[ตำหนักอี๋เจีย] 02

02







จิ๊บๆ

เสียงนกขับขานหยอกล้อกันเป็นท่วงทำนองในยามเช้าปลุกให้เปลือกตาช้ำปรือเปิดขึ้นมาช้าๆ สติที่เลือนรางในยามตื่นนอนมิอาจจะปิดกั้นความปวดร้าวจากทั่วสรรพร่างกายที่พร้อมพุ่งโจมตีให้เจียเอ่อตื่นเต็มตา ครางเจ็บเสียงเบาไร้กำลังจะเอื้อนเอ่ยสิ่งใด กล้ามเนื้อทุกส่วนตึงแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ลมปราณในร่างตีรวนยากที่จะควบคุมได้ ช่องทางด้านหลังร้าวระบม สัมผัสได้ถึงของเหลวที่ยังคั่งค้างอยู่ในร่าง

ไม่น่าเชื่อว่าการร่วมรักกับเพศเดียวกันเพียงครั้งแรกจะสร้างความเจ็บปวดทรมานได้อย่างฉกาจฉกรรจ์แบบนี้ เปลือกตาบางหลับลงถอนหายใจตั้งสติ ใช้แขนค้ำพยุงกายลุกขึ้นช้าๆ ปล่อยให้เสื้อคลุมสีแดงบนแผ่นหลังเลื่อนหลุดไปกองอยู่เหนือบั้นเอว จับหัวเตียงดันแผ่นอกไปวางไว้บนนั้น เคลื่อนไหวเพียงนิดแต่กลับกินพลังงานมากขนาดที่ว่าหอบหายใจหนัก นึกแปลกใจกับร่างกายตนเองอยู่ไม่น้อย

เจียเอ่อคุกเข่าบนเตียงโดยไม่รู้ว่าท่วงท่าแบบนี้จะทำให้สิ่งที่คั่งค้างไหลทะลักล้นออกมาเปรอะเปื้อนเรียวขา ทั้งยังไหลเยิ้มเปื้อนผ้าปูที่นอนสีขาวเป็นด่างดวง นับเป็นรอยตราบาปน่าอับอายจนไม่กล้ามองซ้ำ

“โถ่โว้ย!

เจ็บใจจนแทบบ้า ศักดิ์ศรีที่ถูกชายผู้นั้นช่วงชิงโดยตนมิอาจจะขัดขืนได้ยิ่งซ้ำเติมให้จิตใจหม่นวูบ จิตตกจนอยากจะฆ่าตัวตายประชดชีวิตไปเสียตอนนั้น แต่ภาพพ่อแม่พี่น้องที่โผล่เข้ามาในมโนสำนึกในชั่ววินาทีหนึ่งก็ทำให้เจียเอ่อตระหนักและยอมกัดฟันทนกับสภาพน่าอดสูเช่นนี้อย่างจำยอม

สัญญากับตัวเองว่าหากมีโอกาส จะแก้แค้นอี๋เอินให้อายเทียบเท่ากันกับที่เขาเจอตอนนี้แน่ๆ

เสียงฝีเท้าหน้าประตูดังแว่วมาเป็นสัญญาณเตือนให้เจียเอ่อทำอะไรสักอย่างกับตนเอง เขารีบคว้าเสื้อขึ้นมาคลุมร่างไว้ลวกๆ ทันคนหน้าประตูเปิดเข้ามาอย่างเฉียดฉิว

แมว?

นั่นคือสิ่งแรกที่เขานึกถึง... ใบหน้าละมุนตา ผิวขาวสะอาด ดวงตาเรียวชี้เหมือนแมวเจ้าเล่ห์ไม่มีผิด การแต่งกายเหมือนพวกนักปราชญ์หรือไม่ก็พวกหมอยา ที่สำคัญ...คือเขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคือใคร

“โดนหนักเหมือนกันนะ”

เจียเอ่อหน้าแดงก่ำอับอาย รู้ว่าสภาพตนคงไม่น่าดูนักแต่พอได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งอายเข้าไปใหญ่

ในสายตาของผู้มาใหม่กลับไม่ได้คิดว่าน่าอายเท่าใดนัก ออกจะดูยั่วยวนอย่างที่เจ้าตัวอาจไม่รู้ตัว ด้วยเจียเอ่อไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่อย่างชายทั่วไปแต่ก็ไม่ได้แลดูบอบบางอย่างเช่นอิสตรี ร่างเปลือยเปล่าปกปิดไว้แค่เสื้อแพรผืนบาง สีแดงของมันตัดกับผิวกายขาวราวกับหิมะที่โดนแต่งแต้มรอยสีกุหลาบกระจายไปทั้งลำคอและเนินไหปลาร้า เส้นผมสีดำยาวสยายเคลียใบหน้าคมหวานแลไปก็ดูงดงามไม่แพ้ภาพจิตรกรในราชสำนักนัก

“ข้าเป็นหมอหลวงของตำหนักชื่อ เฟิงจี ท่านอี๋เอินส่งให้ข้ามาตรวจอาการเจ้าน่ะ”

“ข้าไม่เป็นไร”เสียงแหบพร่าเอ่ยบอกด้วยความดื้อดึง

“ถ้าเจ้าสบายดี หน้าเจ้าคงไม่ซีดเผือกและบนเตียงนั่นก็คงไม่มีน้ำกามผสมเลือดแน่ๆ...ถอดเสื้อออก”

เจียเอ่อก้มหน้านิ่ง ไม่อาจโต้เถียงสิ่งใดได้ ถอดเสื้อคลุมออกไปวางไว้ข้างๆ คิดในใจว่าคนในตำหนักนี้ชอบออกคำสั่งกันเสียจริง บ้าอำนาจกันจนเป็นนิสัยแล้วหรือไร

แยกขาออกให้หมอหลวงตรวจดูอาการ แม้จะน่าอายตอนถูกเฟิงจีใช้ดวงตาเรียวมองส่วนที่โดนทารุนด้านล่าง แต่ก็ไม่รู้สึกแย่เท่าตอนโดนอี้เอินกระทำ อาจเป็นเพราะเฟิงจีเป็นหมอ จึงใช้สายตาอย่างหมอที่กำลังตรวจโรค ไม่เหมือนอี้เอินที่มองเขาด้วยความใคร่และสนุกสนานในการกลั่นแกล้งให้ทรมาน

“หืม...ตรานี่”เฟิงจีขมวดคิ้วแตะลงบนรอยนูนเป็นตราประจำตัวของอี๋เอินบนโคนขาใกล้ส่วนอ่อนไหว

“แตะตรงไหนของเจ้าน่ะ!!!”เจียเอ่อตวาดกร้าว หุบขาลงมองหมอหลวงที่ถอยหลังออกมายิ้มแปลกประหลาดให้เขา ลุกขึ้นนั่งกระชับเสื้อคลุมตัวเดิมสวมใส่ให้เรียบร้อย

“เจ้าเป็นคนโปรดของเขาสินะ”

“เจ้าพูดอะไร...”

มาอีกแล้ว ไอ้คำน่าสงสัยพวกนั้นมาอีกแล้ว...

...ทั้ง ถูกใจหรือ คนโปรด’…

“ไม่มีอะไรหรอก...ข้าจะไปปรุงยาให้ ตอนนี้หน้าที่เจ้าคือไปทำความสะอาดร่างกายแล้วมาพักผ่อนเสีย ข้าจะให้พวกนางกำนัลยกยามาให้”

“เดี๋ยว...ตอนนี้ร่างกายข้าเหนื่อยอ่อนง่ายผิดปกติ มันเกี่ยวกับที่ข้า...เอ่อ...”เจียเอ่อกระดากปากเกินกว่าจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเมื่อคืน ได้แต่อ้ำอึ้งใบ้เบี้ยจนเฟิงจีเข้าใจ

“จะว่าเกี่ยวก็เกี่ยว...”เฟิงจีไม่ค่อยมั่นใจนัก “เหมือนว่าเจ้าจะโดนกดปิดจุดเสวียะย่ายกับจุดต้าเหิง เส้นลมปราณม้ามติดขัด เลยเกิดอาการอ่อนเพลียง่าย”

ทันทีที่ได้ยินเจียเอ่อก็รีบแหวกเสื้อออกมองดูรอยช้ำเล็กๆเหนือกระดูกเชิงกรานด้านซ้ายระดับเดียวกับสะดือหรือจุดต้าเหิง และยังมีอีกจุดที่ข้างหัวเข่าหรือตรงจุดเสวียะย่ายจริงๆ

“แล้วเจ้า...”

“เสียใจ ข้ารักษาให้ไม่ได้...”เฟิงจีส่ายหน้าปฏิเสธทันทีที่เหมือนจะโดนขอร้องให้รักษา “ข้ามีคำสั่งมาให้รักษาแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว เรื่องอื่นข้าโดนสั่งว่าห้ามยุ่ง”

“เจ้าบ้านั่น!!!”โกรธแค้นจนแทบบ้า กล้าทำเรื่องน่าอายอย่างนั้นกับเขายังจะมารังแกกันอีก ตัวเจียเอ่อเองสามารถควบคุมพลังลมปราณของตนได้ก็จริง แต่ก็ยังไม่เคยได้รับการฝึกฝนเรื่องการกดจุด ลำพังตัวเองเลยแก้จุดไม่ได้

“อย่าให้ท่านอี๋ได้ยินล่ะ จากแค่ทำให้อ่อนเพลียหนีไม่ได้ ข้าเกรงว่าเจ้าจะได้แต่นอนอยู่บนเตียง”

เจียเอ่อหากลัวคำขู่นั้นไม่...ไม่มีสิ่งใดที่ชายตระกูลหวังต้องหวาดกลัวอยู่แล้ว...

หลังจากกล่าวขอบคุณเฟิงจีที่เดินออกไปแล้ว เจียเอ่อก็พยุงกายเดินเข้าห้องน้ำไป

เสื้อคลุมสีแดงหลุดลงกองบนพื้นปูนหยาบ เส้นผมสีดำยาวสยายปิดสะโพกมน ดวงตากลมหลุบลงมองร่างกายตัวเอง นึกรังเกียจรอยสีแดงช้ำบนร่าง โดยเฉพาะรอยประทับตรงโคนขาด้านในที่เปรียบเป็นรอยตำหนิรอยใหญ่ในชีวิต

ยกมือจับต้นคอ หลับตาลงคุมสติ ผ่อนลมหายใจสงบ เคลื่อนมือไปตามลมปราณในร่างช้าๆ คิ้วเรียวกระตุกแน่นกดนิ้วลงบนรอยช้ำเหนือกระดูกเชิงกรานระดับเดียวกับสะดือ มันคือจุดที่โดนอี๋กดสกัดเอาไว้ ตั้งแต่จุดนี้เป็นต้นไปทำให้ลมปราณในส่วนอื่นของเขาเบาบางไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนได้อย่างเป็นปกติ แถมยังซ้ำเติมด้วยจุดตรงเข่าที่ยิ่งทำให้แข้งขาเขาอ่อนแรง แค่เดินเร็วๆได้ก็ดีมากเกินไปแล้วสำหรับเจียเอ่อในตอนนี้

...ไม่ให้หนีจริงๆสินะ...

นึกเจ็บใจที่อีกฝ่ายนำเอาความอ่อนด้อยในด้านการกดจุดของเขามาสร้างเครื่องพันธนการทรงประสิทธิภาพ หากร่างกายไม่สามารถ ใยเลยจะหนีจากกำแพงสูงได้...

ถอนหายใจเลิกคิด หย่อนขาลงในอ่างน้ำอุ่น ย่อตัวลงไปช้าๆ ปากแดงช้ำร้องซี๊ดเสียงเบาเพราะแสบรอยถลอกบนแผ่นหลัง น้ำอุ่นร้อนในถังอาบน้ำช่วยคลายกล้ามเนื้อส่วนที่เกร็งแน่นให้ผ่อนคลายลง หลับตาเอนกายแช่น้ำอยู่อย่างนั้นสักพักถึงเริ่มลงมือทำความสะอาดร่างกาย

ร่างในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวเดินออกมามองสภาพห้องเล็กๆของตนด้วยความฉงนสนเท่..

...นี่นางกำนัลตำหนักนี้เรียนวิชาย่องเบาหรือไร ถึงได้เข้ามาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับเอาเสื้อผ้าตัวใหม่มาให้เขาได้เงียบเสียเขาที่อาบน้ำอยู่ห้องข้างๆก็ยังไม่ได้ยิน...

แบะปากใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ของตน เสื้อสีแดงเลือดนกปักลายนกยูงตรงกลางหลังยาวลากพื้น แถมยังเป็นผ้าบางๆแทบจะแนบเนื้อไปหมด มองหากางเกงแต่ก็ไม่เจอ ไม่รู้ว่าพวกนางกำนัลลืมหรือไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายกันแน่ แต่พอใส่ทั้งหมดนั่นก็ยังรู้สึกโล่งด้านล่างอยู่ดี...

เจียเอ่อเพิ่งจะแต่งตัวเสร็จตอนที่นางกำนัลนำยามาให้ เขาเอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้มกว้าง เดินไปมองยาที่ตนต้องกิน ขณะจับเส้นผมขึ้นมัดให้เรียบร้อย
ยกน้ำยาสีเขียวอื๋อแค่ได้กลิ่นยังรู้สึกขม กลั้นลมหายใจซดกรอกเข้าปากพรวดเดียว รีบยกชาร้อนซดล้างความคมปร่าในคอตามกันถึงสามถ้วยติด
กลับไปนั่งบนเตียง มองสำรวจสภาพห้องโดยรวม ห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าไม่ใหญ่มากนัก มีแค่เตียงไม้ที่เขานั่งอยู่กับชุดโต๊ะเก้าอี้ติดหน้าต่างอีกหนึ่งชุดเท่านั้น หน้าต่างบานใหญ่บานเดียวในห้องแสดงให้เห็นแค่ส่วนของผนังสีชืดกำแพงสีเข้มและท้องฟ้าด้านบนเล็กน้อยราวกับเป็นเครื่องเตือนเวลา เป็นห้องที่ไร้สีสันหรือสิ่งบันเทิงใจบันเทิงตาเลยสักนิด แม้แต่กระดาษสักพักแผ่นให้เขียนเล่นก็ยังไม่มี

หันกลับมามองประตูบานพับตรงหน้าห่างจากเตียงไม่ถึงห้าก้าวดี

เพียงแค่เปิดมันออก เขาก็จะออกจากห้องนี้ได้

แค่เปิดออก...

ยิ้มมุมปากอย่างนึกสมเพชตนเองกับความคิดในหัว ลุกขึ้นเดินไปแตะกลอนประตูค้างไว้ ลองขยับเบาๆก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกันด้านนอก...

ถอยหลังไปนั่งลงกับเตียง มองห้องอีกครั้งแล้วได้ข้อสรุปอยู่ในใจ

นางสนม?...อย่าล้อเล่นเลย นางสนมจริงๆยังมีอิสระจะร้องเล่นเต้นรำได้ออกไปเดินเล่นเฉิดฉายข้างนอกนั่น แล้วเขาล่ะ...

...แค่จะเปิดประตูก็ยังไม่มีสิทธิ์เลย...







เสียงปลดกลอนประตูเรียกให้คนที่ยังนอนอยู่สะดุ้งงัวเงียตื่นขึ้นมามอง พระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว ภายในห้องมืดสลัว มีแค่แสงจันทร์ด้านนอกสาดส่องเข้ามาผ่านช่องหน้าต่าง

เจียเอ่อจับสาบเสื้อกระชับเข้า กำลังจะขยับตัวลุกขึ้น ประตูก็เปิดออกพอดี

“ตั้งใจจะยั่วยวนข้าหรือไร...”

อี้เอินกระเซ้าถามคนที่คงไม่รู้ตัวว่ากำลังมีท่าทางแบบไหนอยู่

อาจเป็นองค์ประกอบที่เหมาะสมเลยทำให้ช่องแสงกระทบร่างบนเตียงเกิดแสงเงางดงาม สีแดงสดของเสื้อคลุมยาวเด่นแม้อยู่ในความมืดแบ่งแยกกับผิวขาวนวลตา เรียวขาด้านหนึ่งแหวกออกจนเห็นต้นขาอ่อน เส้นผมสีดำกลืนสนิทไปกับความมืดของรัตติกาล

“เจ้าพูดอะไรของเจ้ากัน”

เจียเอ่อขมวดคิ้วไม่พอใจ รู้สึกขนลุกเพราะสายตาอีกคน

อี๋ยิ้มบางเรียกพวกนางกำนัลมาจุดเทียนในห้อง เจียเอ่อลุกขึ้นยืนอย่างไม่รู้จะทำอะไรในช่วงเวลาแบบนี้ ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายเข้ามาหาตนอีกทำไม

นางกำนัลออกไปแล้ว...ประตูปิดลง...ชายหนุ่มก้าวพรวดเดียวเข้าไปใกล้นางสนมใหม่ของตน จับท่อนแขนใต้เสื้อตัวโคร่งทำท่าเหมือนจะดึงเข้าไปใกล้

“เฮ้ย! จะทำอะไรน่ะ!”เจียเอ่อรีบจับเสื้อตัวหลวมของตัวเองเอาไว้มั่น กระตุกเสื้อหลุดจากมืออีกฝ่ายถอยหลังไม่ไว้วางใจชายที่ยังทำหน้านิ่งเฉยเดาใจไม่ออก

อี๋มองคนที่มีท่าทีตื่นกลัวเหมือนพวกลูกหมาลูกแมวแล้วกลอกตาไปมา เหยียบชายเสื้อยาวสีแดงแล้วผลักเจียลงไปนอนบนเตียง คอเสื้อหลุดร่นลงมากองที่ไหล่เผยรอยประทับจากคืนเก่าให้ชายหนุ่มได้มองอย่างเต็มตา

“หึ ผิวบางชะมัดเลยเจ้าน่ะ”

“ใครจะผิวหนาแบบท่านบ้าง”

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ ชอบใจดวงตากร้าวแข็งแม้จะรู้ว่าตนเองอยู่ในสถานะเป็นรองของเจียเอ่อ มือเรียวสอดเข้าไปใต้สาปเสื้อลูบเรียวขาขาวใต้ร่มผ้า เลื่อนมือแหวกผ้าจนถึงรอยตราประทับที่ตนจงใจทำไว้บนร่างกายขาว รอยนูนชัดเป็นตัวอักษรเรียกรอยยิ้มบนในหน้าหล่อเหลา

“ด เดี๋ยว! ท่านจะทำอีกเหรอ?”

เจียเอ่อสะดุ้งถดสะโพกหนีนิ้วแข็งที่เหมือนจะยุ่งย่ามแถวทางบอบช้ำอีกครั้ง

“ทำไม? ข้านึกว่าเจ้ารู้หน้าที่ตัวเองแล้วเสียอีก”

“ข้ายังไม่หายเจ็บ...”

“นั่นมันเรื่องของเจ้า”เจ้าเมืองฉีไร้ซึ่งความเมตตา จับเรียวขาขาวแหวกออกแทรกกายลงไปนั่งกั้น เจียเอ่อหนีบขาเข้าไม่ยอมลงอย่างดื้อรั้น บาดแผลภายในยังประสานกันไม่ดีจะให้มาโดนทารุณอีกครั้งคงไม่ไหวแน่

“ข้าเจ็บจริงๆ ขอร้องล่ะ”

อี๋นิ่งไป มองเข้าไปในดวงตากลมเพื่อหาว่าเจ้าตัวได้พูดเท็จหรือไม่ อันที่จริงก็พอรู้มาจากเฟิงจีแล้วว่าเจียเอ่อบอบช้ำค่อนข้างหนัก ทางที่ดีควรหยุดสักวันสองวัน แต่นั่นแหละ...แล้วมันเรื่องอะไรของเขาที่ต้องมาคอยดูแลเอาใจใส่ ของทีได้จากการติดหนี้ของตระกูลด้วย

อี๋ใช้นิ้วโป้งเชยคางในขึ้น ดันปลายนิ้วชี้และกลางลงบนกลีบปากแดงอิ่มนุ่มนิ่มไม่ต่างจาก*ขนมหยวนเซียว ดวงตากลมมองอย่างไม่เข้าใจนักแต่ก็อมเผยอปากให้นิ้วเรียวดันเข้าไปในโพรงปากอุ่นของตน อี๋กดลิ้นยุ่นดูปฏิกิริยา ได้ยินเสียงร้องท้วงจากในลำคอเล็กๆ ชายหนุ่มยิ้มกระหยิ่มเอ่ยบอกคำสั่งใหม่

“ดูดมัน”

เจียเอ่อเม้มปากอย่างเป็นนิสัยลืมไปว่ายังมีนิ้วของอีกคนอยู่ปากตัวเอง เลยกลายเป็นการทำสั่งของอี๋ไปโดยไม่รู้ตัว สูดลมหายใจตัดขัดหลับตาลงดูดมันมั่วๆ พอให้เรื่องจบๆไป หารู้ไม่ว่านั่นเป็นการปลุกอะไรบางอย่างในตัวอี๋ขึ้นมา

“พอ”

ชายหนุ่มดึงนิ้วเปื้อนน้ำลายออก บีบปากสีแดงช้ำจนเจ้าของนิ่วหน้า มืออีกด้านจับข้อมือขาวไปกุมไว้บนบางสิ่งที่กำลังตื่นตัวขึ้น

“ทำให้มันสงบสิ...ด้วยปากของเจ้าน่ะ”


.


.


.


เจ้าเมืองฉีกึ่งนั่งกึ่งนอนวางแขนท้าวคางเอียงหน้าหรี่ตามองศีรษะกลมที่เคลื่อนขึ้นลงซ้ำๆบนหว่างขาตน มือขาวทั้งสองข้างจับตรงส่วนฐาน ริมฝีปากแดงรูดท่อนเอ็นแข็งขึ้นลงอย่างไม่ประสา มีพลาด (หรือตั้งใจพลาด) ฟันครูดก็บ่อยไป แต่มันกลับเร้าอารมณ์เขาได้อย่างประหลาด

ในความเป็นจริงแล้ว วันนี้อี๋ควรต้องไปมีสัมพันธ์กับนางสนมอีกคนหนึ่งตามตารางวัน แต่รสสัมผัสร้อนแรงเมื่อคืนก่อนกับเจียเอ่อยังคงติดค้างอยู่ในความรู้สึก เขารู้สึกว่าตนยังไปมีอะไรกับใครอื่นไม่ได้หากยังมีความรู้สึกติดค้างเช่นนี้ เลยเดินผ่านห้องนางสนมคนนั้นมาที่ห้องน้อยท้ายตำหนักแห่งนี้แทน

ใจกระตุกวาบใหญ่เมื่อได้จ้องมองดวงตากลมที่เหลือบขึ้นมามองเพียงชั่ววินาที

...อี๋เอินรู้สึกตนเองกำลังจะบ้า...

“พอ”เอ่ยบอกเสียงพร่า ผลักเจียเอ่อลงไปกึ่งนั่งกึ่งนอนบนฟูก เจ้าตัวมีท่าทีตื่นตระหนกเมื่อเสื้อที่ใส่อยู่ถูกกระชากออกจากกาย เรือนร่างขาวมีมัดกล้ามอย่างผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปกลับดูเย้ายวนอย่างประหลาดเมื่อมีรอยจูบและรอยกัดปรากฏเกือบทุกบริเวณ

“ไหนท่านบอกจะไม่ทำไง! กษัตริย์ย่อมไม่คืนคำมิใช่หรือ!”เจียเอ่อร้องท้วง ใบหน้าแดงก่ำอับอายพยายามจะหนีบขา แต่ก็โดนชายหนุ่มจับหัวเข่าแยกขาตรึงไว้

“ข้าพูดแค่ว่าให้เจ้าทำให้ข้าด้วย...ไม่ได้พูดว่าจะไม่ทำ”

เจียเอ่อกัดฟันกรอด รู้ตัวว่าเสียท่าเจ้าเมืองฉีเจ้าเล่ห์เสียแล้ว นิ้วเรียวถูกส่งมาเบิกทางครั้งเดียวถึงสามนิ้ว เจ้าของร่างสะดุ้งร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด มือปัดป่ายเอาหมอนมารองกัดข่มความเจ็บเอาไว้ รับรู้ได้ว่าแผลด้านหลังเริ่มจะปริแตก

แทบจะเบือนหน้าหนีตอนเห็นเลือดสีสดเปื้อนนิ้วเรียวออกมาด้วย

“พรุ่งนี้ข้าจะให้เฟิงมาแต่เช้า”

สวนสะโพกเข้าช่องทางช้ำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ถึงจะดูใจร้ายแต่อี๋ก็ไม่อยากจะเห็นคู่นอนตัวเองเลือดออกจนตาย เลือดชโลมท่อนเอ็นอวบทำให้การรุกล้ำเป็นไปได้ง่ายขึ้น แม้มันจะแลกกับความเจ็บปวดแทบขาดใจของฝ่ายรับก็ตาม

เมื่อสิ้นสุดความยาวที่อีกฝ่ายจะเข้ามาได้ เจียเอ่อก็น้ำตาหยดเผาะ ทั้งปวดทั้งอาย ได้แต่ขอร้องอย่างคนหมดทางสู้

“เจ็บ! ข้าเจ็บ! ฮือ อย่าเพิ่งขยับนะ ขอร้องล่ะ อึก”

“เจ้าก็อย่าเกร็งนัก ยิ่งเจ้าเกร็งมันก็ยิ่งเจ็บ”อี๋แนะนำไปอย่างไม่รู้จะช่วยอะไรได้อีก ยกขาขาวด้านหนึ่งขึ้นพาดไหล่เริ่มขยับกายเนิบนาบ

“ฮึก...”เจียเอ่อเริ่มร้องไห้หนักขึ้น ปากอิ่มขบกัดแน่นขึ้นจนเลือดซิป มือขาวกระชากเสื้อคลุมตนเองปิดบังใบหน้าซับน้ำตาเงียบๆ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามที่คนบนร่างต้องการ น้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตาที่ต้องตกเป็นของคนใจร้ายคนนี้

เจียเอ่อหลุดเสียงครางเบาๆยามอีกฝ่ายโถมกายเข้ามาหนักๆจนโดนจุดอ่อนไหวในร่าง ส่วนมากก็นอนร้องไห้นิ่งๆให้อีกคนทำตามใจกับร่างกายตัวเอง เสื้อคลุมที่ยกขึ้นมาเช็ดน้ำตาเปียกชุ่มจนไม่อาจซับได้อีก ปล่อยมันลงเปลี่ยนมาใช้หลังมือซับปิดความอ่อนแอของตนเอง

“ฮือ! ปล่อยข้า!”ร้องท้วงเสียงสั่น มองแขนที่โดนอีกฝ่ายจับยกออกอย่างไม่ต้องการเห็นหน้าคนใจร้าย น้ำตาที่ไม่มีอะไรรองรับได้อีกไหลเผาะอาบแก้มเนียน

อี๋ปล่อยเข้ามาในร่างเขาอีกครั้ง ตากลมปรือหลับลงนอนแผ่ร่างลงบนเตียง รอให้ชายหนุ่มถอนตัวออกไปจึงค่อยๆพลิกกายบอบช้ำของตนขดคุดคู้หันหน้าเข้าผนัง

“ใบหน้ายามร้องไห้ของเจ้ามันชวนหมดอารมณ์นัก”

“...”

“พรุ่งนี้เฟิงจีน่าจะมาตั้งแต่เช้า... ทำตามที่เขาสั่งล่ะ ข้าไม่อยากให้มีใครตายในตำหนักข้าโดยไม่จำเป็น”

ประตูถูกเปิดและปิดลง ภายในห้องเหลือเพียงร่างบอบช้ำบนเตียงยับยู่ยี่ ปากแดงหลุดเสียงสะอื้นยกเสื้อคลุมอีกด้านมากดซับน้ำตา

“แต่ข้าอยากตาย ฮึก...ตายจากคนใจร้ายอย่างท่าน”





















“ใบหน้ายามร้องไห้ของเจ้ามันชวนหมดอารมณ์นัก”


หวังเจียเอ่อ...ชายหนุ่มผู้ดูแข็งกร้าวตลอดเวลา กลับดูอ่อนแอและบอบบางราวกับจะแตกหักไปได้ในชั่วพริบตายามที่มีน้ำตาใสๆอาบหน้า เปลือกตาบางจะช้ำชอก จมูกรั้นจะแดงก่ำ ริมฝีปากอวบอิ่มจะขบกัดกลั้นเสียงสะอื้นเสียจนแตกระบม

...เจียเอ่อเป็นผู้ที่มีใบหน้าร้องไห้ได้น่าสงสารมากที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมา...

“...”

เขายอมรับว่าค่อนข้างรู้สึกใจหายยามไม่ได้รับคำด่าว่าจากน้ำเสียงแตกพร่า เจียเอ่อนอนนิ่งไม่แม้แต่จะไหวติง แผ่นหลังขาวถูกหันมาหาเขาแทนใบหน้าที่ตอนนี้คงเต็มไปด้วยน้ำตาและสีหน้าเจ็บปวด โลหิตสดๆยังคงไหลจากปากทางร่วมรักไม่หยุด นั่นยิ่งทำให้เขากังวลมากกว่าเดิม...

“พรุ่งนี้เฟิงจีน่าจะมาตั้งแต่เช้า... ทำตามที่เขาสั่งล่ะ ข้าไม่อยากให้มีใครตายในตำหนักข้าโดยไม่จำเป็น”

อี๋ปิดประตู เดินอย่างรีบเร่งไปเคาะประตูห้องนอนของหมอประจำตำหนัก ใบหน้าแมวๆของเฟิงจีไม่ทำให้เขาอารมณ์เย็นขึ้น

“ไปดูเจียเอ่อให้ข้าด้วย ข้าอนุญาตให้เบิกยาชั้นสูงได้ รักษาเขาได้ทุกอย่าง ยกเว้นการสะกดจุด”

เฟิงจีรับคำอย่างมึนงง เดินกลับไปแต่งตัวแล้วผุดออกมาพร้อมกล่องเครื่องมือ เดินก้าวฉับๆไปทางห้องเล็กท้ายตำหนัก





อี๋เอินไม่เคยรู้สึกสงสารใครเพราะน้ำตามาก่อน...ยกเว้นเจียเอ่อ

อี๋เอินไม่เคยรู้สึกกังวลกับใครที่ไม่ตอบคำถามเขา...อย่างเจียเอ่อ

อี๋เอินไม่เคยรู้สึกห่วงใครจนต้องไปตามหมอไปดูให้ทันทีทันใด...เหมือนเจียเอ่อ







“เจ้าเล่นกลอะไรกับข้า...เจียเอ่อ”

























***เพิ่มเติม***
*จุดเสวียะย่าย จุดนี้อยู่เหนือขอบด้านหลังลูกสะบ้าขึ้นไปต้นขาด้านใน 2 นิ้ว
*จุดต้าเหิง จุดนี้อยู่ห่างจากด้านข้างสะดือ 4 นิ้ว ระดับเดียวกับสะดือ

*ขนมหยวนเซียว 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*