[EREBUS] 03




~ 3 ~

















แจ็คสันยืนหอบผลไม้เต็มอ้อมแขน เงยหน้ามองยูคยอมที่กำลังปีนป่ายอยู่บนต้นไม้สูงเก็บเด็ดผลไม้ลูกแล้วลูกเล่าโยนลงมาให้เขาตามเก็บ วันนี้นับเป็นเจ็ดวันแล้วที่เขาอาศัยอยู่บนนรกเอริบัส เริ่มชินกับวิถีชีวิตที่นี่มากขึ้น มองเห็นความแปลกของโลกนี้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว

แจ็คสันพบว่ากว่าร้อยละแปดสิบของสิ่งมีชีวิตบนนรกต่างกินเนื้อ เลือดและวิญญาณ จะมีเพียงส่วนน้อยที่เป็นมังสาวิรรัส กินหญ้าและกินผลไม้เป็นอาหาร โชคดีเอามากๆที่คนที่พบเขาคนแรกเป็นซิซและเบเฮมอธ เพราะทั้งสองคนนี้เป็นมังสาวิรัตทั้งคู่

เมื่อสองวันก่อนแบมแบมยกเขาขึ้นหลังพาบินไปดูแม่น้ำแห่งความตายโคไซทัส (Cocytus) แม่น้ำสายยาวเหยียดเห็นเรือขนบรรดาวิญญาณคนตายล่องเอื่อยช้าหลายลำไปตามทางน้ำไหลเชื่อมไปหยุดที่หน้าประตูทาทารัส หมาสามหัวเซเบรอสยังคงยืนเฝ้าประตูอยู่อย่างนั้น แต่แบมแบมไม่เสี่ยงพาเขาเข้าไปใกล้มากนัก เพราะเซเบรอสจะคอยกัน มนุษย์อย่างเขาเข้าไปในทาทารัส เจอมนุษย์เมื่อไหร่มันกัดร่างแหลก ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่านอกจากเขาแล้วจะยังมีมนุษย์หน้าไหนได้ลงมาทั้งที่มีชีวิตแบบนี้กัน -*-

...แล้วเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?...เผลอขมวดคิ้วเหม่อลอยไม่รู้ตัวจนยูคยอมกระโดดลงมาเรียกสติ

“พี่แจ็คสัน!

“ฮะ?”

“พี่เหม่ออะไรอ่ะ คิดอะไรอยู่เหรอ?”ดวงตาเรียวใสคล้ายลูกวัวจ้อมมองมาที่เขา แจ็คสันอึกอักตอบพลางยิ้มแหยงๆ เบเฮมอธรู้ทันทีว่าพี่ชายคนนี้กำลังคิดอะไร “เรื่องที่พี่มาที่นี่ใช่ไหม? ยังไม่เลิกคิดอีกเหรอ?”

แจ็คสันส่ายหน้า ดวงตากลมโตหลุบลง ใบหูเรียวลู่ลงเล็กน้อย กลัวอีกคนดุ พอยูคยอมเห็นท่าทางแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร ที่จริงยูคยอมก็เข้าใจความลำบากใจของพี่ชายคนนี้ดี แต่ก็ไม่อยากให้คิดมากจนเกินไปแบบนี้เหมือนกัน ถอนหายใจเฮือกแย้มยิ้มกว้างให้คนตัวเตี้ยกว่า

“กลับกันเถอะครับ”







เย็นวันนั้นยูคยอมกับแบมแบมชวนเขาไปนอนเล่นที่กลางป่า ตอนแรกก็ไม่อยากมาหรอก กลัวนอนอยู่ดีๆจะเจอกระซวกไส้เอา สองหน่อนั่นเกลี้ยกล่อมใหญ่

“พวกผมอยากชวนพี่มาเปลี่ยนบรรยากาศบ้างน่ะ”

“ไม่มีกล้าเข้าใกล้พวกผมหรอก พี่ก็เห็นนี่ ไปเถอะนะครับ”

“นะครับ”

“...”



สุดท้ายทุ่งหญ้าสีดำกว้างใหญ่แถวนั้นก็กลายเป็นที่นอนเล่นชั่วคราวของพวกเขาไป ยูคยอมคืนร่างเดิมให้แบมแบมและแจ็คสันได้นอนบนขนนุ่มๆของตัวเอง นอกจากนุ่มแล้วก็ยังให้ความอบอุ่นท่ามกลางอากาศหนาวเย็นของเอริบัสด้วย

“พี่แจ็คสันเล่าเรื่องที่โลกมนุษย์ให้ฟังหน่อยสิ”จู่ๆแบมแบมก็ถามขึ้น พลิกกายใช้ดวงตาสีฟ้าเทาจ้องมองเขาอย่างสนอกสนใจ

“มันไม่ใช่เรื่องน่าฟังนักหรอกน่า”แจ็คสันส่ายหน้าไม่อยากพูดถึง

“นะครับ ผมอยากฟังน่ะ ยูคยอมก็ด้วย ใช่ไหม”มือบางกระตุกขนเบเฮมอธที่ตอบอือออมาเสียงเอื่อยเหมือนคนง่วงใกล้หลับ

“อ่า...ก็ได้ๆ ฉันเป็นคนฮ่องกงน่ะ ตอนเด็กๆฉันมีความฝันอยากเป็นนักฟันดาบหรือไม่ก็นักร้อง...”เขาเล่าเรื่องราวของชีวิตตัวเอง โดยมีซิซในร่างมนุษย์และเบเฮมอธร่างจริงเป็นผู้ฟังเงียบๆ เล่าไปก็คิดถึงชีวิตบนโลกมนุษย์ไป ไม่รู้ว่าจะมีใครบนนั้นรู้ว่าเขาหายตัวไปรึเปล่า? แต่คนไร้ตัวตนแบบเขาถึงจะหายไป คงไม่มีผลต่อโลกใบนั้นสักเท่าไหร่หรอก...

เล่าเพลินไปหน่อย หันมาดูอีกทีแบมแบมก็หลับกรนคร่อกฟี้ๆไปแล้ว ลองเรียกยูคยอมดูก็พบว่าหลับไปแล้วอีกคน ส่ายหน้าให้เจ้าสองหน่อที่บอกว่าจะดูแลเขาเองแต่ดันหลับก่อนแล้วหัวเราะในลำคอด้วยความเอ็นดู เอนกายลงนอนบนขนนุ่มๆ ยกมือลูบศีรษะแบมแบมเบาๆ ส่วนแขนอีกด้านก็กวาดมือขึ้นลงไปตามขนนุ่มของเบเฮมอธตัวยักษ์ เงยหน้ามองฟ้ากว้างมืดสนิทไร้แสงใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งแสงดาวสาดส่อง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังเห็นของต่างๆในตอนกลางคืนได้ แม้กระทั่งแบมแบมกับยูคยอมก็ยังไม่รู้ ได้แต่ทิ้งคำถามนั้นเอาไว้ในกล่องสมองต่อไป นอนพลิกไปมาจนในที่สุดเคลิ้มหลับไปไม่ทันระวังอันตรายจากอะไรก็ตามที่ซุ่มอยู่ในความมืดนั้น








ร่างใหญ่โตปรากฏกายขึ้นบนฟ้า ออกมาจากเงามืดลูกสมุนของตนเองเหนือทุ่งหญ้ากว้างไม่ไกลนัก ดวงตาสีม่วงเรืองรองจับจ้องไปที่คูสิทตัวน้อยบนหลังของเบเฮมอธตัวยักษ์ ข้างร่างนั้นคือเจ้านกผอมกระร่องซิซ ร่างใหญ่ยักษ์มองอยู่เพียงชั่วครู่ แสยะยิ้มกว้าง พ่นไอสีม่วงลงมาคลุมร่างทั้งสามนั้นให้หลับใหลไม่รู้สติ พุ่งวาบลงมาตวัดหางรวบตัวคูสิทน้อย กระพือปีกกว้างบินกลับปราสาทสูงใหญ่ที่ปรากฏขึ้นมาเพียงชั่วขณะแล้วเลือนหายไปทันทีที่ร่างใหญ่ยักษ์บินลับเข้าไป...

ทันทีกรงเล็บแตะพื้นปราสาทร่างใหญ่ยักษ์ก็ตวัดหางอ้าปากเตรียมหย่อนคูสิทน้อยเข้าไป เพื่อกินเป็นอาหารค่ำ แต่ไม่ทันจะได้ได้ทำตามสมใจหมาย กลิ่นที่ซ่อนภายในกลิ่นสาบสุนัขของคูสิทก็แตะจมูกเข้าพอดี ร่างยักษ์ชะงัก ดึงร่างที่เขาคิดว่าเป็นคูสิทขึ้นมาพินิจพิเคราะห์อีกรอบ พลิกกายเล็กไปมาถึงได้รู้ว่าเป็นเวทย์แปลงกายของพญาของเหล่านกซิซแน่ๆ ส่วนภายในแท้จริงคือมนุษย์คนหนึ่ง

... กลิ่นกายหอมหวาน แต่เสียดายที่กินเป็นอาหารไม่ได้

ตวัดหางออกไปทางหน้าต่างที่ข้างล่างนั้นเป็นเสาแหลมนับพันเตรียมเสียบร่างเล็กๆให้ตายดับดิ้น

ตึก...ตึก...ตึก

ชะงักอีกรอบเมื่อรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนเป็นจังหวะในกายเล็ก

...ยังมีชีวิตอยู่!?...

ดึงหางกลับมามองร่างเล็กคิดใคร่ครวญอีกครั้ง พลันร่างใหญ่ยักษ์ก็กลับคืนร่างเทียมมนุษย์ ไอสีดำรอบกายต่างมือต่างเท้าจับพลิกกายนั้นลงมาให้ยืนตรงหน้าเขา มือหนาลูบไปตามใบหน้าขาวเนียนของร่างที่ยังอยู่ในห้วงนิทรา มองริมฝีปากแดงฉ่ำที่เผยอขึ้นเล็กน้อย ขนตายาว จมูกโด่งรั้นเล็กๆน่ารัก เลื่อนมือลงมาตามลำคอขาว ใช้เล็บยาวสีดำกรีดเนื้อผ้าบางเบาแหวกออกเผยให้เห็นผิวขาวเนียน กลิ่นกายหอมโชยออกแตะจมูกทันที เขาสูดกลิ่นนั้นเข้าไปช้าๆ ริมฝีปากยิ้มถูกใจจนเห็นเขี้ยวขาว

เขยิบกายเข้าไปใกล้ร่างเล็ก มือจับคางมนให้เชิดขึ้น โน้มใบหน้าลงไปใกล้ ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งได้กลิ่นหอมรุนแรง ผิวเนื้อขาวอุ่นของมนุษย์ที่ยังมีชีวิตช่างน่าหลงใหล เขายิ้มพอใจพลางแนบริมฝีปากลงบนริมฝีปากอิ่มแดงนุ่มหยุ่น เม้มปากบังคับให้กลีบปากแดงเผยอออก ส่งลิ้นเข้าไปทักทายโพรกปากเล็กช้าๆ รสของผลไม้ของโลกนรกเป็นรสแรกที่สัมผัสได้ ลองดูดเม้มลิ้นเล็กกลืนน้ำใสลงไปในลำคอจนกระทั่งได้รับรสหวานหอมที่แท้จริงของร่างตรงหน้า ความหวานฉ่ำราวกับเกสรดอกไม้ในหน้าฝนและไม่หวานเลี่ยนเหมือนน้ำผึ้ง แต่เป็นความหวานที่ยิ่งกินยิ่งอร่อย ยิ่งได้ลิ้มรส ก็ยิ่งอยากกินอีก อิ่มเอิบราวกับได้ลิ้มรสอาหารชาวสวรรค์อีกครั้ง...

อ่า...นี่คือรสไอชีวิตของมนุษย์สินะ...

ผละจูบออกมามองร่างที่ยังไม่มีสติ ยิ้มให้กับร่างที่ยังไม่ได้สติเพราะมนตรา

...เขาตัดสินใจแล้ว...







แจ๊คสันตื่นขึ้นมาอีกทีบนสถานที่ที่แปลกไปกว่าเดิม ห้องขังหินเล็กแคบเหม็นอับชื้นด้านหนึ่งเป็นลูกกรงเขราะสนิม ดวงตากลมโตมองไปรอบๆอย่างตื่นตระหนก กลัวหนักขึ้นไปอีกเมื่อพบว่าตัวเองโดนล่ามโซ่คอที่มีปลอกคอหนังสีดำสวมเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

เข้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!
ร่างกายเอายังอยู่ในสภาพหมาดำเช่นเดิม แต่เสื้อหายไปเหลือเพียงกางเกงสามส่วนให้ปกปิดป้องกันความหนาว ร่างกายสั่นสะท้านเมื่อโดนความเย็นชื้นของห้องขังเล่นงาน

มือขาวพยายามจะปลดปลอกคอออก แต่จะทำยังไงก็ไม่ออกแถมยิ่งดึงยิ่งรัดแน่นจนเขาเริ่มหายใจไม่ออกแทน หอบหายใจสูดเอาอากาศเข้าปอด หลับตาอิงกำแพงหินเย็นเยียบ เรียบเรียงความคิดทั้งที่จิตใจยังตื่นกลัว

ก่อนหลับไปยังจำได้อยู่เลยว่าตัวเองหลับไปบนตัวยูคยอม ข้างๆคือแบมแบม แล้วตอนนี้สองคนนั้นจะเป็นอันตรายรึเปล่า รู้ตัวรึยังว่าเขาหายไป จะโดนจับขังเหมือนเขาไหม หรือตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่

สะดุ้งเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าด หันขวับไปมองก็พบกับความว่างเปล่า มีเพียงประตูห้องขังที่เปิดออกกว้าง เสียงกริ๊กดังขึ้นมาอีกครั้ง โซ่ที่ล่ามปลอกคอเขาไว้ร่วงหล่นลงไปปล่อยเขาให้เป็นอิสระ แม้จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์แต่ก็รีบลุกวิ่งออกมาจากห้องเล็กแคบนั้น

ข้างนอกนั้นคือห้องขังเรียงรายนับสิบ กลิ่นเหม็นสาบคละคลุ้งไปทั่วแต่กลับไม่มีสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตใดปรากฏในห้องขังนั้นยกเว้นเขา ทางเดินหินลาดยาวจรดบันไดสูง แจ๊คสันเหมือนถูกอะไรดลใจให้ขยับร่างกายเดินขึ้นไปตามบันไดนั้น

แต่ละขั้นที่ก้าวขึ้นไปเพิ่มเติมความหวาดกลัวขึ้นทีละนิดจนสุดท้ายที่ก้าวขึ้นไปถึงขั้นสุดท้าย เข่าก็อ่อนทรุดลงนั่งกับพื้น ตัวสั่นสะท้านไม่มีสาเหตุ เลือดในกายสูบฉีดรวดเร็วจบเจ็บหัวใจ เสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามาทำเอาใจตกลงไปตาตุ่ม

...ใครกัน...

อยากจะเงยหน้าขึ้นไปก็ทำไม่ได้ เหมือนมีแรงกดดันอะไรบางอย่างที่บังคับให้เขาตรึงอยู่กับที่ ขาอ่อนแรงไปหมด เหลือบมองเห็นรองเท้าบูธสีดำและปลายผ้าคลุมสีเดียวกันของคนมาใหม่ สะดุ้งอีกรอบเมื่อใบหน้าถูกจับงับขึ้นไปสบตากับเจ้าของรองเท้าบูธ

สิ่งแรกที่เขาเห็นคือดวงตาเรียวกริบสีม่วงแวววาวราวสีกับของอเมทิสที่ทั้งทรงพลัง ดุดัน เย็นชาจนแทบจะแช่แข็งร่างเขาทั้งร่างเพียงแค่เปรยตามา กลิ่นอายแสนอันรายแต่กระนั้นก็ยังน่าหลงใหลเปี่ยมด้วยเสน่ห์อันลึกลับ ใบหน้าหล่อเหลาบางมุมก็สวยงามไร้ที่ติราวกับเทพเจ้ารังสรรค์ขึ้นมา จมูกโด่งสวย ริมฝีบางแย้มยิ้มแสยะเห็นเขี้ยวขาวที่อยู่ภายใน เหนือเส้นผมสีดำสนิทเช่นสีของรัตติกาลปรากฏเขาแพะงอกออกมา นามของเทพตกสวรรค์แล่นเข้ามาในหัวเขาทันที

...ลูซิเฟอร์...

“ทำไมตัวสั่นล่ะมนุษย์? กลัวข้ารึ”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเสียงเบาแต่ก้องกังวาลไปทั่ว เล็บยาวสีดำสนิทบนปลายนิ้วเรียวเชิดคางเขาให้สบตากับดวงตาสีม่วงคู่นั้นนิ่งๆ

“ไม่ต้องกลัว ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า”เทพปีศาจเอ่ยระคนขบขัน บังคับไอสีดำรอบกายประคองร่างขาวลุกขึ้น ตอนนั้นแจ็คสันถึงได้สังเกตเห็นปีกค้างคาวสีดำด้านหลังร่างสูงตรงหน้า

“มีอะไรจะถามข้าไหม?”

แจ็คสันกระพริบตาปริบๆ รู้สึกว่าปากหายแข็งแล้ว เอ่ยคำถามเสียงเบากล้าๆกลัวๆ

“เพื่อนผม แบมแบมกับยูคยอม...ท่านทำอะไรเพื่อนผม”

คำถามที่ออกมาจากร่างเล็กสร้างความแปลกใจให้กับร่างสูงไม่น้อย มนุษย์ส่วนใหญ่ที่เขารู้จักมักจะห่วงชีวิตตนเองมากกว่าสิ่งอื่นใดนี่นา แถมดวงตากลมที่แม้จะยังหวาดกลัวต่อเขาแต่ก็ยังทอประกายกล้าแววาวน่าดูชมอยู่ไม่จาง

...น่าสนใจ น่าสนใจกว่าที่คิด...

“เจ้านี่แปลกมนุษย์นะ... ข้าไม่ได้ทำอะไรเพื่อนเจ้าแม้แต่นิด มีเพียงเจ้าที่ข้าจับมา”

“ท่านจับผมมาทำไม”แจ็คสันรีบส่งคำถามต่อไปทันที ทั้งที่ในใจก็กลัวคำตอบเหลือเกิน...

ลูซิเฟอร์ยืนนิ่งมองมนุษย์ในร่างคูสิทนิ่ง แสยะแย้มยิ้มออกมา เดินเข้าไปใก้ลร่างขาวที่สะดุ้งวาบจะถอยหลังติดแต่ไอสีดำรวบตัวเอาไว้ก่อน เล็บยาวเชิดคางมนขึ้นอีกครั้ง โน้มหน้าลงมากระทำในสิ่งที่แจ็คสันไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง

ริมฝีปากบางเย็นเยียบแนบลงมาแผ่วเบา กลึงริมฝีปากไปมาเป็นเชิงหยอกล้อ ใช้เขี้ยวขาวกดริมฝีปากล่างของแจ็คสันให้เผยอออกเปิดทางให้ลิ้นเรียวสอดแทรกเข้ามาชิมข้างใน ลิ้นร้อนซุกซนแตะนั่นดูดนี่เชี่ยวชาญจนคนโดนจูบเริ่มเคลิ้มตาม ลูซิเฟอร์เลื่อนมือไปตามปลอกคอหนังกดท้ายทอยคนตัวเล็กปรับองศาเพื่อให้รับรสจูบได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

แจ็คสันตอบรับรสจูบนั้นอย่างเผลอไผล ส่งเสียงครางเครือน่าฟัง เหมือนถูกดูดอะไรบางอย่างออกไปจากร่างจนเหนื่อยอ่อน ดวงตาปรือปรอยพร้อมสติที่เริ่มขาดหาย ไม่มีแรงที่จะยืนอีกต่อไป ผละจูบทรุดร่างลงไปกับพื้นแข็งเย็นของปราสาท

ร่างสูงของลูซิเฟอร์ก้มลงเกี่ยวปลอกคอหนังลากร่างเล็กขึ้นมาจากพื้น ดวงหน้าขาวบิดเบี้ยวเจ็บปวด ดวงตาปรือตื่นตระหนกทั้งๆที่สติกำลังจะจมลงไปในห้วงนิทราช้าๆ ดวงตาสีอเมทิสจ้องลึกเข้ามา ริมฝีปากบางแย้มยิ้มกว้าง เสียงทุ้มต่ำเอ่ยกับเขาช้าๆเพื่อเน้นย้ำ...



“เรียกข้าว่า มาร์ค...

















ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

GOT7 INDEX

RED ZONE #ฟิคหน้ามืด

[SF] TUAN Twins (MARKSONYIEN) *3P*