[ตำหนักอี๋เจีย] 01
01
อี๋ใจดีพอจะปล่อยตัวเจียเอ่อเพื่อไปบอกลาบิดามารดาก่อนหนึ่งคืน
ไม่วายขู่สมทบป้องกันไม่ให้หนีด้วยการบอกว่าจะเผาทำลายฆ่ายกครัวตระกูลหวังทั้งโคตรแน่นอนหากเจ้าตัวหนีไป
เมื่อกลับเรือนสิ่งแรกที่ทำคือการคุกเข่ากราบลาพร้อมขอโทษทุกสิ่งที่ผิดพลาด
เพราะรู้ตัวดีว่าอาจไม่ได้กลับมาหาบิดามารดาอีก
ฝ่ายเจ้าบ้านหวังและคุณนายเมื่อรู้สิ่งที่เกิดขึ้นก็ร้องไห้เสียใจ คุณนายหวังสลบไป
ในขณะที่เจ้าบ้านจะไปขอแลกตัวกับเจียเอ่อ แต่เจียเอ่อห้ามไว้เพราะการที่คุณชายอี๋ยอมแลกตัวเขากับเกาลูนก็นับว่ากรุณามากแล้ว
จะไปเรียกร้องนั่นนี่บ่อยครั้งจะกลายเป็นการสร้างปัญหาให้เพิ่มขึ้นก็เท่านั้น
ฝ่ายเกาลูนก็รู้สึกผิด
ใบหน้างามเศร้าหมอง กล่าวขอโทษพี่ชายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เพราะเจียเอ่อต้องมาแลกตัวกับนางในการช่วยตระกูลไม่ให้ล่มจม
จนเจียเอ่อต้องปลอบว่านางคือสมบัติล้ำค่าของตระกูล หญิงสาวเช่นนางเสื่อมเสียได้ง่าย
ชาวบ้านเขาจะนินทาเอาง่ายๆและเขาก็พร้อมใจจะยอมแลกตัวเอง กอดปลอบอย่างที่ทำตอนเด็กๆ
ไม่อยากให้น้องสาวของตนรู้สึกโศกเศร้าไปมากกว่านี้
เช้าวันรุ่งขึ้นก็มีรถม้าพร้อมนายทหารอีกสามถึงสี่คนมาจอดถึงหน้าบ้านตระกูลหวัง
เจียเอ่อกล่าวลาบิดามารดาด้วยความเศร้าโศก หันไปกอดน้องสาวผู้เดียวของตน
กระชับย่ามใบเล็กในมือหลับตาทำใจให้พร้อมกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้
เขาขึ้นรถม้าโดยไม่ต้องให้นายทหารคุมให้ขึ้น
ไม่อยากทำให้ตัวเองเป็นเหมือนนักโทษไปมากกว่านี้ รถม้าเคลื่อนที่ไปด้านหน้าช้าๆ ดวงตากลมหันกลับไปมองบ้านตนเองด้วยความอาวรณ์
...จะได้กลับมาอีกไหม...
เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในใจ
ความเหน็บหนาวเข้าคลอบคลุมจิตใจ ตอนที่จากไปฝึกฝนวิชาถึงปีสองปีก็คะนึงถึงบ้านเรือนเคยอยู่เหล่าญาติพี่น้องล้อมรอบตัวทุกชั่วคืนวัน
แต่ก็มีกำลังใจในการฝึกฝนเพราะรู้อยู่เสมอว่ามีบ้านให้กลับ มีคนที่กำลังรอ
เพียงแต่ตอนนี้มันแปลกไป เพราะเจียเอ่อ่ต้องกลายไปเป็น ‘สมบัติ’ ของใครอีกคน มีเจ้าชีวิตคอยบงการ จะฆ่าจะแกงอย่างไรก็ทำได้ง่ายๆ
เขาเลยไม่มั่นใจว่าตนเองจะได้กลับมาอีกหรือไม่
...ก็คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของเวรและกรรม...
นั่งคิดอะไรคนเดียวอยู่นาน
รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่รถม้าหยุดลง
เสียงเคาะประตูด้านนอกเรียกให้ชายหนุ่มรีบกระโดดลงจากรถ
สะบัดแขนที่เข้ามาจับเหมือนพยายามไม่ให้เขาหนีอย่างไม่ชอบใจ
“ข้าไม่หนีหรอก”
“พวกข้าไม่เชื่อใจเจ้า”หนึ่งในนั้นบอกกับเขา
ทำหน้าถมึงทึงน่ากลัวใช้ปลายหอกดันเขาเข้าไปในประตูเหล็กที่เปิดอ้าออก เจียเอ่อสบถเสียงเบาเดินเข้าไปในนั้นอย่างจำยอม
มองไปรอบๆก็เห็นว่าคงมิใช่ประตูหลักเพราะเดินเข้ามาก็เจอกับทางเดินยาวเหยียดด้านหนึ่งติดกำแพงหินยาว
ส่วนอีกด้านเปิดโล่งจัดเป็นสวนสวย มีนางสนมกำนัลกำลังนั่งเล่นชมสวนอย่างเพลิดเพลิน
เจียเอ่อก้มหน้ากลัวว่าการจ้องมองพวกนางจะเป็นการเสียมรรยาท
เดินตามพวกทหารเงียบๆ ในระหว่างนั้นก็สำรวจดูที่แห่งนี้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ
เขาไม่ได้รู้จักว่าคุณชายอี๋คือใคร
แต่คงจะเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงมากแน่ๆ ดูจากบ้านเรือนที่ใหญ่โต กำแพงชิดรอบขอชิดแน่นหนา
ทางเดินยาวค้ำเสาไม้อย่างดี ห้องที่เดินผ่านมาก็นับจนแทบไม่หวาดไม่ไหว
พวกทหารนำเขาไปรายงานตัวต่อใครคนหนึ่งบนทางเดิน
เธอผู้นั้นพยักหน้าผายมือให้พวกเขาออกไป ทิ้งเธอและเจียเอ่อไว้เพียงลำพัง
สิ่งแรกที่เจียเอ่อให้ความจำกัดความของหญิงผู้นี้คือ...น่าเคารพ...แม้ใบหน้างดงามจะไม่ปรากฏรอยยิ้มแต่ก็แลดูอ่อนโยน
ท่วงท่ากิริยาอ่อนช้อยงดงาม ดูจากเครื่องแต่งกายของนางแสดงให้เห็นว่านางเป็นนางกำนัลชั้นสูง
รู้สึกไม่ดีนักยามนางใช้ดวงตามองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
นิ้วมือบอบบางแตะเข้าที่ใบหน้าเขา
นั่นทำให้เจียเอ่อสะดุ้งถอยหลังกะทันหันเพราะไม่ชินกับการแตะเนื้อต้องตัวหญิงสาวแบบนี้
เธอหัวเราะ
"เจ้านี่ดูอ่อนต่อโลกเสียจริง
ไม่ผิดที่ท่านอี๋ถูกใจเจ้า”
...ถูกใจ...คำหนึ่งที่นางพูดมาสะกิดความสงสัยในใจของเจียเอ่อ
“ข้าชื่อ
ซูหนิง (ความงามที่เงียบสงบ) เป็นหัวหน้านางกำนัลของตำหนักเลี่ยงหรง
(เกียรติยศที่ส่องสว่าง) แห่งนี้
ท่านต้วนอี๋เอินให้คำสั่งข้ามาดูแลเจ้าในวันนี้ ก่อนที่เจ้าจะต้องถวายตัวในตอนเย็น...เจ้าดูมีคำถามนะ”ซูหนิงเปิดทางให้ถามเมื่อเห็นสีหน้ากระอักกระอวนไม่เข้าใจในคำที่เธอพูดมาทั้งหมด
“แล้วท่านอี๋...เอ่อ
อี๋เอินจะให้ข้าทำอะไรที่นี่ มีงานอะไรที่ข้าต้องทำหรือ? ตัดไม้แบกน้ำ
ข้าทำได้หมดนะ... แล้ว ถวายตัว..."ประเด็นที่ชายหนุ่มพล่ามมาทั้งหมดคือคำสุดท้ายนั่นต่างหาก
เขารู้สึกแปลกๆกับศัพท์ที่หญิงสาวใช้ นั่นใช้กับหญิงสาวมิใช่หรือ?...
“สำหรับคำถามนี้ท่านอี๋จะตอบเจ้าเอง
ตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องทำคือเตรียมตัวให้พร้อมกับข้า”
หญิงสาวทิ้งรอยยิ้มปริศนาให้กับเจียเอ่อที่ขนอ่อนลุกทั้งร่างอย่างไม่มีสาเหตุ
รู้สึกสังหรณ์ไม่ดีแต่ก็เดินตามหญิงสาวไปเงียบๆ
“ตำหนักแห่งนี้แบ่งเป็นสามส่วน
คือส่วนหน้า ส่วนกลาง และส่วนใน ส่วนที่เจ้าถูกจัดให้ไปอยู่คือส่วนกลาง
เป็นส่วนของพวกนางสนม นางกำนัลและพวกคนใช้อื่นๆ แต่ก็มีเขตแบ่งกั้นไว้ชัดเจน
เจ้าไม่ต้องห่วง อีกเรื่องคือกฎของที่นี่ สิ่งสำคัญคือคำสั่งของท่านอี๋ถือเป็นสิ้นสุด
ทางที่ดีอย่าทำให้ท่านระเคืองใจแต่ก็นั่นแหละ...หากเจ้าทำได้ก็ยอดคน
เพราท่านอี๋โกรธคนยากมากจริงๆ”
...นั่นถือเป็นสิ่งที่ดี...เจียเอ่อคิด
เพราะเขาต้องกวนประสาทท่านอี๋คนนั้นกลับหนสองหนเพราะความหมั่นไส้แน่ๆ
“เจ้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปภายนอก
ไม่ว่าจะกรณีใด ส่วนที่เจ้ารับอนุญาตให้อยู่คือห้องของเจ้า ซึ่งเดี๋ยวข้าจะพาไป”
“ท่านซูหนิง...”
“มรรยาทที่ควรทำคือรอให้ผู้อื่นพูดจบก่อนจึงถาม”คำตักเตือนมาพร้อมดวงตาสวยที่เหลือบมาจิก
ชายหนุ่มย่นคอลงเพราะความเกรงใจ ช้อนตามองหญิงสาวที่พยักหน้าอนุญาตให้ถาม
“แล้ว...ถ้าข้าอยู่ได้แค่ในห้องพัก
แล้วข้าจะออกมาทำงานอย่างไรกัน”
“งานของเจ้าก็อยู่ในห้องนั่นแหละ...เฮ้อ
ตามข้ามาเงียบๆก็พอ นี่ข้าหลุดคำสั่งท่านอี๋เอินหลายอย่างเพราะคำถามของเจ้า”
เจียเอ่อยิ้มเพราะความใจดีในความปากร้ายของหญิงสาว
เธอมีเสน่ห์และน่าเข้าใกล้ แม้จะวางตัวดูสูงสง่าน่าเกรงขนาดไหนก็ตาม
ห้องที่ซูหนิงพามาคือห้องอาบน้ำขนาดใหญ่
ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงพาเขามาในที่มิดชิดแบบนี้
เธอเรียกบรรดาเหล่านางกำนัลสี่ถึงห้าคนเข้ามาในห้อง
นั่นทำให้เจียเอ่อเกร็งเข้าไปใหญ่
“จัดการเขาด้วย...แล้วเดี๋ยวข้าจะมาตรวจดูผลงาน”
ซูหนิงเยื่องย้ายร่างตนเองออกจากห้องน้ำ
ทิ้งให้เจียเอ่ออยู่กับนางกำนัลที่กำลังเดินเข้ามาหาเขาช้าๆ
“เดี๋ยวๆ
พวกเจ้าจะทำอะไรข้า”
“อาบน้ำขัดผิวตามปกตินั่นแหละท่าน
มันเป็นจารีตก่อนที่ท่านจะถวายตัว ไม่ต้องกลัวไม่ต้องอาย นี่เป็นหน้าที่ของพวกข้า
พวกข้าไม่ถือ”
...แต่ข้าถือไง...สบถในใจ
เดินก้าวถอยหลังหนีหญิงสาวพวกนั้น ไม่ทันมองให้ระวังพลาดขาชนขอบอ่างลื่นไถลลงไปทั้งร่าง
ดำผุดดำว่ายขึ้นมาไอโขลกหน้าแดงเพราะโดนหัวเราะ เสื้อผ้าเปียกโชกแนบเนื้อ เจียเอ่อสบถลั่น
ร้องตกใจเมื่อโดนนางกำนัลรุมเข้ามาถอดเสื้อผ้าออกจากร่างจนเหลือแต่ร่างเปลือยเปล่าในอ่างน้ำไม้
ชายหนุ่มที่ไม่เคยผ่านหญิงใดค่อนข้างกระดากอายที่จะต้องเปลือยกายต่อหน้าหญิงสาวหลายคน
ถึงพวกนางจะทำตามหน้าที่ก็ใช่ว่าเขาจะรู้สึกเขินน้อยลง
“ไม่ต้องอายหรอกท่าน
อยู่นิ่งๆให้พวกข้าทำก็พอ ถ้าข้าไม่ทำเดี๋ยวข้าก็โดนท่านซูหนิงทำโทษอีก
ถือว่าเห็นแก่พวกข้าเถอะนะ”
พอได้ยินว่าความดื้อรั้นของตนอาจทำให้พวกนางเดือดร้อน
ชายหนุ่มก็เย็นลง จำใจยอมให้พวกนางทำอะไรก็ได้กับร่างกายเขา
.
.
.
ไม่กี่ชั่วโมงถัดมาซูหนิงก็เข้ามาในห้องอีกครั้ง
นางมองร่างชายหนุ่มที่เหล่านางกำนัลพามาให้ตรวจความเรียบร้อยด้วยความพอใจ
ริมฝีปากเคลือบสีแดงโปรยยิ้มงดงามขณะเดินรอบตัวเจียเอ่อที่สวมเพียงผ้าคลุมผืนบาง
“ดีกว่าที่คิดภาพไว้เสียอีก...”เธอกล่าวชม
พลางหันไปทางนางกำนัลที่ยืนยิ้มแป้นภาคภูมิใจ “พวกเจ้าทำดีมาก ท่านอี๋เอินคงชอบใจถ้าได้เห็น”
“แน่นอนค่ะ
ท่านซูหนิง”
“เอาล่ะ
เจียเอ่อ...ถึงเวลาแล้ว”
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของตำหนักเอนกายนอนอ่านหนังสืออู่บนเตียงทรงจีนโบราณ
เสื้อคลุมสีดำปักลายมังกรสีขาวดูน่าเกรงขามและงดงาม เส้นผมยาวมัดรวบไว้ด้านหลัง
...อี๋กำลังรอใครบางคน...
ดวงตาสวยมองผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดเอาไว้มองฟ้าที่กลายเป็นสีมืดมัวลงทุกที
แสดงไฟด้านนอกส่องสว่างทุกที่ นางกำนัลในห้องจุดเทียนข้างโต๊ะเพิ่มความสว่างในห้องเล็กๆนี่
“ท่านอี๋เอิน ซูหนิงนำเขามาถวายตัวค่ะ”
อี๋มองไปตามเสียงเรียก
โบกมือให้นางกำนัลออกไปจากห้องไป ไม่นานนักประตูก็เปิดออกอีกครั้ง
ชายหนุ่มไม่ได้สนใจร่างที่เข้ามาคุกเข่าลงบนพื้นมากกว่าหนังสือในมือ
แต่สีแดงที่เห็นเพียงหางตาก็เรียกร้องความสนใจให้เขากลับไปมอง
ดวงตาสวยเบิกขึ้นทั้งตกตะลึงและฉงนสนเท่
วางหนังสือลงลุกขึ้นมานั่งมองร่างตรงหน้าอย่างเต็มตา
อาจเป็นเพราะแสงเทียน
เลยทำให้ร่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าดูงดงามจนไม่อยากเชื่อสายตา ดวงหน้าที่เคยคิดว่ามันคร้ามดุอ่อนละมุนลงจนได้เห็นมุมหวานสวย
ดวงตากลมโตหางตกน่าเอ็นดู คิ้วเรียวสวย จมูกรั้น ริมฝีปากอิ่มได้รูปแดงสดเพราะชาดที่บรรดานางกำนัลแต่งแต้มให้
เส้นผมสีดำสนิทเรียบลื่นปล่อยยาวสยาย เสื้อคลุมแพรสีแดงผืนบางซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายอย่างเดียวบนร่างขาวแหวกไหล่ลู่ลงเผยให้เห็นผิวขาวนวลใสบริเวณต้นคอและเนินอกแบนราบ
ดูหลวมมากเสียจนหากปลดเชือกรัดเอวนั้นออกเสื้อตัวนั้นคงลงไปกองกับพื้น
ที่แปลกไปมากที่สุดก็คือกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างตรงหน้า
มันหอมหวานและยั่วยวนมากกว่าใครที่เคยประสบมา
...นี่ใช่ชายหนุ่มห้าวหาญผู้นั้นจริงหรือ?...
“มีอะไรจะถามข้าไหมล่ะ?”
“ท่าน...จะให้ข้าทำอะไรกันแน่”เสียงแหบทุ้มนิดๆเอ่ยถามสิ่งที่ตนค้างคาใจมากที่สุดโดยไม่ลังเลใจ
“ข้าถามใครก็ไม่ยอมตอบ แต่บอกให้มาถามที่ท่านเอง”
“ขนาดนี้ยังไม่รู้อีกหรือว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร?”อี๋เอินยิ้มขำ
...จะเรียกว่าไร้เดียวสาหรือโง่เง่าดีล่ะ...
“ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรถ้าท่านไม่บอก
แต่ข้าไม่เกี่ยงงานหรอก จะให้ข้าไปยกน้ำแบกฟืนข้าก็ทำได้ทั้งนั้น”
“ทำอย่างนั้นมือเจ้าก็หยาบหมด”ชายหนุ่มส่ายหน้า
“หน้าที่เจ้าก็แค่รอข้ามาหาในห้อง...แล้วนอนอ้าขาครางให้ข้าฟังก็พอ”
เจียเอ่อเบิกตาโพล่งตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
ใจร้อนแล่นทั้งโกรธเคืองที่อีกคนดูถูกศักดิ์ศรีตนเองขนาดนี้
“เจ้าเป็นพวกตัดแขนเสื้อหรอกรึ!”
“แต่ก่อนหน้าที่นี้ก็เป็นของน้องสาวเจ้าอยู่แล้ว
ถ้าเจ้าบอกว่าอยากแลกตัว เจ้าก็ต้องมาอยู่ในฐานะเดียวกับน้องเจ้า...ฐานะ...นางสนม”
“ข้าเป็นชาย
เจ้าก็เป็นชาย จะให้ข้าทำแบบนั้นได้อย่างไร!!!”
“ไม่ลองแล้วจะรู้รึ?”อี๋เอินยังยียวนตอบ
หมุนนิ้วมือเรียวกับผ้าห่มแพรสีเลือดหมูบนเตียงเล่น
“ข้าไม่ทำ!!!
ให้เจ้าฆ่าข้ายังง่ายซะกว่า ฆ่าข้าเลยสิ!”
เจียเอ่อยอมตายเสียดีกว่าจะยอมขายศักดิ์ศรีความเป็นชายนอนทำตัวเยี่ยงอิสตรีในหอกรรนิกากับชายตำแหน่งสูงผู้นี้แน่ๆ
“จะให้ฆ่าเจ้ามันง่ายยิ่งกว่าขึ้นขี่ม้าเสียอีก
แต่จะบอกให้ว่าตระกูลของเจ้าก็จะตายยกโคตรเหมือนกัน”ถ้อยคำน่าหวาดหวั่นจากชายผู้มีน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องอยู่กิน
เจียเอ่อที่ทั้งโกรธทั้งหวาดหวั่นยันเข่าด้านหนึ่งขึ้นเอ่ยตะคอกเสียงสั่น
“เจ้าปีศาจ!!!
เจ้าไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนั้นนะ!”
“สิทธิ์นี่น่ะหรือ?”
ตราประทับทองคำสลักเสลาเป็นถ้อยคำที่คนทั่วแผ่นดินรู้ถูกยกขึ้นมาแสดงต่อหน้าเจียเอ่อที่ตัวอ่อนยวบลงไปนั่งคุกเข่าตามเดิม
ดวงตากลมไหววูบสิ้นหวังจะต่อกร เขาไม่มีทางสู้ชายตรงหน้าได้เลยจริง...
...ตรานั่น
คือ ตราเจ้าเมืองฉี ผู้มอบคำสั่งทุกอย่างให้กับเมืองฉี มีสิทธิ์เด็ดขาดอย่างที่ใครก็ไม่สามารถห้ามได้ยกเว้นจักรพรรดิ...
“ระหว่างคิดถึงแต่ตนเองแล้วหนีหรือตายไปโดยครอบครัวเจ้าโดนฆ่ายกตระกูล
กับเป็นนางสนมให้ข้าแล้วครอบครัวเจ้ายังอยู่ดี ข้าให้สิทธิ์เจ้าเลือก หวังเจียเอ่อ”
จะเลือกตนเองหรือจะเลือกครอบครัวอย่างนั้นหรือ?
หึ...
กับปีศาจที่รู้จุดอ่อนเขาดี ยังกล้าตั้งข้อเสนอแบบนี้ได้
ทั้งที่รู้ว่าเขาจะเลือกอย่างไหนยังกล้าจะถาม...
“...เรื่องของเจ้า”
“หืม?”
“จะทำอะไรก็เรื่องของเจ้า!”
ใบหน้าหวานสะบัดขึ้นมองทั้งดวงตาคลอน้ำตามองชายหนุ่มอย่างโกรธแค้น
ริมฝีปากแดงถูกขบกัด เจ็บใจจนเนื้อตัวสั่นระริก
ภาพตรงหน้าสร้างรอยยิ้มพึงใจแก่ตัวเจ้าเมือง
“มาใกล้ๆสิ”
เจียเอ่อคลานเข่าเข้าไปใกล้
ทุกก้าวที่เขยื้อนไปรู้ดีว่าจะนำพาอัปยศแก่ตนเองแต่ก็ขัดขืนอะไรไม่ได้ เหลือระยะห่างจากอีกฝ่ายเพียงเอื้อมมือ
ก้มหน้าหลับตาไม่มองมือเรียวที่จับปลายเชือกผูกเอวเขาไปเล่น
ปมเชือกถูกกระตุกเพียงนิดก็เลื่อนหลุดคลายออกจากกันโดยง่าย
นิ้วเรียวคีบเชือกรูดดึงเข้าหาตัว ขอบเสื้อที่เคยเกาะเคลียไหลเลื่อนหลุดจากหัวไหล่มน
สาปเสื้อแหวกออกจากกันหลุดลงไปกองกับพื้นเผยให้เห็นร่างเรือนร่างขาวไร้สิ่งปิดกั้นให้เคืองตา
ดวงตาสวยมองภาพนั้นด้วยสายตายหื่นกระหาย
เจียเอ่อก้มหน้าหลับตาแน่นรู้สึกสมเพชตัวเองจนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
รู้สึกถึงสายตาโลมเลียจากคนตรงหน้า มันหยาบคายน่าสะอิดสะเอียน ขนอ่อนบนกายลุกชัน
“หุ่นดีเหมือนกันนี่นา
เจ้าน่ะ”
เจียเอ่อสะบัดหน้าไม่ยอมให้อีกฝ่ายจับคางตนเอง
ส่งสายตารังเกียจอีกฝ่ายอย่างชัดเจน แต่เพราะอย่างนั้นร่างเขาเลยโดนอี๋เอินผลักล้มลงไปกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่กับพื้นกระเบื้องเย็น
ร่างงดงามของชายหนุ่มตามมาคร่อม ใช้ดันเข่าแยกเรียวขาขาวของร่างเปลือยเปล่าออกจากกัน
ดวงตาสวยจ้องมองคนดื้อดึงด้วยแววตาที่ทำให้เจียเอ่อกลัวโดยไม่ทราบสาเหตุ
“อย่าดื้อดึงให้มากนัก
ข้าไม่ได้ใจดีได้ทุกเวลา”
กระซิบเตือนเสียงเย็นกับคนในปกครองที่ไม่รู้สูงต่ำ
มือเรียวลูบไล้ลงไปจากลำคอ จงใจใช้แหวนหยกบนนิ้วลูบหยอกยอดอกสีแดงสวยบนหน้าอกแบนราบ
ในขณะที่อีกด้านก็โดนเรียวลิ้นแตะหยอกดุนดันสนุกสนาน ร่างขาวสั่นระริกกระตุกวาบเอี้ยวตัวจะหลบหนี
อี๋หยุดการกระทำจับเหนือสะโพกอวบกระชากตัวเจียเอ่อกลับเข้าหาตัวอย่างแรง แผ่นหลังขาวครูดไปกับพื้นกระเบื้องจนแสบแดง
หว่างขาชนเข้ากับเข่าชายหนุ่มเต็มๆ
“คึ!”หลุดร้องน้ำตาคลอเพราะความจุกเสียดขยับตัวไม่ได้
“ชอบความรุนแรงนักรึยังไงเจ้าน่ะ”
มือเรียวแหวกต้นขาอวบออกย้ายร่างตัวเองเข้าไปกั้น
กดปลายนิ้วสอดแทรกเข้าไปในช่องทางที่ไม่เคยโดนผู้ใดรุกล้ำ
คืบเข้าไปเพียงนิดนิ้วก็เหมือนโดนดูดให้เข้าไปลึกขึ้น อวบพีแน่นหนั่นไม่ต่างจากหญิงสาววัยแรกรุ่น
ออกจะน่าพึงใจกว่าเมื่อผนังเนื้อขมิบตอดต่อต้านเร่งเร้าให้ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนโดนปลุกเร้าเสียเอง
“ให้ตายเถอะ!
นี่เจ้าจะดูดนิ้วข้ารึไง!”
“พูดบ้าอะไร…ฮื้อ! อ่ะ”เจียเอ่อร้องครางประท้วงนิ้วที่จู่ๆก็พรวดพราดดันเข้ามาถึงสามนิ้ว
หยัดหน้าอกบิดสะโพกหนี มือขาวจับเส้นผมตัวเองดึงระบายความเจ็บปวดหลับตาปี๋ไม่อยากมองภาพน่าอายที่เกิดขึ้นกับตน
อี๋ไม่ทนกับช่องทางช่างยั่วเย้าอีกต่อไป
ชายหนุ่มตลบปลายเสื้อนั่งคุกเข่าทับส้น ดึงนิ้วทั้งหมดออก
จับสะโพกมนยกขึ้นวางบนหน้าขาตน จงใจใช้ส่วนยอดท่อนเอ็นถูไถกับร่องก้นนุ่มหยอกเย้า
“ไม่นะ...ไม่
อะ ไม่!!!!!!”
เจียเอ่อดิ้นแรงต่อต้าน
กำลังจะลุกขึ้นมาผลักชายหนุ่มออกก็ต้องร้องครางลั่น หงายตัวลงไปนอนหยัดอกลอยจากพื้นสั่งระริกเกร็งตัวรับความใหญ่โตเข้ามาในร่าง
นิ้วขาวจิกร่องพื้นระบายความปวดร้าวราวกับจะตายให้ได้
“อ่า
รัดแน่นชะมัด”
“หุบปากเจ้าซะ!!!
อึก! ยะ...อย่าดันเข้ามา อะ อ๊า!!!”
ร้องเสียงหลงตัวกระตุกลอยขึ้นอย่างแรง
ตาเบิกโพล่งหยาดน้ำใสๆเอ่อคลอคลองสายตา
ความเจ็บปวดแล่นริ้วขึ้นมาจากสันหลังเหมือนโดนกระแสไฟฟ้าช็อตชาไปชั่วขณะหนึ่ง ช่องทางด้านหลังที่โอบรัดท่อนเอ็นร้อนใหญ่ฉีกขาด
เลือดสดๆไหลร่วงเปื้อนโคนขาขาว
“เจ้ารับข้าเข้าไปหมดแล้วนะเจียเอ่อ
ให้ข้าทำอะไรต่อดีล่ะ?”ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาถามยียวน จูบเบาๆลงบนยอดอกสวย
กัดรั้งทิ้งร่องรอยแดงช้ำไว้บนนั้น มืออ้อมรองสะโพกขาวช้อนเอวอวบขึ้น
ถอดร่างออกเล็กน้อยกลับสอดใส่ซ้ำเนิบนาบ
ลมหายใจของเจียเอ่อสะดุดทุกครั้งที่ชายหนุ่มถอนแล้วกระทุ้งเข้ามา
ต้นขาขาวสั่นระริกเกร็ง เพราะความไม่เคยทำให้ทุกอย่างดูน่าหวาดกลัวไปเสียหมด
“สั่นเชียว
กลัวรึไง”
เจียเอ่อไม่ตอบแต่กัดปากตัวเองจนแดงห้อเลือด
น้ำตาสายใหญ่ลงลงเปราะแก้มแดงปลั่ง
ชายหนุ่มมองภาพนั้นแล้วเกิดความรู้สึกอยากกลั่นแกล้งขึ้นมา หยัดสะโพกตนเองนั่งคุกเข่าเกี่ยวเอวอวบที่มีส่วนหนึ่งของร่างผสานอยู่ตามลอยขึ้นไปด้วย
เจียเอ่อร้องลั่น แผ่นไหล่ครูดกับพื้นตัวตั้งแต่ส่วนล่างอกลงไปลอยเหนือขึ้นจากพื้น
ขาทั้งสองข้างแนบไว้กับข้างเอวอี๋เอิน
ช่วยไม่ได้ที่ต้นขาจะแหวกออกกว้างขึ้นอย่างน่าอาย
“ปล่อยข้าลงนะ!”
“เสียใจ”
ชายหนุ่มกระแทกร่างอย่างแรงจงใจให้เจียเอ่อจุกเสียดท้องน้อยอ่อนแรงต่อต้านลงไปนอนแบะกับพื้นเหมือนเดิม
คราวนี้อี๋ขยับเร็วขึ้นกระขับต้นขาขาวกระทุ้งร่างเข้าไปเติมเต็มช่องทางบีบรัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
โลหิตสดๆไหลเป็นน้ำหล่อลื่นเพิ่มความคล่องตัวในเกมศวาสส่งเสียงเฉอะแฉะน่าอาย
เจียเอ่อคว้าเสื้อคลุมของตนมากอดกัดกลั้นเสียงครางจิกทึ้งระบายอารมณ์หวาม
ความเจ็บปวดในตอนแรกคลายลงกลายเป็นความรู้สึกแปลกๆแทรกเข้ามาในร่างอย่างที่ตัวเขาไม่ต้องการ
ไม่อยากเกิดอารมณ์ใดๆกับชายคนนี้ แต่ร่างกายกลับทรยศหักหลังทั้งยังตอบรับความอุ่นร้อนที่ทิ่มแทงทำร้ายอย่างซื่อสัตย์เหนือจิตใจ
“อ๊ะ!
ไม่ เอามานะ!”
เบิกตาจะคว้าเสื้อตัวเองกลับคืนมา
อี๋เอินโยนเสื้อกลับไปบนเตียง เร่งจังหวะสอดใส่สังเกตคนในปกครองที่พยายามสะกดกลั้นเสียงไว้จนหน้ากำหน้าแดง
กัดปากจนเลือดซิบช้ำหนัก เบี่ยงหน้ากลิ้งกับพื้น
ร่างกายขาวสั่นไหววูบครูดไปพื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าตามจังหวะที่เขาชักนำ
ชายหนุ่มถอนใจกับความดื้อนั้น
จับท่อนแขนขาวกระชากตัวคนบนพื้นขึ้นมา สอดใส่ร่างหนักหน่วง
เจียเอ่อกอดรัดลำคอชายหนุ่มแน่นหลุดเสียงครางลั่น
“อ๊า!!!”
“หึ”อี๋หัวเราะพึงใจในลำคอ
กอดเอวสอบอุ้มอีกคนขึ้น ขาขาวรัดเอวอี๋เอินไว้แน่นเพราะกลัวตก
เดินไปไม่ถึงสามก้าวก็ถึงเตียงนอน
ร่างขาวถูกโยนลงบนฟูกแข็งๆ
เจ็บร้าวไปทั้งซีกซ้าย ไม่ทันจะได้ขยับตัวเปลี่ยนท่า
ก็โดนมือเรียวกระชากขาไปวางบนไหล่ ดึงสะโพกเข้าไปใกล้และสอดใส่เข้ามาอีกครั้ง
“ฮึ! อื้อ!”กลั้นเสียงร้องทั้งที่ตัวกำลังโยกคลอนรุนแรง ขนาดเตียงใหญ่มั่นคงยังไหวเอนมีหรือที่คนรับตรงๆอย่าเขาจะไม่เจ็บปวดบ้าง
รับรู้ได้ว่าบาดแผลฉีกขาดมากขึ้นแต่แรกกระแทกกระทั้นยังไม่หยุดลง แถมยังมีแต่จะเร่งรุดเพิ่มจังหวะให้รัวเร็วยิ่งขึ้น
“เบา
อื้อ ข้าเจ็บนะ!”ร้องประท้วงเสียงสั่น
ก้มหน้ากัดฟูกหลุดเสียงครางเวลาโดนกระแทกหนักๆ
“อื้อ!!!!!”
สะดุ้งตัวโยนบิดกายเร่ารับความอุ่นร้อนที่พุ่งพรวดพราดเข้ามาในร่างกะทันหัน
ชายหนุ่มถอดตัวออกทันทีที่ปล่อยเข้าไปในร่างเจียเอ่อจนหมด ร่างขาวนอนน้ำตาไหลหอบหายใจแรงบนเตียงนอน
ของเหลวสีขุ่นไหลย้อนทะลักเปราะเปื้อนร่องเนื้อนูนแน่น
ได้ยินเสียงกุกกักบางอย่างใกล้หู
เงยหน้าไปมองก็เห็นอี๋เอินกำลังลนอะไรบางอย่างกับเทียนข้างเตียง ดวงตาสวยหันกลับมามองเขา
ยิ้มจนเห็นเขี้ยวขาว เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้จับต้นขาอวบแหวกให้เห็นเนินโคนขาด้านใน
“เกลี้ยงไปทั้งตัวแบบนี้ก็เสียดายแย่”
ตาโตเบิกกว้างมองของในมือชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว
สะบัดดิ้นตัวหนีอย่างสุดกำลัง
“อย่า!
เจ้าจะทำอะไรน่ะ! อ อ๊ากกกกกกกกกกก!!!
เสียงซู่เบาๆดังขึ้นด้านล่าง
ความแสบร้อนจากฤทธิ์เผาไหม้ตรงเนินเนื้อใกล้ส่วนอ่อนไหวกระตุ้นให้เจียเอ่อดิ้นเร่าจะเป็นจะตาย
เส้นผมสีดำสยายยุ่งเหยิง ดวงตาเบิกกว้างหายใจหอบ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน
นานกว่าสิบนาทีกว่าความเจ็บปวดจะทุเลาลง
แต่มันก็ลิดรอนพลังกายของเจียเอ่อไปเสียหมด
ไม่มีแรงแม้แต่จะต่อต้านริมฝีปากร้อนที่แตะตรงหลังคอดูดดึงแสดงรอบความเป็นเจ้าของซ้ำ
อี๋เอินลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
เก็บตรา หยิบเสื้อคลุมสีแดงตวัดคลุมร่างอ่อนปวกเปียกนอนคว่ำหมดแรงจะต่อกรใดๆอยู่บนเตียง
“แล้วพรุ่งนี้ข้าจะมาอีก”
.
.
.
อี๋เอินจากไปแล้ว
ทิ้งร่างที่โดนกระทำเสียไม่เหลือดีนอนร้องไห้นิ่งๆอยู่บนเตียงนอน นิ้วอวบสั่นระริกค่อยๆเข้าไปลูบลายเนื้อนูนร้อนตรงโคนขาด้านในใกล้ส่วนลับ
มืออีกด้านกำเสื้อคลุมสีแดงไว้แน่น หลับตาลงร้องไห้ปล่อยเสียงสะอื้นเต็มที่
...ร้องไห้ให้กับศักดิ์ศรีที่ถูกทำลายจนย่อยยับ...
เปลี่ยน Tag เป็น #ตำหนักอี๋เจีย นะคะ ^_^
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น