน้อยให้เห็นผิวขาวราวกับหิมะในยามหน้าหนาว ตัดกับเรือนผมยาวสลวยจรดสะโพกสีดำขนอีกา
ในยามขยับกายเรือนผมก็กระเพื่อมสยายไม่ต่างจากหางมังกรลม
ดวงตากลมโตมองสภาพถนนเข้าเมืองด้านหน้าแล้วแย้มยิ้มกว้าง
กระชับย่ามบนไหล่กระโดดใช้กำลังภายในร่อนลงพื้นอย่างปลอดภัย
เข้าก้าวเดินผิวปากไปตามถนนมองดูบ้านเรือนที่ไม่เปลี่ยนไปจากครั้งเขาเดินทางเพื่อไปฝึกวิชาเท่าใดนัก
ชายหนุ่มผู้นี้ที่แท้คือ
หวัง เจียเอ่อ ลูกชายใหญ่ตระกูลทหารยศสูงอย่างตระกูลหวังที่เป็นที่นับหน้าถือตาในแถบนี้ในระดับหนึ่ง
เจียเอ่อเดินทางออกไปฝึกวิชาตั้งแต่สองปีก่อน เมื่อเสร็จวิชาเหาะข้ามภูภาตามหวังก็รีบเร่งกลับบ้านเกิดด้วยความคะนึงหา
น้องสาวตัวดีของตนคงเติบโตกลายเป็นหญิงงามให้ชายในเมืองหมายตาแล้วแน่ๆ
รอบยิ้มบนใบหน้าหุบลง
เปิดประสาทรับเสียงความวุ่นวายที่เกิดขึ้นด้านหน้าด้วยใจที่นึกกังวล
มือขาวกระชับกระบี่ในมือให้อุ่นใจ วิ่งลิ่วไปด้านหน้ารั้วประตูที่คุ้นเคย
ยกเท้าถีบเข้าไปอย่างไม่กลัวเกรงเมื่อแน่ใจแล้วว่าเรือนของตนไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ
“พวกเจ้าทำอะไรน่ะ!”ตะโกนขู่ชายฉกรรจ์ในชุดรูปแบบเดียวกันห้าคนตรงหน้าที่กำลังทำร้ายคนในบ้านของเขา
บิดาผู้แก่ชราและมารดายืนกุมมือกันมองเรือนใหญ่ที่มีเปลวไฟลุกไหม้อย่างนึกหวาดกลัว
เจียเอ่อมิรอช้าชักกระบี่คู่ใจกระโจนเข้าจัดการคนร้าย
ด้วยฝีมือที่ถูกลม ฝนและหิมะของยอดเขาสูงเหนือยอดเมฆลับขึ้น เพียงไม่กี่นาที ชายหนุ่มก็วาดกระบี่กลับเข้าฝักยืนทระนงท่ามกลางร่างบาดเจ็บของผู้ร้ายทั้งหมด
“พวกเจ้ารอช้าอะไรอยู่! รีบดับไฟเร็วเข้า!”บอกพวกสาวใช้ในบ้านที่กุลีกุจอวิ่งไปตักน้ำตามคำสั่ง
เจียเอ่อวิ่งไปหาบิดามารดาตนเองรับสอบความ
พลางถามหาถึงน้องสาวตนที่ไม่ยังไม่พบหน้า
“ท่านพ่อ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“เจียเอ่อ
ลูกชายพ่อ พ่อขอโทษนะ”เสียงแหบพร่าของชายสูงอายุทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจ
ระหว่างที่เขาไม่อยู่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ผู้เป็นมารดาที่ยืนกุมมืออยู่เป็นผู้เอ่ยบอกแทนผู้เป็นสามีที่กำลังหลั่งน้ำตาออกด้วยความเจ็บใจและเสียใจ
“ตั้งแต่ที่เจ้าเดินทางไปฝึกวิชา
พ่อของเจ้าก็หลงใหลในเกมการพนันหน้ามืดตามัว เสียเงินไปมากมายกับของอบายมุข จนกระทั่งหมดเนื้อหมดตัว
วันนี้พวกมันเลยมาชิงตัว เกาลือ น้องสาวเจ้าไปแทนเงินส่วนนั้น”
“ว่ายังไงนะ!”
เรื่องที่ไม่คาดฝันว่าจะเกิดในวันที่เขากลับบ้านก่อเกิดความสบสนในใจชายหนุ่มขึ้นและดับไปในชั่ววินาที
กลายเป็นความหุ้มร้อนดั่งเปลวไฟกำลังแผดเผาทั้งร่าง แม้จะโกรธบิดาเพียงใดก็ยังมีจิตคิดว่าคือผู้มีพระคุณ
แม้ไม่มองหน้าก็มิได้กล่าวว่าอะไรเพิ่ม
แค่น้ำตาที่อาบลงใบหน้ายับย่นตอนนี้ก็บอกถึงความสำนึกผิดพอเพียงแล้ว
“พวกมันเอาเกาลือไปทางไหน
ไปนานรึยังท่านแม่”
“ทางทิศเหนือเข้าตัวเมือง
ไม่นานนี่เอง ถ้าเจ้าตามไปตอนนี้อาจจะทันก็ได้”
“ขอบคุณท่านแม่
ข้าจะไปชิงตัวเกาลือกลับมาเอง”เอ่ยด้วยความเด็ดเดี่ยว
มั่นใจในฝีมือตนเองว่าเก่งกาจไม่แพ้ใครในใต้หล้า รีบพุ่งทะยานออกจากเรือน
กระโดดใช้วิชาตัวเบาประกอบกับวิชาเหาะข้ามภูภาวิ่งไปตามหลังคาบ้าน ส่ายสายตาสอดส่องหารถม้าที่น่าจะมีน้องสาวของเขาอยู่ในนั้น
และแทบไม่ต้องหาให้ยาก
ในเมื่อถนนสายนี้มีรถม้าเพียงคันเดียวที่มีทหารรับจ้างคอยประกบอยู่ไม่ห่าง
กระบี่งามไหวล้อกับแสงอาทิตย์วูบวาบร่ายรำเฉือนเลือดเนื้อเหล่าทหารให้ล้มร้องลงกับพื้น
รถม้าหยุดชะงักลง แต่เจียเอ่อไม่หยุด เขากระโจนขึ้นเปิดประตูด้วยความใจร้อน
เบี่ยงลำคอหลบกระบี่ยาวที่พุ่งสวนออกมาจากในตัวรถอย่างเฉียดฉิว
กลิ้งตัวลงไปตั้งท่าด้านล่างมองคนที่เดินลงมาจากเกวียนด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ ความเร็วในการออกกระบี่เมื่อครู่ไม่ธรรมดา
“เจ้าชื่อแซ่อะไร
มาทำร้ายคนของข้าทำไมกัน”เสียงทุ้มต่ำแต่ก้องกังวานเอื้อนเอิ่ยถามเขา ใบหน้าหล่อเหลางดงามเรียบเฉยราวกับสลักมาจากเทพบนสวรรค์ประกอบกับดวงตาเรียวงาม
จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากเรียวอิ่มแดงสุขภาพดี เส้นผมสีดำยาวเช่นเขารวมสูง
เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็สลักเสลาลายประณีต ดูรวมๆดูเป็นคุณชายเจ้าสำอางจากตระกูลไหนสักตระกูล
เจียเอ่อบี้จมูกอดนึกปรามาสชายตรงหน้าไม่ได้
“ข้าชื่อหวังเจียเอ่อ
เป็นพี่ชายของแม่นางเกาลือในรถเจ้า ข้ามาชิงตัวน้องข้าคืน!”
“ในเมื่อตระกูลเจ้าไม่สามารถจ่ายเงินคืนให้ข้าได้
ก็ต้องมีของแลกเปลี่ยน ก็ถูกแล้วมิใช่หรือ”ชายตรงหน้าเอ่ยด้วยท่าทางสำรวม
มิได้แดกดันแต่ก็ไม่ทำให้เจียเอ่ออารมณ์เย็นขึ้นได้
“เจ้าเอาอะไรไปก็ได้
แต่ไม่ใช่น้องข้า! เอาเกาลือคืนมา
มิเช่นนั้นก็ชักกระบี่ของเจ้าออกมาประลองกัน!”
“กล้าดีนี่นาเจียเอ่อ”ชายหนุ่มผู้นั้นหัวเราะ
ผายมือให้ทหารนำตัวหญิงสาวผู้คุ้นหน้าคุ้นตาดีสำหรับเจียเอ่อลงมาจากรถม้า
“พี่เจียเอ่อ!”
“เกาลือ! เจ้าปลอดภัยนะ”
“ข้าปลอดภัย
ท่านพี่ช่วยข้าด้วย!”หญิงสาวร้องทั้งน้ำตา
ใบหน้างดงามอ้อนวอนดูน่าสงสารเพิ่มเติมเชื้อไปในอกให้รุ่นร้อน
วาดกระบี่ชี้ขู่ท้าชายหนุ่มผู้ยังยืนยยิ่งเฉย
“มาสู้กัน!”
“เรียกข้าว่า
อี๋”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ย
มือสวยชักกระบี่ออกมาเตรียมท่ารับราวกับเป็นสัญญาณว่าจะไม่สู้
หากเจียเอ่อไม่พุ่งเข้าไปหาก่อน คิ้วเข้มขมวดแน่นไม่ชอบใจกับท่าทางราวกับเหนือกว่านั้นของอี๋
ด้วยความใจร้อนเป็นทุนเดิม ร่างสันทัดก็กระโดดขึ้นสูงจ้วงเข้ากลางตัวชายหนุ่ม
เสียงกระบี่กระทบดังลั่นถนน
อี๋เพียงขยับข้อมือก็เปลี่ยนวิถีดันปลายกระบี่ที่พุ่งมาให้เลี่ยงออกไป ออกท่าฟาดลงไปกลางลำตัว
แต่เจียเอ่อก็เร็วพอจะหลบเลี่ยง หมุนกายโจมตีส่วนขาใต้เสื้อตัวงาม
“พี่เจีย!!!”เกาลือกรีดร้องตื่นตระหนก
พลันดวงตาก็เบิกกว้างเมื่อเป้าหมายหายไป
ความเย็นเยียบของโลหะบนลำคอบ่งบอกถึงความปราชัยที่ได้รับมากกว่าเสียงทุ้มที่เอ่ยข้างใบหูเขาในจังหวะถัดมา
“เจ้าแพ้แล้ว”
...เจียเอ่อแพ้อี๋ในเวลาไม่ถึงนาที...
...มันเป็นการแพ้ที่น่าอับอายที่สุดในชีวิต...
เคร้ง!
กระบี่ในมือขาวร่วงลงกับพื้น
เข่าทรุดลงทันทีที่กระบี่ยาวถอนออกไป
ดวงตามองน้องสาวตนเองที่ถูกนำขึ้นรถอีกครั้งด้วยความพร่ามัวเพราะน้ำตาจากความเจ็บใจ
เจียเอ่อหลับตาไล่ความอ่อนแอ
โพล่งตะโกนด้วยศักดิ์ศรีอันย่อยยับของผู้พ่ายแพ้
“เอาข้าไป! เอาข้าไปแทน! ข้ายอม แต่อย่าเอาน้องสาวข้าไป...”
“ตำหนักข้ามีแรงงานเยอะแล้ว”อี๋ปฏิเสธแบบไม่ใยดี
เจียเอ่อไม่ยอมแพ้
ลุกขึ้นหลบพวกทหารเข้าไป
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนิ่งสงบเมื่อชายหนุ่มที่ทำท่าราวกับจะคุ้มคลั่ง
ทรุดเข่าลงกับพื้น ก้มศีรษะแนบพื้นไม่เหลือไว้ซึ่งศักดิ์ศรี ยอมทุกอย่างเพื่อปกป้องน้องสาวตนเอง
“ได้โปรด
ท่านอี๋ เมตตาน้องสาวข้าด้วย ปล่อยนางไปเถอะ ขอร้องล่ะ”
อี๋หยุดยืนมองคนที่โยนทิ้งทุกสิ่งอย่างนิ่งเงียบคิดอะไรบางอย่า
ก้าวลงมายืนหน้าร่างนั้นอีกครั้ง
“บอกมาสิ
ข้อเสนอของเจ้า”
เจียเอ่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากับอี๋
เอ่ยเสียงดังฟังชัด
“ชีวิตข้า
หวังเจียเอ่อ แทนน้องข้า หวังเกาลือ”
ชายหนุ่มมองดวงตากลมโตนั้นอย่างนึกชอบใจ
...แววตาที่แสนดื้อรั้นและไม่กลัวเกรง
ใช้ได้เลยทีเดียว...
นิ้วเรียวยื่นไปแตะเรียวคางมนของคนที่ยังนิ่งไม่ไหวติง
ไม่มีแม้กระทั่งท่าทางตื่นกลัวให้เห็น จับหันซ้ายขวาจับจ้องด้วยสายตาเดียวกันกับตอนประเมินสินค้า
...ผิวขาวเนียน...
ปล่อยคางจับเส้นผมสีเข้มขึ้นมาไล้สัมผัสความนิ่มลื่นปล่อยทิ้งให้ทิ้งตัวลงเข้ารูป
...เส้นผมนิ่มลื่น...
ย้อนกลับมาพินิจใบหน้าขาว
จดจ้องดูรายละเอียดบนนั้นอีกครั้งอย่างตั้งใจ
…จมูกโด่งรั้นน่ารัก...
...ดวงตากลมโตมีเสน่ห์น่าจับจ้อง...
…ริมฝีปากอิ่มเอิบได้รูปสีแดงสวยสด...
“งดงาม”
เอ่ยชมขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
เรียกแววตาสงสัยจาก ‘สินค้า’ ตรงหน้า
สะดุ้งเล็กๆยามนิ้วเรียวสวยลูบไล้ตรงรอยผลบากบนโหนกคิ้วขวาที่ได้จากการต่อสู้กับโจรป่าเมื่อนานมาแล้ว
“เสียดายรอยบากตรงนี้เสียจริง”
อี๋เอ่ยพลางถอนหายใจ
ยันกายลุกขึ้นยืนงามสง่า สะบัดพัดในมือครุ่นคิดบางสิ่งอย่างที่ทุกคนไม่มีทางรู้
พรึบ
มือเรียบปิดพับ
หันหน้าเดินขึ้นรถม้าสร้างความเจ็บปวดให้ผู้เป็นพี่ชาย
...เขาไม่ช่วยน้องสาวไม่ได้เลย...
“พี่เจียเอ่อ!”เสียงหวานใสของเกาลือดังขึ้นมาก่อนนางจะตรงมาสอดกอดพี่ชายแน่น
ไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งสติกอดตอบ ร่างบางของหญิงสาวก็โดนนายทหารรับจ้างร่างโตดึงจับตัวไปยืนอยู่ข้างชายหนุ่มที่ชื่อ
‘อี๋’
“ส่งนางกลับตระกูล”
คำสั่งแรกถูกส่งให้นายทหารที่โค้งตัวรับด้วยความนอบน้อม
หญิงสาวมีประกายตาวาวระริกยินดี
มองพี่ชายของเธอที่ยืนนิ่งมองชายหนุ่มที่กำลังจะเอื้อนเอ่ยคำสั่งที่สองซึ่งจะเปลี่ยนชีวิตของเขาไป...ตลอดกาล
“ส่วนเจ้า...หวังเจียเอ่อ
.
.
.
มากับข้า...”
#ตำหนักอี๋เจีย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น