[ตำหนักอี๋เจีย] 04
三寸天堂 สวรรค์สีเงิน
แนะนำให้เปิดเพลงอ่าน...
อี๋เอินก็ยังเป็นอี๋เอิน เจ้าเมืองฉีผู้นั้นปล่อยให้เจียเอ่อตายใจพักผ่อนได้เพียงคืนเดียวเท่านั้น...
เจียเอ่อกำลังนั่งมองพระจันทร์เล่นตอนที่ชายหนุ่มเดินเข้ามา
อยากกัดลิ้นให้ตายเมื่อโดนกระชากร่างลงเตียงอีกครั้ง แทบไม่มีการเกริ่นนำใดๆสาปเสื้อสีสดก็ถูกแหวกออก
อี๋ไม่ถามสุขภาพหรือความพร้อมเขาด้วยซ้ำตอนที่รุกล้ำเข้ามากอบโกยในร่าง
...เจ้าคนเอาแต่ใจ!!!...
.
.
.
“เจ้าอยากได้อะไร”
มันเป็นคำถามที่ถูกถามในขณะทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันอย่างหนักหน่วง...
“ฮะ อื้อ
อะไร...อ๊ะ”ดวงหน้าคมหวานแดงก่ำไปด้วยอารมณ์ผินกลับมามองคนเหนือร่างตนด้วยความไม่เข้าใจ
เรือนกายขาวบิดเร่าเอาแผ่นหลังถูไถไปกับเสื้อคลุมที่ยังไม่ถูกถอดออก
ขาขาวอ้ากว้างรัดสะโพกสอบรับตัวตนของชายหนุ่มเข้ามาซ้ำๆ
มือขาวกำเสาเตียงพยุงร่างไม่ให้ไถลไหวไปกับแรงส่งด้านล่าง
มืออีกด้านก็ยกปลายเสื้ออุดปากไม่ยอมให้เสียงครางน่าอายของตนหลุดออกไปให้ชายหนุ่มได้ใจไปมากกว่านี้
“สิ่งที่เจ้าชอบน่ะ”
เจียเอ่อหลับตาปี๋ครางเสียงสั่น
ไหวกายไปตามแรงกระแทกกระทั้นที่ขยับเข้าออกไม่หยุด
มือกำชายเสื้อแน่นพยายามรวมรวมสติตอบคำถาม
“มาถาม อ๊ะ! อะไรตอนนี้”แทบจะกลายเป็นการตะโกน สะดุ้งหยัดแผ่นอกขึ้นจากฟูก
ลมหายใจสะดุด หัวขาวโพลนด้วยความรู้สึกดี
“หืม...เสร็จก่อนข้าได้ยังไงกัน”
อี๋เอินขมวดคิ้วไม่ชอบใจ
เจียเอ่อใจหายวาบกลัวจะโดนทำโทษรุนแรง
ร่างโดนกระชากให้ลงไปนอนคว่ำหน้าคุกเข่ากับฟูก
มือเรียวตลบปลายเสื้อขึ้นไปกองเหนือสะโพกอวบอิ่มจับสอดแทรกท่อนเอ็นที่ยังไม่ได้ปลดปล่อยเข้าไปในช่องทางแน่นอีกครั้ง
“โอ๊ย! ข้าเจ็บนะ!”
แต่ชายหนุ่มก็หาสนใจไม่
กลับยิ่งส่งแรงหนักขึ้นจนร่างด้านใต้ร้องครางประท้วงเสียงดังลั่น
“เจ้ายังไม่ตอบคำถามข้า”
อี๋เอินยังดื้อรั้นจะเอาคำตอบ
ดวงตากลมโตช้ำรื้นน้ำตาเหลือบกลับมามอง กลั้นเสียงครางตอบคำถามเสียงสั่น
“ฝึกดาบ...อ๊ะ! หยุดให้ข้าตอบได้ไหมเล่า อื้อ!”กดหน้าลงบนหมอนหลังโดนกระแทกตรงจุดอ่อนไหวรุนแรง
“อย่างอื่นที่ไม่ใช่ด้านนอกนั่น”
ด้านนอกนั่นที่อี๋เอินพูดมันก็หมายถึงนอกห้องนี้นั่นแหละ
นี่ตั้งใจจะขังเขาไว้ในห้องนี้จริงๆสินะ แล้วมันจะมีอะไรให้ทำนอกจากกินแล้วก็นอนในห้องแคบๆนี้บ้างล่ะ
“ไม่รู้ อื้อ!”
“ต้องรู้”
...เผด็จการเอ๊ย!...
“ขลุ่ย
ข้าเคยเป่าขลุ่ย อ๊ะ เดี๋ยวสิ!”ร้องโวยวาย
ตัวถูกดึงไถลไปกับฟูกกะทันหัน
“ตี๋จื่อหรือเซียว”ชายหนุ่มยังถามต่อ
มือเรียวเลื้อยเล่นกับตุ่มไตแข็งขืนบนกายขาว เจียเอ่อสะดุ้งตกใจเผลอตอดรัดความอุ่นร้อนในกายตน
ยิ่งเพิ่มรสสวาทให้แก่ชายหนุ่มที่ครางเสียงต่ำพอใจ
“ต...ตี๋ อ๊า!”
“ตอบข้า”
“ตี๋จื่อ!”
เจียเอ่อตอบออกมาจนได้...
ชายหนุ่มผู้กุมชีวิตยิ้มพอใจ ขบเขี้ยวกับริมฝีปากตนมองแผ่นหลังขาวไร้ตำหนิ
ก้มตัวลงอ้าปากกัดขบบนหลังคอขาวอย่างแรง เจียเอ๋อร้องเจ็บสะบัดไหล่หนีฟันคมที่ตามมาดูดดึงต่ออย่างไม่ลดลงจนผิวบางแดงก่ำช้ำ
อาจเป็นรอยติดอยู่หลายวัน
ความแข็งร้อนแทรกสอดเข้าไปจนสุดความยาว
นิ้วเรียวเค้นคลึงเนินเนื้อนุ่มเด้งมือบนสะโพกด้วยความมันมือ
ขยับเข้าออกด้วยจังหวะรัวเร็วจนร่างขาวสะท้านสั่นปัดป่ายมือหาที่ยึด
เสียงครางสั่นพร่าหวานหูและหวีดสูงยามชายหนุ่มฝากฝังน้ำกามเข้าไปในช่องทางนุ่มจนหมดสิ้น
เจียเอ่อทรุดลงนอนคว่ำหอบหายใจ
ผ้าปูเตียงยับยู่เหมือนทุกคืน ซุกหน้าลงกับหมอนหนีใบหน้าสวยที่ตามมาดูดดึงซ้ำรอยแดงบนหลังคอ
แต่เขาเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะขัดขืนอะไรได้แล้ว
“แฮ่ก...จะมีครั้งไหนที่ท่านจะไม่ปล่อยในตัวข้าบ้างไหม”
เจียเอ๋อเกลียดที่ต้องมองดูหลักฐานความน่าบัดซบไหลเปื้อนเรียวขาในทุกเช้า
บางครั้งมันก็ยังเปรอะผ้าปูที่นอน หน้าร้อนทุกครั้งที่พวกนางกำนัลเข้ามาเก็บมันออกไป
“เจ้าควรภูมิใจนะ
หญิงหลายคนต้องการมันแต่ไม่เคยจะได้”
“ข้ามิใช่สตรี”
…เถียงคำมิตกฟาก...ชายหนุ่มบริภาษในใจ
“เพราะเจ้ามิใช่สตรีไง
ข้าถึงกล้าปล่อยในตัวเจ้า”
“...”
เจียเอ่อไม่พูดอะไรอีกต่อไป
ยิ่งต่อความก็ยิ่งตอกย้ำตนเอง จับชายเสื้อลงมาปิดสะโพก
ทิ้งคราบคาวไว้อย่างไม่คิดจะสนใจ อากาศคืนนี้เย็นกว่าทุกคืนแต่เขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะหยิบหาผ้าห่มมาห่มร่าง
นอนตะแคงหันหน้าเข้าหากำแพงกอดตัวเองนอนหลับไป
โดยลืมสังเกตว่าอี๋เอินไม่ได้เดินออกจากห้องไปเลยอย่างเช่นทุกครั้ง
ชายหนุ่มนั่งจัดเสื้อผ้า
เหลือบมองร่างที่นอนหันหลังให้กับตนเองด้วยสายตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
...เขาว่าคนที่นอนหันหน้าเข้ากำแพงเพราะต้องการที่พึ่งและเป็นคนขี้เหงา...
ชายหนุ่มจับเส้นผมยาวของคนที่หลับไปแล้วขึ้นมาม้วนนิ้วเล่น
“เหงาหรือ... เจียเอ๋อ”
เจียเอ่อตื่นขึ้นมาพร้อมความแปลกใจ
ผ้าห่มผืนบางคลุมขึ้นมาถึงเหนืออก
พยุงกายขึ้นนั่งเหลียวมองไปรอบๆห้องก็ไม่มีใครอยู่แล้ว ท้องฟ้าด้านนอกสลัว ไอหมอกลอยอ้อยอิ่งเข้ามาจากทางหน้าต่างที่เปิดค้างไว้
อากาศเย็นเสียต้องกระชับผ้าห่มเข้าห่อตัวเองแน่นขึ้น
เสื้อที่ใส่อยู่ก็บางจนน่าหงุดหงิด
...เช้าแล้ว...
ถอนหายใจอ้อยอิ่ง
ไม่อยากลุกขึ้นอาบน้ำหรือทำสิ่งใด เพราะรู้ว่าถึงจะรีบไป
ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กแคบนี้ก็ไม่มีอะไรให้ทำ เลื่อนสายตาไปมองประตูห้องปิดสนิท ยกมือขึ้นจับปอยผมยาวของตนเอง
เหม่อคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน...
“เหงาหรือ...
เจียเอ๋อ”
เขาไม่ได้หลับสนิทนักตอนได้ยิน
แต่ก็ไม่อาจต้านทานความง่วงงันขึ้นมามองได้เช่นกัน
เจียเอ๋อสางเส้นผมนิ่มของตนเล่น
ขณะที่ในหัวยังนึกถึงน้ำเสียงทุ้มที่ใช้เรียกชื่อเขาเมื่อคืน มันแปลกไปจากตอนปกติ
แต่เขาก็ไม่รู้ว่ามันแปลกไปอย่างไร
...อบอุ่น?...
ไม่น่าใช่
เขาไม่รู้หรอกว่ามันแปลกไปยังไง แต่มันก็ไม่ใช่จะไม่ดีหรอกนะ
ถึงอย่างนั้นเจียเอ๋อก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นมากนัก
เพราะไม่ว่าอี๋เอินจะกระทำกับเขาดีขึ้นหรืออ่อนโยนขึ้นเท่าใด สภาพของเขาในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากหญิงคณิกาในหอนางโลม
ที่นั่งนอนรอชายมาเสพสมกายตนแล้วจากไปในยามพระอาทิตย์ขึ้น
ยิ้มมุมปากเยาะตนเอง
ขมขื่นอยู่เล็กๆ ส่ายหน้าพลางลูบเส้นผมยาวม้วนไว้ด้านหลัง
ใช้เชือกมันเอวผูกมันเอาไว้ก่อน สะบัดผ้าห่มทิ้งไว้มุมเตียงด้านหนึ่ง
ลุกขึ้นกระชับจับเสื้อเดินเข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำเล็กๆในห้อง
แอ๊ด
เป็นครั้งแรกที่เจียเอ๋อได้ยินเสียงคนคนเปิดประตู
ตากลมเหลือบไปมองประตูห้องน้ำ แต่ไม่ได้รีบอาบให้เร็วขึ้น ไม่นานก็ได้ยินเสียงปิดประตูออกไป
เสียงโซ่กระทบกันบาดใจเขาทุกทีที่ได้ยิน
เจียเอ๋อล้างอาบน้ำเสร็จแล้ว
แต่ยังไม่อยากลุกออกจากอ่างน้ำอุ่นๆ เอื่อยเฉื่อยหลับตาลง ตั้งสมาธิขับเคลื่อนพลังในร่างกายช้าๆ
สูดลมหายใจเข้าลึก กลั้นไว้แล้วปล่อยออกช้าๆ ทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นอกจากจะเป็นการฝึกพื้นฐานร่างกายแล้วยังเป็นการประโลมจิตใจที่ฟุ้งซ่านวุ่นวายให้เงียบสงบลง
ถอนลมหายใจยาวเหยียดสิ้นสุดการขับเคลื่อนพลัง
ลืมตาขึ้นมาผุดยิ้มบางๆ วักน้ำล้างน้ำให้สดชื่น
ลุกขึ้นมาใช้เสื้อคลุมตัวหลวมพันร่าง ไม่สนว่าเนื้อผ้าจะเปียกแนบเนื้อ
เพราะไม่ว่ายังไงในห้องนี้ก็มีแค่เขาอยู่แล้ว
บนโต๊ะมีชุดใหม่วางอยู่
เจียเอ๋อค่อนข้างแปลกใจเมื่อลองสะบัดมันขึ้นมาดู
“ครั้งนี้ครบชุดเชียว”
ไม่ใช่จะไม่ชอบ
แค่แปลกใจว่าทำไมครั้งนี้พวกนางกำนัลถึงได้จัดชุดให้เขาครบเสียทีหลังจากไม่ยอมเอากางเกงมาให้เขาใส่สักที
นอกจากจะโหวงเหวงแล้ว สิ่งที่แย่ที่สุดก็ตรงโดนอี๋เอินถอดเสื้อเอาง่ายๆนี่แหละ
เขาไม่เรื่องมากอยู่แล้ว
จัดชุดอะไรมาให้เขาก็ใส่หมดนั่นแหละ ถ้าไม่ได้ออกไปโชว์ให้ใครดูด้านนอกนั่น
เสื้อสีฟ้าสดใสรัดเอวทะมัดทะแมงสวมใส่เรียบร้อย
มือขาวรวบเส้นผมยาวมัดไว้เหนือจอมหัว สะบัดหัวไปมาตรวจความเรียบร้อย
ขณะยกมือลง
ปลายนิ้วก็สัมผัสกับรอยนูนหลังคอ เจียเอ๋อกระพริบตาปริบๆ คลำไปดูให้แน่ใจ
นิ่วหน้าแบะปากร้องซี๊ดเสียงเบา
“เจ้าบ้านั่น!”
พอสบถก็หน้าแดงต่อ
เหตุการณ์ที่ชายหนุ่มทำรอยประทับนี้ไว้ยังฝังลึกอยู่ในสมองเพราะเพิ่งผ่านมาไม่นาน
มือลูบหน้าพยายามลืมความทรงจำน่าอายนั่นออกไปจากหัว
“ท่านเจียเอ๋อ”
เจ้าของนามสะดุ้ง
มองประตูที่ถูกไขเข้ามา เขายืนนิ่งมองนางกำนัลสองคนที่เดินเข้ามาคำนับเขาน้อยๆ ผงกหัวรับทำตัวไม่ถูก
ไม่เคยชินกับการมีคนมานอบน้อมใส่ ตากลมมองกล่องไม้สี่เหลี่ยมยาวด้วยความสงสัย
“ท่านอี๋เอินให้เอาสิ่งนี้มาให้ท่านค่ะ”
“มันคืออะไรเหรอ?”
“ไม่ทราบค่ะ”
เจียเอ๋อเกาหัวแกรกๆไม่เข้าใจ
ยื่นมือไปรับกล่องนั้นมา คาดจากน้ำหนักน่าจะไม่ใช่ดาบอย่างที่หวัง
ลองเขย่าๆเบาๆจนได้ยินเสียงกุกกักด้านใน
“เอ่อ
ขอบคุณนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”นางกำนัลสองคนนั้นบอกหน้านิ่ง
แต่ดวงตาเปล่งประกาย พวกนางไม่ค่อยได้รับคำขอบคุณจากใคร และพวกนางก็ไม่เคยหวัง
เพราะเป็นหน้าที่พวกนางจึงได้ทำ แต่พอได้รับคำขอบคุณก็อดดีใจไม่ได้
เกิดการประทับใจแก่ชายคนนี้ไม่น้อย ถึงจะตกใจที่ได้รู้ว่า ‘คนโปรด’ ของท่านอี๋เอินจะเป็นผู้ชายก็ตาม
เจียเอ่อวางกล่องบนโต๊ะ
รีบเปิดมันออกด้วยความอยากรู้ว่าคนใจร้ายคนนั้นจะให้อะไรเขา ตาโตเบิกกว้างมองสิ่งที่นอนนิ่งอยู่ในผ้าบุในกล่อง
เลาไม้ไผ่ยาวสกัดปล้องด้านในออกเป็นท่อกลวง
มีรูสำหรับเป่าสองรูและรูปิดเยื่อไผ่อีกหนึ่งรู มีรูปบังคับเสียงอีกหกรู มันเป็นขลุ่ยตี๋จื่อธรรมดาๆแต่กลับสร้างความรู้สึกแปลกๆให้กับเจียเอ่อ
บทสนทนายามเสพสมเมื่อคืนก่อนย้อนกลับมาอีกครั้ง
“เจ้าอยากได้อะไร”
“สิ่งที่เจ้าชอบน่ะ”
มือขาวจับมันขึ้นมามองนิ่งก่อนเอามันตีหัวตัวเองเบาๆ
กอดเลาขลุ่ยนั่งยองกับพื้น โขกหัวกับเข่าเบาๆซ้ำๆ แก้มร้อนแดงปลั่ง
ริมฝีปากอิ่มแดงเม้มแน่นพยายามไม่หลุดยิ้มกว้างออกมา
“ไม่ดีใจหรอกนะ”
เจียเอ่อนั่งอยู่บนเก้าอี้ติดหน้าต่าง
มองชมวิวด้านนอก มือยกลำขลุ่ยแนบริมฝีปากหลับตาลงตั้งสมาธิเป่าทำนองเพลงที่ติดคุ้นในความทรงจำและร่างกาย…
.
.
.
“ท่านอี๋เอิน”
ผู้ติดตามผู้หนึ่งทักกับชายหนุ่มเจ้าเมืองที่จู่ๆก็หยุดเดินกะทันหัน
ชายหนุ่มในชุดทะมัดทะแมงพร้อมสำหรับการเดินทาง
หันหน้ามองไปยังตำหนักนางสนมหลังกำแพงสูงของตำหนักเจ้าเมือง
เสียงขลุ่ยตี๋จือหวานพลิ้วลอยแผ่วเบามาตามสายลม
เสียงสูงต่ำของมันทั้งหวานและเศร้าสร้อยบีบรัดผู้ฟังให้ใจสั่นระรัวตามได้ไม่ยาก
ทั้งที่ทำนองเพลงนี้เป็นเพลงรักหวานซึ้งแต่อารมณ์ที่สื่อออกมามีทั้งความเหว่ว้า เหงาหงอย
คะนึงหาจนอดสะท้อนใจตามเพลงไม่ได้
...ราวกับเจ้าของขลุ่ยกำลังจะสื่อบางอย่างให้ใครบางคนได้รับรู้...
“เพลงนี้...”
“อ้อ
เสียงขลุ่ยตี๋จือครับท่านอี๋เอิน”
ชายหนุ่มเหลือบตามองผู้ติดตามคนนั้นดุๆจนชายคนนั้นกลัวหัวหดก้มหัวปลกๆไปยืนอยู่ด้านหลังขบวนติดตามเข้าเมืองหลวง
“พวกเจ้าไปกันก่อน
เดี๋ยวข้าจะตามไป”
“ครับ”
ชายหนุ่มยืนหันหน้าไปทางห้องเล็กท้ายตำหนักนางสนมด้วยสายตาคาดเดาอารมณ์ไม่ออก
อี๋เอินหลับตาซึมซับห้วงทำนองหวานเศร้านั้น
ถามคำถามกับเจ้าของเสียงขลุ่ยที่ไม่อาจจะได้ยินจากที่ตรงนี้
“三寸天堂 สวรรค์สีเงิน...เจ้าจะบอกอะไรข้าหรือ
เจียเอ่อ...”
.
.
.
เจียเอ่อวางขลุ่ยลงบนตัก
เหม่อมองท้องฟ้ากว้างผ่านห้องเล็กแคบไร้อิสระ ยิ้มบางเบาอย่างไร้ความหมาย
“สวรรค์สีเงิน...งดงามแต่เงียบเหงา”
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น